ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง ♡ KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #2 : MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง :: จุดเริ่มต้นความมุ้งมิ้ง -ลงแล้ว-

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 57


    Minor!




















     

    ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบมุ้งมิ้งมุ้งมิ้งนี่มันเริ่มมาจากไหน ปาร์คชานยอลก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน จำได้แค่ว่าตอนที่เพิ่งเข้ามหาลัยมาใหม่ๆ ตอนที่ยังเป็นเฟรชชี่ก็มีกิจกรรมละลายพฤติกรรม จับนักศึกษาใหม่ทั้งหมดชั้นปีให้มาร่วมทำกิจกรรมกันโดยไม่แบ่งแยกคณะแต่อย่างใด ตอนนั้นชานยอลก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในสายเดียวกันจะเป็นผู้ชายที่มุ้งมิ้งจิงกะเบลได้ขนาดนี้

     


     

    อี้ฟานก็ดูเป็นผู้ชายปกติทั่วไป ทั่วไปมากๆจนชานยอลไม่ได้คิดอะไร เราสองคนก็ทำความรู้จักกันในฐานะเพื่อนใหม่ ไถ่ถามก็ได้ความมาว่าอีกฝ่ายเรียนอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ส่วนตัวชานยอลนั้นเรียนคณะนิเทศ เอกดนตรีและการขับร้อง คริสเป็นคนจีนที่ไปเติบโตที่แคนาดา ส่วนชานยอลนั้นเกาหลีแต่กำเนิด เติบโตมาในย่านฮงแด วันนั้นทั้งสองคนก็สนิทกันในฐานะเพื่อนร่วมทีมร่วมสาย มีแลกเบอร์ติดต่อเอาไว้ตามประสาและชานยอลก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรตามมาจากนั้น

     


     

    จนกระทั่งโปรแกรมแชทสีเขียวหน้าตาคุ้นเคยก็มีข้อความจากคนที่ไม่คุ้นปรากฏขึ้นมา

     


     

    WKris: ชยอล?

     


     

    หืม... ใครมันบังอาจเรียกท่านชานยอลคนนี้ว่าชยอล มันดูแอ๊บแบ๊วไปนะ

     


     

    PCyeol: นี่ใครอ่ะ?

    WKris: คริสไง อักษรน่ะ

    PCyeol: อ๋อ...

    PCyeol: ทำไมเรียกเราว่าชยอล? มันดูตลกนะ L

    WKris: ไม่เห็นตลกเลย น่ารักออก ^^

    PCyeol: -.,-

    WKris: นี่ๆ เรามีอะไรจะบอกชยอลด้วยนะ แต่วันนี้ยังไม่ได้บอก

    PCyeol: ชยอลอีกล่ะ -.,- มีอะไรอ่ะ

    WKris: เราว่าเราจะจีบชยอลอ่ะ ชยอลยอมมั้ย?

     


     

    หืมมมมมมมมม

     


     

    สาบานว่าวินาทีนั้นชานยอลนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงดีๆ ก็เกิดวาปลงมานอนที่พื้นข้างเตียงเสียอย่างนั้น ตอนนั้นคือไม่เจ็บเพราะความตกใจมันมีมากกว่า แต่คือช็อค คืออะไร คือไอ้ผู้ชายหน้าตาดีแบบดีมากๆชนิดที่ว่าผู้ชายอย่างเค้าเองยังต้องยอมรับในความหล่อของมันมาบอกว่าขอจีบ โอ้มายบุดดา เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้วะครับ

     


     

    PCyeol: ทดลองเป็นตลกคาเฟ่เหรอ? ไม่ขำเลยนะคริส

    WKris: แล้วใครบอกเราขำล่ะ? จริงจังนะ จริงจังมากด้วย

    WKris: sent you a sticker

     

     


     

    -.,-

     

    มันยังจะมีการส่งสติ๊กเกอร์มาให้ดูอีก

     

     

