ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สวนกุหลาบปริศนา
ตอนที่ 2 สวนกุหลาบปริศนา
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเข้าไปในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบๆง่ายๆไม่หรูหรานัก เตียงนอนใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ร่างบางเริ่มขยับตัวเมื่อสัมผัสได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว เรือนผมสีทองงามสลวยแผ่กระจายบนเตียงหนานุ่ม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แพขนตางอนถูกเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตากลมโตสีฟ้างาม ร่างบางลุกขึ้นนั่งก่อนตอบไปว่า
"เข้ามาได้.."
ประตูใหญ่ถูกเปิดออก โดยนางกำนัลคนสนิท เธอเดินเข้ามาพลางปิดประตูบานใหญ่อย่างแผ่วเบา แล้วเดินมาใกล้เตียงใหญ่ เธอก้มหัวอย่างนอบน้อมก่อนเอ่ยว่า
"องค์หญิงจะทรงสรงน้ำเลยหรือเปล่าเพคะ ขอให้หม่อมฉันเตรียมให้ได้หรือไม่เพคะ"
"อื้ม..."เธอพยักหน้าอย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ้มจางๆให้เอเล
"งั้นรอเดี๋ยวนะเพคะ" เอเลยิ้มกว้างก่อนผุนผลันลุกขึ้นเล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ที่เธอดีใจก็เพราะองค์หญิงของเธอไม่ค่อยให้เธอทำอะไรช่วยพระองค์เลย พระองค์ทำเองเกือบหมดทุกอย่างยกเว้นแต่อาหารเท่านั้นที่พระองค์อนุญาติให้เธอทำถวายได้
ร่างบางบิดขี้เกลียดไปมาเพื่อไล่ความง่วงก่อนจะเดินลงจากเตียง เเล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำเธอนึกแปลกใจที่เอเลเอ่ยปากอยากช่วยนับจากที่พระองค์บอกให้นางหยุดช่วยเธอเพราะเธออยากทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่า
"อ้าว..องค์หญิงทรงเข้ามาทำไมเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจัดการเอง พระองค์ออกไปรอข้างนอกเถอะเพคะ" หญิงสาววางทั้งน้ำอุ่นลงกับพื้นเมื่อเห็นร่างงามระหงส์ขององค์หญิงทิทาเนียย่างก้าวเข้ามา แต่พระองค์ไม่ฟังคำค้านใดๆ เดินเข้าไปหยิบทั้งน้ำอุ่นที่เอเลวางเมื่อครู่ขึ้นมาถือก่อนจะยิ้มให้เอเลที่ทำท่าจะคัดค้าน
"ข้าเป็นคนอาบ...ข้าก็ต้องทำเองสิ...ทุกวันข้าไม่เห็นเจ้าเข้ามา...ถึงเข้ามาก็เเค่เอาอาหารมาให้ นึกยังไงถึงอยากเตรียมน้ำอาบให้ข้า หึ..เอเล" พระองค์ถามพลางยกถังน้ำเทลงอ่างอาบน้ำขนาดพออาบเพียงคนเดียว
"ก็พระองค์ไปให้หม่อมฉันทำอะไรเลยอย่างนี้นี่เพคะ...แล้วที่สำคัญวันนี้เป็นวันเกิดของพระองค์นะเพคะ...ขอให้ข้าช่วยอะไรสักนิดเถอะเพคะ..แค่เรื่องที่พระองค์ต้องเรียนโน่นนี่ก็เหนื่อยพอแล้ว...ขอให้ข้าช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์บ้างเถอะเพคะ" นางอธิบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจมานานออกไปอย่างลืมตัวว่าคนตรงหน้าเป็นถึงองค์หญิงรัชทายาท เมื่อนางรู้ตัวว่าพูดมากไปก็รีบคุกเข่าขอโทษเป็นการใหญ่
"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะที่.."เอเลยังไม่ทันพูดอะไรองค์หญิงของเธอก็นั่งลงแล้วบอกให้เธอลุกขึ้นเธอจึงทำตาม
"ไม่ต้องขอโทษหรอกเอเล..เจ้าแค่อยากช่วยข้าไม่เห็นผิดนี่.."เธอส่ายหน้าพลางยิ้มให้เอเล เธอก็ยิ้มตอบ
"งั้น...องค์หญิงทรงอนุญาติให้หม่อมฉันช่วยงานเล็กน้อยของพระองค์ได้หรือไม่เพคะ" นางได้ทีจึงเอ่ยขอทันที ทิทาเนียจึงมองนางอย่างลำบากใจน้อยๆ เธอไม่อยากให้ใครต้องลำบากรับใช้เธอทั้งวันเพราะงานที่ตำหนักใหญ่ก็เยอะพอแล้ว แต่ในเมื่อเอเลอยากช่วยจริงๆเธอก็จะให้ช่วย
"ก็ได้...แต่เฉพาะเตรียมน้ำอาบ จัดเก็บห้องกับทำอาหารเท่านั้นนะ"องค์หญิงทิทาเนียเอ่ยพลางยกถังน้ำถังสุดท้ายเทลงอ่างน้ำ เอเลมีสีหน้าสลดเล็กน้อยที่ได้ช่วยองค์หญิงของเธอเพียงนิดเดียวแต่เธอก็ยิ้มตอบอย่างร่าเริง..ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย...
