คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การหายตัวไปของเอเล
ตอนที่ 3 การหายตัวไปของเอเล
เมื่อรัตติกาลมาเยือน รถม้าจากเมืองต่างๆก็เริ่มทยอยเข้ามาในเขตพระราชวัง เหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลายก็พากันแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างเต็มยศ ในห้องโถงใหญ่ภายในของพระราชวังเต็มไปด้วยของประดับตบแต่งอย่างอลังกาล และนั่นก็บอกได้เลยว่างานนี้ต้องใหญ่มากเป็นแน่
ในห้องขององค์หญิงรัชทายาท หญิงสาวนั่งจัดทรงผมของเธอให้เข้าที่อยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ผมของเธอถูกก้าวขึ้นถึงกลางศรีษะปักแทรมด้วยดอกกุหลาบขาวสะอาดตา ใบหน้าขาวเนียนไร้ที่ติถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเล็กน้อยทำให้หญิงสาวดูงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ชุดของเธอมีสีฟ้าอ่อนยาวละพื้น ด้านหลังมีโบว์ผูกเอาไว้
"องค์หญิงเพคะ เสร็จหรือยังเพคะ องค์ราชินีให้หม่อมฉันมาตาม" เอเลตะโกนถามจากหน้าห้องของเธอ
"เสร็จพอดีเลยเอเล..ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" เธอตอบก่อนตรวจสอบตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยเเล้วเธอจึงเดินออกไปจากห้อง
เมื่อร่างบางขององค์หญิงทิทาเนียย่างก้าวออกมาจากห้องส่วนพระองค์ก็พบเอเลยืนรออยู่ก่อนเเล้ว เอเลอยู่ในชุดสายเดี่ยวสีขาวยาวถึงเข่าด้านหลังมีโบว์ผูกเอาไว้ ใบหน้าขาวไม่ได้เเต่งแต้มเครื่องสำอางแต่อย่างใด เรือนผมสีน้ำตาลถูกรวบขึ้นถึงกลางศรีษะปักแทรมด้วยดอกกุหลาบสีแดงตัดกับสีชุด ด้านหน้าปล่อยปลอยผมลงเล็กน้อย ทำให้เธอดูน่ารักสดใสยิ่งนัก
"เรารีบไปกันเถอะเอเลเดี๋ยวเสด็จแม่จะรอนาน" เธอเข้าไปจับมือเอเลก่อนจะจูงมือเดินไปด้วยกัน
"องค์หญิงเพคะปล่อยเถอะเพคะใครเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะเพคะ" เอเลค้านขึ้นเพราะเธอไม่ควรจูงมือถือเเขนราวพระสหายกับองค์หญิงทิทาเนียได้
"ไม่เป็นไรหรอก..ข้าเห็นเจ้าเหมือนน้องสาวใครจะว่าอะไรก็ชั่งเขาประไร" เธอหันมาอธิบายให้เอเลฟังก่อนจะเดินต่อ
"จะดีหรือเพคะ"
"ดีสิ...แล้ววันนี้เป็นวันเกิดของข้า เจ้าต้องเชื่อฟังข้าเข้าใจไหม" เธอพูดไปพลางเดินไปยังตำหนักกลางซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ราชินีแห่งนครไนส์
"เพคะองค์หญิง" เอเลเอ่ยปากรับคำขององค์หญิงไปอย่างจำยอม...ถ้าท่านพ่อรู้ว่าข้าทำตัวเทียบเท่าองค์หญิงล่ะก็...ข้าคงต้องถูกดุเป็นแน่....