    PCyeol: ไปนอนเถอะ ดูท่าจะเพ้อมากล่ะ

    WKris: เราเปล่าเพ้อนะ พรุ่งนี้เราจะไปจีบชยอลจริงๆนะ

    PCyeol: เอาเถอะ คิดว่าดีก็ทำไป

    PCyeol: แค่นี้นะ สวัสดี

     


     

    แล้วปาร์คชานยอลก็กดปิดเครื่องปิดมือถือไปไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก กิจกรรมที่ทำมาตลอดวันมันทำให้เค้าเหนื่อยสะสมมากเกินกว่าจะใส่ใจกับอะไรอื่นๆไปมากกว่านั้น ลืมตาตื่นมาอีกทีก็วันใหม่และชานยอลก็มีเรียนเช้าในวันนี้ด้วย ร่างโปร่งสะพายกระเป๋าใส่รองเท้าเดินออกจากบ้านอย่างไม่เร่งรีบนัก พอมาถึงคณะก็ทักทายกับเพื่อนๆที่ทำความรู้จักกันไว้ตั้งแต่ตอนรับน้องใหม่ๆ ด้วยเพราะนิสัยที่เป็นมิตร ชานยอลจึงสนิทกับคนอื่นได้ไม่ยากเลย

     


     

    “เออ เห็นว่าวันนี้จะมีประกวดดาวเดือนคณะนี่ ชานยอลไม่ได้ลงประกวดเหรอ?”

     


     

    คยองซู เพื่อนตัวเล็กตาโตที่มีพื้นที่สีขาวจำนวนมากอยู่ในตาสวยๆคู่นั้นเอ่ยถามในขณะที่พวกเค้ากำลังเดินลงไปยังโรงอาหาร คนที่ถูกถามได้แต่ส่ายหน้า น่าเบื่อจะตายชักถ้าต้องเข้าร่วมกิจกรรมอะไรแบบนั้น ให้ร้องเพลง ให้เล่นดนตรีอ่ะได้นะ แต่ให้ไปเดินโฉบไปโฉบมาอวดหน้าตานี่ชานยอลไม่ไหวอ่ะ

     


     

    “เค้าว่าคนที่ลงเดือนของอักษรนี่อย่างหล่อเลยนะ” เป็นเสียงของเพื่อนร่วมคณะอีกคนอย่างแบคฮยอน ที่ยื่นหน้าเข้ามาในบทสนทนา หน้าตาดูมีเลศนัยพร้อมกับคำพูดนั้นทำให้ชานยอลตงิดๆขึ้นมาไม่ได้

     


     

    “อ๋อ ใช่คนนั้นป่ะ? คนที่เค้าบอกว่ามาจากแคนาดา”

     


     

    เอ๊ะ ชักจะคุ้นๆ

     


     

    “ชื่อเรียกยากๆอ่ะ อู๋ๆ สักอย่าง”

     


     

    “อู๋อี้ฟาน?”

     


     

    ชานยอลลองเสี่ยงดวงเอ่ยไปก็ไม่ได้คิดว่าจะใช่ แต่พอสายตาของเพื่อนสองคนหันกลับมามองเท่านั้นล่ะ อยากจะตบปากตัวเองสักสิบที คือสายตาของแบคฮยอนกับคยองซูนี่เหมือนสิงโตเจอเหยื่อมากอ่ะ คือมองชนิดที่ว่าแสกนไปถึงกระดูกภายใน แบคฮยอนปราดมาล็อกแขนไว้แน่นก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงหวานแต่แฝงความน่ากลัวไว้จนชานยอลต้องขนคอลุกชัน

     


     

    “ไปรู้จักกันตอนไหน? เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะปาร์คชานยอล”

     


     

    แต่ยังไม่ทันที่ปาร์คชานยองจะได้ชี้แจงแถลงไข เสียงฮือฮาที่ดังมาแบบไม่รู้สาเหตุก็เรียกสายตาและความสนใจของพวกเค้าสามคนไปได้ ชานยอลเพ่งสายตามองไปก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าอะไรกำลังเดินมาตรงหน้า

