คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : หึง
“แฟนพี่ก็หนูไงคะ!!”
MIN SAID
EP 47: หึง
ล็อบบี้สถานที่จัดงาน, V hotel
ฉันสาวเท้าเดินตามพี่มิณทร์ออกมาด้วยอาการล่องลอยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือหนายังคงกำอยู่รอบข้อมือฉันอย่างน่าอึดอัดแต่กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น ฉันมองด้านหลังของร่างสูงในชุดสูทที่เดินคว้าข้อมือฉันให้เดินตามออกจากงานไปอย่างเงียบๆ ทั้งๆที่ความสูงก็เท่าเดิม.. ดวงตาที่มองฉันก็คู่เดิม
แต่ทำไมฉันกลับยิ่งหวั่นไหวจัง..
ฉันมองแผ่นหลังของ “พี่มิณทร์” อย่างแสนรักและยอมเดินตามเขาเรื่อยๆจนใกล้จะมาถึงที่จอดรถ ทั้งๆที่ฉันควรขัดขืน.. ทั้งๆที่ฉันควรหยุดการกระทำของคนตัวสูงที่กำลังลากฉันเดินออกมาจากงาน แต่หัวใจฉันกลับยินยอมทำตามเขาอย่างไม่มีข้อยกเว้น
“พี่มิณทร์จะพาซอลไปไหนคะ” ฉันกระตุกแขนพี่มิณทร์ให้เขาชะลอฝีเท้าลงและพยายามเรียกสติกลับมาอีกครั้ง
“พาหนูกลับคอนโดค่ะ” พี่มิณทร์หันขวับมาประจันหน้ากับฉัน ใบหน้าหล่อเหลาคิ้วผูกกันอย่างหงุดหงิด โห.. หล่อแบดแบบนี้กร้าวใจสุดอ่ะ
“ละ แล้วเราจะไปกันยังไงคะ”
“ไปรถพี่สิคะ เอ้อ พี่ลืมถามว่าหนูติดกุญแจคอนโดพี่มาด้วยมั้ย”
“ซอลเก็บไว้ในรถค่ะ”
“งั้นดีเลยค่ะ เดี๋ยวเราไปเอากุญแจคอนโดที่รถหนูกันก่อน” พี่มิณทร์เปลี่ยนจากกำรอบข้อมือฉันเป็นประสานนิ้วเราเข้าด้วยกันไว้ “แล้วหนูจอดรถไว้ไหนคะ”
“ซอลจอดไว้ที่บ้านค่ะ”
“เวรละ..” พี่มิณทร์ตบแปะเข้าที่หน้าผากตัวเอง “สงสัยพี่คงต้องไปทำคีย์การ์ดใหม่กับขอกุญแจห้องใหม่กับนิติก่อนแล้วมั้งคะ”
หัวใจฉันลอยละล่องเหมือนอยู่ในความฝัน หัวใจฉันยังเต้นตึกตักและอึ้งกับการปรากฏตัวของผู้ชายคิดบวกที่ยืนจับมือฉันอยู่ข้างๆอยู่เลย และทั้งที่เรื่องมาถึงขนาดนี้แต่ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนฝัน
“ฮัลโหลๆซอลขา..หนูได้ยินพี่มั้ยคะ?” พี่มิณทร์โบกมือไปมาตรงหน้าขณะที่ฉันยังได้แต่กระพริบตาปริบๆมอง
พี่มิณทร์อย่างไม่เชื่อ ฉันลิสต์เรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นในหัว
-พี่มิณทร์แอบมาเซอร์ไพร์ซฉันในงานและฉันก็หึงจนสาดน้ำส้มใส่พี่มิ้นต์
-ฉันทำความรู้จักกับอีตาพี่ก้องต่อหน้าพี่มิณทร์แล้วพี่มิณทร์ตามมาคิดบวก
-พี่มิณทร์โกรธและจะจูบฉันต่อหน้าคนอื่นในงานแถมยังลากพาฉันออกมาที่นี่
ตกลงมันเกิดขึ้นจริงดิ ฉันไม่ได้ฝัน?
“ยู้ฮู..นี่หนูถอดจิตไปดาวอังคารอยู่หรอคะ?” พี่มิณทร์หัวเราะน้อยๆแล้วโบกมือไปมาตรงหน้าฉันก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะโฉบลงมาจูบที่ริมฝีปากฉันเร็วๆแล้วผละออกไป “ไง จะตื่นดีๆมั้ยคะ?”
