ตอนที่ 14 : ๐ Special part ๐ ตราบสิ้นลมหายใจ REI x UME 100%
ตราบสิ้นลมหายใจ
นี่เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนนึง ที่พ่อของเธอเป็นตำรวจสันติบาลแต่ไม่ได้แฝงตัวเข้าไปในองค์กรชุดดำ และแม่ของเธอก็ใช้ชีวิตปกติสุขดั่งแม่บ้านญี่ปุ่นทั่วไป ครอบครัวคิโนชิตะย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นแบบถาวรตั้งแต่ที่ คิโนชิตะ อุเมะเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากประเทศไทย
ปัจจุบันเธออายุได้22 ปี และผันตัวมาเป็นตำรวจ ในหน่วยเก็บกู้ระเบิดของทางญี่ปุ่น
เนื่องจากมีอิทธิพลจากพ่อแม่ที่เป็นตำรวจกันทั้งคู่ คนนึงก็เคยเป็นตำรวจจราจร อีกคนก็ยังดำรงตำแหน่งตำรวจสันติบาลและอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่จึงทำให้ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆ
ส่วนเธอในตอนนี้นั้น...
ณ หอประชุมกลางเมืองไฮโด้
วันนี้เป็นวันที่จะมีคนมากหน้าหลายตามาจากที่ต่างๆจากทั่วทั้งประเทศ แต่ละคนขึ้นชื่อว่าเป็นคนสำคัญในแวดวงทางการเมืองทั้งสิ้น เพื่อเข้าร่วมประชุมที่จะถูกจัดขึ้นทุกๆปีเพื่อรายงานสถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน และจะมีงานเลี้ยงปิดท้ายการประชุม ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจะต้องมีตำรวจคอยคุ้มกันตามทางเข้าออกงานอย่างแน่นหนา
ตำรวจสันติบาลก็เป็นหนึ่งในนั้น...
" คุณฟุรุยะครับ เมื่อครู่เราได้รับรายงานมาว่ามีคนร้ายวางระเบิดในสถานที่จัดงานเลี้ยงของงานประชุมครับ! " คาซามิ ยูยะ เอาโทรศัพท์แนบหูของตนไว้ราวกับว่ากำลังคุยกับใครบางคนอยู่ในสาย และรายงานสถานการณ์ให้กับหัวหน้างานของตนเอง ฟุรุยะ เรย์ ฟัง
เจ้าของฉายาซีโร่ ชายผู้ที่มีสามใบหน้าสามตัวตนถูกขนานนามว่าทริปเปิ้ลเฟส มีสีหน้าฉายแววตกใจเพราะนึกไม่ถึงว่าคนร้ายมันจะวางระเบิดเอาไว้จริงๆ ทั้งที่หายังไงก็ไม่เจอจุดที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย เขาลองคาดการณ์เอาไว้และลองตรวจสอบจุดที่มันน่าจะวางระเบิดเอาไว้ได้แล้วแท้ๆ แต่กลับกลายมาเป็นแบบนี้ซะได้
" ใครรายงานมา! " เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ดูร้อนรนปนหัวเสีย
" เอ่อ เรื่องนั้น...นี่ครับ " เพราะคาซามิไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ สู้ยื่นมือส่งโทรศัพท์ให้เขาและสนทนากับคนปลายสายโดยตรงเลยน่าจะดีกว่า
เพราะทุกคนในกรมก็ต่างรู้ดีว่า ' เธอ ' คนนี้มีผลต่อหัวหน้าของพวกเขามากแค่ไหน
เธอคนนี้เป็นลูกสาวของหัวหน้าแผนกพิเศษในกรมตำรวจสันติบาลที่ชื่อว่า คิโนชิตะ คาสึมะ วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในกรมของตำรวจสันติบาลเพราะมาพบพ่อ ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังเธอไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าของเขาที่ดูจะสนใจเธอเป็นพิเศษ สังเกตได้จากดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นและมองตามอย่างเก็บอาการไม่อยู่
ไม่รู้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อนหรือยังไง
หญิงสาวที่มีเรือนผมสีน้ำตาลลูกโอ๊คแผ่สยาย พร้อมกับดวงตาสีชมพูน้ำตาลโรสวู้ดและรูปร่างทรวดทรงอันมีเสน่ห์ คำจำกัดความของเธอหาใช่เซ็กซี่ไม่ แต่คงจะเป็นคำว่าน่ารักเสียมากกว่า
ในวินาทีที่สายตาของเธอและฟุรุยะสบตากันครั้งแรก เมื่อนั้นราวกับว่าโลกทั้งใบได้หยุดเดินลงอย่างกระทันหัน สองสายตาสอดประสานเข้าด้วยกันอย่างน่าหลงใหลปนหยาดเยิ้ม
แต่ฉากรักแรกพบครั้งนั้นก็ถูกพ่อของเธอเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ทำให้สายตาของหนุ่มๆในกรมเล่นหลบแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว เว้นซะแต่ว่า...
