ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง ♡ KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #8 : MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง :: ค้างคืนกันมั้ย? -ลงแล้ว-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.02K
      23
      27 มี.ค. 57

    Minor!











































    จริงๆแล้วการทำครัวโดยมีลูกมือคอยช่วย สำหรับคนอื่นมันก็คงดีไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้งานไวขึ้นโดยมีลูกมือคอยเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ให้ คอยอำนวยความสะดวกในการหยิบจับของที่อยู่ไกลตัวให้ แต่การมีลูกมือในการทำครัวที่ชื่ออู๋อี้ฟานนี่ นอกจาจะไม่ช่วยชานยอลให้ทำงานได้เร็วกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้วุ่นวายกว่าเดิมอีกเถอะ!

     


     

    “ชยอลจ๋า เค้าปอกเปลือกหอมหัวใหญ่แล้วแสบตาอ่ะ”

     


     

    เงยหน้าขึ้นมาจากบรรดาเนื้อสัตว์ที่หั่นอยู่ก็เห็นคนตัวสูงยืนเบ้หน้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์เตรียมผัก เห็นตาคมๆคู่นั้นมองกลับมาพร้อมกับน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ในเบ้าแล้วก็ต้องถอนหายใจ ให้ตายเถอะ ตอนนั้นก็บอกอยู่แล้วว่ามันจะแสบตาแสบตา ก็ไม่เชื่อที่พูดเลยสักนิด หยิบหอมหัวใหญ่จากมือเค้าไปจัดการลงมือหั่นเอง ไอ้เค้าก็ตามใจ เออ กะว่าน้ำตาไหลพรากแล้วจะสมน้ำหน้าให้ แต่นี่อะไร มายืนน้ำตาไหลเบ้ปากเหมือนกับเด็กๆเวลาร้องไห้

     


     

    “ก็บอกแล้วว่ามันจะแสบตา เดี๋ยวทำเองก็ไม่เชื่อ”

     


     

    “ก็เค้าอยากช่วยนี่หน่า” เถียงได้ตลอดล่ะอู๋อี้ฟาน “พอเลยๆ วางมีดลงแล้วไปนั่งรอเฉยๆดีกว่าไป”

     


     

    ชานยอลบ่นก่อนจะหันกลับมาสนใจกับงานที่ยังค้างคาอยู่ของตัวเอง ทันเห็นจากหางตาอยู่หรอกว่าอีกคนเดินออกจากส่วนห้องครัวออกไป ก็คงเดินงอนออกไปตามคำไล่ของเค้านั่นแหละ คนหน้าหวานส่ายหัวไปมาอย่างเหน็ดเหนื่อยใจกับความขี้งอนของคนรัก แต่ก็ไม่ได้ไปตามง้ออะไรหรอก ปล่อยให้งอนไปแบบนั้นน่ะแหละ ช่างเค้า

     


     

    แต่เหมือนชานยอลจะคาดการณ์ผิดไปสักนิดเมื่อเห็นเงาวูบไหวของอีกคนปรากฏกลับเข้ามา ใบหน้าที่ก้มอยู่ก็เงยขึ้นมองตามก่อนจะตากว้างด้วยความตกใจปนงุนงง ตากลมกวาดมองอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะเอ่ยออกมา

     


     

    “แว่นตาดำ?”

     


     

    “ช่าย~” คนที่หายไปสักพักและกลับมาพร้อมกับแว่นตาดำกันแดดนั้นตอบกลับมา “แค่นี้ก็ไม่ร้องไห้แล้ว”

     


     

    -.,-

     


     

    ถามจริงว่าอู๋อี้ฟานไปเอาตรรกะแบบนี้มาจากไหนวะครับ? อะไรที่ทำให้คิดว่าใส่แว่นตาดำหั่นหอมแล้วน้ำตาจะไม่ไหล คิดว่าเลนส์สีดำๆของแว่นราคาเป็นหมื่นนี่จะกันไอกันกลิ่นของหัวหอมได้รึยังไงกัน ไอเดียนี่เป็นของใคร? ตอบสิตอบ พ่อจะไปโบกให้หัวทิ่มเลย

