ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh...My....GOD

    ลำดับตอนที่ #75 : The Satanic Bible -VS-HOLY BIBLE ตอนที่ 6 LUCIFER

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 55




    [The Satanic Bible] LUCIFER
    http://www.bloodygoodhorror.com/bgh/files/Satan_I_2.jpg
    "เป็นใหญ่ใน นรก ดีกว่าเป็นทาสบน สวรรค์"

    เป็นคำกล่าวของเทวดาที่เป็นเทพแห่งความรัก
    นั้น คือ LUCIFER เจ้าชายแห่งนรก
    ผู้สร้างอาณาจักรของตนจากไฟแห่งความอิจฉาริษยา
    ใน ตอนเริ่มต้น พระเจ้า สร้าง LUCIFER และ CHALDEAN เพื่อเป็นเทวดา
    ผู้ให้ความรักก่อ เกิดแก่มวลมนุษย์ และเหล่าเทวดาด้วยกันเอง
    เป็นเช่นนั้นอยู่นาน จนกระทั้ง อำนาจแห่ง ปาฏิหาริ์ ของ
    CHALDEAN ได้ทำการสร้างเทวทูตองค์น้อย
    นาม CUPID ขึ้นเนื่องจาก

    เมื่อมนุษย์ มีการแพร่ขยาย
    เผ่าพันธุ์ มากขึ้น ภาระหน้าที่ ของเทพทั้ง 2 ไม่เพียงพอ
    ต่อจำนวนมนุษย์ หลังจากที่ได้สร้าง CUPID
    ขึ้น มา ทำให้ LUCIFER ไม่พอใจ
    ที่ CHALDEAN ไม่ปรึกษาตน LUCIFER
    จึงนำเรื่องไปกราบทูลต่อ พระเจ้า
    พระเจ้า ได้เรียก CHALDEAN กับ CUPID น้อย
    เข้า มาหาและสอบถาม แต่ด้วยความน่ารัก
    ของ CUPID น้อยทำให้พระเจ้าทรงเอ็นดู
    ใน ทุกๆ ห้วงเวลาแห่งโลกทิพย์

    หลังจากที่ อดัม และ เอวา
    ถูกขับไล่ออกจาก สวนสวรรค์แห่งเอเดน
    พระเจ้าก็จะเรียกหาเจ้า CUPID น้อยเข้ามาหา ซึ่งนั่นทำให้
    LUCIFER ผู้ที่พระเจ้าเคยโปรดปราน
    รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อนานวันเข้า ก็เปลี่ยนเป็นความอิจฉาริษยา

    จนกระทั่งในครั้งหนึ่ง LUCIFER ตัดสินใจ
    บุกเข้าไปถาม พระองค์ด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวว่า

    ทำไมท่านถึงทรงทำกับข้าพระองค์เช่นนี้
    ใย ลำเอียง ไม่ทรงรักข้าพระองค์เหมือนก่อน

    เมื่อพระเจ้าได้ยินดัง นั้นก็ทรงกริ้ว
    และแผดเสียงของพระองค์ด้วยภาษาที่ทั้งเหล่ามนุษย์ และเทวดา
    ไม่สามารถจะรับไหว นอกจาก เทวดา
    เพียงองค์เดียวเท่านั้น นั่นคือ METATRON
    ทำให้สวรรค์สะท้านสะเทือนไปทั่ว ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ฟัง
    สิ่ง ที่พระเจ้าตรัสจาก METATRON

    LUCIFER ก็เข้าใจว่าพระเจ้าทรงขับไล่เขาออกไปจากสวรรค์
    LUCIFER ถึงกับประกาศก้องด้วยความโกรธว่า

    "เป็นใหญ่ในนรก ดีกว่าเป็นทาสบนสวรรค์"

    พร้อมกับหักปีกของตนทิ้ง คำพูดของ LUCIFER
    ดัง กึกก้องไปถึงหูพวก DEMON สัตว์อัปลักษณ์
    ที่วนเวียนอยู่ตามป่าลึกและใต้ผืนดิน
    ต่างพากัน ลุกฮือ โห่ร้องที่ได้ยินเช่นนั้น
    LUCIFER เริ่มมองหาที่ๆตนจะสร้างอาณาจักรขึ้นเอง
    แต่ ในโลกมนุษย์นั้น ไม่มีที่พอสำหรับเขา

