ตอนที่ 6 : ๐ 05 ๐ 16 กุมภาพันธ์
16 กุมภาพันธ์
ว่ากันว่าดอกบ๊วยหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ' อุเมะ ' นั้น เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ ที่ผลิดอกบานเร็วกว่าดอกซากุระซึ่งมีความงดงามที่ไม่แพ้กันเลยแม้แต่น้อยนิด
แน่นอนว่าช่วงที่ดอกบ๊วยเริ่มบานแบบนี้ก็มีจะมีงานเทศกาลต่างๆเกิดขึ้น อาทิเช่นงานเทศกาลชมดอกบ๊วยโทบิยูเมะที่ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมันกุ เกาะคิวชู จังหวัดฟุกุโอกะ
เป็นจังหวัดที่ๆซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อคาซึมะ...
งานเทศกาลจะเริ่มจัดในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ของทุกปีจนถึงสิ้นเดือนหน้า พวกที่พักและตั๋วรถไฟชินคันเซ็นเองก็จะถูกจองเอาไว้จนเต็มจำนวน บางคนก็ต้องอดมาไปโดยปริยายเนื่องจากโชคไม่ถึง แต่ไม่ใช่กับอุเมะที่เธอได้จองเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว
แล้วถ้าถามว่าทำไมต้องไปที่ฟุกุโอกะในวันแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็...
วันที่15 กุมภาพันธ์เป็นวันครบรอบวันตายของแม่แก้ว คุณปู่ แล้วก็คุณย่า ยังไงล่ะ
วันครบรอบวันตายของพ่อคาซึมะเองก็คือวันที่10 กุมภาพันธ์
ถามว่าทำไมต้องไปวันที่16 กุมภาพันธ์น่ะหรอ?
คำตอบก็ง่ายๆ วันแรกของทุกช่วงเทศกาลคนมักจะเยอะเสมอยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นการที่เธอมาที่นี่คนเดียวจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตและแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มชนได้ง่ายๆด้วย ไม่ต้องกังวลเวลาไปจ๊ะเอ๋กับคนในองค์กรที่แฝงตัวอยู่แถวนั้นเข้า
อีกอย่างนึง...มันก็เป็นวันเกิดของเธอด้วย
เป็นวันเกิดที่แย่ที่สุดในชีวิต...
หญิงสาวร่างบางในชุดเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาวสวมทับด้วยเอี๊ยมกระโปรงยาวสีดำสนิทพร้อมรองเท้าผ้าใบสีดำคู่เดิม และหมวกใบใหม่สีขาวตัดกับสีครีมที่พึ่งซื้อมาแทนอันเก่าที่พังไปด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่FBIหนุ่มคนนั้นเสียแล้ว
ใช้มือเท้าคางกับขอบหน้าต่างรถไฟชินคันเซ็นที่แล่นไปด้วยความเร็วสูงมาได้ประมาณ 4 ชั่วโมงเศษๆ เธอเริ่มที่จะเบื่อหน่ายกับการที่ต้องนั่งอยู่เฉยๆแบบนี้เต็มทนเพราะนั่งมาตั้งแต่เช้ามืด
หลับก็แล้ว ตื่นขึ้นมาทานอาหารเช้าก็แล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถึงเสียที
หลังจากกินข้าวต้มของชายกวนประสาทเมื่อวันนั้นและได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เธอก็หายจากอาการป่วยเป็นปลิดทิ้ง ตลอด 2 อาทิตย์นับจากนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้ออกจากห้องซะเท่าไหร่เพราะรู้ดีว่าเจ้าคนที่คอยสะกดรอยตามอย่างเขาคนนั้นคงจะแอบมองเธออยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่ มันอึดอัดนะจะบอกให้...
