NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #30 : ความหวั่นใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.94K
      70
      5 มิ.ย. 66

    “แล้วเพื่อนที่ไหนมันใกล้ชิดกันขนาดนี้ล่ะ..”
    SOL SAID


     



    EP 32:  ความหวั่นใจ
    SOL’S TALK
    2 เดือนต่อมา, ถนนสุขุมวิท
     

     

           ‘ดูแลตัวเองดีๆนะ คนที่อยู่ทางนั้น คนทางนี้ยังคิดถึงกัน
          เหมือนอย่างเดิมไม่เคยเปลี่ยน อากาศกลางคืนมันหนาว 
         ก็ห่มผ้านอนก่อนหลับฝัน ถ้าเธอเหงาให้คิดถึงกัน
        เหมือนอย่างฉัน.. คิดถึงเธอ..’

                
            
     

    กริ๊กกกก
                             
                                            ‘เพราะฉันห่างเหลือเกิน  เพราะฉันอยู่แสนไกล
                                                            บอกตรงๆหัวใจฉันยังหวั่น
                                                     ก็ยังห่วงว่ารักจริงอาจจะแพ้ใกล้ชิดกัน
                                              อาจจะทำทุกอย่าง เ ป ลี่ ย น ไป’

                
    กริ๊กกกกกกก

                                                ‘ อดทนได้ไหม.. ช่วยกันดีไหมเธอ 
                                                           อดทนกับความเหงาที่เราต้องเจอ
                                             ถ้าเมื่อไรเริ่มเหนื่อย  หรือหัวใจเริ่มห่าง 
                                                   อย่าลืมว่าฉันยังรักและรอเธอ’


            

    “โอ้ย กุญแจซอล พอซักทีได้ป่าววะ!” 


    ไอ้หมาโฟล์คหันมาน้ำลายฟูมปากใส่ฉันอย่างหงุดหงิดขณะที่ฉันก็เอาแต่กดเลือกเพลงที่กำลังอินจากในไอพอดไปเรื่อยๆ เรียก ว่าฉันกำลังทำเอ็มวีกับเพลงไหนอยู่  โฟล์คเป็นต้องได้ฟัง
              

    “งั้นจะฟังเพลง ‘ คิดถึง’ ของ peacemaker อีกรอบป่ะล่ะ”
              

    “อันนั้นฟังวนตั้งแต่ติดไฟแดงแรกแล้วป่ะ”
              

    “งั้นเพลง ‘กอดหน่อยได้ไหม’ ของพลพลล่ะ?”
              

    “อันนั้นเธอฮัมเพลงนี้ให้ฉันฟังตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว เฮ้ย! เลิกทำตัวเหมือนหมาถูกทิ้งซะทีพี่มิณทร์ก็แค่ไปทำงานที่เขื่อนเองป่ะ??” โฟล์คหันมาแยกเขี้ยวใส่ฉันอีกครั้งด้วยสีหน้าเซ็งๆ  หนอยย ไอ้หมาขาดวัคซีน! ทำไมฉันเข้าโหมด ‘เหงา’ แค่นี้ถึงชอบเบรกจัง
              

    “ก็ฉันคิดถึงพี่มิณทร์อ่ะ!!”
              

    “เธอคิดถึงแล้วฉันมาเกี่ยวอะไรวะ  ทำไมฉันต้องทนฟังเพลงน้ำเน่าแล้วต้องดูเธอทำหน้าเหงาประกอบเอ็มวีด้วย  ทีหลังถ้าจะเรียกให้มารับแล้วต้องให้ฉันมาทนฟังทีหลังถ้าจะเรียก grab taxi หรือไม่ก็อูเบอร์ดีกว่านะ”
              

    “โฟล์ค! เพื่อนเหงา อย่าใจตุ๊ดนักได้ป่ะ?”
              

    “เหงาก็อุตส่าห์มาหาแล้วไงวะ แล้วเธอจะเอาอะไรอีก” โฟล์คหันหน้าไปขับรถต่อหน้าหงิก  นี่ถ้าหมาโฟล์คเป็นผู้หญิงฉันจะสันนิษฐานว่ามันเป็นเมนส์!  คือไร.. แค่ฉันพร่ำพรรณนาคิดถึงพี่มิณทร์ให้ฟังแค่นี้  ขัดจัง!!
             