     


     

    ชิบหาย... หนีก่อนได้ป่ะครับ

     


     

    แต่เคยป่ะ พอคิดจะหนีอะไรแล้วมันไปไม่ได้ตามใจนึกอ่ะ แค่คิดจะขยับร่างกาย ไอ้คนที่เดินตรงมาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว

     


     

    ปาร์คชานยอลจะไม่เดือดร้อน จะไม่เดือดร้อนเลยจริงถ้าคนที่มาหาเค้าไม่ใช่คนที่กำลังอยู่ในบทสนทนา ไม่ได้อยู่ในความสนใจของคนทั้งโรงอาหาร และไม่ได้ทำตัวเด่นด้วยการอุ้มตุ๊กตาตัวใหญ่เท่าสามคนโอบมาให้เค้าแบบนี้ คือแค่ตุ๊กตาก็เด่นมากพอแล้วมั้ย ทำไมต้องเพิ่มความโดดเด่นดึงดูสายตาประชาชีด้วยลูกโป่งสีชมพูอีกสามลูกที่ผูกไว้ตรงข้อมือด้วยวะครับ

     


     

    “ชยอลอ่า... เราเอาคุณหมีมาจีบชยอลแล้วนะ คบกับเรานะ”

     


     

    เฮลโหลลลลลลลล ดูหนังหน้ากูหน่อยมั้ยครับว่าโอเคมั้ยกับอะไรแบบนี้

     


     

    “ทำอะไรของนาย? เอาออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”

     


     

    ชานยอลพูดลอดไรฟันเมื่ออีกคนยื่นตุ๊กตาหมีตัวอ้วนกลมในอ้อมแขนมาให้ อี้ฟานเบี่ยงหน้าออกจากด้านหลังหัวอันใหญ่โตของคุณหมีพลางส่งยิ้มกว้างมาให้ ให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลอยากจะลงไปดิ้นกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อวานก็ไม่ได้คิดว่ามันจะจริงจังอะไรขนาดนั้น คิดว่ามันแค่แกล้งหยอกเล่นด้วยซ้ำไป

     


     

    แต่นี่อะไร? ตุ๊กตาหมีที่ไม่เข้ากับเบ้าหน้าโหดๆของมึงนี่คืออะไรวะครับ -.,-

     


     

    “ก็ชยอลบอกว่าคิดว่าดีก็ทำไป นี่ไงเราคิดว่าดีแล้ว เราอุตส่าห์เอาคุณหมีมาจีบเลยนะ” ใครก็ได้บอกทีว่านี่มันผู้ชายคนเดียวกะที่เค้ารู้จักเมื่อวานป่าววะครับ คืออี้ฟานที่รู้จักเมื่อวานคือหล่อมาก แมนมาก เล่นเกมอะไรชนะตลอด อยู่นิ่งๆก็หล่อ ไม่ต้องทำอะไรก็หล่อ แค่เหงื่อออกแล้วมันยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อสาวๆยังกรี๊ดถล่มทลาย

     


     

    แล้วนี่อะไร มายืนกอดตุ๊กตากลางโรงอาหารแบบนี้ ถามจริงว่าสติออบซอรึเปล่า?

     


     

    “ก็ไม่ได้คิดว่าจะทำจริงๆนี่ เอาออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ชานยอลขึ้นเสียงนิดๆพอเห็นว่าคนอื่นๆในโรงอาหารยังคงให้ความสนใจเค้าไม่เลิก มือสองมือที่ยื่นตุ๊กตาหมีมาตรงหน้าตกลง พร้อมกับใบหน้าหล่อๆที่เพิ่งจะเห็นได้ชัดตอนที่เจ้าหมีตัวปัญหาลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นแล้วนั้นบู้ลงอย่างเห็นได้ชัด

     


     

    “ชยอลไม่ชอบตุ๊กตาที่เราเอามาให้เหรอ?”

