ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bigbang Fiction] Circle of love

    ลำดับตอนที่ #7 : circle of love ... ตอนพิเศษ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 52


    ตอนพิเศษ

    circle of love



    หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการโปรโมตอัลบั้มสอง เป็นเวลาเกือบสองเดือน ช่วงวันหยุดสิ้นปีนี้ เหล่าสมาชิกก็ได้มีเวลาพักผ่อนเสียที

    เป็นเช้าวันหยุดที่แสนสดใสของใครหลายคน แต่คงไม่ใช่ของเขา “ชเวซึงฮยอน”



    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ตาคมส่งสายตาไม่พอใจไปให้สองคนที่นั่งหัวร่อต่อกระซิกเล่นเกมกันอยู่มุมหนึ่งของบ้าน



    “เป็นอะไรพี่ ทำไมทำหน้าอย่างงั้น”แดซองเดินเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆเทมโป แล้วถามขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากพี่ใหญ่ของวง

    ไม่ตอบ หรือว่าจะโกรธที่ไปแอบกินขนมของพี่แก เอ...หรือว่าพี่เค้าจะรู้เรื่องที่เราแอบถ่ายรูปตอนหลับและเอาไปให้พี่จียงดูกันนะ

    แดซองพยายามคิดหาเหตุผล ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้พี่เทมโปอารมณ์เสียได้ขนาดนี้
    และแดซองก็ได้เข้าใจเมื่อเห็นจียงและซึงรินั่งเล่นเกม วินนิ่งกันอยู่ โดยมีพี่ใหญ่จับตามองโดยไม่ละสายตา


    “ตานี้ผมชนะแล้วแหละพี่จียง” เสียงใสของน้องเล็กดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งข้างๆอดจะหันไปมองด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ก็เจ้าตัวเล่นเอ่ยเสียงด้วยความภูมิใจซะขนาดนั้น
    “พี่อ่อนให้ต่างหากไอน้อง คราวนี้จะเอาจริงแล้ว”
    “นี่หรอเอาจริงเตะข้ามคานโน่นแล้ว”ซึงริพูดจบเสียงหัวเราะของทั้งสองคนก็ดังขึ้นพร้อ
    มกันอีกครั้ง

    “แดซอง ช่วยบอกฉันหน่อยสิว่าไอ้เกมวิ่นนิ่งบ้าบอนี่มันน่าขำตรงไหน”
    ที่แท้ก็อาการหวงแฟนกำเริบนี่เอง โชคดีนึกว่าโกรธเรื่องขนมกับรูปถ่ายไม่งั้นแย่แน่ แดซองคิดในใจ

    “มันก็ไม่ตลกหรอกนะ แต่มันอยู่ที่ว่าเราเล่นกับใครต่างหาก”ได้ยินคำตอบจากแดซอง เทมโปก็ส่งสายตาสุดโหดไปให้อีกรอบ

    ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นหน้าพี่ก็โหดจะแย่แล้วคร้าบ....บ

    “อ่า หึงพี่จียงละสิ มานั่งมองอยู่อย่างนี้พี่เค้าจะรู้ได้ไงว่าพี่หึง สองคนนั้นก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก”แดซองพูดเพื่อให้เทมโปสบายใจขึ้น
    “ฮึ...ไม่ต้องคิดมาก ดูที่เค้าทำแต่ละอย่างสิ ตั้งแต่ที่ได้หยุดงานก็ขลุกอยู่กับซึงริตลอด มักเน่น่ารักจัง พี่รักซึงรินะ พูดอยู่นั่นแหละฉันเป็นแฟนเค้าแท้ๆ เค้ายังไม่เคยบอกรักฉันเลยซักครั้ง” เมื่อเห็นสายตาล้อเลียนจากแดซอง เทมโปก็รู้สีกว่าตัวเองพูดมากไปแล้ว

    “อ๊ะ อิจฉาซึงรินี่เอง อยากให้พี่จียงบอกรักใช่ป่ะล่ะ” แดซองถาม นึกขำในใจ ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ เมื่อกี้ยังปั้นหน้าโหดส่งสายตาคมกริบมาให้ โดนล้อหน่อยล่ะก็ ไม่กล้าสบตาเชียว
    “เปล่าโว้ย”ตอบพลางหลบสายที่คาดคั้นจากน้องชายตัวดี