    “แล้วนี่หงุดหงิดอะไรอ่ะ” 


    ฉันรู้ว่าถ้าโฟล์คหงุดหงิดต้องง้อด้วยการทำเสียงอ่อย ฉันทำเป็นหงอยมองออกไปนอกรถพร้อมกับแรงผลักแรงๆจากน้ำมือไอ้หมาโฟล์คที่เอื้อมข้ามมาผลักศีรษะฉันหนักๆ
              

    “ไม่ต้องทำมาจ๋อยเปลี่ยนเรื่องเลยนะ”
              

    “เออ ถ้าหงุดหงิดนักก็ปล่อยฉันให้อยู่คนเดียวก็ได้  ต่อไปจะไม่โทรกวนแล้ว เคป่ะ?” 


    ตั้งแต่พี่มิณทร์ไม่อยู่ฉันก็โทรไปงอแงให้โฟล์คขับรถมาหาหลายครั้ง  แม้เราจะเรียนคนละที่กันแต่โฟล์คก็ยอมขับรถมาหาฉันทุกครั้งที่โทรไป  คือตั้งแต่เปิดเทอมมาจะสองเดือนทุกครั้งที่ฉันโทรไปโฟล์คก็จะยอมตามใจขับรถมาหาฉันทุกครั้ง  โฟล์คจะมาหาฉันในชุดเสื้อช็อปวิศวะสีแดงเลือดหมูโลโก้เดียวกับพี่มิณทร์  โฟล์คเป็นน้องสายรหัสของพี่มิณทร์เพราะฉะนั้นจึงมีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน
              

    “เฮ้ย อย่าเฉไฉงอนเปลี่ยนเรื่องได้ป่ะ?” โฟล์คกอดอกหันมามองฉันอีกครั้งด้วยแววตาอ่อนลง  “แล้วนี่ตกลงจะกินไร  คิดมาแล้วใช่มั้ยขับรถมาไกล นี่หิวนะ”
               

    ประโยคปลายเปิดกับเสียงอ่อยๆช่วงหลังทำให้ฉันรู้ว่าไอ้หมาโฟล์คกำลังง้อฉันกลายๆ  ฉันรู้ว่าฉันแกล้งทำเป็นงอนได้ไม่เท่าไหร่.. โฟล์คก็จะยอมตามใจฉันทุกครั้ง
              

    “บิงซู..”
              

    “ไปสยามตอนนี้รถติดนะไหนจะหาที่จอดอีก  หากินอะไรใกล้ๆก่อนมั้ยล่ะ”
              

    “อยากกินไอติมแม็คอ่ะ”
              

    “เออ เดี๋ยวขับผ่านโลตัสจะแวะแม็คไดร์ฟทรูให้  นี่แน่ใจนะว่ากินไอติมไปแล้วจะกินบิงซูไหวน่ะ?”
              

    “ก็ถ้าไม่หมด.. นายก็ช่วยกินเหมือนเดิมได้ป่ะ”
              

    “โอเคตามใจนายหญิงเลยครับ  อยากจะกินอะไรไปไหนอีกไหมสั่งมาเลยทีเดียว”
              

    “อยากไปลำพูน.. พาไปได้มั้ยล่ะ”
              

    “ตลกละ!  นั่งนิ่งๆเดี๋ยวซื้อช็อคโกแลตซันเดย์ให้สองถ้วยเลย จบนะ?” แล้วสุดท้ายก็จบลงที่ฉันนั่งทำปากขมุบขมิบอยู่ในรถโฟล์คที่ไหลตามกระแสรถติดของถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ  จะบ่ายแล้ว.. อากาศยังร้อนจัด  โฟล์คขับรถฝ่าอภิมหารถติดจากแถวบางเขนมาหาฉันที่มหาลัยโดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ  ทั้งๆที่ฉันแค่ไลน์ไปหาโฟล์คสั้นๆว่า 
    ‘เหงา.. มาหาหน่อย’
              

    สวัสดีค่ะ แม็คโดนัลไดร์ฟทรูจะรับอะไรดีคะ..
              

