คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : MY BOYFREIDN IS SO มุ้งมิ้ง :: มุ้งมิ้ง the couple 100% -end-
ถ้าถามชานยอลว่าความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับอี้ฟานเป็นยังไงหลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกัน ก็คงต้องบอกว่าครบรสชาติมากเลยล่ะ ทั้งหวานจนน้ำตาลในเส้นเลือดนี่แทบจะพุ่ง ไม่รู้ว่าอี้ฟานไปขยันหาสารพัดมุขมาจีบมาหยอดเค้าจากไหนนักหนากัน เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้วเถอะในบางที ทั้งดุเดือดเพราะเค้าสองคนก็ตีกันไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่ย้ายเข้ามามีอันต้องเถียงกันอยู่บ่อยครั้งเพราะทันที่ที่เค้าเอ่ยปากอนุญาตให้นอนเตียงเดียวกันได้ อี้ฟานก็จัดการย้ายตัวเองมาอาศัยเตียงเค้าแทบจะทุกคืน ปล่อยให้เหล่าบรรดาริลัคคุมะทั้งคอลเลคชั่นนั้นจับจองพื้นที่บนเตียงของตัวเองไปเสียอย่างนั้น
แรกๆก็มาแค่คนเดียวหรอก แต่หลังๆบางวันก็มีการพกพามานอนกอดด้วยตัวสองตัว เตียงนอนของชานยอลเริ่มถูกรุกรานโดยขบวนการพี่หมีหน้าอึน ทั้งๆที่เตียงของเค้ามันก็ไม่ได้กว้างอะไรมากนัก ผู้ชายสองคนนอนด้วยกันก็เบียดมากพอแล้วยังจะพกพาเพื่อนมารุกรานพื้นที่อีก ฉะนั้นบ่อยครั้งพี่หมีเลยต้องโดนถีบลงจากเตียงหรือโดนปาไปที่อีกฝั่งฝากนึงของห้องด้วยฝีมือของชานยอลนั่นเอง
และพอพี่หมีถูกย้ายลงไปนอนที่พื้น คนมุ้งมิ้งก็หน้าเง้าหน้างอ ไม่พอใจเสียอย่างนั้น แต่ก็นั่นแหละ งอนได้ไม่นาน พอเห็นว่าชานยอลไม่ใคร่จะง้อก็เลยจัดการง้อตัวเอง หายงอนเสร็จสรรพก็มาอ้อนอย่างนู้นอย่างนี้ ชานยอลล่ะเหนื่อยใจ เพลีย จนปลงและตอนนี้เลยเริ่มจะชินไปแล้วกับพฤติกรรมงอนๆหายๆของแฟนตัวเอง
แต่ก็มีบางอย่างที่ชานยอลยังไม่ชินและคิดว่าตัวเองคงไม่ชินง่ายๆ ก็คงจะเป็นการทำความรู้จักกับครอบครัวของอี้ฟานเนี่ยแหละ เฮ้ย เอาจริงๆดิ นี่คบกันมายังไม่ครบปีดี แต่อี้ฟานก็เล่นแนะนำตัวให้เค้ารู้จักกับคุณหม่ามี๊ (โดนบังคับให้เรียกแบบนี้) คุณแม่ยังสาวและยังสวยของอี้ฟาน ที่ถ้าบอกว่าเป็นพี่สาวชานยอลก็เชื่ออ่ะ แต่ถึงจะเป็นการแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการเพราะคุณหม่ามี๊อยู่แคนาดา เราจึงรู้จักกันผ่านเทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ถึงจะคุยกันผ่านโปรแกรมเฟสแชทก็เถอะ คุณหม่ามี๊ก็ดูตื่นเต้นกับลูกสะใภ้(?)เสียเหลือเกิน
“หนูชยอลจ๋าต้องมาหาหม่ามี๊นะลูกนะ โอ่ยย หนูเหมือนตุ๊กตาจังเลยค่ะ หม่ามี๊ชอบจังเลยค่ะคุณฟาน”
ชานยอลคิดว่าชานยอลรู้ล่ะว่าไอ้นิสัยมุ้งมิ้งที่อู๋อี้ฟานมีนี่มันติดมาจากใคร? #เหล่คนที่แคนาดา
“ชยอลจ๋าของผมนะ คุณหม่ามี๊ห้ามแย่งนะ” กอดหมับเข้าที่เอวพลางตีหน้าเข้มใส่บุพการีของตนที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ ไอ่คนตรงกลางอย่างชานยอลก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ มือนึงก็ต้องถือโทรศัพท์อีกมือก็ต้องคอยแกะมือของอีกคนที่เกาะอยู่ตรงเอวออก ไอ้บ้า มากอดกันแบบนี้ต่อหน้าพ่อแม่ได้ยังไงเล่า
“จ้ะ พ่อคนขี้หวง” คุณนายอู๋ย่นจมูกใส่ลูกชายอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันมาหาคนหน้าหวานที่ยังคงยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่อย่างนั้น “ปิดเทอมแล้วหนูชยอลจ๋าแวะมาหาหม่ามี๊ที่แคนาดาหน่อยนะคะ หม่ามี๊อยากเจอ บอกให้คุณฟานพามาก็ได้ค่ะ”
เอ่อ... แคนาดานะครับไม่ใช่ปูซาน พูดเหมือนขับรถสองชั่วโมงถึงอย่างนั้นล่ะ
“อ่า ผมไม่รับปากแล้วกันนะครับ ไม่แน่ใจว่าที่บ้านจะให้ไปไกลขนาดนั้นมั้ย?”