โฮกกกกกก เป็นการปลุกที่พีคมากกกกค่ะ! ฉันเหม่อแล้วเขาจูบนี่มันใช่หรอวะ? ฉันเอามือตะปปปิดปากแทบไม่ทันขณะที่พี่มิณทร์หัวเราะขำร่วนไปเลย โง้ยยย ถ้าอีพี่จะทำแบบนี้พี่ไม่ลากน้องไปปล้ำจูบกลางสี่แยกไฟแดงเลยล่ะคะ!
“พี่มิณณณณทร์อ่ะ!” ฉันตีแปะไปที่แผ่นอกพี่มิณทร์เบาๆเพราะเขาเอาแต่หัวเราะไม่หยุด “ถ้าเกิดใครเห็นขึ้นมาจะว่าไงคะ”
“ก็เมียเหม่อเหมือนอยากให้จูบเลยอ่ะค่ะ”
“แล้วมันใช่ที่ไหนกันล่ะคะ!” ฉันตีเบาๆไปที่แผ่นอกพี่มิณทร์อีกครั้งขณะที่เขาอาศัยทีเผลอคว้าเอวฉันไปกอดไว้แน่น “หยุดเลยนะพี่มิณทร์ นี่ซอลยังโกรธพี่อยู่นะ”
“โกรธเรื่องอะไรก็บอกเพราะพี่ไม่อยากให้หนูเข้าใจอะไรผิดๆค่ะ”
พี่มิณทร์กอดล็อคเอวฉันไว้อยู่แบบนั้นขณะที่ลิฟท์ที่เรากดไว้ค่อยๆลดระดับชั้นไต่ลงมาเรื่อยๆ นี่ถ้าลิฟท์เปิดออกแล้วมีคนรู้จักหรือสื่อที่คอยประดคมข่าวอยู่ในลิฟท์นี่เกิดเลยนะ!
“พี่มิณทร์ปล่อยก่อน เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าค่ะ”
“พี่ไม่อยากให้หนูเข้าใจผิดเรื่องพี่กับมิ้นต์นะคะ” จากที่ดิ้นๆอยู่ฉันก็ชะงักหัวใจฉันบีบรัดและชาวาบเป็นน้ำแข็งเพียงแค่ได้ยินชื่อของพี่มิ้นต์ ฉันแพ้หมดรูปทุกครั้งที่เจอกับผู้หญิงที่ชื่อ มิ้นต์ นี่ฉันจะเกิดมาแพ้ตลอดเลยรึไงนะ
“พี่ไม่มีอะไรกับมิ้นต์ค่ะ”
ติ้งงงง
เสียงลิฟท์ดังพร้อมกับประตูลิฟท์ที่ปิดออกแต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในนั้น เพราะพี่มิณทร์ไม่มีทีท่าที่จะคลายอ้อมแขนออกจากเอวฉันไปเลยสักนิด ท่อนแขนที่แข็งราวกับปลอกเหล็กยังคงล็อคเอวฉันไว้แน่นจนตัวเราชิดติดกัน
“ไม่มีอะไรแต่ตัวติดกัน เป็นเพื่อนกันแต่ก็หอบกันกลับมากรุงเทพ พี่จะให้ซอลเข้าใจว่ายังไงคะ” ฉันตัดพ้อพี่มิณทร์เสียงสั่นความเจ็บปวดที่สั่งสมมาเรื่องพี่มิ้นต์บั่นทอนหัวใจฉันได้อย่างเหลือเชื่อ การปรากฏตัวของพี่มิ้นต์เป็นการทดสอบความเข้มแข็งของหัวใจฉันอย่างหนัก
“ซอลคะ พวกพี่เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นค่ะ”
“หรอคะ..” เป็นแค่เพื่อนกันพูดง่ายจังเนอะ? อย่างนี้ฉันก็บอกได้สิว่าอย่างฉันกับอีตาพี่ก้องก็เป็นแค่คนที่เพิ่งรู้จักกัน ไม่มีอะไรเหมือนกันทั้งนั้น
“ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่อพี่ใช่มั้ยคะ” ก็ถ้าฉันไม่เชื่อ.. แล้วเขาจะทำยังไงให้ฉันเชื่อล่ะ? พี่มิณทร์ก้มหน้าลงมาสบตาฉัน สายตาคมกริบมองทะลุทะลวงยันไส้ติ่ง
“ซอล-ไม่-เชื่อ-ค่ะ”
ฉันน้ำตาคลอกระแทกเสียงใส่พี่มิณทร์ในขณะที่ประตูลิฟท์ปิดลงอีกครั้ง พี่มิณทร์ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขณะที่กอดฉันไว้ด้วยมือข้างเดียว และคำแรกที่พี่มิณทร์พูดกับคนในสายก็ยิ่งทำให้ฉันดิ้นออกจากอ้อมแขนเขาอย่างหนัก
“มิ้นต์ ตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ” ฉันฟาดท่อนแขนทุบไปที่อกพี่มิณทร์หนักๆ ใบหน้าหล่อเหลามองฉันอย่างตำหนิก่อนจะกัดปากอย่างหมั่นเขี้ยว “อืม รอแปปเดี๋ยวไปหา”
“พี่-มิณทร์-ปล่อย-ซอล-เดี๋ยว-นี้-เลย-นะ!” ฉันที่น้ำตาคลอหน่วยโวยวายเสียงดัง จะโทรหากัน จะไปหากัน ทำไมต้องบอกให้ฉันรับรู้ด้วย?
