NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #7 : สมการความสมดุล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.64K
      105
      4 มิ.ย. 66

    “ฉันอยากเสี่ยงทำอะไรตามใจดูสักครั้ง”
    SOL SAID

     

    EP 6: สมการความสมดุล 
    FOLK’S TALK        

    ภาพตรงหน้าทำให้ผมเงิบ!!

             
             
    ผมเดินลัดลานเกียร์มากับพี่ฉัตรหลังจากช่วยกันก้มหากุญแจรถที่อาจตกอยู่แถวร้านเหล้าและระหว่างทางแต่ก็ไม่เจอจนเดินวกกลับมายังหน้าคณะอีกครั้ง ตอนแรกก็คิดเล่นๆว่ายัยกุญแจซอลคงจะแค่วิ่งมาส่องพี่มิณทร์ล่ะมั้งแต่พอผมเดินมาถึงปั๊ปผมกับพี่ฉัตรงี้เดินสะดุดเกือบจะพร้อมกันเลย  พี่ฉัตรดูงงๆส่วนผมอ้าปากค้าง!  
             

    เชี่ยยยย มันเป็นแบบนี้ไปได้ไงวะ!! 


    ผมเจอกุญแจซอลนั่งผลอยหลับโดยมีพี่มิณทร์นอนหนุนตักอยู่  โว้ยยย ยัยกุญแจซอลลล ไหนบอกไม่กล้าทำอะไรไง  ไอ้ที่เห็นเนี่ยอะไรดูยังไงก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันสุดๆ  แล้วนี่ผมจะแก้ต่างกับพี่ฉัตรทื่ยืนมองอยู่งงๆยังไงดีวะ
              

    “อ้าว สาวไหนวะมานั่งให้ไอ้มิณทร์นอนหนุนตักอยู่” พี่ฉัตรหยุดมองกุญแจซอลอย่างพิจารณา “หือมม  คุ้นๆหน้า” 
              

    “เอ้ยย พี่ นั่นเพื่อนสนิทผมเอง” ผมรีบปราดเข้าไปหากุญแจซอล “ซอล! มานอน อยู่นี่ได้ไง กุญแจซอล ตื่น!!” ผมเขย่าแขนปลุกซอลไปมาขณะที่พี่ฉัตรหรี่ตาอย่างใช้ความคิด  จากที่งัวเงียอยู่พอลืมตามาเห็นผมกับพี่ฉัตรกุญแจซอลก็เหมือนจะตื่นเต็มตา
              

    “โฟล์ค มีไร?”
              

    “ยังมาถามฉันอีกว่ามีอะไร เธอน่ะแหล่ะมานอนที่นี่ได้ไงเนี่ยย” ผมใช้สายตาชี้ไปที่พี่มิณทร์ที่ยังเมาหลับคาตักกุญแจซอลอยู่แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางพี่ฉัตรที่อยู่ด้านหลัง กุญแจซอลใช้เวลาประมวลผลสักพักก่อนจะอ้าปากพะงาบๆเพราะหลักฐานยังคาตักอยู่  โอ้ยย ยัยบ้า! สติเพิ่งมารึไงน่ะ
              

    “พี่ฉัตร  เดี๋ยวผมช่วยพยุงพี่มิณทร์ให้แล้วกัน” ผมตัดบทเองเสร็จสรรพไม่เว้นจังหวะให้พี่ฉัตรได้แทรกคำถามถึงกุญแจซอลที่พี่มิณทร์นอนตักอยู่  พี่ฉัตรพยักหน้านิดหน่อยก่อนจะสืบเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้น
              

    “พวกพี่นี่แดกหรือเอาเหล้ามาอาบอ่ะ” 


    ผมแสร้งแซวพี่ฉัตรขำๆขณะช่วยพยุงร่างของพี่มิณทร์ที่ฟุ้งด้วยกลิ่นเหล้าให้ยืนขึ้น  ผมมองไปที่กุญแจซอล  ยัยนั่นก็ยังเอาแต่นั่งเอ๋อๆอยู่  คือพี่มิณทร์เมาน็อคน่ะรู้แต่ที่ไม่รู้คือเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนเมากับคนไม่เมาที่นั่งหน้าแดงแปร๊ดกันแน่วะ
              