    เขาจึงดำดิ่งสู่ห้วงมหาสมุทร อันเวิ้งว้าง
    ลึกลง ไปจนสุดผืนแผ่นดินใต้มหาสมุทร

    เพื่อสร้างอาณาจักรของตนขึ้นด้วยเปลวเพลิงแห่งความ อิจฉา
    และแผดเผาทุกอย่างสิ้นด้วยไฟแห่ง โทสะ สร้างบัลลังก์ของตนขึ้น
    จาก แรงอาฆาตพยาบาท ริษยา

    เพื่อรอวันกลับมาแก้แค้นพระเจ้า...

             

    HOLY BIBLE

    ลูซิเฟอร์ (อังกฤษ: Lucifer) เป็นจอมมารแห่งนรก มีบทบาทเป็นอย่างมากในพระตำนานของศาสนาคริสต์ คำว่าลูซิเฟอร์ เป็นคำละตินมาจากคำว่า "Lux" แปลว่าแสงสว่าง และ "Ferrer" แปลว่า ผู้นำมา หรือผู้ถือ นำมารวมกันแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง" หรือแปลในแบบที่เข้าใจง่ายๆ ว่า "รุ่งอรุณ" หรือ "ดาวแห่งแสงสว่าง"

    เป็นชื่อที่ใน ภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปหมายถึง ปีศาจ หรือ ซาตาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอ้างอิงถึงสถานะของเขาเป็น ทูตสวรรค์ที่ล้มลง ใน ภาษาละติน ซึ่งคำภาษาอังกฤษที่ได้มา, ลูซิเฟอร์ (เป็นคำนาม) หมายถึง "แสงผู้ถือ" (จากคำ lucem Ferre) มันเป็นชื่อที่กำหนดให้ ดาวรุ่ง คือดาวเคราะห์ ดาวศุกร์ เมื่อมองเห็นได้ที่ รุ่งอรุณ การใช้ชื่อ "ลูซิเฟอร์" ใช้สื่อความหมายถึง ปีศาจ เกิดจากการนำไปใช้ในสิ่งที่ชั่วร้าย

    ตามตำนานของชาวคริสต์ จากคัมภีร์พันธสัญญาเดิม ได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้มีการโยงถึงปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอาดัม และอีฟ

    นักบุญเจอโรมนักพรตในศาสนจักรในยุคกลาง ได้ให้ความเห็นว่า ชื่อ "ลูซิเฟอร์" ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับ "ปิศาจ" จึงได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน" จนในที่สุด ทั้งสองก็ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเห็นได้ว่าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ในบางครั้งก็จะเรียกลูซิเฟอร์ และในบางครั้งก็จะเรียก ซาตาน

    ในตำนานกรีก คำว่า ลูซิเฟอร์ เปรียบได้กับดาววีนัส (ลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส หรือดาวศุกร์) ในบางตำนานของชาวเพแก้น หรือวิคคา กล่าวไว้ว่า เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์ทรงให้ความดูแลเอาใจใส่ในตัวมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใด และมากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้ลูซิเฟอร์เกิดความรู้สึกน้อยใจและประชดองค์พระเป็นเจ้า โดยการชักนำพรรคพวก ก่อกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในบางความเชื่อของชาวเพเก้น เชื่อกันว่าลูซิเฟอร์อยู่ในยุโรปและเอเชีย

