ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh...My....GOD

    ลำดับตอนที่ #90 : ------------------มนุษย์ยักษ์ใน ไบเบิล Bible-------------

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 57


    มนุษย์ยักษ์ (Nephilim)


    หลายครั้งที่เด็กๆ มักขอให้ท้ายเล่าเรื่อง ดาวิดกับ ยักษ์โกลิอัทให้ฟัง และพวกเขาเหล่านั้นจะนั่งฟังด้วยความใจจดใจจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น


    และมีบางครั้ง ผู้มีความเชื่อน้อยบางคนที่นั่งฟังอยู่ ขัดแย้งกับความบอกเล่าของท้ายว่า มันเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก ยักษ์จริงๆไม่มีในโลก

     
    นั้น
    !!!หมายถึง พระคัมภีร์ของพระเจ้า มุสาหรือ?

     

     
    พระองค์บันทึกเอาไว้เพียงให้คนอ่านสนุกสนานกับการอ่านหรือ?

     

    หรือแม้แต่ผู้เชื่อบางคน ก็มักคิดว่า เรื่องราวของ ดาวิดและโกลิอัทเป็นเพียงตำนาน ที่อธิบายถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเท่านั้น

     

    และหลายครั้งที่ท้ายเล่าเรื่องนี้ให้ลูกๆฟังก่อนอนซึ่งมันเป็น เรื่องโปรดเรื่องหนึ่งของเด็กๆ พ่อของเขาที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า มักตะโกน ออกมาว่า “เอา อีกแล้ว นิทานหลอกลูกๆให้เชื่อตามอีกแล้ว”

     

    คำพูดเหล่านั้น มันทำให้ความเชื่อของเด็กๆหลงไป ได้อย่างง่ายๆ


    ท้ายไม่อยากให้เด็กๆ เข้าใจอะไรผิดๆ


    เข้าใจในพระลักษณะของพระคัมภีร์ของพระเจ้าผิดๆ

     

    “พระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอนเป็นความจริง”

     

    มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่คริสเตียนบางคน คิดว่า เรื่องของดาวิดและโกลิอัทเป็นเพียงตำนาน

    และมันจะเป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งกว่า ถ้า คริสเตียนไม่รู้จักจุดประสงค์ที่แท้จริงของพระเจ้าในเรื่องนี้ 

     

    แท้ที่จริงแล้วอะไรก็ตามที่พระเจ้า อนุญาตให้บันทึกลงในพระคัมภีร์ พระองค์ก็มักจะมีข้อพิสูจน์ให้เราทั้งหลายได้เข้าใจ

     

    แน่นอนว่าพระคัมภีร์เป็นจริงทุกข้อทุกตอน

    และใน ตอนนี้ เราจะมา พิสูจน์ กันว่า ยักษ์อย่างโกลิอัท มีจริงไหม?


    โกไลแอธ / โกลิอัท /Goliath/ ชาวฟิลิสเตีย คนเมืองกัท




    สูง 6 ศอกคืบ สวมเสื้อเกราะหนักถึง 5,000 เชเคล
    ตัวหอกหนัก
    600 เชเคล 
    โกไลแอธเป็นยอดทหารที่เก่งกล้า

    ไม่มีนักรบคนใดกล้าต่อกรด้วย 
    แต่ก็ต้องมาตายเพราะนํ้ามือของดาวิด เด็กเลี้ยงแกะที่มีเพียงสลิงเป็นอาวุธ

    ในพระธรรม 1 ซามูเอล ได้กล่าวเอาไว้ว่า

     1 ซามูเอล 17

    1 ฝ่ายคนฟีลิสเตียก็รวบรวมกองทัพเพื่อจะทำสงคราม เขามาชุมนุมกันอยู่ที่ตำบลโสโคห์ ซึ่งเป็นเขตยูดาห์ และตั้งค่ายอยู่ระหว่างตำบลโสโคห์กับตำบลอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม

    2 และซาอูลกับคนอิสราเอลก็ชุมนุมกัน และตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ และวางแนวไว้ต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย

    3 คนฟีลิสเตียยืนอยู่ที่ภูเขาข้างหนึ่ง และคนอิสราเอลยืนอยู่ที่ภูเขาอีกข้างหนึ่ง มีหุบเขาคั่นกลาง

    4 มีผู้หนึ่งชื่อโกลิอัทเป็นยอดทหารได้ออกมาจากค่ายคนฟีลิสเตีย เป็นชาวเมืองกัท สูงหกศอกคืบ

    5 เขาสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ไว้ที่ศีรษะ และสวมเสื้อเกราะ เสื้อเกราะนั้นหนักห้าพันเชเขลเป็นทองสัมฤทธิ์