    รถซูปราสีบรอนซ์เงินของโฟล์คค่อยๆแซะออกจากกลุ่มรถติดก่อนจะเลี้ยววนเข้าไปในห้างโลตัสก่อนจะตัดออกข้างๆเพื่อไปใช้บริการแม็คไดร์ฟทรูเพื่อสั่งช็อกโกแลตซันเดย์ให้ฉัน
              

    “เอาช็อคโกแลตซันเดย์สองถ้วยครับ..  เธอจะเอาไรอีกป่ะ?” ประโยคหลังโฟล์คหันมาถามฉัน  ฉันส่ายหน้าเบาๆเพราะไม่ต้องการอะไรอีก  ฉันแค่อยากกินของหวานเพื่อให้หัวมันเย็นเท่านั้น
              

    “งั้นเอาช็อกโกแลตเย็นเพิ่ม แล้วก็น้ำเปล่าอีกขวดนึงครับ”
              

    รายการที่สั่งเรียบร้อย รบกวนไปที่ช่องชำระเงินและรอรับอาหารสักครู่ค่ะ..
              

    ขณะที่ซูปราสีบรอนซ์เงินค่อยๆวนไปเทียบที่ช่องชำระเงิน  ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คข้อความในไลน์อีกครั้ง  ข้อความของฉันที่ถูกส่งไปหาพี่มิณทร์ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่มีวี่แววของการถูกเปิดอ่าน  ฉันพยายามโทรไปหาแต่ปลายทางไม่มีสัญญาณ  นี่ฉันต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ?

     

    Related image

    GUNJAE_SOL พี่มิณทร์ทำอะไรอยู่คะ 10:25 PM
    GUNJAE_SOL  ซอลติดต่อพี่มิณทร์ไม่ได้เลย 1:10 PM
    GUNJAE_SOL ถ้าได้รับข้อความซอลแล้ว โทรมาหาซอลหน่อยนะคะ1:30 PM               
               
              
    กว่าสองเดือนที่พี่มิณทร์ไปทำงานที่เขื่อน.. แล้วเราต้องห่างกัน ไม่มีสักวันที่ฉันจะนอนหลับสนิทได้เต็มคืน  แรกๆเราก็ยังติดต่อกันได้อยู่แต่พอนานๆเข้าก็กลายเป็นเวลาเราไม่ตรงกัน  สาบานว่าเรายังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันนะ..
              

    พี่มิณทร์ใช้เวลาอยู่ในไซต์งานเกือบทั้งวัน  แรกๆก็สนุกอยู่หรอกที่พี่มิณทร์กลับมาเล่าเรื่องแปลกใหม่ให้ฉันฟังทุกวัน  แต่ในทุกเรื่องราวของแต่ละวันนั้นฉันกลับได้ยิน “ชื่อๆ”นึงที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตพี่มิณทร์ออกจากปากพี่มิณทร์มากขึ้นเรื่อยๆ  และฉันไม่ชอบมัน..
              

    “มิ้นต์” 
            

    ชื่อที่ฉันเกลียดที่สุด  แต่ฉันกลับได้ยินมันหลุดออกมาจากปากพี่มิณทร์เรื่อยๆทำไมกันนะ? 

              
    “ซอล..เป็นไรรึเปล่าน่ะ” เสียงของโฟล์คดึงฉันออกมาจากภวังค์ก่อนจะส่งต่อถ้วยช็อกโกแลตซันเดย์มาให้ฉัน  ฉันรับมาถือไว้ในมือ “ทำหน้างั้น  เป็นไร?”
              

    “ไม่มีอะไร  แล้วนี่เล่นซื้อมาสองถ้วย แล้วจะกินยังไงอ่ะ” 


    ฉันพยายามไม่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเพราะไม่อยากจะตอกย้ำ  ฉันแสร้งถามกลับไปยังถ้วยช็อกโกแลตซันเดย์ของโฟล์คที่ถือแช่อยู่ในมือแต่โฟล์คกลับยื่นถ้วยซันเดย์ส่งให้ฉัน
              

    “ถามงี้จะป้อนมั้ยล่ะ?” โฟล์คหรี่ตามองฉันก่อนจะฉกถ้วยซันเดย์กลับแล้วยกช้อนตักซันเดย์เข้าปากด้วยสีหน้าชิลๆ  สงสัยไอ้หมาโฟล์คจะกินน้ำตาลไปเยอะถึงว่าดุจัง..
              

