คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : มนต์รักอสูร
“ถ้าแบบนี้กูขอผ่านว่ะ.. พอดีไม่ชอบสายอ่อย”
CHAT SAID
EP 49: มนต์รักอสูร
“แหมม มึงนี่..มาถึงก็เสือกเลยนะ”
พี่มิณทร์แซะพี่ฉัตรที่กำลังเดินเข้ามาขำๆ กลิ่นบุหรี่โชยมากับลมตีเข้ากับหน้าฉันก่อนที่พี่ฉัตรจะเดินมาถึงซะอีก พี่ฉัตรอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงสแล็ค มือนึงถือเสื้อสูทอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โห.. หล่ออย่างกับพระเอกฮ่องกงแต่พอฉันมองลงไปเรื่อยๆพี่ฉัตรกลับใส่แค่ถุงเท้า
ดะ เดี๋ยวนะ??
“กูก็ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้นานแล้วป่ะ” ฉันกระพริบตาปริบๆมองพี่ฉัตร งื้อออ พี่ฉัตรมาตอนไหนอ้ะแล้วทำไมฉันไม่เห็น พี่ฉัตรต้องเห็นช็อตเมื่อกี้แน่ๆ พังสิคะพัง~
“สะ สวัสดีค่ะพี่ฉัตรไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
ฉันยกมือไหว้พี่ฉัตรขณะที่พี่มิณทร์ค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากเอวฉันอย่างเสียดาย พี่ฉัตรมางานหมั้นของเฮียกรด้วยหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยล่ะ
“สวัสดีครับ” พี่ฉัตรในลุคมาเฟียฮ่องกงแบบนี้ดูหล่อสะบัดไปเลย เบ้าหน้าเกาหลีดูอินเตอร์สุดๆ อื้อหือมม นี่มันสายโอปป้าชัดๆ
“พี่ฉัตรมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะตอนอยู่ในงานซอลไม่เห็นเลย” ฉันพยายามหาเรื่องคุยกลบเกลื่อน “แล้วนี่พี่ได้ทักทายกับเฮียกรพี่ก้อยแล้วรึยัง?”
“โหยย ซอลคะ! คนล้านเจ็ดสิบเอ็ดหมื่นขนาดนั้นพี่ยังฝ่าไปหาไอ้กรไม่ได้เลย” ฉันถามพี่ฉัตรแต่พี่มิณทร์กลับตอบแทนซะงั้น
“มึงนี่ก็ลากน้องเค้าออกมาจากงานจนได้นะ” พี่ฉัตรเดินอาดๆไปหาพี่มิณทร์ “ถ้าจู่ๆผู้ใหญ่ในงานถามหาจะทำไง”
“งานหมั้นก็จบแล้วมั้ยมึงจะอะไรอีกวะ.. อะ อ้าว” แล้วสายตาพี่มิณทร์ก็คงเห็นเหมือนกัน สายตาเราจ้องเป๋งไปที่เท้าพี่ฉัตรที่ใส่แค่ถุงเท้าสลับกับมองรองเท้าผู้ชายคู่ใหญ่ที่พี่มิ้นต์สวมอยู่ “เยดเข้ ~นี่แฟชั่นใหม่หรอวะ”
คือ..ถ้าเป็นแฟนแล้วต้องใส่เสื้อคู่ การที่พี่มิ้นต์ใส่รองเท้าผู้ชายแล้วพี่ฉัตรใส่แค่ถุงเท้าแบบนี้ฉันก็คงมโนไปแล้วว่าพี่มิ้นต์กับพี่ฉัตรกิ๊กกัน พี่มิณทร์หัวเราะร่วนและทำสายตาวิบวับมองสลับไปที่พี่มิ้นต์กับพี่ฉัตรอย่างกรุ้มกริ่มสุดๆ หูยย ต่อมอยากรู้ทำงานเลยอ้ะ
“ระ เรารองเท้ากัดป่ะ?” พี่มิ้นต์ตอบเสียงอ่อยขณะที่พี่ฉัตรยังคงสต๊าฟหน้าตัวเองไว้แค่อารมณ์เดียว คือ..หน้านิ่งยังไงก็ยังงั้น
“แหมๆๆ นี่แอบไปหลังไมค์กันมาแล้วป่ะ?”
