The real story: รักงี่เง่าของผู้หญิงไม่สมประกอบ - The real story: รักงี่เง่าของผู้หญิงไม่สมประกอบ นิยาย The real story: รักงี่เง่าของผู้หญิงไม่สมประกอบ : Dek-D.com - Writer

    The real story: รักงี่เง่าของผู้หญิงไม่สมประกอบ

    เรื่องราวความรัก ที่มันเกิดขึ้น แต่ก็เหมือนมันไม่ได้เกิดขึ้นเลย เรื่องจริงที่ได้เกิดขึ้น ในชีวิตคนที่โคตร...จะธรรมดา...อย่างฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    224

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    224

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ส.ค. 48 / 20:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ฉันเป็นคนที่ไม่สมประกอบ ไม่ใช่อวัยวะไม่ครบ 32 หรือเป็นคนไม่เต็มบาทนะคะ  มันเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่ฉันมักจะมองแต่ผู้หญิง. . . พูดง่ายๆ ว่าฉันไม่สนใจผู้ชายมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นแหละค่ะ. . .

                     ฉันเติบโตมาในโรงเรียนที่เคยเป็นโรงเรียนหญิงล้วนมาก่อน และเป็นโรงเรียนของเอกชน ถึงสมัยที่ฉันเข้าไปอยู่จะเปิดเป็นโรงเรียนสหศึกษาแล้วก็ตาม แต่ในโรงเรียนก็มีผู้หญิงประมาณ 80% ได้ แล้วในจำนวนนั้นประมาณ 19% เป็นทอม. . . ส่วนนักเรียนผู้ชายอีก 20% นั้น แบ่งได้ 9.5% เป็นกระเทย. . .3% เป็นเกย์. . .ส่วนที่เหลือก็เป็นชายทั้งแท่ง. . . นี่ฉันยังไม่ได้แยกพวกแอบเลยนะเนี่ย ^^ ดังนั้น สังคมที่ฉันอยู่จึงมีแต่คนที่ไม่เต็ม (เพศ) เท่าไหร่นัก

                     ฉันเข้ามาในโรงเรียนนี้ตั้งแต่ชั้น ป.1 ฉันเป็นเด็กที่เรียนดีใช้ได้เลยล่ะ ฉันได้เกรดเฉลี่ย 4.00 ในตอน ป.1 และแน่นอนว่าจะต้องเป็นกันทุกคน ตอนเด็กๆ เกรดและการเรียนก็จะยังคงที่ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีสะดุด ก็จะดีอยู่อย่างนี้ไปจนโต. . .แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ค่ะ. . .ตอนฉันขึ้นมาอยู่ในชั้น ป.4 มีผู้หญิงมาจีบฉันค่ะ O.O เธอคนนั้นชื่อหวาน แถมฉันดันจับฉลากได้นั่งคู่กับเธออีก T-T . . . ฉันรำคาญเธอจนไม่มีสมาธิที่จะเรียน พอผลสอบเทอม 1 ออกมา จาก 4.00 ก็ลดลงมาเหลือ 3.65 โชคดีที่ยังไม่ตกต่ำเท่าไหร่นัก ฉันเลยไม่ถูกพ่อแม่ต่อว่า. . .

                     ฉันไม่อยากให้เรื่องมันค้างคาอยู่อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป ผลการเรียนคงตกเหว พ่อด่า แม่ด่าแน่ๆ ฉันเลยตัดปัญหาโดยการคบกับเค้าแบบเป็นเรื่องเป็นราว โดนลากไปไหนก็ไปด้วย แล้วก็ตั้งข้อตกลงว่า ห้ามกวนกันเวลาเรียน. . .คำขอได้ผลค่ะ ^^ . . . ฉันเรียนได้รู้เรื่องขึ้นเยอะ แล้วก็ได้รู้ว่า การที่คบกับเค้า มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร. . .ก็ดีนะ มีคนเข้าใจเวลาที่เราเหงา นานๆ ไปมันก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร. . .ก็เลยเกิดความสงสัยว่า ที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกันว่า “ความรัก” มันเป็นอย่างนี้รึเปล่า. . .

                     ด้วยความที่ฉันเป็นเด็กที่ห้าว. . .ไม่ธรรมดา. . .ประกอบกับหวานเป็นเด็กที่มีมารยาท สุภาพเรียบร้อย ในงานบอลของโรงเรียน เป็นงานโต๊ะจีนที่จัดขึ้นในตอนกลางคืน ฉันได้นั่งโต๊ะรวมกับเพื่อนร่วมห้อง แต่ไม่ได้นั่งกับหวาน ก็มีเพื่อนผู้ชายมาถามฉันว่า

                     “เธอเป็นทอมเหรอ. . .” ตอนนั้นฉันยังเด็กเลยยังไม่รู้ว่าทอมคืออะไรก็เลยถามกลับไป
                     “ก็ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน แล้วก็. . .ห้าวๆ เหมือนเธอไง”

                     “เหรอ. . .ก็คงจะใช่มั้ง”

                     “แล้วเธอเป็นแฟนกับหวานเหรอ” เพื่อนอีกคนนึงถาม

                     “แฟน! ผู้หญิงกับผู้หญิงเป็นแฟนกันได้ด้วยเหรอ”

                     “ถ้าเป็นทอมอย่างเธอ. . .แล้วก็เป็นดี้อย่างหวาน. .ก็ได้”

                     “หวานเป็นดี้เหรอ”

                     “เออ. . .”

                     “งั้น. . .ก็ใช่แล้วล่ะ”

                     แหม. . .วันที่ได้คุยกับพวกนั้นฉันเหมือนอยู่ต่างประเทศยังไงก็ไม่รู้สิ ^^ อะไรๆ ก็ไม่รู้เรื่องเลย. . .ทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน เรียนอยู่ชั้นปีเดียวกันแท้ๆ พวกเค้ายังรู้อะไรๆ มากกว่าฉันซะอีก. . .คงเป็นเพราะฉันเอาแต่เรียนล่ะมั้ง. . .แล้วที่ฉันรู้มากไปกว่านั้นอีกก็คือ คนที่จะเป็นแฟนกัน มันไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศ

                     แล้ววันที่เราต้องจากกันก็มาถึง. . .วันนั้นเป็นวันรับผลสอบปลายภาคเรียนที่ 2 เรา 2 คนรับผลสอบเสร็จแล้ว เราก็ไปหาที่คุยกัน. . .หวานบอกกับฉันว่า

                     “พ่อกับแม่จะพาเราไปเรียนที่กรุงเทพ. . .เราไม่อยากไป. . .แต้ถ้าเราไม่ไป เราก็ไม่รู้จะอยู่กับใคร” พอได้ยินฉันก็อึ้งมาก

                     “ไม่เป็นไรหรอก. . .”

