คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Circle of love 4 End
กริ๊งงงงงงงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียง เอาหมอนปิดหู แล้วห่มผ้าคลุมโปง เพื่อจะนอนต่อ ทว่านาฬิกาก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เหมือนว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนตื่นยากแค่ไหน เมื่อคืน ก่อนนอนจียงจึงวางนาฬิกาปลุกไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ แทนที่จะเป็นข้างเตียง จียงจึงต้องลุกจากเตียงเพื่อที่จะไปปิดนาฬิกาปลุกอย่างจำใจ
ข้างๆนาฬิกาปลุกนั้น มีรูปของจียงกับซึงริถ่ายคู่กัน ซึ่งปกติรูปคู่ที่เขากับซึงริถ่ายคู่กันก็มีเยอะอยู่แล้ว จียงจึงไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ แต่รูปนี้มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องนึกย้อนกับไปในวันที่เขากับซึงริถ่ายรูปกันเมื่อครั้งนั้น
“ถ้าผม...เกิดชอบคนคนเดียวกับพี่ขึ้นมา ผมคงแย่”จียงมองหน้าซึงริอย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไม ซึงริถึงได้พูดแบบนี้
“ก็พี่ทั้งหล่อทั้งเท่แบบนี้ เป็นใครเค้าก็คงเลือกพี่ ไม่ใช่ผม”ซึงริตอบเมื่อเห็นสีหน้าที่สงสัยของพี่ชาย
“แล้วถ้าคนคนนั้นเกิดชอบพี่ขึ้นมาล่ะ?” จียงถาม เขาอยากรู้ว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริง ซึงริจะทำอย่างไร เพราะว่านานๆทีจะได้เห็นซึงริจริงจังขึ้นมา
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมคงเสียใจ”
“พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเสียใจ โอ๊ะ ไม่อยากจะเชื่อ วันนี้นายจะมาในมาดจริงจัง ไหนพี่ขอถ่ายรูป อีซึงฮยอนโหมดจริงจังหน่อยสิ”
ไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงรูปถ่ายใบเดียว จะทำให้จียง นึกย้อนและสามารถ จำเหตุการณ์ นั้นได้ ทั้งๆที่มันผ่านมานาน กว่าสองปีจนเขาเกือบจะลืมไปแล้ว
สัญญาสำคัญที่จะไม่ทำให้ซึงริเสียใจ
สัญญาที่ว่า...เขาจะไม่มีวันชอบคนคนเดียวกันกับซึงริ......
Circle of love
“ซึงริเป็นอะไร?” จียงถามหลังจากเห็นซึงริร้องไห้ออกมาจากห้องของเทมโป
“เขาทำอะไรนายบอกพี่มานะ” พยายามคาดคั้น ซึงริได้แต่ส่ายหน้า น้ำตามากมาย ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น
“ขอ
ฮึก...ผม อยู่ คน เดียว” พูดจบก็รีบวิ่งเข้าห้อง และล็อคประตูทันที
“ซึงริ พี่เป็นห่วงนายนะ เปิดประตูหน่อย” จียงตามไปเคาะประตู ที่หน้าห้องของซึงริ แต่ก็ไม่มีวีแววว่าเจ้าของห้องจะมาเปิดให้เขาเลย
“เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ชเว ซึงฮยอน” จียงพึมพำกับตัวเองแล้วเดินออกไป
หลังจากสิ้นเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปของจียงแล้ว ซึงรินั่งพิงประตูอย่างหมดแรง น้ำตามากมายที่พยายามกลั้นเมื่อตอนที่อยู่ในห้องของเทมโป บัดนี้มันกลับไหลรินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนน่าโมโห
เวลาที่เขาเสียใจ หรือเวลาที่เขาร้องไห้ พี่จียงจะอยู่กับเขาเสมอ แต่ตอนนี้ซึงริกลับอยากอยู่คนเดียว เขาไม่อยากให้จียงต้องมาทุกข์ใจ เพราะเรื่องของเขาอีกต่อไป
“ซึงริงี่เง่า ฮึกๆ นาย หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ”พยายามที่จะบอกตัวเองให้หยุดร้อง แต่เขากลับร้องไห้หนักขึ้น เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่กี่นาที
“พี่เทมโปฮะผมว่า....เราเลิกกันเถอะ”ซึงริเอ่ยขึ้นหลังจากที่เข้ามาภายในห้องของเทมโป
“พี่...พี่ขอโทษนะซึงริ เป็นเพราะพี่”เทมโปยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก เมื่อเห็นท่าทางของซึงริในวันนี้
ไม่มีน้ำตาให้เห็นซักหยด ซึงริยังคงยืนนิ่ง หน้าตาของซึงรินิ่งเฉย ราวกับคนที่ไร้ความรู้สึก
“ผมไม่โทษพี่หรอก ในเมื่อความรักของพี่ มันไม่ใช่ของผมตั้งแต่แรก”
“พี่ขอโทษจริงๆ เพราะความเห็นแก่ตัวของพี่ทำให้ทั้งนายและจียง ต้องมาทุกข์ใจ พี่รู้...จะให้พูดคำว่าขอโทษกี่ครั้ง มันก็คงไม่พอ ถ้าเทียบกับเรื่องที่พี่ได้ทำกับพวกนายไว้ แต่พี่อยากให้นายรู้ว่าพี่เสียใจจริงๆ.....พี่เชื่อนะว่าจียงต้องดูแลนายได้ดีกว่าพี่แน่ๆ”ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาซึงริ เทมโปรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาเห็นแก่ตัวเพียงใด ตอนนี้เขาคงได้รับผลของการกระทำนั้นแล้ว ถ้าซึงริ ได้คบกับจียง ทั้งสองคนคงมีความสุข
สุดท้าย คนเห็นแก่ตัวต้องอยู่คนเดียว....