“ไอ้มิณทร์ เลิกชงเลยนะ!” พี่มิ้นต์หันไปจิกตาใส่พี่มิณทร์ ส่วนพี่ฉัตรก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
โหววว ไม่จิ้นยังไงไหววว
“อย่าบอกนะไอ้มิณทร์ว่ายัยนี่คือหญิงที่มึงจะแนะนำให้กูอ่ะ” อินเนอร์ฉันตอนนี้นะลุ้นยิ่งกว่าหวยสามตัวตรงซะอีก เคมีพี่มิ้นต์กับฉัตรเข้ากันมากกก ในหัวฉันมีแต่เสียงเชียร์ดังๆว่า ได้กัน! ได้กัน ! ต้องได้กัน!!
“เด็กโยธาเหมือนกัน โสดเหมือนกัน ก็แลกเกียร์กันเลยดิวะ”
“ทีหลังจะจับคู่ก็ถามกูก่อนนะ” เสียงเรียบๆกับใบหน้าอารมณ์เดียวของพี่ฉัตรเบรคอารมณ์จิ้นของฉันซะสนิทเลย ฉันอ้าปากค้างขณะที่พี่มิ้นต์หน้าตึงก่อนที่ประโยคต่อมาจะแสดงความแตกหักอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าแบบนี้กูขอผ่านว่ะ.. พอดีไม่ชอบสายอ่อย”
อื้อหืมมมมม
แรงงงงงงงงงงงส์อ่ะ!!!!
“ปากหมาแบบนี้ระวังจะตายเพราะปากนะ” พี่มิ้นต์หันไปสวนพี่ฉัตรก่อนจะเตะรองเท้าพี่ฉัตรที่ใส่อยู่ทิ้งทีละข้างแล้วหันไปประจันหน้ากับพี่ฉัตรอย่างหาเรื่อง โอยย ไอ้ที่ฉันจิ้นไว้ถล่มทลายระเนระนาดเลยค่ะ!
“เห้ย ทำไมมึงพูดงี้วะ เดี๋ยวๆเคลียร์กันก่อนกุญแจซอลเคลียร์กับมิ้นต์แล้วเมื่อกี้” พี่มิณทร์โบกมือห้ามพยายามหยุดศึกยุทธหัตถีขณะที่ฉันรีบพยักหน้าสนับสนุน “กูไม่ได้มีอะไรกับมิ้นต์ ตอนนี้มิ้นต์กับซอลเคลียร์กันหมดแล้วมึงจะปากหมาทำไมวะ”
“มึงนี่ก็ใจอ่อนง่ายๆกับผู้หญิงเหมือนเดิมเลยนะ”
“เอ้าา! ไอ้ฉัตรกูพูดเรื่องจริงกูไม่ได้มีอะไรกับมิ้นต์ ซอลเองก็เคลียร์กับมิ้นต์แล้วมึงจะไปพูดหาเรื่องมิ้นต์ทำไมวะ”
“พี่ฉัตรคะ ซอลเข้าใจหมดทุกอย่างแล้วค่ะ” เพื่อให้คำพูดพี่มิณทร์มีน้ำหนัก ฉันจึงรีบพูดเคลียร์ทุกอย่างออกจากปากฉันเอง ไอ้ที่พี่ฉัตรว่าพี่มิ้นต์เมื่อกี้ฉันว่ามันแรงไปนะ..และก็เหมือนพี่ฉัตรไม่ฟังคำพูดฉันเพราะพี่ฉัตรมองประสานสายตากับพี่มิ้นต์อย่างยียวนกวนประสาทสุดๆ งื้ออออ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ
“เอ่อ พี่มิ้นต์คะเดี๋ยวซอลหารองเท้าให้ใส่ค่ะ”
ฉันรีบถลาไปจับแขนพี่มิ้นต์ที่ยืนตัวสั่นเพราะความโกรธ พี่มิ้นต์ยืนเท้าเปล่าและกำหมัดอย่างโกรธปุดๆ พี่ฉัตรเองในอดีตก็เคยดีแสนดีกับพี่ก้อยราวกับเจ้าชายแล้วทำไมถึงได้ปากร้ายกับพี่มิ้นต์จังนะ?
