ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh...My....GOD

    ลำดับตอนที่ #77 : ลำดับตอนที่ 77

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 55



    เอา ละ...ขอหักประเด็นตรงนี้หน่อยนะคะ สำหรับผู้ที่เชื่อบางคนอ่านช่วงที่ผ่านมาแล้วอาจจะไม่เข้าใจ ท้ายของอธิบายจากที่ไปค้นคว้าและถามพี่น้องหลายๆคนมาอย่างละเอียดแล้วนะคะ ถ้าพี่น้องอ่านตั้งแต่ต้นมา จะจับใจความได้ว่า พระเจ้าของเราเป็นคนผิด แบบว่าลำเอียง มีความรักที่ลำเอียง และถ้าอ่านต่อมา จะรู้ว่า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ เกี้ยวกาด ไม่อดทนนาน ขนาดที่ ตะหวาดด่าลูซีเฟอร์และไล่ออกจากสวรรค์โดยไร้ซึ่งเหตุผล แต่ตามที่ท้ายรู้จักพระเจ้ามา พระเจ้าของเราไม่เคยลำเอียง พระองค์เป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม ง่ายๆทำไมพระเจ้าจึงใช้ความเชื่อ การตัดสินใจเชื่อเป็นสิ่งตัดสินเราในการรับความรอด

     

     

     นั้น เพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์เสรีภาพในการตัดสินใจ ไม่ว่าคนจะเป็นคนรวยคนจน เด็กหรือผู้ใหญ่ พวกคุณมีสิทธิในการตัดสินใจทั้งนั้น พระเจ้าให้ความเท่าเทียมกับทุกคน พระเจ้าไม่ได้เลือกคนที่ร่ำรวยเงินทองทำบุญเยอะๆจะได้รับความรอด แล้วพวกที่หาเช้ากินค่ำละพววกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาทำบุญ พี่น้อง เรื่องง่ายๆแค่นี้ พี่น้องก็รับรู้ได้แล้วว่าพระเจ้าของเรายุติธรรมแค่ไหน ยกตัวอย่าง ของตอนหนึ่งใน BB

     

     

    มี คนเอาหิวขวางหญิงโสเภณีคนหนึ่ง ในสมัยนั้นถ้าพวกเขาเห็นว่าใครเป็นมลทินเขาจะใช้วิธีเอาหิวขว้าง เป็นวิธีที่ดูถูกเหยียดยามนั้นเอง แต่พระเยซูบอกว่าอย่างไรค่ะ บอกว่า ถ้าใครที่ไม่เคยทำบาปเลย ไม่เคยทำให้ตัวมีมลทินเลยก็จงเอาหินขว้างหญิงนั้นเถิด นั้นหมายความว่า แม้ว่าคนเราจะบาปมาก บาปน้อยเท่าไรมันก็คือบาปเท่ากัน แต่พระเจ้าก็ทรงรักมนุษย์คนบาปอย่างเราๆนี้แหละ  เพราะฉนั้นตัดไปเลยเรื่องความลำเอียงของพระเจ้า

     

     

     

     

     

     

     

    มา เรื่องความเกี้ยวกาดของพระเจ้า การไม่อดทนนานของพระเจ้า พี่น้องต้องกลับไปอ่านใน พระธรรม อพย.ใหม่เลยค่ะ แล้วจะรู้ว่าพระเจ้าอดทนและกระทำคุณให้กับอิสลาเอลเพียงใด พระองค์อดทนนานกับชนชาติของพระองค์นานถึง สี่สิบปีและตลอดมาจนถึงปัจจุบัน  ขนาดเปโตรที่ปฎิเสธพระเจ้าถึงสามครั้ง เปโตรยังเป็นคนแรกๆที่พระเจ้านึกถึงตอนที่พระองค์ฟื้นจากความตายเลย ถ้าเป็นอย่างเราๆ โดนปฎิเสธอย่างนั้นจะกลับไปหาคนนั้นอีกไหม? แต่พระเยซูรักเปโตรและรู้ถึงความมอ่อนแอของเขาและกลับไปหาเขา ถ้าเรื่องความรักและอดทนนานนั้น ท้ายว่าไม่มีใครชนะเลิศเท่าพระเจ้าของเราแล้วละค่ะ ถ้าเรากลับไปอ่าน อพย. ยิ่งจะเห็นความรักและอดทนนานของพระเจ้าเยอะมากขึ้นจริงๆ เพราะฉนั้นคำกล่าวหาพระเจ้าข้อนี้ ตกไปได้เลยค่ะ

