ตอนที่ 6 : #Promise 4# Just kidding right? (RW 100%)

" ก็ได้ ฉันจะยอมเชื่อเธอก็ได้ แต่มีข้อแม้อย่างนึงนะ~ " เมลิโอดัสพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงติดทะเล้น
" ข้อแม้? ข้อแม้อะไรงั้นหรอ " ฉันถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
" ฮืมๆๆ ฉันยังไม่บอกตอนนี้หรอก ขอเก็บไว้ก่อนละกันนะ " เค้าฮัมน้ำเสียงปกติที่มักจะใช้กวนประสาทใครซักคนอยู่เสมอออกมา พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่ห์ จนฉันหวั่นว่าเค้าจะนำพาโชคชะตาอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันเรือหายมาแน่ๆ...
" สัญญาสิ ว่าพอถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ เธอจะไม่ปฎิเสธมัน " เมลิโอดัสว่า
" เอ่อ...ก็ได้ค่ะ " ฉันว่า ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจซักเท่าไหร่
" งั้น ข้อตกลงเสร็จสิ้น จากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะ เธอ...เธอชื่ออะไรนะ? " เค้าว่างั้นแน่ะ
" แพทริเซียค่ะ!! แพท-ทริ-เซีย! "
.
.
.
.
.
" ข้อแม้ในตอนนั้นคือเงื่อนไขในการรับเธอเป็นพวกพ้องในตอนนี้ และจากนี้ไปฉันขอแต่งตั้งให้เธอคือ บาปคนที่8นะ แพททริเซีย "
และแล้วโชคชะตาที่นำพาความเรือหาย มันก็ได้มาเยือนฉันแล้วจริงๆด้วยล่ะค่ะ
" ด เดี๋ยวก่อนสิคะ! แบบนี้มันมัดมือชกกันนี่นา! " ฉันแย้ง
" สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ เธอไม่มีสิทธ์ปฎิเสธนะอย่าลืมสิ " เมลิโอดัสว่า
" อึก~ " ฉันพูดไม่ออก ก็จริงอย่างที่เค้าว่า ไม่น่าไม่ปากพล่อยสัญญาสุ่มสี่สุ่มห้าเลยเรา ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ทีหลังเราก็ไม่สัญญาหรอก!
" ...แต่คุณอย่าลืมสิคะ ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดานะ " ฉันจ้องตาเค้ากลับพลางสื่อความหมายเป็นนัยๆว่าฉันไม่มีทางที่จะไปต่อกรกับพวกบัญญัติ10ประการได้เลยแม้แต่นิดเดียว
" อ้อ ขอขัดจังหวะซักครู่ ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ถึงเธอจะไม่ใช่คนของโลกนี้ก็ตาม เป็นความจริงที่เธอเป็นคนธรรมดา...แต่นั่นมันก็เมื่อก่อนตอนที่เธอพึ่งมาที่โลกนี้ใหม่ๆ ไม่ใช่กับปัจจุบันนี้ที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ถ้าจะให้พูดให้เข้าใจง่ายล่ะก็ เธอที่ตอนนี้กลายเป็นส่วนนึงของโลกใบนี้ไปแล้ว การที่จะใช้พวกเวทย์มนต์อย่างอัศวินศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก "
