ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bigbang Fiction] Circle of love

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Deeping love Xiahx Seungri

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 51


    Title :: Deeping love
    Author ::ice__valentine
    Pairing :: XiahXSeugri
    Author’s notes :: ช็อตฟิค เรื่องแรกอย่าคาดหวังอะไรกะมันมากนะคะ - -* ไม่เกี่ยวกะเนื้อหาของตอนพิเศษนะคะ ลงแก้ขัดไปก่อน

    เสียงเปียโนที่แสนไพเราะ ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมา 1 ทุ่มกว่าๆแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าผู้ที่บรรเลงบทเพลงอันแสนไพเราะนี้ จะหยุดเล่นแต่อย่างใด
    ท่วงทำนองเพลงที่สนุกสนาน และอ่อนหวาน แต่ในตอนแรกนั้น
    แปรเปลี่ยนเป็นจังหวังที่ช้าลง แสดงถึงอารมณ์ของ ความโหยหาได้เป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะว่านักเปียโนที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่กำลังคิดถึงใครบางคน



    เสียงปรบ มือดังขึ้นจากอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมดนตรีสากล พร้อมกับ สายตาที่ชื่นชมที่ส่งไปให้ลูกศิษย์คนโปรด
    อี ซึงฮยอน ประธานชมรมดนตรีสากลที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่ได้เริ่มก่อตั้งชมรม เนื่องจากการที่อายุและประสบการณ์ที่ไม่มากเท่าไหร่นักจึงทำให้หลายคน ไม่เห็นด้วย ในการให้เขาเป็นประธานชมรม
    แต่ใครก็ตามที่ได้ รับฟังและเห็นฝีมือการเล่นเปียโนของ อี ซึงฮยอน ก็สามารถลบคำครหานั้นจากใจได้ทันที


    “การแสดง ในงานพิธีจบการศึกษา ปีนี้ ผมฝากด้วยนะ” เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์ ซึงริลุกขึ้นและก้มหัวให้กับอาจารย์อย่างนอบน้อม
    “ฝากอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ”อาจารย์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เมื่อได้ฟังคำพูดที่แสนจะถ่อมตัวจากลูกศิษย์คนเก่งของเขา
    “ระดับนี้ ไม่ต้องชี้แนะแล้วมั้ง ผมหวังว่าปีนี้การแสดง ของชมรมเราจะไพเราะ ซาบซึ้ง ไม่แพ้ปีที่แล้วนะ”



    ผม อี ซึงฮยอน หรือซึงริ ครับ นักศึกษาปี 2ประธาน ชมรมดนตรีสากล วันนี้ก่อนกลับบ้านอาจารย์ได้มาคุยเรื่องการแสดงในงานพิธีจบการศึกษา ของปีนี้ ว่าไปแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะเนี่ย นึกถึงการแสดงปีที่แล้ว มันทำให้ผมคิดถึงใครบางคน





    พี่จุนซู ผมคิดถึงพี่






    1 ปีที่แล้ว

    “เฮ้ พวกนายมุงดูอะไรกันเนี่ย” ผมถามขึ้นหลังจากเห็นพวกเพื่อนๆ ยืนมุงบอร์ด กันกลุ่มใหญ่
    “ประกาศ ชมรม ต่างๆแหละ นายจะเข้าชมรมดนตรีสากลกับฉันใช่ป่ะ”
    “เอ่อ. ก็ไม่รู้สิ”
    “นะๆๆ เข้าเป็นเพื่อนฉันเหอะ”เรียวอุค จับไหล่ผมและเขย่าจนเริ่มจะมึนหัวและนะเนี่ย
    “ไม่เบื่อมั่งรึไง วันๆอยู่แต่กับเปียโนน่ะฮะ” เพราะพ่อของเรียวอุคเป็นนักดนตรี หมอนั่นเลยถูกปลูกฝัง ให้เล่นดนตรีมาแต่เด็กๆ ผมกับเรียวอุคเป็นเพื่อนตั้งแต่จำความได้ เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน เลยทำให้ครอบครัวของเราสนิทกันมาก และพ่อของเรียวอุคก็เป็นครูเปียโนคนแรกของผมด้วย

    “โธ่ซึงริ นายเป็นคนมีพรสวรรค์นะ แค่นายไม่จริงจังเท่านั้น”
    “ชิ ทำเป็นชม ที่จริงแค่อยากให้เข้าชมรมเป็นเพื่อนใช่มั๊ยล่ะ”
    “ถ้านายรู้ว่าใครเป็นประธานชมรมดนรีสากลนะ นายจะต้องอยากเข้าแน่ๆ”
    “อะไรทำให้นายมั่นใจขนาดนั้น ถึงฉันจะรู้ว่าใครเป็นประธาน ฉันก็อาจจะไม่อยากเข้าก็ได้”

    “แม้ว่าประธานคือพี่ คิม จุนซูนายก็ไม่สนหรอ” อะไรกัน แค่ได้ยินชื่อพี่เค้าก็ใจเต้นซะแล้ว ไม่หรอกมั้ง คนชื่อเดียวกันนามสกุลเดียวกันมีออกเยอะแยะไป
    “ใช่ พี่คิม จุนซู รุ่นพี่ เรารึเปล่า” ผมถามเรียวอุค ในใจก็แอบหวังให้ประธานชมรม คือคนเดียวกับพี่คิมจุนซู รุ่นพี่ที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน มัธยมต้น
    “เอ้าๆ แค่นี้ก็หน้าแดงซะแล้ว คนเดียวกันแหละ ว่าไง สนใจใช่มั๊ยล่ะ”

    เสียงที่พูดคุยจอแจเมื่อครู่กลับเงียบลง เมื่อร่างสูงโปร่ง ของทั้ง2 คนเดินผ่าน คนหนึ่งมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาแพรวพราวนั่น ส่งตาหวานพร้อมกับแจกยิ้มที่เจ้าตัวภูมิใจซะเหลือเกินว่ามีเสน่ห์ให้ คนรอบข้างไปทั่ว ส่วนอีกคนนี่ ต่างกันโดยสิ้นเชิง ใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่เสมอ ไม่มีใครทราบว่าตอนนี้ อยู่ในอารมณ์ไหน และสายตาเย็นชาที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้น


