คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #72 : The Satanic Bible -VS-HOLY BIBLE ตอนที่ 3 บทที่ 3-7
[The Satanic Bible]3.OPHANIM หรือ GALGALLIN
เทวดาที่ปกป้องยานพาหนะที่ใช้ออกรบมี เทวดาชื่อ RAPHAEL เป็น ผู้ควบคุม
แต่ใน Holy Bible ได้กล่าวถึงชื่อในนามของนิมิตของดาเนียล มันหมายถึง "ล้อ" หาได้หมายถึงทูตสวรรค์แต่อย่างใด แต่ใน เอเสเคียล 1:15 กลับกล่าวว่า เป็นสิ่งมีชีวิต บางตำราบอกว่า วงล้อนี้มีหลายตาราวสัปรด
ดา เนียล 7:9 ขณะที่ข้าพเจ้าดูอยู่มีหลายบัลลังก์ถูกล้มลง และผู้หนึ่งผู้เจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ ฉลองพระองค์ขาวอย่างหิมะ พระเกศาที่พระเศียรของพระองค์เหมือนขนแกะบริสุทธิ์ พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก
เอเสเคียล 1:15 เมื่อข้าพเจ้ามองดูสิ่งที่มีชีวิตอยู่นั้น ดูเถิด วงล้ออยู่บนพิภพข้างสิ่งที่มีชีวิตอยู่นั้น ตัวละหนึ่งวงล้อสี่ตัว
16 ลักษณะและทรวดทรงของวงล้อเหล่านั้นแวบวาบอย่างพลอยเขียว วงล้อทั้งสี่ก็มีสัณฐานเหมือนกัน ส่วนลักษณะและทรวดทรงนั้นเหมือนวงล้อซ้อนในวงล้อ
[The Satanic Bible]4.THE DOMININONS เป็นเทวดาที่ดูแลบัญชีรายชื่อรวมถึง สาส์น ที่พระเจ้าใช้บอกแก่เหล่าเทวดาโดยผ่านทางคำพูดของ METATRON
เทวดา ที่ควบคุมมีอยู่ 4 องค์ ได้แก่
- ZADKIEL
- HASHMAL
- YAHRIEL
- MURIEL
ใน Holy Bible กล่าวถึงชื่อTHE DOMININONS เป็นดินแดน แห่งทูตสวรรค์ อาณาจักรของพระเจ้า รวมไปถึง คริสตจักร (Church) ไม่ได้หมายถึงทูตสวรรค์
ในภาษาอังกฤษ ใช้คำ THE DOMININONS บงชี้ถึงอาณาจักรที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินสวรรค์หรือในคริสจักรนั้นเอง
ฮิ บรู 12:22 แต่ท่านทั้งหลายได้มาถึงภูเขาศิโยน และมาถึงเมืองของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์อยู่ คือกรุงเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุมนุมทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้
โค โลสี 1:16 เพราะว่าโดยพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครอง หรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์
1 โครินธ์ 12
1 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านเข้าใจเรื่องของประทานฝ่ายจิตวิญญาณนั้น
2 ท่านรู้แล้วว่า แต่ก่อนท่านยังเป็นคนไม่เชื่อนั้น ท่านถูกชักนำให้หลงไปนับถือรูปเคารพซึ่งพูดไม่ได้ตามแต่ท่านจะถูกนำไป
3 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบอกท่านทั้งหลายให้ทราบว่า ไม่มีผู้ใดซึ่งพูดโดยพระวิญญาณของพระเจ้าจะเรียกพระเยซูว่า ผู้ที่ถูกสาปแช่ง และไม่มีผู้ใดอาจพูดว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากผู้ที่พูดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
4 แล้วของประทานนั้นมีต่างๆกัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน
5 งานรับใช้มีต่างๆกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน
6 กิจกรรมมีต่างๆกัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันที่ทรงกระทำสารพัดในทุกคน
7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
8 ด้วยพระวิญญาณทรงโปรดประทานให้คนหนึ่งมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ แต่เป็นโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
9 และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน และให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
10 และให้อีกคนหนึ่งทำการอัศจรรย์ต่างๆ และให้อีกคนหนึ่งพยากรณ์ได้ และให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ และให้อีกคนหนึ่
พูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆได้
11 สิ่งสารพัดเหล่านี้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงบันดาลและประทานแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์