" ตัวตนของของเธอมันพิเศษกว่าที่เธอคิดนะสาวน้อย " เมอร์ลินอธิบาย จริงๆแล้วตัวของเธอเองนั้นก็ได้ลองวิเคราะห์อะไรเกี่ยวกับสาวน้อยคนนี้ในนิมิตขององค์ราชานิดหน่อย สิ่งที่เธอเห็นคือความเป็นไปได้ที่แพทริเซียจะกลายเป็นผู้ใช้เวทย์มนต์ที่เก่งกาจพอสมควรอาจจะเก่งกว่าเธอเลยด้วยซ้ำ ถึงได้บอกไงว่าสาวน้อยคนนี้น่ะพิเศษ
" ฉัน...ก็ได้ ฉันยอมแพ้แล้ว เป็นก็เป็น! " เมื่อหมดหนทางที่จะเถียงต่อ ฉันก็ได้แต่จำใจยอมรับมันอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆอีก
' เอาก็เอา ลองดูซักตั้งก็ได้ คิดซะว่าที่ทำไปก็เพื่อปกป้องเอลลี่ละกัน ' ฉันคิดพลางนึกหาเหตุผลที่ฉันต้องยอมมาทำอะไรที่เสี่ยงตายขนาดนี้
" งั้นเป็นอันตกลง จากนี้ไป เธอคือลูกศิษย์ของฉันนะ " เมอร์ลินว่าอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
" เอ๊ะ...เอ๊ะ!!! " ฉันร้องอย่างตกใจเมื่อเมอร์ลินพูดแบบนั้น
" มีปัญหาอะไรล่ะ? ก็การที่เธอจะใช้เวทย์มนต์ได้ก็จำเป็นจะต้องมีอาจารย์ไม่ใช่หรอ ฉันพูดผิดตรงไหนล่ะ? " เมอร์ลินว่าด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่
" เอ่อ เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่... " ฉันเว้นช่วงไปก่อนที่จะพูดในใจว่า
' การที่มีเธอเป็นอาจารย์นี่แหละปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของฉัน แค่คิดก็เห็นอนาคตอันน่าสยองขวัญอยู่ไกลๆเลยล่ะ... '
------(50%)
" ด้านกายภาพดูท่าเธอจะไม่มีปัญหาอะไร หน่วยก้านดีทีเดียว แสดงว่าคอยฝึกร่างกายอยู่ตลอดเลยสินะ? " เมอร์ลินมองก่อนจะพิจารณาร่างกายของฉัน
" เอ่อ ค่ะ....แต่เดิมทีที่ฝึกเอาไว้ก็เพื่อจะเอาไว้ป้องกันตัวกับปกป้องเอลลี่เฉยๆอ่ะนะ " ฉันตอบเธอก่อนจะหันมาพูดกับตัวเองประโยคหลัง
" ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องพลังเวทย์ ตอนนี้พลังเวทย์ในตัวเธอมีค่าแค่ 15 คะแนน เท่านั้น คงต้องเริ่มฝึกหนักกันตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะนะ เจ้าหญิง " เมอร์ลินว่าพลางยิ้มหวานให้ แต่จากสายตาของฉันมันดูน่ากลัวซะยิ่งกว่าอะไร
" ค ค่ะ.. " ฉันว่าพร้อมเหงื่อที่ไหลพรากออกมาไม่ยอมหยุด
เราสองคนได้นัดแนะกันเรื่องเรียนเวทย์มนต์หลักสูตรเร่งรัด เธอบอกว่าจะสอนฉันในขั้นทฤษฎีก่อน จึงจะเข้าสู่ภาคปฏิบัติจริง โดยจะใช้ระยะเวลาภายใน 3 เดือนเท่านั้น ในระหว่าง 3 เดือนนี้ ก็จะตามรวบรวมบาปอีก 5 คนที่เหลือไปด้วย
ซึ่งมันทำให้ฉันถึงกับตาค้างไปเลยล่ะ เมอร์ลินเธอเป็นคนบอกเองว่า ตัวฉันในตอนนี้มีพลังเวทย์แค่เพียง 15 คะแนนเท่านั้น แล้วมันจะเป็นไปได้หรอที่จะใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ในการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์เวทย์มนต์?