ตอนไปแจ้งเจ้าของหอว่ากุญแจหายเอง ทางนั้นเขาก็รับเรื่องเอาไว้และบอกว่าจะไปปั๊มกุญแจให้ใหม่ แต่ว่าอุเมะก็ได้เสนอออกไปว่าอยากจะขอเปลี่ยนลูกบิดประตูใหม่หมดทั้งอันโดยจะออกส่วนต่างให้เอง ถึงทางเจ้าของหอจะมีสีหน้าที่งงงวยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
ด้วยเหตุนี้เรื่องที่จะมีใครบุกรุกห้องของเธอนั้นก็คงสบายใจไปได้อีกนานเพราะเธอเปลี่ยนไปเป็นแบบกลอนประตูดิจิทัลที่ต้องใช้โทรศัพท์ควบคู่ในการเปิด
ที่สำคัญคือไม่มีรูไขกุญแจ...
ทีนี้ล่ะจะได้หมดปัญหาคนมางัดประตูห้องเธอหรือไขกุญแจอันเก่าเข้ามาสักที
มือเรียวเกี่ยวผมตัวเองขึ้นมาเล่นเพื่อหาอะไรทำฆ่าเวลา เหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าๆถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อคิดได้แบบนั้นตัวเลือกก็คงจะเหลือแต่ข่มตาหลับลงไปอีกรอบก็เท่านั้น
...ถ้ามันไม่มีเสียงของเด็กคนนึงมาเรียกฉันเอาไว้ก่อนล่ะก็นะ
" นี่ๆพี่สาวครับ " ...ทำไมเสียงคุ้นๆ
เมื่ออุเมะคิดได้แบบนั้นก็ไม่รอช้าหันไปตามเสียงเรียกทันที ก่อนจะผงะไปเล็กน้อยเมื่อเสียงของเด็กที่เรียกเธอเอาไว้ก่อนจะได้เข้าสู่ห้วงนิทราก็คือ...
" พี่เห็นเพื่อนๆของผมเดินมาทางนี้บ้างมั้ยครับ? พอดีพวกเขาทิ้งผมเอาไว้ให้อยู่คนเดียวอ่ะครับ...ใจร้ายจังเลยเนอะ ว่ามั้ยครับพี่สาว? " เสียงของเด็กน้อยเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูสมวัย...
" ...หรอจ๊ะ อืม พี่ไม่เห็นเพื่อนๆของเธอเลยนะจ๊ะ อาจจะเดินไปทางนู้นรึเปล่าเอ่ย? " อุเมะชี้ไปคนละทิศกับทางที่เธอนั่งอยู่
" อย่างงั้นหรอครับ? อืม แต่มันไกลเกินไปนี่นา ผมเองก็เหนื่อยแล้วด้วย.. " ...เธอไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าเด็กคนนี้กำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่
แต่ก็...จะยอมเล่นไปตามน้ำด้วยก็ได้นะ :)
" ...งั้นมานั่งเป็นเพื่อนพี่มั้ย? พี่นั่งอยู่คนเดียวเหงามากเลยล่ะ " อุเมะถามด้วยสีหน้ายิ้มๆตามประสาคนเอ็นดูเด็ก
" จริงหรอครับ!? ได้จริงๆหรอครับ? " เด็กชายถามเธอเพื่อความแน่ใจ อุเมะก็เลยพยักหน้าตอบหนึ่งทีเป็นการยืนยัน
" เย้! ขอบคุณมากเลยนะครับพี่สาว " ว่าแล้วเด็กชายก็เข้ามาหย่อนก้นนั่งข้างๆเบาะใกล้เธอทันที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อ
" พี่สาวกำลังจะไปไหนหรอครับ? " เด็กชายถาม
" อ๋อ พี่ได้ยินว่าดอกบ๊วยในศาลเจ้าดาไซฟุเทนมันกุมันสวยมากๆเลยล่ะ พี่ก็เลยจะไปดูแล้วก็ไปขอพรเรื่องการเรียนด้วยน่ะจ๊ะ แล้วเธอล่ะจ๊ะเด็กน้อย? " อันที่จริงเธอเรียนจบไปแล้วด้วยซ้ำ เรื่องไปขอพรเรื่องการเรียนนั่นโกหกทั้งเพ...
