ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง ♡ KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #10 : MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง :: คนมุ้งมิ้งขี้หึงเลเวลล้าน -ลงแล้ว-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.54K
      24
      7 เม.ย. 57

    Minor!




































    เป็นเรื่องปกติสำหรับทางมหาวิทยาลัยที่จะจัดกิจกรรมนิทรรศการเพื่อให้นักเรียนที่สนใจจะศึกษาต่อได้เข้ามาหาความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับรุ่นพี่ เรียกง่ายๆก็งานโอเพ่นเฮ้าส์นั่นแหละ แต่ละคณะก็จะมีธีมจัดการงานที่ต่างกันไป ไอ้เรื่องการจัดซุ้มจัดอะไรนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเด็กปีหนึ่งอย่างพวกชานยอลหรอกนะ เป็นหน้าที่ของพี่ปีโตๆเสียมากกว่า พวกเค้าก็มีหน้าที่เป็นแค่มัคคุเทศน์

     


     

    พูดให้ดูดีไปงั้นอ่ะแหละ ออกแนวเบ๊ยังไงชอบกลด้วยซ้ำเถอะ

     


     

    “โอ้ย ปวดขาชะมัด”

     


     

    ชานยอลที่เพิ่งพากรุ๊ปนักเรียนกลุ่มใหญ่วนรอบคณะครบก็เดินบ่นปอดแปดกลับมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งที่เพื่อนสนิทร่างเล็กทั้งสองจับจองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว คือมันไม่ใช่งานที่เหนื่อยอะไรมากหรอกที่ต้องพาน้องเดินไปนู่นนี่ แต่มันเหนื่อยตรงที่เค้าต้องคอยดูเด็กๆในขบวน ไหนจะเดินไปหยิบเอกสาร เดินไปเอาน้ำให้น้อง บริการทุกระดับประทับใจ สร้างภาพให้กับนักเรียนที่จะเข้ามาเรียนต่อในคณะนี้แบบสุดๆ มีงานโอเพ่นเฮ้าส์มาสองวันแล้ว ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองได้สะสมกล้ามเนื้อน่องขึ้นมาประมาณสองก้อนเลยล่ะ

     


     

    “นี่เดี๋ยวหมดกรุ๊ปหน้าก็หมดแล้วนี่ เอาหน่า อดทนหน่อยชานยอล เดี๋ยวงานก็เลิกแล้ว”

     


     

    คยองซูตบไหล่เพื่อนตัวสูงเบาๆ เค้าไม่ได้ต้องทำหน้าที่แบบชานยอล ด้วยเพราะถูกรุ่นพี่หน้าหวานอย่างลู่หานที่จริงๆแล้วเป็นพี่รหัสของชานยอลเพียงคนเดียว แต่เหมารวมเอาทั้งคยองซูและแบคฮยอนไปเป็นน้องเทคของตัวเองด้วย ไหว้วานให้ไปเป็นนักร้องนำแทนรุ่นพี่ปีสองที่ป่วยจนเสียงแหบเสียงแห้ง เลยรอดตัวจากการเดินทนเดินอึดท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆแบบนี้

     


     

    “แล้วนี่อี้ฟานอ่ะ?” แบคฮยอนเลิกคิ้วถาม ปกติเห็นจะตัวติดกันตลอดเวลา พอเห็นว่าคนตัวสูงหน้าหล่อแห่งคณะอักษรว่างทีไรก็มาสิงที่คณะนิเทศตลอดเสียจนชินตา แต่พอวันนี้ไม่เห็นก็เลยเหมือนมีอะไรขาดหายไป

     


     

    “วันนี้มีแข่งบาสน่ะ เดี๋ยวก็คงมามั้ง”

     


     

    นี่ก็อีกเรื่องนึงที่ทำให้ชานยอลอารมณ์เสียอยู่หน่อยๆ จริงๆก็ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าไม่เพราะว่าเค้าต้องมาทำหน้าที่นี่เค้าก็จะมีเวลาว่างไปดูอี้ฟานแข่งบาสในช่วงกลางวันนี้ได้ แป๊บนึง... อย่าเพิ่งคิดไปว่าเค้าอยากจะไปเชียร์แฟนตัวเองใจจะขาดอะไรขนาดนั้น ก็แค่หมอนั่นขอให้ไปแล้วเค้าเองก็ทนเสียงง้องแง้งๆที่รบเร้าอยู่ตลอดไม่ไหวด้วยเลยตกปากรับคำไป แต่สุดท้ายก็ต้องมาผิดสัญญาเมื่อพี่ลู่หาน (เจ้าเก่า) มาโยนงานนี้ให้เค้ารับไปเต็มๆ

     


     

    เอาง่ายๆนะ คนมุ้งมิ้งขี้งอนนี่ง้อโคตรยากเลยบอกตรง

     


     