    ฉันเอาแต่ใช้ช้อนคนๆถ้วยซันเดย์จนละลายเป็นน้ำอยู่แบบนั้น อยากกินนะแต่กินไม่ลง  ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจฉันหายไป  ตอนนี้พี่มิณทร์อยู่ไหน  พี่มิณทร์กำลังทำอะไร  ฉันไม่รู้เลย..  ถ้าอีกสองสามวันฉันยังติดต่อเขาไม่ได้ฉันถ่อไปหาเขาที่ลำพูนเลยดีรึเปล่านะ?
              

    “เป็นไรไปอีกอ่ะทะเลาะกับพี่มิณทร์มารึไง” และเป็นอีกครั้งที่โฟล์คสามารถอ่านใจฉันได้เป๊ะเลย  ฉันก้มหน้าใช้ช้อนคนซันเดย์วนไปวนมาโดยที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
              

    “โฟล์ค.. ฉัน”
              

    “เธอรู้ป่าวว่างานของพวกที่ออกไซต์ต่างจังหวัดส่วนมากทำงานไม่เป็นเวลา บางทีก็ติดต่อยาก แต่งานก็คืองานป่ะ?”
              

    โฟล์คเหมือนรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจฉันเพราะโฟล์คก็เลือกเรียนวิศวะเลือดสีเดียว กับพี่มิณทร์  จบไปก็คงเลือกสายงานที่ไม่ต่างจากพี่มิณทร์  ฉันอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาแก้ต่างให้กัน
              

    “นายรู้มะ.. หลายวันมานี้ฉันได้ยินพี่มิณทร์พูดถึงผู้หญิงที่ชื่อ ‘มิ้นต์’ บ่อยเลย” ฉันระบายออกมาในที่สุด.. เพราะครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อนี้ก็เล่นเอาชะงักไปเหมือนกัน
              

    “ห้ะ?”  โฟล์คก็มีท่าทีชะงักไม่ต่างกับฉัน  “มิ้นต์ที่ว่าเนี่ย มิ้นต์ไหน เอาให้เคลียร์”
              

    “ไม่ใช่พี่มิ้นท์แฟนเก่าพี่มิณทร์หรอกน่ะ”
              

    “แล้วมิ้นต์ไหนอีกวะ?”
              

    “มิ้นต์คนนี้ก็จบโยธาเพื่อนที่ทำงานของพี่มิณทร์” ฉันใช้ช้อนบี้ช็อกโกแลตที่เกาะเป็นก้อนอยู่ตรงก้นถ้วยแรงๆ  “ได้ยินพี่มิณทร์บอกว่าเป็นเพื่อนใหม่..แล้วสนิทกัน”
              

    “เพื่อนที่ไซต์งานอ่ะนะ”
              

    “อืม” ฉันได้ยินพี่มิณทร์พูดถึงชื่อนี้ตั้งแต่วันแรกๆที่ไปถึงเลย ตอนแรกฉันก็ไมติดใจแต่พอไปๆมันยิ่งหนัก “เป็นเพื่อนผู้หญิงที่จบโยธาเหมือนกัน”
              

    “ก็เป็นแค่เพื่อนกันป่ะ?”
              

    “เพื่อนนะ.. พี่มิณทร์บอกว่าเป็นเพื่อน” ทั้งๆที่ในใจฉันตะโกนสุดเสียงว่าไม่ใช่
              

    “ก็ถ้าแค่เพื่อนแล้วเธอจะคิดมากอะไร”
              

    แล้วเพื่อนที่ไหนมันใกล้ชิดกันขนาดนี้ล่ะ.. ปากก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันแต่ภาพที่เห็นทำเอาหัวใจฉันบีบรัดจนจะขาดรอนๆ  ถ้าเป็นแค่เพื่อนแล้วทำไมถึงได้ดูใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้ล่ะ
              

    “ซอลขา นี่มิ้นต์เพื่อนพี่ค่ะ”  
              

    ผู้หญิงหน้าตาน่ารักผมยาวเคลียบ่าโผล่เข้ามาแนะนำตัวระหว่างฉันกำลังวีดีโอคอลกับพี่มิณทร์ในวันแรกที่ไปถึง  เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสวย  ผิวขาว หน้าตาดี แววตาเด็ดเดี่ยว แต่ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก..
              

