ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รวมฟิค]SF-2PM

    ลำดับตอนที่ #1 : We belong together [Channuneo]

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 54


                          We belong together
    “พอเถอะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะต้องทำหน้าที่เป็นครอบครัว นายเองก็ยังทำตัวเป็นคนขี้บ่น ไม่เข้าใจกันสักที นายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ถึงจะมีงานการทำแต่ก็ใช่ว่านายจะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะเป็นผู้นำครอบครัวสักหน่อย”เสียงจากคนตัวเล็กขึ้นเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ราคาแพง เสียงทุ้มเอ่ยบ่นมาตามสายอีกเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้ร่างเล็กเข้าใจ จนเจ้าตัดสินใจพูดประโยคที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดออกมา “ถ้าชานซองยังจะคิดอย่างนี้อยู่ก็เลิกกันไปเถอะ”

     

                    “ถ้าจุนโฮอยากให้เป็นอย่างนั้น งั้นเราก็อยู่ห่างกันสักพักดีไหม”เสียงทุ้มเปลี่ยนสรรพนามคนที่พูดด้วยด้วยความน้อยใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกล่าวอย่างใจเย็น “บางทีเวลาอาจจะทำให้เราได้เข้าใจกันมากขึ้น” เสียงจากโทรศัพท์ที่บ่งบอกถึงสัญญาณตัดสาย ทำให้ประโยคสุดท้ายจากฮวางชานซองไม่ดังเข้าหูอีจุนโฮแม้แต่น้อย

     

                    “อย่าลืมนะจุนโฮ ผมยังอยู่ข้างๆคุณเสมอนะ เราจะมีกันและกันตลอดไป โฮของชาน....”

     

     

     

     

     

     

                    เลิกกันเถอะ.... ร่างบางสะดุ้งตื่น เหตุการณ์ที่ผ่านระยะเวลาไปนาน แต่ก็ยังคงจดจำได้จนอดไม่ได้ที่จะโทษถึงความเป็นเด็กของตัวเองในอดีต

     

    “โฮเข้าใจชานแล้วนะ แล้วชานล่ะเข้าใจโฮมากขึ้นหรือยัง” ร่างเล็กลุกจากเตียงด้วยความงัวเงียก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมากดนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง “ตี 5 แล้วหรอเนี่ย เกือบ 2 ปีแล้วสินะที่เรากับชานซองไม่ได้เจอหน้ากัน ทั้งๆที่เราคิดถึงเจ้าหมียักษ์นั่นตั้งมากมาย”อีจุนโฮคิดพลางเก็บที่นอนของเขาให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนไปเปิดร้าน “Always Together” ร้านกาแฟของเขาที่พ่วงด้วยเบเกอร์รี อีกทั้งยังมีหนังสือหลากหลายประเภทที่เขาเอามาตั้งให้อ่านภายในร้านให้ได้อ่านกัน

     

    รถญี่ปุ่นคันเล็กวนรอบๆที่จอดรถในอพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากร้าน “Always Together” ของจุนโฮมากนัก ทุกๆทีจะมีที่ว่างเสมอ แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ที่จอดรถหายากกว่าเดิมหลายเท่า อาจจะเป็นเพราะพรุ่งนี้วันวาเลนไทน์ก็ได้มั้งที่ทำให้หลายคนลาหยุดวันศุกร์เพื่อจะหยุดยาวสำหรับการฉลองวันแห่งความรัก

     

                    ใกล้ 7 โมงเช้าไปทุกที อีจุนโฮเริ่มกระวนกระวายเพราะกลัวจะเตรียมตัวทำคุ้กกี้และขนมเค้กไม่ทันไม่ทัน เมื่อเห็นช่องว่างระหว่างรถยุโปกึ่งเก่ากึ่งใหม่ จึงรีบเข้าไปจอดทันที

     

                    “โอ๊ย” ร่างบางถูกประตูรถข้างเปิดประตูมาโดนหลังเต็มๆในขณะที่กำลังหยิบโดคุกกี้ ถึงจะไม่แรงนักแต่ก็ทำให้อีจุนโฮหันมาวีนรถข้างๆอย่างรวดเร็ว “นี่คุณทำอะไรก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยได้ไหม ทำให้คนอื่นเขา...” ปากที่แดงโดยธรรมชาติอ้าปากค้าง ดวงตากระพริบถี่ เมื่อหันมาเจอบุคคลที่ทำให้เจ็บตัว เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนตรงหน้าคือคนที่เฝ้าคิดถึงมาตลอดเกือบ 2 ปี

