ตอนที่ 15 : ๐ 13 ๐ ยามเมื่อฝนโปรยปราย
ยามเมื่อฝนโปรยปราย
ภาพของท้องฟ้ามืดครึ้มยามเมื่อฝนตกหนัก เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าของมันทำให้ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตคนเดียวในห้องพักเล็กๆขณะอาศัยอยู่ที่ไทยผุดขึ้นมาในหัว มีเพียงเธอตัวคนเดียวในห้อง นอนคลุมโปงขดตัวในผ้าห่มผืนใหญ่และเปล่าเปลี่ยวจิตใจ เอาหมอนปิดหูราวกับจะให้มันหลอมรวมเข้ากับหัวของตัวเองด้วยความหวาดกลัว ทุกครั้งที่ฟ้าผ่าลงมาเธอก็จะสะดุ้ง
ดุจดั่งนรกบนดินที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งๆที่ตามปกติแล้วจะมีคนอยู่ใกล้ๆคอยปลอบโยนแท้ๆ ความอบอุ่นจากแม่ผู้ให้กำเนิดมักจะทำให้ความกระวนกระวายใจเพราะความกลัวสงบลงได้แท้ๆ แต่มันไม่มีอีกแล้ว...
ในตอนนี้ก็เหมือนกัน...
' ไม่เอาแล้ว...หยุดตกสักทีสิ! ' เธอพยายามบอกไม่ให้ตัวเองร้องไห้ทั้งๆที่น้ำตาเล็ดออกมาแล้วเล็กน้อยและกรีดร้องอยู่ในใจ เพราะเมื่อเช้าวันนี้มีฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าระห่ำจนดูเหมือนว่าฟ้ากำลังกลั่นแกล้งเธออยู่
ใช่ อุเมะไม่ชอบหน้าฝน แล้วก็เกลียดเอามากๆด้วย...
เพราะเธอไม่ชอบเสียงฟ้าร้องเป็นที่สุด
เนื่องจากเธอเป็น Astraphobia* หรือ โรคกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่ามาตลอดตั้งแต่เด็กและปัจจุบันก็ยังไม่ได้หายขาด ถ้าให้พูดกันตามตรงจะเรียกว่าอาการมันกำเริบหนักขึ้นมาอีกรอบก็ได้
กำเริบขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ4ปีก่อน...
วันนี้ทั้งวันเธอก็เลยเอาแต่นอนอุดอู้อยู่แต่บนเตียง เอาผ้าห่มคลุมตัวมิดชิดโดยที่ไม่ขยับออกไปไหน ตอนแรกว่าจะฟังเพลงกรอกหูเสียงดังๆอยู่หรอกนะแต่คิดไปคิดมา เธอคงจะได้หูหนวกก่อนฝนหยุดตกแน่ๆ แถมโทรศัพท์เองแบตก็ดันหมดพอดีซะด้วยเลยต้องเอาไปชาร์จเอาไว้ เวรกรรมสุดๆ
กริ๊งง ตึง!
และมันจะไม่เวรกรรมยิ่งกว่านี้ ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาอุเมะผวาจนตกลงจากเตียงไป...
" อึก! ใครมันโทรมาตอนนี้วะ! " อุเมะเอ่ยอย่างหัวเสียในแบบที่ไม่เป็นตัวเอง
เปรี้ยง!
" กรี๊ด! " เสียงฟ้าที่ผ่าลงมาทำให้เธอตกใจกลัวจนต้องเอามือปิดหูตัวเองและหลับตาเอาไว้อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองโทรศัพท์ที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องอย่างชั่งใจว่าจะลุกไปรับดีหรือมั้ย จนกระทั่ง...