“ทำไมหนูดื้อจังคะ” พี่มิณทร์กดตัดสายแล้วตวัดสายตาดุฉัน “ก็พอพี่พูดหนูก็ยังไม่เชื่อพี่เลยอยากอธิบายไงคะ”
“ทีหลังจะโทรคุยกับแฟนพี่ก็ไม่ต้องให้ซอลได้ยินก็ได้ค่ะ!”
“แฟนพี่ก็หนูไงคะ!!” เป็นครั้งแรกที่พี่มิณทร์เสียงดังใส่ฉัน ใบหน้าหล่อเหลาจริงจังขณะที่อ้อมแขนแข็งแรงก็กอดรัดเอวฉันไว้แน่นจนเจ็บ
“โอ้ยยย พี่มิณทร์.. ซอลเจ็บนะ..” ฉันไม่ได้เจ็บเพราะเขากอดฉันแต่ฉันเจ็บสะเทือนไปถึงหัวใจตั้งแต่เขากดโทรศัพท์ต่อสายหาพี่มิ้นต์ ฉันเจ็บจนเหมือนใจพัง
“พี่ขอโทษค่ะ..”
พี่มิณทร์รีบคลายอ้อมแขนออกจากเอวฉัน ดวงหน้าหล่อเหลามองฉันด้วยแววตาอ่อนลง แววตาของพี่มิณทร์เต็มไปด้วยความเป็นห่วงขณะที่ฉันเอาแต่ร้องไห้น้ำตาทะลัก “พี่ขอโทษนะคะซอล พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูเจ็บ พี่ขอโทษที่เสียงดังกับหนูค่ะ”
ปลายนิ้วแข็งแรงของพี่มิณทร์ค่อยๆไล่ซับหยดน้ำตาให้ฉัน ความอ่อนโยนที่ฉันสัมผัสทำให้ฉันน้ำตาไหลไม่หยุด ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอไม่มีเหตุผล.. ตั้งแต่พี่มิณทร์สอนให้ฉันรู้จักคำว่า “รัก”
“ไม่เอานะคะคนดีของพี่ ไม่ร้องนะคะ” พี่มิณทร์โอบประคองใบหน้าฉันก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “พี่ขอโทษที่ทำให้หนูเจ็บค่ะ”
และเหนือสิ่งอื่นใดกว่านั้น.. ทันทีที่พี่มิณทร์จับฉันซุกหน้าจมไปกับแผ่นอกกว้างของเขาฉันก็รู้สึกถึงความรักอันแสน อบอุ่นที่ปลอบประโลมฉันไว้ ฉันหลงรักเขาหมดหัวใจ พี่มิณทร์เป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักและอยากจะวิ่งหนีเขาไปให้ไกลที่สุดไปพร้อมๆกัน
“อะไรที่หนูกังวล หนูบอกพี่มาให้หมดนะคะ” มิณทร์ลูบปลอบเบาๆที่หลังศีรษะฉัน “ไม่ต้องเก็บเอาไว้นะคะ ระบายออกมาให้หมด”
“ฮึกกก”
ฉันได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดพี่มิณทร์ตอนนี้ถึงใครจะมาเห็น ถึงสื่อจะเก็บภาพได้ฉันก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น..