    “น้องซอลสวัสดีค่ะ” คนที่ชื่อมิ้นต์โผล่เข้ามาในกล้องโบกมือทักทายฉันหลังจากพี่มิณทร์แนะนำเสร็จ  ความสงสัยแรกของฉันก็คือ  ..ทำไมพวกเขาถึงอยู่ด้วยกัน..
              

    “นี่มิ้นต์เพื่อนที่ทำงานพี่ค่ะ” พี่มิณทร์แนะนำคนข้างๆกับฉันขณะที่ผู้หญิงคนนั้นยังโบกมือทักทายฉันหยอยๆ  โอเค ไม่มีอะไรเขาแค่เพื่อนกัน 
              

    “มิณทร์ เดี๋ยวคุยเสร็จแล้วไปเรียกเราที่ห้องนะ”
            

    “เคๆ ลิสต์มาแล้วกันว่าอยากซื้ออะไรเดี๋ยวพาไปซื้อ”
              

    ฉันยิ่งงงหนักขึ้น  นี่ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่านะ?
              

    “ซอลขา ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะพี่มาถึงแคมป์แล้ว  ที่นี่สัญญาณอาจมีบ้างไม่มีบ้างแต่ไม่ต้องห่วงพี่โทรหาหนูแน่ค่ะ”
            

    “แล้วพี่มิณทร์ทานอะไรรึยังคะ”
            

    “ยังค่ะ เดี๋ยวว่าจะออกไปหาอะไรทานข้างนอกกับมิ้นต์เพราะเดี๋ยวต้องพามิ้นต์ไปซื้อของด้วย  โอ้ยย อย่าให้เหลาเรื่องมันยาวค่ะ!”  ถึงจะยาวแค่ไหนแต่ฉันก็อยากฟัง ฉันห่างกับเขาเกือบ ๗๐๐ กิโลนะไม่ใช่บ่นว่าคิดถึงแล้วจะไปหาเห็นหน้ากันได้ง่ายๆ  ตอนนี้ก็มีแค่ “เสียง” กับภาพจากวีดีโอคอลเท่านั้นที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจฉัน
              

    “เพิ่งเจอกันวันนี้หรอคะ..”
            

    “ช่ายยยค่ะ”
            

    “แปลกดีนะคะ ทำไมดูสนิทกันจังเลย”
            

    “อ๋อ ก็เรียนจบมารุ่นๆเดียวกันน่ะค่ะ  เออ ซอลคะเดี๋ยวค่ำๆพี่โทรมาหาใหม่แถวต่างจังหวัดร้านค้าปิดเร็วเดี๋ยวพี่ต้องออกไปซื้อของก่อน  เดี๋ยวพี่โทรมากู๊ดไนท์หนูอีกทีนะคะ”
              

    นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่มิณทร์แนะนำให้เรารู้จักกัน.. และหลังจากนั้นก็ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะไม่ได้ยินชื่อพี่มิ้นต์ออกมาจากปากพี่มิณทร์  พวกเค้าดูสนิทสนมกันมากเหมือนตัวติดกันยิ่งช่วงหลังพี่มิณทร์ต้องอยู่คุมเทปูนดึกๆดื่นๆทุกวันฉันยิ่งขาดการติดต่อกับพี่มิณทร์  แต่ในทุกครั้งฉันก็มักจะได้ยินเสียงหรือเรื่องของพี่มิ้นต์ในทุกครั้งที่พี่มิณทร์ต่อสายมาหาฉัน
              

    “พี่มิณทร์ทานอะไรรึยังคะ” ฉันถามเขาในช่วงกลางดึกของคืนๆนึงที่พี่มิณทร์เพิ่งกลับมาจากไซต์งานแล้วโทรมา
              