ฉันได้แต่รับฟังและพยักหน้าตอบรับราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งค่าให้ทำตามคำสั่งโดยที่สมองภายในนั้นไม่ได้รับรู้อะไรอีกเลย พร้อมกับเดินตามเมลิโอดัสและเมอร์ลินออกไป แต่ท่านพ่อก็ได้เรียกฉันเอาไว้ซะก่อน นั่นทำให้ฉันหยุดเดินและหันกลับมาหาเค้า
" พ่อมีของอยากจะให้ลูก ที่จริงแล้วพ่อควรจะให้ตั้งแต่1อาทิตย์ที่แล้ว แต่ลูกก็โดนพ่อทำโทษอยู่ " บัลทร่าว่า
" อ แฮะๆๆ ว่าแต่มันคืออะไรหรอคะ? " ฉันหัวเราะแห้งๆก่อนจะถามท่านพ่อ
บัลทร่าได้หยิบกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมและเปิดมันออกมา ก่อนจะเผยให้เห็นถึงต่างหูคริสตัลสีใสหนึ่งข้าง ที่ข้างในประดับไปด้วยตราของราชวงศ์สีทองอร่าม และยื่นออกมาให้ฉัน
" นี่มัน... " ฉันว่าพลางนึกไปถึงต่างหูสีฟ้าที่คล้ายๆกันกับของเอลิซาเบธในตอนโต ที่เธอบอกว่าได้รับมันมาเมื่อตอนวันเกิดอายุครบ16ปี
' จะว่าไปตอนที่เรามาถึงโลกนี้ก็อายุ16ปีนี่นา ตอนนี้ก็น่าจะ...18 ได้แล้วล่ะมั้ง? ' ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องอายุของตัวเอง เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ลืมนึกเรื่องอายุไปซะสนิท แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของร่างกายล่ะก็ แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยล่ะ...
" ตอนนี้ลูกก็เป็นเจ้าหญิงเต็มตัวแล้ว แต่ตัวลูกก็ยังไม่มีตราที่จะแสดงถึงการเป็นเชื้อพระวงศ์ใช่มั้ยล่ะ นี่คือของขวัญจากพ่อ รับเอาไปสิ " บัลทร่าว่าพลางยื่นต่างหูข้างนั้นออกมาให้ฉัน ตราแห่งราชวงศ์ลีโอเนส
" ขอบคุณค่ะ ท่านพ่อ " ฉันว่าและเข้าไปรับต่างหูมาก่อนจะสวมเข้าไปที่ใบหูข้างขวา
จากนั้นฉันจึงขอตัวออกมาเพื่อที่จะออกไปเผชิญหน้ากับบทเรียนอันแสนหฤโหด ที่มีอาจารย์ผู้สอนอย่างเมอร์ลินเป็นคนสอนฉัน...
.
.
.
.
.
1 อาทิตย์ถัดมา ตกดึกคืนหนึ่ง ในห้องของแพทริเซีย
" ม ไม่ไหวแล้ว ง่วงเกินไปจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลยค่ะ แต่ถ้าไม่รีบจำเนื้อหาบทร่ายเวทย์มนต์ทั้งเล่มภายในคืนนี้ แล้วเมอร์ลินรู้ว่าเราจำไม่ได้ มีหวังโดนให้คัดบทร่ายเวทย์มนต์แน่เลยค่ะ ฮือออ "
ฉันโอดครวญหลังจากที่นั่งท่องบทร่ายเวทย์ขั้นต้นเล่มที่35 ขนาดหนาปึกอย่างกับจะเอาไปถมบ้านได้ จากตำราทั้งหมดที่มีนับไม่ถ้วนของเมอร์ลิน ในตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้อย่างไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน
ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันลากยาวจนมาถึงช่วงดึกดื่นขนาดนี้ ฉันก็ยังจำได้ไม่ถึงครึ่งเล่มด้วยซ้ำ แรกๆเมอร์ลินก็ยังพอจะใจดีอนุโลมให้อยู่บ้างเพราะเห็นฉันยังใหม่กับเรื่องพวกนี้ แต่ผ่านไปไม่นานก็เริ่มมีวิธีจำอย่างการให้คัดบทเวทย์มนต์เยอะๆจะได้จำให้ขึ้นใจ แต่ว่าก็ว่าเถอะ เธอยังสร้างกฏเหล็กอย่างเช่น ทุกครั้งที่ฉันจำไม่ได้และโดนให้คัดแบบนี้ จำนวนที่โดนคัดจะเพิ่มขึ้นเป็น10เท่าของเนื้อหา นั่นก็หมายความว่าถ้าเนื้อหาเล่มนั้นมี 1,000 กว่าหน้า ก็ให้คูณเข้าไปอีก10...
ฉันบอกเลยว่าชาติหน้าก็ไม่น่าจะคัดเสร็จหรอก ถึงได้ตะบี้ตะบันอ่านมันอยู่เนี่ย!
