คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ---- Hitachi Seaside Park ----- ดินแดนในฝัน
สวน Hitachi Seaside Park
สวน Hitachi หรือชื่อเต็มคือ Hitachi Seaside Park (อ่านออกเสียงเหมือนกับ ป๊อปเลือกฮิตาชิ) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวรอบกรุงโตเกียวที่ยังไม่ค่อยดังในหมู่คนไทยเท่าไรนัก สวนนี้มีชื่อเสียงในแง่ดอกไม้ต้นไม้ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล คราวนี้เราจะไปเที่ยวสวนที่ว่านี้กันครับ
ตามภาพคือพุ่มไม้แดง ต้น Kokia ของเด็ดอีกอย่างของสวนนี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังครับ เป้าหมายของเราก็คือไอ้นี่แหละ
ข้อมูลของสวน
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสวน Hitachi ข้อมูลทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน หาวิธีแปลกันเองนะครับ
สวน Hitachi เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเมือง Hitachinaka จังหวัด Ibaraki ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว มีทั้งโซนที่เป็นสวนต้นไม้ และสวนสนุกขนาดย่อมๆ ให้ไปพักผ่อนหย่อนใจกันได้ตามสะดวก
ค่าเข้าชม 400 เยน เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.30 เป็นต้นไป ส่วนเวลาปิดขึ้นกับฤดูกาล เช็คได้จากเว็บไซต์
ต้น Kokia ปกติจะสีเขียว ช่วงเวลาที่มันสีแดงจะมีจำกัดมากคือเดือน ต.ค. เท่านั้น โดยสวนจะจัดงาน Carnival สำหรับชม Kokia ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.ย. ถึงกลางเดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งวันที่แน่นอนจะเปลี่ยนไปในแต่ละปี (วันที่ของปี 2013 คือ 14 ก.ย. ถึง 20 ต.ค.)
ดังนั้นใครอยากมาดู Kokia สีแดงก็ต้องวางแผนกันมาดีๆ โดยมาสักช่วงกลางๆ เดือนตุลาคมเป็นต้นไปครับ
ถ้ามาไม่ตรงหน้า Kokia สีแดงก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ สวนนี้เค้าจะลงดอกไม้อย่างอื่นๆ สลับกันไปตลอดปีอยู่แล้ว ดูรายละเอียดได้จาก Flower Calendar แล้วเลือกฤดูตามเมนูทางซ้ายบน เช่น ฤดูใบไม้ผลิจะมีดอก Nemophila สีฟ้าสวยงาม (ภาพประกอบ)
การเดินทาง
สวนนี้อยู่ห่างจากโตเกียวขึ้นไปทางเหนือประมาณ 1.5 ชั่วโมง และอยู่ติดทะเลครับ การเดินทางถ้าไม่ได้ไปด้วยรถส่วนตัว ก็ต้องเดินทางด้วยรถไฟแล้วต่อรถบัส
ถ้าออกจากโตเกียว เราจะต้องไปตั้งต้นที่สถานี Ueno ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใหญ่อีกแห่งทางฝั่งเหนือของโตเกียว จากนั้นนั่ง JR Joban Line ไปลงที่สถานี Katsuta จะใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง (ถ้าออกแต่เช้า จะมีรถเที่ยว 8.00 น. ออกจาก Ueno แล้วไปถึงที่ Katsuta 9.24 น.)
ค่ารถไฟ 3,510 เยน ค่อนข้างแพง ถ้าใครมี JR Pass ก็ควรใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า
จากสถานี Katsuta เราจะต้องนั่งรถบัสไปยังสวน Hitachi ซึ่งอยู่ออกไปไม่ไกลนัก นั่งรถประมาณ 20 นาที ค่ารถ 390 เยน (สวนคือพื้นที่เขียวๆ ที่เขียนว่า Hitachikaihin ด้านขวามือของแผนที่)
เมื่อมาถึงสถานี Katsuta ก็ออกที่ทางออกฝั่ง East ครับ
การเดินทางไม่ได้ยากอะไรมากเพราะคนที่มาลงสถานีนี้ส่วนใหญ่ ก็มาสวน Hitachi เนี่ยแหละ ป้ายชัดเจน
ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวซ้ายมาหน่อย จะเจอป้ายรถบัสตามภาพ ป้ายที่ไปสวนจะอยู่ทางซ้ายมือสุดของภาพนี้
บรรยากาศหน้าสถานี Katsuta ครับ น่าเสียดายไม่ได้แวะดูเมืองนี้เท่าไร
ถ้ามาวันหยุดก็คนเพียบครับ ไม่ต้องกลัวหลงแน่นอน (ตอนอยู่บนรถก็ยืนกันเบียดๆ หน่อยนะ)
รถบัสมาแล้ว ขึ้นไปก่อน จ่ายเงินตอนลงที่ประตูหน้า ตามสไตล์รถบัสญี่ปุ่นทั่วไป ที่จะมีเครื่องแลกเหรียญอยู่ แล้วค่อยเอาเหรียญไปหยอดในกล่องอีกที
เข้าสวน Hitachi
นั่งรถมาได้สักระยะก็จะถึงสวนครับ ไม่มีหลงป้ายแน่นอนเพราะเขาไปจอดหน้าสวนเลย และแถวนั้นมันไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากป้ายรถเมล์เล็กๆ หนึ่งอัน -_-'
ประตูเข้าสวนทำเป็นรูปปีกนก
ราคาค่าตั๋ว สารพัดแบบ อย่าเพิ่งงง
อันที่เราต้องใส่ใจคืออันนี้ครับ ผู้ใหญ่ 400 เยน
เข้ามาในสวนก็มีวิธีการเดินทางหลายแบบให้เลือก ได้แก่
- นั่งรถไฟ (จริงๆ มันก็คือรถเครื่องยนต์พ่วงที่ทำหน้าตาเป็นรถไฟ) ค่าตั๋วเหมา 500 เยน
- เช่าจักรยาน ค่าเช่า 300 เยนต่อ 3 ชม. แต่เส้นทางจักรยานจะไม่ทับกับเส้นทางคนเดิน บางจุดต้องจอดแล้วลงเดิน
- เดิน
เราไปกัน 4 คน ตกลงกันว่า "เดิน" ครับ
โซนต่างๆ ในสวน Hitachi
แผนผังของสวน Hitachi ก็เป็นไปตามภาพครับ (อันนี้คือแผนที่รถราง) จะเห็นว่าสวนนี้เป็นสวนอกแตกที่ถูกถนนผ่ากลาง ตามภาพนี้ทะเลจะอยู่ด้านบน (สวนเกือบติดทะเลแต่ไม่ติดสนิท)
- จุดสีเหลืองมุมซ้ายล่าง คือประตูเข้า
- เบอร์ 1-2-3 เป็นสวนสนุก มีเครื่องเล่น
- เบอร์ 8 โซนสีฟ้าในภาพ เป็นจุดไฮไลท์ รวมพุ่มไม้แดง
เราจะเริ่มเดินจากประตูเข้าไปตรงเบอร์ 8 กันเลยครับ ไม่ไกลเท่าไร เดินกันชิวๆ แป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว
เข้าประตูหน้าไปแล้วจะเจอกับคาเฟ่เล็กๆ ให้ซื้อของที่ระลึกกันได้
ของที่ระลึกสำคัญในร้านนี้คือ "โดรายากิ" (อันเดียวกับที่โดราเอมอนกิน) ที่ทำลายเป็นรูปพุ่มไม้ Kokia สัญลักษณ์ของที่นี่ (ตัวสีเขียวๆ แดงๆ ในภาพ)
มีให้เลือกหลายรสทีเดียว จำไม่ได้แล้วว่ามีรสอะไรบ้าง
หน้าตาครับ
รสชาติก็อร่อยดี กินรองท้องได้คนละชิ้น ชิ้นละ 130 เยน
บึงน้ำตรงแถวๆ ประตูทางเข้า
ถนนเฉพาะสำหรับจักรยาน แยกกับถนนคนเดินชัดเจน ไม่ยุ่งกัน
ช่วงที่ไปนี้เป็นหน้า Kokia แดงพอดี ทุกคนก็จะมุ่งไปดู Kokia กัน มีป้ายบอกตลอดทาง
ถ้าไม่คิดอะไรมาก เดินตามคนญี่ปุ่นไปเรื่อยๆ ก็ไม่หลงแน่นอนครับ คนเยอะมาก
เดินๆ ไปก็เจอรถไฟวิ่งสวนมาบ้าง
ที่เจอเยอะมากคือ "หมา" ครับ คนญี่ปุ่นพาหมามาเดินเล่นกันเยอะมาก
มากันเป็นทีมแบบนี้ก็มี
ทุ่ง Kokia สีแดง
เดินตามชาวบ้านไปเรื่อยๆ ก็เห็น Kokia สีแดงแต่ไกลแล้ว เจ้าหน้าที่ของสวนปลูกเอาไว้ที่เนินเขาริมทะเล
แดงสุดลูกหูลูกตาเลยครับ แน่นอนว่าคนเพียบ
ช่วงที่ไป (19 ตุลาคม) ก็เริ่มจะโรยๆ บ้างแล้ว บางต้นก็ไม่แดงเท่าไร เริ่มซีดๆ แล้ว
มองจากยอดเนินลงไปครับ เห็นชิงช้าสวรรค์ในโซนเครื่องเล่นอยู่ลิบๆ
ฝั่งทะเลเป็นท่าเรือใหญ่
หมาเยอะจริงๆ ทั้งหมาเล็กหมาใหญ่ แถมหมาญี่ปุ่นนี่สุภาพมากคือเจอหมาแปลกหน้าแล้วไม่เห่าใส่กัน จะเดินไปดมๆ กันแล้วก็เป็นเพื่อนกันทันที (ถ้าเป็นหมาไทย ด้วยปริมาณขนาดนี้คงซัดกันเละไปแล้ว)
หมาเซ็ตเมื่อกี้ เจ้าของจับมาถ่ายรูปหมู่กัน