“ทำไม! ทั้งๆที่พี่ก็รักพี่จียง” ซึงริไม่เข้าใจว่าทำไมเทมโปถึงได้บอกกับเขาแบบนั้น
“ถ้าไม่มีพี่ นายสองคนก็คงจะรักกันแต่แรก”
“มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกพี่ ช่วงที่เราคบกัน ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับผม” ซึ้งริยิ้ม เขาไม่ได้ยิ้มมาพักหนึ่งแล้ว รอยยิ้มของซึงริยังคงสดใส แต่จากที่เทมโปเห็นเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม สายตาของซึงริถึงได้เศร้านัก
เสียงกระชากประตูอย่างแรงทำให้เทมโปหันไปมอง เขาค่อนข้างแปลกใจ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่จียงมาที่ห้องของเขา เพราะถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...จียงจะไม่มีวันมาเหยียบห้องของเขาอย่างแน่นอน
“นายทำอะไรซึงริ”จียงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อที่จะระงับความโมโหที่ก่อตัวขึ้นเมื่อเห็นหน้าของคนที่ทำให้ซึงริต้องร้องไห้มากมายขนาดนั้น นี่ถ้าเขาบีบคอหมอนี่ได้คงทำไปแล้ว
“ฉันทำอะไร ก็แค่คุยกัน...มันก็แค่นั้น”เทมโปไม่เข้าใจว่าแค่เขาคุยกับซึงริเมื่อเช้า ทำไมจียงถึงต้องโกรธขนาดนั้นด้วย
“หน้าด้าน! ก็เห็นอยู่ว่าซึงริร้องไห้ ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้ เป็นแฟนกันประสาอะไร ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของซึงริบ้าง อื้อ
..”ไม่ทันที่จียงจะได้พูดจบ ริมฝีปากร้อนก็ทาบมาที่ริมฝีปากของจียงอย่างทันที จุมพิตครั้งนี้ แทนความรู้สึกของเทมโปว่า เขา “รัก”คนตรงหน้านี้มากเพียงใด
ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน ทำไมสมองมันขาวโพลนไปหมด จียงคิดขณะที่เผลอไผลไปกับความอ่อนโยนที่เทมโปมอบให้ เทมโป ผละริมฝีปากออกเมื่อเห็นว่าจียงเริ่มหายใจไม่ทัน เขากลัวว่าจียงจะเป็นลมเหมือนกับครั้งก่อน
“นะ
นาย ทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆที่นายเกลียด ทำไมถึงทำแบบนี้กับฉันอยู่เรื่อย” จียงถามในขณะที่ความรู้สึกต่างๆปนเปไปหมด ทั้งสับสน ทั้งเกลียดตัวเองที่เผลอไปใจเต้นกับสัมผัสของคนตรงหน้า
“ฉันไม่ได้เกลียดนาย ฉันรักนายนะจียง”คำพูดที่เคยได้แต่คิดในใจ บัดนี้ได้สารภาพออกมาจนหมดสิ้น.....ก่อนที่เขาจะตัดใจจากคนตรงหน้า
ขอเพียงได้บอกคำคำนี้กับจียงซักครั้ง
ไม่ได้ต้องการให้รักตอบ......ต้องการแค่เพียงให้จียงได้รับรู้.....ก็เท่านั้น......เพียงแค่นั้นจริงๆ
“นะ....นายบอกว่ารักฉันงั้นหรอ ? ทั้งๆที่เป็นแฟนกับซึงริ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่านายเป็นคนประเภทไหน เคยคิดบ้างมั๊ยว่าความเห็นแก่ตัวของนายจะทำให้คนอื่นเค้ารู้สึกยังไง ไปซะ... ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย
“ได้ ถ้านายต้องการอย่างนั้น”
เทมโปสตาร์ท เครื่องมอเตอร์ไซด์ และขับออกไปด้วยความเร็ว แรงบิดเพิ่มมากขึ้นพร้อมๆกับอารมณ์เสียใจที่มีอย่างท่วมท้น ในสายตาของจียง เขาก็เป็นแค่คนที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง ที่ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า
เหมือนว่าฝนที่ตกลงมาในคราวนี้จะรุนแรงกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ท้องฟ้าที่มืดครึ้ม และเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก อีกทั้งลมที่พัดแรงราวกับพายุเข้า ทำให้ต้นไม้ที่รายล้อมอยู่ข้างทาง ไหวเอนราวกับจะโค่นลงมา