“ว้า~ แย่จัง” ทำปากบุ้ยแบบเดียวกับลูกชายไม่ผิดเพี้ยน “ไม่เป็นไรค่ะๆ เอาไว้หม่ามี๊เคลียร์งานที่นี่เสร็จแล้วจะบินไปหาหนูเองนะคะ คุณฟานต้องดูแลหนูชยอลจ๋าดีๆนะรู้มั้ย หม่ามี๊จะเอาคนนี้เป็นสะใภ้นะคะ ห้ามเปลี่ยนนะ”
เดี๋ยว...เดี๋ยวนะ มัดมือชกกันแบบนี้เลยเหรอครับ?
“ไม่เปลี่ยนแน่นอนค่ะคุณหม่ามี๊ คนนี้คุณฟานรักจริงนะ”
น่าน…. -//////-
“เอ่อ ตอนนี้ที่นู่นดึกมากแล้วใช่มั้ยครับคุณ...เอ่อ คุณหม่ามี๊ ผมว่าคุณหม่ามี๊รีบพักผ่อนดีกว่านะครับ พวกเรารบกวนเวลาคุณหม่ามี๊นานมากแล้ว”
อาศัยช่องว่างนี้ในการปลีกตัว จากที่เคยคุยกันมาหลายสิบครั้ง ชานยอลรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นหวงห่วงและดูแลสุขภาพผิวพรรณและใบหน้าของตนเองมากขนาดไหน และพอได้ยินชานยอลเอ่ยเตือนแบบนั้น คุณนายอู๋ก็รีบกระวีกระวาดบอกลาทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก่อนจะรีบไปเข้านอน ทันทีที่กดวางสายได้ชานยอลก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ก่อนจะก้มลงมองที่เอวของตัวเองแล้วจัดการตีเพี๊ยะลงไปที่มือของอีกคนที่ยังเนียนวางอยู่ที่เดิม
“โอ้ย ชยอลจ๋าตีเค้าอีกแล้ว”
“เนียนตลอด เดี๋ยวนี้หัดเนียนเหรอฮะอู๋อี้ฟาน?” แกะมืออีกคนได้ก็ตีซ้ำไปอีกทีจนคนถูกตีหน้ามุ่ย อี้ฟานลูบมือตัวเองที่โดนตีป้อยๆก่อนจะบ่นงึมงำกับตัวเองออกมาเบาๆ
“ทีเมื่อคืนทำมากกว่านี้ไม่เห็นจะตีเลย”
แล้วคิดว่าชานยอลที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสิบเซนจะไม่ได้ยินเหรอครับ?
“ย๊า!”
“โอ้ย ชยอลจ๋าอย่าตีหัวเค้า”
ต่อให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วยังไงก็ยังตีกันอยู่ดีนั่นแหละ
loading...