    6 และสวมสนับแข้งทองสัมฤทธิ์ที่ขา และมีหอกทองสัมฤทธิ์แขวนอยู่ที่บ่า

    7 ด้ามหอกนั้นเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ตัวหอกหนักหกร้อยเชเขลเป็นเหล็ก ทหารถือโล่ของเขาเดินออกหน้า



    คนที่สูง 6 ศอกคืบ ????
    บางคนอ่านคำนี้ ก็สรุปง่ายๆว่า มันใหญ่มากแน่ๆ แต่ถ้าเป็นเด็กบางคน จะถามว่า มันใหญ่ขนาดไหนครับคุณครู เหอๆ ถ้าเจอเด็กที่ไม่สงสัยก็ขอบคุณพระเจ้าคะ แต่ถ้าเราเจอ เด็กขี้สงสัย ถามทุกอย่าง ทุกซอกทุกมุม อย่างลูกชายของท้ายเอง ก็ต้องทำแบบท้ายนี่แหละคะ เพราะท้ายบอกลูกๆเสมอว่า พระคัมภีร์มีคำตอบ  

    เอาหล่ะคะ พล่ามมานาน .....เรามาเรียนรู้เรื่องหน่วยวัดใน พระคัมภีร์เดิมกันก่อนนะคะ เพื่อให้พี่น้องได้เห็นภาพมากขึ้นคะ

     



    คืบ ศอก

     1 คืบ   ในสมัยพันธสัญญาเดิมเท่ากับ 22.21 เซนติเมตร

     1 ศอก   ในสมัยพันธสัญญาเดิมคือ 44.42 เซนติเมตร

    ในสมัย ของ ซามูเอลเป็นเช่นนั้นนะคะ มาเปลี่ยน แบบ วัดใหม่ ในสมัยของ เอเสเคียล ซึ่งในที่นี่ ท้ายจะไม่บอก ให้สับสน กันเยอะนะคะ 

    นั้น ก็ แสดงว่า คนที่สูง 6 ศอกคืบ ก็ = (6x 44.42)+ 22.21 = 288.73 เซนติเมตร

    แต่ในบันทึก เก่าแก่ ในบางเล่ม ได้บันทึกสัดส่วน ของ โกลิอัท เอาไว้ว่า น่าจะสูง ประมาณ 9 ฟุต 9 นิ้วหรือ 2.97 เมตร

     

    นั้นหมายถึงว่า มนุษย์ยักษ์ ในสมัยนั้น สูงเกือบๆ 3 เมตร ลองเอาตลับเมตรมากลางให้เด็กๆดูก็ได้คะ

    เทียบกับคนในสมัยนั้น คือ ซาอูล
    ในพระธรรม 1 ซามูเอล 9:2 นั้น กล่าวว่า “ท่านมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อซาอูล เป็นคนหนุ่มที่ดีที่สุด รูปงาม ไม่มีชายคนใดในหมู่คนอิสราเอลที่จะงามกว่าเขา เขาสูงกว่าประชาชนทั้งหลายตั้งแต่บ่าขึ้นไป”

     

    ซึ่งจากพระธรรมนี้ เห็นได้ว่า ซาอูลในขณะนั้นสูงที่สุดแล้ว  โดยมีหนังสือบางเล่ม บันทึกเอาไว้ว่า คนที่สูงที่สุดในสมัยนั้น สูงไม่เกิน 6 ฟุตสูง หรือ 1.83 เมตร

     

     

    ถ้าเทียบกับคนสมัยนี้ คนเราปรกตินะคะ 190  เซนติเมตร เนี๊ยก็สูงแล้วนะคะ

    แต่ มนุษย์ยักษ์ โกดิอัท สูง 2 เท่า ของคนเรา

    ถ้าคนที่ เตี๊ยหน่อยก็  อาจจะทำกับ  3-4  เท่าของตัวเขาเอง

    เทียบกับ เสาไฟฟ้าสูงบ้านเรา สูง 8 เมตร = 800เซนติเมตร  โกลิอัทสูงเท่ากับ หนึ่งในสามของเสาไฟฟ้าบ้านเราคะ

    ซึ่งอันนี้ เราต้องนึกไปถึงตัวของ ดาวิด ที่พระคัมภีร์ ระบุว่า ดาวิดนั้นเป็น คนรูปร่างเล็ก นะคะ

    แต่มีบางบันทึก ได้ทำรูปมาให้ ดูแบบเป็น ฟุต นะคะ เราจะได้ดูได้ง่ายขึ้น

    หวังว่าพี่น้องคงพอเห็นภาพ นะคะ

    งั้นมาดู อีกหน่วย นะคะ นั้นก็คือ


     

    เชเขล

    1 เชเขล = 14.5 กรัม   ซึ่ง 1 กิโลกรัม ต้องใช้ ถึง 1000 กร้ม

    ในพระคัมภีร์ใน ข้อที่ 5  เขาสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ไว้ที่ศีรษะ และสวมเสื้อเกราะ เสื้อเกราะนั้นหนักห้าพันเชเขลเป็นทองสัมฤทธิ์