“ให้โอกาสพี่อธิบายหน่อยนะคะคนดีของพี่ ฟังพี่พูดหน่อยนะคะ” พี่มิณทร์กดศีรษะฉันให้ถลำซบลงไปกับแผ่นอกเขามากขึ้น
“ซอลอยากโกรธพี่ให้ตายไปเลยค่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่มิณทร์อีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนฝันกำลังมองสบตาฉันอย่างเป็นห่วงเป็นใยที่สุด พี่มิณทร์แตะรอยยิ้มน้อยๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆที่ผิวแก้มฉัน
“โกรธเกลียดพี่ได้แต่ห้ามรักพี่น้อยลงนะคะ”
เป็นคำขอที่เอาแต่ใจ..แต่หวานชะมัด ฉันอยากจะเกลียดอยากโกรธเขาให้ตายไปเลยจริงๆ แต่ฉันรู้ว่ายิ่งฉันเกลียดยิ่งฉันโกรธพี่มิณทร์มากเท่าไหร่ ฉันกลับยิ่ง “รัก” เขาหมดใจมากขึ้นเท่านั้น
“พี่นี่ขี้โกงตลอดเลยนะคะ”
“ถ้าไม่ขี้โกงก็ไม่ได้หัวใจนางเอกสิคะ” นอกจากแววตาเหมือนฝัน คำพูดยังหวานล้ำพาหัวใจล่องลอยได้อีก นี่มันตัวร้ายที่รักเธอชัดๆ..
“ซอลยอมไปกับพี่มิณทร์ก็ได้ค่ะ”
“พี่จะพาหนูไปหามิ้นต์แต่หนูต้องสัญญาว่าจะอยู่ฟังให้จบนะคะ”
“ซอลสัญญาค่ะ”
ถึงฉันจะไม่มั่นใจในความเข้มแข็งของหัวใจตัวเองแค่ไหนแต่ฉันมั่นใจในอ้อมกอดที่กอดฉันอยู่ ฉันเชื่อในความรักของพี่มิณทร์ที่มีต่อฉัน ฉันภาวนาขอให้ตัวเองเข้มแข็งและเอาชนะผู้หญิงที่ชื่อ “มิ้นต์” ให้ได้สักครั้ง
เป็นไงเป็นกันฉันจะลองเผชิญหน้ากับพี่มิ้นต์คนนี้ดู
❤❤❤
TALK 2
งุ้งงิ้งมุ้งมิ้ง
ขนาดทะเลาะกันยังละมุนเลยอ่ะพี่มิณณณณทร์
มุกอ้อนเมียนี่ยอมใจอีพี่จริมๆ
มีความหวง มีความออดอ้อนเมียอย่างชัดเจน
EP หน้ามีเคลียร์
หนูซอลมีเปิดโหมดไฟท์เตอร์จ้าา
❤
TALK 1
มีคนแซวว่าอีพี่หอบน้ำตาลมาจากลำพูน
ไม่ปฏิเสธนะ คือจริง 555+
ไปให้สุดแล้วหยุดที่เบาหวานค่ะ อร๊ายยย
อีกอย่าง เค้าจะบอกว่าซอลไม่ได้กลัวคนอื่นรู้นะ
คนเดียวที่ซอลกลัวคือเฮียกร
พี่น้องคู่นี้รักกันมาก ซอลรักพี่ชายมาก เฮียกรก็หวงน้องแบบสุดๆ
ถ้าได้อ่านเรื่องกรมาก่อนก็จะรู้ว่ากรกับมิณทร์สนิทกันมากจริงๆ
คู่นี้สนิทกันตั้งแต่มัธยม ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋
แล้วกรก็ออกปากห้ามมิณทร์ไม่ให้คิดอะไรกับซอลมาตลอด
ซึ่งซอลรู้ถึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาตลอดสี่ปี (คิดเยอะ)
ส่วนมิณทร์ ถึงแม้จะพยายามหักห้ามหัวใจตัวเองแล้ว
แต่ก็แพ้รุ่ย 5555+
เพราะงั้นก็ไปให้สุดแล้วไปหยุดที่ตีนเพื่อนแล้วกัน 5555
รักส์
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็น