“พี่ไม่เป็นไรค่ะซอล พี่เดินเท้าเปล่าได้” โอ้ยย เท้าเปิงขนาดนี้แล้วพี่จะเดินเท้าเปล่าได้ยังไงล่ะคะ ฉันพยายามมองหารองเท้าคู่เดิมของพี่มิ้นต์ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรองเท้าคู่นี้แต่ฉันก็เห็นแค่รองเท้าพี่ฉัตรที่พี่มิ้นต์เตะทิ้งเท่านั้น
“พี่มิณทร์ขา เราไปส่งพี่มิ้นต์กลับบ้านกันเถอะนะคะ”
ฉันไม่รู้ว่าพี่มิ้นต์ทะเลาะอะไรกับพี่ฉัตร ขนาดไม่ได้ด่าฉัน..ฉันยังรู้สึกหน้าชาแทนเลย เพราะงั้นฉันว่ารีบพาพี่มิ้นต์ไปจากตรงนี้จะดีกว่านะ
“โอเคมิ้นต์เดี๋ยวเราไปส่งเธอเอง ซอลขาหนูพามิ้นต์ไปที่รถเลยค่ะ” ฉันดีใจที่พี่มิณทร์ไม่ถามอะไรแต่ยอมทำตามใจฉัน ฉันจูงมือพี่มิ้นต์ที่เดินเท้าเปล่าผ่านหน้าพี่ฉัตรก่อนที่พี่ฉัตรจะทำให้ฉันตกใจสุดๆโดยการคว้าแขนพี่มิ้นต์ไว้แล้วกระชากเข้าไปหาตัว
“โอ้ยย ไอ้บ้า! นายคิดจะทำอะไรน่ะ”
พี่มิ้นต์ปลิวไปตามแรงกระชากของพี่ฉัตร อูยย นี่มันฉากมนต์รักอสูรในทีวีชัดๆ พี่มิ้นต์พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของพี่ฉัตรขณะที่พี่ฉัตรก็จับท่อนแขนพี่มิ้นต์ไว้หน้านิ่ง
หูยยยย ถ้าฉันทั้งจิ้น + ฟินในสถานการณ์แบบนี้มันจะผิดดดดมั้ยอ้ะ
“มึงกำลังทำอะไรของมึงวะฉัตร” พี่มิณทร์นิ่วหน้าเดินสาวเท้ากลับมาอยู่ข้างๆฉันขณะที่ฉันกำลังลุ้นฉากมนต์รักอสูรข้างหน้าอย่างสุดตัว ฉันผวากอดแขนพี่มิณทร์แน่น งื้อออ พี่มิณณณทร์นี่น้องกำลังจิ้นไปถึงดาวอังคารแล้วนะ!!
พี่ฉัตรไม่ตอบคำถามพี่มิณทร์แต่กลับก้มไปกระซิบกระซาบอะไรข้างหูพี่มิ้นต์สักพักแล้วจู่ๆพี่มิ้นต์ก็หยุดดิ้นแล้วมองมาที่พี่มิณทร์กับฉัน ฮือออ กระซิบกระซาบอะไรกันอยากรู้วววว
“มิณทร์ไม่ต้องมาส่งเราหรอก เดี๋ยวเราจะกลับกับฉัตร”
“ห้ะ!!”
คราวนี้ฉันกับพี่มิณทร์อ้าปากค้างอุทานออกมาพร้อมกัน จู่ๆพี่มิ้นต์ก็เลิกดิ้นแล้วยอมกลับบ้านกับพี่ฉัตร ทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งด่ากันไฟแล่บเองนะแต่พอเข้าพระเข้านางปั๊ปก็จะกลับด้วยกันเฉยเลย หูยย ไม่จิ้นไม่ได้แล้วอ่ะ!
“น้องซอลพี่กลับก่อนนะคะ” พี่มิ้นต์ยิ้มที่ดูก็รู้ว่าฝืนให้ฉันขณะที่พี่ฉัตรเดินตามเก็บร้องเท้าที่พี่มิ้นต์เตะทิ้งเอามาวางไว้ให้ข้างหน้า โอ้ยยตั่ยแล้ววว เมื่อกี้ก็ด่าไฟแล่บแต่ทำไมการกระทำโอบป้าถึงละมุนจังคะ?
“มิณทร์ แล้วค่อยคุยกันนะ” และโดยไม่เปิดช่องว่างให้พี่มิณทร์กับฉัน พี่มิ้นต์ก้มหน้าก้มตาสวมรองเท้าคู่ใหญ่ของพี่ฉัตรก่อนจะเดินกระโผลกกระเผลกขึ้นรถซีวิคสีเงินโดยมีพี่ฉัตรเดินล้วงกระเป๋าตามไปติดๆ
โฮกกกกกกกก อยากไปติดกล้องแอบส่องคู่นี้ดูจังเลยง่ะ!