    นั่นแหละ เมื่อเช้ามาบรรยากาศเลยมาคุนิดหน่อย อี้ฟานไปรับเค้าที่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้บกพร่อง แต่ไอ้ท่าทางนิ่งๆ ไม่มาคลอเคลียนัวเนียหรือชวนเล่นกับตุ๊กตามันทำให้ชานยอลเหนื่อยใจ เหนื่อยกับงานก็มากพอแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับแฟนที่แสนจะขี้งอนนี่อีก

     


     

    ไม่เกิดเป็นปาร์คชานยอลไม่รู้ครับว่ามันลำบากแค่ไหน

     


     

    มือเรียวเอื้อมไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงที่วันนี้ดูจะเงียบเหงาผิดปกติ อาจจะเป็นความเคยชินไปแล้วก็ได้ที่อีกฝ่ายมักจะส่งอะไรมาให้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ลายการ์ตูนที่ถึงแม้บางตัวชานยอลจะไม่ชอบเลยจริงๆก็เถอะ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่เงียบเหงาแบบนี้ กดปลดล็อกหน้าจอก็เจอแต่ความว่างเปล่า จนคนหน้าหวานเจ้าของมือถือต้องเบ้หน้าใส่ ก่อนจะกดเลือกโปรแกรมแชทสีเขียวให้เปิดขึ้นมา

     


     

    ทักก่อนก็ได้วะ ชิ

     


     

    PCyeol: ทำอะไรอยู่อ่ะ?

    PCyeol: แข่งบาสแล้วเหรอ?

     


     

    ส่งไปแล้วสองข้อความ รอเวลาสักพักแต่ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเปิดโปรแกรมขึ้นอ่านแต่อย่างใด ตัดใจรออีกสักพักก็ไม่เห็นมีคำที่บอกว่าอีกฝ่ายกดอ่านข้อความแล้วเลยสักนิด พอเป็นแบบนั้นแล้วชานยอลก็ชักจะหงุดหงิด ชักจะเล่นตัวเกินไปแล้วนะอู๋อี้ฟาน

     


     

    PCyeol: นี่ ฉันง้อนายแล้วนะ

    PCyeol: ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ไม่อยากมาหาก็ไม่ต้องมา

    PCyeol: จะไปเต๊าะเด็กแล้ว!!

    PCyeol: sent you a sticker

     



     

    งอนแล้ว!!




    “ชานยอลอ่า น้องกลุ่มใหม่มาแล้ว มารับที” เสียงพี่จองโม รุ่นพี่อีกคนที่เค้ารู้จักและสนิทสนมด้วยพอสมควรตะโกนเรียกมา ทำให้ชานยอลต้องวางมือถือลงและเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะเอ่ยลากับคยองซูและแบคฮยอนที่ต้องแยกไปรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองต่อไป ชานยอลเดินลากเท้าตรงกลับมายังจุดลงทะเบียน เห็นเด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่ในชุดสูทสีเหลืองแล้วก็ต้องถอนหายใจ ไอ้โรงเรียนนี้นี่มันโรงเรียนพวกคุณหนูนี่หน่า โรงเรียนสอนศิลปะและการแสดงไฮโซๆหน่อยอ่ะ ที่มีแต่คนรวยๆกับพวกเน็ตไอดอลเรียน

     


     

    จริงๆชานยอลไม่ได้มีปัญหาอะไรกับโรงเรียนพวกนี้หรอกนะ เค้ามาจากโรงเรียนสหธรรมดา ไม่ได้เรียนร้องเรียนเต้นเฉพาะทาง ที่อยากเข้านิเทศนี่ก็ด้วยใจรักเองล้วนๆ แต่ที่หมั่นไส้ก็คือเด็กพวกนี้มันทำตัวเหมือนเป็นดารานักร้องไอดอลซะเหลือเกิน โน่นไง บางคนก็ทำหัวทอง แดง ฟ้า นู่นหนักสุดเลย สงสัยตัดสินใจไม่ได้จะเอาสีอะไร มันเลยมาครบทุกเฉดสีเลย ชานยอลสูดลมหายใจลึกก่อนจะเดินปั้นหน้ายิ้มหวานเข้าไป ไม่ได้หรอก ขืนทำหน้าเซ็งกะตายเข้าไปล่ะก้อ พี่จองโมได้โบกหัวทิ่มบ่อ

     


     

    “เอาล่ะ นี่พี่ชานยอลนะ พี่เค้าจะมาคอยดูแลและพาพวกเราทัวร์คณะในวันนี้ มีอะไรถามพี่เค้าได้นะครับน้องๆทุกคน” รุ่นพี่หน้าหล่อมือกีต้าร์ประจำคณะส่งยิ้มให้กับทุกคน ก่อนจะพยักเพยิดให้ชานยอลรับช่วงต่อ คนหน้าหวานก็ได้แต่ยิ้มทั้งๆที่ในใจนี่เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน

     


     

