ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh...My....GOD

    ลำดับตอนที่ #89 : นิมิต เรื่อง รับผู้หนึ่ง ละอีกผู้หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 55


    ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2555
    เป็นเช้าวันจันทร์ที่พระเจ้าทรงปลุกตี 4 ครึ่ง
    ตอนแรกพระเจ้าปลุกไม่ยอมตื่น นอนแล้วบอกว่าสาธุการพระนามพระเจ้า  แล้วนอนต่อ  = =! ซะงั้น
     จากนั้น ....ปลั๊ก!!! >//< ขาลูกชายสุดที่รักเข้ามาที่ท้องเต็มๆ
    ท้ายจับขาเล็กๆได้โยนทิ้งด้วยความง่วง นอนต่อ
    คราวนี้พระเจ้าลากลงมาจากเตียงด้วยอาการปวดท้องเข้าห้องน้ำอย่างหนัก
    ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงอดทนในการปลุกท้าย ^^
    แต่ในใจก็คิดว่า พระองค์ปลุกท้ายมาทำมายยยยย >//< มันพึ่ง ตี 4 เองนะ
    “อธิษฐาน”
     เสียงนั้นก้องอยู่ในหัว มันทำให้ท้ายต้องคุกเข่าลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น คุกเข่าอธิษฐานตามบัญชา
    แต่ว่า T^T พระบิดาเจ้าข้า อะไรจะเกิดขึ้นหรือ? ทำไมพระเจ้าปลุกแต่เช้า กว่าปรกติตั้ง ครึ่งชั่วโมง
    แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ  = =!
    จากนั้นท้ายก็เริ่มอธิฐานเปิดปากอธิฐาน ในขณะที่ท้ายกำลังพูดๆอยู่นั้น อยู่ๆปากของท้ายก็พูดออกมาว่า
     
    “ถ้าพระเจ้าจะรับคนหนึ่งไปแล้วละอีกคนหนึ่งไว้ก็ขอให้ข้าพระองค์เป็นคนที่ถูกรับไปก่อน”
     
    ท้ายงี้ O{}O!!!! เอ๊ะ!!!!!!! คำพูดนี้ไม่เคยขอเลย พระธรรมข้อนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย
    ที่อธิษฐานทุกวันมีนิมิตของคริสตจักรและครอบครัว บราๆๆตามภาระใจในแต่ละวันเท่านั้น
    แต่คำพูดนี้ ไม่ได้มาจากความคิดท้ายแน่ๆ ท้ายตัดสินใจทูลถามต่อพระเจ้าถึงเรื่องนี้
     
     “พระเจ้าพระองค์ปราถนาสิ่งใดจากตัวข้าพระองค์ พระองค์มีพระประสงค์จะให้ข้าพระองค์ทำสิ่งใดเพื่อพระองค์”
     
    และสิ่งที่ได้ในช่วงเวลานั้น ท้ายต้องรีบวิ่งมาหน้าจอคอม และเรียบเรียงสิ่งเหล่านี้ขึ้น…………………
    มันเป็นคำสั่งสอนของผู้นำของท้ายที่ถ่ายทอดมาให้ ต่างคนกัน ต่างเวลากัน แต่เป็นเรื่องเดียวกัน
     
     
    มธ 24:40 เมื่อนั้นชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง
    มธ 24:41 หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง
    ลก 17:34 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในคืนวันนั้นจะมีชายสองคนนอนในที่นอนอันเดียวกัน จะทรงรับคนหนึ่ง จะทรงละคนหนึ่ง
    ลก 17:35 ผู้หญิงสองคนจะโม่แป้งด้วยกัน จะทรงรับคนหนึ่ง จะทรงละคนหนึ่ง
    ลก 17:36 ชายสองคนจะอยู่ในทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง จะทรงละคนหนึ่ง"
     