"เพคะ.."เธอก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะส่งน้ำอบกลิ่นกุหลาบที่องค์หญิงของเธอทำเองให้กับองค์หญิงทิทาเนีย
"เจ้าออกไปข้างนอกเถอะ เดี๋ยวข้าจะอาบน้ำ"เธอหันไปพูดกับเอเล เอเลก็ก้มหัวอย่างนอบน้อมก่อนออกไปตามคำสั่ง
เมื่อเอเลออกมาจากห้องน้ำเธอก็รีบจัดเก็บห้องทันที เเต่ห้องขององค์หญิงของเธอไม่ต้องจัดเก็บอะไรมากนักเพราะห้องนี้ถูกจัดอย่างเรียบๆไม่มีของประดับตกเเต่งอะไรเลยยกเว้นแจกันดอกไม้ที่ทำให้ห้องนี้ดูสดชื้นขึ้น เมื่อเอเลเหลือบไปเห็นแจกันดอกไม้ที่มีดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเธอจึงเข้าไปดึงมันออกก่อนจะเอาดอกไม้ในมือออกจากห้องเพื่อที่จะเอาไปทิ้ง
"อืม...เอาไปทิ้งก็หน้าเสียดาย...เก็บไว้ให้ท่านพี่เอาไปเป็นที่คั่นหนังสือด็กว่า.."เมื่อคิดได้เอเลจึงนำดอกไม้เเห้งนี้ไปใว้ที่ห้องของตนที่อยู่เยื้องจากตำหนักขององค์หญิงทิทาเนียเพียงเล็กน้อย
เมื่อเก็บของเรียบร้อยเอเลจึงเดินไปที่อุทยานเพื่อที่จะหาดอกไม้ไปประดับห้องให้องค์หญิง เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลินเธอคิดว่าตอนนี้องค์หญิงทิทาเนียคงอาบน้ำยังไม่เสร็จคงไม่ต้องรีบก็ได้ แล้วหญิงสาวก็เดินชมดอกไม้ต่อไป
เอเลเป็นลูกสาวของเจ้ากรมคลัง เธอมีอายุน้อยกว่าทิทาเนียเพียง 1 ปีเท่านั้น เธอเข้าวังตั้งแต่อาย 10 ปี เธอจึงมีกิรยามารยาทเรียบร้อยเเละอ่อนช้อย เธอชื่นชมในตัวองค์หญิงทิทาเนียมากเพราะนอกจากเธอจะเก่งในเรื่องการปกครองเเล้วเธอยังเก่งเรื่องพลังเวทอีกด้วย เรื่องงานฝีมือเธอก็ไม่เป็นสองรองใคร เอเลจึงมองเธอเป็นตัวอย่างมาตลอดและอยากเก่งให้ได้อย่างเธอ
เอเลมีพี่น้องเพียงคนเดียวคือพี่ชายของเธอที่มีอายุเท่ากับองค์หญิงทิทาเนีย ชื่อ เอเรียส เขาเป็นทหารองครักษ์ให้กับองค์ราชา เขาเป็นคนเก่งเเละหน้าตาของเขาก็ถือว่าดีทีเดียว
เอเลเดินลึกเข้าไปในอุทยานก็เจอโพงไม้ที่ลึกเข้าไปข้างในอุยานที่มีกำเเพงดอกกุหลาบกั้นไว้ หญิงสาวก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงลอดตัวผ่านโพงไม้เข้าไป ก็พบว่าข้างในเต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีซึ่งสีที่เธอไม่เคยเห็นก็มี
"ใครกันที่มาปลูกดอกไม้ไว้ที่นี่.."หญิงสาวลำพึงเบาๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลังปลิวไสวตามแรงลม ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วบริเวณก็ไม่พบใครจึงเดินเข้าไปในสวนที่กว้างพอสมควรเธอเดินไปยังดอกกุหลามสีเขียวแปลกตา เธอทรุดตัวนั่งลงก่อนจะเอื้อมมือไปจับดอกไม้ที่มีสีเดียวกับดวงตาเธออย่างหลงไหล
"เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร.." เสียงขรึมของผู้ชายดังขึ้นเบื้องหลังของหญิงสาว เธอถึงกับสดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบลุกขึ้นทันทีแล้วหันหลังไปมองผู้มาเยือน คนที่อยู่ตรงหน้าเธออยู่ในชุดทหารของวังหลาวอย่างเห็นได้ชัด ผมของเขามีสีทอง ดวงตาของเขามีสีเขียวเช่นเดียวกับเธอ เมื่อเขาและเธอสบตากันก็เหมือนกาลเวลาหยุดนิ่งไปช่วงขณะ
"เอ่อ..ข้า...ข้าเดินมาเห็นโพงนี่..จึงนึกสงสัยเลยเข้ามาดู เเล้วเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร..หรือว่าเจ้า...เป็นคนปลูกดอกไม้พวกนี้" เอเลพูดตะกุตะกะก่อนจะถามอย่างตื่นเต้นตอนท้ายเพราะเธออยากรู้นักว่าเขาปลูกดอกไม้สีแปลกตานี้ได้อย่างไร
"ไม่ใช่ข้าหรอกคนที่ปลูกดอกไม้พวกนี้ตั้งแต่ต้นคือท่านพ่อของข้า แต่ตอนนี้ท่านเสียแล้วข้าจึงมาดูแลแทน"เขาตอบพลางยิ้มอย่างเป็นมิตร