                     “เราอาจไม่ได้กลับมานะ”

                     “ไม่เป็นไร. . .เราเข้าใจ”

                     “แล้วเรา 2 คนก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ” น้ำเสียงของหวานเปลี่ยนไป. . .แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าหวานทำหน้ายังไง. . .ตอนที่ฟังเค้าพูดฉันก็ได้แต่ก้มหน้า พูดแค่ว่า. . .ไม่เป็นไร. . .

                     “ไม่เป็นไร. . .” ฉันยิ้มให้หวานเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเธอก็เดินจากไป. . .ฉันเห็นเธอแค่เพียงลางๆ เท่านั้น. . .นัยน์ตาทั้ง 2 ข้างเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตาที่ไม่ยอมเอ่อล้น. . .เหมือนเด็ก 10 ขวบต้องจากเพื่อนที่เป็นที่รักไป. . .แต่ฉันรู้สึกมากกว่านั้น เพียงแต่ในตอนนั้น. . .ฉันยังไม่รับรู้มัน เท่านั้นเอง. . .

                     ขึ้น ป.5 ฉันเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายจนไม่ได้ใส่ใจดูแลตัวเอง น้ำหนักเริ่มลดลง จนใครๆ ก็บอกว่าฉันผอม. . .คงเพราะฉันเคยตัวหนาๆ อ้วนๆ หน่อยๆ แล้วก็ตัวสูงมั้ง มันถึงได้ดูผอมไปขนาดนั้น ผิวก็ดูขาวขึ้น เพราะฉันไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอกเหมือนก่อน. . .ถึงมันจะคล้ำเหมือนเดิมก็เถอะนะ ^^ พอโหมเรียนหนักเข้า ความเครียดก็ประดังเข้ามา สิวขึ้นเต็มหน้าเลย ^^ แต่มันก็ดีนะ มันช่วยให้ฉันมีสมาธิที่จะเรียนมากๆ เพราะจะไม่ค่อยมีใครมาเจ๊าะแจ๊ะกับฉันเลยนอกจากเวลาทำงานกลุ่ม. . .โดยเฉพาะพวกดี้ทั้งหลาย. . .^^ จากผลการเรียนใน ป.4 ได้ 3.7 ฉันอัพจนเกรดขึ้นมาเป็น 3.8 แล้ว. . .

                     เมื่อการเรียนมาเป็นที่ 1 เรื่องระหว่างฉันกับหวานก็ค่อยๆ จางหายไป เหลือแต่วันเวลาดีๆ ที่เรามีให้กัน. . .พอนึกถึงความหลัง. .ก็ไม่ค่อยร้องไห้แล้ว. . .ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น. .ก็หายไปแล้ว. . .ความรักของฉัน. . .มันหายไปแล้ว. . .

      ----------------------------------------------------------------------


                     พอขึ้นมา ป.6 ฉันเริ่มสนใจกีฬาเทควันโด. . .จำไม่ได้แล้วว่าไปจำมาจากที่ไหน แม่เลยพาฉันขับรถไปตระเวนหาที่เรียนรอบเมืองเลย แล้วก็ได้เจอที่นึง ฉันเลือกเรียนวันเสาร์ กับวันอาทิตย์ ตอนบ่ายโมง แล้วฉันก็ไม่ได้เรียนเทควันโดอย่างเดียวเท่านั้นนะ เพื่อนของฉันชวนฉันเล่นเกมแร็กนาร็อค ฉันก็เลยลองเล่นดู. . .แต่แล้วก็ห้ามใจไม่ไหว. .ติดแร็กซะงั้น. -.- . . .แล้วก็. .ฉันชอบเข้าไปแช็ท แล้วก็เล่นเว็บบอร์ดบ่อยๆ ด้วย วันนึงฉันเข้าไปที่เว็บเดิมเพื่อไปหาเพื่อนแช็ทเล่น ซึ่งส่วนมากเป็นคนที่เว็บบอร์ด แล้วฉันก็เจอห้องนึง เค้าเขียนบอกว่า “ผมชอบดิจิม่อนมากๆ ครับ มาคุยกันหน่อยนะครับ” เรื่องดิจิม่อนไม่ต้องพูดถึงค่ะ ในตอนนั้นฉันชอบมากๆ ชอบขนาดที่ว่าบ้าเลยล่ะ. .ฉันไม่ลังเลก็เข้าไปเลย. . .

                     เข้าไปตอนแรกก็ทักทายกันแล้วถามถึงเรื่องส่วนตัวนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งก็มี จังหวัดที่อยู่ อายุ แล้วก็ชื่อเล่นจริงๆ พิมพ์กันไปพิมพ์กันมา ก็ได้รู้ว่า เค้าชื่อมิว อายุเท่ากัน อยู่จังหวัดเดียวกับฉันอีกต่างหาก O.O แต่สิ่งที่บังเอิญไม่ได้มีแค่นั้นค่ะ. .เค้าก็เรียนเทควันโดที่เดียวกับฉันด้วย. . .มันเป็นอะไรที่บังเอิญมากๆ บังเอิญจนไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่จะบังเอิญไปกว่านี้อีกมั้ย. . .