     

                    “ยังเสียงดังไม่เปลี่ยนเลยนะ”เสียงทุ้มๆเอ่ยอย่างกลั้นเสียงหัวเราะ รูปร่างสูงใหญ่มองคนตรงหน้า ด้วยรอยยิ้มในมือถือกล่องกระดาษขนาดใหญ่

     

                    อีจุนโฮคิดถึงรอยยิ้มตรงหน้ามากที่สุด รอยยิ้มที่มาจากตาของร่างสูง รอยยิ้มที่มันเคยส่งให้เขามาโดยตลอดเมื่อ 2 ปีก่อน

     

                    “อืมๆ ของคงหนักแย่เลยนะเก็บของไว้ในรถก่อนสิ เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงกาแฟ” คนตัวเล็กกว่าพูดพลางกุลีกุจอดันชายหนุ่มตรงหน้าให้ออกจากทางเดินแคบๆระหว่างรถ 2 คัน ส่วนอีกมือก็หยิบโดคุกกี้หลายๆชนิดที่ใส่กระปุกไว้ออกมาแล้วล็อครถ ในใจอีจุนโฮคิด ‘ชาน... นายจะรู้ไหมว่าฉันดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอนาย’

     

              เมื่อฮวางชานซองเข้ามาในร้าน สายตามองดูร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยสีเบสและสีน้ำตาลเข้มของกาแฟอย่างลงตัว ก่อนที่จะเลือกนั่งโซฟาที่สามารถมองดูร่างเล็กเจ้าของตาเรียวรีที่กำลังชงกาแฟอย่างคล่องแคล่วให้กับเขา รอยยิ้มยังคงประดับอยู่ที่ใบหน้าพลางคิดถึงสิ่งที่ได้ยินมาทั้งข่าวคราวที่เขาได้ยินกับจุนโฮไม่ว่าจะเป็นข่าวรักๆเลิกๆกับดูจุนรุ่นพี่ของเขา หรือข่าวที่ว่ามีรุ่นน้องเข้ามาจีบ สิ่งที่เขาอยากรู้กลับไม่เคยได้ยิน นั่นก็คือ อีจุนโฮยังคงรักฮวางชานซองคนนี้อยู่หรือเปล่า

     

                “อ่ะ อเมริกาโน่ของโปรดของชาน”แก้วกาแฟสีโปรดของเขาถูกยื่นมาตรงหน้า มือใหญ่ยื่นไปรับก่อนที่จะถามคำถามในคำตอบที่เขารู้อยู่แล้ว “จุนโฮเป็นยังไงบ้างล่ะ”

     

                    สรรพนามที่เรียกทำเอาคนร่างเล็กอดน้อยใจไม่ได้ โฮของชาน ไม่มีแล้วใช่ไหม เหลือแค่อีจุนโฮกับฮวางชานซองเท่านั้นแล้วใช่ไหม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งรอยยิ้มบางๆก่อนตอบคำถาม “ก็ดีอ่ะ เก็บเงินได้ส่วนหนึ่งก็เลยมาลงทุนกับอูยอง”จุนโฮพูดถึงหุ้นส่วนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาทั้งคู่ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย “ลงทุนไปเยอะมากเลย แต่ก็ดีได้ตามที่ฝันไว้เป๊ะๆเลย แล้วชานซองล่ะทำไมถึงย้ายมาอยู่แถวนี้ แล้วงานถ่ายภาพของนายล่ะ”

     

              “ตอนนี้เป็นตากล้องอิสระน่ะ งานไม่เยอะมากและเงินก็โอเคด้วย..” สิ่งที่เขาเก็บเงียบอีกอย่างคือ เขาได้เป็นบรรณาธิการฝ่ายภาพของนิตยสารที่ชื่อดังก้องโลกฉบับภาษาเกาหลี “ที่ย้ายมาอยู่นี่เพราะว่ามันอยู่ใจกลางเมือง แล้วก็อยู่ใกล้ร้านของโฮด้วย” ประโยคสุดท้ายเขาพึมพำในใจเบาๆ “แล้วตอนนี้คบกับพี่ดูจุนเป็นไงบ้างล่ะ”

     