    ลักษณะของลูซิเฟอร์ปรากฏตัวในพระธรรม

     อิสยาห์ 14:3-20 เมื่อพระเจ้าประทานให้เจ้าได้หยุดพักจากความเจ็บปวดของเจ้า และจากความวุ่นวาย และจากงานหนัก ซึ่งเจ้าถูกบังคับให้กระทำ เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวต่อพระราชาแห่งบาบิโลนว่า "เออ ผู้บีบบังคับก็สงบไปแล้วหนอ ความทะลึ่งเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยซิ พระเจ้าทรงหักไม้พลองของคนอธรรม คทาของผู้ครอบครองซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความพิโรธ ด้วยการตีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งได้ครอบครองประชาชาติด้วยความโกรธ ด้วยการข่มเหงอย่างที่ไม่อ่อนข้อ โลกทั้งสิ้นก็พัก และสงบอยู่ เขาทั้งหลายร้องเพลงโพล่งออกมาต้นสนสามใบเปรมปรีดิ์เพราะเจ้า ต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนด้วย และกล่าวว่า 'ตั้งแต่เจ้าตกต่ำ ก็ไม่มีผู้โค่นขึ้นมาต่อสู้เราแล้ว' แดนคนตายเบื้องล่างก็ตื่นเต้น เพื่อต้อนรับเจ้าเมื่อเจ้ามา มันปลุกให้ชาวแดนมาต้อนรับเจ้า คือ ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้นำของโลก มันทำให้บรรดาผู้ที่เคยเป็นพระราชาแห่งประชาชาติทั้งหลาย ลุกขึ้นมาจากพระที่นั่งของเขา ทุกตนจะพูด และกล่าวแก่เจ้าว่า 'เจ้าก็อ่อนเปลี้ยอย่างเราด้วย เจ้ากลายเป็นอย่างพวกเรา ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย และเสียงพิณของเจ้า ตัวหนอนจะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้า และตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า 'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน (คือ สถานเทพชุมนุม) ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'  แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดนบรรดาผู้ที่เห็นเจ้าจะเพ่งดูเจ้า และจะพิจารณาเจ้าว่า 'ชายคนนี้หรือ ที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน ผู้เขย่าราชอาณาจักรทั้งหลาย ผู้ที่ได้กระทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร และคว่ำหัวเมืองของโลกเสีย ผู้ไม่ยอมให้เชลยกลับไปบ้านของเขา' พระราชาทั้งสิ้นของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติ ต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตน แต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไป ห่างจากหลุมศพของเจ้า เป็นศพที่น่าเกลียด สวมเสื้อของผู้ที่ถูกฆ่า คือ ที่ถูกแทงด้วยดาบ ซึ่งลงไปยังศิลาของหลุมศพ เป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำ เจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพร่วมกับเขา เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้า เจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า "ขออย่าให้ใครเอ่ยถึงชื่อของเชื้อวงศ์แห่งผู้กระทำความชั่วอีกเลย

     

    Helel (הֵילֵל, Shining One (ฮิบรู) หมายถึง ดาวประจำวัน  หรือ ดาวรุ่ง

     

    จากตำนานคริสชนที่เล่าขานกันต่อๆมา ลูซีเฟอร์เป็นทูตสวรรค์ที่ได้ถูกองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง และให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก อาจถือได้ว่า เป็นทูตสวรรค์ที่เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า และเป็นทูตสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้  ลูซีเฟอร์เป็นทูตแห่งการนมัสการ(การร้องเพลง)นำพาทูตสวรรค์ทั้งหมดนมัสการพระเจ้าดั่งปรากฏในพระธรรมโยบ 38:7 “ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

    ทว่า ด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือทูตสวรรค์(เกิดความหยิ่งพยอง เพราะตนยืนอยู่บนเวทีไกล้ชิดพระเจ้าที่สุดและทูตสวรรค์ทุกองค์ก็ยกมือสรรเสริญพระเจ้าต่อหน้าเขาราวกับสรรเสริญตนเอง) จึงได้กระทำการก่อกบฏหักหลังองค์พระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ กลายมาเป็น"ปีศาจ"ตามตำนานของชาวฮิบรู

    ลูซิเฟอร์ คือตัวแทนของบาปแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง (ภาษาอังกฤษ: Vanity/pride) เพราะลูซิเฟอร์ลำพองว่าตนเองยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมากกว่าทูตสวรรค์องค์ใด จึงได้หลงผิดและก่อการกบฏขึ้น ก่อให้เกิดสงครามภายในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 ส่วน จากเทพทั้งหมดบนสวรรค์ (บ้างก็ว่า 3 ใน 5 ส่วน) มาต่อสู้กับกองทัพขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งนำทัพโดยอัครเทวทูตมิคาเอล ผลปรากฏว่ากองทัพแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ขับไล่ลูซิเฟอร์ออกจากสวรรค์