     


     

                    “อืม... ไม่ชอบ” ใครจะชอบวะถามจริง ชานยอลเป็นผู้ชายนะครับ เป็นผู้ชายปกติที่ไม่นิยมความมุ้งมิ้งในแก่นสารชีวิตแต่อย่างใด คือจะมาจีบชานยอลอ่ะไม่ได้ว่าหรอก เค้าชินแล้วที่จะมีทั้งผู้หญิง ผู้ชายเข้ามาจีบ แต่นี่คือแบบ เฮลโหล... เอาตุ๊กตามาจีบ นี่ไม่ได้อยู่โรงเรียนอนุบาลสามขวบห้องดอกทานตะวันนะครับทุกคน

     


     

                    “แย่จัง”

     


     

                    “...”

     


     

                    “เราอยากให้คนที่เราชอบ ชอบในสิ่งที่เราชอบด้วย”

                   


                    วี้ดวิ้ววว~~~~

     


     

                    ตามนั้น พอจบประโยคของไอ้คนที่ยืนถือหมีหน้ามุ่ยๆอยู่นั่น ทั้งโรงอาหารก็พากันส่งเสียงผิวปากเอ่ยแซวทันที ลำพังคนอื่นแซวน่ะชานยอลไม่อายเท่าไหร่ แต่ไอ้เพื่อนตัวเล็กเสียงดีสองคนที่ไปยืนแท็กทีมชี้ไม้ชี้มือมาทางเค้าแถมทำท่าซุบซิบนินทาด้วยตาที่เป็นประกายแบบนั้นมันคืออะไรวะครับ? คนที่ถูกสารภาพกลางโรงอาหารก็ได้แต่หันรีหันขวางไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า ตัดสินใจก้าวถอยหลังแล้วรีบสาวเท้าเดินหนีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นวิ่งเมื่อได้ยินเสียงเรียกไล่หลัง

     


     

                    “ชยอลจ๋า... รอเค้าก่อน~~~

     


     

                    และตั้งแต่นั้นมา ในสารบบชีวิตของปาร์คชานยอลก็มีผู้ชายที่ชื่ออู๋อี้ฟานเข้ามาข้องเกี่ยวแบบห้ามไม่ได้ ในทุกวันๆไม่ว่าจะเป็นก่อนเข้าเรียนบ้างล่ะ หลังเลิกเรียนบ้างล่ะ ชานยอลก็มักจะได้ของอะไรน่ารักๆที่บอกเลยว่ามันไม่เข้ากับชานยอลสไตล์อย่างแรง บางวันก็เป็นช็อคโกแลตรูปหัวใจ บางวันก็เป็นพวงกุญตุ๊กตาแมวน้ำน่ารักๆ หรือว่าจะเป็นการ์ดสีชมพูหวานเลี่ยนชวนจะเป็นลมที่เขียนข้อความแบ๊วๆตามสไตล์ของอีกคน

                   


                    ซึ่งชานยอลอยากจะย้ำอีกทีว่ามันไม่เข้ากันเลยสักนิด

     


     

                    คือชานยอลไม่ใช่ผู้ชายมุ้งมิ้งขอบอกไว้ก่อน เกิดและโตมาโดยต้องตกเป็นตุ๊กตาให้พี่สาวเล่นจับแต่งตัว ใส่กระโปรงแต่งหน้านี่ก็คือรันทดพอแล้วป่ะ พอเริ่มจะรู้ประสีประสาก็ไม่ยอมตกเป็นบาร์บี้อีกต่อไป ชานยอลเลือกที่จะเดินสายทางดนตรี ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเท่ห์และแมนที่สุดในความคิด ก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปข้องแวะข้องเกี่ยวอะไรที่มันแบ๊วๆแบบนี้แน่นอน แฟนที่เคยคบกันมาก็มีอันต้องเลิกราด้วยซ้ำไปเพราะเค้าทนอะไรที่มันหวานแหววแบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