“พี่มิณทร์ขาา มันเกิดอะไรขึ้นคะ” ฉันสะบัดเรื่องมนต์รักอสูรทิ้งแล้วหันไปเขย่าแขนถามพี่มิณทร์อย่างบ้าคลั่งขณะที่รถซีวิคสีเงินที่มีพี่มิ้นต์นั่งอยู่และมีพี่ฉัตรเป็นคนขับค่อยๆออกตัวไป เห้ยย ปล่อยไปแบบนี้จะเป็นไรมั้ยอ้ะ??
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” พี่มิณทร์เกาหัวแกรกๆและมองตามท้ายรถซีวิคด้วยสีหน้างงๆ “แต่ไอ้ฉัตรไปส่งทั้งทีคงไม่เป็นไรมั้งคะ”
“ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งด่ากันไฟแล่บเนี่ยนะคะ”
“เห็นปากหมาๆแบบนี้แต่จริงๆไอ้ฉัตรมันใจดีค่ะ หนูไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะไอ้ฉัตรไม่ไล่มิ้นต์ลงกลางทางแน่ๆ พี่กลัวก็แต่มิ้นต์จะอาละวาดใส่ไอ้ฉัตร”
“ไม่ถูกกันขนาดนี้แล้วทำไมถึงกลับไปด้วยกันล่ะคะ?”
“เอ..ไม่รู้สิคะ”
“เราขับรถตามไปดีมั้ยคะ ซอลเป็นห่วงพี่มิ้นต์” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันโคตรจะเกลียดมิ้นต์เลย แต่พอได้เปิดใจกันแล้วฉันกลับรู้สึกว่าพี่มิ้นต์เป็นคนน่าสงสารและเราก็น่าจะเคมีตรงกัน
“ก่อนจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่น เรามาเคลียร์เรื่องของเราก่อนดีมั้ยคะ” พี่มิณทร์ยืนกอดอกแล้วเหล่สายตามามองฉัน จากที่เป็นห่วงพี่มิ้นต์อยู่ฉันก็ใจเต้นตึกตัก โอยย ปกติพี่ก็หล่อพิฆาตชะนีอยู่แล้วนะแล้วจะมาทำสายตาวิบวับแบบนี้กับน้องเพื่ออออ ความหล่อพี่จะดาเมจรุนแรงไปแล้วนะคะ!
“ระ เรามีเรื่องอะไรจะเคลียร์กันอีกหรอคะ”
“พี่อยากเคลียร์เรื่องหนูกับไอ้หน้าเห่ยค่ะ” พี่มิณทร์หรี่ตามองฉัน “พี่หล่อกว่ามันหลายโค้งเลยนะคะ แล้วหนูนึกไงคะไปยืนให้มันจีบ”
คำพูดแกล้งแหย่ของพี่มิณทร์เล่นเอาฉันยืนเอ๋อไปเลย ฉันไม่ได้อยากยืนให้อีพี่ก้องจีบแต่เป็นเพราะย่าหยกจัดฉากดูตัวให้ ถ้าฉันสารภาพตูมไปพี่มิณทร์จะว่าอะไรฉันมั้ยล่ะ แต่ เอาก็เอาวะ..
“น นั่นคู่ดูตัวซอลค่ะ”
ฉันกลั้นใจพูดมันออกไปในที่สุด รอยยิ้มพรายของพี่มิณทร์ค่อยๆหุบลงพร้อมกับหน้าฉันที่ซีดเป็นไก่ต้ม
งะ งานเข้า!!