12 ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ก็ยังมีอวัยวะหลายส่วน และบรรดาอวัยวะต่างๆของกายเดียวนั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉัน ใด พระคริสต์ก็ทรงเป็นฉันนั้น
13 เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิวหรือพวกต่างชาติ เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายอันเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันนั้นซาบซ่านอยู่
14 เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียวแต่ด้วยหลายอวัยวะ
15 ถ้าเท้าจะพูดว่า "เพราะข้าพเจ้ามิได้เป็นมือ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น" เท้าจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ
16 และถ้าหูจะพูดว่า "เพราะข้าพเจ้ามิได้เป็นตา ข้าพเจ้าจึงมิได้เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น" หูจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ
17 ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน
18 แต่บัดนี้พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะทุกส่วนไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์
19 ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน
20 แต่บัดนี้มีหลายอวัยวะแต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน
21 และตาจะว่าแก่มือว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า" ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า "ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า" ก็ไม่ได้
22 แต่ยิ่งกว่านี้อวัยวะของร่างกายที่เราเห็นว่าอ่อนแอ เราก็ขาดเสียไม่ได้
23 และอวัยวะของร่างกายที่เราถือว่ามีเกียรติน้อย เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ไม่น่าดูนั้น เราก็ทำให้น่าดูยิ่งขึ้น
24 เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น
25 เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน
26 ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย
27 บัดนี้ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
28 และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครสาวก สองผู้พยากรณ์ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีการอัศจรรย์ ของประทานในการรักษาโรค การช่วยเหลือ การครอบครอง การพูดภาษาต่างๆ
29 ทุกคนเป็นอัครสาวกหรือ ทุกคนเป็นผู้พยากรณ์หรือ ทุกคนเป็นครูบาอาจารย์หรือ ทุกคนกระทำการอัศจรรย์หรือ
30 ทุกคนได้รับของประทานให้รักษาโรคหรือ ทุกคนพูดภาษาแปลกๆหรือ ทุกคนแปลได้หรือ
31 แต่ท่านทั้งหลายจงกระตือรือร้นอย่างจริงจังบรรดาของประทานอันดีที่สุดนั้น และข้าพเจ้ายังคงแสดงทางที่ยอดเยี่ยมกว่าแก่ท่านทั้งหลาย
โคโลสี 1
16 เพราะว่าโดยพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครอง หรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์
17 พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์
18 พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นที่เริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง
เอ เฟซัส 1 :21 สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย
1 เปโตร 3:22 พระองค์ได้เสด็จเข้าในสวรรค์แล้ว และสถิตอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกทูตสวรรค์และผู้มีอำนาจและผู้มีฤทธิ์เดชทั้งหลาย ทรงมอบไว้ให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้ว
วิวรณ์ 22 :8 ข้าพเจ้า คือยอห์น เป็นผู้ได้เห็นและได้ยินเหตุการณ์เหล่านี้ และครั้นข้าพเจ้าได้ยินและได้เห็นแล้ว ข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงจะนมัสการแทบเท้าทูตสวรรค์ที่ได้สำแดงเหตุการณ์เหล่านี้ แก่ข้าพเจ้า