" ผมกับเพื่อนๆก็มาดูดอกบ๊วยเหมือนกันครับ บังเอิญจังเลยเนอะ! พอดีคุณลุงของผมจับฉลากได้รางวัลใหญ่มาเที่ยวออนเซ็นที่เรียวกังในฟุกุโอกะน่ะครับ " เด็กชายยิ้มร่าเริงพร้อมกับบอกเหตุผล
" เห อย่างงั้นเองหรอครับ? คุณลุงของเธอนี่โชคดีจังเลยนะ~ " อุเมะว่าพลางยิ้มตาปิดขนาดที่สามารถรู้ได้ง่ายๆว่าแสร้งทำ
" อาเรเร๊ะ แต่ว่านะ ทั้งๆที่เราอยู่ในรถไฟแท้ๆแต่ทำไมพี่สาวถึงได้ใส่หมวกอยู่ตลอดเลยล่ะครับ? ไม่ใช่ว่า...ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าหรอกใช่มั้ยครับ? " เด็กชายที่ทำเสียงร่าเริงมาตลอดการสนทนา กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเรียบนิ่งจนอุเมะแอบผงะไปอีกรอบ
เด็กคนนี้...หึ เริ่มออกลายแล้วสินะ
" หึๆ เธออยากเห็นหน้าของพี่หรอ? อืม...ที่จริงมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าพี่แค่ไม่อยากเป็นจุดเด่นก็เท่านั้นเองน่ะจ้ะ " เธอว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เด็กชายอีกหน่อยจนเจ้าตัวถอยออกไปอัตโนมัติ
" ป เป็นจุดเด่นหรอครับ? " เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงที่หวั่นวิตกเล็กน้อย อุเมะยิ้มเล็กก่อนจะค่อยๆแง้มหมวกตัวเองออกให้เด็กชายตรงหน้าได้เห็นแบบชัดๆ
นัยน์ตาสีชมพูน้ำตาลที่เกิดจาก Central Heterochromia(เซ็นทรัล เฮเทอโรโครเมีย) ที่จะมีสี2สีผสมกันโดยแบ่งเป็นชั้นสีวงแหวนรอบรูม่านตา ปรากฎสู่สายตาของเด็กชายช่างจ้อ เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตานั่นเพราะความแปลกใหม่ที่ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยๆ
แต่ไม่ใช่เพียงดวงตาของเธอที่เด็กชายเห็น ทั้งพวงแก้มที่ขึ้นสีเล็กน้อยเพราะอากาศที่เย็น จมูกโด่งสวยได้รูป และริมฝีปากอวบอิ่ม ทำให้เด็กชายจำหน้าของเธอได้ขึ้นใจ
เมื่อให้เด็กชายมองจนพอใจแล้วก็ขยับปีกหมวกให้เข้าที่อีกครั้ง...
" หายข้องใจรึยังครับคนเก่ง? " อุเมะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดตลก เอาเข้าจริงๆแล้วเธอไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยสักนิดเรื่องการถูกเปิดเผยใบหน้าเนี่ย มีแต่เด็กน้อยที่อาจจะคิดไปเองว่าใบหน้าของเธอนั้นเป็นความลับต่อสาธารณะชน แต่เปล่าเลย เธอแค่ไม่ชอบเวลาเป็นจุดสนใจก็เท่านั้น...
" ย ยังมีอีกเรื่องนึงนะครับ ทำไมพี่สาวถึงได้ใส่ชุดสีดำแบบนี้ล่ะครับ...นี่น่ะ มันเป็นเพราะอะไรหรอครับ? " เขาถาม
" .... "
" .... "
" ...หรือว่ามันจะเป็นเรื่อง ที่บอกไม่ได้กันล่ะครับ? " เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงราวกับจะคาดคั้นอยู่เล็กน้อย แต่ทางอุเมะก็ไม่ได้ร้อนรนใจขนาดนั้น เพียงแต่เอื้อมมือเข้าไปหาเด็กชายในขณะที่เด็กมันไม่ระวังตัว
เด็กชายตัวเล็กคนนั้นทำท่าทางเป็นกระต่ายตื่นตูมและเตรียมกดนาฬิกาของตนออกมา ถ้าให้เดาในนั้นคงจะเป็นเข็มยาสลบที่เจ้าตัวดันพลาดท่าโดนเบลม็อทยิงใส่ในครั้งที่แล้ว เป็นเพราะกลัวว่าอุเมะจะทำอะไรมิดีมิร้ายใส่จึงทำแบบนั้น แต่เปล่าเลย...