                     ฉันกับมิวเจอกันครั้งแรกในวันเสาร์ถัดไปหลังจากที่ได้แช็ทกันคราวก่อน. . .ก่อนหน้านี้มิวเรียนวันเดียวกับฉัน แต่เค้าเรียนตอนบ่าย 3 วันนี้เค้าเลื่อนเวลามาเรียนตอนบ่ายโมง. . .ไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นี้ จะเป็นคนที่ฉันคุยด้วย หน้าเค้าไม่ให้บ้าการ์ตูนเลยอ่ะ. . .เค้าน่าจะเป็นพวกนักร้องวงร็อค ไม่ก็เคยเล่นละครในทีวีมาก่อน. . .เค้าเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรู้สึกว่า หล่อ เพราะก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยจะมองผู้ชายอยู่แล้ว

                     หลังจากเรียนเสร็จแล้ว ฉันกับมิวก็ออกมาคุยกัน. . .ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะเป็นคนที่คุยสนุกอย่างนี้. . .เค้าไม่รังเกียจในสิ่งที่ฉันเป็น เด็ก ป.6 ที่หน้าตาแก่เกินวัย สิวขึ้นเต็มหน้า แถมตี-นค-ว-า-ยอีกต่างหาก โดยเฉพาะเรื่องดิจิม่อน. . .เค้าเป็นคนที่รู้ละเอียดมากเลย และสิ่งที่บังเอิญอีกอย่างนึง. .เค้าก็เล่นแร็กเหมือนกัน อยู่เซิฟเวอร์เดียวกับฉันด้วย. . .ตั้งแต่วันนั้น เรา 2 คนก็ไม่ได้เข้าไปแช็ทกันอีกเลย เพราะพวกเราจะเจอกันใน RO หลังจากตายกลับมานั่งฟื้น HP/SP ก็มาคุยกันต่อ. . .บางทีไม่อยากนั่งเลยด้วยซ้ำ เพราะถ้านั่งมันก็จะเต็มเร็ว ^^ ได้คุยกันนิดเดียว

                    เค้ามักจะมีอะไรมาให้ฉันเสมอๆ บางทีเรดหมดก็เอาเรดมาให้ (ใครเล่นแร็กจะรู้ดี เรดคือของที่ใช้ฟื้น HP นั่นเอง) วันไหนฝนตกก็จะซื้อดอกกุหลาบมาให้ ถ้าวันนั้นแผ่นดินไหวแปลว่าเค้า Deal เงินมาให้ฉัน 55+ ^O^ . . .แล้วเรื่องเทควันโด เดี๋ยวนี้เค้าเปลี่ยนเวลามาเรียนช่วงเดียวกับฉันแล้ว พวกเราเลยได้มีโอกาสคุยกันมากขึ้น เวลาพักก็หลบมาคุยกันอยู่บ่อยๆ . . .แต่เค้าชอบเฉไฉออกนอกเรื่องอยู่เรื่อยเลย. .คุยเรื่องดิจิม่อนอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมาถามเรื่องส่วนตัวของฉัน เป็นอย่างนี้แทบจะทุกครั้ง ฉันชักจะรู้สึกแปลกๆ ซะแล้วสิ -.-

                     วันนึง หลังจากที่เรา 2 คนเรียนกันเสร็จ เราก็มานั่งคุยกันที่เดิม วันนั้นพ่อของฉันไปต่างจังหวัด ส่วนแม่ก็ติดประชุม ฉันเลยต้องรอจนกว่าแม่จะประชุมเสร็จถึงจะกลับบ้านได้ เค้าก็ดีนะ อุตส่าห์มานั่งคุยเป็นเพื่อนฉันจนแม่มารับเลย. .วันนี้เค้านัดฉันเล่นแร็กตอน 6 โมงเย็น พอฉันเข้าไปเจอเค้าที่จุดนัดพบ เค้าก็พูด (พิมพ์) คำที่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าจะพูดออกมา “เราชอบเธอนะ. .เป็นแฟนกับเราได้มั้ย”

                     เป็นแฟนกับคนอย่างฉันเนี่ยนะ. . .นายบ้ารึเปล่า ฉันว่ามันต้องเพี้ยนแน่ๆ ไม่งั้นก็พูดเล่น คนดีๆ ที่ไหนจะมาสนใจฉัน ถึงฉันจะยอมรับว่านายเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันคิดว่าหล่อก็เถอะนะ แต่ฉันไม่เคยคิดอะไรเกินเลย. . .อีกอย่าง ฉันอยู่แค่ ป.6 เอง. . .ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องทำอีกเยอะ. . .นายเองก็อยู่ ม.1 ฉันรู้นะว่า ม.ต้น การบ้านมันไม่ใช่น้อยๆ. . .ถึงเราจะอายุเท่ากันแต่เรา 2 คนคงยังไม่พร้อมหรอก. . .แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ฉันบอกไปว่า “คิดดูก่อน” คงเป็นเพราะ. . .ความผิดหวังจากครั้งแรกล่ะมั้ง

                     หลังจากนั้น พวกเราก็มาเจอกันตามปกติ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป จากที่เคยคุยกันอย่างคุ้นเคย กลายเป็นความห่างเหิน และเขินอาย. . .จากที่เคยจ้อกันทั้งวัน กลับกลายเป็นนั่งเงียบไม่พูดอะไร. . .เข้าไปเล่นแร็กก็เปลี่ยนชื่อปาร์ตี้เป็น “รออยู่นะ” ซะงั้น -.-

                     แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม. . .เหมือนกับตอนที่ฉันตกลงคบกับหวาน. . .ฉันชักจะอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เป็นมันแบบนี้ เลยลองคบดู แล้วมันก็ลงแบบเดิม. .มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แถมมันก็ลดความอึดอัดลงได้ด้วย. . .ฉันได้เห็นเค้าในมุมมองที่แตกต่างออกไป. . .เค้าเป็นสุภาพบุรุษมากๆ ยอมให้ฉันทุกอย่าง เวลาที่เค้าแซวฉันเล่น ฉันก็ชอบตีเค้ากลับไป แต่เค้าก็ไม่ว่าอะไรซักคำ. . .ทุกครั้งที่ได้คุยกันมันก็เกิดความสุขขึ้นมา. . .ความสุขที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้. . .เป็นความสุขที่ได้ตีเค้าแต่เค้าก็ไม่ได้โต้กลับ. . .ความเสมอต้นเสมอปลายที่เค้ามีให้ฉันมาตลอดไม่มีขาด. . .ถึงเราจะได้เจอกันแค่อาทิตย์ละ 2 ครั้ง. . .ได้คุยกันโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าในวันหยุด. . .แค่นั้น. .มันก็มีความสุขแล้ว