     


     

    ตอนแรกปากอิ่มก็อ้าออกเตรียมจะบ่นคนตัวสูงเต็มที่อยู่หรอกนะ แต่พอเห็นท่าทีตั้งใจและดูเหมือนอีกฝ่ายก็พยายามที่จะหั่นหัวหอมอย่างสุดฝีมือแล้ว ชานยอลก็ต้องปิดปากเงียบลงอีกครั้ง หันกลับไปสนใจกับการหั่นเนื้อตรงหน้าต่อโดยไม่ลืมที่จะคอยเหลือบมองคนข้างๆตัวอยู่ตลอดเวลา

     


     

    อะไร... ไม่ได้ห่วงเลยสักนิด ก็แค่กลัวว่าใส่แว่นดำแบบนั้นแล้วจะมองไม่ชัด หั่นไปหั่นมาจะได้หั่นนิ้วตัวเองเข้าแทน ชานยอลยังอยากกินแกงกะหรี่ธรรมดานะ ไม่ได้อยากเปิปพิสดารผสมเนื้อคนลงไปด้วย

     


     

     หั่นของเตรียมของเสร็จก็ได้เวลาเริ่มตั้งหม้อเตรียมทำอาหาร แกงกะหรี่เนื้อของชานยอลต้องใช้เวลาตั้งไฟนานพอสมควรเพื่อที่จะได้แกงกะหรี่รสชาติที่กลมกล่อมและเข้าเนื้อ พอถึงตอนที่ต้องเริ่มทำอาหารแบบจริงจัง อี้ฟานก็เป็นฝ่ายล่าถอยออกไปทำอย่างอื่นแทน คนตัวสูงหันไปหยิบหม้อหุงข้าวเตรียมข้าวสาร ซาวข้าวล้างน้ำและกดหุงให้เรียบร้อย ทำเสร็จก็หันมาส่งยิ้มให้กับคนตัวบางที่สาละวนอยู่กับการปรุงรสชาติอาหาร

     


     

    “เค้าหุงข้าวเสร็จแล้ว” เดินลากสลิปเปอร์หัวตุ๊กตาสีชมพูหวาน  (คิตตี้นูนาน่ะ อี้ฟานเพิ่งถอยมาใหม่ตอนกลับมาจากฮ่องกง น่ารักมากเลยซื้อมาใส่ซะเลย ใจจริงอยากจะซื้อหลายๆคู่แต่เดี๋ยวชานยอลรู้แล้วบ่นเลยเอามาแค่คู่เดียว -.,-) เข้ามาหาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเตา ชานยอลที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนลายพี่หมีริลัคเข้ากันกับสลิปเปอร์สีน้ำตาลแบบนี้ทำให้คนมองอดยิ้มเสียจนตาปิดไม่ได้

     


     

    “งั้นก็ไปนั่งรอไป เดี๋ยวปรุงรสก่อนแล้วจะตั้งไฟไว้ กว่าจะได้กินก็เย็นๆนู่น” ชานยอลพูดในขณะที่มือก็ยังวนเวียนกับการทำอาหารอยู่ ก่อนจะเลิกคิ้วนิดๆเมื่อไม่ได้ยินเสียงเดินออกไปจากห้องครัวของอีกคน พอหันกลับมาก็เจอคนหน้าหล่อยืนทำแก้มป่องหันมาให้อยู่

     


     

    “ขอรางวัลก่อน”

     


     

    หือ....

     


     

    “รางวัลอะไร?”

     


     

    “ก็เค้าหุงข้าวเสร็จแล้วอ่ะ ช่วยหั่นหอมด้วย ขอรางวัลก่อนเร็ว จุ๊บๆก่อน”

     


     

    ชานยอลมีแฟนเป็นเด็กมหาลัยหรือเด็กสามขวบวะตอบที

     


     

    “จุ๊บบ้าจุ๊บบออะไร จะได้จุ๊บกับฝาหม้อแน่ๆถ้าไม่เลิกงอแงน่ะอี้ฟาน” เอื้อมไปหยิบฝาหม้อที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา ก่อนจะส่งสายตาให้อีกคนรู้ว่าขืนยังไม่เลิกงี่เง่า จะได้ดีพคิสกับฝาหม้อแน่ๆ คนตัวสูงได้ฟังแบบนั้นก็เบะปาก ก่อนจะยอมเดินออกจากห้องครัวไป ไม่ต้องมองตามก็พอจะรู้ได้ว่ากลีบปากคู่สวยนั้นคงจะบ่นเค้าไม่ได้ขาดสายเลยล่ะ

     


     

    มีแฟนอายุเท่ากันแต่สมองเด็กแบบนี้นี่มันเหนื่อยจริงๆนะ

     

















     

    ครืน...