    พี่จุนซู ใช่พี่จริงๆด้วย




    “กรี๊ด.... เมื่อกี๊พี่ยูชอลยิ้มให้ฉันด้วยแหละ” เสียงกรี๊ดแสบแก้วหูดังขึ้นจากกลุ่มนักเรียนหญิง
    “เห็นพี่จุนซูมั๊ย เท๊เท่อ่ะ”



    “ซึงริ ซึงริ” เรียวอุคโบกมือผ่านหน้าผม ในขณะที่ผมมอง แผ่นหลังกว้างนั้นจนเดินห่างออกไปจนลับสายตา
    “หืม”
    “หน้านายร้อนจี๋เลยอ่ะ”เรียวอุคหยุดโบกมือแล้วเอามือมาแตะที่แก้มผมแทน อาการร้อนที่หน้ากับหัวใจที่เต้น แรงแบบนี้ ไม่เกิดขึ้นกับผมมานานเท่าไหร่แล้วนะ
    “มือนายก็เย็นเฉียบเลย เป็นไรมากป่ะเนี่ย”เรียวอุคยังถามผมด้วยความเป็นห่วง
    “ฉันว่านนายเลิกเล่นเปียโนแล้วไปเรียนหมอดีมั๊ย” ผมพูดเมื่อเห็นเพื่อนตัวดี ทำท่าทางราวกับหมอกำลังตรวจคนไข้


    “ไปกันเถอะ”เรียวอุคบอกพร้อมกับจับมือผมและวิ่งไปทันที
    “ไปไหนแล้วทำไมต้องวิ่ง”
    “ไปสมัครชมรมดนตรีสากลไง เดี๋ยวไม่ทัน นายว่าพี่เค้าจะจำเราได้ป่ะ ว่าเคยเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน”เรียวอุคถามขึ้น เมื่อเราสองคนมาหยุดกันที่หน้าห้องดนตรีสากล
    “ไม่รู้สิ บางที่พี่เค้าอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่าเราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่เค้า”


    แม้ว่าพี่เค้าจะไม่เคยมองผม ให้ผมได้มองพี่เค้าอยู่ไกลๆแบบนี้ ก็มีความสุขแล้วแหละ



    พอผมได้เดินเข้ามาในห้องชมรมผมก็แทบจะอยากออกจากที่นี่ทันที ถ้าไม่ติดที่เรียวอุคมันดึงไว้ก่อนนะ คนแห่มาจากไหนนักหนาก็ไม่รู้ มหาลัยนี้ ไม่ได้มีแค่ชมรมดนตรีสากล ชมรมเดียวที่เปิดรับสมัครนะ


    เมื่อมองเข้าไป เห็นโต๊ะกรรมการเป็นโต๊ะยาวซึ่ง กรรมการก็มีเพียงแค่สองคนคือพี่จุนซูกับรุ่นพี่อีกคนหนึ่งเท่านั้น


    “แนะนำตัวก่อนนะ พี่ชื่อปาร์ค ยูชอล รองประธาน ส่วน นี่ คิมจุนซู ประธานชมรม” พี่ยูชอลแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้ม ที่สาวๆแถวนี้เห็นแล้วใจละลายกันเป็นแถบ

    “ชมรมนี้ คนไม่มีความสามารถ ฉันไม่รับ”พี่จุนซู พูดเสียดังอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาหลายคนสะดุ้ง พี่จุนซูก็ยังคงเป็นพี่จุนซูที่จริงจังและยิ้มยากไม่เปลี่ยน

    “เอาน่า จุนซู น้องๆตกใจกันหมดแล้ว คือว่าแต่ละปีจะมีคนมาสมัครกันมาก การทดสอบของที่นี่ก็ค่อนข้างจะโหดนิดนึง”พี่ยูชอลยิ้ม ไม่รู้ทำไมผมถึงรูสึกว่ารอยยิ้มนั้นมันแปลกๆพิกล


    “คนแรก คิม เรียวอุค” เรียวอุค เดินออกไปอย่างประหม่า กับสายตาของทุกคนที่จ้องมองมา ด้วยความสงสัยว่า การทดสอบสุดโหดของที่นี่ คืออะไร


    “เครื่องดนตรีที่เล่นเปียโนใช่มั๊ย” พี่จุนซูพูดจบก็เดินไปหยิบไวโอลีนออกมา ในขณะที่เรียวอุค นั่งอยู่หน้าปียโนเรียบร้อยแล้ว


    จากนั้นพี่จุนซูก็หยิบไอโอลีนขึ้นมาแล้วเริ่มสีไวโอลีนท่อนหนึ่งของเพลงอะไรก็ไม่รู้อย่างเร็ว จนฟังแทบไม่ทัน


    “เล่นโน้ตที่ฉันเล่นเมื่อกี๊สิ” พี่เล่นเร็วขนาดนั้นใครจะไปฟังทันละครับ ผมว่าหมอนั่นคงคิดไม่ต่างจากผมแน่ๆ
    “เอ่อ.. ขออีกรอบได้มั๊ยครับ”เรียวอุค ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก


    พี่จุนซูมองอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะพูดว่า

    “รอบสุดท้าย ถ้านายเล่นไม่ได้ก็เชิญเดินออกจากห้องนี้ไปได้เลย”

    หลังจากที่ได้ฟังเสียงไวโอลีนของพี่จุนซูอีกครั้ง เรียวอุคก็หลับตาลงพร้อมกับพร้อมกับดีดเปียโน ในโน้ตเดียวกันกับพี่จุนซูอย่างไม่มีผิดเพี้ยน


    ทุกคนในห้องเงียบ เหมือนกับจะรอว่าจะเกิดอะไรต่อไป ไม่นาน เสียงไวโอลีนก็ดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่ท่อนเดียว แต่ความยาวเกือบครึ่งเพลง ให้ ตายสิ แบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆเลย ผมเริ่มจะห่วงเพื่อนขึ้นมานิดๆแล้วซิ แต่ก็เชื่อว่าเค้าต้อทำได้แน่ๆ
    เมื่อเสียงไวโอลีนของพี่จุนซูเงียบลง เสียงเปียโนของเรียวอุคก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะจบเพลง


    เสียงไวโอลินก็ดังขึ้นประสานกับเสียงเปียโน พร้อมกับเสียงปรบมือของ ทุกคนในห้อง แม้แต่พี่ยูชอลก็ปรบมือให้กับเรียวอุคด้วย