ด้วยความเร็วของรถประกอบด้วยความแรงของเม็ดฝนที่สาดลงมา ทำให้เทมโปเหยียบเบรกอย่างแรงเมื่อเห็นทางโค้งข้างหน้า แต่ด้วยถนนที่เปียกจากน้ำฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้รถส่ายอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนที่จะพุ่งลงไปชนต้นไม้ข้างทางในที่สุด
ด้วยแรงกระแทก ทำให้ ร่างของเทมโปร่วงลงจากรถมอร์เตอร์ไซด์ ร่างของเขาพลัดตกลงจากรถคันโปรด พุ่งเข้ากระแทกกับต้นไม้ที่อยู่ในป่า เลือดค่อยๆ ไหลซึมมาจากรอยถลอกตามร่างกาย เขารู้สึกเจ็บแปลบที่แขนข้างซ้าย ไม่มีแรง......แม้แต่จะขยับกาย
Circle of love
ฝนข้างนอกที่ตกหนักอย่างชุ่มฉ่ำ แต่ใจของจียงตอนนี้กลับร้อนรุ่ม เขายืนอยู่หน้าประตูบ้านตั้งแต่ที่เทมโปขี่รถคันโปรดออกไป ฝนตกหนักมาก มีรถเกิดอุบัติเหตุ ตรงทางโค้งใกล้ๆบ่อยครั้ง ถ้าเทมโปเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง
จียงยิ่งใจเสีย เมื่อได้ยินเสียงหวอของรถพยาบาลดังขึ้น ในใจภาวนา ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับเทมโปเลย
“จียงร้องไห้ทำไม”แทยังถามเมื่อเห็นจียงยืนเหม่อมองออกไปข้างนอกและร้องไห้
“ฉันปะ...เปล่า”พูดพร้อมกับเอามือแตะที่แก้มตัวเอง ซึ่งตอนนี้เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของเขา
“ฉันจะออกไปข้างนอกนะ”
“ฝนตกหนักแบบนี้จะออกไปไหน เพิ่งจะหายเดี๋ยวก็ป่วยรอบสองหรอก”แทยังบอกด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าจียงจะออกไปข้างนอก
“ใกล้แค่นี้เอง แป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา”
จียงวิ่งออกไปโดยที่ไม่สนใจว่าฝนจะตกลงมาหนักเพียงใด เมื่อ ถึงทางโค้ง เขาเห็นรถพยาบาลจอดอยู่ ที่ข้างทางมีรถมอเตอร์ไซด์ที่เขาจำได้ดีว่าเจ้าของคือใคร
“คุณครับจะทำอะไร” บุรุษพยาบาลสองคนวิ่งมาจับจียงเมื่อเห็น จียงทำท่าจะวิ่งไปดูข้างทาง
“เพื่อน.....เพื่อนของผม ผมจะไปช่วยเขา”จียงกล่าวเสียงสั่น
“เพื่อนของคุณอยู่บนรถพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวเราจะนำเขาส่งโรงพยาบาล” จากนั้นจียงก็รีบขึ้นไปบนรถพยาบาลทันที
เมื่อขึ้นไปบนรถพยาบาล เขาเห็นเทมโปนอนไม่ได้สติ มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่ หน้าของเทมโปซีดเผือด บริเวณเหนือคิ้วขึ้นไปมีเลือดไหลซึมออกมาทั้งๆที่ พยาบาลได้ห้ามเลือดและพันแผลให้แล้ว
“ชเว ซึงฮยอน ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ นายตายไม่ได้นะถ้าฉันไม่อนุญาต”
“ฮึกๆ ตื่นขึ้นมาสิไอบ้า”มือของเทมโปเย็นเฉียบ จียงสัมผัสได้หลังจากที่จับมือของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร ตอนนี้จียงรู้เพียงว่า เขาคงไม่อยากมีชีวิตต่อไป ถ้าพรุ่งนี้ลืมตาขึ้นมาแล้วไม่มีคนที่ชื่อว่า “ชเว ซึงฮยอน”อยู่บนโลก
อะไรกัน.... นี่เขาฝันไปรึเปล่า ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่านี่คือความฝันหรือความจริง
ทำไม...ทำไม ถึงได้ยินเสียงของจียงอยู่ข้างๆ
เทมโปยังมีสติดีทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่บุรุษพยาบาลช่วยกันหามเขาขึ้นมาจากข้างทาง เขาก็จำได้ แต่เขาเจ็บจนแทบไม่อยากจะทำอะไร แขนข้างซ้ายขยับไม่ได้ เหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรอีกต่อไป
ฉันทำให้นายร้องไห้อีกแล้วใช่ไหมจียง.....
ขอฉันพักซักหน่อยนะจียง ถ้าฉันลืมตาแล้วเห็นว่านายอยู่ข้างๆ มันจะทำให้ฉันตัดใจจากนายได้ยากขึ้น
อย่าร้องไห้เพราะฉันอีกเลย....
