Cha-os ทฤษฎีไร้ระเบียบ
มีใครสักกี่คนที่จะเคยได้ยินคำว่า Cha-os บ้าง ความไร้ระเบียบของโลกทุกวันนี้ แท้จริงมันคืออะไร หรือทุกอย่างมันคือกฎ...ที่จะต้องเกิด
ผู้เข้าชมรวม
951
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พวกคุณเคยเชื่อเรื่องความบังเอิญไหมครับ
คุณเคยเชื่อไหมว่า ไอ้คำว่า โชค ของคุณบางทีมันอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญก็ได้
ผมก็เหมือนคนธรรมดาอย่างพวกคุณนั่นแหละครับ
ผมใช้ชีวิตอย่างธรรมดา
มีชีวิตแต่ละวันไปกับความบังเอิญ โชคชะตา หรืออะไรก็แล้วแต่ เทือกๆนั้นแหละครับ
อันที่จริงไอ้โชคชะตามันกลายเป็นเรื่องวิถีทางการพัฒนาของคนแต่ละคน ก็เพราะเราๆท่านๆไม่เคยใสใจมัน
เราไม่เคยคิดหรือระลึกเอาเลยว่าไอ้โชคเนี่ยมันมาจากไหน มีใครบนฟ้าประทานมารึเปล่า
แต่คุณๆครับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไอ้โชค มันพลิกเส้นยาแดงผ่าแปดมานักต่อนักแล้วนา
สงครามหลายต่อหลายครั้งที่ชนะๆกันอยู่ ไอ้โชคมันก็เข้าไปเอี่ยวด้วยทุกครั้งไปสิให้ตายเถอะ
อันนี้กระผมไม่ได้พูดลอยๆ ผมอ้าง มาจาก Carl von Clausewitz นักยุทธศาสตร์การทหารสำคัญของโลกเชียว
ส่วนไอ้เรื่องเงินๆทองๆหรือธุรกิจ ก็ใช่ว่าไอ้โชค หรือชื่อจริงมันคือ ความบังเอิญ จะไม่ได้เข้าไปเกี่ยว
คุณคงจำวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งอันเผ็ดร้อนของเราได้เหตุใดผลกระทบจากจุดเล็กๆ จากการล้มครืนของระบบการเงินการคลังของไทย เมื่อปี 40
ถึงได้สร้างความสั่นสะเทือนพังครืนกันไปได้ทั้งเอเชีย กระชากพาค่าเงินของมาเล อินโด เกาหลีใต้ ให้ดิ่งลงมาได้
ทั้งๆที่อยู่คนละประเทศกันใช้เงินคนละสกุลมิใช่หรือ
ไอ้ที่ต้องสาทกมาซะยืดยาว คุณๆอย่าเพิ่งบ่นเบื่อว่ากระผมนี้พร่ามไปให้หลงเชื่อ
ผมไม่ได้พร่ามครับผมกำลังจะเอาความจริงมาเตือน
ผมในฐานะที่อาจจะเป็นมดตัวหนึ่ง แต่คุณอย่าเพิ่งดูถูกมดตัวน้อยๆตัวนี้
คุณคงจะเห็นว่า เมื่อใดที่มีพายุเข้า หรือฝนกำลังจะตก มดอย่างพวกกระผมนี่แหละครับที่จะเป็นผู้เตือนพวกคุณ จริงไหมครับ
พระพุทธองค์ ทรงเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายอย่าตั้งอยู่ในความประมาท จงเป็นผู้ที่ตื่นอยู่เสมอ
นวัตกรรมหรือ innovetion ใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายบนโลกนี้ นวัตกรรมถักทอโลกให้เป็นเครือข่าย network ความไร้พรมแดน globalization การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และซับซ้อน ทำให้เสถียรภาพออกห่างจากจุดกำเนิดมากไปทุกเศษหนึ่งส่วนล้านวินาที เหตุนี้การทำนายสิ่งต่างๆที่แปรผันไป จึงไม่ใช่ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง สองบวกสองเป็นสี่ หากแต่คือความอ่อนไหวที่มากกว่ามนุษยชาติจะคำนวณได้ด้วยเครื่องสมองกลในทุกวันนี้
โลกไร้ระเบียบ คำนี้อาจเป็นคำที่คุ้นหูของนักคิดกลุ่มอนุรักษ์นิยมพร่ำประณามโลก หลังจากเมื่อกำแพงเบอร์ลินพังทลายไปโลกของทุนนิยมผงาดง้ำให้สังคมนิยมจมธรนินทร์ ระเบียบโลกเก่าถูกสั่นคลอนปัญหาต่างๆตามมาเป็นลูกคลื่นความสับสนวุ่นวายฟุ้งกระจายไปทั่วโลก เป็นสถานการณ์ที่ไร้ระเบียบ (chaos)
