ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เผลอใจรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : c h a p t e r 7

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 57


    หาววววววววววว  

     

                    นี่ฉันเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย จำได้ว่าพอพี่กานต์ไปฉันก็เข้าไปอาบน้ำ ออกมาหาข้าวกิน แล้วก็เข้ามาอ่านหนังสือในห้องนี้   เปิดเพลงฟังพักเดียวเอง หนังสืออ่านฉันสะแล้ว  วันเสาร์ที่ไม่มีพ่อแม่นี่ช่างเหงานะ นี่ก็บ่ายแก่ๆแล้ว  พี่กานต์กลับมาหรือยังนะ

     

    แกร๊ก

     

                    “แล้วแกจะเอายังไง แกจะทำยังไงต่อ” พี่กานต์พูดกับใครสักคนที่หันหลังให้ฉันอยู่

     

                    “ฉันไม่รู้เลยว่ะกานต์  ตัวฉันเองก็สับสนเหมือนกัน ถามว่าฉันรักคลีนมั้ยฉันก็ตอบไม่ได้”พี่เตนี่นา

     

                    “ฉันเข้าใจแกเว่ย เป็นเพราะน้องฉันเองที่ดื้อ ไม่ยอมเปิดใจตั้งแต่แรก”

     

                    “ไม่หรอก น้องคงฝังใจกับเรื่องที่ฉันทำ”

     

                    “ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นหรอก ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่อง”  ตกลงพี่กานต์เข้าข้างใครกันแน่นะ

     

                    “แกไม่เข้าใจหรอกกานต์ ตอนนั้นน้องไว้ใจฉันมาก แล้วคนที่ทำน้อง คนสุดท้ายที่อยู่กับน้องเป็นฉัน น้องเลยฝัง ใจ”

     

                    “เออ พ่อพระเอก  เรื่องนี้เคลียร์กันเองเว้ย ขอเห็นแก่ตัวแล้วกัน  แล้วกับยัยฟีมม้วนเก่านั่นแกยังไงวะ”พี่กานต์ถามพี่เต

     

                    “วันนั้นที่คลีนไปเจอที่ฉันเล่าให้แกฟังนั่นแหละ ฉันนัดยัยนั่นไปบอกเลิก เพราะฉันเบื่อคนที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่ดันเจอคลีนแล้วยัยนั่นไปวีนใส่น้องสะก่อน ฉันเลยได้เหตุผลพอดี”

     

                    “แล้วขวัญล่ะ”

     

                    “กับขวัญ ฉันจริงจังว่ะกานต์ ฉันว่าฉันรักเขา ที่เลิกกับฟีมเพราะขวัญด้วยแหละ ”  ขวัญ?  ใคร?  บอกรักว่าเขานี่คงน้องสาวมั้งนะ  เหอะ เป็นไงล่ะหนูคลีน แกมัวแต่เล่นตัว  ใจเขาเป็นของคนอื่นแล้วเว้ย ใจเขาให้คนอื่นไปแล้ว เขาไม่พร้อมที่จะมีแกในใจแล้ว เขาให้พื้นที่คนอื่นไปแล้วไง  ฮึกกกก  ไอน้ำตาบ้านี่มาทำไมวะ 

     

     

     ปังงงงง!!

     

     

     

    Te’s part

     

     

     

                    “ชิบหายละไอเต  ยัยคลีนแหงๆ ไปเคลียร์กันเองนะเว้ย” ไอกานต์บอกกับผม

     

                    “เออ เดี๋ยวฉันคุยกันน้องเอง” งานเข้าแล้วครับ จะบอกกันคลีนว่ายังไงดี ผมยังไม่รู้ใจตัวเองเลยครับว่ายังไง ตั้งแต่เด็กๆเลยที่เจอคลีน ผมหลงน้องเลยครับ น้องน่ารัก พูดจาฉะฉาน จนผมย้ายเข้าโรงเรียนประจำ จนเข้ามหาลัยครับ ผมก็ส่องน้องเขาบ่อยๆ ทั้งในโลกโซเชียล  แล้วก็ถามจากไอกานต์ แต่เมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมา ความรู้สึกผมก็เปลี่ยน  ผมชอบเพื่อนไอกานต์ที่รู้จักกันครับ  ขวัญ  เขานิสัยคล้ายๆกับคลีน แต่จะอ่อนหวานกว่า  จนมาวันนี้ ที่ผมรวมตัวกันคุยกันเรื่องที่คลีนจะยกโทษให้ผม ผมก็ไม่อยากจะโทษน้องหรอกนะ   ผมจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีครับ โว้ยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