    “นายสอบผ่าน” เมื่อพี่จุนซูพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เรียวอุคโค้งขอบคุณก่อนจะเดินไปหาผมด้วยความดีใจ


    “ไม่เสียชื่อลูกชายนักดนตรีใหญ่ เจ๋งนี่หน่า” ผมแซวเรียวอุคที่หน้าบานเต็มที่เพราะผ่านการทดสอบแล้ว
    “เห็นการทดสอบแล้วใครคิดว่าฝีมือตัวเองไม่ถึง จะ ไปตอนนี้ก็ยังทันนะ”


    สิ้นเสียงของพี่จุนซู บรรดาคนที่ไม่มั่นใจในความสามารถของ ตัวเองก็เดินออกไปกว่าค่อนห้องจนตอนนี้เหลือแค่ไม่ถึง10 คนเท่านั้นที่ยังอยู่


    “การทดสอบอาจจะโหดไปหน่อย เพราะพี่กับเพื่อนพี่หน้าตาดีไปนิดนึง สาวๆเลยตามมาสมัครกันเยอะ น้องๆคงเข้าใจนะ”คำพูดติดตลกของพี่ยูชอลเรียกรอยยิ้มจากคนที่เหลือได้


    “คนต่อไป อี ซึงฮยอน” คราวนี้พี่จุนซูเอาไวโอลินไปเก็บ แล้วบอกว่า

    “พี่จะร้องเพลงที่พี่แต่งเอง ยังไม่มีทำนอง พี่จะร้องให้ฟัง ครึ่งเพลง และให้นายแต่งทำนองหลังจากที่พี่ร้องจบ”


    พี่จุนซูพูดจบ สีหน้าของแต่ละคนก็ดูแปลกใจพอๆกัน
    เอ่อ...อย่างนี้ไม่เรียกว่าโหดไปหน่อยแล้วมั้ง สมควรจะเรียกว่าโหดมากถึงจะถูก บางคนที่เป็นนักแต่งเพลงอาชีพยังใช้เวลาเป็นวันๆเลยว่าจะแต่งทำนองได้ แต่นี่ร้องจบจะให้แต่งทำนองเลยงั้นหรอ


    ผมเงยหน้าจากเปียโนแล้วเห็นเรียวอุค โบกมือและทำท่าไฟท์ติ้งให้ จึงคลายความกังวลไปนิดหน่อย


    เมื่อพี่จุนซูเริ่มร้องเพลง ทุกคนที่อยู่ที่นี่นิ่งเงียบราวกับโดนมนตร์สะกด เสียงของพี่จุนซูเพราะมาก ตอนที่พี่เค้าร้องเพลง ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก
    พี่จุนซูร้องเพลงจบไม่นาน ผมก็เริ่มดีดเปียโนเป็นอินโทรเข้าเพลง ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เค้าจะถูกใจกับจังหวะที่ผมเล่นรึเปล่านะ


    แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่ขยันซ้อมนัก แต่ก็ยังดีที่ว่าไม่ได้ทิ้งการฝึกซ้อมไปซะทีเดียว จึงพอที่จะเล่นเป็นทำนองง่ายๆได้บ้าง

    พี่จุนซูจะเริ่มร้องเพลงอีกครั้งพร้อมๆกับจังหวะของเสียงเปียโนของผมที่มั่นใจขึ้นกว่าในตอนแรก ก่อนที่เพลงจะจบลงด้วยเสียงปรบมือของทุกคน


    “นายสอบผ่าน เก่งมากเลยนะ”ผมยิ้มรับคำชมพร้อมกับโค้งขอบคุณเสียงปรบมือจากทุกคน และเดินไปหาเรียวอุคที่มีสีหน้าบ่งบอกว่าดีใจเต็มที่
    “โหย ขนาดนายไม่ค่อยได้ซ้อมจริงจังนะเนี่ย เล่นได้ขนาดนี้ เพราะใครบางคนรึเปล่านะ”เรียวอุคแซวเมื่อผมเดินเข้ามาใกล้
    “บ้าเหอะ ฉันเก่งมาตั้งนานแล้ว นายไม่รู้เองต่างหาก”เรียวอุคยิ้มให้ผมอย่างล้อๆเมื่อเห็นผมเฉไฉไปเรื่องอื่น




    แรกๆผมก็เฉยๆกับการเล่นเปียโน แต่การมาสมัครเข้าชมรมดนตรีสากลในวันนี้ กลับทำให้ผมรักเล่นเปียโนมากขึ้น




    “รุ่นน้องปีนี้ฝีมื่อดีๆทั้งนั้นแถมยังน่ารักอีกด้วย ยิ่งน้องซึงริกับน้องเรียวอุคนะ อนาคตประธานชมรมได้สบายๆ”
    ยูชอลบอกกับเพื่อนหลังจากการคัดเลือกเข้าชมรมจบลง
    “คงต้องดูกันยาวๆ ถ้ามีฝีมือแต่ไม่ขยันซ้อมก็เท่านั้น”จุนซูตอบ ทั้งที่ในใจก็ชื่นชมรุ่นน้องสองคนนั้นเหมือนกัน
    “และการแสดงในพิธีจบการศึกษา นายคิดได้รึยังว่าจะแสดงอะไร”ยูชอลถามถึง การแสดงที่จะมีขึ้นในอีก
    1เดือนข้างหน้า
    “ลองปรึกษากับอาจารย์ดูแล้ว น่าจะเป็นร้องเพลงประกอบเปียโนนะ ส่วนจะให้ใครเล่นเปียโน คงต้องดูอีกที”
    “นักร้องก็คงไม่พ้น คิม จุนซู คนเก่ง ที่ประกวดชนะมาหลายเวทีใช่มั๊ยละครับ”
    “อืม ก็คงงั้น”