    “พี่ชื่อชานยอลนะครับ เรียนอยู่ปีหนึ่ง ถ้าน้องๆมีปัญหาหรือว่าอยากถามเรื่องคณะ ประสบการณ์เข้าเรียนใหม่อะไรแบบนี้ก็ถามพี่ได้นะครับ” ยกยิ้มให้อีกครั้งตามประสารุ่นพี่ที่ดี ก่อนจะเริ่มพาเด็กๆเหล่านั้นเดินทัวร์ในคณะ พาเดินมาหย่อนได้ที่ซุ้มนึงก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ๆประจำซุ้มคอยดูแล ส่วนเค้าก็ยืนรอที่ตรงด้านนอกซุ้มไป

     


     

    ถึงแม้จะมีงานอยู่ตรงหน้าแต่ชานยอลก็มิวายจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเกือบตลอดทุกห้านาที ใบหน้าหวานฉายแววหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่เปิดอ่านข้อความที่เค้าส่งไปสักที กะจะเดินปลีกออกจากวงแล้วโทรหามันให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ แต่พอดีกับที่เจ้าเด็กพวกนั้นเดินออกมาจากซุ้มงานพอดี ชานยอลเลยต้องเก็บมือถือลงไปก่อนและพาเดินต่อไปยังอีกด้านนึง

     


     

    “ถ้าขอถามอะไรนอกเรื่องได้ป่ะ?” ชานยอลว่าตอนแรกเค้าก็เดินนำขบวนอยู่ดีๆนะ ทำไมตอนนี้มีเด็กหัวสีรุ้งมาเดินเคียงข้างแบบนี้ล่ะ จริงๆแล้วกายละเอียดชานยอลอยากจะตอบมากเลยว่าอย่ามาถามนอกเรื่องกูตอนนี้ได้มั้ย คนกำลังหงุดหงิดปั๊ดเดี๋ยวงับหัวขาด แต่ก็นั่นแหละ ชานยอลก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป

     


     

    “ได้สิ ถามว่า” ชานยอลไม่ได้ใส่ใจนักเพราะว่าพวกเค้าก็เดินมาถึงนิทรรศการส่วนถัดไปแล้ว กำลังจะอ้าปากอธิบายให้น้องๆได้ฟังว่างานส่วนนี้คืออะไรแต่ก็...

     


     

    “พี่มีแฟนรึยังครับ?”

     


     

    จู่ๆน้องตัวขาวหน้าตี๋สีหัวประหลาดที่เดินเคียงข้างกันมาก็เอ่ยถามแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาคนที่กำลังจะพูดแนะนำส่วนถัดไปของงานนิทรรศการอึ้งไปทันที แต่ยังไม่ทันที่คนหน้าหวานจะได้ตอบ ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสหนักที่วางซบมาตรงหัวไหล่และฝ่ามืออุ่นที่โอบรอบเอวของตัวเองไว้ ไม่ต้องหันไปมองชานยอลก็พอจะรู้ว่าคนที่มาอ้อนเค้าแบบนี้คือใคร

     


     

    “ชยอลจ๋า เค้าเล่นบาสมาเหนื๊อยเหนื่อยแหละ ชยอลจ๋าเอาใจเค้าหน่อยนะคะ”

     


     

    ถ้าอู๋อี้ฟานจะตอบคำถามของน้องเค้าชัดเจนขนาดนี้แล้วล่ะก็...

     


     

    แต่เดี๋ยวก่อนนะ... คิดว่ามาทำแบบนี้แล้วจะหายโกรธไง?





























    50%
















     

     

    “อะไรของนาย”

     


     

    พูดเสียงนิ่งก่อนจะผละตัวถอยห่างจากอีกคน มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในชุดกีฬาครบเซ็ทเลยทีเดียว เสื้อกล้ามและกางเกงตัวใหญ่ๆขาบานๆของนักกีฬาบาส มีเสื้อยืดสีขาวที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่แขนก็มีปลอกผ้าสวมไว้อยู่ เงยขึ้นมองหน้าของอีกคนก็เห็นว่าอี้ฟานมีทรงผมที่แปลกไปจากเมื่อเช้า คือตอนเช้าเซ็ทมาเป็นทรงปกติหรอก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นรวบมัดจุกอยู่ตรงกลางพร้อมกับมีที่คาดผ้าคาดไว้อยู่ตรงหน้าผากนั้นด้วย

     


     

    คือ... ทำไมหล่อ

     


     

    เฮ้ยเดี๋ยวนะ นั่นไม่ใช่ประเด็นป่ะปาร์คชานยอล ตอนนี้ต้องโกรธดิ ต้องเก๊กหน้าเคร่งขรึมดิว่ะ

     


     

    “งื้ออ ชยอลจ๋าอย่าเย็นชาสิคะ แล้วนี่พาน้องๆทัวร์คณะเหรอ สนุกมั้ย?”