    5000 เชเขล = 7250 กรัม  = 7 กิโลกร้ม 2 ขีด ครึ่ง


    เสื้อเกราะของ โกลิอัท มีน้ำหนัก 7 กิโลกรัม โดยประมาณ  อันนี้ ไม่แน่ใจนะคะ ท้ายใช้ สมองปลาทองของท้ายคิด เอาเป็นประมาณเอา หวังว่าพี่น้องคงจะพอเห็นภาพนะคะ

    คนหนึ่งคน แบก เสื้อเกราะ หนัก 7 กิโลกรัม ไว้ตลอดเวลา

     
     

    สรุปแล้ว โกลิอัท สูง 280 - 300 เซนติเมตรโดยประมาณ และเขา สวมเสื้อเกราะ หนัก 7 กิโลกรัมโดยประมาณ ไม่รวม หมวก กับ ดาบและโล่ที่เขาถือนะคะ

     


     

    แต่ว่า ในพระคัมภีร์  Holy Bible ได้กล่าวถึง มนุษย์ยักษ์  ที่ โกลิอัท จะเป็นลูกหลานอยู่ หลายครั้งหลายตอน

    นั้นหมายถึง มนุษย์ยักษ์  ไม่ได้มี โกลิอัทเพียงคนเดียว อาจจะมีคนที่สูง กว่า โกลิอัท หรืออาจจะเตี๊ยกว่า โกลิอัทก็ได้  


    ใน Holy Bible โดยเฉพาะพันธสัญญาเดิมมักพูดถึง มนุษย์ยักษ์ เช่น คนเนฟิล Nefilim   คนอาคาน Anakim 


    ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้ แล้วก็ เอามารวมๆกันเลยนะคะ 

    พระธรรมที่กล่าวถึง มนุษย์ยักษ์

    ปฐมกาล 6:1-7

    1 ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนพื้นแผ่นดินโลก และพวกเขาให้กำเนิดบุตรสาวหลายคน

    2 บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์สวยงาม และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา

    3 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า "วิญญาณของเราจะไม่วิงวอนกับมนุษย์ตลอดไป เพราะเขาเป็นแต่เนื้อหนัง อายุของเขาจะเพียงแค่ร้อยยี่สิบปี"

    4 ในคราวนั้นมีพวกมนุษย์ยักษ์บนแผ่นดินโลก แล้วภายหลังเมื่อบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าสมสู่กับบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ และเธอทั้งหลายคลอดบุตรให้แก่พวกเขา บุตรเหล่านั้นเป็นคนมีอำนาจมาก ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นคนมีชื่อเสียง

    5 และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเจตนาทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป

    6 พระเยโฮวาห์ทรงโทมนัสที่พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์บนแผ่นดินโลก และกระทำให้พระองค์ทรงเศร้าโศกภายในพระทัยของพระองค์

    7 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า "เราจะทำลายมนุษย์ที่เราได้สร้างมาจากพื้นแผ่นดินโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์และสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศ เพราะว่าเราเสียใจที่เราได้สร้างพวกเขามา"

    ได้กล่าวถึง มนุษย์ยักษ์เป็นครั้งแรก สาเหตุแห่งการเกิด มนุษย์ยักษ์ ขึ้นนั้น มีบทความหนึ่ง ของคุณ เหนือสายรุ้ง” ที่ท้ายอ่านแล้ว น่าสนใจมากๆคะ

     

    เลยขอยกบทความทั้งบทความของท่านมาประกอบข้อคิดนี้เลยนะคะ หนังสือปฐมกาล 6:1-4 บอกเราว่า



    ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนพื้นแผ่นดินโลก และพวกเขาให้กำเนิดบุตรสาวหลายคน บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์สวยงาม และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา 
    พระเยโฮวาห์ตรัสว่า
    "วิญญาณของเราจะไม่วิงวอนกับมนุษย์ตลอดไป เพราะเขาเป็นแต่เนื้อหนัง อายุของเขาจะเพียงแค่ร้อยยี่สิบปี" 
    ในคราวนั้นมีพวกมนุษย์ยักษ์บนแผ่นดินโลก แล้วภายหลังเมื่อบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าสมสู่กับบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ และเธอทั้งหลายคลอดบุตรให้แก่พวกเขา บุตรเหล่านั้นเป็นคนมีอำนาจมาก ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นคนมีชื่อเสียง


    มีข้อชวนให้คิดหลายข้อว่าบุตรของพระเจ้าคือใคร และทำไมบุตรของพวกเขากับบุตรสาวของมนุษย์เติบโตขึ้นเป็นมนุษย์ยักษ์บนแผ่นดินโลก