    “นี่ซึงริ นายจะไม่สารภาพรักกับพี่จุนซูจริงๆหรอ”เรียวอุคถามขึ้นในขณะที่เรานั่งอยู่ในห้องซ้อมของชมรม ในเวลาหลังเลิกเรียน ยังไม่มีใครมาเลยซักคน
    “ทุกวันนี้ฉันก็มีความสุขดีนี่ แค่ได้เห็นพี่เค้าทุกวันฉันก็มีความสุขแล้วแหละ”
    “ปีหน้าพี่เค้าก็จะเรียนจบแล้วนะ นายอุตส่าห์รอมาตั้ง สี่ปีกว่าจะเจอพี่เค้าอีกครั้งที่นี่ หรือว่านายจะปล่อยให้พี่เค้าเรียนจบทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกเลยว่าชอบพี่เค้าเลยด้วยซ้ำ”
    “ถ้าพี่เค้าไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้น ฉันกลัวว่าสักวันจะไม่สามารถมองหน้าพี่เค้าได้แบบเดิม นายเข้าใจใช่มั๊ย”

    “รักเค้าข้างเดียวก็อย่างงี้แหละน้า”



    ซักพัก สมาชิกก็เริ่มทยอยกันเข้ามา พี่จุนซูชี้แจง เวลาในการนัดซ้อม และเรื่อง การแสดง ในงานพิธี จบการศึกษาในเดือนหน้า ว่าไปก็น่าใจหาย นี่ผมจะไม่ได้เจอพี่จุนซูที่มหาลัยอีกแล้วใช่มั๊ย



    “การแสดงปีนี้ จะเป็นการแสดงร้องเพลงประกอบเปียโน ซึงริกับเรียวอุค อีกสามวันจะมีการคัดเลือกว่าใครที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาเล่นเปียโนในวันงาน ส่วนคนร้องเพลงคือพี่เอง” พอพี่จุนซูพูดจบก็มีเสียงฮือฮาตามมาทันที


    “เงียบๆหน่อย ครับ คนตัดสินนอกจากจะมีพี่สองคนแล้วยังมีอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมเราร่วมตัดสินด้วย”พี่ยูชอลพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเสียงพูดคุยยังไม่หยุดลง


    “คนอื่นก็ไม้องเสียใจนะ ถึงไม่ได้โชว์ในงานจบการศึกษา แต่เราก็ยังมีอีกหลายงานที่จองตัวชมเราไว้ ตั้งใจฝึกซ้อมกันนะ จะมีคนมาล็อคห้องตอนสองทุ่ม ใครอยากอยู่ซ้อมต่อก็เชิญตามสบายนะ” สิ้นเสียงของพี่จุนซู ทุกคนก็ทยอยกลับบ้านกัน มีแต่ผมกับเรียวอุคเท่านั้นที่ยังไม่ขยับไปไหน


    “เยี่ยมเลยเนอะซึงริ ถ้าได้แสดงกับพี่จุนซูจริงๆ”เรียวอุคพูดอย่างตื่นเต้น
    “ฉันสละสิทธ์ดีป่ะ นายจะได้ แสดงกับรุ่นพี่ที่นายชอบไง”
    “ห้ามเด็ดขาดนะ ถึงฉันจะไม่เก่งเท่านายแต่ถ้าฉันได้ก็อยากได้ด้วยความสามารถ
    นายก็เต็มที่นะเรียวอุคอย่าออมมือเชียว”
    “อืม ถ้าฉันได้แสดงกับพี่จุนซุจริงๆขึ้นมาก็อย่าโกรธแล้วกัน จะกลับบ้านพร้อมกันป่ะ มีเวลาน้อยเห็นทีต้องกลับไปซ้อมซะหน่อยแล้ว”เรียวอุคถามพร้อมกับ ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา
    “ฉันอยู่ซ้อมต่อดีกว่า บ้านฉันไม่มีเปียโนเหมือนนายนี่”
    “ไปซ้อมที่บ้านฉันด้วยกันก็ได้นี่”เรียวอุคบอกผม คงไม่อยากกลับบ้านคนเดียว หรือไม่ก็คงไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวละมั้ง
    “ไม่เป็นไรน่า จะรบกวนนายเปล่าๆ รีบกลับเหอะ”



    แม้ว่าผมจะต้องแข่งกับเพื่อนที่มีฝีมือในการเล่นเปียโนที่เยี่ยมยอด แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ร่วมแสดงเป็นครั้งสุดท้ายกับ พี่จุนซู





    จุนซูที่เดินออกมาจากห้องของอาจารย์ที่ปรึกษาชมรม ชะงักฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงเปียโนลอดออกมาจากห้องซ้อม


    วันนี้เขากลับบ้านช้ากว่าทุกวันเนื่องจาก ไปปรึกษากับอาจารย์เรื่องการคัดเลือกนักเปียโนที่จะมาเล่นคู่กับเขา ในอีกสามวัน สายตาจับจ้องไปที่รุ่นน้องคนคนนั้น สีหน้าที่จริงจังบวกกับความตั้งใจในการซ้อมของซึงริ ทำให้แววตาที่เย็นชาอยู่เสมอของจุนซู แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อมองไปยังรุ่นน้องคนนั้น


    ซึงริเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ เขาสัมผัสได้ ตั้งแต่วันที่คัดเลือกคนเข้าชมรมในวันนั้น



    ไม่ว่าอีกสามวันข้างหน้าผลจะออกมาเป็นยังไง แต่พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้นาย







    ถ้าเปรียบเทียบความรักกับเพลงๆหนึ่งแล้ว ความรักของผมก็คงจะประมาณเพลงนี้แหละมั้ง



    จะเป็นคนเดียวที่ไม่บอกรักเธอ
    ไม่หวังให้เธอต้องมาบอกรักกัน
    แค่คนหนึ่งคนที่อยากเจอเธอทุกวัน
    ไม่อยากผูกพัน ไปกว่านี้



    ผมมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะปิดล็อคเกอร์ของพี่จุนซูอย่างระมัดระวัง
    อย่าเข้าใจผิดว่าผมมาขโมยของ หรือเป็นโรคจิตที่ชอบเปิดล็อคเกอร์ของชาวบ้านนะ
    พอได้ยินจากเรียวอุคว่า พี่จุนซูไม่สบาย ผมก็เอาน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวใส่น้ำอุ่นที่ทำเอง ใส่กระติกน้ำร้อน มาแอบใส่ในล็อคเกอร์ของพี่เค้าต่างหาก โอเค การกระทำของผมอาจจะงี่เง่า ใครรู้ก็อาจจะหัวเราะ ที่ทำตัวเหมือนนางเอกการ์ตูนญี่ปุ่นที่มักจะเอาคุกกี้ทำเองมาใส่ล็อคเกอร์ของพระเอก ทำไงได้ ก็ผมเป็นห่วง อยากให้พี่เค้าหายเร็วๆนี่หน่า