ฟุรุยะ เรย์ ที่ยังคงจ้องเธออย่างไม่วางตา...เธอก็เช่นกัน
วันนั้นจำได้ว่ากรมตำรวจสันติบาลแทบจะระเบิดลง เพราะชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าทริปเปิ้ลเฟสคนนั้นเดินสาวเท้าเข้าไปใกล้ตัวของเธออย่างไม่เกรงกลัวสายตาอาฆาตจากผู้เป็นพ่อเอาเสียเลย
จนกระทั่งเขาเอ่ยปากออกมาว่า...
" ผมชื่อฟุรุยะ เรย์ครับ ยังจำกันได้มั้ยครับ?...อุเมะ " ชายหนุ่มวัยเฉียดเลข30เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด
" เอ๊ะ...เราเคยรู้จักกันด้วยหรอคะ? " เธอขมวดคิ้วและเอียงหัวน้อยๆมองชายหนุ่มที่เดินโทงๆเข้ามาหาเธอโดยไม่กลัวตาย ก่อนจะเอ่ยทักทายพร้อมกับพูดชื่อของเธอออกมาด้วย
คำถามนั้นของเธอทำให้คนเป็นพ่อหลุดขำออกมาใหญ่โตและหันไปเอาแขนคล้องคอชายหนุ่มเอาไว้
" เสียใจด้วยนะแต่ลูกสาวฉันความจำสั้น เพราะฉะนั้นเธอจำเรื่องที่เคยเจอนายเมื่อ 9 ปีก่อนไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นฉัน 9 ปีฉันก็ลืมนะจะบอกให้ เสียใจด้วยล่ะเจ้าเด็กเมื่อวานซืน ฮ่าๆๆ " คาสึมะหัวเราะอย่างชอบใจ ที่ลูกสาวของตนตั้งรับคำที่เหมือนกำลังจะโดนจีบได้ดี
ชายหนุ่มที่รู้สึกเสียหน้าเสียเซลฟ์เพราะเธอจำเรื่องของเขาไม่ได้ก็แอบทำหน้าเอือมๆ เนื่องจากโดนพ่อของเธอหัวเราะเยาะใส่อย่างชอบใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้...
สาวเจ้ากำลังลอบยิ้มอยู่คนเดียวเงียบๆ
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
" นั่นใครน่ะ รายงานมาหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น! " เขาขึ้นเสียงเมื่อคนปลายสายยังไม่พูดรายงานสถานการณ์ให้เขาฟังสักที เพราะปกติถ้าเป็นคนของเขาล่ะก็จะต้องรีบรายงานมาทันทีแท้ๆ แต่นี่มันดูแปลกๆ เจ้าตัวดันเงียบแต่ก็ยังมีเสียงของสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นกรรไกรตัดอะไรสักอย่างอยู่
เสียงคีม...กำลังตัดสายไฟ!
อย่าบอกนะว่ากำลังกู้ระเบิดอยู่!!
" นี่ รายงานสถานการณ์มาสิไม่ใช่นิ่งเงียบอยู่! " เขาตวาดเสียงลงโทรศัพท์ไปอีกครั้งจนกระทั่ง...
" หัก 50 แต้มสำหรับการอดทนรอค่ะ " น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น
" เอ๊ะ? " เขาชะงักไป
" แหม ถึงกับต้องตะคอกใส่กันเลยหรอคะคุณฟุรุยะ? น่าน้อยใจนะคะแบบนี้...หักคะแนนอีกดีมั้ยนะ?"
" เอาให้เหลือศูนย์ไปเลย จะได้เหมือนกับชื่อฉายาของคุณไงคะ " เสียงหวานบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจของหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้น เขาดูหน้าซีดไปนิดหน่อยตรงคำว่าหักคะแนนจนเหลือศูนย์...
นี่เธอก็มางานนี้กับเขาด้วยงั้นเหรอ!
