ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Parallel : พาราเรล สงครามโลกคู่ขนาน

    ลำดับตอนที่ #1 : [Intro] Parallel World

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 53


    "ไกอา" คือนามแสงแห่ง พระเจ้าของ โลกแห่ง พาราเรล มันคือแสงที่มีความเชื่อมาช้านานว่า เป็นแสงที่พระเจ้าประทานเอาไว้บนเขา โอลิมปัส เพื่อ ให้เป็นสิ่งสื่อสารกับพระเจ้าของชาว พาราเรล และป้องกันความชั่วร้ายจาก ลูซิเฟอ เทพแห่งเพลิงนรกผู้ที่ต้องการทำลายทุกสิ่งที่อยู่บนโลกแห่ง พาราเรลนี้ แต่นั่นเป็นเพียง ตำนาน ที่เล่าขานต่อๆ กันมา ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่นั่น คงจะให้เชื่ออย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ เลย ก็คงจะยากสำหรับชาว พาราเรล แล้วนั้น มันก็แค่เรื่องเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้น

    ณ เมือง นอรันดา เมืองทางตอนเหนือของ พาราเรล ซึ่งอยู่บริเวณ ตีนเขาแห่ง โอลิมปัส เมืองนี้มีศิลปะด้านสถาปัตยกรรม แบบ โกธิค 

    ชาวเมืองส่วนมากเป็น พ่อค้า และ นักบุญเมืองของพวกเขามีขนาดที่ใหญ่โต และเป็นเหมือนย่าน ธุรกิจ ที่ใหญ่โตของโลกแห่ง พาราเรล พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ สงบสุข ค้าขายอย่างตรงไป ตรงมา นักบุญก็คอยช่วยเหลือผู้คนอย่างสุดความสามารถเท่าที่พวกเขาจะทำได้ พวกเขามีความสามารถ ด้านการ ช่วยเหลือผู้ที่ลำบากด้วย มนต์ตรารักษาขั้นสูง กว่าแพทย์ทั่วไป และแน่นอน พวกเขา มักจะอยู่เพียงในเมือง นอรันดาเท่านั้น 