    “เอางี้สิพี่ ถ้าพี่จียงไม่บอกซักทีก็ลากเข้าห้องแล้วปล้ำเลย เวลาที่กำลังจุดจุดจุดกัน พี่จียงอาจจะบอกรักพี่ก็ได้ เหมือนในละครไง...ฮึฮึฮึ” ไม่มีคำตอบจากเทมโป แต่เขาได้ให้รางวัลสำหรับคำแนะนำจากแดซองด้วยการเขกหัวแรงๆหนึ่งที
    “ไอแก่แดด ละครที่นายชอบดูมีแต่เรื่องพวกนี้รึไง” ขืนทำตามที่แดซองแนะนำมีหวัง จียงเกลียดเขาไปตลอดชีวิตแน่ๆ
    “เจ็บนะพี่ อุตส่าห์แนะนำ ทำเป็นพูดโน่นพูดนี่ที่จริงก็สนใจใช่มั๊ยล่ะ ถ้าผมเป็นพี่จียงผมก็เลือกซึงริแหละหมอนั่นน่ารักกว่าพี่ตั้งเยอะ”แดซองลูบหัวตัวเอง
    ที่โดนเขกไปเมื่อครู่ นอกจะหน้าโหดแล้วพี่เทมโปยังมือหนักเป็นบ้า
    “อยากโดนอีกทีใช่มั๊ย”


    “อย่าลืมนะซึงริ ใครแพ้โดนหอมแก้ม เหลืออีกสองนาทีไม่ทันแน่ๆ”จียงพูดถึงกติกาอีกครั้งอย่างมีความสุขในขณะที่ซึงริกำลั
    งใจจดใจจ่ออยู่กับการเล่นเกมเต็มที่


    เมื่อได้ยินที่จียงพูดขึ้น ความอดทนของเทมโปก็หมดลง เขาลุกจากโซฟาและเดินไปตรงที่ซึงริและจียงกำลังเล่นเกม
    “จียงมานี่หน่อย”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หลังของคนทั้งสอง
    “เห็นป่ะว่าไม่ว่าง เล่นเกมอยู่”เมื่อเห็นจียงไม่สนใจ เทมโปก็แกะมือของจียงออกจากจอย และลากออกมาจากตรงนั้น โดยไม่สนใจอาการไม่พอใจของจียงและซึงริที่มองมาอย่างงงๆ

    “ฉันยังเล่นเกมไม่เสร็จนะ ปล่อย” จียงพยายามจะบิดแขนให้พ้นจากเทมโป แต่ไม่ได้ผลซักนิด
    “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายตอนนี้” จียงมองอย่างไม่พอใจ

    ชเวซึงฮยอน เอาแต่ใจ ร้ายกาจจริงๆ

    “ฝากด้วยนะแดซอง”แดซองโบกมือให้พี่ชาย ด้วยความที่รูปร่างบอบบาง ทำให้จียงแทบจะปลิวติดมือ เมื่อเทมโปเร่งความเร็วในการเดิน จนทั้งสองมาถึงห้องนอนของเทมโป

    แกร็ก

    จียงไม่เข้าใจว่าคุยแค่นี้ทำไมต้องเข้ามาในห้องนอนแล้วต้องล็อคปะตูด้วย



    “มาซึงริใครแพ้โดนหอมแก้มใช่ป่ะ”แดซองพูดอย่างร่าเริง พร้อมกับนั่งลงข้างๆซึงริมือถือจอยเตรียมพร้อม
    “ผมไม่อยากหอมแก้มพี่แดอ่ะ ในวงเราพี่เล่นอ่อนจะตายใครก็รู้” ซึงริตอบขณะที่สายตายังจับจ้องไปหน้าทีวี เพื่อเลือกทีม และเลือกผู้เล่นอีกครั้ง

    บ๊ะ ไอ้นี่ ตั้งแต่อกหัก มันก้าวร้าวขึ้น ตอกย้ำอยู่นั่นแหละว่าอ่อน ความจริงไม่ได้เรียกว่าอ่อนซักหน่อย แค่คุณเม็มเบอร์ทั้งสี่ เล่นเก่งกว่าต่างหาก