     


     

                    แล้วนี่อะไร ตุ๊กตา คำหวาน ช็อคโกแลตไม่รวมไปถึงไอ้สติ๊กเกอร์ไลน์บอกรักที่ส่งมาแทบจะทุกชั่วโมงนี่มันทำน้ำตาลในเส้นเลือดของชานยอลจะขึ้นเอาง่ายๆนะ

     


     

                    “บอกกี่ทีแล้วว่าไม่ต้องเอามาให้ ไม่ชอบ”

     


     

    ชานยอลหอบสารพัดตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยที่อีกคนขยันเอามาให้เหลือเกินมาวางทิ้งไว้ตรงกลางหนังสือที่เจ้าของกำลังนั่งอ่านอยู่ อี้ฟานที่ก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่เมื่อครู่นี้ก็เงยขึ้นมา ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใคร แต่อย่าคิดว่าจะได้ยิ้มหวานๆตอบกลับไป ชานยอลกำลังทำหน้าเซ็งกะตายกลับไปต่างหาก

                   


                เอาเป็นว่าถ้าหน้าอู๋อี้ฟานเป็นแบบนี้ ^O^

                หน้าของปาร์คชานยอลจะคือแบบนี้  -______________-

     


     

                    “ทำไมล่ะ? น่ารักดีออก”

     


     

                    “ฉันไม่ได้ชอบของน่ารักๆ ไม่ได้ชอบของอะไรแบบนี้ เลิกเอามาให้ได้แล้ว” ชานยอลพูด ไม่ใช่ว่าเค้าจะปฏิเสธอะไรอีกคนหรอกนะ แต่เค้าไม่ชอบเลยจริงๆกับการที่มีของจำพวกนี้วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ปาร์คชานยอลเป็นมนุษย์ประเภทเกลียดกลัวตุ๊กตา หวาดผวากับคิตตี้และแอนตี้กับของมุ้งมิ้งที่สุดในโลก

     


     

                    “แต่ว่าเราจีบชยอลนะ”

     


     

                    “โอ้ยยย จีบแบบอื่นได้ป่ะล่ะ? เอาตุ๊กตามาให้แบบนี้ ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะจะได้ชอบ”

     


     

    ยิ่งเห็นอีกคนทำหน้างงใส่ชานยอลก็ยิ่งอยากจะปรี๊ด โอ้ยยย นี่ชานยอลจะไม่ทำเล่นตัว ฟอร์มเยอะฟอร์มจัดอะไรหรอกนะ ก็บอกกันตามตรงว่าที่อีกฝ่ายตามจีบมาเกือบสองเดือนแบบนี้มันก็มีหวั่นไหว มีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจบ้างแหละ แต่แบบช่วยรุกคืบมากกว่านี้ได้มั้ย ช่วยเดินหน้าหน่อยได้ป่ะ? จีบด้วยตุ๊กตามาสองเดือนแล้วไม่คิดจะทำอะไรอย่างอื่นเลยรึไงกัน?

     


     

                    หรือต้องให้เค้าเป็นฝ่ายเริ่มกันวะครับ?

     


     

                    “จีบแบบไหนล่ะ? ชยอลอยากให้เราจีบแบบไหน?”

     


     

                    “ก็แบบชวนไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเดทอะไรแบบนี้อ่ะ ทำเป็นป่ะอู๋อี้ฟาน? ที่แคนาดาไม่ได้สอนมารึไง?! จะจีบคนอื่นทั้งที่ทำไมต้องให้มาสอนด้วยวะ โว๊ะ!” โวยออกไปจนลมหมดปอดแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คว้าแก้วน้ำของอีกคนมาดูดอึกใหญ่ๆแล้วถอนหายใจออกมาดังเฮือก กว่าจะรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้างแล้วก็ตอนที่อีกคนโผล่หน้ามาให้เห็นพร้อมกับยิ้มกว้างแบบเดิม