"งั้นเหรอ..ข้าขอโทษนะที่เข้ามาในที่ของเจ้า ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" เธอรีบเดินอย่างรวดเร็วไปที่โพงเมื่อขามา แต่ต้องหยุดชงักด้วยเสียงของคนที่อยู่เบื้องหลัง
"เจ้าจะไม่เก็บดอกไม้ติดมือไปหน่อยเหรอ" เธอหันกับไปสบกับดวงตาสีมรกตคู่งามก่อนจะตอบไปว่า
"เก็บได้หรือ..นี่มันสวนของพ่อเจ้าไม่ใช่เหรอ" เธอถามอย่างเกรงใจ
"ได้สิ..ข้าปลูกไว้เฉยๆมีหวังเฉาตายหมดแน่ เจ้ามาเก็บไปจัดแจกันก็ได้ ข้าอนุญาติ" เขายิ้มให้จางๆ หญิงสาวจึงยิ้มตอบก่อนจะเดินไยังดอกกุหลาบสีเขียวที่เธอถูกใจ
"เจ้าก็ชอบดอกกุหลาบสีเขียวเช่นกันหรือ" เขาเข้ามานั่งข้างๆหญิงสาวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวจึงสดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปยิ้มจางๆให้เขาแล้วเอื้อมมือไปเด็ดดอกกุหลาบ
"แม่ของข้าก็ชอบดอกกุหลาบสีเขียวเหมือนกัน"เขาพูดพลางยิ้มออกมาแต่ดวงตาคู่นั้นดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัดหญิงสาวจึงอดถามไม่ได้ว่า
"แม่ของเจ้าอยู่ที่ใดหรือ"
"บนสวรรณ์"เขาเงยหน้าขึ้นไปก่อนจะหันไปยิ้มให้เอเล และนั่นทำให้เธอหัวใจเต้นแรงผิดปกติเธอจึงเเกล้งทำเป็นเด็ดดอกกุหลาบต่อแต่ในขณณะที่เอื้อมไปนั้นเอง เธอไม่ทันระวังตัวเธอจึงถูกหนามของดอกกุหลาบตำเข้าที่นิ้วของเธอ
"โอ๊ย.." เธออุทานพลางชักมือกลับทันทีเธอกุมมือของไว้เพราะบาดแผลที่ได้รับก็ทำให้เธอเจ็บไม่น้อย
"เป็นอะไรหรือเปล่า" ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่หรอกเดี๋ยวก็หาย"เธอตอบพลางเอานิ้วของเธอที่มีเลือดซึมเช็ดกับชุดของเธอซึ่งเป็นสีขาว เมื่อชายหนุ่มเห็นก็ร้องค้านทันที
"เจ้าเช็ดเลือดอย่างนั้นได้อย่างไร..เดี๋ยวชุดก็เปื้อนหรอก" เมื่อพูดจบมือหนาก็เอื้อมไปจับมือเล็กของหญิงสาวก่อนจะฉีกชายเสื้อออกมาเล็กน้อยเเต่นั่นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้าง
"เจ้าฉีกชายเสื้อของเจ้าออกมาทำไม" เธอร้องถามเสียงหลง
"ก็เอามาห้ามเลือดให้เจ้าไง...เห็นไหมเนี่ยเลือดใหลไม่หยุดเลย" เขาพูดพลางเอาเศษผ้าชิ้นนั้นมาพันรอบนิ้วของหญิงสาว
"เสร็จเเล้ว..คงห้ามเลือดได้...ไหนเจ้าเก็บได้กี่ดอกแล้วต้องเก็บเพิ่มหรือเปล่า..ข้าเก็บให้" เขาเสนอ
"ไม่เป็นไรหรอกข้าเก็บเองได้ เเผลแค่นี้เองไม่ต้องลำบากเจ้าเก็บให้ก็ได้" เธอค้านพลางยิ้มให้อย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอก ต้องเก็บเพิ่มอีกกี่ดอกล่ะ"เขาถาม แต่หญิงสาวก็ทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้าอย่างจำยอมเพราะเป็นการไม่ทำลายน้ำใจของเขาด้วย
"เอ่อ....3 ดอกน่ะ ขอบใจนะ" เธอนับดอกไม้ในมือก่อนตอบออกไปพร้อมกับคำขอบคุณ
"ไม่เป็นไรหรอก..3 ดอกใช่ไหม" เขาเอี้อมมือไปเด็ดดอกกุหลาบอีก 3 ดอกก่อนส่งให้หญิงสาว เธอรับมาพลางยิ้มให้จางๆ ก่อนจะลุกขึ้น
"ข้าต้องกลับแล้วนะ...ขอตัวก่อน" เธอรีบผลุนผลันเดินกลับไปทางโพงนั้นอย่างรวดเร็วเพราะเธอก็ออกมานานแล้วองค์หญิงต้องทรงเป็นห่วงแน่ๆ
"เดี๋ยว..เจ้าชื่ออะไร!" ชายหนุ่มถามทันทีเพราะเกรงว่าจะไม่ได้พบเธออีก
"เอเล..!"เธอตะโกนตอบเพราะที่ที่เธออยู่ก็อยู่ห่างจากที่ที่เขาตะโกนถามเธออยู่พอสมควร ก่อนที่เธอจะมุดตัวลอดโพงไม้ไป
"ข้าชื่อ ราฟนะ..." เขาตะโกนหลังจากที่เธอจะมุดตัวเข้าไปในโพงแล้ว และหวังว่าเธอจะได้ยิน...หัวใจข้า..เหตุใดถึงเต้นแรงยามอยู่ใกล้นางนะ...