    มีมุมมองเบื้องต้นอยู่สามประการเกี่ยวกับคำว่า บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้า

    1) พวกเขาคือทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาป หรือ 
    2) มนุษย์ผู้มีอำนาจครอบครอง หรือ 
    3) ลูกหลานที่ดีของเสทแต่งงานกับลูกหลานที่ชั่วร้ายของคาอิน น้ำหนักข้อ 1 ดูจะมีมากกว่าข้ออื่นในแง่ที่ว่า เมื่อพันธสัญญาเดิมเอ่ยว่า บุตรทั้งหลายของพระเจ้ามันจะหมายถึงทูตสวรรค์เสมอ (โยบ 1:6; 2:1; 38:7)


    ปัญหาสำหรับข้อ 1 คือข้อพระคัมภีร์มัทธิว 22:30 บอกว่าทูตสวรรค์ไม่แต่งงาน พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าทูตสวรรค์มีเพศ หรือสามารถมีลูกได้ ข้อ 2) และ ข้อ 3) ไม่มีปัญหานี้



    จุดอ่อนของข้อ 2) และข้อ 3) คือ หากมนุษย์ผู้ชายแต่งงานกับมนุษย์ผู้หญิงธรรมดา ๆ ไม่มีเหตุผลว่าทำไมลูก ๆ ของพวกเขาจะกลายเป็น มนุษย์ยักษ์หรือ เป็นคนมีอำนาจมาก ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นคนมีชื่อเสียงไปได้

    นอกจากนั้นทำไมพระเจ้าจึงทรงต้องให้เกิดน้ำท่วมโลกด้วย (ปฐมกาล 6:5-7) ในเมื่อพระองค์ไม่เคยทรงห้ามมนุษย์ผู้ชายที่เป็นคนมีอำนาจหรือลูกหลานของเสทไม่ให้แต่งงานกับมนุษย์ผู้หญิงธรรมดา ๆ หรือลูกหลานของคาอิน การพิพากษาที่จะมาถึงในหนังสือปฐมกาล 6:5-7 โยงไปถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในข้อ 6:1-4 ดังนั้นการแต่งงานที่ลามก, วิปริต ของทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปกับมนุษย์หญิงเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลเพียงพอว่าทำไมจึงเกิดการพิพากษาที่รุนแรงเช่นนั้น



    จากมุมมองข้อที่ 1) น่าจะถูกต้องแม้มันฟังดูเหมือน ขัดแย้งกันที่จะพูดว่าทูตสวรรค์ไม่มีเพศแล้วพูดต่อว่า บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าคือทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปผู้ที่ให้กำเนิดลูกหลานกับมนุษย์ผู้หญิง แต่ทั้ง ๆ ที่ทูตสวรรค์เป็นวิญญาณที่ไม่มีรูปร่าง (ฮีบรู 1:14) 

    ทูตสวรรค์สามารถปรากฏรูปร่างเป็นมนุษย์ได้ (มาระโก16:5) พวกผู้ชายชาวเมืองโสดมและโกโมราห์ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับทูตสวรรค์สององค์ที่อยู่กับโลท (ปฐมกาล 19:1-5) 

    มันเป็นเรื่องที่มีเหตุผลพอสมควรว่าทูตสวรรค์สามารถปรากฏรูปร่างเป็นมนุษย์ได้ถึงขนาดที่สามารถเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ และมีลูกได้ แล้วทำไมทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปไม่ทำแบบนี้บ่อย ๆ? 

    ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะทรงจองจำทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปที่ทำบาปที่ชั่วร้ายแบบนี้เพื่อว่าทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปอื่น ๆ จะไม่กล้าทำแบบเดียวกัน (ดังที่ได้มีบรรยายไว้ในหนังสือยูดาสข้อ 6)

    หนังสือในพระคัมภีร์ที่แปลมาจากภาษาฮีบรูในยุคแรก, หนังสือในพระคัมภีร์นอกสารบบ และ หนังสือปลอมที่เขียนโดยผู้เขียนที่อ้างว่าเป็นผู้เขียนตัวจริง ก็ยังเห็นพ้องต้องกันว่าทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปคือ บุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าที่หนังสือปฐมกาล 6:1-4 1 ได้พูดถึง

    ดังนั้นการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงจบลง แต่มุมมองที่ว่าข้อความในหนังสือปฐมกาล 6:1-4 เกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ที่ล้มลงในความบาปสมสู่กับมนุษย์ผู้หญิงมีหลักเกณฑ์หนักแน่นทั้งทางด้าน เนื้อหา ไวยากรณ์และประวัติศาสตร์ครับ 


    จากคุณ : เหนือสายรุ้ง http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5787178/Y5787178.html






