คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : สมการความสมดุล
“ฉันอยากเสี่ยงทำอะไรตามใจดูสักครั้ง”
SOL SAID
EP 6: สมการความสมดุล
FOLK’S TALK
ภาพตรงหน้าทำให้ผมเงิบ!!
ผมเดินลัดลานเกียร์มากับพี่ฉัตรหลังจากช่วยกันก้มหากุญแจรถที่อาจตกอยู่แถวร้านเหล้าและระหว่างทางแต่ก็ไม่เจอจนเดินวกกลับมายังหน้าคณะอีกครั้ง ตอนแรกก็คิดเล่นๆว่ายัยกุญแจซอลคงจะแค่วิ่งมาส่องพี่มิณทร์ล่ะมั้งแต่พอผมเดินมาถึงปั๊ปผมกับพี่ฉัตรงี้เดินสะดุดเกือบจะพร้อมกันเลย พี่ฉัตรดูงงๆส่วนผมอ้าปากค้าง!
เชี่ยยยย มันเป็นแบบนี้ไปได้ไงวะ!!
ผมเจอกุญแจซอลนั่งผลอยหลับโดยมีพี่มิณทร์นอนหนุนตักอยู่ โว้ยยย ยัยกุญแจซอลลล ไหนบอกไม่กล้าทำอะไรไง ไอ้ที่เห็นเนี่ยอะไรดูยังไงก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันสุดๆ แล้วนี่ผมจะแก้ต่างกับพี่ฉัตรทื่ยืนมองอยู่งงๆยังไงดีวะ
“อ้าว สาวไหนวะมานั่งให้ไอ้มิณทร์นอนหนุนตักอยู่” พี่ฉัตรหยุดมองกุญแจซอลอย่างพิจารณา “หือมม คุ้นๆหน้า”
“เอ้ยย พี่ นั่นเพื่อนสนิทผมเอง” ผมรีบปราดเข้าไปหากุญแจซอล “ซอล! มานอน อยู่นี่ได้ไง กุญแจซอล ตื่น!!” ผมเขย่าแขนปลุกซอลไปมาขณะที่พี่ฉัตรหรี่ตาอย่างใช้ความคิด จากที่งัวเงียอยู่พอลืมตามาเห็นผมกับพี่ฉัตรกุญแจซอลก็เหมือนจะตื่นเต็มตา
“โฟล์ค มีไร?”
“ยังมาถามฉันอีกว่ามีอะไร เธอน่ะแหล่ะมานอนที่นี่ได้ไงเนี่ยย” ผมใช้สายตาชี้ไปที่พี่มิณทร์ที่ยังเมาหลับคาตักกุญแจซอลอยู่แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางพี่ฉัตรที่อยู่ด้านหลัง กุญแจซอลใช้เวลาประมวลผลสักพักก่อนจะอ้าปากพะงาบๆเพราะหลักฐานยังคาตักอยู่ โอ้ยย ยัยบ้า! สติเพิ่งมารึไงน่ะ
“พี่ฉัตร เดี๋ยวผมช่วยพยุงพี่มิณทร์ให้แล้วกัน” ผมตัดบทเองเสร็จสรรพไม่เว้นจังหวะให้พี่ฉัตรได้แทรกคำถามถึงกุญแจซอลที่พี่มิณทร์นอนตักอยู่ พี่ฉัตรพยักหน้านิดหน่อยก่อนจะสืบเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้น
“พวกพี่นี่แดกหรือเอาเหล้ามาอาบอ่ะ”
ผมแสร้งแซวพี่ฉัตรขำๆขณะช่วยพยุงร่างของพี่มิณทร์ที่ฟุ้งด้วยกลิ่นเหล้าให้ยืนขึ้น ผมมองไปที่กุญแจซอล ยัยนั่นก็ยังเอาแต่นั่งเอ๋อๆอยู่ คือพี่มิณทร์เมาน็อคน่ะรู้แต่ที่ไม่รู้คือเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนเมากับคนไม่เมาที่นั่งหน้าแดงแปร๊ดกันแน่วะ
“น้อง น้องชื่ออะไรนะ?” อยู่ดีๆพี่ฉัตรก็สวนถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย กุญแจซอลทำหน้าเหวอก่อนจะหันมามองผม
“อะ เอ่อ หนูชื่อกุญแจซอลค่ะ”
“กุญแจซอลน้องไอ้กรเพื่อนไอ้มิณทร์อ่ะนะ?” เวรละ.. พี่ฉัตรเสือกรู้จักกับเฮียกรด้วย แล้วแบบนี้ผมจะช่วยยัยนั่นแถยังไงวะ