เมื่อหญิงสาวรอดผ่านโพงไม้ออกมายังอุทยานของพระราชวังก็ยิ้มกับดอกกุหลาบที่ได้มา แต่พอนึกถึงหน้าของคนที่เป็นเจ้าของ หัวใจก็พลันเต้นแรงผิดปกติ เธอเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับตำหนักอย่างอารมณ์ดี เมื่อมาถึงหน้าห้องขององค์หญิงทิทาเนียเธอก็หยุดเคาะประตูก่อนเข้าไปเช่นเคย เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็พบองค์หญิงของเธอนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียง เเละเธอก็พอจะเดาออกว่าองค์หญิงของเธอหน้าหงิกงอด้วยสาเหตุอะไร
"เจ้าไปไหนมา...เอเล..ข้าเป็นห่วงแถบแย่"เธอเริ่มต้นบทสนทนาด้วยเสียงเข้มและบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าผู้พูดกำลังโกรธอยู่
"หม่อมฉันขอประทานอะไรเพคะหม่อมฉันออกไปหาดอกไม้เพื่อที่จะมาประดับห้องให้พระองค์น่ะเพคะ แต่พอดีเลือกเพลินไปหน่อย" เธอตอบพลางส่งดอกกุหลาบสีเขียวแปลกตาให้กับองค์หญิงทิทาเนีย
"หึ..นี่มันดอกไม้ในเขตต้องห้ามนี่..เจ้าไปเก็บมาได้อย่างไร" เธอถามอย่างสงสัย
"พระองค์เคยไปที่นั่นหรือเพคะ" เอเลถามอย่างแปลกใจ
"ก็..ไม่เชิงเคยนะ..แต่ คราวนั้นข้ายังอายุเพียง 10 ปีเอง ข้าก็ดื้อไปตามประสา พอดีวิ่งไปเจอโพง โพงหนึ่งเข้าจึงลองเข้าไปดู ปรากฎว่าข้างในมีดอกกุหลาบหลากสีมากแต่พอดีมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาไล่ข้าออกไปเพราะที่นั่นเป็นที่ที่พ่อของเขาปลูกไว้ ข้าจึงออกมาอย่างไม่มีทางเลือกแต่ก็นึกเสียดายที่อดเก็บดอกไม้ แล้วเจ้าไปเก็บมาได้อย่างไร" เธอถามอย่างยิ้มๆ
"คือ..หม่อมฉันก็เจอโพงเช่นเดียวกับพระองค์แต่พอเข้าไปก็ไม่เจอผู้ใด เลยเก็บมาฝากพระองค์น่ะเพคะ" เธอปดออกไป ทั้งๆที่ไม่ควรแต่ทำไมเธอถึงไม่อยากให้พระองค์รู้นะ..ว่าเธอก็เจอเด็กผู้ชายที่องค์พูดถึง...นี่ข้า..กำลังอายอยู่งั้นหรือ...
"จะยังไงก็ตาม เจ้าไปจัดใส่แจกันให้ข้าทีนะ" เธอส่งดอกกุหลาบให้เอเลก่อนยิ้มให้
"เพคะ" เมื่อเอเลเอื้อมมือขึ้นมารับดอกกุหลาบดวงตาสีฟ้างามก็เหลือบไปเห็นผ้าสีขาวที่พันรอบนิ้วของเอเลเธอจึงถามไปว่า
"เจ้าไปทำอะไรมา..หึ..เอเล" พระองค์จับมือเอเลขึ้นมาก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง
"หนามกุหลาบตำน่ะเพคะไม่ใช่แผลใหญโตอะไรหรอกเพคะ" เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะจัดแจกันให้องค์หญิงตามคำสั่ง
"งั้นเหรอ..ก็เจ้าเล่นพันเเผลซะดิบดีอย่างนั้น..ข้าก็นึกว่าแผลใหญ่น่ะสิ" พระองค์หยอกเข้าให้ก่อนจะหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ตามจริงเเล้วองค์หญิงไม่ควรหัวเราะเสียงดัง เเต่ยามที่เธออยู่กับเอเลเเละดราโอนี่ เธอจะหัวเราะออกมาอย่างไม่มีอายเลย
"องค์หญิงล่ะก็.." เธอหันไปมององค์หญิงที่หัวเราะเธออย่างอารมณ์ด็ก็นึกตลกคนที่ทำแผลให้เธอเหมือนกันแผลเล็กขนาดนี้ทำไมต้องพันแผลเหมือนกับนิ้วขาดแบบนี้ด้วย..เฮ้ย..ราฟเจ้าจะรับผิดชอบที่ทำให้ข้าต้องกลายเป็นตัวตลกให้องค์หญิงรึเปล่าเนี่ย...หญิงสาวคิดในใจก่อนยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว....