                    ผมเปิดประตูเข้ามาก็เห็นคลีนนั่งร้องไห้อยู่ตรงมุมห้อง  ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยแพ้น้ำตาผู้หญิงคนไหนนอกจากคลีนกับขวัญเลย

     

                   

     

     

    “คลีนครับ พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ผมเดินเข้าไปนั่งมุมห้องกันคลีน

     

    “พี่เตมีอะไรจะพูดกับคลีนคะ  พี่เตคงรู้แล้วนะคะว่าคลีนไม่โกรธพี่แล้ว  แล้วคลีนก็คิดว่าคลีนรักพี่เตด้วย  คลีนไม่น่าหวังตั้งแต่แรกเลย ว่าพี่เตจะพอมีที่ในใจให้คลีนบ้าง  คลีนคิดผิด คลีนผิดเองที่เล่นตัว คลีนผิดที่คิดบ้าๆ  ไม่ให้อภัยพี่ คิดจะลืมพี่”

     

    “แล้วคลีนไม่ได้ลืมพี่จริงๆหรอ  วันนั้นที่เราเจอกันตอนแรก  คลีนยังจำพี่ไม่ได้เลย”  ผมถามน้อง

     

    “พี่เตว่ามันเจ็บมั้ยคะ กับการที่ต้องแกล้งทำ แกล้งลืม  ทั้งๆที่จริงๆไม่เคยลืม  แถมยังรู้สึกรักอีกต่างหาก  แต่มันก็ยังมีปมบ้าๆในใจ  พี่เตว่าคลีนมีความสุขนักหรอคะ  ทุกสิ่งที่ทุกคนเห็น  คิดว่าคลีนเป็นแบบนั้นหรอคะ”  น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม  ตาน้องเริ่มช้ำเพราะน้ำตายังไหลไม่หยุด แต่ไม่ถึงกับบวม  ตอนนี้ผมรู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนขังน้องไว้บนห้องอีกแหะ

     

    “แล้วคลีนคิดว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรกับคลีนเลยหรอ  พี่ยอมรับเลยว่าพี่ก็ตอบไม่ได้ว่าพี่รู้สึกกับคลีนยังไง   เราคงห่างกันไปนานมาก  ความรู้สึกที่พี่มีต่อเขา เลยชัดเจนกว่าคลีน   แต่พี่ยังไม่อยากให้คลีนตัดใจจากพี่  คลีนอย่าเพิ่งเลิกรักพี่เลยนะครับ”  

    “เห็นแก่ตัวไปไหมคะ  ถ้าไม่มั่นใจจะกั๊กคลีนไว้ทำไม  พี่จะเก็บคลีนไว้ทำไม  เก็บคลีนไว้ ถ้าคุณขวัญปฏิเสธพี่ พี่ก็จะยังเหลือคลีนอยู่ อย่างนั้นน่ะหรือคะ  เอาคลีนไว้สำรองหรอคะ”  ผมรู้ครับ ที่ผมพูดไปน่ะเห็นแก่ตัวเต็มๆ และคนที่จะจ็บปวดก็คือน้องเต็มๆ  แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ  ทางที่จะเป็นไปได้กับขวัญมันมีน้อยอยู่แล้ว   แต่กับคลีน ผมดันปากเสียพูดไปแบบนั้นอีก  ลบทั้งสองทางเลยครับ     แม่ครับ  เตจะบ้าตายแล้วครับ 

     

    “คือ คลีนพี่ไม่ได้หมายความแบบที่พี่พูด   พี่บอกตอนนี้ไม่ได้ว่าพี่รักคลีน   แต่คลีนให้เวลาพี่หน่อยนะครับ”  ผมพูดแล้วดึงน้องมากอด

     