    สิ่งที่พระเจ้าทำให้ท้ายเข้าใจในเรื่องยุคสุดท้ายที่ท้ายตั้งใจจะเขียนมันขึ้นเพื่อเก็บเอาไว้ถ่ายทอดในวันข้างหน้า พระคัมภีร์ทำนายไว้ว่า ในอนาตคโลกจะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์เวทนายากลำบาก ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ช่วงระยะเวลา 7 ปี ที่เรียกว่า "กลียุค 7 ปี"
    กลียุค 7 ปี แต่แท้ที่จริง โดยพระคุณพระเจ้า พระองค์ได้ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ด้วยความรักมาแบ่งเบาความทรมานนั้นไป แล้ว 3 ปีครึ่ง  (มัทธิว 24:20-22)  พระเยซูตรัสว่า จงอธิษฐานขอ เพื่อการที่ท่านต้องหนีนั้นจะไม่ตกในฤดูหนาว หรือวันสะบาโต ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ยากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาจนทุกวันนี้และเบื้องหน้า จะไม่มีอีกต่อไป... ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า
     
    กล่าวย้อนกลับไปในสมัยของพระเยซู  พระเยซูมาเกิดบนแผ่นดินโลกเมื่อพระองค์อายุได้ 30 ปี พระองค์เริ่มภารกิจของพระองค์ พระเยซูทำเพียง 4 สิ่งคือ ประกาศ เทศนาสั่งสอน รักษาโรค และ
    ขับผี ในสามปีพระองค์ทำภารกิจนี้อย่างหนัก เรียกได้ว่า ประกาศ เทศนาสั่งสอน รักษา ขับผี ทุกหนทุกแห่งที่พระองค์ดำเนินไป พระเยซูเดินด้วยเท้ากับสาวก พระองค์ประกาศไปทั่วทุกเมือง ค่ำไหน
    นอนนั้น พระองค์ประกอบภาระกิจนี้อย่างเข้มแข็ง พระองค์อดอาหารอธษิฐาน  ในขณะทำภารกิจ  พระองค์รักษาชีวิต ของพระองค์ให้อยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้าในทุกๆเช้า มีชีวิตแห่งการอธิษฐานกับ
    พระเจ้าพระบิดาจริงๆ  
     
    ครึ่งปีหลังพระองค์ถูกจับและถูกตรึง ตามคำพระยากรณ์ และ “สำเร็จแล้ว” พระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตายและส่งต่อภาระกิจนั้นให้แก่สาวก ก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
     
    หลังจากที่พระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ก็เป็นยุคของคริสตจักร เป็นยุคของเหล่า อัครทูต อ.เปโตร อ. เปาโล โดดเด่นและโด่งดังในยุคสมัยนั้น เขาทั้งหลายได้รับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่เต็มขนาด จนถึงความมรณา เพื่อสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์พระเจ้าของเรา ตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ [มัทธิว 28:19-20] "เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัด ซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละ เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"
    โดยมีการเขียนบันทึกต่างๆนานาแต่ไม่มีอะไรแน่ชัด ว่าการตายของอัครทูตนั้นเป็นเช่นไร  มีบทความมากมายเกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ต มีมากมายหลายบทความได้เขียนบันทึกการตายและการรับใช้ของเหล่าสาวกนั้นสมัยเอาไว้
     
    การตายของอัครทูตแต่ละคนได้ตายลงอย่างไร?
    พระคำภีร์ได้บันทึกการตายของอัครทูตไว้เพียงคนเดียวคือยากอบ (กิจการของอัครทูต 12:2)
    ท่านได้ฆ่ายากอบพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ โดยกษัตริย์เฮโรดได้ฆ่าเค้า “ด้วยดาบ
     
    และมีการอ้างอิงที่จะเป็นไปได้เช่นเดียวกันว่าเค้าอาจจะถูกตัดศรีษะ ส่วนการตายของอัครทูตคนอื่นๆนั้นจะรู้ได้โดยการสอนของแต่ละคริสตจักรเท่า นั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรสนใจในเหตุการณ์ต่างๆมากนัก โดยทั่วไปคริสตจักรจะกล่าวถึงการตายที่โรมบนไม้กางเขนของอัครทูตเปโตรโดยการ กลับหัวลงมาโดยไม้กางเขนกลับลงมาเป็นรูปตัวx ซึ่งเป็นไปตามคำพยากรณ์ของพระเยซูคริสต์ (ยอน์น 21:18) ส่วน “เหตุการณ์”การตายของอัครทูตคนอื่นๆจะกล่าวเป็นลำดับต่อไป