    “ตื่นเต้นป่ะซึงรึ มะรื้นนี้แล้วอ่ะ” เรียวอุคถามขึ้นขณะที่เรานั่งอยู่ในห้องเรียนเพื่อรออาจารย์มาสอน
    “ตื่นเต้นสิถามได้ ยิ่งต้องแข่งกับนายด้วยยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่”

    และแล้ววันคัดเลือกก็มาถึง สามวันที่ผ่านมาผมซ้อมหนักมาตลอด หวังว่าที่ผมซ้อมไปมันจะไม่สูญเปล่าหรอกนะ ถึงวันนี้คนที่ได้คัดเลือกจะเป็นเรียวอุค ไม่ใช่ผมแม้จะแอบเสียดายอยู่ลึกๆแต่ผมก็ได้ทำเต็มที่แล้ว



    “คนที่ได้รับเลือกเพื่อแสดงเปียโนคู่กับจุนซูในงาน พิธีจบการศึกษาปีนี้ อี ซึงฮยอนจาก คะแนน สองในสาม เอาล่ะ วันนี้ก็เริ่มซ้อมได้เลยนะ ที่เหลือครูฝากด้วย” อาจารย์พูดจบแล้วก็เดินออกไปในห้องจึงเหลือแค่ ผม เรียวอุค พี่จุนซู และก็พี่ยูชอลเท่านั้น


    “ยินดีด้วยนะซึงริ” เรียวอุคบอกกับผมพร้อมกับจับมือผมเขย่าด้วยความยินดี
    “นึกว่าจะเป็นนายซะอีกนะเนี่ย” ผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้
    “อ่า งั้นฉันกลับบ้านแล้วนะจะได้ไม่รบกวนเวลาซ้อมของนายกับพี่จุนซู” เรียวอุคพูดพร้อมกับขยิบตาให้ผมอย่างล้อๆ



    “พี่ก็ว่าจะกลับอยู่พอดี กลับแล้วนะจุนซู” พอพี่ยูชอลกับเรียวอุคออกไป ในห้องก็เหลือแต่ผมกับพี่จุนซูสองคนเท่านั้น



    พี่จุนซูเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมรู้สึกได้ถึงจังหวะของหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น พี่จุนซู หยุดอยู่ตรงหน้าผม แต่ผมก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองพี่เค้าอยู่ดี


    “ขอบคุณนะครับที่ เลือกผม” ผมเหลือบมองพี่จุนซูแว่บนึงก่อนที่จะก้มหน้าลงอย่างเดิม พี่จุนซูยังคงเงียบ

    ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองพลาดซะแล้วที่พูดแบบนั้นสองเสียงนั่น
    อาจจะเป็นพี่ยูชอลกับ อาจารย์ก็ได้

    “ทำไมเวลาพูดต้องก้มหน้าก้มตา หวังว่าพี่จะไม่ผิดหวังดีเลือกนายนะ” ผมดีใจมากที่รู้ว่าพี่จุนซูเป็นคนเลือกผม
    “เอ้า เดินมาประจำที่สิ ยื่นนิ่งอยู่ทำไม” พี่จุนซูพูดพร้อมกับเดินไปหยิบไมโครโฟนมาพร้อมกับ ผมที่เดินไปประจำที่ หน้าเปียโน


    “โน้ตอยู่ตรงนั่นแล้ว ลองเล่นดูนะ” ผมลองอ่านโน้ต สามสี่รอบ เมื่อจำได้ขึ้นใจแล้ว ระหว่างที่เล่นเปียโน สายตาของผมแทบจะไม่ได้จับ อยู่กับโน้ตเพลงนั้นเลย กลับมองไปยัง ชายหนุ่มที่กำลังร้องเพลงด้วยเสียงที่ไพเราะ เป็นเพลงรักที่หวานจับใจและเพราะที่สุดเท่าที่ผมได้ฟังมา แต่แล้วพอพี่จุนซูหันมาสบตากับผมเท่านั้น



    “แต๊งงงง” ผมสะดุ้งพร้อมๆกับ รีบก้มหน้าก้มตาอ่านกระดาษโน้ตนั่น ทั้งๆที่จำโน้ตได้ขึ้นใจแล้ว
    “ ตั้งใจหน่อยสิ เวลาเหลือน้อยแล้ว นะ ถ้านายยังมัวเล่นผิดอยู่แบบนี้ล่ะก็ คงต้องซ้อมหนักขึ้น” อยากจะบอกพี่เค้าเหลือเกินนะว่า ผมเล่นผิดแค่ตอนที่พี่หันมาสบตาเท่านั้นแหละ
    “ขอโทษฮะ”
    “วันนี้พอแค่นี้และกัน พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิมนะ” คืนนั้นผมใช้เวลานานมากกว่าจะข่มตาหลับได้ แววตาที่พี่จุนซูมองมานั้น ทำไมมันถึงได้แปลกๆ เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง อย่างนั้นแหละ หรือว่าผมจะคิดมากไปเองก็ไม่รู้





    ผมกลัวจริงๆ ว่าซักวันนึง พี่เค้าจะรู้ว่าผมคิดยังไงกับเค้า






    ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้
    ก็พอแล้ว ไม่มีเงื่อนไขใดๆในความหวังดี
    แค่ได้ชอบเธอในตอนนี้
    ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ




    “ฟังเพลงได้เข้ากับตัวเองจริงๆนะซึงริ” ผมสะดุ้งเมื่อเรียวอุคดึงหูฟังเอ็มพีสามไปฟังข้างหนึ่ง ช่วงนี้ ไม่รู้เป็นอะไรถึงได้ขวัญอ่อน ตกใจง่ายนัก

    “ซ้อมเป็นไงมั่งซึงริ มีความสุขล่ะสิท่า”เรียวอุคถามด้วยท่าทางที่อยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษ
    “ตื่นเต้นจะตาย ฉันไม่กล้ามองหน้าพี่เค้าตรงๆเลยอ่ะ”