              “ไปฟังมาจากไหนเนี่ย ฉันไม่ได้เป็นแฟนพี่เขาสักหน่อย พี่เขามาจีบลูกค้าฉันต่างหากเล่า”ร่างเล็กเล่าด้วยเสียงหัวเราะ “ฉันทำแต่งาน ไม่ค่อยอยากสนใจใครเท่าไหร่ ต้องไปเตรียมคุ้กกี้แล้วล่ะร้านใกล้จะเปิดแล้ว”ร่างบางมองนาฬิกาที่บอกเวลา 7.30 น. ก่อนทิ้งประโยคที่เหมือนกับหย่อนระเบิดเวลาใส่ตนเอง

     

    “จริงสิ พรุ่งนี้วาเลนไทน์แล้วถ้าจะพาใครมาฉลองก็ได้นะ เดี๋ยวอีจุนโฮคนนี้จะเก็บโต๊ะที่ดีที่สุดไว้ให้” มันเกือบ 2 ปีแล้วที่เขาทั้ง 2 คนไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน คงไม่แปลกที่ผู้ชายตรงหน้าของเขาจะมีคนใหม่ อีจุนโฮแค่อยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าเขามีคนใหม่แล้วจริงๆ อีจุนโฮคนนี้จะได้ไม่ฝันเข้าข้างตัวเองถึงคำพูดที่ฮวางชานซองพูดอยู่เสมอว่า พวกเขาจะมีกันและกันตลอดไป

     

              “โอเค งั้นฉันไม่กวนแล้วกันไปเตรียมตัวเถอะ ส่วนเรื่องพรุ่งนี้รบกวนจองร้านนี้ไว้ทั้งร้านได้ไหม ตอน 2 ทุ่ม ฉันจะได้พาคนมาเลี้ยงวาเลนไทน์” ฮวางชานซองกล่าวสั้นๆพลางมองสีหน้าของร่างบางตรงหน้าที่สีหน้าแอบซีดลงเล็กน้อยก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเป็นปกติ

     

              “ได้สิ เดี๋ยวจัดให้พิเศษเลย งั้นขอตัวก่อนนะจะเข้าไปเตรียมของแล้วน่ะ เดี๋ยวนายออกทางประตูหลังร้านล่ะกัน”จุนโฮชี้ประตูให้ดูก่อนที่จะเดินเข้าห้องครัว

     

              ร่างบางได้แต่ร้องไห้นั่งกอดเข่าพิงประตูห้องครัวทันทีที่ร่างสูงออกจากร้าน “Always Together” ไป คุกกี้ทุกชนิดอบเสร็จท่ามกลางน้ำตา อีจุนโฮยังต้องจัดวางคุกกี้หน้าร้าน แต่เขายังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ จนกระทั่งอูยองที่เดินเข้ามากับนิชคุณแฟนหนุ่มเจอ “เป็นอะไรไปน่ะ จุนโฮ”

     

              ร่างบางรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่น่ะ คุกกี้อบเสร็จหมดแล้วล่ะ เหลือแต่ขนมเค้กยังไม่ได้ทำ แต่ฉันตวงอะไรไว้เรียบร้อยแล้วล่ะวันนี้ฉันขอตัวก่อนนะ รู้สึกไม่ค่อยสบาย แล้วก็พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันรับเฝ้าเอง” จุนโฮพูดอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เพื่อนขัด ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถก่อนเดินออกไปโดยไม่ได้ฟังเสียงตะโกนเรียกตามหลังแม้แต่น้อย

     

              จางอูยองหันมามองตามอีจุนโฮด้วยความสงสัย ก่อนจะหยิบแก้วที่ดูแปลกตาจากอ่างล้างจาน เพราะมันไม่ใช่แก้วที่สำหรับใช้เสิร์ฟให้ลูกค้า แต่เป็นแก้วเขาจำได้อย่างแม่นยำว่ามันเป็นของใคร ก็จางอูยองคนนี้เป็นคนไปเลือกเป็นเพื่อนจุนโฮ

     

                    “ทำไมซื้อสีนี้ล่ะ เห็นปกติชอบสีน้ำตาล”

     