    มัทธิวได้รับความทุกข์ทรมานจากการประกาศที่เอธิโอเปีย เค้าถูกฆ่าด้วยดาบ , ยอหน์ได้เผชิญกับความทุกข์ยากในการประกาศโดยเค้าถูกต้มด้วยน้ำมันที่เดือด จัดในอ่างขนาดใหญ่ ในระหว่างที่มีการข่มเหงเกิดขึ้นในกรุงโรม อย่างไรก็ดี เค้าเองได้รอดพ้นจากความตายอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง แต่ต่อมายอห์นได้รับการตัดสินให้จำคุกอยู่ในเกาะแพทมอส และเค้าได้เขียนคำพยากรณ์ซึ่งอยู่ในหนังสือวิวรณ์ที่เกาะนี้นั้นเอง หลังจากนั้นเค้าได้เป็นอิสระและกลับไปประกาศในที่ซึ่งเป็นประเทศตุรกีใน ปัจจุบัน และเค้าได้แก่ชราตาย และเป็นอัครทูตเพียงคนเดียวที่ตายอย่างสงบ

    ยากอบ พี่ชายของพระเยซู (เค้าไม่ได้เป็นอัครทูตอย่างเป็นทางการ) ซึ่งเป็นผู้นำของคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม ได้ถูกขว้างปาด้วยรองเท้ากว่าร้อยคู่จากยอดแหลมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ พระวิหาร เพระเจ้าได้ปฏิเสธที่จะปฏิเสธความเชื่อของเค้าในพระคริสต์ และเมื่อพวกเค้ารู้ว่ายากอบรอดชีวิตพวกศัตรูก็ได้ตีเค้าด้วยไม้ตะบองจนตาย ซึ่งที่ที่เค้าตายนั้นเป็นยอดเขาเดียวกับที่ซาตานได้ทดลองพระเยซู

    บารโธโลมิว หรือ นาธานาเอล ได้ไปเป็นมิชชันนารีที่ทวีปเอเชีย และถวายชีวิตในการรับใช้เมื่อเค้าเทศนาสั่งสอนที่อามีเนีย โดยเค้าได้ตายด้วยการถูกเฆี่ยนตี แอนดรูได้ตายบนไม้กางเขนรูปตัวx ที่ประเทศกรีก หลังจากที่เค้าได้ถูกเฆี่ยนดีโดยทหาร 7 คน ซึ่งเค้าได้มัดแอนดรูด้วยเชือกที่ยาวไว้บนไม้กางเขน ซึ่งแอนดรูก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อเค้าถูกนำตัวไปไว้บนไม้กางเขน เค้าได้โค้งคำนับและกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีความปรารถนาและคาดหวังที่จะมีช่วงเวลาแห่งความสุขเช่นนี้โดยการ อุทิศถวายร่างกายของพระคริสต์ให้ถูกแขวนไว้บนไม้กางเขน” และเค้ายังคงเทศนาสั่งสอนให้กับผู้ที่จับเค้าทรมานไว้ถึง 2 วัน จนเค้าได้สิ้นใจในที่สุด , อัครทูตโทมัสได้ถูกแทงด้วยหอกที่อินเดียในระหว่างที่เค้าเดินทางไปตั้งคริสต จักรที่นั้น , อัครทูตมัทธิวถูกเลือกให้ไปแทนที่คนทรยศที่ชื่อ ยูดาส อิสคาริโอท ที่ถูกขว้างด้วยหิน และหลังจากนั้นก็ถูกตัดศรีษะ ,เปาโลได้ถูกทรมานและเวลาต่อมาเค้าได้ถูกตัดศรีษะโดยจักรพรรด์เนโรแห่งกรุง โรมในปีคศ.67 และสำหรับอัครทูตคนอื่นๆนั้นก็ได้มีการกล่าวต่อกันมาแต่ก็ไม่มีประวัติ ศาสตร์หรือสิ่งใดๆที่จะสนับสนุนและเชื่อถือได้

    ไม่สำคัญว่าอัครทูตเหล่านั้นได้ตายลงอย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญคือความจริงที่ว่าทุกคนยอมตายเพื่อความเชี่อของพวกเขา หากพระเยซูไม่ได้ฟื้นคืนพระชนม์จริงๆพวกเค้าก็จะต้องรู้และแน่นอนว่าไม่มี ใครยอมตายเพื่อสิ่งที่หลอกลวง และด้วยความจริงนี้เองที่ทำให้อัครทูตยอมที่จะ ตายอย่างทรมานและปฏิเสธที่จะเลิกล้มความเชื่อที่มีต่อพระคริสต์ และเป็นพยานในเรื่องความจริงที่ว่าพระเยซูคริสต์ได้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา จากความตายแล้วนั้นเอง
     