" เฮ้ออ ขืนยังง่วงอยู่แบบนี้ล่ะก็แย่แน่ๆ ออกไปเดินเล่นซักหน่อยแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อดีกว่า " ฉันว่าพลางบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะหาอะไรมาคั่นหนังสือไว้และเดินออกจากห้องไป
' หืม? ห้องของเอลลี่เปิดอยู่นี่นา เอ เจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วย ไปไหนกันนะ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว '
ในขณะที่เดินออกจากห้องมา ฉันก็สังเกตุว่าประตูห้องของเอลิซาเบธมันเปิดอยู่ แถมในเวลานี้เป็นเวลาที่เจ้าตัวควรจะนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไปแล้วด้วย ด้วยความเป็นห่วงว่าเธอจะไปหลงอยู่ที่ไหนรึเปล่าทำให้ฉันต้องเปลี่ยนจากการเดินเล่นไปเดินตาหาเอลิซาเบธแทน
" เอลลี่...เอลลี่~ อยู่ที่ไหนน่ะ? " ฉันพูดด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะดังมากนักเพราะกลัวว่าทหารจะตื่นตระหนกแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ทหารที่นี่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาก็จริง แต่ถ้าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมบ่อยๆมันก็ไม่ดีหรอกนะ
" โย่ เอลิซาเบธ นอนไม่หลับงั้นหรอ? "
เสียงที่แว่วออกมาตรงทางเดินหัวมุมทำให้ฉันเข้าไปแอบดูบทสนทนานั่น ก็พบเข้ากับเอลิซาเบธตัวน้อยๆที่กำลังยืนกอดตุ๊กตาหมีอยู่ ตรงหน้าของเธอก็มีเมลิโอดัสที่เข้ามาคุยด้วย แต่วินาทีนั้นลมหายใจของฉันก็ได้สะดุดไปเมื่อสิ่งที่ฉันให้ความสนใจไม่ใช่เมลิโอดัสกับเอลิซาเบธตัวน้อยที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว....
ตอนที่ฉันจ้องไปที่หลังของเมลิโอดัส ในวินาทีนั้น จู่ๆฉันก็เห็นเงาโปร่งแสงจางๆเหมือนเป็นรูปร่างของขา ฉันคิดว่ามันดูคุ้นเคยมาก เพราะขาคู่นั้นใส่ถุงเท้ายาวแค่ข้างเดียวเท่านั้น นั่นทำให้ฉันตัดสินใจค่อยๆไล่สายตาขึ้นไปจนเหมือนจะสบตากับคนๆนึงเข้า และเบิกก็ต้องตากว้างเมื่อพบกับ....
" เอล...ลี่? "
เงาที่ฉันเห็นนั้นก็คือเอลิซาเบธในอนาคตนั่นเอง...
' ท่านพี่...แพทริเซีย...นี่ท่านมองเห็นข้างั้นหรอคะ?! ' เอลิซาเบธว่า
' นี่มันช่วงที่เอลิซาเบธย้อนเข้ามาดูความทรงจำของเมลิโอดัสกับซาราทรัสและฮอร์คนี่นา งั้นก็หมายความว่า... ' ฉันคิดก่อนที่จะหันไปข้างๆที่อยู่ไม่ไกลนัก พื้นที่ตรงนั้นมีร่างของซาราทรรัสและฮอร์คกำลังหันมามองฉันอยู่
' เป็นไปไม่ได้! เธอไม่น่าจะมองเห็นพวกเรานี่นา! ' ซาราทรัสแตกตื่นเมื่อรู้ว่าฉันมองเห็นพวกเขา