                    “ก็ใบนี้ฉันซื้อเก็บไว้ให้ชานซองน่ะ แล้วจะเก็บไว้เมื่อไหร่ที่เขามากินกาแฟที่ร้าน ฉันก็จะชงไอซ์มอคค่าใส่แก้วนี้”จุนโฮหยิบแก้วใส่ตระกร้าด้วยรอยยิ้ม ทำให้อูยองถึงกับยิ้มตาม เขารู้ดีว่าหุ้นส่วนคนนี้ของพวกเขาถึงแม้จะเลิกกัน (อย่างไม่เป็นทางการ) กับฮวางชานซองก็ตาม แต่อีจุนโฮยังคงคิดถึงคนร่างสูงอยู่ทุกครั้งไป

             

              โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กกำลังทำหน้าที่ของมัน จางอูยองกดโทรศัพท์หาฮวางชานซอง ถึงแม้ว่าเพื่อนเขาทั้งสองคนเลิกกัน ใช่ว่าเขาจะเลิกติดต่อชานซอง ทั้งคู่คุยกันเล็กน้อยพอเข้าใจ ก่อนที่อูยองจะโทรหาหุ้นส่วนคนสำคัญที่ป่านนี้คงร้องไห้เป็นเผาเต่าไปแล้ว

     

              “จุนโฮ พรุ่งนี้ฉันทำถึง2ทุ่มแล้ว นายมาต่อเวรนะ เพราะพรุ่งนี้ฉันมีนัดกับพี่คุณน่ะ”เสียงเพื่อนที่โทรมาบอกถึงธุระ ทำเอาจุนโฮขัดความสุขของเพื่อนไม่ลง วันวาเลนไทน์ทั้งทีใครจะใจร้ายให้เพื่อนทำงานต่อไปได้ ร่างบางจึงตกลงงึมงำในคอไป

     

    “จุนโฮ พรุ่งนี้ตอน 2 ทุ่ม นายต้องมาช่วยเตรียมงานเซอร์ไพสซ์กับชานซองนะ รายนั้นโทรศัพท์หาฉันแล้วเรื่องจองร้าน เขาบอกว่านายรู้เรื่องแล้ว” ร่างบางงึมงำตอบรับอีกครั้งก่อนจะวางสายไป

     

    ‘ฮวางชานซอง ไอ้หมีบ้า คนนิสัยแย่ คนใจร้าย คนโรคจิต ทำไมถึงทำกันแบบนี้นะ อยากเห็นฉันร้องไห้เหรอ คิดว่าคนอื่นจะลืมง่ายๆเหมือนตนเองหรือไง’ อีจุนโฮด่าให้กับร่างสูงที่ไม่ได้อยู่ใกล้ด้วย

     

                    ตลอดทั้งวันที่ 14 กุมพาพันธ์ จุนโฮนอนเล่นอยู่บนเตียงทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน เปิดดูทีวีก็มีรายการคู่รัก ทำให้เขากดปิดอย่างรวดเร็ว วิทยุเปิดเพลงเข้าหูที่ฟังแล้วจนน้ำตาไหล เขารู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เพลงที่ฟังกี่รอบไม่เคยจะรู้สึกอะไรเท่าไหร่แต่พอฟังครั้งนี้มันยิ่งบาดลงไปในจิตใจ

     

              อาจเป็นเพราะวันนั้นเขาทิฐิเกินไปใช่ไหม “คำว่ารักต้องเข้าใจกันและกัน แล้วความเข้าใจนั้นจะทำให้คนสองคนมีกันและกันตลอดไป”เสียงของอูยองแว่วเข้าหู  ประโยคที่เขาได้ฟังคำนี้ตอนเลิกกับชานซองใหม่ๆ น้ำตาไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก หากอีจุนโฮย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่พูดกับอย่างนั้นกับชานซอง เขาจะไม่งี่เง่าหรืองอแงใส่คนร่างสูงของเขาอีก

     

              “กริ๊งๆๆๆๆ”เสียง นาฬิกาปลุกดังขึ้น บอกเวลา 1 ทุ่ม หลังจากเพลงรักเศร้าๆพาเขาดิ่งหลับไปเพื่อไม่อยากฟุ้งซ่านถึงใคร เขาควรออกจากบ้านได้แล้ว อีจุนโฮแต่งตัวอย่างง่ายๆด้วยกางเกงยีนต์กับเสื้อยืดตัวโปรดที่ชานซองซื้อให้ ก่อนจะสวมล็อคเก็ตที่มีรูปเขากับชานซองอยู่ “เรายังมีกันและกันอยู่ตลอดไปนะ ถึงแม้จะเป็นแค่ในใจฉันก็ตาม” เขาย้ำคำพูดนี้ไว้ในใจ