                     แล้วฉันก็ได้รู้ว่า. . .รักแท้ มันแพ้ใกล้ชิดจริงๆ

                     วันนั้น ฉันไปเที่ยวที่ห้าสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง. . .ฉันแยกตัวจากแม่เพื่อไปหาซื้อหนังสือ. . .ฉันเห็นผู้หญิงคนนึง สวยมาก. . .สันดานเดิมของฉันยังไม่เปลี่ยนหรอกนะ ฉันยังคงสนใจผู้หญิงสวยๆ อย่างเดิม. . .เธอคนนั้นมาซื้อหนังสือร้านเดียวกับฉัน. . .เธอซื้อหนังสือแล้วเดินออกไป. . .ฉันมองตามหลังเธอไปเรื่อยๆ . . .เรื่อยๆ . . .แล้วมันก็ต้องสะดุด. . .

                     มิว. . .

                     เธอคนนั้นเดินเข้าไปหาเค้า. . .แล้วเดินควงกันออกไปเหมือนกับคู่พระเอกนางเอกในละครทีวี. . .

                     ทำไม. . .ทำไมคนที่ฉันคิดว่าดี. . . ทำไมคนอย่างนายถึงได้ทำแบบนี้. . .แล้วทำไมฉันต้องเชื่อคนอย่างนายด้วยนะ. . .ฉันนี่โง่จริงๆ . . .โง่เกินกว่าจะรักใครได้สินะ. . .ถ้านายต้องการอย่างนั้น. . .ก็ได้. . .ฉันจะจบทุกอย่างด้วยตัวของฉันเอง. . .

                     ตั้งแต่วันนั้น ฉันจัดการกับ ID แร็กของตัวเอง. . .ฉันยก ID นั้ให้ลูกพี่ลูกน้องของฉันไป ฉันไม่กลับไปแตะมันอีกเลย. . .พอวันที่ต้องเรียนเทควันโด ฉันก็ทำตัวตามปกติ แต่ตอนที่คุยกันนั้น. . .มันเปลี่ยนไป. . .เค้านัดฉันไปเจอที่เดิม

                     “เราเลิกเล่นแล้ว”

                     “อ้าว! ทำไมล่ะ”

                     “นายเปลี่ยนไปเรียนบ่าย 3 เหมือนเดิมเถอะนะ”

                     “เฮ้ย! ทำไมอ่ะ”

                     “ถ้านายไม่เปลี่ยนเราจะเปลี่ยนเอง”

                     “เดี๋ยวๆ เรา. . .เปลี่ยนให้ก็ได้. . .แต่ทำไมอ่ะ. .โกรธอะไรเรารึเปล่า”

                     “เราคงไม่มีสิทธิ์โกรธหรอก. . .ผู้หญิงคนนั้นคงมีสิทธิ์มากกว่า”

                     “นี่. . .หมายความว่าไง”

                     ฉันทิ้งให้เค้าสงสัยอยู่แค่นั้น แล้วฉันก็เดินออกไป. . .ไม่ใช่ว่าแม่มารับกลับบ้านหรอกนะ ฉันไม่อยากอยู่ตรงนั้น ฉันเลยเดินออกมา แล้วบอกแม่ว่าฉันจะเดินไปหา. . .ฉันเดินไปน้ำตาคลอเบ้าไป. . .คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา. . .วันเวลาดีๆ ที่มิวเค้ามีให้กับฉัน. . .มันเหมือนเป็นฝันดีคืนนึง. . .ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง. . .เหมือนกับตอนที่ต้องจากกับหวาน. . .ฉันแก่แดดเกินไปรึเปล่า. . .นี่มันใช่สิ่งที่ฉันเข้าใจรึเปล่า. . .ทั้ง 2 เหตุการณ์นี้คือความรักจริงๆ รึเปล่า. . .คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน. . .และเค้า ก็เป็นคนที่ทำให้ฉันไม่อยากจะไว้ใจ. .ไม่อยากจะเชื่อถือคำพูดของผู้ชายเลย

      ----------------------------------------------------------------------

                     ฉันลืมเค้าได้ในเวลาไม่นานเหมือนกับเวลาที่ลืมหวาน เพราะฉันรู้ว่าเค้าคงไม่มีเวลามาคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่เรามีด้วยกันหรอก ฉันก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน. . .ฉันต้องเตรียมตัวต่อ ม.1 ในโรงเรียนประจำจังหวัด. . .โรงเรียนนี้เคยเป็นโรงเรียนชายล้วนมาก่อน แล้วเป็นโรงเรียนชายล้วนของรัฐด้วย นักเรียนจึงเยอะกว่าโรงเรียนเอกชนมาก. . .โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว แต่ความที่เคยเป็นโรงเรียนชายล้วนมาก่อน นักเรียนชายจึงมีถึงประมาณครึ่งโรงเรียน แต่ในจำนวนนักเรียนชายนี้ ก็มีกระเทยและเกย์อยู่เป็นจำนวนมาก  รู้สึกว่าฉันจะหนีไม่พ้นโรงเรียนประเภทนี้จริงๆ นะเนี่ย -.-

                     ฉันเข้ามาในโรงเรียนนี้ได้โดยวิธีการ จับฉลาก ฉันรู้สึกว่า ฉันสามารถเข้าโรงเรียนนี้ได้ทุกวิธีเลย. . .บ้านของฉันอยู่ในเขตโรงเรียนนี้ รอบที่ฉันไปจับฉลากนักเรียนก็เลยมีน้อยกว่ารอบที่จับนอกเขต ส่วนผลคะแนน NT ของฉันก็เข้าได้เพราะมันเกินเกณฑ์ที่เค้ากำหนดไว้. . .บอกตามตรง ฉันไม่อยากเข้าโรงเรียนนี้เลย เพราะฉันรู้ว่าโรงเรียนนี้ผู้ชายมันเยอะ แค่นี้ฉันก็ไม่อยากจะมาอยู่แล้ว และอีกอย่าง ฉันได้โควต้าความประพฤติดีที่โรงเรียนเก่าด้วย ถ้าฉันใช้โควต้าสมัครเข้า ฉันก็ไม่ต้องรอ. . .ฉันสามารถเข้าโรงเรียนนี้ได้ทันที ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ต้องเจอเรื่องราวแย่ๆ แบบนี้หรอก

                     วันแรกที่ฉันและเพื่อนๆ ในห้องได้เจอกันก็คือ วันที่มีการปฐมนิเทศน์นักเรียน ม.1 ฉันได้รู้จักเพื่อนในห้องคนนึงชื่อจ๋า ส่วนคนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับฉันในห้องก็มีแค่คนเดียว แถมฉันก็ไม่สนิทกับเค้าซะด้วย. . .การมาอยู่ที่นี่ ฉันตั้งใจแล้วว่าจะพยายามปกปิดสันดานเดิมของฉัน. . .ผู้หญิงที่ไม่สนใจผู้ชายเนี่ย -.- . . .