หลังจากที่ไปงอแงจนได้พี่คุมะตัวใหญ่ตัวใหม่มาจากมยองดงเรียบร้อยแล้ว แถมได้มาด้วยวิธีการประหลาดๆอย่างการบอกเลิกกับชานยอลแล้วค่อยมาอ้อนจีบใหม่ อี้ฟานก็จัดแจงที่อยู่ให้พี่หมีตัวใหม่ได้พบกับบรรดาสมาชิกครอบครัวที่พลัดพรากก่อนจะหันกลับไปสนใจแฟนใหม่(?)หมาดๆของตัวเอง ชานยอลที่ถึงจะเหนื่อยใจกับนิสัยเด็กๆมุ้งมิ้งๆของอีกคนมากแค่ไหน แต่พอมาถึงตอนนี้แล้วชานยอลก็คิดว่ามันก็ดีไปอีกแบบนะ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองดูมีสีสันกว่าเดิมเยอะเลย
ถึงแม้อี้ฟานจะทำตัวงอแงมุ้งมิ้งให้ต้องเหนื่อยใจอยู่บ่อยครั้ง (แต่คุณฟ่านคิดว่าชยอลจ๋าน่ะเขินจนเหนื่อยมากกว่าต่างหากล่ะ) แต่จริงๆแล้วอี้ฟานก็เป็นผู้ใหญ่และโตมากกว่าที่เค้าคิดอยู่มากนัก สังเกตได้จากการที่อี้ฟานคอยดูแลชานยอลในชีวิตประจำวันแทบจะทุกๆเรื่องตั้งแต่ตื่นนอน ไปรับไปส่ง หรือแม้กระทั่งช่วยทำงาน ทำการบ้านในวิชาภาษาอังกฤษที่เจ้าตัวขยาดนักหนาให้เสร็จไปได้ด้วยดี ไม่ต้องพูดถึงการเทคแคร์เอาใจใส่เล็กๆน้อยๆเวลาอยู่ด้วยกันด้วยแล้ว รวมๆแล้วชานยอลคิดว่าอี้ฟานนั่นดูแลและเอาใจใส่เค้าได้ดีมากเลยทีเดียว
มากเกินกว่าที่เค้าคิดว่าจะได้จากผู้ชายที่ทำตัวมุ้งมิ้งจิงกะเบลบอยไปวันๆแบบนี้ด้วย
“ชยอลจ๋า ตื่นได้แล้วนะคะ เก้าโมงแล้ว”
“ฮื่ออ” คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก็ส่งเสียงครางในลำคออย่างไม่ค่อยชอบใจนักที่ถูกรบกวน ใบหน้าหวานหันหนีไปอีกด้านนึงก่อนจะหลับต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“วันนี้นัดกับคุณแม่คุณพ่อไม่ใช่เหรอคะว่าจะกลับบ้าน? ตื่นก่อนเร็ว เดี๋ยวเค้าไปส่ง”
อี้ฟานไม่ละความพยายามที่จะปลุกอีกคนให้ตื่นนอน ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันหยุดเสารือาทิตย์และอี้ฟานก็คิดว่าคนที่ทำงานโปรเจคหามรุ่งหามค่ำมาตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ควรจะได้นอนหลับให้เต็มอิ่มสมใจอยาก แต่ว่าอี้ฟานที่รับปากกับครอบครัวของชานยอลไว้ว่าจะพาอีกคนไปส่งให้ทันมื้อกลางวันก็ต้องจำใจมาปลุกคนน่ารักที่ตอนนี้ยังนอนหลับคลุมโปงไม่สนใจโลกภายนอกเลยสักนิดเดียว
“งื้อ... ไม่เอา... เค้าจะนอน”
ตอบกลับมาด้วยเสียงอู้อี้เพราะหน้ายังซบอยู่กับหมอนใบนิ่ม อี้ฟานได้แต่ยิ้มขำกับสรรพนามแบบนั้น ใครว่าชานยอลไม่มุ้งมิ้งกันล่ะ จริงๆแล้วคนหน้าหวานนี่ก็ชอบทำตัวน่ารักใช่ย่อยเถอะ โดยเฉพาะเวลาที่ไม่รู้สึกตัวแบบนี้น่ะ หรืออย่างบางที เวลาที่กอดอกทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนจะโกรธอะไรแบบนั้นน่ะ อี้ฟานจะบอกความลับให้เลยนะว่ามันน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัวเป็นไหน ไอ้ปากอิ่มๆที่เชิดขึ้นแบบนั้นน่ะมันน่าจูบให้ช้ำจริงๆเลย แต่จุ๊ๆไว้นะ เดี๋ยวชานยอลรู้ว่ามาบอกแบบนี้ อี้ฟานโดนตีอีกแน่ๆ
“ไม่งอแงสิคะ ตื่นก่อนเร็ว”