    “น้อง น้องชื่ออะไรนะ?” อยู่ดีๆพี่ฉัตรก็สวนถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  กุญแจซอลทำหน้าเหวอก่อนจะหันมามองผม
              

    “อะ เอ่อ หนูชื่อกุญแจซอลค่ะ”
              

    “กุญแจซอลน้องไอ้กรเพื่อนไอ้มิณทร์อ่ะนะ?” เวรละ.. พี่ฉัตรเสือกรู้จักกับเฮียกรด้วย  แล้วแบบนี้ผมจะช่วยยัยนั่นแถยังไงวะ
              

    “ช ใช่ค่ะ”ผมไม่เคยเห็นยัยนั่นตะกุกตะกักมาก่อนเลย  ยัยนั่นดูลนๆเหมือนกลัวโดนจับผิด แหมม ก็แหงล่ะ
              

    “แล้วไอ้มิณทร์มานอนตักน้องได้ไงอ่ะ” คำถามของพี่ฉัตรเหมือนฆ่ากุญแจซอลให้ตายคาที่ เออ..นั่นสิ  วิ่งหางชี้ตามพี่มิณทร์มาอยู่ดีๆอยู่ๆมานอนกอดกันหลับข้างลานเกียร์เฉย  เป็นใครก็สงสัยป่ะวะ
              

    “เอ่ออ..คืออ” 


    กุญแจซอลอึกอักดูเหมือนยัยนั่นจะคิดหาคำแก้ตัวดีๆไม่ได้  ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยแก้ตัวยังไงภาพพี่มิณทร์นอนตักกุญแจซอลแล้วกุญแจซอลกอดตระคองศีรษะพี่มิณทร์ไว้แมร่งยังติดตาอยู่เลย ดูยังไงสองคนนี้ก็มีซัมติงกันแน่ๆอ่ะ กุญแจซอลไม่ได้ตอบคำถามพี่ฉัตรแต่รีบยันตัวลุกขึ้น  ผมเหลือบเห็นเข่ายัยนั่นมีรอยถลอกด้วย  


    อ้าว.. ไปกลิ้งที่ไหนมาน่ะ
              

    “ซอล เข่าเป็นไรอ่ะ?” ผมโพล่งขัดจังหวะ  กุญแจซอลรีบหันมาหาผมด้วยสีหน้าขอบคุณทันทีที่ช่วยเปลี่ยนเรื่อง 
              

    “อ๋อ คือเมื่อกี้ฉันวิ่งสะดุดลานเกียร์แล้วหกล้มน่ะ” ผมกับพี่ฉัตรหันมามองหน้ากันส่วนกุญแจซอลทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยกชายกระโปรงขึ้นโชว์แผลถลอกที่หัวเข่าเฉ้ยย  อะ เอาแล้วไง 
              

    “โอ้ยย ยัยลิง! นี่วิ่งอีท่าไหนน่ะ” 


    ยัยนี่รู้จักตำนานเด็กวิศวะป่ะวะ? ที่เขาบอกว่าเดินสะดุดลานเกียร์ต้องได้เป็นเมียวิศวะงั้นผมฟันธงเลยว่ายัยนี่ไม่น่ารอด..  
              

    “เห้ย นี่น้องสะดุดลานเกียร์จริงอ่ะ?” พี่ฉัตรหัวเราะแล้วเหล่มองกุญแจซอลสลับกับพี่มิณทร์  ยัยกุญแจซอลสะดุดลานเกียร์เข้าแล้ว.. แล้ว  แล้วไง?
              