     


     

    ทำเสียงตื่นเต้นเต็มที่เหมือนเป็นเด็กม.ปลายมางานโอเพ่นเฮ้าส์เองเสียอย่างนั้น ชานยอลได้แต่กลอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อมือของอีกคนลามมาโอบไว้ที่รอบเอวของตนในขณะที่สายตาก็สอดส่องมองไปทั่ว ก่อนจะไปหยุดที่เจ้าเด็กหัวสีที่เมื่อกี้อี้ฟานทันได้ยินแว่วๆว่าเด็กมันกำลังจะเต๊าะแฟนเค้า อี้ฟานยกยิ้มเย็นให้กับเด็กคนนั้น เค้าอุตส่าห์รีบวิ่งมาจากสนามบาสแทบตายตอนชานยอลบอกจะไปเต๊าะเด็ก แล้วไหงมีเด็กมาเต๊าะแฟนเค้าวะครับ? งานนี้ไม่ยอมอ่ะบอกเลย อู๋อี้ฟานคนมุ้งมิ้งขี้หวงมากนะจะบอกให้

     


     

    อี้ฟานยืนโอบเอวคนน่ารักไว้นิ่งไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นมาให้ได้ยิน จะจากไหนได้ล่ะถ้าไม่ใช่พวกเด็กนักเรียนสาวๆที่มองมายังอี้ฟานแบบเพ้อๆ คอนเซปต์หนุ่มหน้าหล่อในชุดนักกีฬานี่ไม่ว่าจะกี่ปียังไงก็ได้ใจสาวๆเสมออยู่ดีนั่นแหละ แล้วยิ่งผู้หญิงสมัยนี้นะ นิยมชมชอบคู่วายเอาอย่างมากๆเลยล่ะ ชานยอลว่าเค้าไม่ได้ตาฝาดนะ เค้าเห็นน้องคนนึงในกลุ่มยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปพวกเค้าสองคนไว้แล้วแอบกรีดร้องเบาๆกับตัวเอง

     


     

    ตายล่ะ... นี่เค้ามีชิปเปอร์(?)

     


     

    “ได้ยินที่ผมถามป่ะเมื่อกี้อ่ะ?” ชานยอลที่หลุดออกโลกไปไกลก็หันกลับไปมองหน้าเด็กหัวสีรุ้งอีกครั้งเมื่อถูกทวงถามคำตอบ คนหน้าหวานได้แต่ยิ้มแหย นี่คือไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้วะครับน้อง คือแฟนมายืนคุมยืนกอดเอวขนาดนี้แล้วยังต้องให้ตอบอีกเหรอ

     


     

    “เอ่อ...”

     


     

    “พี่ชานยอลมีแฟนแล้วครับ และแฟนก็หวงมากด้วย ทางที่ดีพี่ว่าน้องอย่าคิดจะลองของเลยดีกว่านะ” กลับมาอีกแล้วกับไอ้น้ำเสียงนิ่งๆกับใบหน้าเย็นชาและรอยยิ้มเย้ยหยันนั้นของอี้ฟาน ถึงแม้ว่าตอนอยู่กับชานยอลจะมุมมิอิ๊อ๊างขนาดไหนก็เถอะ เวลาปกติทั่วไปอู๋อี้ฟานก็คือผู้ชายธรรมดาๆคนนึงเนี่ยแหละ ออกแนวจะขี้หวงขี้หึงมากๆด้วย อี้ฟานไม่ได้อยากจะข่มขู่รุ่นน้องหัวสีนั่นแต่อย่างใดหรอกนะ แต่คิดจะมายุ่งกับของๆเค้า คนของเค้า เห็นทีต้องเคลียร์กันยาวว่ะน้อง

     


     

    “ผมถามพี่ชานยอล พี่ชื่อชานยอลเหรอ?” ชานยอลถึงกับซี้ดปากเมื่อได้ยินคำสวนของเจ้าเด็กหน้าตายคนนั้นที่ตอนนี้กำลังแกะจูปาจุ้บออกมากินอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจไอกลิ่นมาคุที่แผ่รังสีมาจากชายร่างสูงในชุดนักบาสเลยสักนิดเดียว “ว่าไงอ่ะ? พี่จะตอบป่ะ ไม่ตอบจะเหมารวมนะว่าว่าง”

     


     

    นี่กูไม่ใช่แท็กซี่นะ จะได้ว่างแล้วมึงจะโบกขึ้นมานั่งได้น่ะ

     


     

    “เฮ้ย มึงใจเย็นก่อนมั้ยว่ะเซฮุน” น้องอีกคนในขบวนทัวร์เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนชักจะลองดีเกินไปแล้ว เด็กผิวเข้มคนนั้นหันมาก้มหัวให้เค้าเป็นเชิงขอโทษแทนเพื่อนของตนก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “โอ๊ะ ซุ้มว่างแล้ว เราเข้าไปกันดีมั้ยครับ พี่ชานยอลอธิบายเรื่องซุ้มนี้หน่อยสิครับ”

     


     