ญี่ปุ่นเป็นชาติที่บ้าไอติมโคนหรือ soft cream มาก สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งจะมี soft cream ขาย ซึ่งที่นี้ก็หนีไม่พ้น และแน่นอนว่ามี soft cream รสชาติออริจินัล "รส Kokia" ขายด้วย
เพื่อนเราที่ไปด้วยเป็นหน่วยกล้าตายไปลองทดสอบ แล้วก็ให้ความเห็นว่า "นี่มันยาน้ำเด็กชัดๆ"
ใกล้ๆ กับเนินเขาของทุ่ง Kokia ก็มีบ้านโบราณญี่ปุ่นให้ทัศนศึกษาอยู่ 3-4 หลัง ก็ไม่มีอะไรมากครับ ไปดูพอขำๆ ได้ความรู้นิดหน่อย
การทำหลังคาของบ้านโบราณ ซับซ้อนมาก
คู่นี้เขามาเดทกันในบ้านโบราณเลย
อาหารการกิน
บริเวณตีนเขาทุ่ง Kokia ก็มีจุดขายอาหารใหญ่อยู่ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องเสบียง (แต่คนญี่ปุ่นเตรียมเสื่อมาปิกนิกกันก็เยอะ) เพียงแต่ถ้ามาช่วง prime time คนก็จะเยอะหน่อย (รายการร้านอาหารในสวน)
อาหารยอดฮิตของที่นี่คือ หมูย่างแบบเสียบไม้
คนเยอะสุดๆ
อาหารแบบอื่นๆ ก็มี พวกยากิโซบะ ของทอด ข้าวแกงกะหรี่ ราเม็งยังมี
มาเที่ยงๆ คนเยอะมาก
คนญี่ปุ่นมาแคมปิ้งแบบนี้ก็มี น่าสนุกดี
โซนสวนสนุก
จากโซนของ Kokia ข้ามมาอีกฝั่งก็เป็นโซนพฤกษชาติทั่วไป และโซนสวนสนุกครับ เราก็เดินตัดเข้ามาที่โซนสวนสนุกเลยดีกว่า เพราะโซนพฤกษชาติก็มีแต่ต้นไม้ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ทางเข้าโซนสวนสนุก
โซนสวนสนุกที่นี่ไม่ใหญ่เท่าไร แต่ก็เน้นจับตลาดเด็กเล็กเป็นหลัก แน่นอนว่าเด็กเพียบ
โดยรวมแล้วก็มีแค่นี้ครับ สวน Hitachi เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง โดยมีต้น Kokia แดงเป็นจุดขายนั่นเองครับ ถ้าจัดตารางเวลาดีๆ มาเจอกับต้น Kokia สีแดงที่หาดูได้ยาก ก็คุ้มค่าแก่การนั่งรถไฟมาไกลพอสมควร
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ถ้ามาเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้มาปิกนิกก็คงใช้เวลาราวๆ นี้ ใครที่จะตามไปควรเช็คสภาพอากาศล่วงหน้าด้วยเพราะเป็นสวนเปิดโล่ง อยู่ริมทะเล ลมแรงพอสมควร
Daffodils open in April.
Tamago no Mori Flower 區有超過170品種的鬱金香在4月尾由5月頭盛放。
Tamago no Mori Flower garden has about 170 varieties of Tulips blooming in all colors from late April to early May.
Early summer
每年5月, 450萬株粉蝶花(ネモフィラ) 會盛放, 由如一張藍色地毯。地點位於園內的Miharashi no Oka區。
Miharashi no Oka is the area makes a blue carpet of flowers with about 4,500,000 nemophilia (ネモフィラ) surrounding you. It looks really beautiful and you’ll feel like you’re in a beautiful blue ocean between blue sky and a blue field. You can enjoy the great view every year in May.
50萬棵油菜花也在這時期開放。
About 500,000 brassica rapa flowers are also the best time to see at Daisougen Flower Garden area.
Autumn
30,000 annual plant Kochia – Summer cypress (コキア) usually turn red in August.
30,000棵掃把草會在8月期間由綠轉紅。
Every October is the time for Cosmos (コスモス).
十月是秋桜/波斯菊 (コスモス)的花期。
網址 Website: http://www.hitachikaihin.jp/
【Ibaraki Airport Website】 http://www.ibaraki-airport.net/en/access/train_bus/tbto_mito.html
http://cozyresort.com/wp-content/uploads/2013/09/hitachi-seaside-park-winter.jpg
ความคิดเห็น