    “หึ  อย่างนั้นหรือคะ  ให้คลีนรอหรือคะ   แล้วถ้าคุณขวัญเขาเกิดเซย์เยส กับพี่ ที่คลีนรอมา คลีนก็ได้แต่ความผิดหวังน่ะสิคะ คลีนต้องเจ็บอีกกี่ทีคะพี่เต”  ผมรู้สึกได้ว่า ไหล่ผมตอนนี้เปียกแล้วครับ  ผมเถียงอะไรไม่ออกเลยนอกจากครางชื่อน้องออกมาเบาๆ  แล้วกอดน้องไว้อย่างนั้น ไอกานต์นะไอกานต์  ทำไมไม่บอกสักคำวะว่าน้องจะเงียบได้ง่ายๆยังไง

     

     

    Rrrrrrrrrrrrr

                    เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น  คลีนผละออกจากผม แล้วผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ

     

                    “สวัสดีครับขวัญ” ผมกรอกเสียงไปตามสาย  เมื่อคลีนรู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาก็จะวิ่งออกไป  ดีที่ผมคว้าข้อมือไว้ทัน

     

                    -เตอยู่ไหน  หนังเข้าใหม่น่าดูมาก ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ-

     

                    “เอ่ออ  ขวัญ คือตอนนี้เตไม่.....”

     

                    -ไม่ว่างไม่เป็นไรเต  เราไม่ซีเรียส ว่าแต่เตทำอะไรอยู่หรอ-

     

                    “เตอยู่ห้องไอกานต์ กำลัง.....      คลีน!!!”  ขณะที่ผมตอบขวัญอยู่ คลีนก็บิดข้อมือออกแล้ววิ่งออกจากห้องไป

     

                    -เตไม่สะดวกคุยนี่   เราขอโทษนะที่รบกวน-

     

                    “เดี๋ยวเตเสร็จธุระ จะโทรหาใหม่นะ แค่นี้ก่อนนะ”  ผมรีบร้อนวางสายจากขวัญอย่างที่ไม่เคยเป็น แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง

     

     

     

                    ผมวิ่งตามคลีนออกไปข้างนอก ผมจะไม่ยอมให้คลีนวิ่งหนีผม  แล้วเกิดปัญหาคาราคาซังแบบที่ผ่านอีกแล้ว  

    ผมวิ่งออกมาสวนกับไอปูรณ์ ที่กำลังจะเดินไปห้อง  และเห็นคลีนกำลังกอดไอปัณณ์อยู่หน้าลิฟต์   แค่นั้นแหละ จี๊ดดด!!  ผมจะไปดึงคลีนออก แต่ไอปูรณ์ส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไว้ แล้วดึงผมเดินกลับห้อง

     

                    “อย่าเพิ่งโวยวายไอเต สงบสติแกก่อน คุยไปไม่รู้เรื่อง ปล่อยน้องไป”   เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นด้วยกับคำพูดมัน  เลยได้แต่เดินคอตกเข้าห้องไป

     

     

     

     

    End Te’s part

     

     

     

     

     

                    ยังไม่ทันไร ก็เป็นแบบนี้สะแล้ว  นี่น่ะหรอที่บอกให้รอ เป็นแบบนี้คลีนควรจะรอพี่ให้เจ็บปวดหรอ?  

    ฉันต้องการออกจากบริเวรนี้ให้เร็วที่สุด  พี่กานต์ก็นะ  ทำไมปล่อยให้เขามาทำร้ายน้องแบบนี้  ฉันวิ่งออกมาที่ลิฟต์แล้วเจอกับพี่แฝดที่กำลังออกจากลิฟต์พอดี  พอฉันเจอคนที่พึ่งพาได้ ฉันจึงวิ่งไปกอดเขาไว้ทันที

     

                    “น้องคลีนเป็นอะไร ใครทำอะไรหนู”  พี่ปูรณ์ถามฉันขณะที่ฉันกอดพี่ปัณณ์ไว้แน่น

     

                    “คลีนรู้ว่าพวกพี่รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว  คลีนไม่อยากเจอเขา พี่แฝดช่วยคลีนทีนะคะ”

     

                    “ปูรณ์  เดี๋ยวพาไอเตเข้าห้องไป  เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเอง”

     

                    “เออๆ  ทำไมเรื่องมันใหญ่โตแบบนี้นะ เห้ออ”  พี่ปูรณ์ถอนหายใจแล้วเดินจากไป

     

     

     

                   

     

     

     

     

    “พี่ปัณณ์มีธุระอะไรที่ไหนไหมคะ”  ฉันถามพี่ปัณณ์ขณะที่เราขับรถออกมาจากคอนโดได้สักพัก