“เมื่อกี้หนูว่าไงนะคะ”
พี่มิณทร์หันขวับมาเผชิญหน้าฉัน ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงและมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ฉันรู้สึกเหมือนอากาศเริ่มหมดลง และนั่นคือความผิดที่ฉันต้องเผชิญกับมัน
“ย่าหยกจับคู่ให้ซอลกับหลานชายเจ้าสัวเกื้อค่ะ ซะ ซอลขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกพี่มิณทร์..” สายพี่มิณทร์ตอนนี้เป็นอะไรที่อ่านไม่ออกสุดๆ เขานิ่ง..และยืนล้วงกระเป๋ามองฉันอย่างเงียบๆ.. เขาไม่โวยวายและทำท่าจะไปบวกใครเหมือนอย่างที่เคยเป็น
พี่มิณทร์นิ่งเฉย..จนหัวใจฉันบีบรัด
“เป็นเพราะที่บ้านไม่รู้เรื่องที่ซอลคบกับพี่ค่ะ..ซอลพยายามแล้วนะคะแต่พอเอาจริงๆซอลก็ไม่กล้าพูด เฮียกรถามซอล แต่ซอลก็ไม่กล้าบอก.. ซอลขอโทษนะคะ”
“หนูจะบอกพี่ว่าหนูเต็มใจดูตัวหรอคะ”
สายตาของพี่มิณทร์ทำให้ฉันกลัวจนแข้งขาสั่น น้ำเสียงห่างเหินและสายตาของพี่มิณทร์สต๊าฟฉันให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ พี่มิณทร์มองปราดเดียวก็อ่านความขี้ขลาดของฉันออก
“ปะ เปล่าค่ะ”
“ถ้าพี่ไม่มาเห็นเอง หนูกะจะบอกพี่เมื่อไหร่คะ” น้ำเสียงห่างเหินและแววตาเฉยชาของพี่มิณทร์กำลังฆ่าฉัน.. แต่ฉันจะทำอะไรได้ล่ะเพราะฉันขี้ขลาดแบบนั้นจริงๆ ฉันไม่กล้าบอกเฮียกรเรื่องพี่มิณทร์ แถมฉันยังไม่กล้าบอกพี่มิณทร์เรื่องดูตัวอีก ก็สมควรแล้วล่ะ..
“ซอลขอโทษนะคะ”
“แสดงว่าหนูตั้งใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ถ้าพี่ไม่มาเห็นเอง” พี่มิณทร์สบตาฉันนิ่ง “แล้วงี้ถ้าหนูโดนบังคับแต่งงาน หนูจะบอกพี่มั้ยคะ?”
ทั้งๆที่ไม่ได้มีถ้อยคำรุนแรงและทั้งๆที่พี่มิณทร์ไม่ได้แม้แต่จะขึ้นเสียงกับฉัน แต่หัวใจฉันกลับสั่นซะยิ่งกว่าสั่นซะอีก ฉันยืนน้ำตาคลออย่างหมดหวัง..
และก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านั้น พี่มิณทร์ก็ดึงฉันกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดและกอดฉันไว้แน่น ฉันจมลงไปในแผ่นอกพี่มิณทร์ขณะที่มือหนาก็ลูบปลอบหลังศีรษะฉันอย่างแผ่วเบา ฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน..
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทีหลังหนูอย่าเก็บไว้คนเดียวอีกนะคะ” พี่มิณทร์ถอนหายใจหนักๆขณะที่อ้อมแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดกอดฉันแน่นขึ้น ฉันสูดกลิ่นไอของพี่มิณทร์เข้าไปเต็มปอดก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้น
“ซอลขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่มิณทร์นะคะ” ฉันสะอื้นฮัก “ซอลขอโทษที่ไม่กล้าบอกเฮียกรเรื่องของเรา ซอลมันขี้ขลาดเอง..”
“คนดีของพี่..ทีหลังมีอะไรก็บอกพี่ พี่ปกป้องหนูได้แน่ค่ะ”
ฉันสวมกอดพี่มิณทร์แน่นเหมือนกลัวใครจะแยกเราออกจากกัน ขอแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ฉันก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ความรักทำให้คนเข้มแข็งอย่างฉันอ่อนแอและขี้ขลาดได้อย่างเหลือเชื่อ ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อพี่มิณทร์สอนให้ฉันรู้จักคำว่า “รัก”
“ซะ ซอลไม่ได้อยากดูตัวค่ะ..” ฉันพยายามเริ่มต้นอธิบายแต่ก็สะอื้นเสียงสั่น
“หนูไม่ต้องพูดแล้วค่ะ พอแล้ว” พี่มิณทร์กดศีรษะฉันให้จมลงกับแผ่นอกเขาก่อนจะกระซิบข้างหูอย่างอบอุ่น “พี่เชื่อหนู พี่ไม่โกรธหนูหรอกค่ะ”
ถึงแม้ฉันจะเอาแต่ทำตัวร้ายแต่พี่มิณทร์ก็ไม่เคยโกรธฉัน.. ถึงฉันจะไม่มีเหตุผลและทำตัวแย่ๆหลายครั้งแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่พี่มิณทร์จะโกรธ พี่มิณทร์จะคอยปลอบและคอยให้อภัยเด็กงี่เง่าอย่างฉัน
“ซอลขอโทษนะคะ..”