    สรุปง่ายๆก็คือ มนุษย์ยักษ์ เกิดจากความวิปริตทางเพศของทูตสวรรค์และมนุษย์ จึงเกิดความผิดปรกตินี้ขึ้น ซึ่งไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าขนาดที่พระเจ้าอยากจะล้างโลก นั้นเอง  


    แต่จากพระคัมภีร์ ปฐมกาลบทที่ 6 แล้วนั้น มนุษย์ยักษ์น่าจะหายไปเลย กับการล้างโลก แต่ในพระคัมภีร์ กลับบันทึก ถึงมนุษย์ยักษ์เหล่านั้นไว้อีกหลายตอนนั้นแสดงว่า หลังจากล้างโลกในครั้งนั้น ทูตสวรรค์ที่ไม่ดี ก็เริ่มกิจการงานของมันคือก่อกวนงานของพระเจ้า ด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวเช่นเคย  แต่ด้วยพันธสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับโนอาห์ ว่าพระเจ้าจะไม่ทรงล้างโลกด้วยน้ำอีก พระองค์จึงทรงทำตามสัญญา และเอาชนะ มนุษย์ยักษ์ด้วยฤทธิ์ธานุภาพของพระองค์เองโดยผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ทั้งสิ้น



    มีผู้วินิจฉัยประวัติศาสตร์หลายคน วินิจฉัยว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากความกลัวการทำนายของพระเจ้าที่ประกาศว่า มนุษย์ผู้หญิงจะให้กำเนิดบุตรชายที่จะทำลายซาตาน ซึ่งคำทำนายนี้หมายถึง พระเยซูคริส

    ซาตานที่มีความรู้ล่วงหน้า มันจึงตั้งใจจะทำลายเด็กเกรงกลัวพระเจ้าในฐานะที่อาจจะเป็นพระผู้ไถ่ ตามคำทำนาย โดยส่ง เทวดาตกสวรรค์ มาทำการกับหญิงเหล่านั้นแทน

    แต่อย่างไรก็ตาม แผนการเหล่านั้นของมารซาตานก็ได้พ่ายแพ้ ต่อผู้รับใช้พระเจ้า ที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์ ธรรมดาๆ 




    http://remnantofgiants.files.wordpress.com/2011/12/giantgrapescales.jpg
     

    เราจะเห็นพระคัมภีร์กล่าวถึง มนุษย์ยักษ์ อีกครั้งในพระธรรม  กันดารวิถี  เฉลยธรรมบัญญัติ และ โยชูวา  ซึ่งเหตุการณ์ในพระธรรมกันดารวิถี ตอนนั้นได้กล่าวถึงเรื่องราวของ โมเสสที่ได้ใช้คนสิบคนไปสอดแนมที่แผ่นดินคานาอัน และคน 8 คนกลับมาเล่าเรื่องราวที่ตนไปสอดแนมมานั้น ว่า



     กันดารวิถี 13:32 และเขาได้กล่าวร้ายเรื่องแผ่นดินที่เขาได้ไปสอดแนมมาเล่าให้คนอิสราเอลฟังว่า "แผ่นดินที่เราได้ไปสืบดูตลอดแล้วนั้นเป็นแผ่นดินที่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น บรรดาชาวเมืองที่เราเห็นเป็นคนรูปร่างใหญ่โต

    33 ที่นั่นเราเห็นพวกมนุษย์ยักษ์ คือบุตรของคนอานาคซึ่งมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ เราเป็นเหมือนตั๊กแตนในสายตาของเรา ในสายตาของเขาก็เหมือนกัน"

    ไม่เพียงแต่ชื่อ ว่าคน อาคาน (Anakim) เท่านั้นที่ปรากฏ แต่ยังรวมไปถึง สมัยนั้นเรียกคนใหญ่โต หรือ มนุษย์ยักษ์ นี่ว่า คน คนเนฟิล  (Nefilim) ซึ่งปรากฏในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ อยู่หลายตอนในภาคพันธสัญญาเดิม พอสังเขปดังต่อไปนี้


    กดว 13:22 เขาขึ้นไปทางใต้ถึงเมืองเฮโบรน และอาหิมาน เชชัย และทัลมัย คือคนอานาคอยู่ที่นั่น (เมืองเฮโบรนนี้เขาสร้างมาก่อนเมืองโศอันในอียิปต์ได้เจ็ดปี)

    กดว 13:28 แต่คนที่อยู่ในเมืองนั้นมีกำลังมากและเมืองของเขาก็ใหญ่โตมีกำแพงล้อมรอบ นอกจากนั้นข้าพเจ้าทั้งหลายยังเห็นคนอานาคที่นั่นด้วย

    กดว 13:33 ที่นั่นเราเห็นพวกมนุษย์ยักษ์ คือบุตรของคนอานาคซึ่งมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ เราเป็นเหมือนตั๊กแตนในสายตาของเรา ในสายตาของเขาก็เหมือนกัน"