    “ก็บอกแล้ว ให้บอกว่าชอบพี่เค้าไปซะก็สิ้นเรื่อง ถ้าเกิดใจตรงกันขึ้นมาก็แฮปปี้ จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มแบบนี้”
    “ถ้ามันเกิดไม่เป็นอย่างที่นายว่าขึ้นมาฉันคงไม่มีหน้าไปมองพี่เค้าหรอก”


    “เหลือเวลาอีกตั้งเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาซ้อม ไปเล่นบาสกันเถอะ”




    เรียวอุคกับผมเดินไปที่สนามบาส ก็เจอเพื่อนๆเตรียมแบ่งทีมกันเรียบร้อยแล้ว
    “ใครแพ้เลี้ยงข้าวหนึ่งอาทิตย์” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนเงื่อนไขขึ้นมาทุกคนก็เห็นด้วย
    “โอเค เริ่มเลยดีกว่า” การเล่นบาสในครั้งนี้เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน เนื่องจากเดิมพันเป็นถึงข้าวฟรีทั้งอาทิตย์ แต้มของทีมผมกับฝั่งตรงข้าม พลัดกันนำพลัดกันตามตลอด
    “ส่งมาเร็วๆ” ผมตะโกนบอกเพื่อน เมื่อผมอยู่ตำแหน่งที่เหมาะที่สุดสำหรับการทำแต้มในครั้งนี้ เวลาก็เหลือน้อยลงทุกที




    ลูกบาสลอยข้าม มาตรงตำแหน่งที่ผมยืน ผม พยายามที่จะกระโดดเอื้อมมือออกไปรับ แรงเหวี่ยงจากลูกบาสที่เร็วมาก ทำให้ลูกบาสกระแทกกับข้อมือซ้ายของผมอย่างจัง
    “โอ๊ย!” ทุกคนหยุดเล่นและรีบมาดูอาการผมในทันที ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ข้อมือซ้าย ทำให้ผมยืนค้างอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่าข้อมือจะหักรึเปล่า



    “ซึงริเป็นไรมากรึเปล่า” เพื่อนๆที่เข้ามาดูอาการถามด้วยความเป็นห่วง
    “ฉันพาไปห้องพยาบาลนะ” เรียวอุค ประคองผมไปห้องพยาบาล นี่ก็ใกล้เวลาที่ผมต้องไปซ้อมเปียโนกับพี่จุนซูแล้วด้วย


    “ข้อมือซ้น ดีนะที่ไม่หัก ช่วงนี้ก็งดใช้มือซ้ายไปก่อนนะจ๊ะ” อาจารย์สาวสวยผู้ดูแลห้องพยาบาลเอ่ยขึ้น หลังจากเอา ผ้ามาพันข้อมือให้ผมเรียบร้อย


    “และเมื่อไหร่จะหายหรอครับ”
    “ประมาณ สองอาทิตย์จ้ะ แต่ถ้า ดื้อยังใช้มือซ้ายอยู่ก็อาจใช้เวลานานกว่านี้นะถึงจะหาย”



    “ท่าทางการแสดงในงานจบการศึกษาครั้งนี้คงต้องเปลี่ยนให้นายเล่นแทนแล้วแหละ”ผมบอกกับเรียวอุค ในใจนึกเสียดายทั้งๆที่มีโอกาสได้แสดงกับพี่จุนซูแล้วแท้ๆ แต่ข้อมือดันมาเจ็บแบบนี้ ถ้าดึงดันยังเล่นต่อไปจะเสียชื่อชมรมเปล่าๆ
    “สองอาทิตย์ ก็หายแล้วเอาน่า ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งสองอาทิตย์ ฉันเชื่อว่านายทำได้นะ”


    เรียวอุคพูดให้กำลังใจก่อนที่จะขอตัวกลับบ้าน พร้อมกับย้ำกับผมว่า เลิกซ้อมแล้วให้รีบไปโรงพยาบาลทันที



    “นายมาช้าสิบนาทีนะ” เมื่อผมเดินเข้าไปก็เห็นพี่จุนซูนั่งรออยู่แล้ว
    “ขอโทษฮะ คือว่ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย”
    “ข้อมือไปโดนอะไรมา”พี่จุนซูถามผมเสียงดุพร้อมกับจับข้อมือซ้ายของผม
    “โอ๊ย”ถึงพี่เค้าจะจับไม่แรงนักมันก็เจ็บอยู่นะ

    “อีกสามอาทิตย์จะถึงวันงานแล้ว ทำไมไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้ข้อมือเป็นแบบนี้ ฉันอุตส่าห์ไว้ใจนายแท้ๆ”พี่จุนซูพูดเสียงดัง ดูจากสีหน้าแล้วเค้าคงโกรธมากแน่ๆ
    “ผมขอโทษฮะ”ผมพูดพร้อมกับรีบปาดน้ำตาที่เอ่อ ออกมา ไม่อยากให้พี่จุนซูเห็น แค่นี้ ก็น่าสมเพชจะแย่


    “ขอโทษ ที่ใช้อารมณ์ มากไปหน่อย นายเล่นเปียโนมือเดียวได้ใช่มั๊ย” พี่จุนซูถาม พร้อมกับไปนั่งอยู่หน้าเปียโน
    “ได้ฮะ ว่าแต่พี่ถามทำไมหรอฮะ”



    “ระหว่างที่ข้อมือนายยังไม่หายพี่จะเล่นมือซ้ายให้ ยืนทำอะไรอยู่รีบๆมาเข้าสิ”



    ผมค่อยๆเดินเข้าไปตรงที่พี่จุนซูนั่งอยู่ และค่อยๆนั่งลงไปข้างๆ และเขยิบให้ห่างจากพี่จุนซูเท่าที่จะทำได้ แต่เก้าอี้เปียโนมันไม่ใหญ่เท่าไหร่ จึงทำให้ผมเกือบตกเก้าอี้


    “นั่งอย่างนั้นแล้ววันนี้จะได้ซ้อมมั๊ย”เมื่อเห็นสายตาดุๆของพี่จุนซูผมจึงขยับ เข้าไปใกล้อีกนิด ใกล้เสียจนไหล่ของเราสองคนจะชนกัน


    จากนั้นพี่จุนซูก็เริ่มเล่นเปียโนด้วยมือซ้าย ผมจึงเล่นบ้าง ผมเคยแต่มองพี่เค้าเวลาลาร้องเพลงอยู่ไกลๆ แต่เมื่อพี่เค้ามานั่งอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ผมกลัวเหลือเกินว่า พี่เค้าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรง ของผม