9 แต่ท่านห้ามข้าพเจ้าว่า "อย่าเลย ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เช่นเดียวกับท่าน และพวกพี่น้องของท่านคือพวกศาสดาพยากรณ์ และพวกที่ถือรักษาถ้อยคำในหนังสือนี้ จงนมัสการพระเจ้าเถิด"
Zadkiel
ใน Holy BiBle ที่กล่าวถึงชื่อZadkiel หรือ Hesediel ซึ่ง หมายถึง "ความชอบธรรมของพระเจ้า" ทูตสวรรค์องค์นี้ปรากฏตัวในพระธรรม ปฐก.ตอนอับราฮัมถวายอิสอัส ซึ่ง ชื่อ Zadkiel หรือ Hesediel นี้ เป็นชื่อของหัวหน้าทูตสวรรค์ แห่ง เสรีภาพ ,เมตตากรุณา,เมตตา ว่ากันว่า Zadkiel เป็น ทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่คอยดูแลคนของพระเจ้าปลอบประโลมยามเขาท้อแท้ ด้วยเมตตาของพระเจ้า เป็นทูตแห่งการยกโทษให้อภัย แต่ไม่มีข้อพระคำภีร์ข้อไหนยืนยันได้ว่า Zadkiel เป็นทูตแบบนั้นจริงๆ
ปฐมกาล 22:1-12
11 แต่ทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์เรียกท่านจากฟ้าสวรรค์ว่า "อับราฮัม อับราฮัม" และท่านตอบว่า "ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้า"
12 และพระองค์ตรัสว่า "อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรแก่เขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้ามิได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้าจากเรา"
13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู และดูเถิด ข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะผู้ตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชายของท่าน
HASHMAL [Holy Bible]
HASHMAL ภาษาฮิบรูมีความหมาย คือ “สารส่องแสง” “ไฟฟ้า”
HASHMAL มาจากภาษาฮิบรูมีความหมาย คือ “ทองเหลืองขัดเรียบ
HASHMAL จะแปลมักจะว่า “อำพัน”
ใน Holy Bible ใช้คำ HASHMAL ในพระธรรม เอเสเคียล 01:27 และ ข้าพเจ้าเห็นประหนึ่งทองสัมฤทธิ์ที่แวบวาบ เหมือนไฟที่บังไว้อยู่รอบข้าง เหนือสิ่งที่เหมือนบั้นเอวของผู้นั้นขึ้นไป และจากสิ่งที่เหมือนบั้นเอวลงมา ข้าพเจ้าเห็นเหมือนไฟ และมีความสุกใสที่อยู่รอบท่านผู้นั้น
HASHMAL ไม่ใช่ชื่อของทูตสวรรค์ ในHoly Bible ใช้คำนี้ให้เห็นภาพถึงการส่องแสงของวัตถุที่ดูแวบวาบ เหลืองอร่าม นั้นเอง ^^
ส่วนชื่อ MURIEL และ YAHRIEL ไม่ปรากฏใน Holy Bible
[The Satanic Bible]5.THE VIRTUES ทูตสวรรค์ผู้ให้พรทั้งหลายและผู้สอนความกล้าหาญแก่มนุษย์คล้ายกับพวกขุนนางก่อน ที่พวกเขาจะตกสวรรค์ มาอยู่บนโลกมนุษย์ มีดังนี้
- MICHAEL
- GABRIEL
- RAPHAEL
- BARIEL
- TARSHISH
- SATANEL
ทูตสวรรค์ MICHAEL ( ไมเคิล) ในภาษาฮิบรู, ไมเคิลหมายถึง "ที่เป็นเหมือนพระเจ้า" (Mi-ผู้ ke-เป็นหรือเหมือน เอล เทพ-) ส่วนมากจะตีความหมาย คล้ายๆคำถาม ออกเชิงลบ แปลว่า ใครเป็นเหมือนพระเจ้า บงชี้ไปทางไม่มีใครเหมือนพระเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม มีบางศาสนาบางสาขา ไมเคิลก็เป็นเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าพระเจ้า
ใน Holy Bible ไม เคิล (มิคาเอล )ปรากฏตัวขึ้นในพระธรรมดาเนียล เป็นภาพแห่งสงคราม การต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ กับผู้คุมนครเปอร์เชียในสมัยนั้น มิคาเอลต่อสู้เพื่อคนของพระเจ้า แทนพระเจ้า
Dan 10:13 But the angel of the kingdom of Persia put himself against me for twenty-one days; but Michael, one of the chief angels, came to my help; and when I came he was still there with the angel of the kings of Persia.
13 จ้าวผู้พิทักษ์ราชอาณาจักรเปอร์เซียได้ขัดขวางข้าพเจ้าไว้ถึงยี่สิบเอ็ดวัน แต่ดูเถิด มีคาเอลจ้าวผู้พิทักษ์ชั้นหัวหน้าผู้หนึ่งมาช่วยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงยังอยู่ที่นั่นกับกษัตริย์ทั้งหลายของเปอร์เซีย
Dan 10:20 But I am going back to make war with the angel of Persia, and when I am gone, the angel of Greece will come. And there is no one on my side against these, but Michael, your angel.