' นี่เวทย์มนต์ของนายมันเสียรึเปล่าเนี่ย! ' ฮอร์คว่า
' ...ช่วยไม่ได้แฮะ ก็มันเห็นไปแล้วนี่นา.. ' ฉันคิดก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ
" ดีใจที่ได้เจอกันนะเอลลี่... " ฉันว่าก่อนจะยิ้มและยกมือขึ้นไปลูบหัวของเอลิซาเบธ แต่ถึงจะบอกว่าลูบหัวมันก็ดูเหมือนจะโบกมือไปมาบนอากาศอยู่ดีก็เถอะ
' ท่านพี่...ข้าน่ะ--- ' เอลิซาเบธที่กำลังร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ไม่ทันจะพูดต่อจู่ๆร่างกายของเธอก็หายไปต่อหน้าต่อตาฉัน ฉันจึงค่อยๆเอามือลงพลางมองมือของตัวเองสักครู่ก่อนจะกำมือเอาไว้
' นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย...ทำไมฉันถึงมองเห็นเธอได้ล่ะ...เพราะอ่านหนังสือมากไป?...ไม่น่าจะใช่แฮะ...แต่การที่ไม่มีฉันอยู่ด้วยในช่วงเวลานั้นมันก็อาจจะหมายความว่า.... '
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆเมลิโอดัสก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆก่อนจะถามว่า
" นั่นเธอกำลังพูดกับใครอยู่น่ะ? " เมลิโอดัสถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย
" ป เปล่าซักหน่อย คุณหูแว่วไปเองน่ะ! " ฉันที่ได้สติก็รีบตอบกลับไปทันที และกลับเข้าสู่จุดประสงค์หลักในค่ำคืนนี้อย่างการพายัยตัวแสบกลับไปนอนบนเตียง
" เอลลี่~ ทำไมดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอนอีกล่ะจ๊ะ? " ฉันว่าพลางยิ้มหวานที่ออกจะดูน่ากลัวไปสักหน่อยสำหรับเอลิซาเบธในวัยนี้ เธอจึงเข้าไปหาที่พึ่งอย่างเมลิโอดัสทันที
" ก็เอลลี่นอนไม่หลับนี่นา...." เธอยื่นหน้าออกมาจากข้างหลังของเมลิโอดัส และทำท่าราวกับว่าจะถูกฉันดุ
" ไม่ได้นะ เด็กดีน่ะไม่ควรนอนดึกรู้มั้ย? " ฉันว่าพร้อมชี้นิ้วทำท่าสั่งสอนเอลิซาเบธที่ทำหน้าจ๋อยไปแล้ว
" ก็ได้ค่ะ เอลลี่จะกลับไปนอน...ฝันดีนะคะ เมลิโอดดัส " เอลิซาเบธว่า ยังไม่วายที่จะหันกลับไปบอกราตรีสวัสดิ์เมลิโอดัส ก่อนที่ฉันจะบอกลาเขาบ้าง อุ้มตัวเธอออกมาและเดินกลับห้องของเอลิซาเบธไป
เมื่อส่งเอลิซาเบธเข้านอนเสร็จก็ถึงเวลาที่ฉันจะไปท่องหนังสือต่อสักทีล่ะ
.
.
.
.
3 เดือนต่อมา
ฉันคนเดิมเพิ่มเติมคือชำนาญการในด้านเวทย์มนต์แล้วล่ะค่ะ!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมอร์ลินจะใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นในการที่จะทำให้ฉันใช้เวทย์มนต์ได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนนึงก็ต้องขอบคุณตัวฉันด้วยที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้อ่ะนะ...