    “เอ้า จะเล่นมั๊ยพี่ผมเลือกเสร็จแล้วนี่” ซึงริถามขึ้นเมื่อเห็นแดซองยังคงนั่งพึมพำอะไรบางอย่าง เป็นเวลาเดียวกันกับแทยังเดินเข้ามาพอดี

    อ่า ถ้าจำไม่ผิดพี่แทยัง เล่นเกมเก่งที่สุดในวง

    และแล้วความคิดที่จะสั่งสอนน้องเล็กที่มาว่า อ่อนก็เกิดขึ้น คนอย่างคังแดซอง ฆ่าได้หยามไม่ได้นะขอบอก ดีไม่ดีสองคนนั้นหอมกันไปหอมกันมาอาจจะเกิดสปาร์คกันก็ได้ใครจะไปรู้ คิดได้เช่นนั้นก็รีบเรียกแทยังเข้ามาทันที

    “พี่แทยังๆๆ มานี่หน่อย”แทยังเดินเข้าเมื่อเห็นแดซองกวักมือเรียก
    “เล่นแทนผมตานึงดิ ผมปวดฉี่”ซึงริหันไปมองแดซอง แววตาเต็มไปด้วยคำถาม เมื่อเห็นแววตาพราวระยับของแดซอง ถึงได้รู้ตัวว่า เขาโดนแกล้งซะแล้ว

    พี่แทยังเล่นเกมเก่งจะตายใครๆก็รู้ อย่างนี้เค้าเรียกว่าเห็นแววแพ้ตั้งแต่ยังไม่แข่งแล้ว

    แทยังลอบมองสีหน้าที่จริงจังของคนข้างๆ แล้วเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแค่เล่นเกมทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นนะ
    และผลของเกมก็เป็นอย่างที่คาด แทยังชนะไป 2-1

    “ซึงริเป็นอะไรรึเปล่า”แทยังถามเมื่อเห็นซึงริดูเงียบไป แถมยังก้มหน้าก่อนจะตอบกลับมาเสียงเบาว่า
    “เปลี่ยนจากใครแพ้โดนหอมแก้มเป็นใครแพ้เลี้ยงขนมได้มั๊ยฮะ”
    พี่แดซองนะพี่แดซอง ตั้งแต่เกิดมานอกจากพี่จียงแล้ว ก็ยังไม่เคยโดนใครหอมแก้มเลย ให้ตายสิ

    น่ารัก ความคิดแรกของแทยังเมื่อเห็นใบหน้าของซึงริ แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ นี่ถ้าเขาเกิดไปหอมแก้มน้องชายสุดที่รักของจียง แล้วเกิดมันรู้เข้า จะถูกมันถีบกระเด็นมั๊ยเนี่ย

    “ว่าไงฮะ”ซึงริถามอีกครั้งเมื่อเห็นแทยังไม่ตอบ
    ฟอดดดด

    ไม่ทันได้ตอบ แทยังโน้มตัวเข้าไป ห้อมแก้มซึงริอย่างรวดเร็ว
    “พะ...พี่แทยังบ้า” ซึงริพูดพร้อมกับเอามือกุมใบหน้าตัวเองที่ตอนนี้ร้อนฉ่าจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว หน้าที่แดงอยู่แล้วกลับแดงเข้าไปอีก พร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจไปให้คนข้างๆเต็มที่ แต่แทยังกลับเห็นว่าดูน่ารักมากกว่า





    “นี่แค่คุยกันทำไมต้องล็อคห้อง” จียงถามเมื่อ เห็นเทมโปเดินไปล็อคประตู เทมโปไม่ตอบกลับจับมือจียงแล้วไปนั่งที่ปลายเตียง
    “เฮ้ย ไม่เอา นะทำไมต้องที่เตียงไหนว่าแต่คุยกันไง” จียงโวยวายพร้อมกับรัวกำปั้นใส่คนข้างๆ หมอนี่นับวันจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปแล้ว
    แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อแขนแกร่งดึงเขาเข้ามากอด พร้อมกับกระซิบที่หูว่า