    “ท ทำไม มีอะไรรึเปล่าคะ”         
     

    “ถ้าเรื่องจริงตื่นขึ้นมาหนูหายโกรธพี่ก็ดีสิคะ” 
    MIN SAID


              
    “ไม่มีไรน้อง พี่แค่ขำที่น้องสะดุดลานเกียร์น่ะ” พี่ฉัตรยิ้มขำก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วปล่อยควันสีขาวอ้อยอิ่งขึ้นฟ้า “ว่าแต่ว่าคืนนี้พี่ฝากไอ้มิณทร์ไว้ให้น้องช่วยดูแลก่อนได้ป่ะ” 
              

    “ห๊ะ อะไรนะคะ?” 


    กุญแจซอลทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก พี่ฉัตรแม่งต้องคิดวางแผนอะไรแน่ๆเล่นเอายัยนั่นหน้าเหวอไปเลย  กุญแจซอลหันมามองผมเหงื่อแตกพลั่กๆ  
              

    “ว่าไงน้อง พี่ฝากไอ้มิณทร์ไว้หน่อยได้ป่ะ?”
              

    “ยะ ยังไงล่ะคะ”
              

    “ก็ เดี๋ยวพี่จะพามันกลับไปนอนที่คอนโดแล้วพี่กับไอ้โฟล์คจะออกมาหากุญแจกันต่อ” คราวนี้กุญแจซอลดูเหมือนจะล้มตึงไปเลย  ผมสังเกตเห็นสายตาพี่ฉัตรมองกุญแจซอลสลับกับพี่มิณทร์ด้วยสายตาวาววับ  
             

    “เห้ยย พี่บ้าป่ะ! พี่จะให้ผู้หญิงอยู่กับผู้ชายสองคนในห้องได้ไง” ผมว่าแผนพี่ฉัตรแม่งก็โจ่งแจ้งเกินไปดูยังไงก็จงใจหาเมียให้เพื่อนสุดๆ งานนี้ยังไงผมก็ต้องขวางเพราะยังไงยัยกุญแจซอลก็เป็นเพื่อนสนิทผมป่าววะ
              

    “ไอ้ห่าโฟล์คมึงจะอะไรนักหนาวะ” พี่ฉัตรเหล่สายตาคมกริบจ้องมาที่ผมอย่างดุๆก่อนจะตวัดสายตาหันไปถามกุญแจซอล  “แล้วตกลงน้องว่าไงครับ”
              

    “เอ่อ คือ..”   
              

    “เห้ยพี่ ผมว่ายังไงก็ไม่เหมาะอ่ะ”
              

    “นั่นเรื่องของมึง อย่าเสือก” พี่ฉัตรชี้หน้าผมและตัดบทอย่างดื้อๆก่อนจะหันไปถามกุญแจซอลอีกครั้ง “ตกลงว่าไงครับ?” 
              

    ผมเองก็ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้หรอกนะแต่ผมว่าพี่ฉัตรแม่งต้องรู้เห็นเป็นใจแน่ๆไม่งั้นไม่เปิดช่องให้พี่มิณทร์ด้กับซอลแบบนี้หรอก แต่พี่มิณทร์ก็เพิ่งเลิกกับพี่มิ้นท์มาหมาดๆป่าววะ?
              

    “ซอล เธอจะไปกับฉันป่ะ?” ผมลองเสี่ยงตีนพี่ฉัตรดูอีกครั้งเพราะถ้าปล่อยให้ซอลอยู่กับพี่มิณทร์สองต่อสองผมว่าไม่เวิร์คแน่ๆ  มีได้เสียกันแน่ๆจะปล่อยไปได้ไงวะ 
              

    “เอ่อ.. คือ” กุญแจซอลอึกอักมองผมอย่างชั่งใจ  ผมรู้ว่าซอลคิดอะไรแต่อยากให้มีสติหน่อยนึง ไปอยู่คอนโดกับพี่มิณทร์สองต่อสองโอกาสพลาดมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และถ้าปุปปับรับโชคไปจะทำไงวะ  “โฟล์ค คือ..ฉัน”
              

    กุญแจซอลหลงพี่มิณทร์ออกขนาดนั้นทำไมผมจะมองไม่ออก  แต่รักแค่ไหนก็ต้องมีสตินิดนะ ผมพาลนึกถึงที่ยัยนั่นสะดุดลานเกียร์วิศวะหรือมันจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญวะ?  หรือมันคือพรหมลิขิต
              

    “..อยากไปก็ไปนะ ตามใจ”
              

    “โฟล์ค?”
              