ปุบ...ปุบๆ
มือเรียวบางเพียงแค่เอื้อมมือไปลูบหัวของเด็กชายไปมาอย่างอ่อนโยนเท่านั้นจนเด็กชายเผลอลดการ์ดของตัวเองลง ก่อนที่เสียงหวานจะเอื้อนเอ่ยคำพูดนึงออกมาว่า
" ...พี่จะไปหา...คนที่พี่รักน่ะ " เธอไม่ได้โกหก สายตาและน้ำเสียงของหญิงสาวบ่งบอกทุกอย่าง ทันทีที่เอ่ยถึงคนที่รักสายตาของเธอก็ดูเหมือนจะมีความเศร้าแฝงอยู่เล็กน้อย เมื่อเด็กชายได้ยินดังนั้นก็ผ่อนสีหน้าที่เคร่งเครียดลงไปเล็กน้อย
" หมายถึงแฟนอะไรแบบนี้หรอครับ? " หญิงสาวส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า...
" ...ครอบครัวจ้ะ " น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโหยหาของเธอทำเอาเด็กชายรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เหมือนคำถามของเขาจะไปกระตุ้นความเศร้าของเธอเข้าเสียแล้ว
แต่จะให้เชื่อแบบร้อยเปอร์เซ็นก็คงจะไม่ได้...
เพราะเขายังคงไม่ไว้ใจเธอคนนี้อยู่
" ...จะว่าไปเราก็คุยกันมาตั้งนานแล้ว พี่สาวชื่ออะไรหรอครับ? อ่ะ ผมชื่อเอโดงาวะ โคนัน ครับ พี่สาวล่ะ? " เด็กชายเอ่ยแนะนำตัวกับเธอเพื่อเปลี่ยนเร่ื่องคุย
' ชื่อหรอ...จะให้บอกชื่อจริงก็คงจะไม่ได้ซะด้วยสิ ' เมื่อได้รับคำถามแบบนั้นมาจากเด็กชาย เธอก็รีบใช้สมองของเธอระดมความคิดเพื่อคิดชื่อปลอมออกมาสักชื่อทันที
สักชื่อที่พอจะใช้ได้...หึ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน?
" พี่ชื่อ มุเสะชิกิ ชิโนตะ จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะโคนันคุง " เธอว่าพร้อมกับหรี่สายตาลงเล็กน้อยจนทำเอานักสืบตัวน้อยขนลุกขึ้นมาซะดื้อๆ
แต่ชื่อ มุเสะชิกิ ชิโนตะ เนี่ย...
' เธอคนนี้...กำลังโกหกอยู่ ' โคนันเอ่ยในใจอย่างไม่ไว้วางใจ ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูดมาดูจะเชื่อได้อยู่บางเรื่อง แต่แค่เรื่องชื่อจริงของเธอเท่านั้นที่ดูน่าสงสัย เหมือนกับกำลังปิดอะไรบางอย่างเอาไว้...
.
.
.
.
.
ย้อนกลับไป เมื่อ 20 นาทีก่อน
" ว้าว ดูนั่นสิๆ ท้องฟ้าสวยมากเลยนะ! "
" จริงด้วยนะครับ! "
" อ๊ะ เมฆก้อนนั้นเหมือนปลาไหลเลยล่ะ! "
เสียงดังเอะอะโวยวายของเด็กสามคนมองท้องฟ้าสีครามที่มีหมู่มวลก้อนเมฆราวกับสายไหมที่ล่องลอยอยู่บนอากาศ ผ่านกระจกของรถไฟชินคันเซ็นขบวนนี้ ด้วยความตื่นเต้น
" นี่ๆ อย่าเสียงดังเอะอะโวยวายนักสิ มันรบกวนคนอื่นเขานะ! " เสียงของตาลุงคนนึงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่วางก้ามเพื่อสั่งสอนเด็กๆ โดยมีคุณตาที่ดูท่าทางใจดีคนนึงเป็นคนเสริมต่อท้ายด้วยอีกที..