    “คิดถึงจัง”จียงอึ้ง ไม่คิดว่าคนอย่างเทมโปจะอ้อนเป็นกับเขาด้วย ซักพัก เทมโปก็เปลี่ยนจากกอดเป็นกุมมือจียงไว้หลวมๆแทน
    “คิดถึงอะไรล่ะ ก็เจอกันทุกวันเนี่ย”
    “ก็ทุกวันนายขลุกอยู่แต่กับซึงรินะสิ วันหยุดที่ผ่านมาเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเลยนะ”เทมโปเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ
    “ก็นายไม่ชอบเล่นเกม”
    “ไม่ชอบแต่ฉันก็เล่นได้นี่”
    “ฉันกลัวนายรำคาญ”
    “ฉันเคยพูดว่ารำคาญนายด้วยหรอ ควอนจียง” เทมโปเงียบเหมือนกับรอว่าอีกฝ่ายจะเถียงกลับว่าไง แต่จียงรู้สึกว่า ยิ่งเถียงยิ่งแพ้ เลยเลือกที่จะเงียบมากกว่า



    “แฟนนายกำลังโกรธไม่คิดจะง้อหน่อยหรอ”จียงมองหน้าเทมโปอย่างหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหน บอกว่ากำลังโกรธ แล้วยังมีหน้ามาบอกให้ง้อด้วย
    “โกรธฉันเรื่องอะไรล่ะ”จียงพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก ว่าทำให้เทมโปโกรธเรื่องอะไร
    “กับซึงริน่ะ พวกนายใกล้กันเกินไปมั๊ย” เทมโปถามพร้อมกับมองตาจียงอย่างค้นหาจนจียงต้องเป็นฝ่ายหลบสายตานั้นซะเอง
    “ฉันนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ”


    “จริงๆแล้วนายรักฉันรึเปล่าจียง”
    “ ” จียงเงียบ ที่ไม่ตอบไม่ได้แปลว่าไม่รัก แต่จะให้พูดต่อหน้ามันเขินนี่หน่า ขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเค้ารู้สึกยังไง

    “ทีกับซึงริยังบอกรักกันแทบทุกวัน นายไม่เห็นบอกฉันมั่งเลย หรือว่าจริงๆแล้วนายไม่ได้รักฉัน”เมื่อเห็นท่าทางที่ซึมลงของอีกฝ่ายจียงจึงพูดขึ้นว
    ่า
    “ไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันคิดยังไง ทำไมต้องถามด้วย”เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของจียง เทมโปก็เดาได้ว่า จียงคงจะเขินมากแน่ๆ
    นายน่ารักขนาดนี้ ฉันไม่น่าไปทำโหดใส่ตั้งแต่แรกเลย ให้ตายสิ


    “ถ้านายเขิน ฉันถามนายแค่พยักหน้ากับส่ายหน้าก็พอโอเคป่ะ”เทมโปยื่นขอเสนอใหม่ จียงพยักหน้าตกลง
    “นายเกลียดฉันรึเปล่า” จียงส่ายหน้า เรียกร้อยยิ้มพอใจจากอีกฝ่ายได้
    “แล้วนาย รัก ฉันรึเปล่า” จียงพยักหน้าช้าๆแล้วก้มหน้าด้วยความเขิน ส่งผลให้รอยยิ้มของเทมโปกว้างเข้าไปอีก
    “จูบได้รึเปล่า” จียงพยักหน้า ทั้งๆที่ยังฟังคำถามไม่ชัด

    “เฮ้... อื้อ” ไม่ทันพูดจบคนตัวสูงก็ประกบปากลงม พร้อมกับมอบจูบที่แสนอ่อนหวานให้ จนคนโดนจูบแทบจะละลายไปตรงนั้น
    “ถือว่านายอนุญาตแล้วนะ”เทมโปพูดกับคนที่เอาหมอนมาปิดหน้า
    “เล่นทีเผลอนี่ อย่านะ”จียงโวยวาย เมื่อเทมโปจะดึงหมอนออกไปจากมือของเขา ให้เห็นไม่ได้เด็ดขาดเพราะตอนนี้หน้าของเขาต้องแดงมากแน่ๆ