    พอมีคนโยนทางรอดมาให้ ชานยอลก็ไม่รอช้าจะคว้าเอาไว้ คนหน้าหวานผละออกจากอ้อมแขนของแฟนหนุ่มก่อนจะเดินนำขบวนน้องๆเข้าไปยังในซุ้ม และอี้ฟานเองก็ไม่งี่เง่ามากพอที่จะเดินตามเข้าไป เค้าทำเพียงแค่ยืนอยู่ด้านนอก ปล่อยให้คนรักทำหน้าที่ของตัวเองไป แต่ถึงอย่างนั้นตาคมก็ยังมองตามไอ้เด็กเวรที่ริจะมายุ่งกับชยอลจ๋าของเค้าไม่วางตา คิ้วกระตุกถี่รัวเมื่อเห็นว่าไอ้เด็กคนนั้นขยับเข้าไปเนียนยืนซ้อนด้านหลังชานยอลที่กำลังอธิบายงานให้น้องฟังแบบตั้งอกตั้งใจ สติขาดทันทีเมื่อเจ้าเด็ก เซฮุนนั้นหันมาก่อนจะยักคิ้วส่งให้เค้าสองสามทีราวกับจะเปิดศึก

     


     

    จะไฝว์สินะไอ้เด็กหัวนกแก้ว

     


     

    ไม่รอช้า ขายาวกว่าคนปกติทั่วไปก็ก้าวเข้าไปในซุ้มของคณะนิเทศทันที ปกติอี้ฟานเป็นคนใช้เหตุและผลนะ แต่กับเด็กคนนี้นี่มันคงว่าด้วยเหตุและผลไม่ได้จริงๆ ร่างสูงขยับปราดไปใกล้ชานยอลก่อนจะใช้ร่างกายที่สูงและหนากว่าเบียดให้เจ้าเด็กผอมแห้งนั้นถอยห่างออกไป แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เซฮุนเองก็ไม่ยอมเสียหลักถอยให้อีกคนขยับเข้ามายึดพื้นที่ด้านหลังของพี่ชานยอลไปได้ เลยกลายเป็นว่าในขณะที่ชานยอลพูดร่ายยาวเกี่ยวกับซุ้มกิจกรรม ก็มีผู้ชายร่างสูงต่างวัยสองคนมายืนเบียดแซะไหล่กันไปมา โดยที่คนที่เป็นต้นเหตุไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิด

     


     

    “บอกแล้วไงว่าชานยอลมีแฟนแล้ว อย่ามายุ่ง” คนโตกว่าก็พูดผ่านลอดไรฟัน ในขณะที่ก็ออกแรงดันให้อีกคนกระเถิบออกไป

     


     

    “พี่ชานยอลไม่ได้ตอบ อย่ามาตอบแทนได้ป่ะ?” ดึงจูปาจุ้บออกจากปากก่อนจะสวนกลับไปด้วยหน้านิ่งๆ พยายามทรงตัวไม่ให้เสียหลักล้ม ไม่มีทางซะหรอกที่เซฮุนจะยอมถอยหนีเพราะคำพูดของคนๆเดียว

     


     

    แหงล่ะ... ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นจะให้ยอมไปง่ายๆได้ยังไงกัน

     


     

    “ไม่ได้ตอบแทน ก็พี่เนี่ยแหละแฟนชานยอล เราน่ะออกไป”

     


     

    อี้ฟานพยายามแล้วนะที่จะพูดดีๆกับเด็ก เค้าไม่อยากให้ชานยอลคิดว่าเค้ารังแกเด็ก ใช้ความโตกว่าเข้ามาแกล้งน้องหรอกนะ แต่เด็กบางคนมันก็หน้าด้านหน้ามึนเกินไปป่ะ พูดอ้อมๆ พูดตรงๆ แสดงออกด้วยการกระทำก็แล้วแต่ก็ไม่ยอมถอยสักที เด็กสมัยนี้ทำไมมันใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้วะเอาจริง

     


     

    “ไม่ไป”

     


     

    “ออกไปดิว่ะ”

     


     

    “ก็บอกว่าไม่ไง”

     


     

    เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายอี้ฟานก็ออกแรงเบียดอีกคนอย่างเต็มแรง เซฮุนเองที่โดนเบียดมานานก็เสียหลักเซไปด้านข้าง จะไม่เดือดร้อนเลยจริงถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กแสบนั้นเสียหลักล้มไปชนกับบอร์ดนิทรรศการจนบอร์ดนั้นเซไปชนโต๊ะจัดแสดงงาน และก็เหมือนโดมิโนเกิดขึ้นในทันที ทุกๆอย่างค่อยๆล้มและเลื่อนไปชนอย่างอื่นจนพากันล้มตามๆกันไป เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นพร้อมกับชานยอลหันมาหาตัวต้นเหตุที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ด้านหลังพลางยกมือขึ้นแนบศีรษะสองข้างราวกับจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง ตากลมโตลุกวาวเตรียมจะโวยวายใส่อีกคนเต็มที่ แต่ก็ไม่ทัน...