“ช ใช่ค่ะ”ผมไม่เคยเห็นยัยนั่นตะกุกตะกักมาก่อนเลย ยัยนั่นดูลนๆเหมือนกลัวโดนจับผิด แหมม ก็แหงล่ะ
“แล้วไอ้มิณทร์มานอนตักน้องได้ไงอ่ะ” คำถามของพี่ฉัตรเหมือนฆ่ากุญแจซอลให้ตายคาที่ เออ..นั่นสิ วิ่งหางชี้ตามพี่มิณทร์มาอยู่ดีๆอยู่ๆมานอนกอดกันหลับข้างลานเกียร์เฉย เป็นใครก็สงสัยป่ะวะ
“เอ่ออ..คืออ”
กุญแจซอลอึกอักดูเหมือนยัยนั่นจะคิดหาคำแก้ตัวดีๆไม่ได้ ผมเองก็ไม่รู้จะช่วยแก้ตัวยังไงภาพพี่มิณทร์นอนตักกุญแจซอลแล้วกุญแจซอลกอดตระคองศีรษะพี่มิณทร์ไว้แมร่งยังติดตาอยู่เลย ดูยังไงสองคนนี้ก็มีซัมติงกันแน่ๆอ่ะ กุญแจซอลไม่ได้ตอบคำถามพี่ฉัตรแต่รีบยันตัวลุกขึ้น ผมเหลือบเห็นเข่ายัยนั่นมีรอยถลอกด้วย
อ้าว.. ไปกลิ้งที่ไหนมาน่ะ
“ซอล เข่าเป็นไรอ่ะ?” ผมโพล่งขัดจังหวะ กุญแจซอลรีบหันมาหาผมด้วยสีหน้าขอบคุณทันทีที่ช่วยเปลี่ยนเรื่อง
“อ๋อ คือเมื่อกี้ฉันวิ่งสะดุดลานเกียร์แล้วหกล้มน่ะ” ผมกับพี่ฉัตรหันมามองหน้ากันส่วนกุญแจซอลทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยกชายกระโปรงขึ้นโชว์แผลถลอกที่หัวเข่าเฉ้ยย อะ เอาแล้วไง
“โอ้ยย ยัยลิง! นี่วิ่งอีท่าไหนน่ะ”
ยัยนี่รู้จักตำนานเด็กวิศวะป่ะวะ? ที่เขาบอกว่าเดินสะดุดลานเกียร์ต้องได้เป็นเมียวิศวะงั้นผมฟันธงเลยว่ายัยนี่ไม่น่ารอด..
“เห้ย นี่น้องสะดุดลานเกียร์จริงอ่ะ?” พี่ฉัตรหัวเราะแล้วเหล่มองกุญแจซอลสลับกับพี่มิณทร์ ยัยกุญแจซอลสะดุดลานเกียร์เข้าแล้ว.. แล้ว แล้วไง?
“ท ทำไม มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ถ้าเรื่องจริงตื่นขึ้นมาหนูหายโกรธพี่ก็ดีสิคะ”
MIN SAID
“ไม่มีไรน้อง พี่แค่ขำที่น้องสะดุดลานเกียร์น่ะ” พี่ฉัตรยิ้มขำก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วปล่อยควันสีขาวอ้อยอิ่งขึ้นฟ้า “ว่าแต่ว่าคืนนี้พี่ฝากไอ้มิณทร์ไว้ให้น้องช่วยดูแลก่อนได้ป่ะ”
“ห๊ะ อะไรนะคะ?”
กุญแจซอลทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก พี่ฉัตรแม่งต้องคิดวางแผนอะไรแน่ๆเล่นเอายัยนั่นหน้าเหวอไปเลย กุญแจซอลหันมามองผมเหงื่อแตกพลั่กๆ
“ว่าไงน้อง พี่ฝากไอ้มิณทร์ไว้หน่อยได้ป่ะ?”
“ยะ ยังไงล่ะคะ”
“ก็ เดี๋ยวพี่จะพามันกลับไปนอนที่คอนโดแล้วพี่กับไอ้โฟล์คจะออกมาหากุญแจกันต่อ” คราวนี้กุญแจซอลดูเหมือนจะล้มตึงไปเลย ผมสังเกตเห็นสายตาพี่ฉัตรมองกุญแจซอลสลับกับพี่มิณทร์ด้วยสายตาวาววับ
“เห้ยย พี่บ้าป่ะ! พี่จะให้ผู้หญิงอยู่กับผู้ชายสองคนในห้องได้ไง” ผมว่าแผนพี่ฉัตรแม่งก็โจ่งแจ้งเกินไปดูยังไงก็จงใจหาเมียให้เพื่อนสุดๆ งานนี้ยังไงผมก็ต้องขวางเพราะยังไงยัยกุญแจซอลก็เป็นเพื่อนสนิทผมป่าววะ
“ไอ้ห่าโฟล์คมึงจะอะไรนักหนาวะ” พี่ฉัตรเหล่สายตาคมกริบจ้องมาที่ผมอย่างดุๆก่อนจะตวัดสายตาหันไปถามกุญแจซอล “แล้วตกลงน้องว่าไงครับ”
“เอ่อ คือ..”