     

              ประตูสีน้ำตาลถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งรูปหัวใจ ความมืดมิดปกคลุมตัวร้าน เมื่อจุนโฮเปิดประตูเข้าไป มีสายรุ้งโปรยลงมาราวกับเขาเป็นผู้รับรางวัล ภายในร้านถูกจุดด้วยเทียนลอยในแก้วน้ำหลายสิบใบถูกเรียงเป็นทางเดินแถวยาว มีกระดาษปลิวตกลงมาตรงหน้า

     

                       ถึง...คนดีของชานซอง

     

                    เดินมาตามทางแล้วขึ้นบันไดมานะ อย่าสะดุดล้มล่ะ ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย ห้ามแอบถอดรองเท้าไว้ที่บันใดนะแล้วหนีหายไปนะ ผมกลัวคุณจะกลายเป็นซินเดอเรลล่าแล้วต้องตามหาคุณอีกครั้ง

                                                               ฮวางชานซอง

     

              อีจุนโฮยิ้มอย่างเศร้าๆให้กับการ์ดใบนั้น ความโรแมนติกในตัวชานซองไม่เคยลดลงเลย สงสัยเขาคงต้องตั้งไว้บนโต๊ะให้กับคุณคนดีแทนแล้วล่ะมั้ง ก่อนที่จะรีบขึ้นไปตามบันไดเพื่อนัดแนะเรื่องอาหารกับคนที่(เคย)รักเขา

                      

              ชั้นสองของร้านมืดกว่าชั้นล่างเสียอีก อีจุนโฮพยายามเดินคลำที่ผนังเพื่อเปิดไฟก่อนที่จะเดินชนกับบางสิ่ง บางอย่าง สไลด์ถูกเปิดขึ้น ภาพของเขากับชานซองถูกฉายไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยจนก่อนที่จะเลิกกัน ภาพที่เขาจับมือกัน จูบกันครั้งแรก วันที่ตากฝนด้วยกัน ภาพงานบายเนียร์ที่เขาเองต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง ภาพไปเที่ยวด้วยกันสองคน ก่อนที่จะเป็นภาพของเขาที่เหมือนจะแอบถ่ายตอนที่ไม่รู้ตัวจากหลายๆที่ น้ำตาของอีจุนโฮไหลลงมาอาบแก้ม ภาพเหล่านั้นคือภาพเขาหลังจากเลิกกับชานซองแล้วด้วยซ้ำ เพลงที่ประกอบยิ่งทำให้เขาร้องไห้หนักยิ่งขึ้น เพลงซึ่งเป็นเหมือนของขวัญที่ชานซองร้องให้อยู่ทุกครั้งที่ครบรอบวันต่างๆของพวกเขาสองคน

     

    너 같은 사람  없어 주위를 둘러봐도 그저 그렇던 
    มองไปรอบๆ ผู้หญิงอย่างเธอ ไม่มีใครเหมือนอีกแล้ว
    어디서 찾니 너같이 좋은 사람 너같이 좋은 사람 
    จะไปหาได้จากที่ไหน คนดีอย่างเธอ
    너같이 좋은 마음 너같이 좋은 선물
    คนจิตใจดีอย่างเธอ ของขวัญที่ดีอย่างเธอ
    너무 다행이야 애써 너를 지켜줄  사람이 바로 나라서
    จะโล่งใจมาก พยายามที่จะปกป้องเธอ คนคนนั้นคือฉันเอง
    어디서 찾니 나같이 행복한  나같이 행복한  
    จะไปหาได้จากที่คนที่มีความสุขอย่างฉัน
    나같이 웃는 그런 최고로 행복한 
    คนที่หัวเราะไปกับฉัน เท่านั้นก็มีความสุขที่สุดแล้ว

     

    ร่างสูงใหญ่โอบกอดเขาจากข้างหลัง “ชานขอโทษนะโฮ สำหรับเรื่องที่ผ่านมา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาชานพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ พยายามสร้างรากฐานชีวิตให้โฮพร้อมที่จะอยู่กับชาน และไม่มีวันไหนที่ชานไม่มองหาโฮ ไม่มีวันไหนที่ชานเลิกคิดถึงโฮเลย วันนี้สิ่งชานอยากจะบอกกับโฮก็คือ ฮวางชานซองรักอีจุนโฮ แต่งงานกับชานนะคนดีของชาน” ชานซองคุกเข่า รอบๆห้องเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวเต็มทั่วทั้งห้อง