    “โหยย ยังเลยยยค่ะ แต่พี่บอกให้มิ้นต์ต้มมาม่าเผื่อพี่แล้วค่ะหิวชะมัดวันนี้” แล้วพี่มิณทร์ก็คงไม่สังเกตสีหน้าเจื่อนๆของฉัน  ดีนะ.. เป็นแค่เพื่อนกันแต่ได้ดูแลแฟนฉันมากกว่าฉันอีก  ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนหัวใจมันบีบรัด
              

    “ซอลขาา  คืนนี้พี่อาจไม่โทรไปเพราะเดี๋ยวเลิกงานพี่จะไปกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆนะคะ
              

    “อ้าวว หรอคะ”
            

    “หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเพราะมิ้นต์ไปด้วย ยังไงถ้าพี่เมาเป็นหมามีคนลากพี่กลับแน่ค่ะ”  แล้วพี่เคยเห็นน้ำตาของซอลมั้ยคะ.. ตอนนี้มันท่วมขังอยู่ในใจจนเจิ่งนองไปหมดแล้ว  ทำไมคนที่ได้อยู่ข้างๆคอยดูแลพี่มิณทร์มันกลับไม่ใช่ฉันกันนะ?
              

    ฉันต้องทนฟังพี่มิณทร์พูดชื่อพี่มิ้นต์ออกมาจากปากทุกวัน  หมดมิ้นท์คนนั้นฉันก็ต้องมาเจอมิ้นต์คนนี้  นี่ชีวิตฉันจะแพ้แต่คนชื่อมิ้นต์ตลอดเลยรึไงนะ

     
    “ซอล ไหวป่ะ?” 


    โฟล์คเอื้อมมือมาจับไหล่ฉัน  ให้ตายเถอะ.. พอรู้สึกตัวอีกทีฉันก็ปล่อยความคิดเพลินจนโฟล์คขับรถมาจอดแถวสยามเรียบร้อยแล้ว  โฟล์คกำลังมองอย่างเป็นห่วงฉัน
              

    “ฉันไม่เป็นไร  ฉันโอเคน่ะ” ฉันก้มลงมองถ้วยช็อกโกแลตซันเดย์ในมือตัวเอง  เนื้อไอศกรีมละลายเป็นน้ำไปหมด  และฉันก็ยังไม่ได้กินมันสักคำ
              

    “ฉันว่าคราวนี้เธอน่าจะหนักเอาการนะ” โฟล์คฉวยถ้วยซันเดย์ไปจากมือฉันก่อนจะถอนหายใจน้อยๆแล้วเอนหลังพิงลงกับพนักโดยยังไม่ดับเครื่อง  สายตาของโฟล์คสบตรงมาที่ฉัน  “ไม่ไหวก็บอกนะ”
               

    บางทีคำพูดแค่เพียงหนึ่งคำก็สามารถทำลายกรอบความเข้มแข็งให้พังทลายได้หมด ฉันน้ำตาหล่นทันทีที่โฟล์คพูดคำนั้น..  มันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามอดกลั้นกลับพังทลายลงมาไม่มีชิ้นดี  ฉันคิดเรื่องนี้จนปวดหัวและก็ได้แต่กังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นซ้ำๆ
              

    “โฟล์ค.. ฉันไม่ไหว” 


    ความรักที่ฉันมีต่อพี่มิณทร์ทำให้ฉันอ่อนแอเกินไป  เพียงแค่คิดว่าข้างกายเขามีใครหัวใจฉันก็แทบจะรับไม่ไหวแล้ว  ฉันเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น  ไหนพี่มิณทร์บอกกับฉันก่อนไปว่าเราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกัน
              

    ภายในรถที่เงียบสนิทมีแต่เพียงเสียงสะอื้นของฉันเท่านั้น.. โฟล์คไม่พูดอะไรสักคำ  โฟล์คเอาแต่นั่งฟังเสียงร้องไห้ของฉันอย่างเงียบๆ บางทีช่วงเวลาที่เราเจ็บปวดทีสุดเราก็เพียงต้องการแค่ใครสักคนที่อยู่ข้างๆแค่นั้น
              