แล้วท่านจึงกล่าวว่า "ท่านทราบหรือไม่ว่าข้าพเจ้ามาหาท่านทำไม แต่บัดนี้ข้าพเจ้าจะกลับไปต่อสู้กับจ้าวผู้พิทักษ์แห่งเปอร์เซีย และเมื่อข้าพเจ้าเสร็จธุระกับเขาแล้ว ดูเถิด จ้าวผู้พิทักษ์แห่งกรีกจะมา
Dan 12:1 And at that time Michael will take up his place, the great angel, who is the supporter of the children of your people: and there will be a time of trouble, such as there never was from the time there was a nation even till that same time: and at that time your people will be kept safe, everyone who is recorded in the book.
"ในครั้งนั้น มีคาเอล จ้าวผู้พิทักษ์ยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มกันชนชาติของท่านจะลุกขึ้น และจะมีเวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะรับการช่วยให้พ้น คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ
และใน Holy Bible พระธรรมวิวรณ์ (มิคาเอล เป็นทูตสวรรค์แห่งสงคราม ซึ่งปรากฏในพระธรรมวิวรณ์)
Rev 12:7 And there was war in heaven: Michael and his angels going out to the fight with the dragon; and the dragon and his angels made war,
และมีสงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลและพวกทูตสวรรค์ของท่านได้ต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับพวกทูตของมันก็ต่อสู้
ทูตสวรรค์ GABRIEL กาเบรียล หมายถึง พระเจ้าเป็นจุดแข็งของฉันเป็นทูตสวรรค์ที่มักจะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารจากพระเจ้าไปยังมนุษย์ (ซึ่งได้อธิบายข้างต้นแล้ว)
คำว่า TARSHISH ทารชิช ปรากฏใน Holy Bible เป็นเพียงชื่อของ เมือง เมืองหนึ่งที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลเป็นชื่อของเมืองพอร์ตที่กล่าวถึงเป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ ( สถานที่ที่พระคัมภีร์ ) ในช่วงเวลาของซาโลมอน
สถาน ที่ตั้งของทารชิชเป็นที่ขัดแย้งกัน บางคนเชื่อว่ามันเป็นไปทางทิศตะวันออกในอินเดีย ขณะที่คนอื่นคิดว่ามันเป็นพอร์ตฟินิเชียไปทางทิศตะวันตกในสเปน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่มากเมื่อค้นคว้าการเดินทางที่มีชื่อเสียงของ โยนาห์ เมื่อเขาผู้โดยสารเรือไปชายฝั่งทารชิช แต่เขาก็ต้องกลับไปโผล่ที่ที่พระเจ้าทรงเรียกเช่นเคย โดยอาศัยท้องปลา
โย นาห์ 1:13 แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิชจากพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบกำปั่นลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และขึ้นเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิชให้พ้นจากพระพักตร์ พระเยโฮวาห์
โยนาห์ 4:2 ท่านจึงอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่ในประเทศของข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูดแล้วว่า จะเป็นไปเช่นนี้มิใช่หรือ นี่แหละเป็นเหตุให้ข้าพระองค์ได้รีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระคุณ และทรงพระกรุณา ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความเมตตา และทรงกลับพระทัยไม่ลงโทษ
นอกเหนือจากชื่อที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดใน The Satanic Bible บทที่ 5 ไม่มีปรากฏใน Holy Bible และชื่อที่ The Satanic Bible กล่าวนั้นใน Holy Bible ไม่มี อาจจะเป้นเพียงแค่ชื่อบุคคลหรือชื่อสถานที่เท่านั้น หรือถ้าเป้นทูตสวรรค์ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทูตสวรรค์ในพระเจ้าจะทำหน้าที่แตกต่างกันไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ทูตสวรรค์ในThe Satanic Bible จะมีหัวหน้าทูตสวรรค์ตามละดับขั้นคอยควบคุมอยู่ ในแต่ละฝ่ายแต่ละงานนั้นเอง
[The Satanic Bible]6.THE POWER
ว่ากันว่าเป็นเทวดากลุ่มแรกที่พระเจ้าสร้าง เพื่อป้องกันเขตแดน ของทั้ง 3 โลก ได้แก่