     

    ทีนี้...เรามาดูว่า ในทางของพระเจ้าว่าอย่างไรในเรื่อง ลูซีเฟอร์ ท้ายเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่า มีเรื่องนี้ใน BB  ด้วย เหรอ? แต่ท้ายเคยได้ยินเรื่องนี้มาไม่น้อยค่ะ ถ้าใครไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ก็ตั้งใจอ่านดีๆนะคะ  ก่อนที่พระเจ้าจะเริ่มสร้างโลกใบนี้และมนุษย์ขึ้นมานั้น พระเจ้าทรงสถิตอยู่บนสวรรค์และพระองค์ก็ทรงสร้างทูตสวรรค์มากมายเป็นผู้รับ ใช้พระองค์บนแผ่นดินสวรรค์ และมีทูตสวรรค์หลักๆ อยู่สามองค์ที่พระเจ้าตั้งเอาไว้ให้ต่ำกว่า

    พระเจ้านิดเดียว นั้นหมายถึงทูตสวรรค์ทั้งสามองค์นี้มีฤทธิ์เดช มีอำนาจเทียบเท่าพระเจ้ามีเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาทำไม่ได้คือ พิพากษา ฑูตสวรรค์ที่ว่านั้นก็คือ คาเบียน มีคาเอล และ ลูซีเฟอร์

     

     

    การ เชื่อฟังบ่งชี้ให้เราเห็นถึงการปกครอง ปกคลุมอยู่ของคนคนนั้น เช่น ถ้าเราเชื่อฟังพ่อแม่ของเรา นั้นแสดงว่าเราอยู่ภายใต้การปกครองของพ่อแม่ เราเชื่อฟังครูบาอาจารย์เราก็อยู่ภายใต้การปกครองของอาจารย์ เราเชื่อฟังพระเจ้าเราก็จะอยู่ภายใต้การปกครอง และปกคลุมของพระเจ้า นั้นเอง      

     

    ถ้าพี่น้องสังเกตุดีไม่ว่าจะอยู่ใน




    อีกเรื่อง เป็นเรื่อง ของเลขอาถรรพณ์ซึ่งท้ายว่ามันแปลกอยุ่นะคะ แบบว่าแปลกดีนะคะ




    666 เลขอาถรรพณ์

    666 เลขอาถรรพณ์

              ไทยรัฐฯ ซันเดย์สเปเชียล สัปดาห์นี้ขอเสนอเรื่องราวของเลขอาถรรพณ์ 666 ที่ฝรั่งแสนจะกลัวนักกลัวหนา มีการตี ความกันมานับแต่โบราณกาล จวบจนปัจจุบันว่าปิศาจร้ายที่จะมาพร้อมกับเลขนี้มันคืออะไรกันหนอ ซึ่งก็ยังเถียงกันไม่จบ หาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

              ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกเรียกว่า Old Testament กับ New Testament เล่มสุดท้ายในจำนวน 27 เล่มของ New Testament มีชื่อว่า Revelation หรือบางแห่งก็เรียกว่า Apoc alypse ตามศัพท์เดิมที่มาจากภาษากรีก (ขอใช้คำทับศัพท์เพื่อป้องกันความผิดพลาด) มีเนื้อหาเรื่องราวมากกว่าเล่มอื่นๆ และ 666 ก็มาจาก Revelation นี่เอง ในบทที่ 13 ตอนที่ 16-18 ของคัมภีร์กล่าวถึงสัตว์ร้าย (beast) ซึ่งน่าจะหมายถึงซาตานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาคริสต์ (ตามเนื้อหาในหนัง) สัตว์ร้ายที่ว่านี้มีชื่อซึ่งเขียนได้ตรงกับตัวเลขที่มนุษย์ใช้กันคือ 666 ไบเบิล เองนั้นตีพิมพ์ออกมาหลายภาษา แค่ที่เป็นภาษาอังกฤษก็มีอยู่หลายเวอร์ชั่น ดังนั้น จึงมีความแตกต่างกันไปบ้างนิดๆหน่อยๆ อย่างคัมภีร์บางฉบับบอกแค่ว่า 666 เป็นสัญลักษณ์ ที่อยู่ประจำตัวสัตว์ร้ายนั้น ฝรั่งเขาตีความกันว่าสัตว์ร้ายนั้นต้องเป็นใครสักคน ที่ต่อต้านศาสนาคริสต์ หรือเป็นตัวการทำลายล้างมนุษยชาติ ทำให้มีข้อมูลแปลกๆหลายอย่างเกิดขึ้นมาให้เห็น โดยที่ทั้งหมดสามารถถอดรหัสออกมาได้เป็น 666!!!

              พระกรีก นิกายโปรเตสแตนต์รูปหนึ่งชื่อ อิเรเนอุส ผู้มีชีวิตอยู่ในราว ค.ศ.100-202 พระรูปนี้ขึ้นชื่อในเรื่องต่อต้านพวกที่เป็นปฏิปักษ์กับศาสนาคริสต์ แบบโปรเตสแตนต์ หลังจากเสียชีวิตไป ได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญอิเรเนอุส ได้เขียนหนังสือชื่อว่า Against Heresies ในนั้นได้กล่าวถึงเลข 666 ไว้ไม่น้อย ท่านได้ใช้ภาษากรีกในยุคของท่านเขียนแทนคำหลายคำ อย่างเช่นคำว่า LATEINOS ซึ่งมีความหมายว่า คนที่ใช้ภาษาลาตินในการพูดสื่อสารกัน จากนั้น ตัวอักษรแต่ละตัวเมื่อแทนค่าด้วยตัวเลขตามความหมายในภาษากรีกโบราณแล้ว จะได้ค่าตัวเลขดังต่อไปนี้ L=30 A=1 T=300 E=5 I=10 N=50 O=70 S=200 เมื่อเอาตัวเลขที่ได้มารวมกัน แล้วได้ค่าเท่ากับ 666 พอดี

              ที่น่าประหลาดคือ ลาตินเป็นภาษาทางการของวาติกัน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคริสต์แบบโรมันคาทอลิก นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายคำที่เมื่อแปลงตัวอักษรไปเป็นตัวเลขโดยวิธีเดียวกันแล้วก็จะได้ 666 เช่นกัน คำเหล่านั้น ได้แก่ HE LATINE BASILEIA (แปลว่า อาณาจักรของพวกลาติน) ITALIKA EKKLESIA (ศาสนาคริสต์แบบอิตาลี ซึ่งก็น่าจะหมายถึงโรมันคาทอลิกนั่นเอง) APO STATES (การกบฏทางศาสนา) PARADOSIS (คำนี้ตรงกับคำว่า Tradition ในภาษาอังกฤษความหมายในที่นี้เจาะจงถึงข้อปฏิบัติบางอย่าง ที่คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ไม่พอใจว่าวาติกันกำหนดขึ้นเอง โดยวาติกันให้เหตุผลว่าเป็นข้อปฏิบัติที่ไม่ถูกบันทึกไว้) เกี่ยวกับการแทนค่าของคำแต่ละคำ นอกจากการแปลงตัวอักษรเป็นตัวเลขโดยใช้ภาษากรีกโบราณแล้ว การแปลงโดยใช้ภาษาฮีบรูในคำบางคำที่มีความหมายว่าอาณาจักรโรมัน และคนโรมัน ก็ให้ค่า ตัวเลขรวมออกมาเป็น 666 เช่นกัน (ขอให้ดู ตารางประกอบด้วยจะเห็นภาพที่ชัดเจน) ดังนั้น ความหมายตามที่อิเรเนอุสถอดรหัสออกมา สัตว์ ร้ายหรือปิศาจที่กล่าวถึงในไบเบิลคือพวกที่ไม่ยึดถือตามแนวทางปฏิบัติแบบ เดิมนั่นเอง