" ผ ผม... " ฟุรุยะเอ่ยเสียงแผ่วลงเมื่อรู้ว่าคนปลายสายเป็นใคร
" ไม่ฟังคำแก้ตัวค่ะ แล้วก็เงียบๆด้วยฉันกำลังใช้สมาธิในการกู้ระเบิดอยู่ค่ะ เรื่องแค่นี้ถามคุณคาซามิเอาก็ได้ไม่ใช่รึไงกันคะ " อุเมะว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพอสมควรเพราะโดนชายหนุ่มตวาดเสียงใส่ ซึ่งเธอไม่ชอบและไม่ปลื้มเป็นอย่างมากเวลามีคนมาทำแบบนี้กับเธอ ในขณะที่มือบางกำลังง่วนอยู่กับการตัดสายไฟของระเบิดทีละเส้นๆ
" คาซามิ... " เขาทำหน้าครึ้มยกหูออกครู่นึงก่อนจะหันไปมองค้อนลูกน้องของตนที่มัวแต่อ้ำอึ้งไม่รีบบอกเรื่องนี้ให้เขารู้โดยเร็ว และยังทำให้เขาเสียคะแนนในการตามจีบเธอไปอีกด้วย ฝ่ายนั้นก็ได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิด
จากนั้นคาซามิจึงอธิบายให้เขาฟังว่าที่เธอมาอยู่ทีี่งานนี้ได้ เพราะได้รับคำสั่งจากพ่อให้เข้าแฝงตัวมาในงานนี้แทนตัวเองที่กำลังติดภารกิจสำคัญอยู่
อำนาจในการสั่งการข้ามหน่วยงานของคนที่ชื่อคาสึมะน่ะ ประมาทไม่ได้เชียวนะ เห็นแบบนั้นก็ยังเคยเป็นครูฝึกในโรงเรียนตำรวจด้วยเลยด้วยซ้ำ...
จากที่ฟังแล้วก็พอจะสมเหตุสมผลอยู่ แต่ไหนแต่ไรเธอก็มักจะไหวตัวเรื่องระเบิดได้ดีกว่าใครเพื่อน เพราะผลจากการฝึกของพ่อที่เป็นตำรวจสันติบาลและความสามารถพิเศษในการแยกแยะกลิ่นระหว่างดินปืนกับดินระเบิดได้เป็นอย่างดี จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่คุณคาสึมะส่งเธอมาแทนก็ได้
แต่การส่งให้ลูกสาวตัวเองมาเสี่ยงอันตรายเนี่ยมัน...
" คุณไม่ต้องทำแล้วก็ได้ครับอุเมะ กำลังเสริมกำลังมาถึงที่นี่แล้ว คุณรีบออกมาเถอะครับ แล้วบอกสถานที่ให้เรามาก็พอ " เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายและหายไปเหมือนสองคนนั้น...
" ...เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวนะคะคุณฟุรุยะ แยกให้ออกหน่อยสิคะ ปกติคุณไม่เป็นแบบนี้นี่? ความเยือกเย็นในการทำงานมันหายไปไหนหมดแล้วล่ะคะคุณตำรวจสันติบาล :) " อุเมะกล่าวอย่างใจเย็น
" แต่คุณไม่ได้สวมชุดป้องกันนะ! " อีกครั้งที่เขาขึ้นเสียงใส่เธอ...
" หักอีก 20 แต้ม... "
" ผมขอโทษครับ.. " เขาตอบกลับอย่างฉับไวยืนกำหมัดอย่างเจ็บใจตัวสั่นหงึกๆ เพราะตัวเองดันทำพลาดอีกแล้ว
" แล้วอีกอย่างกว่ากำลังเสริมจะมา ถึงตอนนั้นระเบิดก็ทำงานกันพอดีสิคะ " อุเมะว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่มันทำให้ชายหนุ่มสะกิดใจอะไรบางอย่าง...
" ...คุณหมายความว่ายังไง? อุเมะคุณตอบผมมาสิ " ฟุรุยะพยายามทำใจเย็นๆและเอ่ยถามเธอด้วยใจที่กระวนกระวายและอยู่ไม่สุขตั้งแต่เมื่อครู่
" ก็มันเหลือเวลาอีกแค่ 5 นาทีแล้วนี่นา... " เธอว่า
อะไรนะ!!
" คาซามิสั่งให้คนอพยพไปแล้วใช่มั้ย! " เขาหันไปถามลูกน้องของตน ซึ่งเขาก็พยักหน้าให้อย่างหนักแน่น เพราะตั้งแต่ที่เธอโทรมาหาเขา เธอก็จัดแจงอธิบายรายละเอียดไว้หมดแล้วพร้อมกับสั่งให้อพยพคนไปโดยด่วน
" อุเมะตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? " เขาหันกลับมาทำน้ำเสียงอ่อนโยนยามเมื่อคุยกับหญิงสาวตามเดิม
สองมาตราฐานชัดๆ...
" ...คิดถึงหรอคะ? " ยังไม่วายที่จะหยอกเขาเล่น
" ครับ มากๆเลยด้วย " แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับมาตรงๆแบบนี้
" อึก...คนขี้โกง " หญิงสาวตอบและเม้มปากแน่นเพราะเกือบเสียสมาธิในการกู้ระเบิดไป
อิตาคนนี้จะฆ่าฉันทางอ้อมหรือไงกัน!