     
     
    ยุคของคริสตจักรดำเนินต่อมาเรื่อยๆจนมาถึงยุคของเรา หรืออาจเรียกได้ว่ายุคสุดท้าย
    ยุคสุดท้ายก่อนถึงกลียุค วิญญาณการรับใช้พระเจ้าถดถอย  คนของพระเจ้าไม่ยอมพลีชีพเหมือนสมัยแรกๆ อย่า อ.เปาโลและเปโตร มีเพียงส่วนน้อยที่รับใช้พระเจ้าเอาจริงเอาจัง  วว 3:2 -5 เจ้าจงตื่นขึ้น และกระตุ้นส่วนที่เหลืออยู่ ซึ่งจวนจะตายอยู่แล้วนั้นให้แข็งแรงขึ้น เพราะว่า เราไม่พบการประพฤติของเจ้าที่ดีพร้อม ในสายพระเนตรของพระเจ้า  เหตุฉะนั้น เจ้าจงระลึกว่า เจ้าได้รับ และได้ยินอะไร จงกระทำตาม และกลับใจเสียใหม่ ถ้าเจ้าไม่เฝ้าระวัง เราจะมาหาเจ้าเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่า เราจะมาหาเจ้าเมื่อไร  แต่ก็มีพวกเจ้าสองสามคนที่เมืองซาร์ดิส ที่ไม่ได้กระทำให้เสื้อผ้าของตนมีมลทิน และเขาเหล่านั้น จะแต่งตัวสีขาวเดินไปกับเรา เพราะว่าเขาเป็นคนที่สมควรแล้ว  ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์
    คริสเตียนที่เอาจริงเอาจัง มีน้อย ก็มีแต่สองสามคน อาจจะหมายถึงมีน้อยนั้นเอง คริสเตียนยอมตายต่อตนเองออกไปประกาศออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ชีวิตคริสเตียนของยุคสมัยนี้สุขสบาย “เพราะว่า เราไม่พบการประพฤติของเจ้าที่ดีพร้อม ในสายพระเนตรของพระเจ้า”  คนที่พร้อมในสายพระเนตรของพระเจ้านั้นคริสเตียนทุกคนรู้ดีว่า เป็นเช่นไร  เอาง่ายๆเราลองคิดเล่นๆดูนะคะ วันหนึ่งๆเราประกาศคนมาเชื่อกี่คน เลี้ยงดูเขาให้เป็นสาวกของพระเจ้ากี่คน เดือนหนึ่งกี่คน ปีหนึ่งกี่คน เรากำลังดำเนินชีวิตแบบไหน? ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า หรือตามเนื้อหนังของเรา เราพูดเล่นๆมากกว่าการประกาศพระนามพระเจ้า เรานั่งสรรหาของกินมากว่าการอ่านพระวจนะไหม? เรานั่งดูหนังฟังเพลง หลับนิดเคลิ้มหน่อย กว่าการออกไปสั่งสอนคนที่เข้มแข็งเดินติดตามพระเจ้าไหม?
     
    ในก่อนช่วง กลียุค 3 ปีครึ่ง พระเจ้าบอกชัดว่า จะรับคนหนึ่งไป และละอีกคนหนึ่งไว้ คนที่เดินติดตามพระเจ้าเอาจริงเอาจังยอมละทิ้งความสะดวกสบาย เห็นแก่งานพระเจ้ามากกว่าปากท้องของตนเอง ผู้ที่เห็นแก่บ้านเรือนบนแผ่นดินโลกมากกว่าบ้านที่ถาวรบนแผ่นดินสวรรค์ที่ไม่มีไฟไหม้ ไม่มีใครโกงเอาบ้านของคุณได้ ไม่มีโจรขโมยมาเอาของคุณได้ พระเจ้าจะรับคนคนนั้นไปเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกลียุค  กลียุคนี้ จะเป็นเหตุการณ์โหดร้ายทารุณสยดสยอง พรั่นพรึงอย่างน่ากลัวที่สุด จะไม่มีช่วงใดเลยในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ที่จะน่ากลัวและสยองขวัญ ดัง กล่าวเอาไว้ในพระธรรม ดาเนียล 12:1-2ในครั้งนั้น มีคาเอล เทพผู้พิทักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มกันชนชาติของท่านจะลุกขึ้น และจะมีความยากลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะรับการช่วยกู้ คือทุกคนที่มีชื่อไว้ในหนังสือ   และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างก็เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็เข้าสู่ความอับอายขายหน้านิรันดร์
     