“หนูไม่ต้องร้องแล้วพี่ผิดเองค่ะ..” พี่มิณทร์คลายอ้อมกอดแล้วก้มลงมาสบตากับฉัน “ขอบคุณที่อุตส่าห์เข้มแข็งเพื่อพี่นะคะ พี่ผิดเองค่ะที่ปล่อยให้หนูเผชิญปัญหาทุกอย่างคนเดียว ต่อจากนี้พี่จะคอยปกป้องหนูเองค่ะ”
แปลกนะ.. ทั้งที่ตอนแรกฉันคิดว่าความรักมันไม่มีรูปร่างหน้าตาและจับต้องไม่ได้ซะอีก เพราะเวลามีรักจะมีแต่หัวใจที่รับรู้เท่านั้น
“หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” พี่มิณทร์ไล้มือหนาปัดเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้ฉัน “ทีหลังมีอะไรบอกพี่นะคะอย่าเก็บไว้คนเดียวแบบนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไอ้กรหรือเรื่องที่ถูกบังคับให้ดูตัว พี่ปกป้องหนูได้แน่ค่ะ”
คนตรงหน้าเป็นคนสอนฉันว่าความรักไม่ใช่แค่ใจที่จะสัมผัสมันได้เท่านั้น หากแต่ความรักมีตัวตนและยืนตัวเป็นๆอยู่ต่อหน้าฉันตรงนี้
สำหรับฉันความรักรูปร่างหน้าตาเหมือนพี่มิณทร์ และ พี่มิณทร์คือความรัก..
(LOADING 100%)
เอามาอ่อย..
มาเปลี่ยนโลกให้เป็นสีชมพูกันต่อกับ SS2
Coming soon..
❤❤❤
TALK 3
คือ..กว่าจะได้รักกันมันยากมากนะ
แต่พอได้รักกันและพอซอลได้เป็นเจ้าของหัวใจพี่มิณทร์แล้ว
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าซอลเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด
พี่มิณทร์เป็นผู้ชายที่ละมุนมาก
อาจจะเพราะด้วยอายุที่มากกว่า และเคยดูแลซอลเหมือนพี่ชายมาก่อน
เลยพร้อมจะเข้าใจและอภัยซอลทุกเรื่อง
ฮรื้อออ อยากได้แบบนี้คนน
❤❤
TALK 2
งานเข้าหรือไม่เข้าก็ไม่รู้
รู้แต่รอฉากพี่มิณทร์หึง 555+
พี่มิณทร์หึงโหดทีไรใจบางทู๊กกกที
ได้กลิ่นความละมุนโชยมา
❤
TALK 1
อื้อหือมมม สามีแห่งชาติอย่างพี่ฉัตร
มาเรื่องนี้แบดได้ใจดีจริงๆ 555+
น้อมรับทุกคำติชมสำหรับคาแรคเตอร์มิ้นต์ค่ะ
ไม่เคยเขียนใครแล้วโดนเกลียดขนาดนี้เลย อ่านเม้นต์แล้วกลัว 555+
เกลียดพี่ฉัตรบ้างก็ได้ เพราะเรื่องนี้ก็ปากร้ายจุงเบย
หล่อแบดฝุดๆ 555
สำหรับมิ้นต์คนนี้
เค้าเขียนมาเพื่อให้เป็นตัวช่วยของซอลค่ะ
แต่เปิดเรื่องมาให้ก้ำกึ่งระหว่างจะมาดีหรือมาร้าย เลยโดนซะ 555+
เอาเป็นว่ามิ้นต์คนนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญของซอลในอนาคต
เค้าขอบอกแค่นี้ละกันเนอะ รอดูกันต่อไป~
แต่ที่รู็ๆ เขียนเองแล้วก็ชอบคู่มนต์รักอสูรคู่นี้มากกกก
นานๆจะเขียนแบบฮาร์ดคอ 555+
รักส์
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็น