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันก็เหมือนกับนรกดีๆนี่เองแหละ ขอบอกเลยว่าตอนฝึกภาคปฏิบัติน่ะ ถ้าเมอร์ลินฆ่าฉันได้ก็คงจะทำไปแล้วล่ะ ทุกๆวันฉันต้องคอยระวังกับดักเวทย์มนต์ของเธออยู่ตลอดเวลา เรียกได้ถ้าเผลอใจลอยเมื่อไหร่ สภาพของฉันก็มักจะจบไม่สวยสักเท่าไหร่
วันนี้มีเรื่องให้น่ายินดีอยู่สองเรื่องคือ หนึ่งตัวฉันได้รับตราบาปมาแล้ว ซึ่งตรานั่นอยู่บริเวณหน้าท้องด้านขวาของฉัน ที่เลือกตรงนี้ก็เพราะมันไม่ค่อยเป็นที่สังเกตุดี อีกอย่างเวลาสวมเสื้อผ้าก็มองไม่เห็นอยู่ดี เลยไม่ต้องมากังวลเรื่องดึงดูดความสนใจของคนในปราสาทมากนัก
ชื่อบาปที่ฉันได้รับนั้นคือ บาปแห่งความอิสระ ส่วนสัญลักษณ์ก็คือ ผีเสื้อ ถามว่าทำไมถึงได้ใช้ชื่อนี้...ตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะท่านพ่อเป็นคนบอกมาว่าให้ใช้ชื่อนี้และสัญลักษณ์นี้ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมันอีกเลย ตราที่ได้ เป็นผีเสื้อกำลังโบยบินและมีตราสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์อยู่ที่ปลายปีก
(ไรท์วาดเองค่ะ ใช้โปรแกรมAIทำ สัญญาว่าถ้าทำสวยกว่านี้จะแก้ให้ค่ะ ที่มาต่อให้ช้าเพราะมัวแต่คิดดีไซน์เจ้าตราบาปนี่อยู่นานมากค่ะฟฟฟฟฟฟ)
( คำเตือน รูปนี้ใช้ในการประกอบนิยายแฟนฟิคเรื่อง OUR PROMISE คำสัญญาของพวกเรา เท่านั้น กรุณาอย่าลอกเลียนแบบนะจ๊ะ )
เรื่องที่สองคือทางเราได้พบบาปคนแรกแล้วค่ะ
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะอยู่ในคุก และกลายเป็นนักโทษต้องประหารไปซะแล้ว
แต่ว่าก็ว่าเถอะคนอย่างเค้าน่ะ ฆ่ายังไงก็ฆ่าไม่ตายหรอก เพราะเค้าก็คือ...
.
.
.
.
บาปแห่งความโลภของจิ้งจอก
อันเดธ บัน
Talk 1
มาแล้ววว ขอโทษนะคะที่มาช้ามากเลยวันนี้
เปิดการ์ดButterfly effectค่ะ!
กระพือปีกนิดเดียวเกิดผลกระทบมากมายเลยล่ะค่ะ//ฮา
เอาใจช่วยน้องแพทจากการเป็นลูกศิษย์เมอร์ลินด้วยนะคะ~
สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
Talk 2
เป็นยังไงกันบ้างคะกับตราบาปของแพท คืออินี่นั่งคิดนานมากว่าจะวาดออกมายังไงดี
ให้กลมกลืนกับตราบาปอื่นๆให้ได้มากที่สุด สัญญาค่ะว่าถ้าวาดใหม่แล้วออกมาดีกว่าเดิมจะแก้ให้แน่นอน
ทำไมแพทถึงมองเห็นเอลลี่ในอนาคตกันนะ แล้วที่ไม่มีตัวของแพทในอนาคตมาด้วยนี่หมายความว่ายังไง
หรือว่าเธอจะไปที่อื่นกันแน่ หรือว่าเธอจะ---
ลาไปแค่นี้แหละค่ะ ฮาาา
1st 11/05/62 50%
2nd 14/05/62 100%
69 ความคิดเห็น
-
#59 สาวชอบฝัน (@suna-gr) (จากตอนที่ 6)วันที่ 27 สิงหาคม 2562 / 22:44อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับแพทนะ#590
-
#18 TARA I.N.K. (@Ink260248) (จากตอนที่ 6)วันที่ 14 พฤษภาคม 2562 / 08:09บันมาแล้ววววววววววว(ดีใจแปป)แต่ตัดกันอย่างงี้ก็ไดหรอ?ค้างอ่ะท่านต่ออีกนะ#181
-
#18-1 Himawari Yukino (@ice1998) (จากตอนที่ 6)14 พฤษภาคม 2562 / 18:1555555การทำให้ค้างรีดเดอร์เป็นงานอดิเรกของไรท์----//วิ่งงง#18-1
-
-
#16 Pine'apple (@poomospoo1244) (จากตอนที่ 6)วันที่ 11 พฤษภาคม 2562 / 10:43สู้ๆค่ะแพท คิดซะว่าทำเพื่อเอลลี่ อยากรู้ว่าหนูแพทจะมีคู่มั้ยคะเนี่ย ลุ้นๆอยู่5555#160