     

    “ไม่มีครับ นักศึกษาเพิ่งจบงานการไม่มีทำหรอก”

     

    “งั้นพี่พาคลีนไปที่ๆนึงได้ไหมคะ”

     

    “หืม น้องคลีนจะไปไหนครับ”  ฉันบอกความต้องการกับพี่ปัณณ์แล้วหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน

     

     

     

     

     

    “น้องคลีน ถึงแล้วครับ”  พี่ปัณณ์ปลุกฉันขณะที่รถเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง

     

    “ลงไปกันเถอะค่ะ  ไม่ได้โทรมาก่อน หวังว่าจะเจอพี่กราฟนะ”  ใช่แล้วค่ะ ฉันเลือกมาหาพี่กราฟที่ชลบุรี  เพราะพี่กราฟทำงานอยู่ที่นี่  แล้วพอดีกับที่คุณลุงซื้อบ้านในโครงการของเพื่อนไว้หลังหนึ่ง ท่านเลยยกบ้านนี้ให้พี่กราฟอยู่

     

     

    “เอ่อ ไม่ทราบว่ามาที่นี่ มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ฉันกับพี่ปัณณ์หันกลับไปมองตามเสียงด้านหลัง ก็เจอพี่กราฟต์ อยู่ในชุดกางเกงสามส่วนกับเสื้อยืดสบายๆ

     

    “พี่กราฟ!!”  ฉันวิ่งเข้าไปกอดพี่กราฟทันที

     

    “ยัยคลีน  ปัณณ์  มาได้ไงเนี่ย ไปๆ เอารถเข้าไปจอดในบ้านก่อน”พี่กราฟยกมือขึ้นรับไหว้พี่ปัณณ์แล้วสั่งทันที

     

     

     

    “เป็นไงเรา ทำไมตาช้ำๆร้องไห้ทำไมฮึ”  พี่กราฟถามฉันขณะที่เรามานั่งกันที่โต๊ะม้าหินอ่อน ในสวนเล็กๆ  แค่เสียงนุ่มๆของพี่กราฟถามบวกกับเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ ก็ทำฉันร้องไห้ได้ง่ายๆอีกครั้ง

     

     

    “พี่กราฟ น้องสับสน น้องไม่รู้จะทำยังไงดี” ฉันบอก แล้วพี่กราฟก็ดึงฉันเข้าไปกอด

     

     

    “เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” ฉันพยักหน้ากับอกพี่กราฟแล้วเล่าให้พี่ชายคนโตฟัง ด้วยน้ำเสียงที่อู้อี้สุดๆ

     

     

     

     

    “แล้วเรายังรักเขาไหมคลีน”  ฉันไม่ตอบแต่หลบสายตาพี่กราฟ

     

    “ถ้าคลีนยังรักเขาอยู่ คลีนต้องกล้าได้กล้าเสีย คลีนน้องพี่ที่เก่งไปสะทุกเรื่อง ทำไมมาจนมุมแบบนี้ หืม?”

     

    “ใช่ครับ น้องคลีนต้องกล้าได้กล้าเสียสิ  อยากรักก็ต้องเสี่ยง เคยฟังเพลงใหม่ครับ”  พี่ปัณณ์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆเอ่ยขึ้นมา

     

    “พี่กราฟกับพี่ปัณณ์ว่า คลีนจะทำยังไงต่อไปดีคะ” ฉันถาม แล้วพี่สองคนก็เงียบไปสักพัก

     

    “อีกประมาณไม่ถึงสองเดือนจะวันเกิดเราใช่ไหม”พี่กราฟถาม ฉันก็พยักหน้าแทนคำตอบ

     

    “นายว่าไงปัณณ์” แล้วพี่กราฟก็หันไปถามพี่ปัณณ์ต่อ

     

    “เอาอย่างนี้ดีไหมครับ  คลีนไม่ต้องให้โอกาสไอเตด้วยการรอ แต่เราขอเวลามันแค่สามเดือนให้หลงรักน้องคลีน  ถ้าในสามเดือนนี้ มันยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของมันอยู่ มันจะเสียน้องคลีนไป  ถ้าเป็นแบบนี้ น้องคลีนพอจะรับได้ไหมครับ”