     


     

    ซ่า...

     


     

    ดูเหมือนว่าช่วงนี้อากาศจะแปรปรวนบ่อย เพราะเมื่อเช้าอากาศก็ยังเย็นๆอยู่จนต้องใส่เสื้อคาร์ดิแกนช่วยกันหนาวออกจากบ้าน พอตอนออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตอากาศก็ร้อนอบอ้าวเสียจนเหงื่อไหลหยดไปทั่วหน้า เสื้อที่หยิบติดมาจากบ้านด้วยแทบจะหมดความหมายในทันที แล้วพอมาตอนนี้ ตอนที่กำลังจะตั้งโต๊ะกินข้าวกันที่คอนโดของอี้ฟาน ท้องฟ้าด้านนอกที่เริ่มมืดลงเพราะอาทิตย์ลาลับไปก็กลายเป็นมืดครื้มและตามมาด้วยเสียงฝนสาดและฟ้าร้องตามมาเป็นซาวด์เอฟเฟ็คไม่ได้ขาดหาย ฝนตกแรงเสียจนชานยอลนึกกลัว

     


     

    จริงๆเค้าก็ไม่ได้กลัวฝนหรืออะไรเทือกๆนั้นหรอกนะ ชานยอลเป็นผู้ชายนะ โตแล้วด้วย แต่ที่ไม่ชอบฝนเพราะมันมืด มันมองอะไรไม่เห็นแล้วมันก็เปียกด้วย เค้าไม่ค่อยชอบหน้าฝน ติดจะชอบอากาศโล่งโปร่งสบาย จะหนาวจะร้อนไม่ว่ากันขอแค่อย่าฝนเป็นพอ แล้วนี่อะไร ตกหนักเสียอย่างกะพรุ่งนี้จะตกไม่ได้งั้นอ่ะ

     


     

    “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฝนก็คงหยุดตกแหละมั้ง”

     


     

    พูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะหันไปเรียกอีกคนให้มาช่วยยกจานชามที่จัดอาหารใส่เรียบร้อยแล้วออกไปวางที่โต๊ะ อี้ฟานโผล่เข้ามาในห้องครัวอย่างรวดเร็วก่อนจะยกยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าแกงกะหรี่ตรงหน้าช่างน่ากิน คนตัวสูงทยอยยกจานออกไปในขณะที่ชานยอลก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำ ขอล้างมือล้างไม้ล้างหน้าสักแป๊บนะ ยืนหน้าเตามาตลอด หน้ามันแพล่บเลย

     


     

    ในขณะที่ชานยอลเดินไปเข้าห้องน้ำ มือถือสมาร์ทโฟนสีขาวที่วางไว้ตรงโต๊ะกินข้าวก็ดังขึ้นมา คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดีก็ถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู และเมื่อเห็นชื่อและรูปที่ปรากฏบนหน้าจอ ก็ไม่รอช้าที่จะกดรับทันที

     


     

    “ครับ นูนา~

     


     

    “อย่างนั้นเหรอครับ? ได้ครับ ครับ... สวัสดีครับ” อี้ฟานกดวางสายหลังจากที่สนทนากับอีกฝ่ายเสร็จเรียบร้อย ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นเลยหันไปบอกข้อความที่พี่สาวอีกฝ่ายฝากบอกมา

     


     

    “ยูรานูนาโทรมาบอกว่าฝนตกหนักแบบนี้ไม่ต้องกลับบ้านหรอก เดี๋ยวอันตราย ยูรานูนาบอกให้ชยอลจ๋านอนนี่” คนที่เพิ่งวางสายจากพี่เมีย(?)หันมาบอกคนหน้าหวานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ชานยอลได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

     


     

    เมื่อกี้มันว่าอะไร?!!