" หึ คุณเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ? :) " ฟุรุยะเหยียดยิ้มชอบใจที่เอาคืนหญิงสาวได้เสียทีหลังจากที่ถูกไล่ต้อนอย่างผู้แพ้มาเสียนาน
" ก็ได้ค่ะ...ฉันอยู่ที่ห้องพักในหอประชุมค่ะ ห้อง1608 " เธอจำใจยอมตอบชายหนุ่มไป เพราะห้ามให้ตายยังไงเขาก็คงจะไม่ยอมฟังเธอและหาทางมาที่นี่ได้อยู่ดี
ประมาทผู้ชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ!
" ชั้น 6 สินะ รอก่อนนะครับเดี๋ยวผมจะขึ้นไปหา " เขาบอก
" ไม่ต้องรีบนะคะ เพราะกว่าคุณจะมาถึงฉันก็คงกู้ระเบิดได้แล้วล่ะค่ะ...นี่ไง---ปัง! "
" !!!--เกิดอะไรขึ้นครับอุเมะ! อุเมะ!! ชิ โธ่เว้ย! "
จู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้นหลังจากที่ดูเหือนว่าเธอจะกู้ระเบิดได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นแทบจะทันทีที่มีเสียงปืนดังขึ้นผ่านโทรศัพท์ของเธอ และสายก็ถูกตัดไปทันที ฟุรุยะที่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาจากเธอเลยตัดสินใจโยนโทรศัพท์ทิ้งจนทำให้คาซามิเกือบรับเอาไว้ไม่ทัน ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปห้องชั้น6ที่เธอบอกทันที
ตัดภาพมาทางอุเมะ...
" อึก! " ในตอนที่เธอตัดสายไฟเส้นสุดท้ายเสร็จ กลิ่นของดินปืนที่โชยเข้าจมูกเธอกระทันหันทำให้เธอเอี้ยวตัวหลบอัตโนมัติทันที และคาดว่าถ้าเธอไม่ตัดสินใจโยกตัวหลบล่ะก็...
หัวของเธอก็คงจะได้โดนเจาะเป็นรูแน่...
ยังดีที่ได้แผลถากๆ
มือเรียวปาดเลือดที่ไหลออกมาจากข้างขมับด้านขวาลวกๆ ก่อนจะมองคนมาใหม่อย่างระมัดระวังตัว นี่เป็นเพราะเธอคุยกับคุณฟุรุยะแท้ๆเลยนะ ทำให้ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าหมอนี่จะย่องเข้ามาข้างหลัง แถมยังใจกล้าเล็งที่หัวซะด้วย...
ไม่ใช่โจรกระจอกธรรมดาแล้วสินะ...
" เก่งนี่ที่หลบลูกกระสุนของฉันได้ " เขากล่าว
ชายหนุ่มร่างสมส่วนสวมโค้ทยาวสีเบจโทนเข้มและกางเกงขายาวสีเขียวขี้ม้า ปิดบังใบหน้าเอาไว้ด้วยหน้ากากไอโม่งสีดำ ยืนจ่อปืนมาทางเธอ
" เหอะ วิถีลูกกระสุนที่เดาออกง่ายขนาดนั้นมันก็ต้องหลบได้อยู่แล้วล่ะน่า " เธอเอ่ยอย่างท้าทายอีกฝ่ายพลางเบนสายตาไปที่โทรศัพท์ของตัวเองที่ลาโลกไปแล้วด้วยสายตาละห้อย
" หึ ปากดีนักนะยัยนี่ " เขาขึ้นนกปืนจนฉันต้องจ้องปืนเอาไว้ให้ดีๆ เพราะต่อจากนี้ถ้าเธอขยับไม่ดีล่ะก็...ตายสถานเดียวแน่ๆ
ปัง!
ชั่วพริบตาอุเมะสามารถหลบลูกกระสุนได้ทันเวลาและเข้าชาร์จอีกฝ่ายทันทีแต่ในขณะที่จะถึงตัวของเขาในอีกไม่กี่ก้าวแล้วนั้น...
" อุเมะคุณปลอดภัยมั้ย!! " ฟุรุยะที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาทำให้เธอสติกระเจิง คนร้ายมือวางระเบิดที่เห็นช่องโหว่จึงตวัดหน้าแข้งกระทุ้งเข้าไปที่ท้องน้อยของเธอเข้าอย่างจัง จนร่างของเธอปลิวไปชนกับเก้าอี้ในห้องพักตามแรงเตะมหาศาลนั่น
" อุเมะ!! หนอยแก.. " ฟุรุยะกัดฟันกรอดเมื่อเห็นร่างของแฟนสาวได้รับบาดเจ็บ...ไม่สิตอนนี้ต้องเรียกว่าคนที่เขารักก่อน เพราะเธอยังไม่ได้รับรักเขาสักทีนี่นา..