เทมโปคิดก่อนที่สติเขาจะดับวูบไป
“พี่จียง...พี่เทมโปเป็นไงบ้าง”ซึงริถามเมื่อเห็นจียงนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด หลังจากที่จียงโทรศัพท์ไปบอก ทุกคนดูตกใจมากและรีบมาโรงพยาบาลในทันที
สภาพของจียงตอนนี้ แทบจะดูไม่ได้เลย ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั่น ทำให้ทุกคนรู้ดีว่า จียง “ร้องไห้” มาเป็นเวลานานพอควร เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยน้ำฝน แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างไร หน้าของจียงเริ่มซีด เนื่องจากตากฝนและยังมาเจอแอร์ในโรงพยาบาล
“เป็นเพราะฉัน.....เพราะฉันคนเดียว” จียงได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ทำให้ซึงริพลอยร้องไห้ไปด้วย
“พี่อย่าโทษตัวเองเลยนะ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอก”
“พี่ว่ามั๊ย ท่าทางพี่จียงดูไม่ค่อยดีเลยเนอะ”
“คงจะช็อคน่ะแดซอง ไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเราด้วย” แทยังไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เวลาผ่านไปพักใหญ่ หมอได้ออกมาจากห้องผ่าตัดและบอกถึงอาการของเทมโปกับทุกคน
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว โชคดีที่เขาใส่หมวกกันน็อคสมองเลยไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมาก ” ทุกคนต่างโล่งใจ
“แต่
.”ทุกคนเริ่มใจเสีย ทำไมคุณหมอถึงต้องแต่ด้วย
“ซี่โครง เขาหัก 2 ซี่ แขนซ้ายหัก และเนื่องจากเขาเสียเลือดมาก พร้อมๆกับร่างกายของเขาที่ไม่ค่อยได้พักผ่อน หมอคิดว่า.....ถ้าเขาไม่ฟื้นภายในเจ็ดวันเขาอาจเป็นเจ้าชายนิทรา”
เสียงของเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาลมีชื่อแห่งหนึ่ง ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันไม่ได้มีสภาพเก่าและใกล้จะพังแต่อย่างใด หากแต่ว่า ภายในห้องนี้แม้มีคนอยู่ถึงสองคนแต่กลับ เงียบสนิท
นี่ก็ล่วงเลยมากว่า 6 วันแล้วที่เทมโป เข้าโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุรถชน ใช้เวลาในห้องไอซียูเพียงไม่กี่วัน หมอก็อนุญาตให้ออกมาพักห้องพิเศษได้ การที่เทมโปออกจากห้องไอซียูได้เร็วกว่าปกติคงจะเป็นเรื่องน่ายินดี ถ้าไม่ติดที่หมอได้บอกไว้แต่แรกว่า
“ถ้าเขาไม่ฟื้นภายใน7 วัน เขาอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา”
จียงไม่รู้ว่า ปาฏิหาริย์ มีจริงหรือไม่ ในเวลานี้เขาได้แต่ภาวนาให้มันเกิดขึ้นกับเทมโปซักครั้ง
แพขนตาหนา ขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ เนื่องจากพยายามที่จะปรับสายตา ให้ชินกับแสงที่มากระทบ เมื่อรู้สึกตัว
เทมโปรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนข้างซ้าย และอาการปวดหัวที่ไม่มากเท่าไรนักแต่ก็สร้างความรำคาญให้เขาไม่น้อย
จียงได้ยินถึงความเคลื่อนไหวบนเตียง เขาก็ไม่แน่ใจว่าหูฝาดรึเปล่า แต่เขาก็รีบลุกจากโซฟา ไปเปิดม่านที่กั้นระหว่างเตียงคนไข้ทันที
มือที่จับม่านสั่นน้อยๆ ความรู้สึกหลากหลายปนกันไปหมด ทั้งตื่นเต้นและกลัว ในเวลาเดียวกัน กลัวว่าเขาจะแค่หูฝาดไปเฉยๆ ในใจได้แต่ภาวนาให้การรอคอยอันแสนยาวนานทั้ง 6 วันจบลงเสียที ขอให้เทมโปฟื้นขึ้นมาเร็วๆ
เมื่อม่านสีส้มอ่อนได้ถูกเปิดขึ้น จียงก็พบว่าเขาไม่ได้หูฝาดหรือตาฝาดแต่อย่างใด คนป่วยที่นอนหลับมาตลอดหกวัน บัดนี้ได้กึ่งนอนกึ่งนั่งหลัง พิงอยู่ที่หัวเตียง มือขวาค่อยๆนวดขมับ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่ออาการปวดหัวยังคงไม่หายซักที
“ นะ
นายฟื้นแล้ว” ก็เห็นอยู่ว่าคนตรงหน้าฟื้นแล้ว ที่จียงพูดออกไปเช่นนี้ เพียงเพราะว่าดีใจ
ปาฏิหารย์ ได้เกิดขึ้นกับเขาแล้วจริงๆ
“ทำไม หรือว่า นายความจำเสื่อม” เริ่มใจเสียเมื่อเห็นเทมโปไม่พูดอะไร นอกจากมองหน้าเขาเท่านั้น
“ซึงริ หยุดทำไมละ ทำไมไม่เข้าไป” แดซองทักขึ้นเมื่อเห็นซึงริทำท่าจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่จู่ๆ มือที่จับลูกบิดก็คลายออก
“พี่เทมโปฟื้นแล้วแหละ” พูดพร้อมกับทอดสายตาผ่านกระจกใสตรงประตู
“อ้าว ก็รีบเข้าไปหาพี่เค้าสิ ถอยมาเลยเดี่ยวพี่เปิดเอง” เมื่อเห็นน้องไม่มีทีท่าจะเข้าไปในห้องนั้น แดซองเห็นว่ามัวชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการ จึงจะเปิดประตูเข้าไปซะเอง แต่มือเล็กๆของซึงริกลับดึงเขาไว้