“เห้ยพี่ ผมว่ายังไงก็ไม่เหมาะอ่ะ”
“นั่นเรื่องของมึง อย่าเสือก” พี่ฉัตรชี้หน้าผมและตัดบทอย่างดื้อๆก่อนจะหันไปถามกุญแจซอลอีกครั้ง “ตกลงว่าไงครับ?”
ผมเองก็ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้หรอกนะแต่ผมว่าพี่ฉัตรแม่งต้องรู้เห็นเป็นใจแน่ๆไม่งั้นไม่เปิดช่องให้พี่มิณทร์ด้กับซอลแบบนี้หรอก แต่พี่มิณทร์ก็เพิ่งเลิกกับพี่มิ้นท์มาหมาดๆป่าววะ?
“ซอล เธอจะไปกับฉันป่ะ?” ผมลองเสี่ยงตีนพี่ฉัตรดูอีกครั้งเพราะถ้าปล่อยให้ซอลอยู่กับพี่มิณทร์สองต่อสองผมว่าไม่เวิร์คแน่ๆ มีได้เสียกันแน่ๆจะปล่อยไปได้ไงวะ
“เอ่อ.. คือ” กุญแจซอลอึกอักมองผมอย่างชั่งใจ ผมรู้ว่าซอลคิดอะไรแต่อยากให้มีสติหน่อยนึง ไปอยู่คอนโดกับพี่มิณทร์สองต่อสองโอกาสพลาดมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และถ้าปุปปับรับโชคไปจะทำไงวะ “โฟล์ค คือ..ฉัน”
กุญแจซอลหลงพี่มิณทร์ออกขนาดนั้นทำไมผมจะมองไม่ออก แต่รักแค่ไหนก็ต้องมีสตินิดนะ ผมพาลนึกถึงที่ยัยนั่นสะดุดลานเกียร์วิศวะหรือมันจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญวะ? หรือมันคือพรหมลิขิต
“..อยากไปก็ไปนะ ตามใจ”
“โฟล์ค?”
“เธอดูแลตัวเองได้ไม่ใช่รึไง?” จริงๆที่ออกปากห้ามเนี่ยไม่ใช่อะไรแต่เพราะผมกลัวซอลจะถลำลึกลงไปกว่าเดิมมากกว่า เพราะตลอดสี่ปีที่ผ่านมาคนที่ยัยนั่นพร่ำเพ้อมาตลอดคือพี่มิณทร์และก็เป็นผมเนี่ยแหล่ะที่ต้องคอยปลอบใจกุญแจซอลทุกครั้ง
“ว่าไงน้องตกลงกันได้ยัง” น้ำเสียงเร่งรัดของพี่ฉัตรทำให้กุญแจซอลที่ยังลังเลอยู่รีบหันไปพยักหน้าใส่รัวๆ พี่ฉัตรแม่งงจะไซโคอะไรนักหนาว้าา
“เดี๋ยวซอลช่วยดูพี่มิณทร์ให้ก็ได้ค่ะ”
“ดีครับ ขอบคุณมาก ไอ้มิณทร์ตื่นมาเห็นน้องคงดีใจ” พี่ฉัตรแสยะยิ้มแล้วพูดเป็นนัยก่อนจะหันมาสั่งผมเสียงเฉียบ “ทีนี้ไอ้โฟล์ค..มึงหามไอ้มิณทร์ไปที่รถมึงเลยเดี๋ยวกูบอกทางเอง คอนโดไอ้มิณทร์อยู่แถวๆเมเจอร์รัชโยธินอ่ะ”
หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบแล้วนะ ผมจำใจหิ้วปีกพี่มิณทร์เดินตัดลานเกียร์กลับไปที่รถโดยมีกุญแจซอลเดินตามมาต้อยๆ ยัยกุญแจซอลรังแต่จะคอยเหลือบมองพี่มิณทร์ด้วยความเป็นห่วง
แมร่ง.. โคตรน่าหมั่นไส้เลยว่ะ
"มีไรให้รีบโทรมานะ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ เดี๋ยวฉันรีบมา"
FOLK SAID
ผมหิ้วพี่มิณทร์เดินผ่านเกียร์สีแดงอันใหญ่ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในสวนใต้ร่มเงาของคณะวิศวะ นี่เป็นครั้งแรกนะที่ผมรู้สึกว่ามนต์ขลังเรื่องสะดุดลานเกียร์ที่ผมได้ยินตั้งแต่เหยียบเข้ามาที่นี่เป็นเรื่องจริง ผมมองไปที่เกียร์อันใหญ่แล้วอดคิดไม่ได้
“เกียร์” ก็เปรียบเสมือนหัวใจและที่ทุกคนรู้กันส่วนใหญ่คือพวกเราต้องทำงานอยู่กับพวกเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่ง“เกียร์” ก็เป็นเป็นฟันเฟืองของเครื่องจักรในเกือบทุกๆเครื่องแต่ไม่ใช่ทุกเครื่องที่จำเป็นต้องมี”เกียร์” ทุกเครื่องจำเป็นต้องมี“น็อตตัวเมีย” มากกว่า
ซึ่งน็อตตัวเมียมีไว้ยึดเครื่องมือที่เป็นรอยต่อของอุปกรณ์
“โฟล์ค ขอบใจนะ..”