     


     

    “ห๊ะ? นอนที่นี่? คอนโดนายเนี่ยนะ?” ทวนคำถามไปอีกครั้งก็ได้รับการพยักหน้าตอบรับเหมือนตุ๊กตุ่นตุ๊กตาหัวโยกไปมาที่หน้ารถเหลือเกิน ก่อนที่ชานยอลจะต้องตาเหลือกอีกครั้งเมื่อได้ยินเจ้าของห้องหน้าหล่อพูดต่อ

     


     

    “ชยอลจ๋าไม่ต้องห่วงนะ เตียงเรานุ่มสบาย กว้างด้วย เราสองคนนอนกอดกันได้สบายแน่นอน”

     


     

    ใครจะไปนอนกอดกับเมิงงงงงงงงงงงง?!!!!

     


     

                    “อย่ามามั่ว เอามือถือมา ฉันจะคุยกับยูราเอง” ไม่มีคำว่าพี่แล้ววินาทีนี้ ชานยอลก้าวขายาวๆมาก่อนจะคว้ามือถือเจ้าปัญหาขึ้นไป กดโทรออกไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์ราวกับรู้ว่าน้องชายจะต้องโทรมาโวยวายเป็นแน่

     


     

    “คิดจะทำอะไรห๊ะ ปาร์คยูรา”

     


     

    เปล่านี่จ้ะน้องชาย ฉันก็แค่เป็นห่วง นี่มันก็ดึกแล้วด้วย นอนค้างที่นั่นแหละ อี้ฟานจะได้ไม่ต้องขับรถฝ่าฝนมาส่ง

     


     

    เฮลโหลลลล เป็นห่วงเหรอ? เอาน้องชายมาถวายให้กับแฟนแล้วนี่ยังจะมาบอกว่าเป็นห่วง แล้วอะไร นี่มันดึกอะไรกัน ยังไม่ทันจะสองทุ่มเลยด้วยซ้ำ ได้ข่าวว่าแต่ก่อนกลับบ้านเที่ยงคืนตีหนึ่งยังไม่มีบ่นสักคำ

     


     

    ยัยพี่สาวทรยศ เห็นเครื่องสำอางจากฮ่องกงมันดีกว่าน้องในไส้รึไงกัน?!!!

     


     

    “เจ้อย่ามาเว่อร์ นี่มันแค่สองทุ่มเอง เดี๋ยวฝนหยุดตกก็กลับได้ จะให้ค้างทำไม?”

     


     

    นี่ฉันเป็นนักข่าวนะยะ เพื่อนฉันที่ทำข่าวดินฟ้าอากาศเค้าบอกว่าวันนี้พายุเข้าโซล ฝนจะตกหนักยาวไปถึงเช้านู่น ไม่ได้กลับบ้านง่ายๆหรอกปาร์คชานยอล

     


     

    “งั้นจะนั่งแท็กซี่กลับ” คนหน้าหวานตาโตก็ดื้อสุดใจขาดดิ้น ไม่เอา วันนี้จะไม่ค้างคอนโดของอี้ฟานเด็ดขาด ไม่มีทาง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไป มือถือในมือก็ถูกดึงไปเสียก่อน มือจะเอื้อมคว้าตามก็ไม่ทันคนที่แย่งไปกดวางสายเสร็จสรรพเรียบร้อย ตากลมโตลุกวาวเตรียมจะโวยวายเต็มที่

     


     

    “นี่วางแผนกันใช่มั้ยห๊ะ? เตี๊ยมกันมาแล้วสินะ อู๋อี้ฟาน”

     


     

    “เค้าเปล่านะชยอล” ปฏิเสธหน้าซื่อตาใส ก็อู๋อี้ฟานไม่รู้เรื่องจริงๆนี่น่า “เค้าไม่รู้เรื่อง”

     


     