" ใช่แล้วล่ะ กลับมานั่งดีๆเถอะนะเด็กๆ " เขาเอ่ย
" ค่าา/ครับบ " เสียงตอบรับยานคางที่ฟังดูแล้วคงจะหงอยกันไปเป็นแถบๆเพราะถูกดุเข้าจนได้ ก่อนที่เด็กๆสามคนจะกลับไปนั่งที่เหมือนเดิมด้วยอาการที่สงบเสงี่ยมมากขึ้น
" เฮ้ออ " เด็กชายสวมแว่นลอบถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นพฤติกรรมที่ซุกซนจนเกินเหตุของเด็กๆพวกนี้ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองคนข้างตัวที่มีอาการผิดปกติไปตั้งแต่เมื่อครู่
" ...มีอะไรหรอไฮบาระ? " เขาเอ่ยถาม
" ค คุโด้คุง ฉ ฉันได้กลิ่น...กลิ่นของพวกมัน.. " เด็กสาวที่มีนามว่าไฮบาระ ไอนั่งก้มหน้างุด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทาและดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เด็กชายร่างเล็กเมื่อได้แบบนั้นก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
" เธอจะบอกว่ามีพวกมันแฝงตัวเข้ามากับผู้โดยสารในนี้งั้นหรอ!?--- " เขากระซิบถามเด็กสาว น้ำเสียงที่ร้อนรนนั้นมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าเขาไม่ได้เตรียมแผนรับมือสำหรับเรื่องแบบนี้เอาไว้ และกลัวว่าถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาอย่างที่คิดเอาไว้ เขาอาจะรับมือพวกมันไม่ทันก็เป็นได้
" อ อืม แต่ว่า...ฉันไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนเลยน่ะสิ " เธอขยับปากอย่างยากลำบากด้วยความหวาดกลัว เมื่อเด็กชายได้ยินคำพูดของหญิงสาวก็เอ่ยถามต่ออย่างไม่รีรอ
" ...กลิ่นแบบไหนล่ะ? "
" ไม่รู้สิ แต่ว่า...อยู่ใกล้ๆนี่แหละ "
" เธอแน่ใจนะ? "
ไฮบาระไม่ตอบแต่พยักหน้าขึ้นลงด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก นั่นจึงทำให้เขาต้องรีบตัดสินใจลุกออกจากที่นั่งเพื่อไปดูลาดเลาแถวๆนี้ทันที การที่จะแยกพวกมันออกจากกลุ่มคนธรรมดาถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดายมาก เพราะถ้าหากเจอคนที่หน้าตาคุ้นเคยหรือทำตัวมีพิรุธเข้าหน่อยล่ะก็เขาก็จะจับสังเกตได้ทันที
อีกอย่างคนที่แห่กันขึ้นรถไฟขบวนนี้จุดหมายปลายทางสุดท้ายก็เป็นได้แค่ที่ฟุกุโอกะ ที่ซึ่งจะมีงานเทศกาลชมดอกบ๊วยที่ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมันกุกันทั้งนั้น
ยิ่งคนอย่างพวกมันที่ชอบใส่สีดำกันเป็นประจำแบบนั้นยิ่งหาได้ง่ายมากๆ เพราะคงจะไม่มีคนปกติที่ไหนเขาใส่ชุดโทนสีทึมๆในช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้หรอก
แต่ทว่า...
" อย่าไปนะ!...อย่าไปนะเอโดงาวะคุง " ไฮบาระที่ห้ามเอาไว้เสียงดังลั่น ทำให้คนที่นั่งรอบตัวเธอหันมาให้ความสนใจเมื่อเป็นแบบนั้นไฮบาระจึงพูดเสียงเบาลงพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามการเรียกชื่อของอีกฝ่าย การกระทำของเธอดูเหมือนจะทำให้หญิงสาวที่ดูเป็นพี่โตสุดในกลุ่มนี้เอ่ยถามโคนันด้วยความสงสัย...