ฟุรุยะรีบวิ่งเข้าไปเตะปืนของคนร้ายทิ้ง ก่อนที่ร่างกำยำของชายหนุ่มทั้งสองแลกหมัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร อุเมะที่ค่อยๆหยัดตัวขึ้นมาเพราะความจุกจนมวนท้องใกล้จะอาเจียนได้ทุกเมื่อ ส่ายหน้าไปมาเพื่อตั้งสติและมองคนมาใหม่อย่างคุณฟุรุยะที่แลกหมัดกับคนร้ายอย่างบ้าระห่ำ
ดีใจอยู่หรอกนะที่เลือดขึ้นหน้าเพราะเธอโดนทำร้าย แต่ทำแบบนั้นเดี๋ยวอีกฝ่ายจะได้ดับอนาถซะก่อนน่ะสิ...
" ค คุณฟุรุยะคะ พอแล้วล่ะค่ะ อะไรที่มากเกินไปมันไม่ดีนะคะ... " ฉันปรามเมื่อเห็นเขากำลังเงื้อหมัดหวังปิดฉากโดยเป็นกังวลว่าคนร้ายจะตายก่อนให้ปากคำกับตำรวจหรือเปล่า?
" ...ก็ได้ครับ นี่น่ะเป็นเพราะคุณขอหรอกนะ " เขาว่าพลางปล่อยมืออีกข้างที่จับคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ทิ้งให้ร่างโปร่งลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ถึงจะน่าสงสารแต่มันช่วยไม่ได้นี่นา...ก็คนที่ชื่อว่าฟุรุยะ เรย์คนนี้เขาขี้หวงมากเกินไปจนเกินเหตุน่ะ
" เป็นยังไงบ้างครับ ได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า? " เขาเอ่ยถามพลางจับตัวฉันหมุนซ้ายหมุนขวาทีเพื่อดูบาดแผลภายนอก
" ...เจ็บท้องนิดหน่อยเองค่ะ " ฉันโกหก มันเจ็บมากเลยต่างหาก เพราะหน้าแข้งของคนร้ายมันแข็งเอามากๆ แถมยังใส่มาซะเต็มแรงเลยด้วย
" นิดหน่อยจริงๆเหรอครับ? " เขาหรี่สายตาลงราวกับจะจับผิดฉัน ก่อนจะเลื่อนมือไปแตะที่หน้าท้องของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แต่ก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย...
เพราะเขากำลังลูบมือวนไปที่หน้าท้องของฉันไม่หยุดแถมปลายนิ้วก็แทรกเข้ามาในสาบเสื้ออีกต่างหาก
" ค คุณฟุรุยะ จะทำอะไรน่ะคะ " ฉันที่พยายามจะปัดมือของเขาออกไปก็โดนมืออีีกข้างของเขาที่ยังว่างจับเอาไว้ ปลายนิ้วแทรกเข้าไปในเนื้อผ้าลึกขึ้นเรื่อยๆจนหัวใจฉันเต้นระรัวเหมือนกับกลองชุด ยิ่งเขาทำสายตาเจ้าเล่ห์เสมือนหมาป่าผู้หิวโหยแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ฉันเขินจนแทบมุดแผ่นดินหนี
" อืม ดูเหมือนจะอักเสบนะครับ? " เขาว่าในขณะที่ยังไล้หน้าท้องของฉันไม่เลิก ฉันมองค้อนเขาไปหนึ่งที เพราะไม่ว่าจะมองยังไงคนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะสนุกที่ได้แกล้งฉันซะมากกว่า
" นับ 1 "
" นับ 2 "
" ? " เขาทำสีหน้าไม่เข้าใจเมื่อได้ยินฉันเริ่มนับเลข แต่ก็ชะงักมือเอาไว้ทันทีเพราะว่า...
" นับ 3...เหลือศูนย์แต้มค่ะ คุณฟุรุยะ " คำพูดของเธอดูเหมือนจะทำให้เขาช็อคกินไปชั่วขณะ เพราะกว่าจะสะสมคะแนนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็ลำบากมากพออยู่แล้ว อย่างวันนี้ล่าสุดก็ยังอยู่ที่70แต้มเลยด้วยซ้ำ เล่นปลิวหายไปหมดเลยแบบนี้เขาล่ะอยากจะตบหน้าตัวเองดังๆสักที
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็เธอน่ารักเกินไปนี่นา :)
หารู้ไม่ในขณะที่พวกเราสองคนกำลังหยอกล้อกระหนุงกระหนิงแบบไม่แคร์คนโสดนั้น คนร้ายคนเดิมที่ได้สติขึ้นมาก็ไม่รอช้าคว้าปืนขนาดมาตราฐานขึ้นมาเล็งไปที่กลางหลังของฟุรุยะ
อุเมะที่มองผ่านแขนของชายหนุ่มตรงหน้าไป เมื่อเห็นคนร้ายกำลังเล็งปืนมาทางนี้ สัญชาตญาณบอกให้เธอใช้มือจับตัวคุณฟุรุยะเอาไว้ก่อนจะจับเขาหมุนมาแทนที่ๆเธอยืนอยู่เมื่อครู่ ทันใดนั้น...