ไฟบนหน้าจอโทรศัพท์ดับลงไป พร้อมๆกับข้อความที่เด้งขึ้นมาแทน อุเมะกลั้นใจรอให้เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกรอบก่อนจะสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาโทรศัพท์ทั้งๆที่ยังมีผ้าห่มคลุมตัวอยู่
มันเป็นเหมือน'เกราะป้องกัน'อย่างนึงที่ทำให้เธอสบายใจขึ้นมาหน่อย
มือบางตัดสินใจรีบเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนที่เสียงฟ้าร้องจะดังขึ้นมาอีกรอบ สายที่ไม่ได้รับและข้อความฉบับใหม่ที่ถูกส่งมา ชื่อมันไม่เหมือนกัน
ข้อความเป็นของ 'เบลม็อท'
ส่วนสายที่ไม่ได้รับนั้น....
เบอร์เบิ้น
" เอาเข้าไป แม้แต่เบอร์มือถือก็ด้วยเหรอ?...แถมยังเมมชื่อไว้เสร็จสรรพอีก " อุเมะทำสายตาเอือมระอาก่อนจะเลือกเมินชื่อของเขาไปและให้ความสนใจกับข้อความที่เบลม็อทส่งมาแทน
' มาโตรชก้า อีก20นาที ขับรถมารับฉันที่ฐานลับ '
เอาจริงเหรอคะ? ในสภาพอากาศแบบนี้น่ะเหรอคะ?
อุเมะรู้สึกว่าตัวเองสติหลุดไปชั่ววูบและหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพร้อมกับฟ้าที่ผ่าลงมาอีกครั้ง
ครืน!
' โว้ย นี่ก็โทรจังเลย! ชิ.. ' เธอรู้สึกว่าถ้าวันนี้ตัวเองหายไปจากโลกนี้หนึ่งวันได้ก็คงจะดี
อุเมะมองอยู่แบบนั้นและแล้วสายถูกตัดไปอีกรอบ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมจนกว่าเธอจะรับโทรศัพท์ ไหล่ไหวเข้าหากันเล็กน้อยพลางผ่อนลมหายใจออกมายาวๆหนึ่งรอบ สุดท้าย...
ติ๊ด
" มีธุระอะไรคะ " อุเมะพยายามคุมน้ำเสียงตัวเองให้นิ่งๆเข้าไว้ เพราะคิดว่ามันคงจะสั่นหน้าดูจากอาการกลัวเสียงฟ้าร้องของเธอ
" ( หืม เสียงดูสั่นๆนะครับ? ) " แต่ก็ยังไม่วายมีคนรู้ทันเธอซะได้
" ... " เธอขอบอกตามตรงเลยว่าวันนี้เธอไม่มีอารมณ์มาต่อร้องต่อเถียงกับเขา ในขณะที่ตัวเองยังมีสภาพแบบนี้หรอกนะ สภาพน่าสมเพชของตัวเองในเวลาแบบนี้...
" ( วันนี้ดูเงียบผิดปกตินะครับ คุณเป็นอะไรรึเปล่า? ) " เขาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะปกติในเวลาแบบนี้แล้วหญิงสาวจะต้องเถียงเขากลับมาในทันทีเลยแท้ๆ แถมเสียงลมหายใจของเธอที่ดูติดขัดแบบนี้ก็น่าสงสัย
แต่ที่แน่ๆเธออาจจะกำลังกลัวอะไรบางอย่าง...
" โทรมาทำไมคะ...ไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหน? " เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างหมดแรง พร้อมๆกับเสียงฟ้าผ่าที่ตามมาและเสียงของหญิงสาวที่เหมือนจะอดกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้ดังขึ้น
มันเลยทำให้เบอร์เบิ้นนึกอะไรบางอย่างออก...
" (...กลัวเสียงฟ้าร้องเหรอครับ?) " เขาเลิกคิ้วถาม
ผู้หญิงแบบเธอเนี่ยนะ จะกลัวฟ้าร้อง?