" จะไปไหนหรอจ๊ะโคนันคุง? รถไฟแล่นอยู่แบบนี้เดินไปไหนมาไหนมันอันตรายนะ " เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
" อ อ๋อพอดีว่าผมอยากไปเข้าห้องน้ำน่ะครับพี่รัน ฮะๆ " โคนันหัวเราะเสียงแห้งพร้อมกับบอกเหตุผลที่แลดูเป็นข้ออ้างขึ้นมา
" งั้นให้พี่ไปเป็นเพื่อนนะ? "
" ม ไม่เป็นไรหรอกครับพี่รัน! ผมไปคนเดียวได้ครับ " เด็กชายพูดจบก็รีบวิ่งออกไปจากตรงเบาะนั่งของตัวเองทันทีและไม่หันหลังกลับมาอีก ฝ่ายรันเองที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่วิ่งหนีหายไปคนเดียวอีกแล้วก็ได้แต่นึกเป็นห่วง
' คุโด้คุง... ' ไฮบาระที่มองตามแผ่นหลังเล็กของอีกฝ่ายไป ก็ได้แต่มองอยู่แบบนั้นด้วยใจที่กระวนกระวายต่อไปเพราะจิตใจของเธอมันไม่ยอมสงบลงเสียที
" เห้! ขี้โกงนี่นาโคนัน พวกเราเองก็ไปบ้างสิ! " เด็กชายร่างท้วมมีนามว่าโคจิมะ เก็นตะเอ่ยขึ้นพลางลุกพรวดพราดออกจากที่นั่งของตนและชักชวนเพื่อนอีกสองคนของเขาให้ไปด้วยกัน
" นั่นสินะครับ โคนันคุงไปแค่คนเดียวแบบนี้ไม่แฟร์เลยนะครับ พวกเรารีบตามเขาไปเถอะครับ! " ซึบุรายะ มิซึฮิโกะ กล่าวตามอย่างเห็นด้วย
" อื้มๆฉันเห็นด้วยนะ น่าสนุกดีออก!~ " เด็กสาวร่างเล็ก โยชิดะ อายูมิ ว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่การกระทำของของพวกเด็กๆสามคนก็ต้องโดนห้ามเอาไว้...
" ไม่ได้นะ! พวกเธอห้ามลุกออกจากที่นั่งเด็ดขาด..นั่งอยู่เฉยๆตรงนี้เถอะ " ไฮบาระกล่าวห้าม
" เอ๋~แต่ว่า--- " ทั้งสามคนร้องอย่างน่าเสียดายเมื่อโดนขัดความสนุกที่จะได้ตามเด็กชายใส่แว่นไป
" ไม่มีแต่นะ ไอคุงพูดถูกแล้วล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงกันแล้วอดทนรออีกนิดเดียวเองนะ ตอนนี้น่ะนั่งอยู่เฉยๆเถอะ " ดร.อากาสะ ฮิโรชิ ช่วยห้ามปรามเด็กๆเอาไว้ จนในที่สุดพวกเขาก็ต้องพากันกลับไปนั่งด้วยอารมณ์บูดที่โดนขัดใจอีกเป็นครั้งที่สอง
.
.
.
' แปลกแฮะ...ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เห็นเจอใครที่น่าสงสัยเลยสักคน...หรือว่าอาจจะปลอมตัวอยู่งั้นหรอ? ' เด็กชายที่เดินขึ้นไปไล่ขึ้นไปเรื่อยๆจนจวนที่จะถึงหัวขบวนอยู่แล้วก็ยังไม่พบคนที่คาดว่าน่าจะเป็นพวกขององค์กรชุดดำได้เลยจนกระทั่ง...
ภาพของหญิงสาวคนนึงที่ชวนให้เขาสะกิดใจ ยามเมื่อมองชุดกระโปรงเอี๊ยมสีดำก็นึกแปลกใจมากพอแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปข้างบนบริเวณใบหน้าก็ต้องรู้สึกแปลกใจขึ้นไปอีก ใบหน้าเล็กที่ถูกหมวกทรงนิวส์บอยปิดใบหน้าครึ่งบนเอาไว้ ถึงรูปแบบของหมวกจะแตกต่างกัน แต่ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างมันก็ทำให้เขานึกสงสัย
' ผู้หญิงคนนั้น...เราเคยเห็นที่ไหนกันนะ? ' เด็กชายพยายามนึกแล้วนึกอีกจนในที่สุด...