ปัง!
ราวกับภาพสโลโมชั่นลูกกระสุนแหวกว่ายผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูงและพุ่งเข้ากลางหลังของหญิงสาวได้อย่างประจวบเหมาะก่อนที่มันจะได้โดนตัวของตำรวจสันติบาลหนุ่ม...
กลิ่นคาวละคลุ้งไปทั่วปากเล็กจิ้มลิ้ม เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดของเลือด มือบางที่สั่นเทิ้มเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในร่างกายมันทำให้เธอแทบยืนไม่ไหว...
พรวด!
คนร้ายวิ่งหนีออกไปจากห้องนี้ไปแล้วพร้อมๆกับร่างของอุเมะที่ทรุดตัวลง ยังดีที่ฟุรุยะจับเอาไว้ทันเลยทำให้ไม่ได้รับแรงกระทบกระเทือนมากนัก แต่ดูเหมือนเขาจะสติหลุดไปตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอเอาตัวเข้ามาบังลูกกระสุนให้เขาแล้ว ดวงตาที่มักจะดูเจ้าเล่ห์อยู่เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ บัดนี้มันกลับกลายเป็นสายตาที่ดูหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
กลัวว่าเธอจะจากเขาไปอีกคน...จากไปเหมือนกับเพื่อนๆของเขา
แต่ในขณะที่สติของเขาล่องลอยไปไกล มือบางของเธอกระตุกแขนเสื้อของชายหนุ่มด้วยแรงที่เหลืออยู่
" มัว..ทำอะไรอยู่คะ...คุณฟุรุยะ! รีบตามไปสิคะ...อย่าให้มันหนีไปได้นะ! " เธอเค้นเสียงกล่าวออกมา ทุกๆคำพูดของเธอดูก็รู้ว่ากำลังเจ็บมากแค่ไหน แต่ว่า...
เวลาแบบนี้ยังไล่ให้เขาไปตามคนร้ายอีกงั้นหรอ?
" ...ไม่ครับ "
" คุณฟุรุยะ! "
" ไม่ว่าคุณจะว่ายังไงตอนนี้สำหรับผมแล้ว คุณสำคัญที่สุดครับ! "
" ... " เธอนิ่งไปเมื่อเขาตวาดเสียงใส่เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน แต่เธอกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาในตอนนี้ดูร้อนรนยิ่งกว่าครั้งไหนๆซะอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลงเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปเขาจึงจัดการอุ้มเธอขึ้นมาอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสาวเท้าออกจากห้องไปทันที
" เรื่องของคนร้ายวางระเบิดไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ คาซามิจัดการได้อยู่แล้วตอนนี้คุณต้องรีบไปโรงพยาบาลครับ " เขาร่ายยาวไปปล่อยให้ฉันได้มีโอกาสพูดแทรก รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกเขาอุ้มมาที่ลานจอดรถเสียแล้ว...
ประตูรถ Mazda RX-7 สีขาวสะอาดตาถูกเปิดออกพร้อมๆกับเจ้าของรถที่ถึงแม้จะรีบร้อนอยากจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาลมากแค่ไหน แต่ก็ต้องพยายามเบามือกับเธอให้ได้มากที่สุด
จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงตัวเขาที่เข้าสู่ที่นั่งคนขับก็รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลทันที
.
.
.
.
ร่างของอุเมะที่นอนอยู่ในห้องพักฟื้นหลังจากพ้นขีดอันตรายแล้วมันทำให้ฟุรุยะโล่งใจ และก็ยังอดกังวลไม่ได้เมื่อมองคราบเลือดของเธอที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าของเขา ชุดสูทสีเทากับเสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่ว่าจะส่วนไหนๆก็มีแต่เลือดของเธอเต็มไปหมด...
ดีนะที่วานฝากให้คาซามิช่วยเอาเสื้อผ้าสำรองที่อยู่ในกรมตามมาที่นี่ทีหลัง ไม่ใช่ว่ารังเกียจเลือดของเธอหรอก แต่เขารู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นเลือดพวกนี้เท่านั้นเอง มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงหญิงสาวผู้เป็นที่รักยังนอนหลับไม่ได้สติอยู่
" รีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆสิครับ ลุกขึ้นมาคุยกับผมหน่อย "
" .... "
" ผมกำลังโกรธคุณอยู่นะครับ...โกรธที่คุณเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องผม "
" .... "
" ทั้งๆที่หน้าที่นั่นน่ะ...มันควรจะเป็นหน้าที่ของผมแท้ๆเลยนะ เพราะฉะนั้นแล้ว...." เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนโอบอุ้มมือของอุเมะขึ้นมากำเอาไว้และอิงแนบใบหน้าคมที่โหยหาและภาวนาขอให้คนรักของเขาได้ลืมตาตื่นขึ้น
" ได้โปรดอย่าเจ็บตัวเพราะมีผมเป็นสาเหตุเลยนะครับ อุเมะ " ถึงน้ำเสียงจะดูอ่อนโยนมากแค่ไหน แต่สีหน้าของเขาในตอนนี้กลับดูเจ็บปวดที่ไม่สามารถปกป้องเธอเอาไว้ได้ ซ้ำยังเป็นฝ่ายโดนปกป้องอีกต่างหาก
และแล้วเหมือนความหวังของเขาจะสัมฤทธิ์ผล...