              ในภาษาฮีบรู คำว่า ROMIITH แปลว่า อาณาจักรโรมัน ROMITI แปลว่า คนโรมันตารางต่อไปแสดงให้เห็นค่าของตัวเลขที่เมื่อรวมแล้วก็ได้ 666 เช่นกัน

              เหรียญทองโบราณที่ทำขึ้นในยุคบาบีโลนจำนวน หนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ ในกรุงเบอร์ลิน เป็นเหรียญสองด้านที่บอกให้ ทราบว่าพวกเขานับถือพระอาทิตย์ อีกด้านหนึ่งเป็นตารางสี่เหลี่ยมจำนวน 36 ช่อง คือเรียงในแนวตั้งหกช่อง แนวนอนหกช่อง ตารางนี้ใส่ตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 36 ลงไปโดยไม่ซ้ำกัน ซึ่งนักโบราณคดีกล่าวว่า ช่องทั้ง 36 ช่องมีความหมายถึงสวรรค์ ที่ยึดหลักดาราศาสตร์ 36 ชั้น เหรียญพวกนี้จะใช้ประกอบการทำนายอนาคตที่นักบวชจะเป็นผู้ทำหน้าที่นั้น แม้จะไม่ได้โยงไปหาไบเบิล แต่ที่แปลกคือ ตัวเลขในตารางแต่ละแถว ไม่ว่าแนวตั้ง หรือแนวนอนรวมกันแล้วได้ผลลัพธ์เป็น 111 ซึ่งเมื่อคูณด้วย 6 (ซึ่งหมายถึง 6 แถว) ก็ได้ค่าออกมาเป็น 666 แม้กระทั่งช่องตามแนวทแยง ก็ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ส่วนอีกเหรียญหนึ่งเป็นของกรีกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน (สำหรับคนที่เคยเล่นเกมส์ Sudoku คงเข้าใจหลักการของการเรียงตัวเลขแบบนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมต้องเป็น 666?)

              มีนักทำนายอนาคตชาวตะวันตกบางคนทำนายโดยอิงข้อความดังกล่าวจากไบเบิลไว้ว่า 666 นั้นเป็นการบอกถึงวันสิ้นโลก ซึ่งน่าจะได้แก่วันที่ 6 เดือนมิถุนายน ค.ศ.1906 หรือไม่ก็วันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.2006 ซึ่งทั้งสองวันตามคำทำนายก็ผ่านมาเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

              นอกจากการเกี่ยวข้องในด้านความเชื่อทางศาสนาแล้ว 666 ยังไปเกี่ยวข้องกับอะไรที่แปลกๆอีกหลายเรื่อง

              ผลบวกตัวเลขทั้งหมดในวงล้อรูเล็ตต์ ซึ่งมีตัวเลข 1 ถึง 36 นั้น เท่ากับ 666

              666 เป็นชื่อเล่นที่นักเคมีใช้เรียก Benzene Hexachloride ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงที่ออกฤทธิ์แรงมาก สัญลักษณ์ทางเคมีของสารชนิดนี้คือ C6H6C16

              ผลบวกของค่าเงินแบบเหรียญของญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่า 500, 100, 50, 10, 5, 1 เยน รวมกันแล้วเท่ากับ 666 เช่นเดียวกับผลบวกของตัวเลขโรมัน D=500, C=100, L=50, X=1, V=5, I=1 (แต่เลขโรมันยังมี M อีกตัวที่มีค่าเท่า กับ 1000)