    “เธอดูแลตัวเองได้ไม่ใช่รึไง?” จริงๆที่ออกปากห้ามเนี่ยไม่ใช่อะไรแต่เพราะผมกลัวซอลจะถลำลึกลงไปกว่าเดิมมากกว่า เพราะตลอดสี่ปีที่ผ่านมาคนที่ยัยนั่นพร่ำเพ้อมาตลอดคือพี่มิณทร์และก็เป็นผมเนี่ยแหล่ะที่ต้องคอยปลอบใจกุญแจซอลทุกครั้ง
              

    “ว่าไงน้องตกลงกันได้ยัง” น้ำเสียงเร่งรัดของพี่ฉัตรทำให้กุญแจซอลที่ยังลังเลอยู่รีบหันไปพยักหน้าใส่รัวๆ พี่ฉัตรแม่งงจะไซโคอะไรนักหนาว้าา
              

    “เดี๋ยวซอลช่วยดูพี่มิณทร์ให้ก็ได้ค่ะ” 
              

    “ดีครับ ขอบคุณมาก ไอ้มิณทร์ตื่นมาเห็นน้องคงดีใจ” พี่ฉัตรแสยะยิ้มแล้วพูดเป็นนัยก่อนจะหันมาสั่งผมเสียงเฉียบ “ทีนี้ไอ้โฟล์ค..มึงหามไอ้มิณทร์ไปที่รถมึงเลยเดี๋ยวกูบอกทางเอง คอนโดไอ้มิณทร์อยู่แถวๆเมเจอร์รัชโยธินอ่ะ” 
              

    หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบแล้วนะ ผมจำใจหิ้วปีกพี่มิณทร์เดินตัดลานเกียร์กลับไปที่รถโดยมีกุญแจซอลเดินตามมาต้อยๆ ยัยกุญแจซอลรังแต่จะคอยเหลือบมองพี่มิณทร์ด้วยความเป็นห่วง  


    แมร่ง.. โคตรน่าหมั่นไส้เลยว่ะ

     

    "มีไรให้รีบโทรมานะ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ เดี๋ยวฉันรีบมา"
    FOLK SAID

            
    ผมหิ้วพี่มิณทร์เดินผ่านเกียร์สีแดงอันใหญ่ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในสวนใต้ร่มเงาของคณะวิศวะ  นี่เป็นครั้งแรกนะที่ผมรู้สึกว่ามนต์ขลังเรื่องสะดุดลานเกียร์ที่ผมได้ยินตั้งแต่เหยียบเข้ามาที่นี่เป็นเรื่องจริง  ผมมองไปที่เกียร์อันใหญ่แล้วอดคิดไม่ได้
              

    “เกียร์” ก็เปรียบเสมือนหัวใจและที่ทุกคนรู้กันส่วนใหญ่คือพวกเราต้องทำงานอยู่กับพวกเครื่องจักรและเครื่องมือ   ซึ่ง“เกียร์” ก็เป็นเป็นฟันเฟืองของเครื่องจักรในเกือบทุกๆเครื่องแต่ไม่ใช่ทุกเครื่องที่จำเป็นต้องมี”เกียร์” ทุกเครื่องจำเป็นต้องมี“น็อตตัวเมีย” มากกว่า  


    ซึ่งน็อตตัวเมียมีไว้ยึดเครื่องมือที่เป็นรอยต่อของอุปกรณ์
              

    “โฟล์ค ขอบใจนะ..”