     

    “ทำไมต้องให้เลยวันเกิดคลีนไปคะพี่ปัณณ์”

     

    “ก็ถ้ามันรู้สึกรักคลีนจริงๆ  ในวันเกิดคลีน คลีนจะมีความสุข  แต่ถ้าเราให้เวลามันแค่พอดีกับวันเกิดคลีน  แล้วมันไม่รักคลีนเลย มันจะเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นที่คลีนไม่อยากได้ที่สุดเลยนะ” คำตอบนี้พี่กราฟเป็นคนตอบแทน  ทำไมพี่กราฟกับพี่ปัณณ์ถึงเข้ากันได้ดีขนาดนี้นะ

     

    “แบบนี้ก็โอเคนะคะ”  ฉันยิ้มใหกับพี่ทั้งสอง

     

    “แต่เราต้องสัญญากับพี่ ว่าหลังจากนี้จะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องนี้อีก  คนที่จะอนุมัติให้น้ำตาเราไหลได้ คือพี่ปัณณ์      ปัณณ์พี่ฝากเราดูแลคลีนด้วยนะ”  พี่กราฟบอกกับฉันแล้วหันไปฝากกับพี่ปัณณ์

     

    “ทำไมเป็นพี่ปัณณ์    ไม่ใช่พี่กานต์ล่ะ”

     

    “นายกานต์น่ะหรอ ถ้าเจอโดนดีแน่  กล้าดียังไงถึงทิ้งให้น้องน้อยของพี่เผชิญกับปัญหา แล้ววิ่งมาหาพี่ถึงนี่ได้”  พี่กราฟคาดโทษพี่กานต์   แล้วเราก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

     

     

                    “ไปเถอะ  เย็นมากแล้ว เราไปหาข้าวกินกัน  เดี๋ยวพี่พาไปร้านเด็ดเลย  แล้วเดี๋ยวพาไปเดินไนท์สตรีทด้วย  คืนนี้นอนนี่กันสักคืนนะ พอดีแม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดเมื่อเช้าพอดี  เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วไปกัน”

     

     

                    “เป็นยังไงบ้างเรา  รู้สึกดีขึ้นแล้วสินะ” พี่ปัณณ์เขยิบมานั่งข้างๆฉัน  ฉันเลยส่งยิ้มบางๆให้พี่เขา

     

     

     

                    พี่กราฟหายไปแต่งตัวไม่นานก็กลับมา   มื้อเย็นนี้พี่กราฟพาไปกินข้าวร้านอาหารที่ติดทะเล บรรยากาศดีมาก อาหารก็อร่อย  แต่พี่กราฟบอกว่าอย่ากินเยอะ เพราะที่ไนท์สตรีทมีของน่าชิมอีกมาก  แล้วก็จริงๆ ทั้งของกิน ของใช้ ของน่ารักๆเต็มไปหมด  ฉันกินอิ่มจนพุงกาง  แล้วก็ได้ของติดมือมาเล็กๆน้อยๆ   ด้วยเงินของเสี่ยกราฟและเสี่ยปัณณ์ทั้งนั้น  พี่ปัณณ์ซื้อสร้อยข้อมือให้ฉันด้วยแหละ เป็นสร้อยเงินเส้นเล็กๆแล้วมีจี้รูปตัวเอ็ม ที่พี่แกบอกว่ามาจากนามสกุลฉันมาใส่ให้ ตอนที่เราอยู่บนรถ พี่กราฟก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากมองแล้วยิ้มๆ

     

                    การที่ฉันได้ระบาย ได้รับคำปรึกษา  และได้ไปเที่ยวกับพี่ทั้งสองคน ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ  พรุ่งนี้ ถ้าฉันต้องกลับไปเจอหน้าเขา ฉันคิดว่าฉันกล้าเผชิญหน้าและยื่นข้อเสนอนั้นให้กับเขาแล้ว   หวังว่าพี่เตจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังอีกนะ

     

     

     

                   

     

     

     

     

     

     

     

     

    และพี่เตเองก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีๆ  เพราะหลังจากนี้ ฉันจะทำทุกวิถีทาง ให้พี่เต   เผลอใจรัก  ฉันให้ได้




































    รู้สึกอยากอ่าคอมเม้นให้ชื่นใจครัชชช   ฮริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×