" ...หึ ผิดด้วยเหรอคะ? " อย่างคุณจะไปเข้าใจอะไรกันล่ะ
ยิ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานี้...เธอที่อยู่คนเดียวท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าซัดโหมกระหน่ำมากเท่าไหร่
เธอก็ยิ่งเหมือนจะเป็นบ้าเข้าไปทุกที
" (...ให้ผมไปหามั้ยครับ?) " แต่ไม่รู้ทำไมพอเขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงแบบนั้น มันก็พลันทำให้หัวใจของเธอถูกเติมเต็มอย่างน่าประหลาดใจ บางอย่างที่เหมือนจะทำให้ใจที่ห่อเหี่ยวของเธอ...กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง
อุเมะที่เกือบจะหลุดปากตอบรับไปก็ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ ถึงจะกลัวเสียงฟ้าร้องจนอยากได้ที่พึ่งพิงมากแค่ไหนก็ตาม เธอก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งเอาไว้เพื่อปกปิดความอ่อนแอไม่ให้ใครได้เห็นอีก เธอเม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะตอบเขากลับไปว่า...
" อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก " พูดแค่นั้นและทำการตัดสายทิ้งไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก
เธอพยายามจะตั้งสติและกลั้นใจลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุด เพื่อไปรับเบลม็อทที่ฐานลับขององค์กรตามที่เจ้าหล่อนนัดเอาไว้
' เสียเวลาคุยกับเบอร์เบิ้นมามากพอแล้ว...ถ้าไปรับเบลม็อทช้าล่ะก็มีหวังโดนสงสัยแน่ '
.
.
.
.
.
รถเต่าสีชมพูพาสเทลดูน่ารักกำลังเคลื่อนตัวไปบนถนน แต่ภายในนั้นถูกติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ของ Subaru EJ20 เป็นเครื่องยนต์ที่เป็นตำนานในญี่ปุ่นอยู่ช่วงนึงเลยก็ว่าได้ แต่ปัจจุบันดูเหมือนเขาจะเลิกผลิตซะแล้ว อุเมะที่ค่อนข้างจะชอบมันอยู่ไม่น้อยก็เลยแอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
มันเป็นเครื่องยนต์ที่สามารถใช้แข่งรถได้เลยนะจะบอกให้...
แต่ติดที่ว่าเธอไม่ชอบรถคันใหญ่ๆสักเท่าไหร่ จึงขอเอามันไปให้ช่างซ่อมรถช่วยดัดแปรงให้มาอยู่ในรถเต่าคันเล็กน่าจะดีกว่า
ถามว่าก่อนหน้านี้ที่เธอนั่งกับเบอร์เบิ้นเธอก็กลัวความเร็วไม่ใช่เหรอ?
ก็บอกแล้วไงว่าอันนั้นเรียกว่าตกใจน่ะ...จู่ๆก็เร่งเครื่องแล้วก็ขับปาดไปปาดมาแบบนั้นใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะจริงมั้ย?
10.00 น.
โชคยังดีที่ฝนซาลงไปบ้างจึงทำให้ไม่มีเสียงฟ้าร้องอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็เธออาจจะต้องกลั้นเสียงร้องเอาไว้โดยที่คนข้างๆเธอต้องสังเกตเห็นเป็นแน่
ตอนนี้เธอขับรถพาเบลม็อทมาที่ลานจอดรถใต้ดินของตึกสูงระฟ้าในเมืองไฮโด้ อุเมะชะลอความเร็วของรถและเลี้ยวถอยเข้าซองข้างๆรถ Porsche 356a สีดำสนิท
" มาตรงเวลาดีนี่ อุเมะชู " วอดก้าเปิดกระจกและเอ่ยทักฉัน
" เพราะมากับคนข้างๆนี่ไงคะ ถึงมาสายไม่ได้...แต่พูดกันตามตรงฉันก็ไม่เคยสายมาก่อน " อุเมะเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงและตอบกลับเขาไป " แล้วอีกอย่างนึง...วอดก้า ถ้าคุณยังไม่ลดปืนลงฉันยิงสวนแน่ " ถ้ามองเข้าไปข้างในล่ะก็จะเห็นได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเอาปืนเล็งเธออยู่
" เหอะ จมูกดีตลอดเลยนะ " เขาแค่นหัวเราะก่อนจะลดปืนลงไป
ขำตายล่ะ ถึงฉันจะไม่ได้กลิ่นดินปืน แต่จิตสังหารที่แกแผ่ออกมา ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดหรอกนะ...