                     แล้ววันเปิดเรียนก็มาถึง ฉันกับจ๋านั่งคู่กัน แล้วหลังจากนั้น ตอนเรียนวิชาสังคม อาจารย์ให้จับกลุ่มทำงานกัน ในกลุ่มฉันมีผู้ชายหลงมา 2 คน เพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น ฉันก็ถูก 2 คนนั้นจับได้ว่าฉันเป็น. . .

                     “เป็นทอมเปล่าวะ” เกมส์ถามฉัน

                     “ถ้าใช่แล้วไงวะ” ฉันตอบ. . .แค่นั้นแหละ ฮือฮากันทั้งกลุ่ม

                     ฉันไม่รู้ว่าข่าวที่ฉันเป็นทอมเนี่ย มันแพร่กระจายไปได้ยังไง ไม่กี่วันก็มีคนมาแวะเวียนถามฉันตลอดว่า “เป็นทอมเหรอ” โอ้ว. . .แต่ฉันว่าฉันพอจะเดาได้ คงเป็นนายเกมส์นั่นแหละ. . .

                     ฉันมีเพื่อนสนิทจากโรงเรียนเก่าที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันคนนึงชื่อว่าเชอร์รี่ อยู่คนละห้องกัน วันไหนที่เรา 2 คนพักตรงกัน เค้าก็จะมาอยู่กับฉัน มาคุยด้วยกัน มาเล่นด้วยกันทำนองเนี้ย ด้วยความที่เราสนิทกันม้าก. . .มาก เรา 2 คนเลยโดนเพื่อนล้อว่าเป็นแฟนกันซะงั้น โดยเฉพาะห้องฉัน เดินไปทางไหนก็ต้องโดน T-T

                     ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบไปไหนกับกลุ่มคนมากๆ วันนึง ฉันก็ได้รู้จักกับหนึ่ง ผู้ชายตัวขาวๆ สูงประมาณฉันแล้วก็อ้วนๆ ฉันจำไม่ได้แล้วว่ารู้จักกับเค้าได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ ฉันกับเค้าจะไปนั่งด้วยกันบ่อยๆ เวลาที่พัก คุยกันบ้าง ทำการบ้านบ้าง พอนานๆ ไป เรา 2 คนก็เริ่มเป็นที่จับตามองของคนในห้อง ในตอนนั้นละครเรื่อง รักพลิกล็อค กำลังดัง เรา 2 คนก็เลยโดนเปรียบเทียบกับเรื่องนี้ว่าเป็นรักพลิกล็อค ^^ แต่ความจริงไม่ใช่หรอก เพราะตอนนั้น ฉันมีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว

                     ฉันได้รู้จักกับผู้หญิงในห้องคนนึง เธอชื่อว่า กล้วย เรา 2 คนเรียนชุมนุมเดียวกัน แล้วบังเอิญอยู่กลุ่มเดียวกันด้วย เราก็เลยได้รู้จักกัน เธอเป็นเด็กเรียบร้อย พูดง่ายๆ ว่าเสป็คฉันเลย ฉันชอบคนที่เรียบร้อย ไม่ชอบมีเรื่อง อยู่ด้วยแล้วไม่ทำให้เราหงุดหงิด. . .ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แม้แต่ตัวกล้วยเอง

                     ก็ฉันอายนี่นา >///<

                     ฉันได้รู้จักผู้ชายอีก 1 คน ซึ่งฉันไม่อยากเอ่ยถึง. . .ฉันขอเรียกเค้าสั้นๆ ว่า พีละกัน

                     ฉันเจอเค้าครั้งแรกก่อนขึ้นบันไดตึก เค้าเรียกฉัน แต่พอฉันหันไปเค้าก็ยิ้ม. . .เพียงแค่นั้น ฉันก็งงเลยสิ. .บ้าเปล่าวะ เรียกแล้วยิ้ม ฉันเลยเดินกลับขึ้นห้องไปเลย วันนั้นฉันมีคาบพัก 3 คาบคือ คาบ 3,4 และ 6 ฉันไปเจอกับเค้าอีกรอบในคาบที่ 6 รอบนี้ เค้านั่งอยู่ที่โรงอาหารกับจ๋า แล้วก็น้องทราย โดนัท อาจจะมีคนอื่นอีกแต่ฉันก็ลืมไปแล้ว เค้าเรียกฉัน แล้วจ๋าก็เรียกฉันซ้ำอีกรอบนึง. . .นี่เพราะจ๋าเรียกนะฉันถึงไป =3= หลังจากที่นั่งคุยกับจ๋า 3-4 คำ นายพีมันก็มานั่งเบียดฉันซะอย่างนั้น ฉันก็งงกับมัน (อีกแล้ว) สิ ฉันเลยเขยิบถอยมา แล้วจ๋าก็ช่วยให้ความกระจ่างกับไอ้เบื๊อกนี่ว่า. . .ฉันเป็นทอมโว้ย .V.