              ชื่อเต็มของอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน นั้นมีจำนวนตัวอักษรที่นับได้ 666 คือ RONALD WILSON REAGAN ทำให้เขามีชื่อเล่นในหมู่คนสนิทว่า “666” นอกจากนั้น บ้านที่แคลิฟอร์เนียของเขาในช่วงที่พ้นจากตำแหน่งคือบ้านเลขที่ 666 ซึ่งต่อมาถูกขอให้ เปลี่ยนเป็น 668

              ที่สหรัฐอเมริกามีทางหลวงหมายเลข 666 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “the Highway of the Beast” ต่อมาถูกเปลี่ยนหมายเลขเป็น 491 ในปี 2003

              โลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วหลังการเกิดของคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หลายคนมองว่าเป็นตัวการที่นำมนุษยชาติไปสู่การทำลายล้างกันได้เร็วขึ้นและ ง่ายขึ้น ถ้าเราเอาตัวอักษร ในภาษาอังกฤษเริ่มจาก A แทนค่าด้วย 1, B=2 แบบนี้ไปจนถึงตัว Z ซึ่งเท่ากับ 26 แล้วเอาตัวเลขที่ได้มาแทนค่าในคำว่า COMPUTER ตัวเลขที่ได้คือ 3 15 13 16 21 20 5 18 เมื่อเอาตัวเลขแต่ละตัวคูณด้วย 6 แล้วนำผลลัพธ์มาบวกกัน ค่าสุดท้ายที่ได้คือ 666 ส่วนตัวอักษร www ซึ่งรู้กันดีว่าคือ World Wide Web นั้น มีค่าเท่ากับ 666 ในภาษาฮีบรู เพราะตัวอักษรตัวที่ 6 ในภาษาฮีบรูนั้นเขียนเป็น W หรือ V

              สรุปแล้ว 666 สำหรับชาวคริสต์บาง กลุ่มเป็นตัวเลขที่ไม่ น่าพิสมัยเอาเสียเลยซึ่งเรื่องเกี่ยวกับอาถรรพณ์เลข 666 นี้ก็มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วถึง 2 ครั้งในชื่อ The Omen ครั้งแรกฉายเมื่อปี ค.ศ.1976 และนำกลับมาสร้างใหม่ออกฉายในปีนี้ เนื้อหาของหนังเป็นเรื่องราวของปิศาจร้ายที่มาเกิดเพื่อทำลายล้างมนุษย์ให้ หมดไป

              การ มาของมันจะมีเหตุการณ์ร้ายๆหลายอย่างเกิดขึ้นบนโลกเรา ในทำนองลางบอกเหตุ ปิศาจร้ายจะเกิดขึ้นมาในลักษณะของทารกเพศชายโดยทั่วไป แต่มีสัญลักษณ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดคือ เลขอาถรรพณ์ 666

              ซึ่งในการสร้างครั้งหลังนี้ก็ยิ่งระทึกขวัญเร้าใจยิ่งไปกว่าเก่า หากท่านผู้อ่านสนใจก็หาชมได้จาก VCD และ DVD ครับ

    ข้อมูลจาก




    ต่อมาเป็นอันนี้คะ อันนี้ท้ายว่า ก็ฟังขึ้นนะคะเพราะมันไม่มีบทสรุปให้เป็นแบบกลางๆดี



             ที่มาของเลขซาตาน หรือ 666 นั้นมาจากคำทำนายที่ถกเถียงกันอย่างไม่สิ้นสุดในพระคัมภีร์วิวรณ์ ซึ่งเป็นบทสุดท้ายในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ พระคัมภีร์วิวรณ์เล่าถึงวันสิ้นโลก (Armageddon) ซึ่งเกิดมหาสงครามขึ้นระหว่างความดีและสิ่งชั่วร้าย โดยในที่สุดความดีหรือพระเจ้าจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ ทั้งนี้ในคัมภีร์นี้เรียกซาตานว่าเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ (อัน นี้เขาอาจจะหมายถึง จุดสิ้นสุดของความบาป แบบว่า โลกเราบาปมากๆจนต้องล้างมันนัั้นเอง คล้ายๆ กับเมืองโสโดม ที่บาปมากมายจนมิอาจล้างได้ ก็เลยต้องล้างด้วยไฟ)