    “ควอนจียงใจร้ายจัง จะไม่พูดจริงๆหรอว่ารักฉันน่ะ”
    “ถ้าไม่รักจะยอมให้จูบหรอ”
    “ว่าไงนะ” เพราะเจ้าตัวยังคงเอาหมอนปิดหน้าอยู่เลยได้ยินไม่ค่อยชัดนัก
    “ถ้าไม่รักจะยอมให้จูบหรอ”พูดประโยคเดิมอีกครั้งและก็ฝังหน้าตัวเองลงไปกับหมอนอย่าง
    เก่า จียงกอดหมอนแน่นราวกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เขาไม่ต้องเผชิญกับสายตาแบบนั
    ้นของเทมโป





    รัก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เริ่มรู้สึกว่ารักคนคนนี้
    จะให้เล่าคงต้องย้อนเวลากลับไปซักสองเดือนที่แล้ว.....





    อาการของคนที่กำลังมีความรัก
    หนึ่ง หัวใจคุณเต้นแรงผิดปกติเมื่อได้อยู่ใกล้ๆเขา
    สอง คุณไม่กล้าแม้จะสบตากับเขาในบางครั้ง
    สาม เมื่อได้มองเขาแล้วคุณจะไม่สามารถละสายตาออกมาจากเขาได้เลย

    ไอ้หนังสือบ้า แกจะรู้ดีเกินไปแล้ว
    ผม “ควอนจียง” หัวหน้าวงบิ๊กแบงที่คุณๆรู้จัก ตอนนี้ผมกำลังนอนทำใจ เนื้อหาของหนังสือที่เพิ่งอ่านไปเมื่อกี๊นี้
    อ่า....คงไม่จริงใช่มั๊ยหนังสือนั่นอาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้ แต่เอ...ทำไมแค่สามข้อมันถึงได้ตรงกับผมขนาดนี้ล่ะ
    หนังสือสู่รู้นั่น ตอนนี้ถูกขว้างไปนอนในถังขยะเรียบร้อย สมน้ำหน้าอยากรู้ดีนักนะแก ไม่รู้อะไรบันดาลใจให้ผมซื้อหนังสือสิบอาการของคนมีความรักบ้าบอนั่นมาอ่าน ให้ตายเถอะ


    นี่ผมกำลังทำตัวเหมือนเด็กสาวม.ปลายที่กำลังมีความรักงั้นหรอ น่าขายหน้าจริงๆ


    ก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ ผมเดินออกจากห้องแล้วก็เห็นแทยังกำลังนั่งดูเอ็มวีโซโล่ของเขาอยู่ ผมเลยถามอะไรเกี่ยวกับจูบไป


    “ไม่มีใครอยากจูบกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักหรอก”
    “เชื่อฉันสิฉันว่า 99% คนเราจูบกันด้วยความรักทั้งนั้นแหละ”

    ผมยืนค้างอยู่หน้าตู้เย็น คำตอบของแทยัง วนเวียนอยู่ในหัว แทยังมั่วแน่ คนที่จูบกันเพราะเกลียดก็มี ใช่มั๊ย ?
    ระหว่างที่ผมกำลังดื่มน้ำอยู่ ก็มีใครบางคนดินเข้ามา


    หนึ่ง หัวใจคุณเต้นแรงผิดปกติเมื่อได้อยู่ใกล้ๆเขา
    ไม่หรอก เดินจากห้องนั่งเล่นมาห้องครัวมันเหนื่อย หัวใจก็เลยเต้นแรง


    สอง คุณไม่กล้าแม้จะสบตากับเขาในบางครั้ง
    ไม่จริ๊ง ไม่จริง สายตาของหมอนั่นหน้ากลัวจะตายใครจะกล้ามอง

    สาม เมื่อได้มองเขาแล้วคุณจะไม่สามารถละสายตาออกมาจากเขาได้เลย


    “แค่กๆๆๆ” ผมสำลักน้ำทันที ไม่ต้องหาคำแก้ตัวให้ข้อต่อไปแค่สามข้อก็ตรงเผง แย่แล้วจียง เขาเป็นถึงแฟนของซึงริเชียวนะ เทมโปทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ ผมจึงยกมือบอกว่าไม่เป็นไร
    “ไม่สบายรึเปล่า หน้านายเดี๋ยวแดง เดี๋ยวซีด”