    กุญแจซอลแอบอ้อมมากระซิบข้างหูผมอีกฝั่ง เฮอะ.. หาได้ที่ไหนวะทั้งที่เพิ่งอกหักแต่ก็มีผู้หญิงที่รักและพร้อมจะอยู่เคียงข้างตลอด  ผมว่ากุญแจซอลเป็นทั้งน็อตตัวเมียและเกียร์ของพี่มิณทร์ ผมว่าพี่มิณทร์โคตรของโคตรโชคดีที่มีผู้หญิงอย่างกุญแจซอลมาตกหลุมรัก  
              

    อืมม ชักอิจฉานิดๆแล้วว่ะ..                           
            

    กุญแจซอลเป็นเหมือนชิ้นส่วนหลักที่ช่วยยึดเศษหัวใจที่แตกหักของพี่มิณทร์ให้กลับมาติดกันอีกครั้ง เวลาเป็นตัวกำหนดให้คนสองคนกลับมาพบกัน แต่การหมุนกลับมาเจอกันครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องของซอลกับพี่มิณทร์ที่จะกำหนดทิศทางความรักของตัวเอง  ซอลกับพี่มิณทร์เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน 
              

    “ทำไมถึงกินเหล้าเก่งกันนักนะ” กุญแจซอลบ่นอุบขณะที่ช่วยผมประคองพี่มิณทร์เดินลัดตัดลานเกียร์ไปเรื่อยๆ ผมรู้นะว่ายัยนี่น่ะแอบเขินอยู่แต่ทำปากแข็งไปงั้น  
              

    “ซอล เธอเคยได้ยินตำนานเรื่องสะดุดลานเกียร์ป่ะ?” ผมชวนกุญแจซอลคุยตอนเราลัดเดินตัดลานเกียร์มาเรื่อยๆ  กุญแจซอลทำหน้างง
              

    “มันคือไร” 
              

    “ก็ที่เขาบอกว่าสะดุดลานเกียร์จะได้เป็นเมียวิศวะ เธอไม่เคยได้ยินรึไง” 
              

    “บ้าา ว่าแต่มันยังไงนะ”
              

    “เมื่อกี้เธอจับกบกลางลานเกียร์ใช่มั้ยล่ะ ไม่พ้นต้องเป็นเมียวิศวะแน่ๆตัวเธอ” กุญแจซอลทำตาเหลือกก่อนจะโหนตัวพี่มิณทร์ข้ามมาแหวใส่ผมเสียงดัง
              

    “เมีย เมอ ไรยะ!”
              

    “อ้าว ตกลงไม่อยากเป็นเมียวิศวะหรอกหรอ  นึกว่าอยากเป็นซะอีก ว้าา เสียดาย” กุญแจซอลพะงาบปากทำท่าจะกรี๊ดซะให้ได้แต่ก็ทำได้แค่กระทืบเท้าเร่าๆอยู่กับพื้นเท่านั้น  “หลงรักเด็กวิศวะเอง เดินสะดุดลานเกียร์เองป่าววะ” 
              

    ผมยิ้มล้อกุญแจซอลขำๆขณะที่หามพี่มิณทร์กลับมาถึงหน้ารถพอดี กุญแจซอลทำปากขมุบขมิบอยากจะด่าผมก็ไม่กล้าด่าเพราะเกรงใจตี๋ใหญ่ที่เดินตามมาอยู่อย่างพี่ฉัตร
              

    “เดี๋ยวน้องนั่งหลังกับไอ้มิณทร์ก็แล้วกันนะ” 


    ผมเอี้ยวตัวคลำกุญแจรถส่งให้พี่ฉัตรก่อนที่พี่ฉัตรจะเปิดประตูหลังแล้วช่วยกันหย่อนพี่มิณทร์เข้าไปนอนข้างใน  ผมอดขำกุญแจซอลที่ทำปากพะงาบๆไม่ได้  สงสัยสิ่งที่ทำให้ยัยนี่ป๊อดหัวใจจะวายคงเป็นพี่มิณทร์คนเดียว  