Lellouche ที่ปรึกษายุทธศาสตร์ของ Jacques Chirac ได้คาดการณ์ว่าความไร้ระเบียบจะยาวนานถึง 20 ปี สหรัฐจะอ่อนอำนาจ เพราะเศรษฐกิจและความโดดเดี่ยว ยุโรปจะถูกกระหน่ำด้วยปัญหาเชื้อชาติและผู้อพยพ ญี่ปุ่นจะมีบทบาททางเศรษฐกิจเหนือเอเชีย และผมก็เห็นด้วย เพราะทุกวันนี้ จากที่ผมเกลียดญี่ปุ่นมากแต่ตอนนี้ผมก็ต้องเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นบ้างแล้ว ประชากรในแอฟริกาและเอเชียใต้จะเพิ่มมากขึ้นจนก่อปัญหา ก่อเป็นกำลังพลเพื่อสนองต่อความขัดแย้งและการถูกกดขี่จากอำนาจเหนือโดยกระบวนการทางทุนนิยม และ15ประเทศที่พยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ความวุ่นวายที่ Lellouch บอก เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะมาตามกระแสโลก เป็น effect ที่เกิดมาจากทุนนิยมและ ความเป็น globalization ข่าวการปะทะกันของพวกคลั่งศาสนา การก่อการร้ายและความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ความขัดแย้งในยูโกสลาเวีย แอฟริกาใต้ อินเดีย และกระแส Fundamentalist ในกลุ่มประเทศอาหรับ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ให้เหตุผลสนับสนุนความไร้ระเบียบของกระแสโลกมากขึ้นทุกขณะ
ความไร้ระเบียบในความหมายทางวิทยาศาสตร์ คือสภาพและกระบวนการของระบบที่ไร้เสถียรภาพ ที่มีความอ่อนไหวสูงและเปราะบาง เมื่อมีการกระทบเพียงเล็กน้อยในสาเหตุเบื้องต้น (initial condition) เมื่อเกิดบ่อยๆ ซ้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกิดการแปรผันของระบบอย่างไม่เป็นเส้นตรงบ้าง คดเคี้ยว กวัดแกว่ง หรือบางครั้งก็ก้าวกระโดดฉับพลัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ทำนายได้ยากมาก
สิ่งที่กล่าวมามันช่างตรงข้ามกับความเชื่อในยุควิทยาศาสตร์เฟื่องฟู ที่เชื่อถือกันมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 17 ว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่สามารถคำนวณได้อย่างแม่นยำ เพียงรู้สมมุติฐานอันเป็นเงื่อนไขเบื้องต้น ซึ่งจะว่าไปเราก็คงจะชินกับคำกล่าวที่ว่า มันเป็นกระบวนทัศน์แยกส่วน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันกระบวนทัศน์นี้ตอบคำถามบางอย่างที่เกิดจากปรากฏการณ์อันแปรผันไปของโลกยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้เสียแล้ว
ความบังเอิญมีบทบาทสูงในทฤษฎีไร้ระเบียบ ซึ่งวิทยาศาสตร์คลาสสิค ไม่ได้ให้ความสำคัญนักกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เปราะบางอ่อนไหว ถือด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องจุกจิก คิดว่าคงไม่มีผลอันใด แต่ คุณครับเคยได้ยินคำนี้ไหม
"ผีเสื้อกระพือปีกสะเทือนถึงดวงดาว" กระบวนการทางตรรกะ เคยให้คำตอบของพวกเราว่า เหตุย่อมเท่ากับผล แต่มิวเตชั่น mutation ก็คือตัวแย้งตัวหนึ่ง ที่กำลังจะบอกพวกเราว่า มีสิ่งเล็กๆบางอย่างที่พยายามจะก่อผลที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวมันเอง ที่เราทุกคนไม่ควรจะละเลย หรือละทิ้งให้มันก่อตัวได้อย่างอิสระ มิวเตชั่นพวกคุณอาจจะยังจินตนาการไม่ออก จะบอกง่ายๆ ก็คือ ไอ้มะเร็งนั่นไง