" ...ทำไมฉันถึงจะเจ็บตัว..เพื่อคุณไม่ได้ล่ะคะ? " น้ำเสียงอ่อนล้าที่เป็นผลมาจากยานอนหลับที่ใช้ในการผ่าตัด เอ่ยทักร่างสูงโปร่งที่ผงะไปเมื่อได้ยินเสียงของเธอ
หน้าของเขาตอนนี้ดูตลกมากเลยล่ะ...
หมับ!
" เรย์... " จู่ๆชายหนุ่มก็ลุกยืนพรวดพราดเข้ามากอดเธอบนเตียงผู้ป่วย ฉันที่ยังขยับตัวไม่ได้มากเพราะอาการบาดเจ็บจึงทำได้แค่ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยนเท่านั้น
" ...ทำอย่างกับผมเป็นเด็กเลยนะครั--- "
" ... "
" เมื่อกี้นี้...คุณพูดว่าอะไรนะครับ? " เขาไม่ได้ฟังผิดไปแน่ๆ เพราะเมื่อครู่เธอพึ่งจะเรียกชื่อต้นของเขาออกมา
" เรย์...ฉันเรียกคุณนั่นแหละค่ะ หรือว่าอยากจะให้ฉันกลับไปเรียกคุณฟุรุยะเหมือนเดิมดีคะ? " เธอเอ่ยซ้ำและแกล้งหยอกเขาเล่น แน่นอนว่าชายหนุ่มมีท่าทีที่ลนลานอย่างเห็นได้ชัดเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงยอมเรียกชื่อต้นของเขาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ร้องขอไปยังไง เธอก็ไม่ยอมเรียกเลยสักครั้ง
" คุณเคยถามฉันไม่ใช่เหรอคะ? เมื่อต้นปีที่แล้ว... "
' ผมชื่อฟุรุยะ เรย์ครับ ยังจำกันได้มั้ยครับ?...อุเมะ '
' เอ๊ะ...เราเคยรู้จักกันด้วยหรอคะ? '
" นั่นน่ะฉันโกหกค่ะ... "
" เอ๊ะ? " ชายหนุ่มมีสีหน้าที่ฉายแววสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เขาผู้ได้รับขนานนามว่าทริปเปิ้ลเฟสคนนั้นยังไม่สามารถตามความคิดของหญิงสาวตรงหน้าได้ทันเลยแม้แต่น้อย
" ฉันโกหกว่าฉันจำคุณไม่ได้ เรื่องที่เราเจอกันเมื่อ9ปีก่อน...อันที่จริงฉันยังจำได้อยู่นะคะ เรย์ " เธอยิ้มบาง
" !! นี่คุณโกหกผมงั้นหรอ?... " เขาเบิกตากว้างเพราะไม่นึกว่าเธอจะโกหกเขามาโดยตลอด และปล่อยให้ตามจีบเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แบบนี้ตั้งนาน มันน่านัก...
" ฉันเปล่าโกหกสักหน่อยนะคะ...แค่คุณไม่เคยถามฉันอีกเลยต่างหาก ฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องบอกเรื่องนี้ให้คุณรู้ไปทำไมน่ะค่ะ...สู้เห็นผู้ชายที่ได้ฉายาว่าซีโร่มาคอยตามจีบอย่างหมดสภาพแบบนี้ "
" มันน่าสนุกกว่ากันเยอะเลยค่ะ ฮะๆ " เธอว่าพลางหัวเราะเสียงใส ผิดกับอีกฝ่ายที่หน้าครึ้มเพราะค่อนข้างโกรธที่โดนปั่นหัวอยู่เกือบปี แต่ก็ดันโกรธเธอไม่ลง เพราะมันก็จริงอย่างที่เธอพูด...
เขาไม่เคยถามถึงเรื่องเมื่อ9ปีก่อนกับเธออีกเลย...
" อีกอย่าง... "
" ? "
" จะให้ลืมรักแรกของตัวเองเนี่ย ยังไงก็ทำไม่ได้จริงๆนั่นแหละค่ะ " อุเมะส่งยิ้มพิมพ์ใจให้กับตำรวจสันติบาลหนุ่มที่นั่งตาค้างเป็นรอบทีี่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ก่อนจะเอ่ยถามว่า..