"เสด็จเเม่..." หญิงสาวร่างบางเปิดประตูบานใหญ่เข้ามาพร้อมกับนางกำนัลคนสนิท
"มาแล้วหรือลูก..ไหนแม่กอดทีสิ..ลูกสาวของแม่" หญิงงามวัยกลางคน ถึงแม้อายุอานามของเธอจะมากแล้ว แต่หน้าตาของเธอก็ยังแลดูงดงาม องค์ราชินีกอดร่างบางอย่างรักใคร่
"เอ่อ..องค์ราชินีเพคะ เรารีบไปกันเถอะเพคะ เจ้าของงานไปสายมันจะไม่งามเอานะเพคะ" เอเลร้องเตือนเมื่อเธอเหลือบไปเห็นเข็มนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่าใกล้เวลางานเริ่มเเล้ว
"งั้นเหรอ..เรารีบไปกันเถอะลูกเดี๋ยวงานเริ่มก่อน" องค์ราชินีลุกขึ้นพร้อมกับองค์หญิงทิทาเนีย ก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้เอเลที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นก่อนเอ่ยว่า
"เจ้าดูเป็นสาวขึ้นนะเอเล..สวยขึ้นเยอะเลย"
"ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ" เอเลก้มหัวลงเป็นเชิงขอบคุณ
"เสด็จเเม่ตรัสถูกแล้วล่ะเพคะ นอกจากเอเลจะสวยเเละน่ารักเเล้วเธอยังมีกิริยาและมารยาทที่งดงามอีกด้วย" องค์หญิงทิทาเนียเอ่ยเสริมพลางยิ้มให้
"องค์หญิงล่ะก็..ทรงชมหม่อมฉันเกินไปแล้ว" เอเลยิ้มรับก่อนเอ่ยอย่างถ่อมตัว
"ก็มันจริงนี่เอเล" เธอหันไปยิ้มหวานให้เอเลอีกครั้ง เมื่อเอเลเห็นว้าทั้ง 2 พระองค์ลุกขึ้นจึงลุกขึ้นตามก่อนจะตามเสด็จทั้ง 2 พระองค์ไปยังงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นเนื่องในวันเกิดครบ 17 พรรษาขององค์หญิงทิทาเนีย
เมื่อร่างบางขององค์หญิงทิทาเนียก้างเข้ามาในงาน เสียงคุยจอแจก็เงียบลงทันทีเมื่อเอเลเห็นดังนั้นจึงตีตัวออกห่างจากองค์หญิงของเธอทัยทีเพราะเธอไม่อยากเป็นเป้าสายตา หญิงสาวเดินตรงไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งงานที่ตกตลึงในความงามขององค์หญิงทิทาเนีย เมื่อเดินไปถึงที่ประทับที่ยกสูงขึ้น ร่างบางโค้งคำนับองค์ราชาอย่างงดงามก่อนที่จะนั่งลงด้านซ้ายของพระบิดาเช่นเดียกับองค์ราชินีที่นั่งลงด้านขวาของพระบิดาของเธอ
"งานในวันนี้จัดขึ้นเนื่องในวันเกิดครบ 17 ปีขององค์ทิทาเนียซึ่งเป็นองค์หญิงรัชทาญาติของนครไนส์แห่งนี้...เเละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราก็ขอเปิดงาน ณ บัดนี้" เสียงแตรดังขึ้นเมื่อองค์ราชาตรัสเปิดงานจบ เมื่อเสียงแตรเงียบลงก็มีเสียงดนตรีที่ไพเราะบรรเลงขึ้นเเทน
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล้าเอาการ เดินเข้ามาโค้งคำนับแก่องค์ราชาเเละองค์ราชินีก่อนจะเอ่ยตรัสว่า
"ถวายบังคมพะยะค่ะ กระหม่อมคือองค์ชาย เคโอริค เเห่งนครเซเลมี"
"โอ้...เคโอริคไม่ไดเจอกันนาน เจ้าคงมาเเทนเสด็จพ่อของเจ้าสินะ" องค์ราชาตรัสขึ้น