     


     

    “เฮ้ย!! พวกมึงทำอะไรกันวะเนี่ย?!!!

     


     

    ชิบหาย...

     


     

    ชานยอลบอกได้คำเดียวเลยครับว่าชิบหายทั้งหมู่ทั้งคณะแน่ๆ จะไม่ชิบหายเท่านี้เลยว่าเจ้าของเสียงที่โวยขึ้นเมื่อกี้ไม่ใช่รุ่นพี่สุดโหดอย่างพี่ลู่หาน พี่ลู่หานที่เป็นพ่องานในคราวนี้แหกปากโวยลั่นเมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพบู้ทแสดงงานล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า ตากลมสวยเหมือนกวางกวาดมองหาตัวการก่อนจะก้าวฉับๆเข้ามาหาคนสองคนที่ยืนทำหน้าซีดอยู่ตรงนั้น ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกทั้งร่างเมื่อรุ่นพี่หน้าสวยแต่นิสัยแมนล้ำมากๆนั้นเอ่ยปากถาม

     


     

    “ใครทำ”

     


     

    “เอ่อ...”

     


     

    ชานยอลไม่มีคำตอบให้กับพี่รหัสของตน ได้แต่กลอกตาไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง ดูจากเหตุการณ์เดาได้ไม่ยากเลยว่ามันต้องเป็นเพราะไอ้คนมุ้งมิ้งนี่ทะเลาะกับน้องนกแก้วนั้นแน่ๆ หันหลังกลับมาชานยอลเห็นแค่ว่าน้องเซฮุนเซถลาไปชนกับของและอี้ฟานก็ยืนอยู่ในจุดเกิดเหตุตรงนั้น แต่ถ้าเกิดชานยอลพูดออกไป อี้ฟานก็จะโดนพี่ลู่หานทั้งดุทั้งด่า ดีไม่ดีจะสั่งห้ามไม่ให้ย่างกรายเข้ามาในคณะเลยด้วยซ้ำไป ชานยอลไม่อยากจะเซดว่าพี่ลู่หานน่ะโหดมากแค่ไหน เห็นหน้าสวยๆอย่างนี้ก็เถอะ รวยแข้งมากนะอยากจะบอก ได้ยินมาว่าใครขัดใจป๋าลู่นี่มีได้ปากแตกชิมรสหน้าแข้งพาดคอกันไปแล้วหลายราย

     


     

    “ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่ลู่หาน” สุดท้ายอี้ฟานก็ยอมรับสารภาพ “มันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมแค่ชนน้องเค้านิดหน่อยแล้วเค้าก็ร่วงลงไปเลย” อี้ฟานพูดตามตรง เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเบียดไอ้เด็กนั่นให้ไปชนของพังพินาศแบบนี้สักหน่อย มันผิดพลาดทางเทคนิคต่างหากล่ะ ลู่หานได้ยินแบบนั้นก็หันไปหาเด็กม.ปลายในชุดเครื่องแบบสีเหลืองที่ถูกประคองให้ลุกขึ้นยืน

     


     

    “แล้วนี่ยังไง ขาอ่อนหมดแรงเหรอ ไปทำอิท่าไหนถึงได้ล้มพังของแบบนี้ห๊ะ?” ลู่หานแว้ดเสียงใส่ หงุดหงิดมากเพราะงานนี้มันเป็นความรับผิดชอบของเค้า แล้วดูสิ มีเรื่องอะไรกันไม่รู้ล่ะแต่มาทำให้งานเสียหายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน เซฮุนที่ถูกถามก็ได้แต่ปัดฝุ่นไปตามเรื่องราวก่อนจะตอบ

     


     

    “ไม่ได้ทำสักท่านั่นแหละ แล้วพี่ก็พูดให้เบาๆหน่อยได้ป่ะ เสียงดังไปไหน? หูจะแตก”

     


     

    เฮือก...

     


     

    เรียกว่านักศึกษาปีหนึ่งในบริเวณนั้นหยุดสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเงียบทันที คือไม่มีใครเคยลองของกับป๋าลู่เพราะรู้ดีถึงความเหี้ยมโหดของป๋าแก แล้วเด็กนี่คืออะไร กล้ามากจริงๆที่พูดแบบนั้นกับป๋า เห็นทีบู้ทนี้คงได้ปิดตัวแบบถาวรแน่ๆเพราะสังเกตดูแล้ว พลังการทำลายล้างของลู่หานกำลังจะมา

     


     

    “นี่!!” แต่เซฮุนก็ไม่ยี่หระกับท่าทางเหมือนคนจะระเบิดของรุ่นพี่หน้าสวยแต่เหี่ยวคนนั้นหรอกนะ ขยับเข้าไปใกล้ชานยอลที่ยืนตาเบิกกว้างด้วยทั้งตกใจและอึ้งอยู่ตรงนั้นก่อนจะเอ่ยถามตรงๆ

     


     

    “สรุปว่าผู้ชายคนนี้แฟนพี่ป่ะ?”