" โกรธเหรอคะ? คุณโกรธฉันลงด้วยเหรอคะ? นี่ๆว่าไงล่ะคะเรย์? " เธอรัวคำถามใส่เขาอย่างหยอกล้อ ยิ่งเห็นเขานั่งเงียบก้มหน้าเหมือนกับจะอดทนอดกลั้นไม่ให้ตัวเองโมโหหรือขึ้นเสียงใส่ เธอก็ยิ่งชอบใจ
" แล้วถ้าผมตอบว่าใช่ล่ะ? " แต่คำตอบที่ได้รับกลับมา ดันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายซะงั้น
" เอ๊ะ? " เธอเหงื่อตกเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นเขากำลังบรรจงถอดสูทสีเทาตัวเก่งของตัวเองออก เอามันพาดไว้แถวโซฟาก่อนจะเดินกลับไปที่ประตูห้องและล็อคกลอนประตูลง
ทำไมมันเริ่มดูน่ากลัวล่ะเนี่ย...
" เอ่อ เรย์...จะทำอะไรน่ะ? " เธอถามอย่างกล้ากลัวๆเพราะเดาใจชายหนุ่มไม่ออก หรือว่าเขาจะโกรธที่ปั่นหัวเขาเล่นกันนะ?
" ไม่เห็นต้องถามเลยครับ.. "
" ผมก็จะลงโทษเด็กนิสัยไม่ดียังไงล่ะ :) " เขากล่าวพลางปลดเนคไทของตัวเองออกและปลดกระดุมสองสามเม็ดเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น
เธอพึ่งรู้สึกว่าตัวเองงานเข้าก็ตอนนี้ล่ะ...
.
.
.
.
.
จิ้มตรงนี้ - NC -
------------------------------------------------------
Talk With Writer
พ่อบ้านใจกล้าในคราบหมาป่าเจ้าเล่ห์ค่ะ แงง
เนื่องจากว่าไม่เคยเขียนฉากแบบนี้มาก่อน จึงเขียนได้สุดๆเท่านี้จริงๆค่ะฮืออ มันเป็นยังไงคะ ฉากncพอกรุบกริบแบบนี้มันดีรึยัง5555555//ถ้าผิดหวังก็ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ ต่อจากนี้จะพยายามศึกษาให้มากขึ้นค่ะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะบรรยายฉากลึกซึ้งแบบนั้นยังไงดี มันร้อนแรงเกินเขียนไม่ไหวค่ะะ ฮาาา
แล้วเป็นตอนพิเศษที่ยาวมากกกก ตอนนึงล่อไป20,000ตอษ.จะบ้าตายค่ะ
ตอนแรกกะจะให้คุณคาซามิมาขัดจังหวะ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพี่แกจะโดนคูมเรย์ฆ่า----แค่ก
พาดหัวเรื่องซะน่ากลัวเลยใช่มั้ยล่ะคะ555555
บางอย่างในตอนพิเศษเป็นเรื่องจริง บางอย่างก็เป็นเรื่องตรงกันข้ามค่ะ ลองเดาดูนะคะว่าอันไหนคือเรื่องจริงที่จะเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องหลัก ฮิๆ
และเนื่องจากหายไปนานกว่าปกติเลยจะมาสปอยล์นิดนึงค่ะว่า ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่การปะทะกับFBIค่ะ----
อ้อ สุดท้ายจริงๆแล้วค่ะ ไรท์ได้เข้าร่วมกิจกรรมconanweekly_THในทวิตมาล่ะค่ะ Week 1 เป็นหัวข้อ Hand in hand ใครสนใจอ่านฟิคสั้นที่ไรท์แต่งกดตรงนี้ได้เลยนะคะ - จิ้ม -
1st 04/06/63 ตั้งโหวตตอนพิเศษ 21.22 น.
2nd 05/06/63 ปิดโหวตและสรุปผล 22.26น.
3th 08/06/63 100% 0.37 น.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารอุเมะก็สงสาร เรย์ไม่อดกลั้นเลยนะ //แอบดูใต้เตียงรพ. ออกรพ.เมื่อไหร่ไม่รอดแน่ อุเมะ แต่เอ๊ะพ่อตาจะว่ายังไงนะ~
แต่เตียงรพ.หักนี่ยังไงใจไม่ดีเลย ฮึก//ปิดเลือดกำเดา
คิดถึงสภาพความเป็นจริง เอ๊ะ เตียงโรงพยาบาลมันเป็นแบบล้อลากรึเปล่านะ? ถ้าสะเทือนมากอาจจะพั---
1 ชินอิจิ
อามุโร่!!!! 1. โอ้ยยยย รู้สึกเขิน555
ถ...ถ้าเอา 2 จะแหวกแนวแหกทางโค้งจากคนอื่นมั้ยคะเนี่ย ;-; แต่อยากจะได้จริงๆนะ
1 อามุโร่ค่าาาา (ต้องคนนี้เลยยยยย)