“เราไปกันเถอะ พี่เทมโปคงอยากจะลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นพี่จียงเป็นคนแรก”
แม้ว่าใบหน้าจะเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่น้ำเสียงกลับเจือไปด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน ซึงริไม่รู้ ว่าเขาจะต้องปั้นหน้าเรียบเฉย ไปอีกนานเท่าไร และเมื่อไหร่ที่เขาจะกลับมายิ้มได้แบบเดิมอีกครั้ง
“เฮ้อ
.”เห็นท่าทางของน้องชายแล้ว คนเป็นพี่ชายอย่างแดซองก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
“ไม่ต้องเสียใจหรอกนะซึงริ ถือซะว่าทำให้คนที่นายรักทั้งสองคนมีความสุข”ซึงริพยักหน้ารับเบาๆก่อนที่จะเดินห่างจากห้องพักของเทมโปออกมาเรื่อยๆ
“รอก่อนสิ นี่ ทำหน้าแบบนี้ไม่เหมาะกับนายเลยรู้มั๊ย ไปกินไอติมป่ะเดี่ยวพี่เลี้ยง”แดซองรีบเดินตามซึงริแล้วเอามือโอบที่ไหล่ ไปๆมาๆก็เอามือไปรัดคออย่างหมั่นไส้ เขาไม่ชอบที่เลยจริงๆที่เห็นซึงริเป็นแบบนี้
“พี่เนี่ยนะ จะเลี้ยง เห็นงกจะตาย”
“ไม่ได้งก พอดีคอลเล็คชั่นโดเรมอนพี่ ซื้อมันครบแล้วเลยมีตังเหลือไง เอาน่า นานๆทีจะเลี้ยงชอบขัดศรัทธาเรื่อย” แดซองแกล้งน้อยใจ ก็เขาไม่ได้งกจริงๆนี่หน่า
“ไปก็ไปสิ ไอติมที่พี่แดซองเลี้ยงเป็นครั้งแรก คงต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
“จำฉันได้มั๊ย”จียงเริ่มใจเสียเมื่อเห็นว่าเทมโปยังคงไม่พูดอะไรนอกจากมองหน้าเขาเท่านั้น
“ปวดหัวรึเปล่า” เทมโปพยักหน้าเบาๆ
“เรียกพยาบาลมั๊ย” เมื่อเห็นเทมโปส่ายหน้า จียงก็ถอนหายใจ หรือว่า จะพูดไม่ได้
“ยิ้มอะไร”จียงถามขึ้นเมื่อเห็นเทมโปมองหน้าเขาแล้วยิ้ม เทมโปไม่ทันได้ตอบ แต่กลับดึงมือของจียงไปกุมไว้
“เสียใจรึไงถ้าฉันเกิดพูดไม่ได้ หรือจำนายไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ” เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตอบกลับมาก็ทำให้จียงโล่งใจ แต่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ ไอบ้านี่มันแกล้งเขา น่าโมโหนัก คนอุตส่าห์เป็นห่วงแทบตาย
“นายแกล้งฉัน”จียงทำท่าจะลุกออกไปแต่เทมโปกลับจับมือไว้แน่นขึ้น
“น่าจะแขนหักอีกข้าง”จียงพูดพร้อมกับพยายามจะแกะมือของเทมโปออก ไม่เข้าใจจริงๆว่าเพิ่งจะฟื้นแท้ๆแต่ทำไมถึงได้แรงเยอะนัก
“ฉันดีใจนะที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นนายเป็นคนแรก”จียงพยายามที่จะไม่สบตาเทมโป โดยการตั้งหน้าตั้งตาแกะมือของตัวเองออกจากมือเทมโป
“ฉันดีใจ ที่นายเป็นห่วงฉัน จียง บอกฉันหน่อยได้มั๊ยว่าฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง จริงๆแล้วนายก็ชอบฉันเหมือนกัน”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาของเทมโปที่มองมาอย่างค้นหา ทำให้จียงต้องหลบตาอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้
หัวใจเต้นแรงเหมือนทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้
“ทีหลังอย่าพูดแบบนี้ ถ้าซึงริได้ยินเข้า จะเสียใจ”พยายามจะเก็บความรู้สึก ไม่ให้เทมโปรับรู้ว่า เขาหวั่นไหวกับคำพูดนั้นขนาดไหน
“ฉันกับซึงริเลิกกันแล้ว”
“ ฟังให้จบก่อน” เทมโปพูดขึ้นเมื่อเห็นจียงทำท่าจะขัด
“ถ้าฉันยังฝืนคบกับเค้าไปเรื่อยๆ ก็มีแต่จะเจ็บกันทุกฝ่าย นายก็รู้ว่าคนที่ฉันรักคือใคร”
“ไม่ ฉันทำไม่ได้ ทำแบบนี้ซึงริจะเจ็บเกินไป ฉันยอมไม่ได้”
“คำก็ซึงริ สองคำก็ซึงริ รู้ตัวมั๊ยจียง ว่านายห่วงความรู้สึกของเค้าเกินไปแล้ว ห่วงแต่ซึงริ แล้วฉันล่ะ แล้วนายล่ะ ไม่แคร์เลยรึไงว่าคนอื่นเค้าจะรู้สึกยังไง”
“อยากรู้นักใช่มั๊ยว่าที่จริงแล้วฉันรู้สึกยังไง”จียงสบตาเทมโปอย่างท้าทาย
“ฉัน รัก ซึงริ”เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่กับก้องกังวานในใจของคนฟังและคนพูด ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว จียงคิด เทมโปคลายมือที่กุมอยู่ทันที
“นั่นสินะ ทั้งๆที่ฉันรู้แต่ก็ยังถาม ฉันมันโง่เองและ ขอให้นายมีความสุขกับคนที่นายรัก ฉันแค่อยากให้นายรู้ไว้ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักนาย จียง”
จียงเดินออกไปแล้ว เทมโปกลับรู้สึกสมน้ำหน้าตัวเอง
สุดท้าย คนเห็นแก่ตัวก็ต้องอยู่คนเดียว....