                     แล้วนายนี่ก็เป็นอะไรก็ไม่รู้ หลังจากที่มันรู้ว่าฉันเป็นทอม มันก็ขยันมาจ้องหน้าฉันเหลือเกิน. . .มันไม่ได้จ้องธรรมดานะ บางทีก็ชอบทำหน้าแปลกๆ ให้ฉันขำเล่น ความจริงหน้าธรรมดาของมันก็ตลกอยู่แล้วนะ ^O^ 55+

                     แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น วันนั้น ฉันไปเรียนเทควันโดแล้วเตะพลาด ไปเตะเท้าต่อเท้ากับพี่เค้า พี่ผู้ชายซะด้วย ตัวใหญ่มากๆ พอวันรุ่งขึ้น ฉันเจ็บเท้าสุดๆ แม่พาไปหาหมอ หมอบอกว่า เอ็นข้อเท้าฉีก ต้องเข้าเฝือกแล้วใช้ไม้ค้ำเดิน วันจันทร์ ฉันอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปโรงเรียน พอไปวันอังคาร ก็ต้องขึ้นไปเรียนสาระเพิ่มที่ชั้น 2 ห้องวิทย์ เอ้อ! นายพีมันเรียนวิชาเดียวกับฉันด้วย. . .ไอ้เบื๊อกนี่ก็จริงๆ เล้ย เพิ่งมาเห็นว่าฉันเข้าเฝือกเอาตอนที่ลงมาจากห้องเรียนแล้ว

                     ฉันพยายามยันตัวเองมาเรื่อยๆ จนลงมาถึงข้างล่าง มันตามลงมาแล้วถามว่า “จะให้ช่วยมั้ย” โอ๊ย. . .คนอย่างนายจะช่วยอะไรได้ นายเอาขานายมาข้างนึง แล้วค้ำไม้เดินแทนฉันได้มั้ยล่ะ

                     “ไม่ต้อง”

                     ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่มีนายนั่นคอยเดินอยู่ข้างๆ รู้นะว่ามีน้ำใจ แต่กูไม่ต้องการเฟ้ย ในใจก็คิดขำฉันอยู่ใช่มั้ยล่ะ รู้ทันหรอก. . .แต่ก็. . .

                     ขอบใจนะ ^_^

                    2 วันแรกที่ฉันค้ำไม้เดิน ห้องเรียนของฉันยังไม่ได้ถูกย้าย ฉันต้องขึ้นไปเรียนชั้น 3 ที่ห้องประจำ แล้วลงมาถ้าต้องไปเรียนที่อื่น อาจารย์เห็นก็เลยมาบอกว่า ให้ทำเรื่องย้ายห้องลงมาข้างล่าง แล้วห้องของฉันก็เลยได้ย้ายมาอยู่ชั้น 1 ที่ตึกใหม่ ไอ้บ้าพีก็ยังมิวายมาตามรังควานฉันอยู่ได้ ถ้าไม่ติดว่าใส่เฝือกอยู่ฉันเตะนายปลิวแน่ๆ . . .หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ฉันก็ถอดเฝือกออก แล้วกลับมาเดินได้ตามปกติ เพียงแต่จะเจ็บอยู่บ้างเท่านั้นเอง

                     ฉันชักจะรำคาญหมอนี่ซะแล้ว ฉันเลยเขียนจดหมายฝากให้จ๋าไปถามไอ้บ้านั่น ฉันอยากรู้ว่ามันมากวนฉันทำห่-า อะไร รู้มั้ย มันตอบฉันว่าไง. . .อยากแกล้ง บ้า .V. โรคจิตนะเนี่ยนาย ฉันเลยตัดปัญหาโดยการ บอกมันว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะทำตัวเหมือนเราอยู่คนละโลก ไม่ต้องเจอหน้าไม่ต้องพูดกันอีก. . .แล้วที่ผ่านมาได้คุยอะไรกันบ้างล่ะเนี่ย o.o . . . ช่างเถอะ ขออย่างเดียว อย่ามายุ่งกับฉันก็แล้วกัน. . .

                     ไชโย!. . .มันไม่มายุ่งกับฉันแล้วล่ะ. . . ช่วงแรกๆ ก็เฮฮาเบิกบานดีอยู่หรอกนะ. . .แต่ไม่รู้ว่าทำไม. . .พอหมอนั่นไม่มาวุ่นวาย ตัวฉันกลับวุ่นวายแทน. . .นั่งเฉยๆ อยู่ในห้อง ก็คอยเฝ้ารอให้เค้ามาจุ้นจ้าน. . .นั่งกินข้าวก็นั่งนึกถึงตอนที่เค้าชอบมานั่งด้วย ไม่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็นั่งอยู่อีกฝั่งนึง. . .นี่ฉันคงไม่ได้ชอบหมอนั่นขึ้นมาหรอกนะ. . .ถ้าเป็นอย่างนั้นฟ้าผ่าแน่ๆ เลย ก็ฉันชอบกล้วยอยู่นี่นา แถมนายนั่นก็มีแฟนด้วย. . .แต่ทำไมแฟนมันต้องชื่อหวานด้วยวะ. . .ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับฉันนี่นา

                     เวลาผ่านไป ซักเดือนนึงนี่แหละมั้ง. . .มีเพื่อนในห้องถามฉันว่า ทำไมถึงได้เกลียดพี. . .ฉันเลยบอกไปว่า รำคาญ. . .บังเอิญมันเดินมา เพื่อนฉันก็เลยถามมันว่าเกลียดฉันรึเปล่า. . .รู้มั้ยมันว่าไง. . .มันส่ายหัวแล้วบอกว่ารักฉัน. . .ดูมันทำดิ. . .พูดมาได้หน้าด้านๆ แต่คนที่เสียหายน่ะ กูนะเว้ย. . .ถ้าพูดครั้งเดียวน่ะ ไม่เป็นไรหรอก แต่มันดันพูดซ้ำๆ อยู่นั่นแหละ

                     “เก็บปากมึงไว้แตกตอนหน้าหนาวเถอะ” ฉันตะโกนใส่มันแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

                     ฉันเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เลยเอามือปิดปากแล้วตะโกนออกมาดังๆ . . .ก็หวังว่าคนข้างนอกจะไม่ได้ยิน. . .ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันพูดเล่น มันต้องการแกล้งเรา. . .แล้วทำไมฉันต้องดีใจด้วย . . .ทำไมต้องดีใจที่มันพูดแบบนั้น ทำไม. . .