    ที่ใจกลางเมือง เต็มไปด้วยผู้คนเดินไปมา พ่อค้า แม่ค้า ที่ตั้งแผงค้าขายอยู่ตามข้างทาง เหล่าทหารกล้่า เดินเลือกหา อาวุธและชุดเกราะแบบ ที่พวกเขา ต้องการ ด้วยเงินตราที่มากมายจากการรับราชการ ทหาร นักธนุ ต่างเลือกหา ไม้ชนิดดีๆ นำมาทำคันธนู ที่คงทน และยืดหยุ่น เพื่อความถนัด สำหรับพวกเขาเอง รวมไปถึงของล้ำค่าต่างๆ นักท่องเที่ยวเดินชม ผลงานศิลปะที่มีเฉพาะ ที่ นอรันดา ดูเผินๆ ก็เหมือน วัยรุ่นเลือกซื้อเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้านั่นเอง "เฮ้แม่หนู เจ้าจะซื้อสิ่งใดกันหรือ เห็นเจ้าจ้องไม้พวกนี้ตั้งนานสองนอนแล้วนะ" พ่อค้าร่างอ้วน ที่มีหนวดเคราสีดำเต็มใบหน้าเอ่ยขึ้น พร้อมกับ ถอดหมวกผ้าไหมออกมาโบกไปมา เนื่องจากอากาศที่ร้อนเกินคำบรรยาย หญิงสาวผมยาวสรวย  สี  น้ำเงินเข้ม  ซึ่งสะพายคันธนูไว้บนไหล่ พร้อมกับลูกธนูอีก จำนวนหนึ่ง นั่ง มองดูไม้ที่วางเรียงไว้บนพื้นอย่าง เป็นระเบียบ มีหลากสีตั้งแต่ สีฉุดฉาดโทนร้อน จนถึง สีโทนเย็น แบบสบายตา เธอนั่ง พิจารณาสักครู่และหยิบไม้ชนิดนึงขึ้นมามองใกล้ๆ มันเป็นไม้สี ส้มแดง ราวกับเพลิง พ่อค้าผู้นั้น สวมหมวกไหมพรมอีกครั้ง เพราะ ศีรษะของเขานั้นโล้นเกรียน ต่างกับเครา ที่มี มากมายกว่าผม เหมือนมันขึ้นกลับทางกัน "โอ้! นั่นเป็นไม้ที่ส่งตรงมาจาก วารานาริ เลยนะ คุณภาพคับแก้ว แข็งแรง ราวกับ หิน แต่ยืนหยุ่นราวผ้าไหมเชียวนา" พ่อค้าโฆษณา สินค้าอย่างเต็มที่ เพื่อเชียร์ให้ หญิงสาวผู้นั้นซื้อ "แล้วเจ้าไม้นี้ราคาเท่าไร หรือพ่อค้า" หญิงสาวเอ่ย "ไม่มาก ไม่น้อย 3แสน7หมื่น โกลด์ ถ้าเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่า คุ้ม เกินราคาเชียวน้า แม่หนู" พ่้อค้าผู้นั้นเอ่ย หญิงสาวยิ้ม และมองหน้าพ่อค้า "งั้นข้า ขอลา ละนะ" เธอเอ่ย และก็หายตัววับ ไปพร้อมไม้ นั่น "เฮ้ย!!! นัง แมวขโมย เจ้าหายไปไหนกันเนี่ย" พ่อค้า คนนั้นโวยวาย หลังจากถูกขโมยไม้ ซึ่งมีราคาที่แพงโข พร้อมกับหันซ้าย หันขวา หา หญิงสาวนักขโมยผู้นั่น "ฮิ ฮิ ได้ไม้ฟรี มาทำ ธนูใหม่แล้วสินะเรา" หญิงสาวเอ่ย และยิ้มอย่างเริงร่า อยู่บน หลังคา โบสถ์ สีขาว และในตอนนั้นชาย ผมแดง ในชุดคลุมก็กระโดดลงมาที่ด้านหลังของเธอ "เฮ้!! นาโยกิ เธออย่า ไปขโมยของคนอื่นบ่อยๆ สิ เดียวถูกจับได้ขึ้นมาจะแย่เอานา" โอตาโนกิ เพื่อนของ นาโยกิเอ่ยขึ้น ด้วยความเ้ป้นห่วง เขาเป็น พ่อมด ขั้น 3 จาก 7 ขั้นเรียกง่ายๆ ก็คือ เป็น Senior สามารถใช้เวทมนต์ได้เพียงเล็กน้อยพอป้องกันตัวเท่านั้น และนั่นทำให้เขา้ต้องออก ผจญภัยไปพร้อมกับ นาโยกิเพื่อ จะสั่งสมประสบการณ์เพื่อพัฒนา เวทย์มนต์ของเขาให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น

    และในขณะที่ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่นั่นเอง ที่ บนยอดเขา โอลิมปัส

    หิมะที่โปรยปรายลงมายังยอดเขา จนกลายเป็นสีขาวโผน มีเพียง แค่ บาร์เบกาซี่ จำนวนหนึ่งเท่านั้นทีอาศัยอยู่พวกมันเป็นมนุษย์แคระที่ ดูเหมือนจะไม่อันตรายแต่ในความเป้นจริงพวกมันสามารถควบคุม หิมะและ รวมเข้ากับร่างของมันจนขยายเป็น Yeti ซึ่งใหญ่กว่ามนุษย์ 2 เท่า ได้ เพียงชั่วพริบตา จึงไม่มีมนุษย์ ขึ้นมาบนยอดเขานี้มากนัก

    บนยอดเขานั้น มีลูกแก้ว ลูกหนึ่งอยู่นั่นคือแสงแห่งไกอา ซึ่งคือ พลังก้อนสุดท้ายของไกอาที่บรรจุ ลงมาในรูปของลูกแก้ว เพื่อไล่ พวก ปีศาจ และ เทพ ลูซิเฟอ ให้ออกห่างจากโลกแห่ง พาราเรล