"พะยะค่ะ เสด็จพ่อทรงงานหนักจึงให้กระหม่อมมาเเทน" เขาตอบรับพลางหันไปยิ้มให้กับองค์หญิงทิทาเนียที่นั่งฟังอยู่
"งั้นเหรอ.." องค์ราชายิ้มขึ้นมา เมื่อเห็นทีท่าขององค์ชายเคโอริคที่เห็นทีจะถูกชะตากับธิดาของตน
"ฝ่าบาท..กระหม่อมขออนุญาติเต้นรำกับองค์หญิงทิทาเนียได้หรือไม่พะยะค่ะ" เขาเอ่ยพลางหันไปมององค์หญิงทิทาเนียที่มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
"ได้สิ..ทิทาเนียเจ้าไปเตนรำกับองค์ชยเถอะไป" องค์ราชามองธิดาของตนอย่างบังคับเพราะหญิงสาวมีสีหน้าคัดค้านสุดขีด เพาะเธอไม่เคยเต้นรำมาก่อนถึงเธอจะเก่งรอบด้านแต้เธอก็มีเรื่องที่ไม่เก่งอยู่บ้าง
"เพคะ.." องค์หญิงทิทาเนียตรัสออกไปอย่างจำยอมก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาองค์ชายเคโอริค
"หม่อมฉันเต้นรำไม่เก่งขอพระองค์ทรงชี้แนะด้วย" องค์หญิงตรัสพลางย่อกายเป็นเชิงเคารพ สีหน้าของหญิงสาวเรียบเฉยไม่ร่าเริงเหมือนตอนอยู่กับเอเลเพราะพระองค์ทำตัวอ่อนแอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นประชาชนจะไม่เชื่อถือในตัวของพระองค์ เมื่อมีงานรื่นเริงพระองค์มักวางสีหน้าเรียบเฉยตลอด
"พะยะค่ะ" องค์ชายตรัสตอบก่อนจะจับมือบางขึ้นจุมพิศแล้วพาร่างบางเดินออกไปกลางลานเต้นรำที่มีคู่เต้นรำอยู่หลายคู่แต่เมื่อทั้ง 2 พระองค์เดินไปหยุดที่กลางฟอล์เต้ารำทุกคู่ที่กำลังเต้นรำก็หยุดลงทันทีเเล้วเดินออกจากฟอล์เต้นรำทันที คู่ขององค์หญิงทิทาเนียจึงตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในงาน เมื่อเพลงหวานบรรเลงขึ้นร่างงามระหงของหญิงสาวก็เต้นตามชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างคล่องแคล้ว
"พระองค์ก็ทรงเต้นเก่งนี่พะยะค่ะ" เขาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มให้หญิงงามที่อยู่เบื้องหน้า
"ขอบพระทัยที่ทรงชม" เธอยิ้มจางๆให้องค์ชายก่อนจะจดจ่อกับการเต้นรำถ้าเธอขาดสมาธิเมื่อใดเธออาจจะเหยียบเท้าคนตรงหน้าก็เป็นได้
ร่างบางในชุดสีขาวยวถึงเข่ากำลังเดินหาพี่ชายของเธอแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักทีเธอจึงหยุดหาก่อนที่จะเดินไปหยิบเเก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม แต่ในขณะนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งที่ปิกหน้าปิดตาด้วยผ้าคลุมมาจับมือของเธอก่อนจะดึงให้วิ่งออกไปจากงาน หญิงสาวขัดขืนแต่ก็ไร้ผลเมื่อคนตรงหน้ามีแรงมากกว่าเมื่อออกมาอยู่นอกงานซึ่งเป็นสวนน้ำผุที่ตั้งอยู่หน้าตำหนักใหญ่ชายคนนั้นก็หยุดวิ่ง แล้วจะหันหน้ามาหาหญิงสาวก่อนจะถอดผ้าคลุมออก เมื่อหญิงสาวเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครก็ถึงกับเบิกตากว้าง