                     ฉันกลับไปบ้าน พยายามคิดอยู่ทั้งคืน ว่ามันพูดเล่น มันพูดไม่จริง. . .มันเป็นผู้ชายนะ. . .นอกจากพ่อ และญาติเรา. . .ผู้ชายคนไหนก็ไว้ใจไม่ได้. . .ไอ้พวกกลิ้งกลอก. . .ชอบหลอกชาวบ้าน ชอบแกล้งคนอื่น. . .ชอบโกหกเป็นกิจวัตร. . .

                     พอมาตอนเช้า. . .มันก็ยังไม่เลิก. .เรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้ว เพื่อนๆ รู้กันแทบทั้งห้อง. . .ฉันถูกล้ออยู่ 2 อาทิตย์ได้ ฉันก็เลยเรียกมันมาเคลียร์ มันบอกว่า พูดกับทุกคนแล้วแต่ทุกคนไม่ฟัง. . .แต่ถ้านายไม่เริ่ม เรื่องมันก็ไม่เกิดนี่. . .ฉันรู้แล้ว. . .ฉันรู้ตัวเองแล้วว่าฉันชอบนาย. . .แต่ถ้านายไม่ได้รักฉันจริงก็อย่าพูดได้มั้ย อย่าทำให้คนอื่นเค้าเสียใจได้มั้ย อย่าหลอกกันได้มั้ย. . .อย่าให้ความหวังกันได้มั้ย. . .

                     วันนั้นฉันร้องไห้ต่อหน้าเค้า. .คงงงล่ะสิ. . .ตั้งแต่วันนี้ มันก็ไม่มายุ่งกับฉันอีกเลย ฉันเริ่มทำใจ แล้วหันไปสนใจกล้วยให้มากกว่าเดิม เพื่อที่จะลืมเค้า. . .แล้ววันนึง ฉันก็ได้รู้ว่าฉันหนีมันไม่พ้นจริงๆ เพื่อนๆ เปลี่ยนเรื่องแซวฉัน กลายเป็นกล้วยกับหมอนั่น. . .อะไรกันเนี่ย. . .นี่นายจะจองล้างจองผลาญฉันไม่เลิกเลยใช่มั้ย. . .ช่างเถอะนะ เพราะฉันรู้ว่ากล้วยชอบผู้ชาย เค้าจะชอบนายก็คงไม่แปลก. . .ก็ฉันต่างหากที่แปลก. . .

                     วันเวลาที่ผ่านไป ฉันพยายามตัดใจ ทั้งมัน ทั้งกล้วย ฉันไม่อยากจะคิดถึงใครอีกแล้ว. . .ฉันหันมาสนใจเรียนมากขึ้น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น. . .ถึงใครจะมายุยงว่ามันดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ก็เถอะ ในความคิดของฉัน เค้าก็เป็นแค่คนเลวๆ คนนึงเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรกับฉัน. . .ถึงจะมีคนมาบอกกับฉันว่ามันบอกว่าชอบฉัน บอกว่ารักฉันอย่างงั้นอย่างงี้ ฉันก็ไม่เชื่อหรอก. . .ฉันเข็ดแล้ว. . .ฉันตระหนักแล้ว ว่าคนอย่างฉัน. .ไม่สิ. . .หน้าอย่างฉัน ไม่มีใครรักฉันจริงหรอก นอกจากพ่อจากแม่ พวกญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ของฉัน ก็ไม่มีใครรักฉันอีกแล้ว. . .

                     ก่อนจะปิดเทอม ก็มีคนมาบอกฉันว่า มันมีแฟนใหม่อีกคนนึงแล้ว. . .เอ้อ! นะ. . .ทำไปได้ 1 ปี แฟน 3 คน. . .ถ้าฉันรู้แบบนี้ฉันตัดใจไปได้ตั้งนานแล้ว คนพรรค์นี้น่ะ ไม่มีเวลามานั่งช้ำใจให้เสียเวลาหรอก. . .พอหมด 1 คน จะหาคนต่อไปมันก็ไม่ยากอยู่แล้ว. . .มันคงไม่เคยมานั่งร้องไห้เพราะการสูญเสียคนที่มันรักเลยสินะ. . .แต่กับฉัน. . . 3 ครั้งในชีวิต. . .ฉันจะไม่มีวันลืมเลย. . .

                     ฉันจบ ม.1 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.75 พอขึ้นมา ม.2 ซึ่งเป็นชั้นที่ฉันกำลังเรียนอยู่ในขณะนี้เนี่ยแหละ ^^ ปีนี้เพื่อนๆ ในกลุ่มของฉันต้องไปนั่งที่หลังห้อง ติดประตู ส่วนฉัน นั่งหน้าห้องติดหน้าต่าง ตอนเช้าๆ ก่อนเข้าแถว ฉันเลยต้องไปนั่งที่ข้างหลัง แล้วถัดไปข้างหน้า 1 โต๊ะ ก็เป็นที่ที่เบลล์นั่ง ตอนเช้าๆ ฉันก็ไปนั่งคุยกับเค้าบ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการบ้าน อะไรประมาณนี้. . .พอนานๆ เข้า อาการเริ่มออก ^^ แล้วเบลล์ก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักมากๆ ด้วย. . .ก็ไม่แปลกที่ทอมบ้าๆ อย่างฉันจะชอบเค้า ^O^ แต่ฉันก็รู้นะว่าเค้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ฉันเลยได้แค่ปลื้มเค้าเท่านั้นแหละ

                     แต่คนที่นั่งข้างหน้าเบลล์คือ. . .ไอ้บ้านั่น. . .พอเปิดเทอมมานานๆ เข้า ตอนเช้าๆ นายนั่นก็จะมานั่งกับเบลล์ ช่วงหลังๆ นี้ฉันเลยไม่ค่อยได้คุยกับเบลล์เท่าไหร่. . .พอเปิดเทอมมาได้ซักระยะนึงหมอนั่นเริ่มละ. . .มันเริ่มมาปรากฎตัวให้ฉันเห็นโดยการ มาป้วนเปียนกับโดนัทบ่อยๆ แล้วโดนัทก็เป็น 1 ในกลุ่มซี้ของฉัน. . .ตอนที่ฉันนั่งอยู่กับจ๋าที่โต๊ะเรียน มันก็จะมาแกล้งจ๋าบ่อยๆ . . .ฉันชักจะเริ่มรำคาญไอ้บ้านี่ซะละ. . .เพื่อนฉันบอกว่า เค้าสังเกตมานานแล้ว ที่หมอนั่นชอบมาป้วนเปียนกับคนที่อยู่ใกล้ๆ ฉัน เพราะมันชอบฉันแน่ๆ . . . ฉันว่ามันไม่จริงหรอก. . .แต่มันก็ทำให้ฉันเก็บไปคิดเหมือนกันนะ. . .