CAMUEL ผู้ถูกชี้ตัวว่าเป็น ดยุค ของ นรก เนื่องจากเข้าขัดขว้างการรับพระบัญญัติ 10 ประการ ของโมเสส
MAGUS 1 ใน 7 ของเทวดาที่ได้เห็นพระพักษ์ของพระเจ้าทั้ง 2 รักษาความสมดุลระหว่าง ดี กับ เลว
มีบางตำรา บอกว่า Camuel เป็น วิญญาณที่สามที่ พระมหากษัตริย์ East ซื้อมา
Camuel เป็นกษัตริย์ในส่วนของตะวันออกเฉียงใต้ของโลก Spirits คือโลกแห่งวิณญาณ
ในบทนี้ ใน Holy Bible ไม่มีทั้งสามคำนี้อยู่เลยค่ะ ไม่มี Holy Bible ตอนไหนพูดถึง ทูตสวรรค์ทั้ง 3 ตนนี้ แต่คำไกล้เคียงที่สุดคือ SAMUEL ซามูเอล เป็นชื่อของผู้เผยพระวจนะชาวยิวในยุคก่อนพระเยซูประสูติ มารดาของซามูเอลเป็นหมัน และได้ขอพระพรจากพระเจ้าให้ ประทานลูกชาย นางได้คร่ำครวญจนได้รับพระกรุณาจากพระเจ้า ประทานบุตรชายให้นาง มารดาของซามูเอลจึงถวายซามูเอลให้เป็นผู้รับใช้พระเจ้าในพระวิหารตั้งแต่ยัง เด็ก
พ่อของซามูเอล ชื่อเอลคานาห์ เป็นชาวรามาธาอิมโซฟิม แห่งแดนเทือกเขาเอฟราอิม คนเอฟราอิม เอลคานาห์มีภรรยาสองคน
คือ นางฮันนาห์ และ เปนินนาห์ เอลคานาห์ เป็นคนที่รักพระเจ้ามาก ทุกๆปี ท่านจะเดินทางไปถวายเครื่องบูชาพระเจ้า
เอ ลคานาห์ มีบุตรชายและบุตรสาว กับนางเปนินนาห์ แต่ท่านกลับไม่มีบุตรกับ นางฮันนาห์ ซึ่งท่านรักมาก นางฮันนาห์ได้รับคำเยาะเย้ย และเสียดสี จากนางเปนินนาห์มาตลอดถึงเรื่องการไม่มีบุตรของนาง นางทุกข์ร้อนใจมาก แม้สามีของนางจะรักนางมากก็ตาม วันหนึ่งนางจึง ขึ้นไป ร้องไห้ค่ำครวญกับพระเจ้า
1 ซมอ 1:11 นาง ก็ปฏิญาณไว้ว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์จอมโยธา ถ้าพระองค์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของหญิงผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ และยังระลึกถึงข้าพระองค์ และยังไม่ลืมหญิงผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะทรงประทานบุตรชายแก่หญิงผู้รับใช้ของพระองค์สักคนหนึ่งแล้ว ข้าพระองค์จะถวายเขาไว้แด่พระเยโฮวาห์ตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะต้องศีรษะของเขาเลย"ปุโรหิตเอลี(เอลีเป็นชาวเลวี สืบเชื้อสายมาจากอาโรน) คิดว่านางเมาเหล้าองุ่น แต่นางก็บอกปุโรหิตว่านางทุกข์ใจมากจึงทูลขอกับพระเจ้า ปุโรหิต เอลีจึงกล่าวแก่นางว่า "จงกลับไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดประทานตามที่เจ้าได้อธิษฐานทูลขอต่อพระองค์นั้น"
และพอนางกลับถึงบ้านและดำเนินชีวิตปรกติของนาง ไม่นานนางก็ได้ตั้งครรภ์ และได้คลอดบุตรชาย นางตั้งชื่อว่า “ซามูเอล” ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าทรงฟัง"แม้คำอธิษฐานของฮันนาห์จะเป็นคำอธิษฐานไร้เสียง แต่พระเจ้าก็ทรงฟังนางหลังจากที่ซามูเอลหย่านมแล้ว แม่ของเขาก็พาเขามายังพระนิเวศน์ของพระเจ้าที่ชิโลห์พร้อมๆกับวัวผู้สามตัว
1 ซมอ. 1: 24 และ เมื่อนางให้เขาหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปพร้อมกับวัวผู้สามตัว แป้งหนึ่งเอฟาห์ และน้ำองุ่นหนึ่งขวดหนัง และนางก็นำเขามาที่พระนิเวศของพระเยโฮวาห์ที่เมืองชีโลห์ และเด็กนั้นก็ยังเล็กอยู่ และ นางให้ซามูเอลปรนนิบัติรับใช้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ภายใต้การดูแลของปุโรหิตเอลี ทุกปีนางจะไปหาบุตรของนางด้วยการเย็บเสื้อผ้าไปให้ซามูเอล ดังพระธรรม 1 ซมอ 2:19 -21 ฝ่าย มารดาเคยเย็บเสื้อเล็กๆ นำมาให้เขาทุกปี เมื่อนางขึ้นไปพร้อมกับสามี เพื่อถวายเครื่องบูชาประจำปี แล้วเอลีเคยอวยพรเอลคานาห์ และภรรยาของเขากล่าวว่า "ขอพระเจ้าประทานลูกๆ แก่ท่านโดยหญิงคนนี้ แทนคนที่นางให้ยืมไว้ปรนนิบัติพระเจ้า" แล้วเขาทั้งหลายก็กลับบ้านของตน และพระเจ้าทรงเยี่ยมเยียนฮันนาห์ และนางก็ได้ตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชายสามหญิงสอง และกุมารซามูเอลก็เติบโตขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า"ดังนั้น ซามูเอลจึงมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน โดยชาย 4 คน และหญิง 2 คน