    พบญ 1:28 เราทั้งหลายจะขึ้นไปที่ไหนเล่า พวกพี่น้องของเราได้ทำอกใจของเราให้ฝ่อท้อถอยไปโดยที่ว่า "คนเหล่านั้นใหญ่กว่าและสูงกว่าพวกเราอีก เมืองเหล่านั้นก็ใหญ่มีกำแพงสูงเทียมฟ้า และยิ่งกว่านั้นเราได้เห็นพวกคนอานาคอยู่ที่นั่นด้วย"'

    พบญ 2:10 แต่ก่อนคนเอมิมอยู่ที่นั่นเป็นชนชาติใหญ่และมากและสูงอย่างคนอานาค

    พบญ 2:11 คนเหล่านี้ได้นับว่าเป็นพวกมนุษย์ยักษ์ เหมือนคนอานาค แต่คนโมอับเรียกชื่อพวกนี้ว่าเอมิม

    พบญ 2:21 คนเหล่านั้นใหญ่และมากและสูงอย่างคนอานาค แต่พระเยโฮวาห์ได้ทรงทำลายเขาเสียให้พ้นหน้า และพวกอัมโมนได้เข้ายึดที่ของเขาและตั้งอยู่แทน

    พบญ 9:2 ประชาชนที่สูงใหญ่ เป็นลูกหลานของคนอานาค ผู้ที่ท่านทั้งหลายรู้จักแล้ว และผู้ที่ท่านได้ยินเขาพูดว่า `ใครจะยืนหยัดต่อสู้กับลูกหลานของอานาคได้'

    ยชว 11:21 คราวนั้นโยชูวาได้มาขจัดคนอานาคออกจากแดนเทือกเขา จากเฮโบรน จากเดบีร์ จากอานาบ และจากทั่วแดนเทือกเขาแห่งยูดาห์ และจากทั่วแดนเทือกเขาแห่งอิสราเอล โยชูวาได้ทำลายคนเหล่านี้เสียสิ้นพร้อมทั้งเมืองทั้งหลายของพวกเขาด้วย

    ยชว 11:22 ไม่มีคนอานาคเหลืออยู่ในแผ่นดินของประชาชนอิสราเอล เว้นแต่ในกาซา กัทและอัชโดด ที่ยังมีเหลืออยู่บ้าง

    ยชว 14:12 เพราะฉะนั้นขอมอบแดนเทือกเขานี้ ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสในวันนั้นให้แก่ข้าพเจ้า เพราะท่านได้ยินในวันนั้นแล้วว่าคนอานาคอยู่ที่นั่น มีหัวเมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมอย่างเข้มแข็ง ชะรอยพระเยโฮวาห์จะทรงสถิตกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขับไล่เขาออกไปได้ ดังที่พระเยโฮวาห์ตรัสไว้แล้ว"

    ยชว 14:15 เมืองเฮโบรนนั้นแต่เดิมมีชื่อว่าคีริยาทอารบา อารบาคนนี้เป็นคนใหญ่โตในคนอานาค แผ่นดินจึงได้สงบจากการศึกสงคราม



    มีเยอะมากมายใช่ไหมคะ ที่พูดถึง มนุษย์ยักษ์ และดูท่าทาง พวกมนุษย์ยักษ์ เหล่านั้น มักถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารซะส่วนใหญ่ อีกด้วยนะคะ  และเมื่องใดมีทหาร เป็นพวกมนุษย์ยักษ์  หรือมนุษย์ยักษ์ เป็นคนปกครองเมือง เมืองๆนั้นก็จะสงบสุข เพราะไม่ค่อยมีศึกสงครามสักเท่าไร นั้นอาจจะเพราะ มนุษย์ธรรมดาๆอย่างเราๆ กลัวกันมากนั้นเอง



    ซึ่งท้ายสรุปได้จากข้อพระคัมภีร์ข้อนี้ คะ 

    ยชว 14:15 เมืองเฮโบรนนั้นแต่เดิมมีชื่อว่าคีริยาทอารบา อารบาคนนี้เป็นคนใหญ่โตในคนอานาค แผ่นดินจึงได้สงบจากการศึกสงคราม


    คำถามต่อมาคือ พวก มนุษย์ยักษ์ สูงมากมายเพียงใด เมื่อเทียบกับ โกลิอัท


    มีคำบรรยายเกี่ยวกับ มนุษย์ยักษ์ เอาไว้ในพระธรรม 


    อาโมส 2 :9 เรายังได้ล้างผลาญคนอาโมไรต์ตรงหน้าเขา ซึ่งส่วนสูงของเขาเหมือนอย่างความสูงของต้นสนสีดาร์ และเป็นผู้ที่แข็งแรงอย่างกับต้นโอ๊ก เราทำลายผลข้างบนของเขาเสีย และทำลายรากข้างล่างของเขาเสีย


