คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : [พระพร] ประสบการณ์เดียวกับ กิเดโอน (Gideon)
ผู้วินิจฉัย 6: 36-40
วนฉ 6:36 | กิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า "ถ้าพระองค์จะช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสแล้วนั้น |
วนฉ 6:37 | ดูเถิด ข้าพระองค์ได้วางกลุ่มขนแกะไว้ที่ลานนวดข้าว แม้มีน้ำค้างเฉพาะที่กลุ่มขนแกะเท่านั้น ส่วนที่พื้นดินโดยรอบนั้นแห้ง ข้าพระองค์ก็จะทราบว่า พระองค์จะทรงช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสนั้น" |
วนฉ 6:38 | ก็เป็นไปดังนั้น เมื่อกิเดโอนตื่นขึ้นในวันรุ่งเช้าก็บีบกลุ่มขนแกะ เขาบีบได้น้ำค้างจากกลุ่มขนแกะจนเต็มชาม |
วนฉ 6:39 | แล้วกิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า "ขออย่าให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อข้าพระองค์ ขอข้าพระองค์ทูลอีกสักครั้งเดียว ขอข้าพระองค์ทดลองด้วยกลุ่มขนแกะนี้อีกครั้งหนึ่งเถิด คราวนี้ขอให้แห้งเฉพาะที่กลุ่มขนแกะ ส่วนที่พื้นดินนั้นให้มีน้ำค้างโดยทั่วไป" |
วนฉ 6:40 | ในคืนวันนั้น พระเจ้าก็ทรงกระทำตามที่ขอ คือ กลุ่มขนแกะนั้นแห้งอยู่ แต่มีน้ำค้างอยู่ทั่วพื้นดิน |
ถ้าใครได้อ่านพระคำในตอนนี้ ก็คงตีความกันไปต่างๆนาๆ
แต่สำหรับท้ายแล้ว พระคำตอนนี้มันลอยขึ้นมาในหัว เมื่อเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
กับตัวเอง เป็นครั้งที่สองที่ท้ายเจอกับตัวเอง
เป็นที่รู้ๆๆกันว่า ตั้งแต่ปลายเดือน กรกฎาคม จนถึงเดือน สิงหาคม ปี 2554
ประเทศไทยของเรามีฝนตกตลอดบางพื้นที่มีน้ำท่วม
มันคือพ
พระพรแรก เวลาฝนตกหนัก ท้ายกับลูกๆต้องช่วยกันขนของขึ้นที่สูง
ไม่ใช่เพราะพื้นที่บ้านเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมง่ายหรอกนะคะ
แต่ว่า หลังคาบ้านมันรั่ว จนต้องขนของหนีน้ำกัน = =! คิดแล้วอนาทตัวเอง
แม้กระนั้นพวกเรา ก็เชื่อกันว่า สักวันเรา จะมีเงินพอเพียงในการเปลี่ยน
หลังคาบ้านใหม่ มันเป็นระยะเวลานานหลายปีที่พวกเราเฝ้ารอคอย
และอธิฐานขอพระเจ้าทุกคืนวัน เวลาฝนตก
แต่มาปีนี้ หลังคาท่าจะหมดสภาพจริงๆ
น้ำท่วมบ้านทุกครั้งที่ฝนตก = =! ขอบคุณพระเจ้า
วันหนึ่ง คุณแม่ของสามี(ย่า)ขายที่ดินได้เงินจำนวนหนึ่ง
ท่านแบ่งมาให้ เพื่อทำหลังคาบ้านโดยเฉพาะ แม้ว่า มันจะไม่พอ
สำหรับทำให้เสร็จบริบูณ์แต่พระเจ้าก็ประทานช่างซ่อมบ้านที่ดีที่สุด
และคิดราคาถูกที่สุดใน กับเรา ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ
หลังจากที่ซื้ออุปกรณ์และจ่ายค่าช่างไปแล้วเรียบร้อย ช่างก็เริ่มทำงาน
ขั้นตอนแรก เขาลื้อหลังคาเก่าออกก่อนในวันแรก สิ่งที่เราเห็นนั้นคือพระพร
เสาไม้ของเราพุพังจน ช่างไม้ต่างพากัน งง และบอกเป็นคำเดียวกันว่า
“หลังคานี้อยู่ได้ยังไงโดยที่มันไม่ถล่มลงมา เพราะสภาพของมันพังมากๆ”
แต่ภายในจิตใจของท้ายเองก็รู้ว่า สิ่งนั้นมาจากพระเจ้าของเรา
ที่คอยดูแลและปกป้อง
ในคืนแรก หลังคาบ้านเปิดกว้าง ไม่มีอะไรขว้างกั้นเลย
สิ่งที่ทั้งครอบครัวทำคือนั่งคุกเข่าขอพระเจ้า คือ อย่าให้ฝนตก
เพราะบ้านของเราไม่มีบังอะไรเลย โล่งมาก
ในวันที่สอง ช่างเริ่ม เอาเหล็กเข้ามาแทนที่ ไม้ที่ลื้อออก
แต่กว่าจะเสร็จก็กินเวลา ทั้งวัน ทำให้คืนที่สองของเราบ้าน
ก็ยังเปิดกว้างรอรับฝนเช่นเคย = =!