มาวันหนึ่ง พระเจ้าก็ทรงเรียกซามูเอล เพื่อที่เขาจะได้รับใช้พระองค์
1 ซมอ 3: 1-10 ฝ่าย กุมารซามูเอลปรนนิบัติพระเจ้าอยู่ต่อหน้าเอลี ในสมัยนั้นพระดำรัสของพระเจ้ามีมาแต่น้อย ไม่มีนิมิตบ่อยนักอยู่มา ครั้งนั้นเอลีนอนอยู่ในที่นอนของตน (ตาของท่านเริ่มมืดมัวมองอะไรไม่เห็น) ตะเกียง ของพระเจ้ายังไม่ดับ ซามูเอลนอนอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ที่ที่หีบของพระเจ้าอยู่ที่นั่นพระเจ้าทรงเรียกซามูเอล และซามูเอลทูลตอบว่า "ข้าพเจ้า อยู่นี่"เขาจึงวิ่งไปหาเอลี และว่า "ข้าพเจ้าอยู่นี่ ด้วยท่านร้องเรียกข้าพเจ้า" แต่เอลีตอบว่า "เราไม่ได้เรียกเจ้า จงกลับไปนอนอีก" เขาก็ไปนอนและพระเจ้าทรงเรียกขึ้นอีกว่า "ซามูเอลเอ๋ย" และซามูเอลก็ลุกขึ้นไปหาเอลีกล่าวว่า "ข้าพเจ้าอยู่นี่ ด้วยท่านร้องเรียกข้าพเจ้า" แต่เอลีตอบว่า "ลูกเอ๋ย เรามิได้เรียกเจ้า จงนอนอีก"ฝ่ายซามูเอลไม่เคยรู้จักพระเจ้า และยังไม่เคยทรงสำแดงพระดำรัสของพระเจ้าแก่เขา และพระเจ้าทรงเรียกซามูเอลครั้งที่สาม ซามูเอลก็ลุกขึ้นไปหาเอลี กล่าวว่า "ข้าพเจ้าอยู่นี่ ด้วยท่านร้องเรียกข้าพเจ้า" แล้วเอลีจึงหยั่งรู้ได้ว่า พระเจ้าทรงเรียกเด็กนั้น เพราะฉะนั้น เอลีจึงพูดกับซามูเอลว่า "จงไปนอนเสียเถิด ถ้าพระองค์ทรงเรียกเจ้า เจ้าจงทูลว่า 'พระเจ้าเจ้าข้า ขอพระองค์ตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่' " ซา มูเอลจึงกลับไปนอนในที่ของตน และพระเจ้าเสด็จมาประทับยืนอยู่ ทรงเรียกอย่างครั้งก่อนๆ ว่า "ซามูเอล ซามูเอลเอ๋ย" และซามูเอลทูลตอบว่า "ขอตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่"
และ พระเจ้าก็ได้บอกถึง ชะตากรรมของพงษ์พันธุ์ของปุโรหิตเอลีถึงความพินาศของตะกูลของเขา แต่ซามูเอลก็ไม่ได้กล่าวถ้อยคำอันใดให้เอลีฟังจนเอลีถาม เขาจึงเล่าให้ฟังทั้งหมด เอลีก็เชื่อ และนั้นเป็นครั้งแรกของ ซามูเอลที่เขารับใช้พระเจ้า
เมื่อซามูเอลเติบโตขึ้นก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้เผยพระวจนะ
1ซมอ.3:20 และชนอิสราเอลทั้งปวง ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบาก็ทราบว่า ซามูเอลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เผยพระวจนะ(ใน Holy Bible ฉบับ KJV กล่าวว่า แต่งตั้ง ซามูเอลเป็นผู้พยากรณ์)ของพระเยโฮวาห์”
ซามูเอลนอกจากจะเป็น ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าแล้ว เขายังได้เป็นผู้วินิจฉัยของอิสราเอล ในพระธรรม 1ซมอ 12: 11 และ พระเยโฮวาห์ทรงใช้เยรุบบาอัล และเบดาน และเยฟธาห์ และซามูเอล และช่วยท่านทั้งหลายให้พ้นจากมือศัตรูทุกด้าน และท่านทั้งหลายอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย” อิสราเอลนับซามูเอลรวมกับผู้วินิจฉัยคนอื่นๆ
นักวิชาการมักจะแยกบรรดาผู้วินิจฉัยเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ชื่อว่า
"ผู้วินิจฉัยใหญ่" ซึ่ง มี 6 คน คือโอทนีเอล เอฮูด บาราค(และนางเดโบราห์) กิเดโอน เยฟธาห์และแซมสัน เพราะกล่าวถึงกิจการของคนเหล่านี้อย่างละเอียดพอสมควร อีกกลุ่มหนึ่งได้ชื่อว่า
"ผู้วินิจฉัยน้อย" 6 คน ได้แก่ชัมการ์ (3:31) โทลาและยาอีร์ (10:1-15) อิบซาน เอโลนและอับโดน (12:8-15) เพราะมีข้อความกล่าวถึงเพียงสั้นๆ
ถึง กระนั้นพระคัมภีร์ไม่ได้แยกแยะผู้วินิจฉัยตามมาตรการที่ว่านี้ การแยกแยะมีเหตุผลน่าจะลึกซึ้งกว่านี้มาก แต่ก็ไม่มีใครกล่าวถึงการแยกแยะผู้วินิจฉัยในสมัยนั้นนอกจากนักวิชาการเหล่า นี้
"ผู้วินิจฉัยใหญ่" เป็นวีรชนประจำเผ่าที่ ช่วยชนในเผ่าให้รอดพ้นจากศัตรู แต่ละคนมีชาติกำเนิด บุคลิกภาพและผลงานแตกต่างกันมาก แต่ทุกคนมีลักษณะร่วมกันประการหนึ่งคือได้รับพระพรพิเศษ (charism) จากพระเจ้า พระองค์ทรง เรียกแต่ละคนให้ประกอบภารกิจช่วยชนเผ่าของตนให้รอดพ้นจากศัตรูที่มาข่มเหง