    “บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะ” 


    ฉันรู้สึกถึงมือหนาที่ลูบปลอบอยู่บนศีรษะอย่างอ่อนโยน  น้ำหนักของฝ่ามือให้ความรู้สึกปลอบประโลมจนทำให้น้ำตาฉันรื้นขึ้นมาอีกครั้ง  “เธอคิดมากไปรึเปล่า  พี่มิณทร์บอกเองไม่ใช่หรอว่าเป็นแค่เพื่อน”
              

    ฉันก็หวังให้เป็นแบบนั้น..
              

    “เธอกลัวพี่มิณทร์จะหวั่นไหวไปกับคนอื่นใช่มั้ยล่ะ?  ฉันบอกเธอตรงนี้เลยนะว่าพี่รหัสฉันโคตรหวงเธอเลย  พี่มิณทร์รักเธอนะ” 
              

    “นายรู้ได้ไงอ่ะ..” โฟล์คอึกอักแต่ก็ไม่ได้บอกฉันว่ารู้ได้ยังไง  การร้องไห้ระบายออกมาทำให้ฉันรู้สึกโล่งขึ้นมานิดหน่อยทั้งที่หัวใจยังปวดหนัก
              

    “เออ เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกัน” คราวนี้โฟล์คขยี้มือละเลงศีรษะฉันหนักๆจนผมฉันเละไม่เป็นทรงไปเลย “เขายังไม่ได้นอกใจเธอซะหน่อย  เธอจะชิงร้องไห้ทำไมวะ” 


    ก็ฉันมีสิทธิคิดมั้ยอ่ะ.. พูดมาแต่ละคำมีชื่อพี่มิ้นต์ประกอบไปซะหมดเลย  ฉันมีสิทธิกังวลไหมเพราะตอนนี้ตัวเราไกลแต่ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจว่าหัวใจเราจะ “ยัง” ใกล้กัน
              

    “นอกจากบิงซูอยากกินอะไรอีกมั้ยล่ะ” โฟล์คยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนจะละเลงศีรษะจนผมฉันเละยิ่งกว่าเดิมอีกรอบ  “อยากไปไหน อยากกินอะไรก็สั่งมาเลยแล้วกัน  จะดูหนังด้วยมั้ยล่ะหรืออยากไปเดินเล่นตลาดนัดรถไฟตอนกลางคืน  อะไรที่คิดว่าทำแล้วสบายใจเธอก็บอก”
              

    “โอ้ยย ไอ้หมาโฟล์ค! ผมฉันเละไปหมดแล้วนะ” 


    ฉันปัดมือโฟล์คออกแล้วแหวใส่โฟล์คเสียงดัง  โฟล์คเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน  ถึงแม้จะขี้หงุดหงิดและกวนตีนไปบ้างในบางที  แต่ทุกครั้งที่ฉันต้องการใครสักคนโฟล์คก็จะคอยอยู่เคียงข้างฉัน 
              

    “ฮ่าๆ ความจริงเธอทำผมทรงนี้ก็ดีนะ” ไอ้หมาโฟล์คผละออกมาแล้วมองฉันอย่างกวนๆหลังจากรังสรรค์ทรงผมใหม่ให้ฉันเสร็จ  ฉันรีบยืดตัวส่องดูกระจก โอ้ยย มีใครให้กระเซิงกว่านี้อีกมั้ยคะ!
              

    “ไอ้บ้าโฟล์ค  คนยิ่งเศร้าๆอยู่จะกวนตีนให้มันได้อะไรยะ!” ฉันใช้มือสางผมปัดๆมารวมกันให้มันกลับมาดูดี  ในขณะที่โฟล์คกอดอกยิ้มอย่างร่าเริงให้ฉัน
              

    “จริงๆทรงเมื่อกี้นี่เธอสวยมากเลยนะ”
              

    “กวนนนนละ ~” ฉันหันไปโถมใส่โฟล์คแล้วขยี้ผมโฟล์คกลับ “เอาจริงๆทรงนี้นายก็หล่อนะ โพสต์ลงสื่อคงเกิดเลยอ่ะ เข้ากับนายดีนะพ่อเดือนวิศวะม.K ~” ฉันกับโฟล์คแกล้งขยี้ผมกันจนเละไม่เป็นทรงจนท้ายสุดต้องมาระเบิดเสียงหัวเราะใส่กัน ความจริงฉันรู้นะว่าโฟล์คกำลังพยายามทำให้ฉันยิ้ม  โฟล์คพยายามทำให้ฉันไม่เครียด ฉันบอกแล้วว่าไอ้หมาโฟล์คมันน่ารัก!!
              