ในเวลานอน ชานยอลก็เหมือนเด็กน้อยคนนึงที่ไม่อยากจะตื่น พอโดนกวนมากๆเข้าสุดท้ายก็ต้องยอมลุกขึ้นมาจนได้ ตาโตคู่สวยหลับปรือพร้อมกับร่างที่ถูกดึงขึ้นมาจากเตียงก็โอนเอนไปตามนั้น นิ้วเรียวยาวๆค่อยเขี่ยคราบน้ำตาตามเปลือกตาบางให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะกดจูบเบาๆลงที่ปากอิ่มสีสดนั่นจนเจ้าของปากร้องฮือออกมาอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร
ตอนตื่นนอนน่ะชานยอลเออเร่อสุดๆเลยล่ะจะบอกให้
“ไปอาบน้ำนะคะ จะได้ไปหาคุณพ่อคุณแม่กัน”
“อือ”
ใครว่าอี้ฟานทำตัวเด็กมุ้งมิ้งอยู่คนเดียวล่ะ พออยู่ด้วยกันนานๆ ชานยอลก็เหมือนจะติดนิสัยไปยังไงชอบกล
มื้อกลางวันที่บ้านหลังสีขาวขนาดกลางนั้นดูอบอุ่นขึ้นมากเมื่อบรรดาสมาชิกในครอบครัวมากันพร้อมหน้า ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กที่พ่วงลูกเขย(?)คนเล็กมาด้วย ทั้งบ้านของชานยอลและบ้านของอี้ฟานรับรู้ในความสัมพันธ์ของสองคนนี้ดีอยู่แล้ว เรียกได้ว่าแทบจะสนิทกันไปแล้วด้วยซ้ำสำหรับคุณนายอู๋และคุณนายปาร์ค (ชานยอลแว่วๆได้ยินมาว่ามีนัดจะไปชิม ชม ช้อปกันที่ยุโรปด้วยซ้ำไป) บรรยากาศมื้อกลางวันเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮาเมื่อทั้งหมดได้มาพบเจอพูดคุยกัน ระยะนี้ชานยอลเองก็เรียนหนัก ส่วนพี่ยูราก็ออกท้องที่ทำข่าวเป็นว่าเล่นแทบจะไม่ได้กลับบ้าน หัวหน้าครอบครัวอย่างคุณปาร์คก็มีกิจการคาเฟ่ให้ต้องดูแลเพิ่ขึ้นมาอีกอย่าง คุณนายปาร์คที่อยู่ว่างๆก็หันไปเปิดร้านอาหาร ต่างคนต่างวุ่นวายกับหน้าที่การงานของตัวเอง ทำให้เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตามันลดลงไป มื้อกลางวันนี้แทบจะเป็นมื้อแรกในรอบเดือนที่ทั้งครอบครัวได้กินข้าวพร้อมกันก็ว่าได้
“เนี่ย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จหนูก็ต้องบินไปญี่ปุ่นต่อเลย มีงานเทศกาลที่นู่น บอสอยากให้ไปทำข่าว ก็ว่าจะแวะช้อปปิ้งด้วยสักสองสามวัน” ยูราผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชานยอลและอี้ฟานเอ่ยขึ้นมา เรียกสายตาของคนทั้งบ้านให้หันไปมอง
“อ่าวเหรอ? แม่ก็นึกว่าเราจะกลับมานอนค้างบ้าน แม่กับพ่อนัดกับเพื่อนๆสมัยเรียนไว้ว่าจะไปแข่งขึ้นเขากันที่ชอลลานัม ปีที่แล้วยัยจียอนโม้ไว้เยอะว่าแม่น่ะแก่แล้วอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่มีทางปีนี้แม่ไม่ยอมเด็ดขาด” คุณนายปาร์คว่าด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังอย่างเป็นที่สุด
“แล้วแม่จะไปกี่วันอ่ะ?” ชานยอลที่วันนี้ตั้งใจว่าจะกลับมานอนบ้านก็ต้องหน้าเหวอเมื่อแต่ละคนดูเหมือนจะมีแผนการเที่ยวไว้ในวันหยุดนี้แล้ว
“ก็กลับพรุ่งนี้เย็นๆแหละมั้ง นี่ก็กะว่ากินข้าวเสร็จจะออกเลย”
“สรุปก็คือไม่มีใครอยู่บ้าน?”
“ถูก!” สมาชิกอีกสามคนในบ้านพร้อมใจกันตอบคำถามของชานยอล ก่อนที่คุณปาร์คจะเป็นคนสรุปลงท้ายให้ว่า
“คืนนี้ชานยอลก็กลับมานอนเฝ้าบ้านหน่อยล่ะกัน ไม่มีใครอยู่บ้าน ห่วงบ้าน”
นี่ห่วงบ้านแล้วเคยห่วงลูกกันมั้งมั้ยนะ?