     โดยช่วงเวลานั้นที่ลูซิเฟอร์ ได้นำพาทูตสวรรค์อีกส่วนหนึ่งของสวรรค์ลงมาด้วย จึงมีทั้งทูตสวรรค์ที่ดี ที่ยังคงอยู่รับใช้พระเจ้า และทูตสวรรค์ไม่ดีที่ติดตามลูซีเฟอร์ลงมา เพราะฉนั้นทูตสวรรค์ที่ตามลูซีเฟอร์มาจึงเรียกได้ว่าเป็นบริวารของลูซีเฟอร์ซึ่งมันก็มันระดับชั้นเช่นกัน  ทูตสวรรค์ที่ลงจากสวรรค์เหล่านั้นมีฤทธิ์อำนาจที่มาจากพระเจ้าตั้งแต่เริ่มแรก ตั้งแต่สมัยที่อยู่บนสวรรค์เพราะพระเจ้า เป็นกษิตย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ พระองค์ให้แล้วให้เลย ไม่เอาคืน ฤทธิ์อำนาจเหล่านี้จึงตกลงมาอยู่กับเหล่ามารซาตานด้วย  เพราะฉนั้นซาตานจึงมีฤทธิ์อำนาจต่างๆไม่แตกต่างจากทูตสวรรค์ที่ดี เช่น สามารถปรากฏตัวให้มนุษย์มองเห็นได้ เช่น
    ในตอนที่
    อับราฮัมถวายอิสอัส
    ปฐมกาล 22:1-12

    11 แต่ทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์เรียกท่านจากฟ้าสวรรค์ว่า "อับราฮัม อับราฮัม" และท่านตอบว่า "ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้า"

    12 และพระองค์ตรัสว่า "อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรแก่เขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้ามิได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้าจากเรา"

    13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู และดูเถิด ข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะผู้ตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชายของท่าน

    ซึ่งเรื่องทูตสวรรค์สามารถกลับไปอ่านที่ตอนนี้นะคะ

    http://writer.dek-d.com/iamtaity/story/viewlongc.php?id=399277&chapter=70

     

     ในปัจจุบัน ได้มีลัทธิหนึ่งซึ่งนับถือลูซิเฟอร์เยี่ยงพระเจ้า พวกเขาเหล่านั้นเรียกตัวเองว่า นักนิยมลูซิเฟอร์ (Luciferains) ตามชื่อศาสดาของพวกเขา "Lucifer Calaritanus" บิชอปของลัทธิลูซิเฟอร์ กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่า องค์พระเยซูคริสต์ไม่ใช่บุตรมนุษย์ผู้ที่ถูกเลือก แต่คือลูซิเฟอร์ (เข้าข่ายพวกลัทธิบูชาซาตาน หรือบูชาปีศาจ) ในคัมภีร์ของพวกเขาได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ "ก่อนการเกิดอัปยศ" หรือ "Before the fall" ซึ่งเล่าเรื่องราวไว้ว่า "เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ลูซิเฟอร์เอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมาก และหลงใหลในความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าการที่มนุษย์นั้นใสซื่อนั่นเอง ทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกถึงตัวตนอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" ในคัมภีร์จึงได้บอกไว้ว่า "พระเจ้าได้เสกให้งูมาเพื่อล่อลวงมนุษย์ให้กินผลไม้แห่งปัญญา เมื่อมนุษย์ได้กินเข้าไป จึงได้รู้สึกถึงตัวตนของพระเจ้า จากนั้นพระองค์จึงได้ขับไล่มนุษย์ทั้งสองออกจากสวนอีเดนไป เมื่อลูซิเฟอร์รู้เรื่องเข้าจึงได้โกรธและก่อการกบฏต่อพระเจ้าขึ้น" นี่เป็นอีกเรื่องที่ถูกนำมาเล่า เพื่อใช้โน้มน้าวจิตใจสาวกของลัทธิลูซิเฟอเรี่ยนส์ ซึ่งต่อมาได้ถูกกล่าวกันว่าเป็นลัทธินอกรีต และมีกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งบางคนใช้ยาเสพติด หรือ เสียงเพลงเพื่อกลอมประสาท เพื่อมอมเมาผู้คนให้เข้าร่วมลัทธิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×