เพราะ ฉนั้นซามูเอลจึงไม่ได้อยู่ในการจำแนกแยกประเภทของนักวิชาการ ด้านพระคำภีร์ เนื่องจากซามูเอล เป็นทั้งผู้เผยพระวจนะ และผู้วินิจฉัยในคราวเดียวกัน บวกกับ ซามูเอล อาจจะเป็นผู้วินิจฉัยพิเศษจากพระเจ้า คือเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ หรือผู้พยากรณ์ ซามูเอลไม่ใช่ผู้วินิจฉัยประเภทสู้รบหรือกอบกู้ชนชาติอิสราเอลจากมือของ ศัตรูเหมือนดัง โอทนีเอล เอฮูด บาราค(และนางเดโบราห์) กิเดโอน เยฟธาห์และแซมสัน
แต่ เขากลับเป็นผู้วินิจฉัยที่พระเจ้าทรงใช้ในการเจิมแต่งตั้งกษัติย์ของ อิสราเอลตามคำขอให้มีพระราชาของอิสราเอลในสมัยนั้น อาจจะกล่าวได้ว่า ซามูเอล เป็นผู้เผยพระวจะและเป็นผู้วินิจฉัยที่แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไป อิสราเอลที่มีพระเจ้าเป็นกษัติย์ของพวกเขาพอมาถึงยุคสมัยของซามูเอลสิ่ง เหล่านั้นก็เปลี่ยนไป รวมถึงการมีปุโรหิตด้วย หลังจากที่เอลี และพงษ์พันธุ์ของเขาได้เสียชีวิตลงตามคำพยากรณ์ของซามูเอล ก็ไม่ปรากฏว่าใครจะขึ้นมาเป็นปุโรหิตอีกเลย มีแต่ผู้ที่ได้รับการชำระแล้วให้เป็นผู้ดูแลหีบแห่งพันธสัญญาโดยชี้ชัด ในพระธรรม 1 ซมอ. 7: 1 ชาว คีริยาทเยอาริมได้มาเชิญหีบแห่งพระเยโฮวาห์ขึ้นไปถึงเรือนของอาบีนาดับซึ่ง อยู่บนเนินเขา และเขาทั้งหลายก็ชำระเอเลอาซาร์บุตรชายของเขาให้บริสุทธิ์เพื่อให้ดูแลหีบ แห่งพระเยโฮวาห์” ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่ดูแลหีบพันธสัญญาของพระเจ้าคือปุโรหิตเอลี ซึ่งท่านก็ได้เสียชีวิตหลังจากที่รู้ว่าหีบพันธสัญญาถูกคนฟิลิสเตียยึดไป ในพระธรรม 1 ซมอ.4 :18 "ต่อ มาเมื่อเขากล่าวถึงหีบแห่งพระเจ้า เอลีก็หงายหลังจากที่นั่งที่อยู่ข้างประตู คอของท่านก็หัก และท่านสิ้นชีวิตแล้ว เพราะท่านชรามากและตัวก็หนัก ท่านได้วินิจฉัยคนอิสราเอลอยู่สี่สิบปี” ก็ไม่ปรากฏว่ามีปุโรหิตคนใหม่ทำหน้าที่แทน แต่คนที่เผาเครื่องบูชา ถวายพระเจ้ากลับเป็นซามูเอลซึ่งอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าซามูเอลไม่ใช่คนใน เผ่าเลวี จึงเป็นปุโรหิตไม่ได้ แต่ซามูเอลกลับทำหน้าที่ของปุโรหิตได้
หน้าที่ของปุโรหิตในสมัยก่อน คือถวายสัตวบูชา อธิษฐานเพื่อประชาชนและประกาศพระบารมี ในพันธสัญญาเดิมประชาชนไม่สามารถถวายสัตวบูชาเองได้ เป็นหน้าที่ของปุโรหิตเท่านั้น แต่ซามูเอลกลับทำหน้าที่ได้ดังพระธรรม 1ซมอ 13:8-14 "พระองค์ทรงคอยอยู่เจ็ดวัน ตามเวลาที่ซามูเอลกำหนดไว้ แต่ซามูเอลมิได้มาที่กิลกาล ประชาชนก็แตกกระจายไปจากพระองค์ ดังนั้นซาอูลจึงตรัสว่า "จงนำเครื่องเผาบูชามาให้เราที่นี่ และเครื่องศานติบูชาด้วย" และพระองค์ก็ได้ถวายเครื่องเผาบูชา พอ พระองค์ถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ ดูเถิด ซามูเอลก็มาถึง ซาอูลก็เสด็จออกไปต้อนรับ และทรงคำนับท่าน ซามูเอลถามว่า "ท่านได้กระทำอะไรไปแล้วนี่" และซาอูลตรัสตอบว่า "เมื่อข้าพเจ้าเห็นประชาชนแตกกระจายไปจากข้าพเจ้า และท่านก็มิได้มาภายในวันที่กำหนดไว้ และคนฟีลิสเตียก็ได้ชุมนุมกันที่มิคมาช ข้าพเจ้าจึงว่า 'บัดนี้ คนฟีลิสเตียจะยกมารบกับข้าพเจ้าที่กิลกาล และข้าพเจ้ายังมิได้ทูลขอพระกรุณาแห่งพระเจ้า' ข้าพเจ้าจึงข่มตัวเอง และได้ถวายเครื่องเผาบูชา" และซามูเอลกล่าวแก่ซาอูล ว่า "ท่าน ได้กระทำการที่โง่เขลาเสียแล้ว ท่านมิได้รักษาพระบัญชาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระเจ้าจะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่าน เหนืออิสราเอลเป็นนิตย์แล้ว แต่ บัดนี้ ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระเจ้าทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัยพระองค์แล้ว และพระเจ้าทรงแต่งตั้งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือชนชาติของพระองค์ เพราะท่านมิได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้"