    พวก บาร์เบกาซี เป็นเหมือน ผู้เฝ้า ลูกแก้ว "แสงแห่งไกอา" โดยสืบต่อกันมา เป็นหมื่่นเป็นแสนปีเหมือนเป็นหน้าที่ ที่สืบต่อกันมา เพื่อกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามคำทำนายของไกอา เมื่อ แสน กว่าปีก่อน กล่าวไว้ว่า "เมื่อถึงวันที่ ดวงจันทร์ สี แดง  ดวงจันทร์สีเหลือง และ ดวงจันทร์ สีน้ำเงิน ที่หมุนโคจรอยู่ด้วยกัน มารวมตัวกันเหนือ แสงแห่ง ไกอา แสงนั้นจะ อ่อนกำลังลง และจะทำให้ ลูซิเฟอ สามารถกลับมา ครองโลก แห่งนี้ได้อีกครั้ง" ดั่งคำกล่าวนั้น ผ่านมานับ แสน ปี ก็ยังไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เหล่า บาร์เบกาซี่ เองก็ ทำหน้าที่เพียงเฝ้าลูกแก้ว แต่ไม่รู้ถึงคำทำนาย เหล่านั้นเลย  พวกมัน คุยกันเป็นภาษา Troll ซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้ พวกมัน คุยกัน หัวเราะ และวิ่งเล่นเหมือนเด็กตัวเล็กๆ

    แต่แล้วคำทำนายนั้นก็มาถึงในวันนี้ ที่ดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดา เหมือนทุกวัน "หืม...?" นาโยกิ ส่งเสียงขึ้นเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพบ ว่าพระจันทร์ สีแดง และ เหลือง โคจรมา เข้าใกล้กัน ซึ่ง ดวงจันทร์สีน้ำเงินนั้น ก็อยู่ใกล้กับ พระจันทร์สีแดง แล้ว  " ดวงจันทร์ทั้งสาม จะ บรรจบ กันแล้วงั้นหรือ??" เธอเอ่ยขึ้น โอตาโนกิ แหงนหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย "นั้นมัน!!!" เขาเอ่ยขึ้นเพราะ เขาเคยได้ยิน มาจากครูของเขา "บ้าเอ้ย นาโยกิ รีบออกจากเมืองนี้เร็วเข้า!!!!" โอตาโนกิ เอ่ยขึ้น และโดด ลงจากเพดาน โบสถ์ "เฮ้ ! รอฉันด้วยสิ" นาโยกิเอ่ย และโดด ตาม ลงไป "พลังแห่งลม จง รองรับตัวข้าด้วย" โอตาโนกิเอ่ย และแรงลม ก็ถูกตีขึ้นมารับร่างของเขา และ นาโยกิ และลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล "เร็วเข้า วิ่งไป ยังทางออก" โอตาโนกิเอ่ย และวิ่งตรงไปยังทางออกที่ห่างไปไม่กี่ เมตร "นี่นายจะรีบไปไหนน่ะ" นาโยกิเอ่ย และ กระโดดขึ้นหลังคาบ้านเรือนเพราะ เธอ จำเป้นต้องใช้พื้นที่เนื่องจากไม้สีส้มแดงนั้นมีขนาดที่ใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน  " ลูซิเฟอ จะลงมายังโลกมนุษย์ และ เมืองนี้คือทางเข้า!!!!!" เขาตะโกนขึ้น ชาวเมือง จำนวนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มหวาด วิตก "เรื่องจริงเหรอ?" พ่อค้าแม่ค้า หลายคนเริ่มพูดคุยกัน และ มองไปยังดวงจันทร์ทั้งสาม ที่โคจร มาตรงกัน และส่องลงไปยังแสงแห่งไกอา "บ้าซิบ!!! แสงแห่ง ไกอา เริ่มอ่อนกำลังแล้ว รีบออกจากเมืองนี้ ให้ไกลที่สุด" โอตาโนกิ ตะโกน บอก นาโยกิ พวกเขา วิ่งไปถึง ประตูเมือง และ รีบขึ้นไปบนหลังของ รุค (Rukk) นกยักษ์ซึ่งเป็น พาหนะ ของพวกเขา " รุกิ รีบบินหนีไปจากนี้เร็ว" โอตาโนกิเอ่ย และ  รุกิ ก็เริ่มกระพือปีก แรงลมมหาศาล จากการกระพือปีกของมัน ทำให้  เศษฝุ่นรอบๆ ตีขึ้นจากพื้น และ นกยักษ์ตัวนั้นก็บินขึ้นฟ้าไป อย่างรวดเร็ว "นี่แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ!!??" นาโยกิเอ่ยถาม โอตาโนกิ   เขาได้เพียงหันไปมองหน้าเธอด้วยสายตา ที่หวั่นกลัว "ลูซิเฟอ มันมาแล้ว...." เขาเอ่ย เพราะเขาหันไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมือง นอรันดา