    มัวคิดเรื่องในอดีตเพลินจนไม่ได้ยินถามจากคนข้างๆ


    “แล้วถ้ามากกว่าจูบล่ะได้มั๊ย” ไม่ทันรู้ตัว เทมโปก็เข้ามาสวมกอดจากข้างหลัง จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มใส ก่อนที่จะเคลื่อนลงมาเรื่อยๆจนถึงซอกคอขาว ชักเริ่มอยากรู้แล้วสิว่า ถ้าทำอย่างที่แดซองแนะนำ จียงจะบอกรักเขารึเปล่า


    “เสียงอะไรน่ะ” เมื่อได้ยินเสียงโวยวายจากข้างนอก เทมโปก็หยุดการกระทำทุกอย่างลงอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก


    ไอ้พวกบ้านั่นขัดจังหวะกันซะได้

    เมื่อทั้งจียงและเทมโปเดินมายังห้องนั่งเล่นก็เห็นซึงริที่กำลังมองแทยังด้วยสายตาที
    ่โกรธสุดๆ แดซองที่ยืนหัวเราะ และแทยังที่ดูอึ้งๆ
    ทั้งสองคนคิดเหมือนกันว่า สามคนนั้นเป็นอะไร

    “พี่แทยังบ้า พี่แดซองด้วย พี่จียง พี่เทมโปบ้าๆๆทกคนเลย”ซึงริตะโกนเสียงดัง ใบหน้าร้อนฉ่าตอนนี้ยังคงขึ้นสีไม่รู้เพราะโกรธหรืออายกันแน่
    “พี่สองคนเกี่ยวอะไรด้วย”เทมโปถามขึ้นเมื่อเห็นซึงริว่ามาแบบนั้น หรือว่าจะโกรธแล้วพาล
    “ถ้าพี่เทมโปไม่ลาก พี่จียงไปในห้อง พี่แดซองไม่ให้พี่แทยังมาเล่นเกมแทนก็คงไม่...ไม่ โอ๊ยย ไม่พูดแล้ว” ซึงริเดินออกไปนอกบ้านพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง

    จียงกับเทมโปมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่แดซองหัวเราะอีกครั้ง แทยังได้แต่เกาหัวแก้เก้อ
    “พี่แทยัง ฮะฮะ หอมแก้ม ซึงริ”แดซองพูดเสร็จก็หัวเราะต่อ


    หน้าของพี่แทยังตอนโดนซึงริว่านี่ตลกเป็นบ้าเลย

    “ไอ้แทยังฉันไม่คิดเลยนะว่าแก”
    “พอเลยจียง กติกานี้แกตั้งเองไม่ใช่หรอว่าใครแพ้โดนหอมแก้ม”จียงไม่ทันได้พูดจบแทยังก็พูดขึ้นก่
    อน
    “กติกานี่ฉันตั้งไว้สำหรับฉันกับซึงริเท่านั้นเว้ย”เมื่อเห็นสายตาของเทมโปที่มองมาจ
    ียงเลยรู้สึกว่า สงบปากสงบคำไว้จะดีกว่า

    “ตอบฉันมาแทยังแกรู้สึกยังไงกับซึงริ”ทั้งจียง เทมโปและแดซองส่งสายตา คาดคั้น จนแทยังต้องตอบไปว่า
    “ไม่รู้ดิ เอ่อ ก็น่ารักดีนะ”แทยังรีบเปลี่ยนคำตอบเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรัก นี่เขาจะต้องโดนถีบกระเด็นจริงๆใช่มั๊ย
    “ชัวร์ป๊าบ พี่แทยังหลงรักมักเน่เข้าให้แล้ว”แดซองสรุป
    “เคยรู้สึกแบบนี้กับใครบ้างมั๊ย”คราวนี้เทมโปเป็นฝ่ายถามบ้าง
    “รู้สึกจะไม่นะ”
    “เหมือนที่แกเคยบอกฉันว่า ไม่มีใครอยากจูบกับคนที่ตัวเองเกลียด ฉันว่าก็คงไม่มีใครอยากหอมแก้มคนที่ตัวเองเกลียดเหมือนกันหรอก”
    “แสดงว่าฉันรักซึงริหรอ?”
    “ก็เออ นะสิ”ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
    “เย้ สำเร็จ”แดซองพูดขึ้นเมื่อแทยังรีบวิ่งออกไปนอกประตูแล้ว
    “สำเร็จอะไร”ทั้งสองคนถามขึ้นพร้อมกัน
    “พี่คอยดูเองดีกว่า”


    ซึงริเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านอย่างนั้นโดยไม่รู้เหตุผลว่าทำไม




    ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกรธขนาดนั้น
    ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนโดนพี่แทยังหอมแก้ม หัวใจมันเต้นแปลกๆ ไม่เหมือนตอนที่พี่จียงหอม
    ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมไอ้อาการหน้าร้อนๆ มันไม่หายซักที ทั้งๆที่นี่ก็เป็นหน้าหนาวหรือว่า จะไม่สบาย



    พี่แทยังอาจะแค่แกล้งเล่นๆมั้ง หรือว่าเราโวยวายไปเอง



    “ซึงริ”ซึงริสะดุ้งเมื่อคนที่กำลังนึกถึงโผล่มายืนอยู่ข้างหลัง คนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนีแต่มือใหญ่ของแทยังก็จับไว้ก่อน
    “พี่แทยังเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ซึงริถาม ไม่เข้าใจว่าพี่แทยังที่แสนดี พี่แทยังที่มีแต่รอยยิ้ม และคอยปลอบใจทุกคนอยู่เสมอคนนั้นหายไปไหน ทำไมตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าถึงได้ทั้งจับมือทั้งหอมแก้มเขาทั้งๆที่ไม่เต็มใจนะ


    “พี่เป็นคนแบบนี้แล้วซึงริเกลียดพี่มากเลยหรอ” แทยังค่อยๆคลายมือที่กุมไว้อย่างแผ่วเบา ซึงริรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นสายตาที่มองมาของแทยัง
    “ไม่ได้เกลียด ผมแค่ไม่เข้าใจว่าพี่เป็นอะไร”ไม่เข้าใจตัวเองด้วย ซึงริต่อท้ายประโยคในใจ

    “พี่เป็นแบบนี้ก็เพราะนาย วันนี้พี่ดีใจนะที่นายแสดงสีหน้าอื่นออกมาบ้าง นอกจากเฉย ไร้ความรู้สึกเหมือนที่ผ่านมา สองคนนั้นคบกันได้เกือบสองเดือนแล้วนะ ยังตัดใจจากพี่เทมโปไม่ได้อีกหรอ”น้ำเสียงที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความห่วงใย ทำให้ขอบตาของซึงริร้อนผ่าวขึ้นมา


    “พี่ขอโทษนะ”แทยังคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ซึงริต้องร้องไห้ จึงกล่าวออกไปแบบนั้น
    “นายจะเกลียดพี่ก็ได้นะ แต่พี่หวังดีกับนายจริงๆนะ เอ่อ.....พี่” เห็นแทยังอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นซึงริเลยถามว่า
    “ทำไมหรอ”


    “พี่รักนายนะ ซึงริ”


    “ผมไม่อยากให้ใครมารักผมเพราะแค่สงสาร”
    “พี่ไม่ได้รักเพราะสงสาร แต่เพราะอะไรไม่รู้ หาเหตุผลไม่ได้ แต่ไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆของนาย ไม่อยากเห็นน้ำตาของซึงริ อยากเห็นซึงริมีความสุข ความรู้สึกพวกนี้เรียกว่ารักได้รึเปล่า”แทยังเดินเข้าไปใกล้ซึงริพร้อมกับเช็ดน้ำตาใ
    ห้อย่างแผ่วเบา


    “ถ้าผมยังรักพี่เทมโปอยู่ล่ะ”
    “พี่ก็จะรอ รอว่าซักวันนายจะหันมามองพี่บ้าง”แทยังตอบพร้อมกับลูบหัวซึงริอย่างแผ่วเบา
    “พี่ต้องรอจริงๆนะ”
    “อื้ม”เมื่อซึงริได้ยินคำตอบก็ยิ้มด้วยร้อยยิ้มที่สดใสจนคนมองอดยิ้มตามไม่ได้
    “รู้มั๊ย ว่านายเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าทำหน้าเศร้าๆตั้งเยอะ”
    “ขอบคุณฮะพี่แทยัง”


    ขอบคุณที่ทำให้ผมกลับมายิ้มได้อีกครั้ง






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×