กุญแจซอลแอบอ้อมมากระซิบข้างหูผมอีกฝั่ง เฮอะ.. หาได้ที่ไหนวะทั้งที่เพิ่งอกหักแต่ก็มีผู้หญิงที่รักและพร้อมจะอยู่เคียงข้างตลอด ผมว่ากุญแจซอลเป็นทั้งน็อตตัวเมียและเกียร์ของพี่มิณทร์ ผมว่าพี่มิณทร์โคตรของโคตรโชคดีที่มีผู้หญิงอย่างกุญแจซอลมาตกหลุมรัก
อืมม ชักอิจฉานิดๆแล้วว่ะ..
กุญแจซอลเป็นเหมือนชิ้นส่วนหลักที่ช่วยยึดเศษหัวใจที่แตกหักของพี่มิณทร์ให้กลับมาติดกันอีกครั้ง เวลาเป็นตัวกำหนดให้คนสองคนกลับมาพบกัน แต่การหมุนกลับมาเจอกันครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องของซอลกับพี่มิณทร์ที่จะกำหนดทิศทางความรักของตัวเอง ซอลกับพี่มิณทร์เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน
“ทำไมถึงกินเหล้าเก่งกันนักนะ” กุญแจซอลบ่นอุบขณะที่ช่วยผมประคองพี่มิณทร์เดินลัดตัดลานเกียร์ไปเรื่อยๆ ผมรู้นะว่ายัยนี่น่ะแอบเขินอยู่แต่ทำปากแข็งไปงั้น
“ซอล เธอเคยได้ยินตำนานเรื่องสะดุดลานเกียร์ป่ะ?” ผมชวนกุญแจซอลคุยตอนเราลัดเดินตัดลานเกียร์มาเรื่อยๆ กุญแจซอลทำหน้างง
“มันคือไร”
“ก็ที่เขาบอกว่าสะดุดลานเกียร์จะได้เป็นเมียวิศวะ เธอไม่เคยได้ยินรึไง”
“บ้าา ว่าแต่มันยังไงนะ”
“เมื่อกี้เธอจับกบกลางลานเกียร์ใช่มั้ยล่ะ ไม่พ้นต้องเป็นเมียวิศวะแน่ๆตัวเธอ” กุญแจซอลทำตาเหลือกก่อนจะโหนตัวพี่มิณทร์ข้ามมาแหวใส่ผมเสียงดัง
“เมีย เมอ ไรยะ!”