    "เฮ้ย รีบหนีเร็ว!!!" พ่อค้าใจกลางเมือง นอรันดาตะโกนขึ้น เมื่อเขามองเห็น หลุม ขนาดใหญ่เกิดขึ้นกลางเมือง มันเริ่มดูด สิ่งต่างๆ เข้าไป และเริ่มขยาย ขนาดขึ้น  "อ้ากกกกกกกกกกก" พ่อค้า ไม้ที่ถูก นาโยกิ โกงไม้ไป ถูกดูดเข้าไปภายในหลุม ดำนั้น  สินค้า และ บ้านเรือน เริ่มถูกดูดเข้าไปในหลุม ดำนั้น ผู้คนที่หนี ได้ก็วิ่งกันอย่างสุดชีวิต สู้กับแรงลมที่ดูดเข้าไปในหลุมดำนั้น ส่วนใครที่ สู้ไม่ได้ ก็ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำนั้น และถูกบีบ อัดด้วยแรง อัด จน ไม่เหลือซาก

    และจู่ๆ หลุมดำนั้นก็สงบลง

    ผู้คนที่ตื่นตระหนกเมื่อ สักครู่เริ่มเดินเข้าไปที่ ใจกลางเมืองซึ่งมีเพียงซาก ปรักหักพัง เต็มไปหมด "ทุกคนหา คนรอดชีวิต" นายทหาร ขั้น 7 เอ่ยขึ้น สั่งทหาร ขั้น ต่ำกว่า ให้ทำหน้าที่ หาคนบาดเจ็บ และช่วยเหลือ แต่ เมื่อพวกเขาวิ่งเข้าไปถึงนั่นเอง "มันมีอะไรบางอย่าง !!!!" นายทหารขั้น 7 เอ่ยขึ้น และหันหลังไปมอง จู่ๆ หลุมดำนั้นก็ปรากฏขึ้นอีก และ เกิดระเบิดขึ้น เมือง นอรันดา หายวับไปกับตา และ ในตอนนั้นเองก็ ได้ มีร่างของ บางสิ่งออกมาจากหลุมนั้น มันเป็นร่างที่ มีขนาด ใหญ่ ราวกับ ยักษ์ สูงราวตึก 3 ชั้น ขนาดใหญ่ พอที่จะ พังบ้านหลังเล็กๆ ได้ในการเหยียบเพียงครั้งเดียว  ในมือทั้งสองของมันถือขวาน ขนาดใหญ่ พร้อมเพลิง สีน้ำเงิน ลุกโชนอยู่ สองเล่ม 
    มันเป็น มนุษย์ที่มีขนาดใหญ่โต ดวงตาของมัน เป็นสีแดงราวกับเปลวไฟ ผมของมันสั้นและ ลุกเป็นไฟ สีส้มแดง "ข้ากลับมาแล้ว ไกอา!!!!!!" มันตะโกนขึ้น เสียงดังไป ไกล หลาย กิโลเมตร มันหันไปที่เขา โอลิมปัส "แสงนั่น อ่อนกำลังมากแล้ว ข้าคงทำลายได้โดยไม่ยากสินะ" ลูซิเฟอ เอ่ย และ ขว้า่งขวานใส่ที่ ยอดเขาโอลิมปัสทันที

    "บ้าซิบ แสงแห่งไกอา!!!!!" โอตาโนกิเอ่ย แต่มันสายไปแล้ว ลูกแก้วแห่ง ไกอา แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสีย แล้ว "ไม่นะ....." เขาเอ่ยขึ้น และบินต่อไป "เราจะทำยังไงดี" นาโยกิพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอน " เราคงต้องไปหา เทพ อาเทน่า แล้วละ" โอตาโนกิเอ่ยตอบ ด้วยเสียงที่ ยังพอมีหวังอยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×