                     ฉันสังเกตดูแล้ว เวลาที่ต้องย้ายห้องเรียน หรือตอนที่อาจารย์ไม่มา หมอนั่นจะไปนั่งข้างเบลล์ตลอดเลย. . .หรือว่า 2 คนนี้. . .ไม่อยากจะคิดเลยแฮะ. . .น่าตลกดีนะ. . .จะมีใครเป็นเหมือนฉันรึเปล่าเนี่ย อกหักทีเดียว 2 ครั้ง ^^

                     ตกลงฉันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย. . .

                     วันนึง อยู่ดีๆ จ๋าก็พูดถึงเรื่องของหมอนั่นขึ้นมา. . .จ๋าบอกว่า มันน่ะ เมีย 7 กิ๊ก 1 ผัว 1 ฉันฟังไปก็ขำไป แต่พอจ๋านับมาให้ฟังถึง 5 คน อีก 2 คนจ๋าก็บอกว่าเป็นใครไม่รู้. . .แต่อยู่ดีๆ ฉันก็กลับคิดว่า 1 ใน 2 คนนั้น อาจจะเป็นจ๋าเองก็ได้. . . พอฉันคิดอย่างนั้น รู้สึกเจ็บๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ. . .นี่อย่าบอกนะว่าฉันชอบจ๋าเข้าอีกคนน่ะ OoO . . .เกินไปมั้ง. . .ส่วนกิ๊ก 1 คือโดนัท (โดนัทเป็นกระเทยจ้า ^^) แล้วผัว 1 คือ ดลวัฒน์ นี่นายพี ตกลงในตัวนายมันมีกี่เพศกันแน่น่ะ. . .

                     วันนึง เพื่อนๆ ของฉันท้าฉันให้จ้องหน้ามัน 1 นาที. . .ฉันรับคำท้า เพราะพวกนั้นจะได้เลิกล้อฉันซักที แต่แค่ 46 วินาที มันก็ไม่อยู่ให้ฉันจ้องแล้ว. . .

                     ถ้าจะถามฉันว่า. . .ฉันคิดยังไงกับนายพีกันแน่. . .ฉันอาจจะรักเค้าซะแล้วก็ได้. . .แต่ครั้งนี้ มันแตกต่างจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา. .ทั้งมิว และหวาน อาจจะเป็นเพราะฉันได้เข้าสู่ชีวิตวัยรุ่นแล้วก็ได้. . .วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องการที่ปรึกษา ต้องการคนเข้าใจ เริ่มสนใจในเพศตรงข้าม ฮอร์โมนเพศกำลังสนุกสนานในการผลิต อุปนิสัยอะไรต่างๆ ฉันก็คิดว่า ฉันเปลี่ยนไปจากเดิมมากๆ ฉันเคยบอกคนอื่นว่า ถ้าชอบก็บอกไปเลยตรงๆ แต่พอมาถึงคราวตัวฉันเอง. . .ฉันกลับทำไม่ได้. .ฉันทำเหมือนที่ฉันเคยบอกให้คนอื่นทำไม่ได้. . .มันก็เลยทำให้ฉันช้ำใจอย่างนี้ไง. . .

                     เพราะฉันฟอร์มจัด และคิดถึงหัวอกคนอื่นมากเกินไป. . .ฉันคิดว่า ถ้าฉันบอกแล้วเค้าไม่รัก ฉันก็ต้องอกหัก แต่ถ้าฉันบอกว่ารักเค้า แล้วเค้ารักฉัน ผู้หญิงอีกมากมายก็ต้องเสียใจ ผิดหวัง สู้ไม่บอกอยู่ไปวันๆ แบบนี้ดีกว่า. . .มั้ง. . .

                     ฉันได้ฟังเพลง ไม่แข่งยิ่งแพ้ ของเบิร์ด ฉันหวนมานึกถึงตัวเองนะ. . .เนื้อหาเพลงมันตรงกับฉันเลย. . .ฉันอยากจะยึดมันมาเป็นแบบนะ แต่ฉันคงทำไม่ได้หรอก

                     ส่วนเพลง เทียนกลางฝน ของจูน
                     เรื่องบนเตียง ของพีชเมเกอร์  
                     เขาไม่รักเรา เธอคงไม่รู้ ของเอ็ม
                     ครึ่งหนึ่งของชีวิต ของแอม
                     อายน้ำตา ของซับเท็นชั่น
                     ผู้หญิงลืมยาก ของพิงค์  พวกนี้เป็นเพลงที่ฉันใช้ปลอบใจตัวเอง

                     แฟนไม่มาแฟนไม่มี เพลงนี้ใช้ให้กำลังใจตัวเอง ^^

                     ฉันเคยคิดเล่นๆ นะ ว่าถ้ามิวย้ายมาเรียนห้องเดียวกับฉัน แล้วมานั่งคุยเรื่องต่างๆ กับฉันเป็นวันๆ หัวเราะด้วยกัน ยิ้มให้กัน นายนั่นจะรู้สึกยังไง จะหึงฉันมั้ย. . .แต่มันไม่มีทางหรอก. . .

                     ฉันคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว. . .ต่อจากนี้. . .คงจะไม่มีเรื่องราวความรักงี่เง่านี่อีกแล้ว. . .นิยามความรักของฉัน มันคือเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต ที่มันผ่านเข้ามา แต่มันจะไม่ออกจากใจเราไป. . .

                     ทั้งหมดนี่ ก็เป็นรักที่งี่เง่าของฉัน. . .รักที่ไม่มีวันได้สมหวัง. . .รักที่บอกใครแล้วไม่มีใครเข้าใจ. . .แต่ฉันจะไม่ลืมมันไปตลอดกาล. . .

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×