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเข้าไปในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบๆง่ายๆไม่หรูหรานัก เตียงนอนใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ร่างบางเริ่มขยับตัวเมื่อสัมผัสได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว เรือนผมสีทองงามสลวยแผ่กระจายบนเตียงหนานุ่ม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แพขนตางอนถูกเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตากลมโตสีฟ้างาม ร่างบางลุกขึ้นนั่งก่อนตอบไปว่า
"เข้ามาได้.."
ประตูใหญ่ถูกเปิดออก โดยนางกำนัลคนสนิท เธอเดินเข้ามาพลางปิดประตูบานใหญ่อย่างแผ่วเบา แล้วเดินมาใกล้เตียงใหญ่ เธอก้มหัวอย่างนอบน้อมก่อนเอ่ยว่า
"องค์หญิงจะทรงสรงน้ำเลยหรือเปล่าเพคะ ขอให้หม่อมฉันเตรียมให้ได้หรือไม่เพคะ"
"อื้ม..."เธอพยักหน้าอย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ้มจางๆให้เอเล
"งั้นรอเดี๋ยวนะเพคะ" เอเลยิ้มกว้างก่อนผุนผลันลุกขึ้นเล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ที่เธอดีใจก็เพราะองค์หญิงของเธอไม่ค่อยให้เธอทำอะไรช่วยพระองค์เลย พระองค์ทำเองเกือบหมดทุกอย่างยกเว้นแต่อาหารเท่านั้นที่พระองค์อนุญาติให้เธอทำถวายได้
ร่างบางบิดขี้เกลียดไปมาเพื่อไล่ความง่วงก่อนจะเดินลงจากเตียง เเล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำเธอนึกแปลกใจที่เอเลเอ่ยปากอยากช่วยนับจากที่พระองค์บอกให้นางหยุดช่วยเธอเพราะเธออยากทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่า
"อ้าว..องค์หญิงทรงเข้ามาทำไมเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจัดการเอง พระองค์ออกไปรอข้างนอกเถอะเพคะ" หญิงสาววางทั้งน้ำอุ่นลงกับพื้นเมื่อเห็นร่างงามระหงส์ขององค์หญิงทิทาเนียย่างก้าวเข้ามา แต่พระองค์ไม่ฟังคำค้านใดๆ เดินเข้าไปหยิบทั้งน้ำอุ่นที่เอเลวางเมื่อครู่ขึ้นมาถือก่อนจะยิ้มให้เอเลที่ทำท่าจะคัดค้าน
"ข้าเป็นคนอาบ...ข้าก็ต้องทำเองสิ...ทุกวันข้าไม่เห็นเจ้าเข้ามา...ถึงเข้ามาก็เเค่เอาอาหารมาให้ นึกยังไงถึงอยากเตรียมน้ำอาบให้ข้า หึ..เอเล" พระองค์ถามพลางยกถังน้ำเทลงอ่างอาบน้ำขนาดพออาบเพียงคนเดียว
"ก็พระองค์ไปให้หม่อมฉันทำอะไรเลยอย่างนี้นี่เพคะ...แล้วที่สำคัญวันนี้เป็นวันเกิดของพระองค์นะเพคะ...ขอให้ข้าช่วยอะไรสักนิดเถอะเพคะ..แค่เรื่องที่พระองค์ต้องเรียนโน่นนี่ก็เหนื่อยพอแล้ว...ขอให้ข้าช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์บ้างเถอะเพคะ" นางอธิบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจมานานออกไปอย่างลืมตัวว่าคนตรงหน้าเป็นถึงองค์หญิงรัชทายาท เมื่อนางรู้ตัวว่าพูดมากไปก็รีบคุกเข่าขอโทษเป็นการใหญ่
"หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะที่.."เอเลยังไม่ทันพูดอะไรองค์หญิงของเธอก็นั่งลงแล้วบอกให้เธอลุกขึ้นเธอจึงทำตาม
"ไม่ต้องขอโทษหรอกเอเล..เจ้าแค่อยากช่วยข้าไม่เห็นผิดนี่.."เธอส่ายหน้าพลางยิ้มให้เอเล เธอก็ยิ้มตอบ
"งั้น...องค์หญิงทรงอนุญาติให้หม่อมฉันช่วยงานเล็กน้อยของพระองค์ได้หรือไม่เพคะ" นางได้ทีจึงเอ่ยขอทันที ทิทาเนียจึงมองนางอย่างลำบากใจน้อยๆ เธอไม่อยากให้ใครต้องลำบากรับใช้เธอทั้งวันเพราะงานที่ตำหนักใหญ่ก็เยอะพอแล้ว แต่ในเมื่อเอเลอยากช่วยจริงๆเธอก็จะให้ช่วย
"ก็ได้...แต่เฉพาะเตรียมน้ำอาบ จัดเก็บห้องกับทำอาหารเท่านั้นนะ"องค์หญิงทิทาเนียเอ่ยพลางยกถังน้ำถังสุดท้ายเทลงอ่างน้ำ เอเลมีสีหน้าสลดเล็กน้อยที่ได้ช่วยองค์หญิงของเธอเพียงนิดเดียวแต่เธอก็ยิ้มตอบอย่างร่าเริง..ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย...