     

              “ตกลงๆๆๆ”อีจุนโฮพูดเสียงสั่นๆตอบรับอยู่หลายครั้ง พลางพยักหน้า “โฮคิดถึงชานเหมือนกัน ชานไม่โกรธโฮนะ ขอโทษนะที่โฮทำตัวแย่ๆ อีจุนโฮรักฮวางชานซองนะ”ร่างบางในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่พูดไม่หยุด น้ำตายังคงไหลอาบแก้มโดยมีมือใหญ่คอยช่วยเช็ดให้

     

                แหวนเพชรกะรัตไม่ใหญ่มากถูกสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายเป็นการตีตราจองคนข้างกาย แล้วชายหนุ่มก็อุ้มร่างบางมานั่งที่หน้าเปียโนสีขาวหลังใหญ่ “ชานมีเพลงเพลงนึงจะร้องและเล่นเปียโนให้โฮได้ฟังล่ะ รู้ไหมว่าชานฝึกเพลงนี้มาเพื่อโฮเลยนะ” ร่างสูงทำสีหน้าเขินอาย เพราะเรื่องดนตรีก็ไม่ใช่อะไรที่เขาถนัดเท่าไหร่ แต่เขาก็อยากให้คนตัวบางข้างกายเขาได้ประทับใจ

     

                    เสียงทุ้มเริ่มร้อง นิ้วเรียวยาวก็บรรเลงตามตัวโน้ต ดวงตาเรียวรีเต็มไปด้วยความสุข เฝ้ามองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

     

    그대를 사랑한다는 말 평생 매일 해주고 싶어 
    อยากบอกเธอทุกวันตลอดทั้งชีวิต คำพูดที่บอกว่ารักเธอ 
    Would you marry me? 널 사랑하고 아끼며 살아가고 싶어 
    เธอจะแต่งงานกับฉันได้มั้ย? อยากจะรักเธอให้มากขึ้น 
    그대가 잠이 들 때마다 내 팔에 재워주고 싶어 
    อยากจะกล่อมเธอ ให้นอนในอ้อมแขนของฉันทุกครั้ง 
    Would you marry me? 이런 나의 마음 허락해줄래? 
    เธอจะแต่งงานกับฉันได้มั้ย? เธอจะยอมมาอยู่ในใจของฉันมั้ย? 

    평생 곁에 있을게 (I do) 널 사랑하는 걸 (I do) 
    จะอยู่เคียงข้างตลอดชีวิต (ฉันจะทำ) คนที่รักคือเธอ (ฉันจะทำ) 
    눈과 비가 와도 아껴주면서 (I do) 
    แม้ว่า หิมะหรือฝนจะกระหน่ำลงมา (ฉันจะทำ) 
    너를 지켜줄게 (My love) 
    จะคอยปกป้องเธอ (ที่รักของฉัน) 

                   

                    “ผมรักคุณ อีจุนโฮ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ผมสัญญา”ร่างสูงพูดก่อนจะค่อยย้ำคำสัญญาด้วยริมฝีปากหนาที่กดประทับตราลงริมฝีปากบางเพื่อยืนยันว่าฮวางชานซองคนนี้จะอยู่ข้างอีจุนโฮตลอดไป

     
     
     
     

    Talk : แต่งแฟนฟิคเรื่องแรกค่ะ มิเค้ยมิเคยแต่งแฟนฟิคมาก่อนดังนั้นถ้ามันจะแปลกไปก็ขอโทษด้วย ที่มาเรื่องนี้คือ เป็นเรื่องเก่าที่เคยแต่งไว้แล้วเอามารีไรท์เอาค่ะ ที่เลือกคู่ชานโฮเพราะว่าช่วงนี้หนูจุนโฮแอทแทคมากมายเลยมาลงตัวที่คู่นี้ หากใครเคยเห็นที่อื่นเป็นคู่อื่นคนแต่งคนเดียวกันค่ะ หลังจากแต่งคู่นี้ก็รีไรท์ไปเป็นคู่อื่นแทนที่ไม่ใช่2PM >< อ่านแล้วช่วยเม้นกันหน่อยเด้อค่ะว่ามันเป็นยังไงกันบ้าาาาง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×