    “โอเค กินบิงซูเสร็จแล้วจะไปไหนเธอคิดเอาไว้รึยัง”
              

    “ดูหนังกันมะฉันเบื่อๆ”
              

    “งั้นเธอก็เลือกรอบแล้วจองเลยแล้วกัน” 
              

    “เฮ้ยย แล้ววันนี้ไม่มีเรียนหรอ ลืมถามเลยอ้ะ” 
              

    “ไม่ถามตอนกลับบ้านเลยวะก็โดดมาให้แล้วนี่ไงยังจะอะไรอีกก” โฟล์คยื่นมือมาบิดแก้มฉันขณะที่ฉันทำตาโต 
    “ห้ะ~ คุณหนูกุญแจซอลล จะเอาอะไรจากผมอีกห้ะ”
              

    “เอ้ยย ถ้าต้องโดดเรียน  คราวหน้าถ้าฉันชวนนายก็ไม่ต้องมานะ!” 


    ฉันเรียนคลาสเช้าเสร็จแล้วไงฉันเลยไลน์ไปงอแงกับโฟล์คได้  แต่ฉันไม่ตั้งใจจะให้ไอ้หมาโฟล์คผู้แสนน่ารักต้องมาโดดเรียนเพราะอารมณ์แปรปรวนของฉันจริงๆ  ฉันรู้ว่าโฟล์คเรียนยาก ฉันไม่อยากให้โฟล์คต้องมาเสียการเรียนเพราะฉัน
              

    “ถ้ารู้สึกแย่อีกก็โทรมาแล้วกัน” โฟล์คไม่ตอบรับคำพูดฉันแต่กลับยื่นมือมาคลอนศีรษะฉันด้วยสีหน้ามึนๆ  โหยย นี่ต้องโดดเรียนแล้วยังขับรถถ่อมาหาฉันจากบางเขนอีก  ทำไมไอ้หมาโฟล์คถึงแสนดีนักนะ
               

    “โฟล์ค.. ขอบใจนะ” คนที่คอยดันหลังเวลาฉันเสียใจทุกครั้งคือโฟล์ค โฟล์คคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
               

    “อืม ไม่อยากให้คิดมาก  ถ้าไม่อยากอยู่คนเดียวก็โทรมาล่ะ”
               

    ถ้าโฟล์คเป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุดของฉัน  บางทีพี่มิ้นต์คนนั้นอาจจะเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดกับพี่มิณทร์ก็ได้  


    ฉันหวังเอาไว้แบบนั้น..




    (LOADING 100%)
     

     



              
    ❤❤❤

    TALK 3
    ความไกลมันน่ากลัว
    กลัวหัวใจคนไกลจะเปลี่ยนไป..
    โอยยยยย กลัวใจพี่มิณทร์



    ❤❤
    TALK 2
    โอ้ยยยยยย คำก็มิ้นต์ สองคำก็มิ้นต์
    เป็นใครก็คิดป่ะวะพี่มิณณณณณทร์
    พูดไรไม่คิดดดดดดด 
    นี่ถ้าเสียเมียจะสมน้ำหน้าให้เลยนะ!
    สงสารหนูซอลอ่ะ T^T
     


    TALK 1
    หัวใจของคนที่รอก็ต้องไหวสั่นเป็นธรรมดา
    ตอนจบของความรักไม่มีใครรู้หรอก
    แต่ถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอ
    ตอนจบก็จะเป็นอย่างที่เราต้องการ

    มาสาระว่ะวันนี้ 555+


      
    รักส์
     

     



    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     


     


     


     

     

     

     


     

     


     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×