ไม่นานหลังจากนั้น รถอีกคันก็เข้ามาจอดเทียบกับอีกฝั่งของตัวรถปอร์เช่
" เอ้า ทำความรู้จักกันไว้สิพึ่งเคยเจอกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอ? " วอดก้าเอ่ย อุเมะเปรยตาหันไปมองอีกฝ่ายที่วอดก้าพูดถึง แต่ทว่าสายตาก็ดันไปสะดุดกับปืนบาร์เร็ตต้าที่ยินถือเอาไว้ซะก่อน
" เอาเข้าไป รสนิยมแย่เหมือนกันเลยนะ " อุเมะพูดถากถางจนยินเปลี่ยนใจจากที่เล็งคีร์อยู่หลังประตูรถ ก็หันปืนกลับมาหาเธอแทน
" ยิงเลยสิคะ ถ้าไม่กลัวโดนเบลม็อทที่เป็นคนโปรดของท่านผู้นั้นไปด้วยน่ะนะ? " อุเมะเท้าคางกับพวงมาลัยรถมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายียวนแบบไม่กลัวตาย
" เหอะ! " เขาสบถเสียงแข็งพลางลดปืนลงแต่โดยดี
" รู้จักเอาฉันไปเป็นตัวประกันอย่างนั้นเหรอ? ร้ายไม่เบาเลยนี่มาโตรชก้า " เบลม็อทพูดในขณะที่ตนนั่งไขว้ขาอย่างสบายใจ
" คุณยังติดหนี้ฉันอยู่ แค่นี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ? " อุเมะกล่าวเสียงเรียบ
" เธอพูดถึงเรื่องอะไรฉันไม่เห็นจะจำได้ " เบลม็อทไหวไหล่ " หึๆ ก็แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกันค่ะ " อุเมะตอบ
" เลิกคุยเล่นกันได้แล้ว คีร์ ทำไมมาช้านัก เรานัดกันตอน10โมงตรงไม่ใช่เหรอ? " ยินถามเสียงเรียบ
" ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีมีรถน่าสงสัยตามหลังมาน่ะฉันก็เลยต้องขับวนเพื่อความปลอดภัย " คีร์กล่าวและหันมาสบตากับอุเมะ เธอก็เลยค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายตามมารยาท ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ากลับมาเช่นกัน
ถึงจะไม่ต้องแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าชื่อของฝ่ายตรงข้ามชื่ออะไร เพราะยินกับวอดก้าก็เอ่ยชื่อโค้ดเนมของฉันกับคีร์ไปแล้วตอนสนทนากันเมื่อครู่
พวกเราคุยกันเรื่องแผนการลอบสังหารคนที่ชื่อD.J. สถานที่คือEddy P.เวลาบ่ายโมงตรง คีร์จะทำหน้าที่เป็นคนล่อเหยื่อให้ไปยืนในตำแหน่งที่จะสามารถเล็งปืนยิงไรเฟิลได้ และคนยิงปืนที่ว่านั่น....
" นี่เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมยัยสองคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่! " ก็คือเคียนติและกอร์นนั่นเอง
ด้วยความที่รถเต่าของอุเมะนั้นติดฟิล์มสีดำจึงทำให้มองเห็นได้ยากว่ามีใครนั่งอยู่ในรถ ยิ่งอยู่ใต้ดินแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ จึงไม่แปลกใจที่เคียนติจะเดินดุ่มๆเข้ามาหาด้วยอารมณ์โกรธฉุนเฉียว สัญชาตญาณของอุเมะที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวได้ก็รีบกดปุ่มเลื่อนกระจกขึ้นทันที
มีลางว่าจะโดนกระชากคอเสื้อน่ะก็เลยต้องรีบปิด...
ปึง!