    “อย่ามาทำใสๆกลบเกลื่อน วางแผนไว้หมดแล้วสินะว่าจะให้ฉันมาแล้วให้ฉันค้างที่นี่น่ะ? ร้ายกาจที่สุด” ฟาดเข้าไปที่ไหล่ของอีกคนแรงๆสองสามทีระบายอารมณ์ จนคนที่ถูกตีร้องโอดโอยแล้วต้องรวบมือบางที่กำลังกระหน่ำแจกลูกตบลูกตีแบบซัมเมอร์เซลล์อยู่นั่นให้หยุดลง

     


     

    “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย นอนค้างกับเค้าก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่น่าชยอล”

     


     

    “กับนายน่ะมันเป็นที่สุดแล้ว อู๋อี้ฟาน!” สวนกลับไปเสียงดังลั่นก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่แววตานี่คนละเรื่องคนละม้วนกันเลย

     


     

    “ถ้าชยอลจ๋าไม่คิดอะไรมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่นอนค้างบ้านเพื่อนเองนะ”

     


     

    “...”

     


     

    “แต่ที่ชยอลจ๋าไม่ยอมนอนเพราะชยอลจ๋าคิดจะทำอะไรเราน่ะสิ”

     


     

    เดี๋ยวนะ... นี่เราคุยกันเรื่องเดียวกันรึเปล่าวะครับ?!!!!

     


     

    “แหม... ไม่เห็นต้องเขินเลย บอกมาคำเดียว เรายอมอยู่แล้ว”

     


     

    ตายซะเถอะ อู๋อี้ฟาน!!

     


     

    “ย๊า~~~!!

     


     

    “โอ้ย!! ชยอลจ๋าอย่าตีหัวเรา”

     











     

     

    หลังจากวิ่งไล่กวดกันจนเหนื่อยหอบทั้งฝ่ายเจ้าของห้องและแฟนเจ้าของห้อง ทั้งสองคนก็มาสามัคคีกันอีกทีคือตอนกินข้าว อี้ฟานยิ้มเสียจนหน้าบานทั้งๆที่ใบหน้าหล่อๆยังมีทั้งรอยข่วนและรอยตีประดับอยู่ด้วย ก็จะไม่ให้ยิ้มหน้าบานได้ยังไง ฝีมือทำกับข้าวชยอลจ๋านี่ที่สุดในโลกเลยนะ ไม่นับคุณแม่ที่ทำให้ คุณแม่นมที่เลี้ยงมาตอนเด็ก ตอนนี้ฝีมือชยอลจ๋าคือมาวินมากเลยอู๋อี้ฟานบอกตรง ถึงจะเป็นเมนูง่ายๆไม่ซับซ้อนแต่ก็อร่อยเหาะจนบรรยายไม่ถูก กินไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปจนคนทำอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ฝีมือเรานี่มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย โฮะๆๆ

     


     

    “เดี๋ยวเค้าล้างให้เอง ชยอลจ๋าไปพักเถอะ ทำกับข้าวเหนื่อยพอแล้ว”



                  อี้ฟานรีบห้ามเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับจะลุกขึ้นเก็บจาน ร่างสูงปราดมาคว้าจานชามทั้งหมดไว้ก่อนจะทำการยกไปที่ห้องครัวด้วยตัวเอง ชานยอลเองก็ได้แต่ยักไหล่ ดีเสียอีกไม่ต้องล้างเอง ลุกขึ้นเดินไปทิ้งตัวลงหน้าโซฟา กดเปิดรายการทีวี เพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นกลบเสียงฝนที่เทสาดอยู่ด้านนอกอย่างเอาเป็นเอาตาย

     


     

    และแน่นอนว่าเมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน บวกกับอากาศเย็นสบายและความนุ่มของโซฟาที่กำลังนั่งเอนอยู่ด้วย ไม่นับรวมไปถึงพลังงานที่หมดไปกะการวิ่งไล่เจ้าของห้องหน้าหล่อนั่นด้วยนะ ใช้เวลาไม่นานเปลือกตาสีน้ำนมก็ปิดลง อี้ฟานที่เป็นฝ่ายอาสาเก็บโต๊ะล้างจานเรียบร้อยเดินออกมาอีกทีก็เห็นว่าคนรักของตนนั้นนอนหลับหมดพลังงานไปตรงโซฟาเสียแล้ว ขายาวสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มตัวลงนั่งยองๆตรงหน้า มองเจ้าของใบหน้าหวานที่กำลังหลับสนิทก็ยกยิ้มละมุน

     


     

    “ถ้าไม่ใช่เค้า ป่านนี้ชยอลจ๋าโดนจับปล้ำไปแล้วนะรู้มั้ย?”