    แม่ง.. ทำไมเริ่มหมั่นไส้อีกแล้ววะ
              

    หลังเสียงปิดประตูรถดังขึ้นอีกครั้ง  ผมกับพี่ฉัตรก็นั่งประจำที่นั่งด้านหน้าแต่ก็แอบมองกุญแจซอลกับพี่มิณทร์ผ่านทางกระจกหลังอยู่เรื่อยๆ  จริงๆก็ไม่ได้อยากเสือกแต่ดันเหลือบไปเห็นเองมากกว่า   จากตอนแรกที่กุญแจซอลนั่งตัวแข็งทำปากพะงาบๆแต่พอหันไปอีกทียัยนั่นก็เหมือนจะหลุดเข้าไปอยู่ในซีรีย์เกาหลีซะแล้ว  นี่เคลิ้มกับเพลงในรถจนลืมเห็นหัวกันป่าววะ?  เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุที่คลอดังยิ่งทำให้บรรยากาศที่เบาะหลังหวานเชื่อมสุดๆ
     

                              

                                                           'มอง ..มองเธอมาแสนนาน  ฉันไม่กล้า
                                             ต้องคอยหลบตาเธอเสมอ  กลัว.. ว่าวันนึงถ้าเธอรู้ว่าฉัน
                                                               ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้’
            

     

    หวานไม่แคร์สื่อยังไม่เท่าไหร่เสียงเพลงจากวิทยุตอนนี้ยังช่วยบิ๊วด์คู่นี้อี๊กกก แม่งง กลัวไม่ได้กันรึไงวะ! ผมทำเป็นปั้นคอแข็งตามองไปข้างหน้าขณะที่พี่ฉัตรถึงจะทำหน้าไม่สนใจแต่ก็แอบเหล่มองไปยังด้านหลังอยู่เรื่อย บรรยากาศบนท้องถนนแถวบางเขนตอนนี้โรแมนติคหนักมากกกหนำซ้ำยังเหมาะแก่การได้กันสุดๆ! และตอนนี้กุญแจซอลก็เหมือนจะลืมว่ามีผมกับพี่ฉัตรนั่งอยู่ในรถด้วยไปแล้ว  สายตาของยัยนั่นมองแต่เพียงพี่มิณทร์เท่านั้น  
                        

                                  ‘ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว’
              

     

    กุญแจซอลจับศีรษะพี่มิณทร์ให้หนุนนอนอยู่ที่ตักโดยที่มือทั้งสองข้างก็โอบกอดพี่มิณทร์ไว้อย่างถนุถนอมแล้วก้มมองพี่มิณทร์ด้วยสายตาอ่อนโยน ผมเห็นกุญแจซอล บรรจงแตะสัมผัสลูบศีรษะพี่มิณทร์อย่างแผ่วเบา  เชี่ย..อยู่ๆผมก็รู้สึกแปลบๆที่ใจ นี่ผมเป็นห่าอะไรเนี่ย?
                                     

                                             ‘ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ  
                                                         เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว..’
              

     

    ผมฟังเพลงไปก็เคลิ้มไปจนชักจะเผลอใจไปตามบทเพลง  ท่วงทำนองไพเราะของบทเพลงก็ช่างหวานจับใจ  ผมแอบมองกุญแจซอลที่ลูบศีรษะพี่มิณทร์ที่นอนหนุนตักอยู่อย่างเผลอไผล  ไม่รู้ทำไมจู่ๆผมถึงรู้สึกอิจฉาพี่มิณทร์ขึ้นมาก็ไม่รู้ อยู่ๆผมก็อยาก เป็นคนที่นอนหนุนตักยัยนั่นซะเอง  ทำไมวะ..
                                  

                                                           ‘มันยากเหลือเกินจะเก็บซ่อนความรักเอาไว้
                                               และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม?
                                                   โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ’
             

     

    ผมมองไปยังเบาะหลังอีกครั้ง ผมเห็นยัยนั่นระบายรอยยิ้มอบอุ่นไปพร้อมๆกับวางมือลูบเบาๆบนศีรษะพี่มิณทร์  สายตาคู่นั้นจรดมองคนหลับอย่างไม่คลาดสายตา ตอนนี้ผมไม่ปฏิเสธว่า  ผมอิจฉาและอยากเป็นพี่มิณทร์..


     

    (LOADING 100%)


     

    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     

     

     

     


     

     


     

     

     



     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×