"เพคะ.."เธอก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะส่งน้ำอบกลิ่นกุหลาบที่องค์หญิงของเธอทำเองให้กับองค์หญิงทิทาเนีย
"เจ้าออกไปข้างนอกเถอะ เดี๋ยวข้าจะอาบน้ำ"เธอหันไปพูดกับเอเล เอเลก็ก้มหัวอย่างนอบน้อมก่อนออกไปตามคำสั่ง
เมื่อเอเลออกมาจากห้องน้ำเธอก็รีบจัดเก็บห้องทันที เเต่ห้องขององค์หญิงของเธอไม่ต้องจัดเก็บอะไรมากนักเพราะห้องนี้ถูกจัดอย่างเรียบๆไม่มีของประดับตกเเต่งอะไรเลยยกเว้นแจกันดอกไม้ที่ทำให้ห้องนี้ดูสดชื้นขึ้น เมื่อเอเลเหลือบไปเห็นแจกันดอกไม้ที่มีดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเธอจึงเข้าไปดึงมันออกก่อนจะเอาดอกไม้ในมือออกจากห้องเพื่อที่จะเอาไปทิ้ง
"อืม...เอาไปทิ้งก็หน้าเสียดาย...เก็บไว้ให้ท่านพี่เอาไปเป็นที่คั่นหนังสือด็กว่า.."เมื่อคิดได้เอเลจึงนำดอกไม้เเห้งนี้ไปใว้ที่ห้องของตนที่อยู่เยื้องจากตำหนักขององค์หญิงทิทาเนียเพียงเล็กน้อย
เมื่อเก็บของเรียบร้อยเอเลจึงเดินไปที่อุทยานเพื่อที่จะหาดอกไม้ไปประดับห้องให้องค์หญิง เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลินเธอคิดว่าตอนนี้องค์หญิงทิทาเนียคงอาบน้ำยังไม่เสร็จคงไม่ต้องรีบก็ได้ แล้วหญิงสาวก็เดินชมดอกไม้ต่อไป
เอเลเป็นลูกสาวของเจ้ากรมคลัง เธอมีอายุน้อยกว่าทิทาเนียเพียง 1 ปีเท่านั้น เธอเข้าวังตั้งแต่อาย 10 ปี เธอจึงมีกิรยามารยาทเรียบร้อยเเละอ่อนช้อย เธอชื่นชมในตัวองค์หญิงทิทาเนียมากเพราะนอกจากเธอจะเก่งในเรื่องการปกครองเเล้วเธอยังเก่งเรื่องพลังเวทอีกด้วย เรื่องงานฝีมือเธอก็ไม่เป็นสองรองใคร เอเลจึงมองเธอเป็นตัวอย่างมาตลอดและอยากเก่งให้ได้อย่างเธอ
เอเลมีพี่น้องเพียงคนเดียวคือพี่ชายของเธอที่มีอายุเท่ากับองค์หญิงทิทาเนีย ชื่อ เอเรียส เขาเป็นทหารองครักษ์ให้กับองค์ราชา เขาเป็นคนเก่งเเละหน้าตาของเขาก็ถือว่าดีทีเดียว
เอเลเดินลึกเข้าไปในอุทยานก็เจอโพงไม้ที่ลึกเข้าไปข้างในอุยานที่มีกำเเพงดอกกุหลาบกั้นไว้ หญิงสาวก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงลอดตัวผ่านโพงไม้เข้าไป ก็พบว่าข้างในเต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีซึ่งสีที่เธอไม่เคยเห็นก็มี
"ใครกันที่มาปลูกดอกไม้ไว้ที่นี่.."หญิงสาวลำพึงเบาๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลังปลิวไสวตามแรงลม ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วบริเวณก็ไม่พบใครจึงเดินเข้าไปในสวนที่กว้างพอสมควรเธอเดินไปยังดอกกุหลามสีเขียวแปลกตา เธอทรุดตัวนั่งลงก่อนจะเอื้อมมือไปจับดอกไม้ที่มีสีเดียวกับดวงตาเธออย่างหลงไหล
"เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร.." เสียงขรึมของผู้ชายดังขึ้นเบื้องหลังของหญิงสาว เธอถึงกับสดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบลุกขึ้นทันทีแล้วหันหลังไปมองผู้มาเยือน คนที่อยู่ตรงหน้าเธออยู่ในชุดทหารของวังหลาวอย่างเห็นได้ชัด ผมของเขามีสีทอง ดวงตาของเขามีสีเขียวเช่นเดียวกับเธอ เมื่อเขาและเธอสบตากันก็เหมือนกาลเวลาหยุดนิ่งไปช่วงขณะ
"เอ่อ..ข้า...ข้าเดินมาเห็นโพงนี่..จึงนึกสงสัยเลยเข้ามาดู เเล้วเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร..หรือว่าเจ้า...เป็นคนปลูกดอกไม้พวกนี้" เอเลพูดตะกุตะกะก่อนจะถามอย่างตื่นเต้นตอนท้ายเพราะเธออยากรู้นักว่าเขาปลูกดอกไม้สีแปลกตานี้ได้อย่างไร
"ไม่ใช่ข้าหรอกคนที่ปลูกดอกไม้พวกนี้ตั้งแต่ต้นคือท่านพ่อของข้า แต่ตอนนี้ท่านเสียแล้วข้าจึงมาดูแลแทน"เขาตอบพลางยิ้มอย่างเป็นมิตร