             บทที่ 13 ของคำภีร์วิวรณ์กล่าวถึงเลข 666 อย่างชัดเจน โดยได้บรรยายถึงสัตว์ร้ายหรือซาตานที่มีอำนาจชั่วช้าและคุณลักษณะของเหล่า สาวกของมัน โดยมีตอนหนึ่งระบุว่า บนมือขวาและหน้าผากของพวกมันจะมีเครื่องหมายของซาตานบ่งบอกไว้ ซึ่งก็คือหมายเลข 666 นั่นเอง

    วิวรณ์ 13

    สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเล
    13:1 และข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ที่หาดทรายชายทะเล และเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา ที่เขาทั้งสิบนั้นมีมงกุฎสิบอัน และมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทจารึกไว้ที่หัวทั้งหลายของมัน
    13:2 สัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าได้เห็นนั้น เหมือนเสือดาว และเท้าเหมือนเท้าหมี และปากเหมือนปากสิงโต และพญานาคได้ให้ฤทธิ์ของมัน และที่นั่งของมัน และสิทธิอำนาจอันใหญ่ยิ่งแก่สัตว์ร้ายนั้น
    13:3 ข้าพเจ้าได้เห็นว่าหัวๆหนึ่งของสัตว์ร้ายดูเหมือนถูกฟันปางตาย แต่แผลที่ถูกฟันนั้นรักษาหายแล้ว คนทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
    13:4 เขาทั้งหลายได้บูชาพญานาคที่ได้ให้อำนาจแก่สัตว์ร้ายนั้น เขาได้บูชาสัตว์ร้ายนั้น กล่าวว่า "ใครจะเปรียบปานสัตว์นี้ได้ และใครสามารถจะทำสงครามกับสัตว์นี้ได้"
    13:5 และยอมให้สัตว์ร้ายนั้นมีปากที่พูดคำกล่าวร้ายและหมิ่นประมาท และยอมให้มันใช้อำนาจกระทำอย่างนั้นตลอดสี่สิบสองเดือน
    13:6 มันกล่าวคำหมิ่นประมาทต่อพระเจ้า เพื่อหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ ต่อพลับพลาของพระองค์ และต่อผู้ที่อยู่ในสวรรค์

    สัตว์ร้ายกระทำสงครามกับพวกวิสุทธิชน
    13:7 และยอมให้มันทำสงครามกับพวกวิสุทธิชน และชนะเขา และให้มันมีอำนาจเหนือชนทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกประชาชาติ
    13:8 และบรรดาคนที่อยู่ในแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก ผู้ทรงถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก
    13:9 ใครมีหูก็ให้ฟังเอาเถิด
    13:10 ผู้ใดที่กำหนดไว้ให้ไปเป็นเชลยผู้นั้นก็จะต้องไปเป็นเชลย ผู้ใดฆ่าเขาด้วยดาบผู้นั้นก็ต้องถูกฆ่าด้วยดาบ นี่แหละคือความอดทนและความเชื่อของพวกวิสุทธิชน

    สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากแผ่นดิน
    13:11 และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะ และพูดเหมือนพญานาค
    13:12 มันใช้อำนาจของสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้นอย่างครบถ้วนต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวเดิม นั้น มันทำให้โลกและคนที่อยู่ในโลกบูชาสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น ที่มีแผลปางตายแต่รักษาหายแล้ว
    13:13 สัตว์ร้ายนี้แสดงการมหัศจรรย์ใหญ่ จนกระทำให้ไฟตกลงมาจากฟ้าสู่แผ่นดินโลกประจักษ์แก่ตามนุษย์ทั้งหลาย
    13:14 มันล่อลวงคนทั้งหลายที่อยู่ในโลกด้วยการอัศจรรย์นั้น ซึ่งมันมีอำนาจกระทำท่ามกลางสายตาของสัตว์ร้ายตัวเดิมนั้น และมันสั่งให้คนทั้งหลายที่อยู่ในโลกสร้างรูปจำลองให้แก่สัตว์ร้าย ที่ถูกฟันด้วยดาบแต่ยังมีชีวิตอยู่นั้น
    13:15 และมันมีอำนาจที่จะให้ลมหายใจแก่รูปสัตว์นั้น เพื่อให้รูปสัตว์ร้ายนั้นทั้งพูดได้ และกระทำให้บรรดาคนที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้นถึงแก่ความตายได้
    13:16 และมันยังได้บังคับคนทั้งปวง ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย คนมั่งมีและคนจน ไทยและทาส ให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของเขา
    13:17 เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้ นอกจากผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น หรือชื่อของสัตว์ร้ายนั้น หรือเลขชื่อของมัน
    13:18 ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก




    นาน นับหลายร้อยปีแล้วที่บรรดานักเทววิทยาครุ่นคิดและพยายามตีความภาษาเชิง สัญลักษณ์ที่เต็มไปด้วยคำทำนายเหล่านี้ และยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันถึงความหมายที่แท้จริงของหมายเลขนี้ นักเทววิทยาที่ศึกษาเรื่องวันสิ้นโลกบางกลุ่มตีความว่า "สัตว์ร้าย" คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกควบคุมโดยผู้ที่ต่อต้านพระคริสต์ หรือเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์เอง ขณะที่นักวิชาการบางกลุ่มเชื่อว่าหมายเลข 666 ในคัมภีร์วิวรณ์อ้างถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ เช่น ดร.เดลเบิร์ต ฮิลเลอร์ ซึ่งเชื่อว่าหมายเลขนี้เป็นรหัสของจักรพรรดิเนโร รวมถึงจักรพรรดิของชาวโรมันองค์อื่นๆ อีก ซึ่งมีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สนับสนุนด้วย เนื่องจากจักรพรรดิเหล่านี้ปราบปรามและเข่นฆ่าทั้งชาวยิวและชาวคริสต์ในยุค แรกอย่างหนัก ขณะที่ทราบกันว่า ชน 2 กลุ่มนี้มีชีวิตอยู่รอดด้วยการใช้ตัวเลขและรหัสเพื่อหลบหลีกการถูกประหัต ประหารภายใต้การปกครองของจักรพรรดิโรมัน




             นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่าทำไมถึงต้องเป็นเลข 666 แต่ก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด บางกลุ่มเชื่อว่า เลข 6 เป็นเลขของมนุษย์ เนื่องจากคัมภีร์ไบเบิลเล่าว่าพระผู้เป็นเจ้าสร้างมนุษย์ในวันที่ 6 ขณะที่ซานตานนั้นถูกระบุว่าเป็นสิ่งมีชวิตที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (ตรงข้ามกับแนวคิดที่พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง) ดังนั้น หมายเลขของซาตานน่าจะเกี่ยวพันกับหมายเลขของมนุษย์และเป็นที่มาของหมายเลข 666 อย่างไรก็ตาม คำอธิบายดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎีที่ถกเถียงกันอย่างไม่มีวันจบเกี่ยว กับเลขนี้เท่านั้น



             แต่ที่แน่ๆ มีชาวคริสต์ไม่น้อยที่หวาดหวั่นกับตัวเลขนี้ ไม่แพ้กับเลข 13 จึงไม่น่าแปลกที่ต่างพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เลขอาถรรพณ์เหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อบริษัทอินเทลผลิตซีพียูรุ่นเพนเทียม 3 ความเร็ว 666 เมกะเฮิร์สออกมาในปี 1999 ก็ตัดสินใจวางจำหน่ายในชื่อ "Pentium III 667" แทน



    ข้อมูลจาก ๑๐๘ ซองคำถาม

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=milintaria&date=03-06-2007&group=2&gblog=4


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×