นั่นไงไม่ทันขาดคำเคียนติก็ทุบกระจกรถของฉันอย่างแรงด้วยความไม่พอใจซะแล้ว
" ไม่เห็นบอกกันเลยนี่! ว่าคนที่ลากคาลวาโดสออกไปตายแบบยัยสองคนนี่จะเข้าร่วมแผนการนี้ด้วยน่ะ! " เคียนติก้มหน้าลงมามองพวกเราด้วยสายตาเคียดแค้นก่อนจะหันไปถามยินที่อยู่ข้างๆ
" เขาฆ่าตัวตายเองนะคะ...เผื่อคุณจะลืม? " บังเอิญปากของเธอมันเป็นพวกอยู่ไม่นิ่งเสียด้วย พอได้ยินเคียนติพูดแบบนั้นก็อดที่จะสวนกลับไปไม่ได้
" นี่แก! " ปึง! " แกยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ห๊ะ! " เคียนติทุบกระจกรถฉันอีกรอบด้วยความเหลืออด
" อ้าวๆ เจ็บรึเปล่าน่ะ? " ฉันว่าพลางเหยียดยิ้มออกมา ที่ถามน่ะไม่ได้หมายถึงมือของเคียนติหรอกนะ แต่เป็น...
" อ้อ ฉันหมายถึงกระจกรถน่ะนะ ไม่ใช่มือเธอ~ " อุเมะชี้นิ้วไปที่กระจกที่อีกฝ่ายทุบและมองช้อนขึ้นไปด้วยสายตาน่าสมเพชใส่เธอ
" หนอยแน่..นี่หล่อน! "
" กลับขึ้นรถไปซะ เคียนติ...สองคนนั้นมาที่นี่เผื่อเหตุฉุกเฉินเท่านั้น "
" แต่ว่ามัน!... "
" นี่เป็นคำสั่งของท่านผู้นั้นโดยตรงนะ " ยินเอ่ยด้วยเสียงกดดันเล็กน้อย ทำให้เคียนติสบถออกมาก่อนจะยอมกลับขึ้นรถไป
" ...เบลม็อท ถ้าจะสูบบุหรี่ล่ะก็ช่วยเปิดหน้าต่างหน่อยเถอะค่ะ " ฉันที่มองตามเคียนติจนเธอขึ้นรถไป กลิ่นฉุนกึกบางอย่างก็ตีขึ้นจมูกจนต้องหันไปบอกอีกฝ่าย
" โห มาโตรชก้าไม่ชอบบุหรี่งั้นเหรอ? เจอจุดอ่อนอย่างนึงแล้วนะ :) " อ่า เสร็จกัน ดันหลุดปากออกไปตามความเคยชิน
อุเมะท้าวคางกับประตูรถด้วยสีหน้าที่ไม่ชอบใจนัก ที่ดันถูกอีกฝ่ายนึงจุดอ่อนเล็กๆน้อยๆของเธอไปได้แบบนี้ อีกทั้งเจ้าตัวที่ไม่ยอมเปิดกระจกสักที ทำให้เธอต้องจำใจบริการเปิดให้อีกฝ่ายแทน
" แยกย้ายกันไปได้แล้ว " สิ้นเสียงคำสั่งของยินฉันจึงถอยรถออกไปคนแรกเพื่อออกไปก่อนโดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตของคนทั่วไปแถวนั้น
คีร์แยกตัวออกไปอีกทาง พวกที่มาทางเดียวกับอุเมะ มียิน วอดก้า คีร์แล้วก็กอร์น...
นัยน์ตาสีชมพูน้ำตาลโรสวู้ดเหล่มองกระจกมองหลังก็พบว่า รถสปอร์ตสีน้ำเงินลายทางสีขาวกำลังขับไล่จี้ท้ายรถของเธออยู่
" เฮ้อ...เป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นดีนะคะ? " ฉันเอ่ยออกมาลอยๆ ยิ่งเคียนติโมโหเบลม็อทก็ยิ่งชอบใจ เพราะแบบนั้นตอนนี้หล่อนถึงได้ยิ้มยียวนอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ
" หึๆ " เบลม็อท
บรืน!