“ยังไงก็ อี้ฟานมานอนเป็นเพื่อนชานยอลหน่อยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว” เป็นยูราที่จบประเด็นได้สวยงาม(?) สวยงามกะผีอะไรล่ะ รู้สึกมั้ยว่าเหตุกันนี้มันคุ้นๆ ชานยอลขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ว่าหางตาขวามันกระตุกรัวๆชอบกล
“งั้นคืนนี้เค้ามาอยู่เป็นเพื่อนแล้วกันเนาะ ^O^”
ชัดเจนเลย....
“ขับรถกันดีๆนะเด็กๆ ไปถึงนู่นแล้วก็โทรบอกด้วย”
หลังจากกอดส่งคุณแม่คนสวยให้ขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว ชานยอลก็ก้มลงเท้าแขนไว้กับขอบกระจกรถเพื่อจะพูดคุยกับคนที่อยู่ด้านใน ใจความประโยคที่น่าหมั่นไส้ทำให้ชานยอลได้รับมะเหงกหนึ่งลูกถ้วนจากผู้เป็นแม่ ก่อนที่รถยนต์คันกลางเก่ากลางใหม่จะขับออกจากหน้าบ้านไป ชานยอลยืนมอง โบกมือให้อีกครั้งแล้วเตรียมหันหลังกลับเดินเข้าบ้านก่อนจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่ออีกคนมายืนซ้อนข้างหลังตอนไหนก็ไม่รู้
“นายจะกลับเลยก็ได้นะ ฉันอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนหรอก” เพราะชานยอลรู้ว่าจริงๆแล้ววันนี้อี้ฟานมีนัดซ้อมบาสกับบรรดาเพื่อนๆในคณะเลยเอ่ยปากบอกให้อีกคนกลับไปเสียแทนที่จะมาขลุกอยู่กับเค้าทั้งวัน แต่อีกคนก็ส่ายหน้าไม่ยอม
“ไม่เอาอ่ะ อาทิตย์นี้ชยอลจ๋าเพิ่งจะว่างมีเวลาให้เค้านะ เราอยู่ด้วยกันดีกว่า”
เพราะว่าโปรเจคที่ยืดเยื้อทำให้ชานยอลแทบไม่มีเวลาให้กับอี้ฟานเลยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ห้องเดียวกันก็จริงแต่ก็แค่นั้นแหละ เพราะกว่าชานยอลจะกลับมาจากการไปทำงานที่ห้องของแบคฮยอนก็ปาเข้าไปตีหนึ่งตีสอง กลับมาก็หมดแรงสลบสไลนอนหลับไปทั้งๆที่ยังไม่อาบน้ำ เดือดร้อนบางครั้งอี้ฟานทนเห็นไม่ได้เลยต้องจัดการเช็ดตัวเช็ดหน้าเพื่อให้นอนหลับได้สบายตัวมากขึ้น แล้วพอเช้ามาก็ต้องรีบตื่นไปเรียน การเรียนในระดับชั้นปีสองของมหาลัยมันยากขึ้นกว่าก่อนมาก พวกเค้าแทบไม่มีเวลาให้กันเลยด้วยซ้ำไป
“อยู่ด้วยกันตลอดเวลาไม่เบื่อรึไง? นายไม่เบื่อเหรอ?” ชานยอลเอ่ยถาม ไม่ใช่ว่าเค้าเบื่ออะไรหรอกนะ เค้าน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่แค่กลัวว่าอีกคนจะเบื่อมั้ยที่ต้องมาเกาะติดกันอยู่ตลอดเวลา เจอหน้ากันตลอด 24 ชั่วโมงขนาดนี้ไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอ
“เว้นระยะให้มีความคิดถึงกันมั้งก็ได้นะ” ชานยอลคิดอย่างนี้จริงๆ ตลอดเวลาเค้าอยู่ใกล้กันตลอดจนแทบจะไม่เคยรู้จักกับคำว่าระยะห่างและความคิดถึงเลยด้วยซ้ำ หากแต่คำตอบทีได้กลับมาจากอี้ฟานก็ทำให้ชานยอลนิ่งคิดไปเหมือนกัน
“ก็แล้วถ้าเรายังอยู่ด้วยกันได้ทำไมเราต้องห่างกันด้วยล่ะคะ? ความคิดถึงน่ะเอาไว้ใช้ในตอนที่เราจำเป็นต้องห่างกันก็พอ เค้ารักชยอลจ๋านะ เค้าเลยอยากอยู่กับชยอลจ๋าทุกวัน”
“...”