"งั้นเหรอ..ข้าขอโทษนะที่เข้ามาในที่ของเจ้า ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" เธอรีบเดินอย่างรวดเร็วไปที่โพงเมื่อขามา แต่ต้องหยุดชงักด้วยเสียงของคนที่อยู่เบื้องหลัง
"เจ้าจะไม่เก็บดอกไม้ติดมือไปหน่อยเหรอ" เธอหันกับไปสบกับดวงตาสีมรกตคู่งามก่อนจะตอบไปว่า
"เก็บได้หรือ..นี่มันสวนของพ่อเจ้าไม่ใช่เหรอ" เธอถามอย่างเกรงใจ
"ได้สิ..ข้าปลูกไว้เฉยๆมีหวังเฉาตายหมดแน่ เจ้ามาเก็บไปจัดแจกันก็ได้ ข้าอนุญาติ" เขายิ้มให้จางๆ หญิงสาวจึงยิ้มตอบก่อนจะเดินไยังดอกกุหลาบสีเขียวที่เธอถูกใจ
"เจ้าก็ชอบดอกกุหลาบสีเขียวเช่นกันหรือ" เขาเข้ามานั่งข้างๆหญิงสาวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวจึงสดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปยิ้มจางๆให้เขาแล้วเอื้อมมือไปเด็ดดอกกุหลาบ
"แม่ของข้าก็ชอบดอกกุหลาบสีเขียวเหมือนกัน"เขาพูดพลางยิ้มออกมาแต่ดวงตาคู่นั้นดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัดหญิงสาวจึงอดถามไม่ได้ว่า
"แม่ของเจ้าอยู่ที่ใดหรือ"
"บนสวรรณ์"เขาเงยหน้าขึ้นไปก่อนจะหันไปยิ้มให้เอเล และนั่นทำให้เธอหัวใจเต้นแรงผิดปกติเธอจึงเเกล้งทำเป็นเด็ดดอกกุหลาบต่อแต่ในขณณะที่เอื้อมไปนั้นเอง เธอไม่ทันระวังตัวเธอจึงถูกหนามของดอกกุหลาบตำเข้าที่นิ้วของเธอ
"โอ๊ย.." เธออุทานพลางชักมือกลับทันทีเธอกุมมือของไว้เพราะบาดแผลที่ได้รับก็ทำให้เธอเจ็บไม่น้อย
"เป็นอะไรหรือเปล่า" ชายหนุ่มถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่หรอกเดี๋ยวก็หาย"เธอตอบพลางเอานิ้วของเธอที่มีเลือดซึมเช็ดกับชุดของเธอซึ่งเป็นสีขาว เมื่อชายหนุ่มเห็นก็ร้องค้านทันที
"เจ้าเช็ดเลือดอย่างนั้นได้อย่างไร..เดี๋ยวชุดก็เปื้อนหรอก" เมื่อพูดจบมือหนาก็เอื้อมไปจับมือเล็กของหญิงสาวก่อนจะฉีกชายเสื้อออกมาเล็กน้อยเเต่นั่นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้าง
"เจ้าฉีกชายเสื้อของเจ้าออกมาทำไม" เธอร้องถามเสียงหลง
"ก็เอามาห้ามเลือดให้เจ้าไง...เห็นไหมเนี่ยเลือดใหลไม่หยุดเลย" เขาพูดพลางเอาเศษผ้าชิ้นนั้นมาพันรอบนิ้วของหญิงสาว
"เสร็จเเล้ว..คงห้ามเลือดได้...ไหนเจ้าเก็บได้กี่ดอกแล้วต้องเก็บเพิ่มหรือเปล่า..ข้าเก็บให้" เขาเสนอ
"ไม่เป็นไรหรอกข้าเก็บเองได้ เเผลแค่นี้เองไม่ต้องลำบากเจ้าเก็บให้ก็ได้" เธอค้านพลางยิ้มให้อย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอก ต้องเก็บเพิ่มอีกกี่ดอกล่ะ"เขาถาม แต่หญิงสาวก็ทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้าอย่างจำยอมเพราะเป็นการไม่ทำลายน้ำใจของเขาด้วย
"เอ่อ....3 ดอกน่ะ ขอบใจนะ" เธอนับดอกไม้ในมือก่อนตอบออกไปพร้อมกับคำขอบคุณ
"ไม่เป็นไรหรอก..3 ดอกใช่ไหม" เขาเอี้อมมือไปเด็ดดอกกุหลาบอีก 3 ดอกก่อนส่งให้หญิงสาว เธอรับมาพลางยิ้มให้จางๆ ก่อนจะลุกขึ้น
"ข้าต้องกลับแล้วนะ...ขอตัวก่อน" เธอรีบผลุนผลันเดินกลับไปทางโพงนั้นอย่างรวดเร็วเพราะเธอก็ออกมานานแล้วองค์หญิงต้องทรงเป็นห่วงแน่ๆ
"เดี๋ยว..เจ้าชื่ออะไร!" ชายหนุ่มถามทันทีเพราะเกรงว่าจะไม่ได้พบเธออีก
"เอเล..!"เธอตะโกนตอบเพราะที่ที่เธออยู่ก็อยู่ห่างจากที่ที่เขาตะโกนถามเธออยู่พอสมควร ก่อนที่เธอจะมุดตัวลอดโพงไม้ไป
"ข้าชื่อ ราฟนะ..." เขาตะโกนหลังจากที่เธอจะมุดตัวเข้าไปในโพงแล้ว และหวังว่าเธอจะได้ยิน...หัวใจข้า..เหตุใดถึงเต้นแรงยามอยู่ใกล้นางนะ...