    “บ้างก็เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็เข้าสู่ความอับอายขายหน้านิรันดร์”<<< นี้บงบอกไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์ อาจจะหมายถึงคริสเตียนอย่างเราๆด้วย
    มธ 25:1 
    เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว
    มธ 25:2 
    เป็นคนโง่ห้าคน เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน
    มธ 25:3 
    ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่
    มธ 25:4 
    คนที่มีปัญญานั้น ได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย
    มธ 25:5 
    เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป
    มธ 25:6 
    ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า 'เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด'
    มธ 25:7 
    พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน
    มธ 25:8 
    พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า 'ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว'
    มธ 25:9 
    พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า 'น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า'
    มธ 25:10 
    เมื่อกำลังไปซื้อนั้น เจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด
    มธ 25:11 
    ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า 'ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย'
    มธ 25:12 
    ฝ่ายท่านตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน'
    มธ 25:13 
    เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น
    มธ 25:14 
    และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้
    มธ 25:15 
    คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ (เงินหนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท) คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป
    มธ 25:16 
    คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้น ก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว
    มธ 25:17 
    คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้น ก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน
    มธ 25:18 
    แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียว ได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้
    มธ 25:19 
    ครั้นอยู่มาช้านาน นายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น
    มธ 25:20 
    คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า 'นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์'
    มธ 25:21 
    นายจึงตอบว่า 'ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด'
    มธ 25:22 
    คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า 'นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์'
    มธ 25:23 
    นายจึงตอบว่า 'ดีแล้ว เจ้าทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด'
    มธ 25:24 
    ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า 'นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย
    มธ 25:25 
    ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน'
    มธ 25:26 
    นายจึงตอบว่า 'อ้ายข้าชั่วช้า และเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่า เราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย
    มธ 25:27 
    เหตุฉะนั้น เจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้เงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย
    มธ 25:28 
    เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์
    มธ 25:29 
    ด้วยว่า ผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
    มธ 25:30 
    เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน'
     
    การเตรียมชีวิตของเราที่เข้าสนิทอยู่ในพระเจ้าตลอดเวลา การเอาชีวิตของเราจุ่มลงไปในน้ำมันของพระเจ้าให้ชุ่มไปด้วยน้ำมันตลอดเวลาในทุกๆเช้าวันใหม่เปรียบเหมือนเจ้าสาว 5 คนนั้น เตรียมชีวิตเสมอ แม้ว่าการเตรียมเพียงแต่ชีวิตก็ไม่เพียงพอเราเองต้องรักษาตะลันต์ความสามารถที่พระเจ้าได้มอบเอาไว้ให้กับเรา อย่างน้อยพระเจ้ามอบปากไว้กับเราทุกคน ปากเอาไว้พูดหนุนจิตชูใจให้พี่น้องร่วมกันเดินไปในทางของพระเจ้าจวบจนวันสุดท้าย แต่ที่สุดแล้ว พระเยซูคริสต์ก็ได้เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ปาก ตะลันต์ที่พระเจ้ามอบให้ในการประกาศ เทศนาสั่งสอน คนทุกคน ตลอดชีวิตเพียง 3 ปีของพระองค์ พระองค์ไม่ได้หยุดที่จะรับใช้พระเจ้า พระองค์ตะหนักถึงภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายไว้ให้ในแผ่นดินโลกนี้ วันนี้เราต้องถามว่าพระเจ้าปราถนาสิ่งใดในชีวิตของเรา พระเจ้าเรียกเรามาทำไม แน่นอน พระคัมภีร์บอกชัดว่า “จงออกไป.....” [มัทธิว 28:19-20]
     
     
    วันนี้ถ้าเราไม่อยาก อยู่ในกลียุคที่น่าสยดสยอง ไม่อยากเผชิญกับสิ่งเหล่านั้น กลับใจใหม่ยังไม่สายที่เราจะลุกขึ้นเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า ตั้งใจดำเนินติดตามพระเจ้า ออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ บ้านทุกหลัง คนทุกคนที่เดินสวนกับเราให้เขาเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์
     