     


     

    “... อืม ใช่” ชานยอลตอบกลับไปเสียงเบา ไม่ได้เขินไม่ได้อายอะไรหรอกนะ แต่คือตอนนี้สายตาของคนในบริเวณนั้นทั้งหมดหันมามองเค้าเป็นจุดเดียวแบบนี้จะให้แหกปากยอมรับหน้าชื่นตาบานก็ใช่เรื่องไง อี้ฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้จะยิ้มหน้าบานก่อนจะยักคิ้วส่งให้เด็กนั่นสองทีด้วยท่าทีเหนือกว่า ก่อนจะต้องสลดลงเมื่อลู่หานมองมาแบบคาดโทษ

     


     

    “นี่อย่าบอกนะว่าเถียงกัน เบียดกันจนงานพังนี่เพราะไอ้ยอลเนี่ย?” ลู่หานเอ่ยถามพร้อมกับมองสลับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปมา เซฮุนดึงจูปาจุ้บออกจากปากก่อนจะหันมาตอบคำถามด้วยท่าทีและหน้าตาที่กวนฝ่าเท้าจนสุดจะบรรยาย

     


     

    “เห็นแล้วยังจะถามอีกทำไมวะพี่? แปลกใจอ่ะดิ ไม่เคยมีคนแย่งก็งี้” หันกลับไปคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองที่ตกอยู่ก่อนจะบอกลาเพื่อนแล้วเดินออกจากซุ้มไปแบบไม่รอใครใดๆทั้งสิ้น ลู่หานที่อ้าปากค้างไปกับคำสบประมาทของเซฮุนก็เพิ่งจะได้สติ มือน้อยๆสั่นด้วยความโกรธก่อนจะแหกปากลั่น

     


     

    “หนอยไอ้เด็กเวร! กล้าพูดยังงี้ได้ยังไง กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!” แล้วร่างของรุ่นพี่หน้าสวยคนโหดก็ก้าวจ้ำๆออกจากบู้ทตามเด็กแสบคนนั้นไป ลมหายใจของทุกคนก็ถูกปล่อยออกมาราวกับกักเก็บไว้นาน ชานยอลได้แต่ก้มหัวขอโทษให้กับเพื่อนๆพี่ๆร่วมคณะในบู้ทก่อนจะหันมาตีหน้าเข้มใส่คนข้างกาย ออกแรงดึงรั้งท่อนแขนใหญ่ให้เดินตามตัวเองมา ให้ตายเถอะ อู๋อี้ฟานมาทำให้งานเค้าพังแบบนี้ เห็นทีต้องเคลียร์แบบยาวๆ

     


     

    พอลากอีกฝ่ายให้เดินพ้นออกมาจากที่จัดนิทรรศการได้แล้ว ชานยอลที่หน้าบูดบึ้งมาตลอดทางก็หันไปยืนกอดอกก่อนจะมองอีกคนตาเขียวปั๊ด ฝ่ายอี้ฟานที่รู้ว่าคราวนี้ตัวเองทำเกินไปจริงๆก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ พยายามจะขยับตัวเข้าใกล้อีกฝ่าย เอื้อมมือไปจะจับกับมือนิ่มแต่ก็โดนปัดออกอย่างไร้เยื่อใย

     


     

    “ทำไมทำแบบนี้ห๊ะอี้ฟาน? เถียงกันทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้ นี่มันงานใหญ่นะ เบียดจนน้องเค้าล้มไปชนงานพังไปหมดทั้งแทบแบบนั้นน่ะ แย่ที่สุดเลย" โวยใส่อีกคนชุดใหญ่ ชานยอลไม่รู้หรอกว่าเถียงกันเรื่องอะไรแต่ทะเลาะกันจนเกิดความเสียหายแบบนี้คนซวยมันคือเค้าไง นี่มันงานของคณะ ชานยอลรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดที่กลายมาเป็นต้นเหตุให้เพื่อนๆและพี่ๆต้องมาวุ่นวายคอยเก็บกวาดให้

     


     

    “ก็...เด็กนั่นมันจะจีบชยอลจ๋าอ่ะ”

     


     

    “แล้วยังไง? ใช่เรื่องมั้ยต้องไปเถียงกับน้องเค้า น้องเค้าก็แค่เล่นๆหรอกน่า ไม่ได้จะจีบจริงจังอะไรสักหน่อย นายอย่างี่เง่าได้ป่ะ” ชานยอลไม่อยากจะอารมณ์เสียใส่อีกคนเลยจริงๆนะ แต่นั่นแหละ พอเห็นว่าชานยอลเริ่มจะหงุดหงิด อี้ฟานก็ได้แต่ตีหน้าเศร้าก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหงอยๆ

     


     

    “ก็ชยอลจ๋าบอกชยอลจ๋าจะไปเต๊าะเด็กอ่ะ เค้าไม่ยอมนะ ทำไมชยอลจ๋าใจร้ายกับเค้าแบบนี้อ่ะ” ใบหน้าหล่อๆงอลงอย่างเห็นได้ชัด ปากอิ่มเบะออกจากกัน ทำท่าทางราวกับจะร้องไห้

     


     

    “เค้าหวงชยอลจ๋าของเค้าหนิ ก็เค้ามีชยอลจ๋าแค่คนเดียว จะยอมให้ใครมาจีบได้ยังไงเล่า”

     


     

    “...”