เมื่อหญิงสาวรอดผ่านโพงไม้ออกมายังอุทยานของพระราชวังก็ยิ้มกับดอกกุหลาบที่ได้มา แต่พอนึกถึงหน้าของคนที่เป็นเจ้าของ หัวใจก็พลันเต้นแรงผิดปกติ เธอเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับตำหนักอย่างอารมณ์ดี เมื่อมาถึงหน้าห้องขององค์หญิงทิทาเนียเธอก็หยุดเคาะประตูก่อนเข้าไปเช่นเคย เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็พบองค์หญิงของเธอนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียง เเละเธอก็พอจะเดาออกว่าองค์หญิงของเธอหน้าหงิกงอด้วยสาเหตุอะไร
"เจ้าไปไหนมา...เอเล..ข้าเป็นห่วงแถบแย่"เธอเริ่มต้นบทสนทนาด้วยเสียงเข้มและบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าผู้พูดกำลังโกรธอยู่
"หม่อมฉันขอประทานอะไรเพคะหม่อมฉันออกไปหาดอกไม้เพื่อที่จะมาประดับห้องให้พระองค์น่ะเพคะ แต่พอดีเลือกเพลินไปหน่อย" เธอตอบพลางส่งดอกกุหลาบสีเขียวแปลกตาให้กับองค์หญิงทิทาเนีย
"หึ..นี่มันดอกไม้ในเขตต้องห้ามนี่..เจ้าไปเก็บมาได้อย่างไร" เธอถามอย่างสงสัย
"พระองค์เคยไปที่นั่นหรือเพคะ" เอเลถามอย่างแปลกใจ
"ก็..ไม่เชิงเคยนะ..แต่ คราวนั้นข้ายังอายุเพียง 10 ปีเอง ข้าก็ดื้อไปตามประสา พอดีวิ่งไปเจอโพง โพงหนึ่งเข้าจึงลองเข้าไปดู ปรากฎว่าข้างในมีดอกกุหลาบหลากสีมากแต่พอดีมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาไล่ข้าออกไปเพราะที่นั่นเป็นที่ที่พ่อของเขาปลูกไว้ ข้าจึงออกมาอย่างไม่มีทางเลือกแต่ก็นึกเสียดายที่อดเก็บดอกไม้ แล้วเจ้าไปเก็บมาได้อย่างไร" เธอถามอย่างยิ้มๆ
"คือ..หม่อมฉันก็เจอโพงเช่นเดียวกับพระองค์แต่พอเข้าไปก็ไม่เจอผู้ใด เลยเก็บมาฝากพระองค์น่ะเพคะ" เธอปดออกไป ทั้งๆที่ไม่ควรแต่ทำไมเธอถึงไม่อยากให้พระองค์รู้นะ..ว่าเธอก็เจอเด็กผู้ชายที่องค์พูดถึง...นี่ข้า..กำลังอายอยู่งั้นหรือ...
"จะยังไงก็ตาม เจ้าไปจัดใส่แจกันให้ข้าทีนะ" เธอส่งดอกกุหลาบให้เอเลก่อนยิ้มให้
"เพคะ" เมื่อเอเลเอื้อมมือขึ้นมารับดอกกุหลาบดวงตาสีฟ้างามก็เหลือบไปเห็นผ้าสีขาวที่พันรอบนิ้วของเอเลเธอจึงถามไปว่า
"เจ้าไปทำอะไรมา..หึ..เอเล" พระองค์จับมือเอเลขึ้นมาก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง
"หนามกุหลาบตำน่ะเพคะไม่ใช่แผลใหญโตอะไรหรอกเพคะ" เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะจัดแจกันให้องค์หญิงตามคำสั่ง
"งั้นเหรอ..ก็เจ้าเล่นพันเเผลซะดิบดีอย่างนั้น..ข้าก็นึกว่าแผลใหญ่น่ะสิ" พระองค์หยอกเข้าให้ก่อนจะหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ตามจริงเเล้วองค์หญิงไม่ควรหัวเราะเสียงดัง เเต่ยามที่เธออยู่กับเอเลเเละดราโอนี่ เธอจะหัวเราะออกมาอย่างไม่มีอายเลย
"องค์หญิงล่ะก็.." เธอหันไปมององค์หญิงที่หัวเราะเธออย่างอารมณ์ด็ก็นึกตลกคนที่ทำแผลให้เธอเหมือนกันแผลเล็กขนาดนี้ทำไมต้องพันแผลเหมือนกับนิ้วขาดแบบนี้ด้วย..เฮ้ย..ราฟเจ้าจะรับผิดชอบที่ทำให้ข้าต้องกลายเป็นตัวตลกให้องค์หญิงรึเปล่าเนี่ย...หญิงสาวคิดในใจก่อนยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น