ภาพเหตุการณ์ในวันที่ปะทะกับเบลม็อทที่ท่าเรือก็ย้อนเข้ามาในหัว ผู้หญิงคนที่ขับรถให้กับเธอวันนั้น...
' ม ไม่น่าเชื่อ! เธอคนนั้นเองหรอ!...หล่อนไม่ได้ปลอมตัวมา แต่วางแผนอะไรเอาไว้กันล่ะ?...จะมาจัดการกับไฮบาระอีกงั้นหรอ!? ' เด็กชายที่เห็นท่าไม่ดีและพยายามคิดหาทางแก้โดยเร็วที่สุด ก็ทำใจกล้าเข้าไปทักหญิงสาวคนเดิมทันที
" ...นี่ๆพี่สาวครับ " น้ำเสียงน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบถูกงัดขึ้นมาใช้เจราจากับอีกฝ่ายทันที เพื่อหวังจะได้รู้ว่าเธอคนนี้ได้วางแผนอะไรเอาไว้กันแน่
แต่จนแล้วจนรอด...ดูเหมือนเขาจะคิดมากไปเอง
เพราะเมื่อฟังจากน้ำเสียงของเธอและดวงตาของเธอขณะพูด...มันไม่ใช่การแสดงแบบที่เบลม็อททำอยู่บ่อยๆเป็นแน่
แต่ที่แน่ๆก็คือเธอคนนี้ต้องเป็นพวกเดียวกันกับองค์กรชุดดำแน่นอน เพราะในเหตุการณ์ครั้งนั้นเองเธอก็อยู่ฝั่งเดียวกันกับเบลม็อทด้วย แต่ว่าเหตุผลที่มาที่นี่จริงๆ มันคืออะไรกันล่ะ?
.
.
.
.
อุเมะนั่งท้าวคางจ้องไปที่เด็กชายที่นั่งก้มหน้าและใช้มือข้างนึงกุมคางเอาไว้ ราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ เธอเห็นท่าทางของเขาก็อดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะออกมาเล็กน้อย
ขนาดบอกวัตถุประสงค์จริงๆที่มาที่นี่ เด็กมันยังไม่เชื่อเลย
นี่น่ะเป็นนิสัยของนักสืบงั้นหรอ?
แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็อดที่จะเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้
อุเมะเป็นพวกรักเด็ก
แต่อย่าคิดไปในทางผิดศีลธรรมล่ะ เจ้าพวกคนใจบาปทั้งหลาย....
'----//อีก15นาทีจะถึงสถานีฟุกุโอกะ สถานีปลายทางสุดท้าย ขอให้ทุกท่านโปรดตรวจเช็กสัมภาระของท่านก่อนลงจากรถไฟด้วย ขอย้ำอีกครั้ง--//---'
เราสองคนคุยกันจนกระทั่งเกือบจะถึงที่หมายปลายทาง เวลาได้ล่วงเลยมามากเมื่เด็กชายได้ยินแบบนั้นก็เตรียมจะลุกออกไปและคาดว่าน่าจะกลับไปหาเพื่อนๆของเขาที่ท้ายๆขบวนรถไฟ แต่ไม่ทันที่เขาจะได้บอกลาเธอ อุเมะก็ชิงตัดหน้าพูดอะไรบางอย่างออกไป...
" อ๊ะ ใกล้จะถึงแล้วหรอเนี่ย งั้นผมขอตัวก่อนนะครั--- "
" นี่...โคนันคุง "
" ค ครับ? " เขาผงะเมื่อได้ยินฉันเรียกชื่อแบบกระทันหัน
" เธอรู้จัก... "
" Umeshu(เหล้าบ๊วย)รึเปล่า? " เธอถามยิ้มๆ ผิดกับเด็กชายที่นิ่งเงียบไปและเบิกตากว้าง
อึก
" น นั่นสิครับ เด็กอย่างผมจะไปรู้จักของแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ? "
" หึๆ งั้นหรอ? แต่ที่ฟุกุโอกะมีอยู่ที่นึงนะที่มีอุเมะชูอร่อยๆอยู่ อยากรู้มั้ย? " เธอถามลองเชิงเด็กชาย เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่มีเหงื่อที่ผุดขึ้นที่ขมับแทน
" ที่ภูเขาลูกนึงใกล้ๆกับศาลเจ้าดาไซฟุเทนมันกุ ห่างออกไปหนึ่งกิโลขึ้นไปทางยอดเขา...บ้านหลังเล็กๆนั่น...เคยมีคุณปูคุณย่าคู่นึงที่ชอบดองเหล้าบ๊วยเอาไว้ล่ะ " อุเมะกล่าวพลางคลี่ยิ้มออกมาบางๆยามเมื่อนึกถึงคนที่เธอรัก...