Circle of love
หลังจากฟื้นและรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเป็นเวลาไม่ถึงอาทิตย์ เทมโปก็สามารถ กลับมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ คิวงานช่วงนี้ก็ต้องขาดสมาชิกไป 1 คน ต้องรอให้เทมโปหายดีก่อนถึงจะกลับไปทำงานได้อีกครั้ง
เทมโปรู้สึกแปลกใจ ที่ว่าทั้งซึงริและจียงยังไม่ได้คบกัน และ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล จียงก็พยายามที่จะหลบหน้าเขาตลอด
นายน่าจะมีความสุขกับคนที่นายรักไม่ใช่หรอ ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไม่ถึงได้ทำหน้าเศร้าขนาดนั้น
“อ้าว ซึงริ ดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรอ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”จียงทักเมื่อเห็นว่าซึงริ ยังนอนเล่นอยู่บนเตียงของเขา ในมือยังถือรูปถ่ายใบหนึ่ง
“ยังไม่ง่วงฮะ พี่จียง พี่จำตอนที่เราถ่ายรูปนี้กันได้รึเปล่า” ซึงริโชว์รูปที่เขาถ่ายคู่กันให้ดู
“อืม จำได้สิ”เขาจำได้ดีรูปนั้นเมื่อสองปีที่แล้วและ สัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับซึงริ
“ผมอยากจะบอกพี่ว่าที่พี่เคยให้สัญญากับผมไว้ พี่ไม่ต้องทำตามนั้นก็ได้นะ”
“ทำไมล่ะซึงริ” จียงไม่เข้าใจที่อยู่ดีๆซึงริก็พูดแบบนั้น
“เพราะตอนนั้นผมยังพูดไม่จบนะสิ ที่พี่ถามว่าถ้าคนคนนั้นเกิดชอบพี่ขึ้นมา จะทำไง ผมบอกว่าผมคงจะเสียใจ แต่ก็คงยินดีกับพี่”
“ซึงริ...”จียงพูดเพียงเท่านั้นก็ดึงซึงริเข้ามาในอ้อมกอด น้องชายของเขาเข้มแข็งขึ้นมาก ซึงริโตขึ้นแล้วจริงๆ
“ผมไม่อยากให้สัญญาอะไรนั่น มาผูกมัดพี่ไว้นะ มันไม่ง่ายเลยนะที่คนที่เรารักกับคนที่รักเราจะเป็นคนคนเดียวกัน ถ้าพี่เจอคนคนนั้นแล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียวล่ะ เดี๋ยวจะเสียใจแบบผม”
ถ้าเขารักพี่จียงแต่แรก คงไม่ต้องเจ็บอะไรขนาดนี้ แต่ทำไงได้ ในเมื่อหัวใจของคนเรามันบังคับกันไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรักพี่เทมโปแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เขารักพี่จียงมากเช่นกัน ถ้าคนที่เขารักทั้งสองคนมีความสุข เขาก็ควรที่จะดีใจ
อย่างที่พี่แดซองบอก
“คือ พี่.... ดีใจจริงๆนะที่มีนายเป็นน้องชาย” จียงพูดขณะที่น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเขารู้ว่าที่ซึงริตัดสินใจแบบนี้ก็คงเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน
“ให้ตายสิน่าอายจริงๆเลย ต้องให้นายมาเช็ดน้ำตาให้”ซึงริเช็ดน้ำตาให้จียงอย่างเบามือและบอกว่า
“ผมก็ดีใจจริงๆนะที่ มีพี่เป็นพี่ชาย”
Circle of love
เวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ เทมโปก็สามารถถอดเฝือก และเริ่มที่จะกลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว แต่หมอก็ได้กำชับว่าอย่าทำงานหักโหมเกินไปและให้ดูแลสุขภาพให้มากเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อน
“ผมเพิ่งหายนะ จะให้ไปออกโซโล่ที่ญี่ปุ่นอีก ให้คนอื่นเถอะครับ”
“พี่เข้าใจนะว่านายไม่ได้อยากมีอัลบัมเดี่ยวของตัวเองเป็นพิเศษ แต่นายก็ต้องเข้าใจแฟนคลับที่ติดตามผลงานของนายด้วย จะบอกปัดแบบนี้ไม่มีเหตุผลเอาซะเลยนะ”
“แล้วผมต้องไปกี่เดือนฮะ”
“ประมาณสองเดือน ตั๋วเครื่องบิน และทีมงาน พร้อมแล้ว อาทิตย์หน้า เตรียมตัวเดินทางได้เลย”
นี่มันเผด็จการชัดๆ! เทมโปเพิ่งออกมาจากห้องของพี่ผู้จัดการที่เรียกเขาไปคุยเรื่องโซโล่อัลบัมที่ญี่ปุ่น ให้ตายเถอะ พูดเหมือนให้ตัดสินใจเอง แต่เล่นเตรียมทีมงานกับตั๋วเครื่องบินพร้อมขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายังไงเขาก็ต้องไปญี่ปุ่นเสียให้ได้ ทั้งๆที่ใจจริงไม่ได้อยากไปซักนิด