"ระ..." หญิงสาวเอ่ยออกมาได้แค่นั้นชายตรงหน้าก็เอามือหนามาปิดปากของเธอทันที ก่อนที่เขาจะหันซ้ายหันขวาก่อนจะจูงมือหญิงสาวให้ไปนั่งริมสระน้ำผุก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
"เจ้าสวยมากเลย..ข้าเกือบจำไม่ได้"
"ขอบคุณ..แต่เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร" เธอถามอย่างสงสัยเพราะทหารควรเฝ้ายามอยู่รอบนอกปราสาทแล้วเหตุใดเขาถึงเข้ามาได้
"ข้ามาทำงานบางอย่างน่ะ" เขาตอบพลางยิ้มให้
"งั้นเหรอ.." เธอยิ้มตอบเขาก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
"เอ้อ!..ข้ามีอะไรจะให้เจ้าดู" เธอพูดขึ้นก่อนจะจับมือเขาเดินเข้าไปในอุทยาน
"มีอะไรเหรอ..ข้าว่าที่นี่ไม่เห็นมีอะไรเลย" เขามองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ข้าไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เลยเจ้ารู้เป็นคนเเรกเลยนะ" เธอเอ่ขึ้นก่อนจะรวบรวมสมาธิแล้วท่องคาถาบางอย่างก่อนที่จะมีกลีบดอกไม้สีขาวลอยมาตามสายลมเต็มไปหมดเป็นภาพที่งดงามมาก เมื่อหญิงสาวร่ายคาถาเสร็จเธอก็เริ่มเต้นรำท่ามกลางกลีบดอกไม้สีขาวที่ปลิวว่อน เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ถึงกับตกตลึงในความงามของหญิงสาวที่กำลังร่ายรำอยู่ท่ามกลางกลีบดอกไม้สีขวาถ้าใครที่ไม่รูว่าเธอเป็นคน คงคิดว่าเธอเป็นนางฟ้าที่ลงมาจากสวงสวรรค์เป็นแน่....ข้า...คงไม่ได้...หลงรักหญิงคนนี้ใช่ไหม...ไม่ได้ข้ารักเจ้าไม่ได้..ไม่อย่างนั้นงานที่ได้รับมอบหมายก็....
"ราฟ..ที่ข้าอยากบอกเจ้าก็คือข้ามีพลังเวทสายพืช..ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยนะ" เมื่อหญิงสาวเต้นระเสร็จเธอก็เดินเข้ามาใกล้ราฟก่อนจะบอกความประสงค์ที่เธอพาเขามาที่นี่
"งั้นเหรอ.." เขาพูดออกไป ก่อนจะหันหน้าหนีหญิงสาวตรงหน้า...เจ้าอย่าทำให้ข้ารักเจ้าได้หรือไม่เอเล...
"เจ้าเป็นอะไรไปราฟหันหน้าหนีข้าทำไม" เธอพูดก่อนจะจ้องใบหน้าของเขาอย่างงงๆ
"เปล่า.." เขาตอบ
"ว้าว...ราฟ...เจ้าดูนั่นสิหิ่งห้อยล่ะ" เธอพูดอย่างตื่นเต้น จนชายหนุ่มต้องหันไปมองทิศทางที่หญิงสาวชี้ไป
"จริงด้วย...ข้าไม่ได้เห็นหิ่งห้อยมานานเเล้วนะเนี่ย.." เขาพูดออกมาเสียงเบาแต่หญิงสาวกลับได้ยิน
"ข้าด้วย.." เธอพูดออกมาก่อนจะหันไปมองราฟที่หันมามองเธอเช่นกัน ทั้งคู่สบตากันเนินนานก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้มือของเขาลูบไล้เเก้มขาวนวล ก่อนที่เขาจะเลื่อนลงมาที่ไหล่แล้วเขาก็ดึงหญิงสาวเข้ามาประกบปากอย่างนิ่มนวลและเเผ่วเบา หญิงสาวเบิกตากว้างในการกระทำของคนตรงหน้าแต่ทำไมเธอถึงไม่โกรธเขาและไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด
เมื่อชายหนุ่มผละออกจากเรียวปากบางก็ยิ้มให้เธอก่อนที่จะกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
"ข้ารักเจ้า....ข้าคิดอยูนาน...ว่าทำไมข้าถึงรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เจ้าและตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าข้า...รักเจ้า" เขาสารภาพความในใจออกมาทำเอาหญิงสาวหน้าแดงอย่างเขินอาย
"ราฟ...ข้าก็...รักเจ้า" เธอบอกออกไป เพราะแท้จริงแล้วเธอเองก็คิดถึงเขามาโดยตลอดหลังจากที่เจอกันที่สวนกุหลาบคราวนั้น และก็ได้รู้ว่าเธอได้หลงรักเขาเข้าแล้วแต่คำสารภาพรักของเธอยิ่งทำให้หวัใจของเขายิ่งเจ็บ
"เอเลข้าขอโทษ.." เขาเอ่ยออกมาก่อนที่จะใช้ผ้าผืนบางที่ใส่ยาสลบเอาไว้ปิดปากของเอเล จนเธอล้มลงในอ้อมแขนของเขา
"ทำไมต้องเป็นเจ้าด้วยเอเล..ทำไม.." ชายหนุ่มทรุดตัวลงพร้อมโอบร่างที่ไร้สตของเอเลไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจใหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้...ทำไมต้องเป็นเจ้าด้วยนะ....
ภายในงานเลี้ยงที่เพิ่งสิ้นสุดลง หญิงสาวร่างบางมองสอดส่องหานางกำนัลคนสนิทที่ควรจะมาหาเธอตั้งแต่ตอนที่เธอเต้นรำเสร็จแต่นี่ เอเลกลับหายไปไหนไม่รู้
"เอเลเจ้าไปไหนนะ.." เธอลำพึงออกมาอย่างเป็นห่วง
"พระองค์กำลังหาใครอยู่หรือ" ชายหนุ่มที่เป็นคู่เต้นของเธอเอ่ยถามขึ้น
"เอ่อ..หม่อมฉันกำลังหานางกำนัลคนสนิทอยู่น่ะเพคะ พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นบ้างหรือไม่เพคะ" เธอถามทั้งๆเธอยังไม่ได้บอกลักษณะหน้าตาของเอเลให้องค์ชายฟังเลย
"นางมีหน้าตาเป็นอย่างไรล่ะ" เขาถาม
"อ้อ..ขอประทานอภัยเพคะ..เอ่อ...นางใส่ชุดสีขาว มีผมสีน้ำตาล แล้วก็มีตาสีมรกตน่ะเพคะ พระทรงเห็นบ้างหรือไม่เพคะ" เธอบอกไปอย่างละเอียด คนตรงหน้าเธอครุ่นคิอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
"กระหม่อมไม่เห็นหญิงสาวอย่างที่พระองค์ว่า...แต่กระหม่อมจะสั่งทหารของกระหม่อมออกตามหาให้นะพะยะค่ะ" เขาพูดอย่างหวังดี
"เอ่อ..ไม่ต้องลำบากพระองค์ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันสั่งทหารของที่นี่ก็ได้เพคะ พระองค์เป็นเเขก หม่อมฉันไม่รบกวนหรอกเพคะ" เธอยิ้มรับเเต่ก็ปฏิเสธออกไป
"ไม่เป็นไรพะยะค่ะ กระหม่อมยินดีช่วย" เขายิ้มให้หญิงสาว
"งั้นก็...รบกวนด้วยนะเพคะ" เธอเอ่ยก่อนจะโค้งคำนับแล้วเดินจากไป
"เจ้าชั่งงดงามจริงๆ ทิทาเนีย" เขาลำพึงกับตัวเองก่อนจะยิ้มออกมา....
ความคิดเห็น