     


     

    “..”

     


     

    ไม่มีคำตอบจากมนุษย์ที่เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานอีกต่อไป อี้ฟานค่อยๆช้อนตัวของอีกคนขึ้นอุ้ม พยายามทำทุกอย่างไม่ให้กระทืบกระเทือนอีกฝ่ายมากที่สุด เดินตรงไปยังห้องนอน ก่อนจะค่อยๆวางอีกคนลงบนเตียง ให้ร่างสูงโปร่งนั้นทอดตัวนอนยาวอย่างสบาย มือหนาจัดผมด้านหน้าให้กับอีกคนอย่างอ่อนโยนก่อนจะเหลือบซ้ายแลขวา แล้วค่อยเคลื่อนหน้าไปใหล้ก่อนจะกดจูบลงไปแผ่วเบาที่ริมฝีปากอิ่มนั้น

     


     

    “ฝันดีนะคะชยอลจ๋าของเค้า”

     


     

    ห่มผ้าห่มให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพก็เดินออกจากห้องไป ประตูไม้เนื้อดีปิดลงพร้อมกับตากลมที่เปิดขึ้นมาในความมืด ก่อนที่ร่างที่นอนทอดกายนิ่งบนเตียงเมื่อครู่จะขยับฟาดไม้ฟาดมือไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผ้าห่มผืนหนาถูกยกขึ้นปิดคลุมหัวเสียจนมิด ความร้อนปะทุที่ผิวแก้มอย่างชัดเจนชนิดที่ว่าไม่ต้องสัมผัสก็รู้ได้

     


     

    คืออะไร อุ้มมานอน ห่มผ้าให้ ขโมยจูบแล้วบอกฝันดี

     


     

    โอ้ยยยย อู๋อี้ฟานจะมุ้งมิ้งและอบอุ่นเกินไปแล้วนะ

     


     

    ถามว่าชานยอลแกล้งหลับเหรอ? ตอบได้เลยว่าไม่ เค้าหลับไปแล้วจริงๆ แต่ก็มารู้สึกตัวตอนที่ตัวเองกำลังถูกอุ้มอยู่นั่นแหละ ใจจริงก็อยากจะแหกปากโวยวายแต่ก็อยากจะลองดูว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรถ้าเกินเค้าหลับอยู่แบบนี้ ก็เลยเนียนหลับตาไม่ได้หืออืออะไร ก็แอบกังวลอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะว่าถ้าเกิดอี้ฟานคิดจะทำอะไรเค้าขึ้นมาแล้วเค้าจะทำยังไงดี

     


     

    แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากการจูบเบาๆและบอกฝันดี คือแค่นั้นชานยอลก็ตายมากพอแล้ว แล้วคืออะไร พูดนะคะกับเค้านี่คืออะไร โอ้ยยย... อบอุ่นกว่านี้มีอีกมั้ย

     


     

    ทำไมปาร์คชานยอลต้องแพ้ทางมุ้งมิ้งที่อบอุ่นที่สุดในสามโลกด้วยวะครับเนี่ย? -///-

     

     

     
















       



    ช่วงนี้อบร.จะยังไม่มาอัพฟิคนะคะ
    น้องหมาที่บ้านไม่ค่อยสบาย เหมือนจะไปแล้วยังไงชอบกล
    ไม่อยู่ในโหมดมุ้งมิ้งจริงๆค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ
    เอาไว้ถ้าปั่นไหวหรือยังไงเดี๋ยวจะมาอัพนะคะ ^^
    อย่าเพิ่งทิ้งอี้ฟานคนมุ้งมิ้งนะคะ


    #ฟิคมุ้งมิ้ง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×