ศาสตราจารย์ Lorenz Edward แห่งสถาบัน MIT ศึกษาเกี่ยวกับอุณหภูมิและปรากฏการณ์ต่างๆของโลก พบว่า "ในทางทฤษฎีด้านอุตุนิยมวิทยา ผีเสื้อใหญ่ตัวหนึ่งกระพือปีกที่ฮ่องกง สามารถทำให้ดินฟ้าอากาศที่แคลิฟอร์เนีย เปลี่ยนแปลงเป็นพายุได้เมื่อหนึ่งเดือนให้หลัง" ผลลัพธ์ที่ได้นี้มาจากการที่เขาพบว่า ความแตกต่างหลังทศนิยมเพียงน้อยนิด เกิดเป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากจุดเริ่มต้นอย่างมหาศาล เปรียบเสมือนการไหวตัวเบาๆของกระแสลม ที่มาจากการกระพือปีกของผีเสื้อ แต่กลับกลายไปสร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงทางดินฟ้าอากาศ เรียกว่า butterfly effect เป็นถ้อยคำที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่กระผมยกมาเพื่อให้คุณๆได้เข้าใจความเป็นไปของ Cha-os เพื่อว่าพวกคุณจะได้ไม่ละเลย หรือปล่อยทิ้งสิ่งเล็กน้อยไปจนมันกลับกลายมาเป็นผลกระทบอันใหญ่หลวงที่จะทำร้ายและทำลายพวกเราๆ
ความเป็นไปของคำว่าไร้ระเบียบในโลกพวกคุณยังต้องมองดูและเฝ้าสังเกตอย่างไม่ควรที่จะคลาดสายตา สิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า กำลังจะเข้าสู่ทางแพร่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปสู่การเข้าสู่พลวัต หรือสมดุลครั้งใหม่ แค่ก่อนที่จะเกิดความสมดุล เราๆท่านๆก็จะต้องทนทุกข์กับสิ่งที่หมุนวนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าโลกจะพบว่าสมดุลของมันว่าอยู่ตรงไหนกัน มันก็อาจจะกินเวลาไปถึงช่วงชีวิตหนึ่งของคนก็เป็นได้
สิ่งที่เล่ามาทั้งหมด ถ้าพูดเมื่อประมาณ 50 ปีก่อนคงจะเรียกว่าเป็นการข่มขู่ แต่ผมมั่นใจเหลือเกินว่า เรายกมาเล่าให้กันฟังทุกวันนี้ มันคือการเอาความจริงใจมาเล่าสูกันฟัง เพื่อการดำเนินชีวิตและการใช้ทุกวันเวลาที่เหลือของเราทุกๆคนอย่างไม่ประมาท มีความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ร่วมชะตากรรม ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่แห่งหนไหนบนโลก ไม่ว่าคุณจะรวยล้นฟ้า หรือจนแทบถูกน้ำย่อยกัดกินจนไม่เหลือชีวิต เราทุกคนก็จะต้องเผชิญชะตากรรมอันเดียวกันนี้ ฉะนั้น อย่าแบ่งแยกกันเลยครับ ว่าคุณ ผม หรือใครๆ ว่าเราต่างกัน อย่างรังเกียจเดียจฉันกันเลยครับ ผมไม่ได้เป็นตัวแทนมูลนิธิหรือองค์กรใดๆที่จะออกมาเรียกร้อง แต่ผม พูดในฐานะคน ที่เป็นคนหนึ่งบนโลก ที่พร้อมแล้วครับที่จะยอมรับผลการกระทำทุกอย่างที่เราได้ทำมาร่วมกัน แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง
*****อยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Chaos theory ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก
Chaos theory ทฤษฎีไร้ระเบียบกับทางแพร่งของสังคมสยาม ของ ชัยรัตน์ ถิรพันธุ์
สิ่งที่ผมจะช่วยโลกได้ ก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ
ในฐานะที่ผมเคยเลวมามาก อาจจะมีไม่กี่คนที่ได้อ่านบทความนี้ แต่ผมของบอกไว้ในที่นี้ว่าผมพูดทุกอย่างด้วยความหวังดีกับทุกคนจริงๆ
ผลงานอื่นๆ ของ ice_soda ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ice_soda
ความคิดเห็น