เป็นอีกวันที่เราทั้งสี่คนต้องใช้ความเชื่อทั้งหมดที่มี คุกเข่าอีกครั้ง
แน่นอน บ้านเราฝนไม่ตกเลย ถึงจะตกก็ปรอยๆ ไม่เยอะ
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่ามันมาจากพระเจ้าก็คือ ตอนกลางคืนคืนนั้น
เรานอนหลับสนิท ไม่มีลม ไม่มีเสียงฝน พวกเรานึกว่าพระเจ้าตอบคำอธิฐาน
ของเราเช่นคืนแรก คือ ฝนไม่ตก
แต่ปรากฏว่าตอนเช้าวันนั้น เปิดประตูบ้านออกมา
รอบๆบ้าน ต้นไม่ล้มละเนละนาดหมดเลย มันหักและโครนลง
คล้ายมีฝนลมแรง บริเวณรอบๆเปียกจนมองเห็นเป็นทางน้ำไหล
พอเราไปถามเพื่อนบ้านแถวนั้น เขาเล่าให้ฟัง ว่า
เมื่อคืน ฝนตกแรงมาก ลมก็แรง พัดพาข้าวของเสียหายหมด
แต่มันตรงกันข้ามกับบ้านของเรา ที่มีบริเวณบ้านกว้าง สนามหญ้า รกๆ = =!
ของเรา แห้งราวกับว่าไม่มีฝนตกลงมาเลยยังไงยังงั้น
พื้นกระเบื้องภายในบ้านที่มีหลังคาโล่ง กลับแห้ง ไม่มีฝนหยดลงมาแม้แต่เม็ดเดียว
ฮาเลลูยา >//<
แม้ใครไม่รู้ แต่พวกเราก็รู้ว่า พระเจ้าทรงกระทำการนี้เพื่อบุตรของพระองค์
บอกแล้วใช่ไหมค่ะ ตั้งแต่ตอนต้นว่า นี้ไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งแรกของท้าย
มันคือครั้งที่สอง
ครั้งแรกนั้นเป็นตอนที่ลูกๆของท้าย อายุได้ 3-4 ขวบ ช่วงนั้นเป็น ฤดูฝนเช่นกัน
ฝนมักตกในช่วงเย็นกลับบ้าน ด้วยฐานะทางบ้านของเรานั้น ยากจน
เราจึงมีเพียงมอเตอร์ไซคันเดียว พวกเราทั้งสี่คน มาโรงเรียนและทำงานพร้อมๆกัน
แม้ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น เหอๆๆๆ แต่เราก็พึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เรามีอย่างพอเพียง ถึงแม้ว่าบางครั้ง เราทั้งสี่คน
จะตากฝนกลับบ้านก็หลายครั้ง และนั้น เป็นเหตุให้ลูกๆไม่สบาย
แต่วันนั้น เราก็ไม่มีใครที่พวกเราจะพอฝากเขาเลี้ยงลูกไว้ที่บ้านได้
แม้ไข้ของเขาทั้งสองคนจะลดลงได้ แต่เขาก็ไม่ได้หายดี
สิ่งเดียวที่เราพ่อแม่ทำได้คือพามาโรงเรียนทั้งอย่างนั้น
ได้แต่ขอให้พระเจ้าดูแลเขาให้ และพอบ่ายสามโมงเย็นก็ถึงเวลาไปรับลูก
วันนั้นท้ายจำได้ดี ว่า พระเจ้า ทำให้ท้ายได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์แบบ
ต่อหน้าต่อตา สามีของท้าย ขับรถมาจาก อบจ.(ที่ทำงานของสมี)
มาหาฉันที่ สสจ. (ที่ทำงานของท้าย) ตัวของเขาเปียกเล็กน้อย