    วันนี้เราจะเป็นผู้ ถูก “ละ” หรือถูก “รับ”
    ผู้ที่ถูก “ละ” หรือ “รับ” ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองวันนี้
     
    ขึ้นอยุ่กับการตัดสินใจของคุณเองในวันนี้  ถ้าคุณคิดว่า กลียุคเกิดขึ้น คุณทนไม่ได้แน่ๆ ก็ตัดสินใจรับใช้พระเจ้าจริงจังวันนี้ ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะเพิ่มเติมทุกสิ่งให้ท่านเอง ท่านจะได้ของที่เป็นถาวรบนแผ่นดินสวรรค์ ไม่มีใครขโมยไปได้ ชัวร์ยังกว่าอะไร
     
    ท้ายของแบ่งปันเรื่องหนึ่ง ในปี 2540 วันหนึ่งของปีนั้น ท้ายรับเชื่อได้ประมาณ 3 เดือนได้ วันนั้นท้ายขึ้นไปบนดาดฟ้าของหอ แล้วก้มลงอธิฐานกับพระเจ้าในตอน ตี4 จะตี5 ด้วยลักษณะชีวิตที่พระเจ้าจัดเตรียมเป็นคนตื่นเช้าได้ การเป็นชาวไร่ชาวนาทำให้ท้ายตื่นก่อนคนอื่นเสมอ วันนั้นคือวันที่อธิฐานแล้วเห็นนิมิตชัดเจน สิ่งที่เห็น คือ ผู้คนถูกล่ามโซ่ต่อแถวกันยาวๆ ผู้คนเหล่านั้น เดินด้วยเท้าเปล่า พื้นที่เขาเดินไป คือเศษแก้วแตกจำนวนมาก เท้าของเขาแขนขาของเขาเป็นบาดแผลเต็มไปหมดมีทั้งแผลเก่าแผลไหม่ ผู้คนมากมายล้อมรอบคนเหล่านั้นด้วยความสะใจ เลือดที่หยดไหลออกมาจากร่างกายด้วยคมของแก้วที่บาดลึก ถ้ามีใครล้มลงคนทั้งแถวก็ล้มลงด้วยกัน บาดแผลก็เพิ่มมากขึ้น ภาพนั้นสยดสยอง ถ้ามีใครตาย คนที่เป็นอยู่ที่ถูกล่ามโซ่เข้าด้วยกันต้องรากร่างนั้นไปด้วย  ท้ายเห็นภาพเหล่านั้นแล้วนั่งร้องไห้ บอกเพียงแต่พระเจ้าว่า “ท้ายกลัว....พระองค์เจ้าข้าท้ายกลัว.....” ท้ายทนดูภาพนั้นไม่ได้จนต้องวิ่งลงมาหาพี่เลี้ยงและปลุกเขาจากที่นอนเล่านิมิตที่ได้เห็นด้วยน้ำตา เช้าวันนั้นพี่เลี้ยงของท้ายพาท้ายไปหาพี่เลี้ยงอีกคน ท้ายเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้ท่านฟัง สิ่งที่พี่เลี้ยงท้ายบอกคือ
     
    “ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้น วันนี้ถวายตัวรับใช้พระเจ้าซะ”
     
    วันนั้นเป็นวันที่ท้ายตัดสินใจรับใช้ระเจ้าด้วยความกลัวอย่างจับใจ ท้ายมารู้ตอนหลังว่า ถ้าเรารับใช้จริงจังวันนี้พระเจ้าจะมารับเราไปก่อนกลียุค ด้วยความสั่งสอนของพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงของท้ายท่านเป้นแบบอย่าง ท่านสั่งสอนท้ายในทุกทาง แม้กระทั่งเวลากินข้าว กินข้าวด้วยกันทีไร ท่านจะเปิดประเด็น และสั่งสอนทุกครั้ง มันกลายเป็นชีวิตเวลาเดินไปกับท่าน ท่านก็ไม่ได้หยุดปากของท่านในการสั่งสอนท้ายให้ดีในทางธรรมของพระเจ้ามากขึ้น
     
    ขอให้ข้อความที่ท้ายตั้งใจเขียนขึ้นนี้เป็นพระพรกับพี่น้องบ้างนะคะ
    ขอพระเจ้าอวยพระพรคะ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×