“กลับหอไปอยู่คนเดียวก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ นั่งคนเดียว กินข้าวคนเดียว นอนคนเดียว ชยอลจ๋าเคยได้ยินมั้ย ว่ากับคนรักน่ะ ไม่ต้องมีกิจกรรมอะไรร่วมกันมากมายหรอก”
“...”
“แค่อยู่ด้วยกันในทุกๆวัน แค่นั่งข้างๆกันก็พอแล้ว”
นั่นสินะ... บางทีแค่อยู่ด้วยกันมันก็อาจจะพอแล้วก็ได้มั้ง
“งั้นก็ถ้าจะค้างที่นี่ก็ไปเก็บเสื้อผ้ามาไป ไม่ต้องมาใส่ของฉันเลยนะ ไม่อนุญาต” สุดท้ายแล้วชานยอลก็ไม่เคยจะเถียงอะไรอี้ฟานได้สักทีหรอกพอมาถึงไอ้คำพูดประเภทนี้ล่ะน่ะ คนตัวสูงยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกคนมีท่าทีอ่อนลงและยอมให้เค้าอยู่ด้วยในคืนนี้ กระตุกยิ้มนิดๆเมื่อความคิดพิเรนท์ๆอะไรบางอย่างแว่บเข้ามาในหัว
“งั้นเค้าเอาพี่หมีคุมะมาด้วยได้มั้ยคะ?”
“จะเอาอะไรมาก็เอามาเถอะ” ชานยอลพยักหน้าอนุญาตอย่างเพลียๆ “แต่ห้ามเอามารกบ้านฉันนะ”
“ไม่รกค่ะไม่รก เค้าเพิ่งซื้อมาใหม่อันนิดเดียวเอง” คำพูดแปลกๆของคนตรงหน้าทำให้ชานยอลต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะหน้าแดงซ่านเมื่ออีกคนขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกเบาๆ
“ก็ถุงยางลายริลัคคุมะกล่องใหม่ไงคะ เค้ายังไม่ได้แกะใช้เลย”
“ย๊า!! อู๋อี้ฟาน!!! ไอ้คนมุ้งมิ้งหื่นกาม”
“โอ๊ย ชยอลจ๋า เค้าเปล่าหื่นกามน้า~”
ทำไมปาร์คชานยอลต้องได้แฟนมุ้งมิ้งที่ติดจะหื่นกามที่สุดในสามโลกด้วยวะครับเนี่ย?
จบแล้วแต่ก็ยังตีกันจนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ คนมุ้งมิ้งเราไม่หื่นนะ
ก็แค่คิดอะไรก็พูดเลยหงิ ฮ่าา หื่นใสใส ไร้เดียงสา
เรารู้สึกว่าเราเขียนตอนจบแปลกๆแหะ หรือเรารู้สึกไปเอง
เราไม่อยากแต่งแบบให้จบอ่ะ เพราะเรายังอยากให้ทุกคนยังมุ้งมิ้งกับอี้ฟานและชานยอลต่อได้อีก
แต่ถ้าอ่านมาทุกตอนจะสังเกตได้ว่าอี้ฟานจะติดกะชานยอลมาก
คนอ่านอาจจะมีสงสัยว่าแบบทำไมถึงได้ตัวติดกันขนาดนั้น คำตอบอยู่ในตอนจบนะคะ
ก็คนรักกัน อยากอยู่ใกล้ๆกันตลอดเวลานี่หน่าเนาะ >////<
เห้ออออออ จริงๆก็ไม่อยากจบเรื่องนี้ แต่เราต้องไปต่อค่ะ
มีฟิคเรื่องใหม่ (จริงๆก็ไม่ใหม่ เพราะคือเรื่องดอง) อบร.จะไปต่อกับ #ซีอีโอคริสยอล
อย่าลืมติดตามผลงานของเลาด้วยนะ จุ๊บๆ
ติดแท็ก #ฟิคมุ้งมิ้ง + คอมเม้นท์ได้เลยฮับ
ขอบคุณทุกแท็กและคอมเม้นท์ และการสนับสนุนจากทุกๆคนสำหรับฟิคเรื่องนี้ค่ะ
ความคิดเห็น