     


     

                    เออ ไอ้ยิ้มประเภทตาปิด แล้วแก้มหยีจนขึ้นขีดเป็นแมวแบบนั้นน่ะแหละ

     


     

                    “ก็ไม่บอกแต่แรก ว่าชยอลอยากให้เราจีบแบบนี้... งั้นไปเดทกันนะ วันนี้ไปเดทกัน” ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋า กวาดตุ๊กตาลูกรักใส่กระเป๋าเป้แล้วหยิบมาสะพายไว้ ก่อนจะกุมมืออีกคนที่กำลังทำหน้าเหลอหลาให้ลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังที่จอดรถหลังคณะที่เค้าจอดรถคันโปรดไว้เมื่อเช้า

     


     

                    “เดี๋ยวๆ นี่จะพาไปไหน?”

     


     

                    “ก็ไปเดทไง ชยอลบอกให้เราจีบด้วยพาไปกินข้าว ไปดูหนังไง เราก็กำลังจะพาไป”

     


     

    อธิบายออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสียจนคนฟังอย่างชานยอลต้องหูแดงหน้าแดงเองที่ดันไปเปิดทางเปิดโอกาสให้อีกคนเสียจนหมดล็อตแบบนี้ ก็ไม่รู้จะขัดขืนทำไมเพราะก็เล่นบอกใบ้ไปซะขนาดนี้แล้ว แต่พอเดินมาหยุดตรงรถยุโรปนำเข้าคันหรูที่พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ อื้อหือ... ชานยอลมิอยากจะก้าวขึ้นรถเลยอ่ะทุกคน

     


     

                    ถ้าบอกว่าอู๋อี้ฟานมีอาชีพเปิดท้ายขายตุ๊กตาตอนเย็นนี่คือเชื่ออ่ะ ทุก area ในรถนี่คือแน่นเอี๊ยดไปด้วยตุ๊กตาอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นเบาะรองก้น สายคาดเบลท์ ที่คลุมเกียร์ หรือรวมไปถึงผ้าที่เอาไว้ห่อหุ้มตรงพวงมาลัยด้วย เป็นลายการ์ตูนแทบจะทั้งคันจนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้แทนผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนี้ ที่ตั้งใจจะให้เป็นสปอร์ตคาร์หรูๆ แต่กลายเป็นรถคุณหนูวัยสามขวบไปเสียอย่างนั้น

     


     

                    “แล้วนี่จะพาไปไหน?”

     


     

                    “ไปคิตตี้คาเฟ่กันเถอะ”

     


     

                    สวัสดีมนุษย์หน้าโหดโหมดจิงกะเบล

     


     

                    ทำไมปาร์คชานยอลต้องมีคนมาจีบที่งุ้งงิ้งมุ้งมิ้งที่สุดในสามโลกด้วยวะครับเนี่ย -.,-

















    #ฟิคมุ้งมิ้ง




    มาช้าไปนิสสสส... อย่าว่าเรา เราไม่ฉะบาย (ไอสองทีประกอบคำพูด)
    ตอนนี้ยังไม่ค่อยมุ้งมิ้งเนาะ พี่คริสยังมุ้งมิ้งแค่ขั้นต้น
    แต่ชานยอลคือโหดนำมาก่อนแล้ว >.<

    อยากอ่านมุ้งมิ้งมากกว่านี้
    สครีมหรือคอมเม้นท์นะจ้ะ
    จะพยายามมาอัพให้บ่อยที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายจิอำนวย (แลดูป่วยหนักมาก ฮ่าา เว่อร์สุด)

    ปล. ใครที่ยังอยากได้
    #มชวคริสยอล เมนชั่นไปหาอบร.ที่ทวิตได้นะคะ
    หรือไม่ก็ส่งอีเมล์หานะ อบร.มีสำรองเหลือประมาณ 5 - 6 เล่ม ใครอยากได้บอกได้เลย


    เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ








     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×