เทมโปบอกข่าวนี้ให้ทุกคนได้ทราบระหว่างทานอาหารเย็น ทุกคนต่างเป็นห่วงเนื่องจากเขาเพิ่งหาย แดซองถึงกับว่าผู้จัดการว่าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่แทยังบอกว่าผู้จัดการคงมีเหตุผลของเขา
ระหว่างที่ทุกคนช่วยกันเก็บข้าวของบนโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย ในห้องก็เหลือเพียงจียงและเทมโปสองคน
“ฉันไม่ได้อยากไป”เทมโปพูดทำลายความเงียบ
“มาบอกฉันทำไม”จียงถอยหนีเมื่อเห็นเทมโปเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ถอยจนหลังติดกำแพง
“เพียงแค่นายบอกว่าไม่อยากให้ฉันไปฉันก็จะอยู่ต่อ” จียงหลับตาปี๋ เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของคนตรงหน้า
“ออกไปนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย”เมื่อหมดทางสู้ จียงคิดออกแค่วิธีนี้
“ก็เอาสิ ฉันก็มีวิธีที่จะปิดปากนายเหมือนกัน”
“ถ้าทำแบบนั้นฉันจะเกลียดนายไปตลอดชีวิต”
“ขอโทษ....”เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะขอโทษจียงทำไม รู้แต่เพียงว่า ไม่อยากให้จียงเกลียด
จียงลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเทมโปไม่ได้อยู่ใกล้เขาเหมือนตอนแรกแล้ว เทมโปเพียงจับมือเขาไว้หลวมๆเท่านั้น ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“นายโกหกตัวเองไม่ได้หรอกว่าไม่ได้รักฉัน ความรู้สึกของนายแสดงออกมาทางสายตาหมดแล้ว”เมื่อเห็นจียงยังคงเงียบ เทมโปก็เลือกที่จะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” แต่จียงก็เรียกเขาไว้
“ตั้งใจทำงานนะ”
เทมโปรู้สึกว่า เวลาหนึ่งอาทิตย์นั้นมันเร็วเหมือนกับมีคนมาหมุนนาฬิกาให้มันเดินเร็วขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แถมวันที่เขาต้องไปญี่ปุ่น สมาชิกบิ๊กแบงติดสัมภาษณ์อัลบัมใหม่ กว่าจะเดินทางมาสนามบินเขาก็คงไปจากเกาหลีแล้ว
ต้องไปญี่ปุ่นตั้งสองเดือนทั้งๆที่ไม่ได้ล่ำลากันซักนิด คิดแล้วก็รู้สึกโกรธพี่ผู้จัดการขึ้นมาตะหงิดๆ
“คุณจียงคะ...”เสียงใสๆของพิธีกรสาวสวยเรียกลีดเดอร์ของวงจากอาการเหม่อลอยให้กลับมาสู่การสัมภาษณ์อีกครั้ง
“ขอโทษครับ เมื่อกี๊คุณถามว่าอะไรนะครับ”เพราะมัวแต่คิดถึงใครบางคนจนไม่ได้ฟังว่าพิธีกรถามว่าอะไรบ้าง ป่านนี้ เครื่องจะออกรึยังนะ
“คอนเซปต์ ของอัลบัมนี้คืออะไรคะ” เมื่อแทยังเห็นเพื่อนอาการไม่ค่อยดีจึงตอบคำถามแทนให้
ระหว่างนั่งรถกลับ จียงก็เหม่อมองไปนอกหน้าต่างตลอดทาง
“เครื่องออกตอนไหนนะพี่แทยัง” แดซองถามขึ้น
“อีกครึ่งชั่งโมงแหละ”
“โห่ รถติดแบบนี้ จะแว่บไปส่งพี่เท๊มซักหน่อย ไม่ทันแน่ๆเลย”
มันไม่ง่ายเลยนะที่คนที่เรารักกับคนที่รักเราจะเป็นคนคนเดียวกัน ถ้าพี่เจอคนคนนั้นแล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียวล่ะ เดี๋ยวจะเสียใจแบบผม
คำพูดที่ซึงริได้บอกในครั้งก่อน แว๊บเข้ามาในหัว ของจียง ทันทีที่รถติดไฟแดง เขาก็รีบเปิดประตูรถและลงไปทันที โดยที่ไม่ได้เห็นว่า สมาชิกทีเหลือกำลังอมยิ้มกันอยู่
เทมโปยังคงมองไปที่ประตู แอบหวังว่าคนที่เขาเฝ้ารอจะมาส่ง แม้รู้ว่าวันนี้มีสัมภาษณ์กว่าจะเลิกกว่าจะขับรถมา เครื่องก็คงออกไปเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็อดที่จะหวังไม่ได้ว่าจะได้เจอหน้าจียงอีกครั้งก่อนที่จะไม่ได้เจอกันสองเดือนเต็มๆ
“ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น เที่ยวบินxxx กรุณามาที่ประตูสองด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เสียงเรียกของประชาสัมพันธ์ทำให้เทมโปตัดสินใจเดินไปจากตรงนั้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงหนึ่งทีทำให้เขาชะงักฝีเท้าลงในทันที