     


     

    “ชยอลจ๋าอย่าว่าเค้างี่เง่าดิ ไม่รักไม่หวงก็ไม่งี่เง่าหรอก”

     


     

    น่านไง... อยากจะตบเข่าฉาดจริงๆเลย ทำไมมันมาลงอิหรอบนี้อีกแล้วว่ะครับคุณผู้ชมมมม -////-

     


     

    คนที่ได้ยินคำบอกรักออกมาอีกครั้งก็ได้แต่กลอกตาขึ้นฟ้า เอาอีกแล้วอ่ะ ชานยอลโคตรเกลียดตัวเองแบบจริงจังอ่ะ ทำไมพอได้ยินประโยคแบบนี้ทีไรแล้วต้องไปไม่เป็นทุกทีเลยวะครับ คือควรจะชินแล้วได้ป่ะ คบกันมาตั้งหลายเดือนแล้วอี้ฟานก็ขยันหยอดแบบนี้ตลอด แล้วทำไมต้องเขินทุกทีที่ได้ฟังด้วยวะครับเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองเลย

     


     

    “แต่นายทำผิด จะยังไงนายก็ผิด เมื่อกี้ก็ไม่ทันได้ขอโทษน้องเค้ากับคนในซุ้มเลย กลับไปขอโทษคนอื่นเดี๋ยวนี้นะ” ไม่ได้ๆ ชานยอลจะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว ใจอ่อนมากๆอี้ฟานก็ได้ใจหมด ไม่มีทาง เค้าจะตีบทโหดให้ดูเลยคราวนี้ “แล้วนี่ ส่งไลน์ไปทำไมไม่อ่าน ทำไมไม่ตอบ? เรื่องนี้ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะ”

     


     

    “เค้าแข่งบาสอยู่ไง ไม่ได้แตะมือถืออ่ะ กว่าจะเห็นก็ตอนแข่งเสร็จ ก็รีบวิ่งมาหาชยอลจ๋าเลยนะ ชยอลจ๋าอย่าโกรธสิคะ โกรธแล้วไม่น่ารักเลยนะ”

     


     

    “...”

     


     

    “แล้วจริงๆนะ ได้ข่าวว่าเค้าต้องโกรธชยอลจ๋าต่างหากนะ ไม่ไปเชียร์เค้าที่ข้างสนาม แถมยังมาทำตัวน่ารักให้เด็กมาเต๊าะอีก นี่งอนนะจะบอกให้”

     


     

    เดี๋ยวๆ ทำไมคดีพลิก??

     


     

    “ง้อเค้าเลยนะ ทำให้เค้าหึงแบบนี้ต้องรับผิดชอบนะคะชยอลจ๋า” ยังไม่ทันจะได้คิดว่าต้องรับผิดชอบแบบไหน ริมฝีปากอิ่มที่พูดแจ้วๆเมื่อกี้ก็กดทับลงมาทันที คนที่ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่นิ่งค้างไป ปล่อยให้อีกคนแทะเล็มกลีบปากบางของตัวเองไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกคนถอยห่างและกระซิบเบาๆที่ข้างหูนั่นแหละ

     


     

    “เดี๋ยวเค้าไปช่วยคนอื่นเก็บซุ้มก่อน แล้วจะมาให้ชยอลจ๋าง้ออีกทีนะคะ”

     


     

    ทำไมปาร์คชานยอลต้องมาง้อคนที่มุ้งมิ้งที่ขี้หึงสุดในสามโลกทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยวะครับเนี่ย? -///-

     



















    #ฟิคมุ้งมิ้ง


    ทำไมมันมาจบแบบนี้วะคะ... อบร.ก็ไม่เข้าใจค่ะ
    อย่าถามหาอะไรมาก เนื้อเรื่องกะชื่อบทไม่ได้เข้ากันเลย ฮ่าๆ
    เอาเป็นว่าอย่าใส่ใจเลยว่าตอนมันชื่ออะไร อ่านเอาความมุ้งมิ้งล่ะกันเนาะ



    ตอนนี้อบร.กำลังสำรวจความเห็นเรื่องรีปริ้นท์ #มชวคริสยอล นะคะ
    ใครสนใจ อยากได้ คราวที่แล้วสั่งไม่ทัน
    คลิกเลย






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×