    ไม่นานเพลงก็จบลง เมื่ออยู่ใกล้กันขนาดนี้ ผมไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตา กลัวว่าตัวเองจะแสดงอาการอะไรไปมากกว่านี้ กลัวว่าถ้าพี่เค้ารู้ว่าผมคิดยังไงผมจะไม่สามารถ แอบมองพี่เค้าได้อย่างเดิม


    “ไม่สบายหรอ หน้าแดงเชียว”พี่จุนซูไม่พูดเปล่า ยังเอามือมาแตะหน้าผากของผมอีก ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของผมที่สูงอยู่แล้ว สูงขึ้นไปอีก


    “ตัวก็ร้อนด้วย วันนี้พอแค่นี้และกันนะ” พี่จุนซูเดินออกไปแล้ว เหลือแต่ผมที่นั่งอยู่หน้าเปียโน มือ ขวาทาบไปตรงอกข้างซ้าย สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก



    นี่ผมต้องซ้อมกับพี่เขาแบบนี้ทุกวันจนกว่าข้อมือจะหายเลยหรือ



    การซ้อมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเวลาก็กระชั้นชิด เข้ามาทุกทีแม้ว่าผมจะเริ่มชินเวลาได้ซ้อมกับพี่จุนซูใกล้ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นทุกที อาทิตย์หน้าแล้วจะถึงพิธีจบการณ์ศึกษา มือซ้ายของผมก็กลับมาใช้งานได้อย่างปกติแล้ว



    “เพลงนี้ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครเป็นคนแต่งหรอครับ”ผมถามพี่จุนซูหลังจากที่สงสัยมานาน อีกอาทิตย์กว่าๆจะไม่ได้เจอพี่เค้าแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือ จึงอยากพูดคุยและเก็บความทรงจำดีๆแบบนี้เอาไว้



    “พี่แต่ง เองแหละ แต่งให้คนสำคัญ”แววตาของพี่จุนซูดูอ่อนโยนมากเมื่อพูดถึงคนคนนั้น
    “หรอฮะ น่าอิจฉาจังเลย ใครกันนะคือผู้โชคดีคนนั้น” พี่จุนซูออกจะดัง ถ้ามีคนที่ชอบแล้วก็คงไม่แปลก ว่าแต่ ทำไมถึงไม่มีใครรู้กันนะว่าคนสำคัญของพี่จุนซูคือใคร เค้าคงจะมีความสำคัญกับพี่จุนซูมากแน่ๆเลย ถึงได้แต่งเพลงที่ซึ้งขนาดนี้ให้ น่าอิจฉาจังแฮะ


    จุนซูนึกย้อนไป ถึงตอนที่เขาได้แต่งเพลงนี้



    “โหย ไพเราะซาบซึ้ง ถ้าฉันเป็นคนที่นายแต่งเพลงให้คงรักนายตายอ่ะ”ยูชอลวิจารณ์หลังจากที่ช่วยเล่นเปียโนให้จุนซูร้องเพลงที่เพิ่งแต่งเสร็จ
    “คนที่สำคัญของนายเป็นคนยังไงอ่ะ”ถามเพราะอยากรู้ว่าคนแบบไหนกันนะที่จุนซูผู้ที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่สนใจใครในโลก ยอมลงทุนแต่งเพลง ให้ โดยใช้เวลาเพียงแค่สามวันเท่านั้น


    “จะรู้ไปทำไม”จุนซูหันไปมองเพื่อนที่ยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก
    “ฉันถามว่าเค้าเป็นคนยังไงไม่ได้ถามซะหน่อยว่าใคร”


    “เป็นคนยิ้มเก่ง ช่างพูดช่างคุยเวลาอยู่กับเพื่อนนะ ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเวลาอยู่กับฉันถึงไม่ค่อยพูด แถมชอบก้มหน้าก้มตา เวลาคุยกับฉันอีกด้วย” พูดไปก็พลางนึกถึงอาการของคนที่มักจะก้มหน้าอยู่เสมอเวลาที่เขาพูดด้วย



    “น้องนักเปียโน ปีหนึ่ง แน่ๆเล๊ย ไอ้จุนซูเอ๊ย อาการแบบนี้นะ ขอเอาหัวเป็นประกันเลย น้องเค้าชอบแกชัวร์”
    “ว่าแต่..ฉันเดาคนสำคัญของแกถูกป่ะ”
    “แล้วแต่จะคิด” จุนซูไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
    “ทำไมไม่ขอน้องเค้าเป็นแฟนไปเลยวะ หรือป๊อด”


    “เดี๋ยวฉันเรียนจบก็ไม่ได้อยู่เกาหลีแล้ว ปล่อยให้ เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ถึงไม่ได้เป็นแฟนแต่ฉันก็มีความรู้สึกดีๆให้กับเค้า หวังแต่ว่า เค้าจะรับรู้บ้างก็เท่านั้น”

    เมื่อเห็นซึงริเงียบไปนาน จุนซูจึงพูดต่อไปว่า




    “แต่พอพี่เรียนจบแล้วก็คงไม่ได้เจอกับเค้าบ่อยๆแล้วแหละ เรียนจบแล้วพี่จะไปเมืองนอกปีนึง” ได้ยินแบบนี้แล้วผมก็อดใจหายไม่ได้ ถึงพี่จุนซูเรียนจบ แต่ถ้ายังอยู่ในเกาหลีก็ยังอยู่ในประเทศเดียวกัน ซักวันถ้าโชคดีอาจได้เจอกัน แต่ถ้าไปเมืองนอกแบบนี้ โอกาสจะได้เจอก็น้อยเต็มที






    ไม่หวังให้เธอมีใจ ไม่หวงถ้าเธอมีใคร
    ไม่หวังยืนใกล้ๆ ไม่ต้องการร้องขอ
    ได้ยืนอยู่บนผืนดิน ผืนเดียวกับเธอก็พอ
    ฉันก็มีความสุขอยู่กับฝันของฉันเท่านี้



    “นี่ ยังไม่เลิกฟังเพลงแอบรักอีกหรอซึงริ” ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ ที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษเมื่อเรียวอุคเดินเข้ามาในบ้าน ตัวหนังสือและการบ้านนั้นไม่ได้เข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย

    “อืม”

    “ไงพรุ่งนี้แล้วนะ พิธีจบการศึกษา คิดไว้ยังว่าจะบอกรักพี่เค้ายังไง”
    “พี่เค้าเรียนจบจะไปเมืองนอก ปีนึง ฉันคงไม่บอกหรอกว่าฉันรู้สึกยังไงกับพี่เค้า อีกอย่างพี่เค้าก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วฉันพูดไปมีแต่จะทำให้พี่เค้าลำบากใจเปล่าๆ”
    “โอเคๆ ตามใจนายละกัน การแสดงพรุ่งนี้ก็เอาให้เต็มที่เลยนะ สู้ๆ”เรียวอุคพูดให้กำลังใจหลังจากเห็นท่าทางที่ซึมๆของผม



    “ฉันว่าฉันจะบอกรักพี่เค้าผ่านเสียงเปียโนแหละเรียวอุค”





    และแล้วพิธีจบการศึกษาก็มาถึง บรรดานักศึกษาปีสี่ ทุกคนมีสีหน้าที่มีความสุขหลังจากที่เหนื่อยกันมาเต็มๆเป็นเวลาสี่ปี


    “อีกสิบนาทีจะเริ่มแสดงแล้วนะ” รุ่นพี่คนนึงเข้ามาบอก ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆเลย เพราะคนเยอะมากกว่าที่คิดหลายเท่า
    “นายทำได้น่าซึงริ และก็อย่าลืมเรื่องที่นายบอกฉันเมื่อวานด้วยล่ะ” เรียวอุคบอกให้กำลังใจผมไม่นานอาจารย์ก็บอกให้เตรียมขึ้นเวทีได้แล้ว




    ม่านผืนใหญ่ค่อยๆเปิดออก เมื่ออาจารย์ ได้แนะนำโชว์ที่กำลังจะเริ่ม เสียงปรบมือก็ดังขึ้น หลังจากนั้น ผมก็เริ่มลงมือบรรเลงเพลงด้วยจังหวะที่หวานซึ้ง โดยใส่ของความรักลงไปในการบรรเลงตรั้งนี้ด้วย วันนี้พี่จุนซูก็ยังคงร้องเพลงได้อย่างไพเราะเหมือนทุกครั้ง บางคนถึงกับซาบซึ้งจนน้ำไหล โดยไม่รู้ตัว ผมเริ่มจะอิจฉาคนสำคัญที่พี่จุนซูแต่งเพลงให้นิดๆแล้วสิ



    พี่จุนซู พี่จะรู้มั๊ยนะ ว่าตอนนี้ผมกำลังบอกรักพี่ผ่านเสียงเปียโน




    เมื่อพี่จุนซูร้องเพลงจบ เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่ม ฮอล์ทันที พี่จุนซู เดินมหาผมและาจูงมือไปหน้าเวที แล้วโค้งให้คนดูพร้อมกัน ก่อนที่จะได้รับเสียงปรบมือที่ต่อเนื่องและยาวนานอีกครั้ง



    งานแสดงพิธีจบการศึกษาในปีต่อมา



    ตอนนี้ผมอยู่ปีสองแล้ว แถมยังเป็นประธาน ชมรมอีกด้วย ไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยล่ะ พอจบปีหนึ่ง เรียวอุคก็ได้ทุนไปเรียนดนตรีต่อที่ออสเตรีย เฮ้อ ใครๆที่ผมรักต่างไปจากผมกันทั้งนั้นเลย ปีนี้อาจารย์ดันบอกว่า ใครๆก็อยากเห็นฝีมือของประธานชมรม ที่อายุน้อยที่สุด การแสดงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากเดี่ยวเปียโนของผมนั่นเอง


    จะว่าไปมันก็ตื่นเต้นเอาการนะเนี่ย แม้ว่าผมจะเคยแสดงต่อหน้าคนเยอะๆมาแล้วก็เหอะ แต่เมื่ออาจารย์ไว้ใจผมขนาดนี้แล้วผมจะเต็มที่ไม่ให้ทุกคนผิดหวัง หลังจากการแสดงในปีที่แล้ว พี่จุนซูสอนให้ผมรู้ว่า เวลาที่เราได้เล่นเปียโนโดยใส่ความรัก ลงไปด้วย จะทำให้ผู้ชมอินไปกับเรามากกว่าสักแต่ว่าเล่นตามโน้ตที่เราเห็นแค่นั้น


    “ซึงริ อีกห้านาที” รุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาบอก
    “เอาล่ะออกไปได้เลย”


    งานในปีนี้คนยังคงเยอะไม่แพ้ทุกปี ผมเดินไปนั่งหน้าเปียโนแล้วเริ่มบรรเลง เพลงที่คอดนตรีคลาสสิก รู้จักเป็นอย่างดีสามเพลง และเพลงสุดท้าย ก็เป็นเพลง ที่ผมเคยเล่นคู่กับพี่จุนซูเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง ถึงแม้ว่าคราวนี้จะไม่มีคนร้องก็เถอะนะ แต่ผมก็จะพยายามเล่นเพลงที่พี่จุนซูแต่งด้วยความตั้งใจที่สุด
    จังหวะของดนตรีค่อยๆช้าลงจนเงียบไปในที่สุดก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเสียงปรบมือของผู้ชม แค่รู้ว่าคนที่ได้ฟังเปียโนที่ผมเล่นมีความสุข ผมก็ดีใจแล้ว

    ผมกำลังเก็บของและเตรียมจะกลับบ้านแล้ว ก็ได้ยินเสียคนคนหนึ่งเรียก ใครกันนะ ว่าแต่ทำไมเสียงนี้มันถึงได้คุ้นนักล่ะ
    “ซึงริ ฝีมือยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมนะ รู้สึกว่าจะเก่งขึ้นด้วย เป็นประธานชมรมด้วยนี่ ไม่เบานะเรา พี่ดีใจนะที่ยังจำเพลงที่พี่แต่งได้นึกว่าจะลืมไปแล้ว”
    ผมค่อยๆหันหลังกลับไปอย่างช้าๆ ก็ได้พบกับคนที่คิดถึงมาตลอดหนึ่งปีเต็มๆ

    “พี่จุนซู”

    The End
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×