    ความสูงของต้นสนสีดาร์

    ขอขยายความคำบรรยายนี้ว่า .....จากบทความของท้ายเอง เรื่อง ต้นสนสีดาร์  พบว่า ต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอน มีลำต้นสูงได้ถึง
    30 หรือ 40 ฟุตเลยทีเดียว

    แต่ถ้าเป็น ต้นสนสีดาห์ทั่วๆ ไป อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น
    อาจจะแค่
    3-4 เมตร เท่านั้น แล้วแต่อายุ ของต้นสนนั้นๆ
    แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า สูงเท่ากับต้นสนสีดาห์ นั้น แปลว่า สูงกว่าเราเยอะมาก

    นั้น หมายความว่า  โกลิอัทไม่ใช่คนที่สูงในสุดในชนพวก มนุษย์ยักษ์ คนที่สูงกว่า โกลิอัทก็มี

     ข้อมมูล “ต้นสนสีดาร์”  http://my.dek-d.com/iamtaity/story/viewlongc.php?id=399277&chapter=133

     

    ถ้าพูดกันแบบนี้ ใครๆก็พูดได้ เรามาดูหลักฐาน การมีตัวตนอยู่ของมนุษย์ยักษ์กันนะคะ ^^


    ค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่

     

    http://www.youtube.com/watch?v=CEmnXV5Qs2Q

    วีดีโอนี้ บรรยาย แบบสมองปลาทองอย่างท้ายศรีนะคะ ^^

    นี่คือ วิดีโอบันทึก การขุดสุสาน มนุษย์ยักษ์ Nephilim ในหุบเขาโอไฮโอ

    ขุดพบ โครงกระดูกขนาดใหญ่มาก ในหลุมฝังศพวิลเลียมสันเคาน์ตี้เทนเนสซีใน 1821 (ประวัติความเป็นมาดั้งเดิมของรัฐเทนเนสซี), เฮย์วูด, จอห์น ในป้อมปราการโบราณ มีโครงกระดูกที่มีค่าเฉลี่ยความยาว 7 ฟุต

    ในกลางปี ​​1800 ใกล้ๆ รัตแลนด์และร็อดแมนนิวยอร์ก J.N. DeHart, MD พบกระดูกสันหลัง ขนาดใหญ่ ในกองวิสคอนซินในปี 1876

    W.H.R. Lykins เปิดกะโหลกที่มีขนาดใหญ่และหนา ในกองแคนซัสซิตี้พื้นที่ในปี 1877

    จอร์จดับเบิลฮิลล์
    , MD, ขุดพบโครงกระดูกที่มีขนาดผิดปกติในกองของแอชแลนด์เคาน์ตี้โอไฮโอ

    ในปี 1879
    , พบโครงกระดูก 9 ฟุต 8 นิ้ว ถูกขุดขึ้นมาจากเนินดินใกล้ Brewersville อินดีแอนา (10 พฤศจิกายน 1975)

    "โครงกระดูกซึ่งมีรายงานว่าจะมีขนาดใหญ่" ที่พบในโลงศพดินด้วยแผ่นหินทรายที่มีอักษรอียิปต์โบราณในช่วงการสำรวจเนินดินโดยดร
    Everhart ใกล้ Zanesville โอไฮโอ (American โบราณวัตถุ, v3, 1880 pg61)



    หนังสือ ประวัติศาสตร์โบราณวัตถุ History and Antiquities of Afterdate ของอังกฤษ มีรายงานการค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษ เป็นประวัติการค้นพบที่เกิดขึ้นในสมัยกลาง-Middle Ages (นักประวัติศาสตร์ให้การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในศตวรรษที่ 5 เป็นจุดเริ่มต้นของสมัยกลาง จนในศตวรรษที่ 15 ชาติต่างๆ ในยุโรปสามารถรวมตัวกันเป็นประเทศ รัฐ จนพัฒนาเป็นประเทศต่างๆ ในปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ให้การล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ค.ศ.1453 เป็นจุดสิ้นสุดสมัยกลาง)

    ใจ ความตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า การขุดครั้งนั้นที่ตำบลคัมเบอร์แลนด์ ได้ขุดเจอซากศพของมนุษย์ยักษ์โบราณ สุสานหรือหลุมศพนั้นอยู่ลึกลงไปจากระดับพื้นดินซึ่งเป็นไร่ข้าวโพดประมาณ 4 หลา (3 เมตร หรือ 12 ฟุต) ศพนั้นมีแต่โครงกระดูกอยู่ภายในเสื้อเกราะเหล็กแบบโบราณ ไม่ทราบว่าเป็นชุดเสื้อเกราะในยุคสมัยใด 