แต่ อย่างไรก็ตามเรื่องของซามูเอลในการเป็นปุโรหิตของท่าน ก็ยังไม่มีข้อสรุป บางตำราบอกว่า ซามูเอลไม่สามารถเป็นปุโรหิตได้เนื่องจากเขาไม่ใช่ชนเผ่าเลวี แต่พระเจ้าให้เขา ถวายเครื่องบูชาได้ เพราะยุคสมัยนั้นไม่มีใครที่เหมาะสมเท่ากับเขาแล้ว เขาจึงเป็นทั้งผู้เผยพระวจนะ ผู้วินิจฉัย และทำหน้าที่พิเศษดังปุโรหิต ด้วยลักษณะชีวิตของเขาที่อยู่กับ ปุโรหิตเอลีมาตั้งแต่เด็ก คนอิสราเอลจึงยอมรับเขาและเหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเป็นคนที่พระเจ้าพอพระทัย
แต่บางตำราบอกว่า ซามูเอล เป็นทั้งสามอย่างรวมกันเลย เนื่องจากว่าแม้ซามูเอลจะไม่ได้มีเชื้อสายเลวี แต่เขาก็เปรียบดั่งบุตรชายของปุโรหิตเอลี ชาวอิสราเอลจึงแต่งตั้งท่านเป็นปุโรหิตด้วย คำพูดถึงและกล่าวถึง ซามูเอลทั้งสองทางไม่มีข้อสรุป เพราะใน Holy Bible ไม่ ได้กล่าวแบบชัดเจนถึงเรื่อง การแต่งตั้งซามูเอลเป็นปุโรหิตหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ซามูเอลทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าในสมัยนั้น
นัก วิชาการในการค้นคว้าได้กล่าวว่า ตัวบทต้นฉบับภาษาฮีบรูของหนังสือซามูเอลอยู่ในสภาพชำรุดมากที่สุดเล่มหนึ่ง ของพันธสัญญาเดิม ฉบับแปลเป็นภาษากรีก (LXX) มีข้อ ความที่ต่างกันบ่อยครั้ง เพราะอาจแปลมาจากต้นฉบับที่มีอยู่ก่อนฉบับภาษาฮีบรูที่เรามีในปัจจุบัน เราพบชิ้นส่วนของตัวบทต้นฉบับโบราณนี้บ้างในถ้ำที่กุมราน (Qumran) ทำ ให้เข้าใจว่าจะต้องมีตัวบทภาษาฮีบรูของหนังสือซามูเอลหลายแบบด้วยกัน เพราะฉนั้น การแต่งตั้งซามูเอลเป็นปุโรหิตหรือไม่ ก็อาจจะมีแต่ด้วยความ เก่าและชำรุดมากจึงไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเท่าที่ควร
1 ซมอ 10:1 แล้วซามูเอลก็หยิบขวดน้ำมันเทลงบนศีรษะของซาอูล และจุบท่านแล้วกล่าวว่า "พระเจ้าทรงเจิมท่านไว้ให้เป็นเจ้านายเหนืออิสราเอล ประชากรมรดกของพระองค์แล้วมิใช่หรือ
1 ซมอ 16:13 ซา มูเอลจึงนำขวดเขาน้ำมัน และเจิมตั้งเขาไว้ท่ามกลางพี่ชายของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าก็สวมทับดาวิดอย่างมาก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปยังรามาห์
ซามูเอลเป็นบุคคลสำคัญใน Holy Bible เพราะเป็นคนเจิมแต่งตั้งกษัติย์อิสราเอลทั้งสองคนนั้นคือ ซาอูล และ ดาวิด ในยุคสมัยของท่านเป็นช่วงปรับเปลี่ยนการปกครองของอิสราเอล
หนังสือซามูเอลแบ่งออกเป็น 5 ภาค คือ
1] เรื่องซามูเอล (1 ซมอ 1-7)
2] เรื่องซามูเอลและซาอูล (8-15)
3] เรื่องกษัตริย์ซาอูลและดาวิด (1 ซมอ 16 - 2 ซมอ 1)
4] เรื่องกษัตริย์ดาวิด (2 ซมอ 2-20)
5] ภาคผนวก (2 ซมอ 21-24)
หนังสือซามูเอลเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่ออิสราเอลเริ่มมีกษัตริย์ปกครองจน ถึงปลายรัชสมัยของกษัตริย์ดาวิด อีกทั้งหนังสือ ซามูเอลรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลและธรรมประเพณีต่างๆเกี่ยวกับช่วง เวลาที่อิสราเอลเริ่มมีกษัตริย์ปกครองเข้าด้วยกันหรือเขียนต่อกันไว้เฉยๆโดย ไม่ขัดเกลารายละเอียดให้เข้าประสานกัน บางคนแปลกใจไม่น้อยว่า พระธรรมซามูเอลแต่กลับมีแต่เรื่องราวของ สองกษัติย์ ซาอูลและดาวิดซะส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองกษัติย์นี้ อยู่ภายใต้ความดูแลของซามูเอลผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเจิมแต่งตั้งไว้เหนือทั้งสองกษัตย์ ก่อนที่จะมีพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ และ 2 พงศ์กษัตริย์ ตามมาภายหลัง
ชีวิต ส่วนตัวของซามูเอล ท่านน่าจะได้แต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรเหมือนครอบครัวอื่นๆ ดังพระธรรม ตอนหนึ่งซึ่งกล่าวถึงบุตรชายของท่าน ถึงสองคน
1 ซมอ 8:1-3 อยู่ มา เมื่อซามูเอลแก่แล้ว ท่านได้ตั้งพวกบุตรชายของท่านให้วินิจฉัยอิสราเอลบุตรชายหัวปีของท่านชื่อ โยเอล และคนที่สองชื่อ อาบียาห์ ทั้งสองเป็นผู้วินิจฉัยในเมืองเบเออร์เชบาแต่บุตรชายของท่าน มิได้ดำเนินในทางของท่าน ได้เลี่ยงไปหากำไร เขารับสินบน และบิดเบือนความยุติธรรมเสีย
ความคิดเห็น