จนในที่สุดรถของเคียนติก็ขับตีข้างขนาบกันมา อุเมะที่นั่งอยู่พวงมาลัยด้านขวาหันไปมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ที่พวงมาลัยด้านซ้าย เจ้าตัวส่งสายอาฆาตมาให้ จนฉันได้แต่กรอกตาไปมาเพราะเริ่มรำคาญพฤติกรรมแบบนี้ของเธอเข้าไปทุกที
" เบลม็อท... " ฉันเอ่ยอย่างหมดหนทาง ขอแค่ไล่เคียนติไปให้พ้นๆหน้าได้ ถึงจะต้องร้องขอคนข้างๆ เธอก็ยอมทำ...
" เฮ้~เคียนติ " มันได้ผล เคียนติเลิกให้ความสนใจกับฉันและมองเบลม็อทที่นั่งมาด้วยกันแทน " Good luck~ " ก่อนจะส่งจูบด้วยท่าทางกวนประสาทกลับไป
ฮะๆ แบบนี้มีหวังสงครามประสาทนี้ไม่ลงจบง่ายๆแน่
เคียนติทำท่าถ่มน้ำลายใส่และเหยียบคันเร่งวิ่งแซงหน้าเธอขึ้นไปไกลลิบ อุเมะลอบถอนหายใจด้วยความละเหี่ยใจ
" หึๆ เหนื่อยหน่อยนะ " เบลม็อทกล่าวเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของอุเมะ
" เป็นเพราะใครกันล่ะคะ " อุเมะทำหน้าเอือมก่อนที่จะเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดเพื่อจะได้ไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า D.J. ที่เป้าหมายของการลอบสังหารในครั้งนี้ก็คือ โดมง ยาสุเทรุ สถานที่Eddy P.ก็หมายถึงสวนสาธารณะไฮโด้นั่นเอง
เพราะแบบนั้นตอนนี้พวกเราก็เลยมาอยู่ในลานจอดรถของสวนสาธารณะไฮโด้เพื่อรอเวลาให้คีร์ทำตามแผน
แต่ทว่า...
" มาโตรชก้า ลงจากรถไป "
" คะ? "
" ฉันบอกให้เธอลงจากรถไป "
" เพื่ออะไรกันล่ะคะ? "
" นั่นไง "
อุเมะนั่งเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาไปเรื่อย จู่ๆเบลม็อทก็ไล่ให้เธอลงจากรถกระทันหัน ด้วยความแปลกใจจึงถามหาสาเหตุก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักเพยิดให้มองขึ้นไปบนกระจกมองหลังรถ
โอเค รู้เรื่องละ...
มันเป็นเพราะ 1 ในสมบัติของเบลม็อทมาอยู่ที่นี่ๆเอง
Cool guy...
ฉันที่มีคำสั่งว่าให้เป็นโล่ให้เด็กคนนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งดีๆก่อนจะคุยกับเบลม็อทอีกครั้ง
" แต่ถ้าฉันลงไป ยินจะจับผิดเอาได้นะคะ " ฉันว่าพลางเหล่สายตาไปมองรถที่จอดอยู่ข้างๆ
" แค่ลงไป แล้วกันไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับแผนการนี้ด้วยก็พอ ลงจากรถไปซะมาโตรชก้า " เบลม็อทยกปืนขึ้นขู่ อุเมะจึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นด้วยท่าทางยอมแพ้และยอมเดินลงจากรถไป
แต่ทว่า...
" นั่นจะไปไหนอุเมะชู อีกเดี๋ยวแผนก็จะเริ่มแล้วนะ " ยินถามด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจนิดๆ
นี่ก็อยากรู้อะไรขนาดนั้น!
" เบลม็อทสั่งให้ลงมา รู้ไว้แค่นั้นแหละค่ะ " อุเมะพูดจบก็รีบสาวเท้าออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่ให้ร่างสูงได้เอ่ยทักท้วงอะไรอีก พลางกดปีกหมวกทรงนิวส์บอยสีขาวตัดกับสีครีมลงมาให้ปิดตาอีกหน่อยก่อนจะรีบตามหลังเด็กคนนั้นไปทันที
และเท่าที่สะกดรอยตามโคนันคุงมาก็ดูเหมือนว่า เขาอยากจะทำให้แผนการลอบสังหารคุณโดมงล้มเหลวโดยการใช้สปริงเกอร์รดน้ำต้นหญ้าให้เป็นประโยชน์
" อาจารย์โจดี้ครับ...พกปืนมาด้วยรึเปล่าครับ? "
แต่เสียใจด้วยนะโคนันคุง ฉันคงปล่อยให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้...