“เดี๋ยวก่อน อย่าไปได้มั๊ย”นี่เขาหูฝาดรึเปล่าที่ได้ยินเสียงจียง
เมื่อเห็นเทมโปยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ โดยที่ยังไม่หันหน้ามา จียงก็เดินเข้ามาจับมือขอเทมโปไว้และพูดซะเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบว่า
“อย่าไปเลยนะ อยู่ที่นี่ กับฉัน” เมื่อได้ยินประโยคที่เอ่ยออกมาจากปากของจียง ใบหน้าที่ปกติมักจะนิ่งเฉย กลับยิ้มละลายใจให้กับคนข้างๆ จียงแม้จะทำใจไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อเจอรอยยิ้มของเทมโปแบบนี้ เขากลับไม่กล้าสบตา
“ช่วยบอกเหตุผลที่นายไม่อยากให้ฉันไปหน่อย”มือหนาค่อยๆปัด ไรผมที่ปรกหน้าผากของจียงที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ
“คือ .... คือว่า”เห็นจียงยังคงอ้ำอึ้ง เทมโปก็รู้สึกอยากจะแกล้งขึ้นมา คำว่ารักคำเดียว มันพูดยากนักรึไงนะ
“นายตอบฉันไม่ได้ งั้นฉันไปล่ะนะ”คนตัวสูงทำท่าจะเดินจากไป ทำให้จียง ยืนงงๆ นี่เขาลงทุนทำแบบนี้แล้วหมอนั่นยังจะเดินจากเขาไปอีกหรอ
“นี่แหละคือคำตอบของฉัน” จียงเดินเข้าไปสวมกอดเทมโปจากข้างหลัง เทมโปไม่คิดว่าจียงจะทำอะไรแบบนี้
แค่นี้เขาก็รู้แล้ว ว่าจียงรู้สึกกับเขายังไง ความรักบางครั้งไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยคำพูด หากแต่ว่าทุกการกระทำที่จียงแสดงออกทำให้เขารู้ว่า จียงก็รักเขาเหมือนกัน
“กลับกันเถอะ” เทมโปเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนที่สนามบินเริ่มมองมาทางพวกเขา ทำให้จียงหน้าแดงขึ้นมาทันที
“แล้วเรื่องโซโล่อัลบัมของนาย”
“ฉันบอกแล้วไงเพียงแค่นายบอกว่าไม่อยากให้ฉันไปฉันก็จะไม่ไป ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่านายจะเป็นคนไล่”
แค่โดนผู้จัดการบ่นหูชาไป2-3วันก็คุ้มแหละน่าที่ได้รู้ว่าเขากับจียงใจตรงกัน
Circle of love
“อ้าวท๊อปฮยอง โซโล่ที่ญี่ปุ่นล่ะ” แดซองทักขึ้นเมื่อเปิดประตูแล้วเห็นจียงกับเทมโปอยู่หน้าบ้าน จียงพยายามจะแกะมือที่เทมโปจับไว้ออก แต่เทมโปกลับจับไว้แน่น
“เปลี่ยนใจแล้ว ถ้าฉันไปออกโซโล่ขึ้นมา ฉันกลัวว่าโซโล่ของแทยังจะขายไม่ออกน่ะสิ”
“กลัวว่าใครที่นี่จะเฉาตายมากกว่ามั้ง” แทยังพูดอย่างล้อๆ และเดินมากระซิบกับจียงว่า
“เห็นมั๊ย ฉันบอกแล้วว่า 99% เขาจูบกันด้วยความรักทั้งนั้นแหละ” พูดจบก็เดินเลี่ยงไป ทิ้งให้คนฟังยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น
“นายกับแทยังคุยอะไรกันหรอ” เทมโปทามเมื่อเห็นท่าทางของจียงแปลกๆ
“ม่ะ..ไม่มีอะไรหรอก แดซองซึงริไปไหนแล้วล่ะ”พยายามเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นเทมโปทำท่าสงสัย
“พี่จียง คืนนี้ผมไปนอนด้วยนะ” ซึงริที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องพูด เพียงแค่นั้นจียงก็ผละจากเทมไปไปหาซึงริทันที
“ได้เลยมักเน่”
นี่ขนาดเขากับจียงใจตรงกันแล้วแท้ๆ ยังแยกสองคนนี้จากกันไม่ได้เลย ให้ตายสิ
talk
จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิคเน่าๆเรื่องแรกจริงๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ
ถึงตอนจบจียงก็มิได้บอกรักท๊อป 555++ มันเป็นความตั้งใจของไรทเตอร์เอง
ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริงค่ะ
จบแล้วแต่ยังไม่กดปิดเรื่อง เจอกันตอนพิเศษค่ะ
ขอบคุณหลิน เพื่อนรัก อีกครั้ง ที่ช่วยตรวจช่ายแก้
ถ้าไม่ได้หลินก็ไม่รู้จริงๆนะว่าโพสซ้ำ โพสมั่ว
แก้ข่าว ....
ไม่ได้อยากให้มักเน่ที่รักเจ็บนะT^T
แค่ชอบมันมากๆและเราแต่งให้มันเจ็บได้มากอ่ะ (ถ้างงก็อย่าไปสนใจมันเลยค่ะ)
ความคิดเห็น