เขาบอกว่าฝนตกที่ อบจ. แต่พอมาถึงที่ทำงานของท้าย ฝนหยุดตกซะงั้น
สามีของท้าย เลยบอกให้ท้ายไปรับลูกๆแทน เพราะตัวของเขาเปียกแล้ว
ท้ายขับรถออกไปด้วยความเชื่อ แม้ในหัวใจของท้ายเองจะหวาดๆ ในใจอยู่ไม่น้อย
แต่ท้ายก็ได้แต่เฝ้าอธิฐานขอพระเจ้า ช่วยหยุดฝนไว้ให้ก่อน จนกว่าท้ายจะพาลูกๆ
กลับมาถึงที่ทำงานของท้ายได้ (ตอนนั้นความเชื่อน้อยมาก เพราะลูกๆก็ไม่สบายอยู่แล้วด้วยกังวลไปหมด)
ท้ายตัดสินใจ ขับรถออกไปรับลูกๆ ด้วยความเชื่อ เชื่อว่าพระเจ้าจะหยุดฝนให้
แต่พระเจ้าทำการยิ่งใหญ่กว่านั้น ท้ายไม่ได้สังเกตุ ในตอนขาไปรับลูก
พอถึงหน้าโรงเรียน เด็กๆคนอื่นๆต่างก็พากันรีบกลับบ้าน
เพราะดูท่าทางฝนจะตกเอามากๆ แต่สิ่งที่ท้ายเห็น คือ
ห่างจากประตูโรงเรียนไปไม่ถึง 10 เมตร ฝนกำลังตก แถมตกหนักซะด้วย
แต่ตรงบริเวณหน้าโรงเรียน ไม่มีฝนเลย = =!
ท้ายพาลูก เลี้ยวกลับมาทางเดิม จนถึงไฟแดงที่จะเลี้ยวไปถึง ที่ทำงานท้าย
ท้ายจอดรอไฟจราจร สิ่งที่เห็นตรงหน้า ฝั่งตรงข้าม
ขณะที่พวกเขาจอดรอไฟจราจรเปียกปอนกันไปหมด
แต่ฝั่งที่ท้ายจอดกลับไม่มีฝนเลยสักเม็ด
ว้าว !!!!!!!!!!!!
ขอบคุณพระเจ้าจากเส้นทางระหว่างที่ทำงานท้ายไปจนถึง
โรงเรียนของลูกๆ ไม่มีฝนเลย นอกจากนั้น ฝนตกรอบนอกทั้งหมด
ฮาเลลูยา >///<
พูดไปก็หาว่าท้ายโม้ แต่ว่า นั้นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับท้ายจริงๆ
แม้สามีเองก็ยัง งงๆ ว่าทำไมมันถึงแห้งสนิทเฉพราะทางระหว่างที่ทำงานกับโรงเรียน
ถ้าใครนึกภาพไม่ออกจากวาดแผนที่ ข้าวๆไม่มีกับ(ข้าว = =!) ให้ดูนะคะ
ส่วนคนที่เคยอยู่ชัยภูมิ ก็พอจะนึกออก ^__^
มันเป็นเรื่องที่แปลก ไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหมค่ะ แต่ว่า มันไปแล้ว ในพระเจ้า
ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้ ถ้าพระเจ้า ให้ประสบการณณ์แบบนี้กับท้ายได้
พระเจ้า ก็จะทำ เรื่องน่าอัศจรรย์ใจในชีวิตของพี่น้องทุกคนเหมือนกัน
ถ้าท่านยังไม่เคยมีประสบการณ์อย่างนี้
รองคุกเข่า อธิฐานขอพระเจ้าสิคะ
แล้วท่านจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเช่นกัน
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรพี่น้องทุกคนนะคะ
@^___^@
ความคิดเห็น