" ...งั้นหรอครับ " โคนันคุงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ
" อืม แต่ตอนนี้น่ะนะ...พวกท่านไม่อยู่ซะแล้วล่ะ " ดวงตาประกายแสงของอุเมะหม่นแสงลง...
ไม่สิ ต้องเรียกว่า...มันไม่เคยมีประกายแสงสว่างอะไรใดๆอีกเลย นับตั้งแต่วันที่เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วด้วยซ้ำ
ถึงดวงตาของเธอจะสวยมากสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะทำใจชอบมันได้สักที
ดวงตาที่ได้แต่เฝ้ามองโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
จนเธอนึกอยากจะ...ควักมันออกมาแล้วทำให้มันหายๆไปซะ
อยากจะหายไปจากโลกนี้ให้เรื่องมันจบๆไปสักที
แต่ด้วยแรงแค้นที่มันกระซิบบอกเธอว่าให้ดิ้นรนอยู่ต่อไป เธอถึงได้อยู่เพื่อแก้แค้นพวกมัน
แก้แค้นองค์กรแสนสกปรกโสมมนี่ให้หายไปจากโลกนี้
และเมื่อถึงตอนนั้นเธอก็อาจจะ...ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้วก็ได้
" พ พี่สาวครับ? เป็นอะไรมั้ย " โคนันที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่างออกมาจากตัวหญิงสาวก็เอ่ยทักด้วยความหวาดๆ
เฮือก
" ...เปล่าหรอกจ้ะ ไม่มีอะไรหรอก นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้วด้วย เธอรีบกลับไปหาเพื่อนๆของเธอได้แล้วล่ะ เดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วงเอานะ? โคนันคุง " อุเมะได้สติจากเสียงเรียกของเด็กชาย ก่อนจะกระพริบตาปริบๆเพื่อกลับมาตั้งสติ
" ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ...พี่ชิโนะ " โคนันคุงตั้งชื่อเล่นให้อุเมะใหม่และเรียกอย่างสนิทสนม เธอเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรพร้อมกับโบกมือลาเจ้าตัวที่โค้งให้เล็กน้อยก่อนจะวิ่งออกไป
เด็กชายสวมแว่นที่วิ่งออกมา เหลียวหลังกลับไปมองหญิงสาวคนเดิมที่ยังนั่งด้วยท่าทางสงบนิ่งด้วยสายตาที่มีแต่ความสงสัย
' เธอเป็นใครกันแน่นะ มุเสะชิกิ ชิโนตะ?... '
เธอรู้จัก...อุเมะชูรึเปล่า ?
' อ่า ดูเหมือนวันนี้คงจะมีเรื่องให้คิดทั้งวันเลยล่ะนะ...'
***********************************
Talk With Writer
ดึงให้สุดแล้วไปหยุดอยู่ที่มาม่าค่ะะ แงงง
หลายๆคนอาจจะคิดว่าทำไมถึงบอกใบ้ให้น้องแว่นง่ายจัง
อุเมะเป็นพวกรักเด็กค่ะถึงจะเห็นแบบนี้ก็เถอะ เพราะเห็นเป็นเด็กก็เลยอยากจะบอกใบ้ให้เด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นคนนี้เหลือเกินไงคะ แต่ถ้ารู้ว่าข้างในไม่ใช่นั่นก็คงจะอีกเรื่อง----แค่ก
และแน่นอนค่ะว่าตอนหน้า มีเด็กแว่นที่ไหนที่นั่นก็จะต้องมีคดีค่ะ! รอติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะะ
23/05/63 100% 16.40 น.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รออ่านค่ะ เป็นกำลังใจให้