เพราะฉะนั้นแล้ว...
แกร๊ก!
" มีสิจ๊ะโค-นัน-คุง~ "
!!!
ถ้าไม่เผชิญหน้าเข้าหาตรงๆก็ไม่ใช่อุเมะสิ ถูกมั้ยล่ะ? :)
-------------------------------------------------------------
Talk With Writer
แหะ หายไปนานหลังจากncค่ะ ช่วงที่แต่งเสร็จรู้สึกอิ่ม(?)ก็เลยมาต่อให้ช้าน่ะค่ะ55555
แล้วตอนนี้ก็เปิดปมของน้องอีกอย่างนึงแล้วด้วยค่ะ! เอ็นดูน้องให้กลจ.น้องด้วยนะคะะ
น้องจะไม่โดนเคียนติเขม่นก็ได้ค่ะ แต่บังเอิญว่าตัวเองก็อยู่ในตอนที่ปะทะกับกันFBIด้วยเหมือนกัน เคียนติจึงเหมารวมหมดค่ะถ้าใครอยู่ในเหตุการณ์แล้วไม่ช่วยเพื่อนตัวเองจนปล่อยให้เขาฆ่าตัวตายแบบนั้น
แต่ว่าก็ว่าเถอะ โดนเฮียยิงเฉียดหัวแบบนั้นใครจะอยู่จริงมั้ยล่ะคะะ ฮาา
ตอนหน้าคุณสีแดงปากร้ายจะโผล่มาค่ะ---แค่ก
*Astraphobia หรือ โรคกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่า
จะมีอาการบางอย่างคล้าย Phobia ชนิดอื่นๆ คือ เมื่อเกิดความกลัว เหงื่อจะออก ตัวสั่น หรือ ร้องไห้ พอฝนตกพายุมาเมื่อไหร่ก็เริ่มแสดงอาการกลัวออกมาแทบจะทันที
1st 11/06/63 100% 03.47 น.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

167 ความคิดเห็น
-
#103 Caramel_Mustard (จากตอนที่ 15)วันที่ 11 มิถุนายน 2563 / 08:43คุณอามุโร่รู้จุดอ่อนแล้วอย่าลืมรีบไปปลอบครั้งหน้านะ~ //คิดภาพปลอบใต้ผ้าห่มในคืนฝนตกรอแล้ว#1034
-
#103-1 Himawari Yukino(จากตอนที่ 15)11 มิถุนายน 2563 / 20:03อ๊ายยย รอติดตามได้เลยค่ะ//คุณอามุรู้แบบนี้แล้วฝนตกคราวหน้าก็ไม่แน่นะคะเนี่ย----#103-1
-
#102 Ploy Parita (จากตอนที่ 15)วันที่ 11 มิถุนายน 2563 / 06:23น้องแสบ~#1021
-
#102-1 Himawari Yukino(จากตอนที่ 15)11 มิถุนายน 2563 / 20:02ยังแสบได้มากกว่านี้อีกนะคะ55555#102-1
-
-
#101 ขุนนน (จากตอนที่ 15)วันที่ 11 มิถุนายน 2563 / 04:00มาดึกอีกแล้วนะคะเนี่ย 5555555 ให้ตายย อุเมะนี่แกล้งเด็กปลอมเก่งจริงๆเลย อย่าแกล้งน้อน ;-;#1011
-
#101-1 Himawari Yukino(จากตอนที่ 15)11 มิถุนายน 2563 / 20:02ติดลมค่ะ55555 พยายามจะไม่นอนดึกแล้วนะคะแต่ก็อยากลงเร็วๆ//อุเมะเป็นคนเอ็นดู(?)เด็กค่ะ เพราะน้องน่ารักเลยต้องแกล้งบ่อยๆ-----#101-1
-