    จาก โครงกระดูกวัดจากหัวกะโหลกถึงปลายนิ้วเท้าพบว่ามีความยาวถึง 4 หลาครึ่ง สองข้างของศพมีดาบและขวานขนาดมหึมาวางนอนอยู่ข้างละเล่ม หัวขวานเป็นเหล็กหนา 6 นิ้ว ส่วนดาบก็เป็นเหล็กสองคมยาว 2 หลา รวมกับตัวด้ามถืออีก 16 นิ้วเป็น 2 หลา 16 นิ้ว...ศพซึ่งมีแต่กระดูกพบว่ามีหัวกะโหลกหน้าผากกว้างถึง 18 นิ้ว มีกรามใหญ่และมีฟันยาวยื่นขนาด 6 นิ้ว กว้าง 2 นิ้ว

    หนังสือ บอกไว้ด้วยว่าชิ้นส่วนต่างๆ ของโครงกระดูกยักษ์ที่พบนั้น ถูกพวกนักสะสมของเก่าหรือของแปลกๆ แย่งกันประมูลซื้อกันไปคนละชิ้นสองชิ้น กระจัดกระจายไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของใครต่อใครกันหมด จนไม่เหลือซากให้คนรุ่นหลังได้เห็นกัน เช่น บอกว่า เครื่องแต่งกายชุดเสื้อเกราะโบราณของศพได้ตกไปเป็นสมบัติส่วนตัวของ แซนด์แห่งเรดิงตัน (Sands of Redington) ส่วนอาวุธขนาดยักษ์ตกไปอยู่ในมือของนักสะสมของเก่าชื่อ ไวเบอร์แห่งเซนต์บีส์ (Wybers of St.Bees) 

    รายงาน อีกชิ้นหนึ่งเป็นบันทึกเก่าแก่ของ ดร.มาซูเรียร์ เขียนไว้เป็นแพม เฟลต หรือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่รวบรวมไว้เป็นข้อมูล ความตอนหนึ่งกล่าวว่า มีสุสานแห่งหนึ่งถูกขุดพบใกล้บริเวณปราสาทคูมองต์ในอังกฤษ สุสานนี้มีศพของมนุษย์ที่เหลือแต่โครงกระดูกที่มีความยาวตั้งแต่หัวกะโหลก ถึงปลายเท้าวัดได้ 25 ฟุต มีช่วงไหล่กว้างถึง 10 ฟุต...

    รายงาน กล่าวว่า ดร.มาซูเรียร์ได้พยายามของซื้อชิ้นส่วนของโครงร่างนั้น แต่เขาไม่มีเงินมากพอ และพวกคนงานนักขุดหาของเก่าก็โก่งราคา มีหลากพวกยื้อแย่งกันโดยหวังจะนำไปขายในตลาดมืดของเก่าซึ่งได้ราคาสูงกว่า เขาจึงได้มาเพียงกระดูกหน้าแข้งชิ้นเดียวและนำไปเก็บไว้ ณ พิพิธภัณฑ์ Musee de Paleontologie กรุงปารีส 

     

    ยัง มีหลักฐานการค้นพบมนุษย์ยักษ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรากษส หรือยักษ์ อีกจำนวนไม่น้อย อาทิ ค.ศ.1969 นักโบราณคดีชาวอิตาลี ขุดพบสุสานโครงกระ ดูก 50 โครง บรรจุรวมกันอยู่ในโลงศพใหญ่ที่ทำด้วยดินเผาซึ่งไม่มีลวดลายแกะสลัก หรือเขียนคำจารึกใดๆ ไว้ โดยขุดพบบริเวณตำบลเตอร์ราซินา ห่างจากกรุงโรมไปทางใต้ประมาณ 60 ไมล์ ดร.ลุยจิ คาวาลลูซซิ นักโบราณคดีตรวจสอบโดยละเอียดแล้วลงความเห็นไว้ในบันทึกทางโบราณคดีว่า

    โครง กระดูกทั้ง 50 โครง มีความสูงไม่ต่ำกว่า 7 ฟุต โครงที่สูงที่สุดวัดจากหัวกะโหลกถึงปลายเท้าสูงถึง 9 ฟุต 8 นิ้ว ทั้งหมดตายเมื่ออายุ 35-40 ปีโดยประมาณ พวกเขายังมีฟันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีเกือบทั้งหมด เราตั้งเป็นทฤษฎีขึ้นอธิบายไว้อย่างหยาบๆ ว่า พวกนี้อาจเป็นพวกนักรบป่าโบราณที่ถูกทหารโรมันเกณฑ์มาเป็นทาสทหาร และคงถูกฆ่าตายด้วยเหตุผลบางประการ แต่ที่น่าแปลกคือไม่พบเครื่องแต่งกายหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ ในบริเวณหลุมฝังศพนั้นเลย 


    http://www.bible-archeology.com/2013/01/just-how-tall-was-goliath.html


























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×