“อ้าว ตกลงไม่อยากเป็นเมียวิศวะหรอกหรอ นึกว่าอยากเป็นซะอีก ว้าา เสียดาย” กุญแจซอลพะงาบปากทำท่าจะกรี๊ดซะให้ได้แต่ก็ทำได้แค่กระทืบเท้าเร่าๆอยู่กับพื้นเท่านั้น “หลงรักเด็กวิศวะเอง เดินสะดุดลานเกียร์เองป่าววะ”
ผมยิ้มล้อกุญแจซอลขำๆขณะที่หามพี่มิณทร์กลับมาถึงหน้ารถพอดี กุญแจซอลทำปากขมุบขมิบอยากจะด่าผมก็ไม่กล้าด่าเพราะเกรงใจตี๋ใหญ่ที่เดินตามมาอยู่อย่างพี่ฉัตร
“เดี๋ยวน้องนั่งหลังกับไอ้มิณทร์ก็แล้วกันนะ”
ผมเอี้ยวตัวคลำกุญแจรถส่งให้พี่ฉัตรก่อนที่พี่ฉัตรจะเปิดประตูหลังแล้วช่วยกันหย่อนพี่มิณทร์เข้าไปนอนข้างใน ผมอดขำกุญแจซอลที่ทำปากพะงาบๆไม่ได้ สงสัยสิ่งที่ทำให้ยัยนี่ป๊อดหัวใจจะวายคงเป็นพี่มิณทร์คนเดียว
แม่ง.. ทำไมเริ่มหมั่นไส้อีกแล้ววะ
หลังเสียงปิดประตูรถดังขึ้นอีกครั้ง ผมกับพี่ฉัตรก็นั่งประจำที่นั่งด้านหน้าแต่ก็แอบมองกุญแจซอลกับพี่มิณทร์ผ่านทางกระจกหลังอยู่เรื่อยๆ จริงๆก็ไม่ได้อยากเสือกแต่ดันเหลือบไปเห็นเองมากกว่า จากตอนแรกที่กุญแจซอลนั่งตัวแข็งทำปากพะงาบๆแต่พอหันไปอีกทียัยนั่นก็เหมือนจะหลุดเข้าไปอยู่ในซีรีย์เกาหลีซะแล้ว นี่เคลิ้มกับเพลงในรถจนลืมเห็นหัวกันป่าววะ? เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุที่คลอดังยิ่งทำให้บรรยากาศที่เบาะหลังหวานเชื่อมสุดๆ
'มอง ..มองเธอมาแสนนาน ฉันไม่กล้า
ต้องคอยหลบตาเธอเสมอ กลัว.. ว่าวันนึงถ้าเธอรู้ว่าฉัน
ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้’
หวานไม่แคร์สื่อยังไม่เท่าไหร่เสียงเพลงจากวิทยุตอนนี้ยังช่วยบิ๊วด์คู่นี้อี๊กกก แม่งง กลัวไม่ได้กันรึไงวะ! ผมทำเป็นปั้นคอแข็งตามองไปข้างหน้าขณะที่พี่ฉัตรถึงจะทำหน้าไม่สนใจแต่ก็แอบเหล่มองไปยังด้านหลังอยู่เรื่อย บรรยากาศบนท้องถนนแถวบางเขนตอนนี้โรแมนติคหนักมากกกหนำซ้ำยังเหมาะแก่การได้กันสุดๆ! และตอนนี้กุญแจซอลก็เหมือนจะลืมว่ามีผมกับพี่ฉัตรนั่งอยู่ในรถด้วยไปแล้ว สายตาของยัยนั่นมองแต่เพียงพี่มิณทร์เท่านั้น
‘ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว’
กุญแจซอลจับศีรษะพี่มิณทร์ให้หนุนนอนอยู่ที่ตักโดยที่มือทั้งสองข้างก็โอบกอดพี่มิณทร์ไว้อย่างถนุถนอมแล้วก้มมองพี่มิณทร์ด้วยสายตาอ่อนโยน ผมเห็นกุญแจซอล บรรจงแตะสัมผัสลูบศีรษะพี่มิณทร์อย่างแผ่วเบา เชี่ย..อยู่ๆผมก็รู้สึกแปลบๆที่ใจ นี่ผมเป็นห่าอะไรเนี่ย?
‘ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว..’
ผมฟังเพลงไปก็เคลิ้มไปจนชักจะเผลอใจไปตามบทเพลง ท่วงทำนองไพเราะของบทเพลงก็ช่างหวานจับใจ ผมแอบมองกุญแจซอลที่ลูบศีรษะพี่มิณทร์ที่นอนหนุนตักอยู่อย่างเผลอไผล ไม่รู้ทำไมจู่ๆผมถึงรู้สึกอิจฉาพี่มิณทร์ขึ้นมาก็ไม่รู้ อยู่ๆผมก็อยาก เป็นคนที่นอนหนุนตักยัยนั่นซะเอง ทำไมวะ..
‘มันยากเหลือเกินจะเก็บซ่อนความรักเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม?
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ’
ผมมองไปยังเบาะหลังอีกครั้ง ผมเห็นยัยนั่นระบายรอยยิ้มอบอุ่นไปพร้อมๆกับวางมือลูบเบาๆบนศีรษะพี่มิณทร์ สายตาคู่นั้นจรดมองคนหลับอย่างไม่คลาดสายตา ตอนนี้ผมไม่ปฏิเสธว่า ผมอิจฉาและอยากเป็นพี่มิณทร์..
(LOADING 100%)
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็น