คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : ความหวั่นใจ
“แล้วเพื่อนที่ไหนมันใกล้ชิดกันขนาดนี้ล่ะ..”
SOL SAID
EP 32: ความหวั่นใจ
SOL’S TALK
2 เดือนต่อมา, ถนนสุขุมวิท
‘ดูแลตัวเองดีๆนะ คนที่อยู่ทางนั้น คนทางนี้ยังคิดถึงกัน
เหมือนอย่างเดิมไม่เคยเปลี่ยน อากาศกลางคืนมันหนาว
ก็ห่มผ้านอนก่อนหลับฝัน ถ้าเธอเหงาให้คิดถึงกัน
เหมือนอย่างฉัน.. คิดถึงเธอ..’
กริ๊กกกก
‘เพราะฉันห่างเหลือเกิน เพราะฉันอยู่แสนไกล
บอกตรงๆหัวใจฉันยังหวั่น
ก็ยังห่วงว่ารักจริงอาจจะแพ้ใกล้ชิดกัน
อาจจะทำทุกอย่าง เ ป ลี่ ย น ไป’
กริ๊กกกกกกก
‘ อดทนได้ไหม.. ช่วยกันดีไหมเธอ
อดทนกับความเหงาที่เราต้องเจอ
ถ้าเมื่อไรเริ่มเหนื่อย หรือหัวใจเริ่มห่าง
อย่าลืมว่าฉันยังรักและรอเธอ’
“โอ้ย กุญแจซอล พอซักทีได้ป่าววะ!”
ไอ้หมาโฟล์คหันมาน้ำลายฟูมปากใส่ฉันอย่างหงุดหงิดขณะที่ฉันก็เอาแต่กดเลือกเพลงที่กำลังอินจากในไอพอดไปเรื่อยๆ เรียก ว่าฉันกำลังทำเอ็มวีกับเพลงไหนอยู่ โฟล์คเป็นต้องได้ฟัง
“งั้นจะฟังเพลง ‘ คิดถึง’ ของ peacemaker อีกรอบป่ะล่ะ”
“อันนั้นฟังวนตั้งแต่ติดไฟแดงแรกแล้วป่ะ”
“งั้นเพลง ‘กอดหน่อยได้ไหม’ ของพลพลล่ะ?”
“อันนั้นเธอฮัมเพลงนี้ให้ฉันฟังตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว เฮ้ย! เลิกทำตัวเหมือนหมาถูกทิ้งซะทีพี่มิณทร์ก็แค่ไปทำงานที่เขื่อนเองป่ะ??” โฟล์คหันมาแยกเขี้ยวใส่ฉันอีกครั้งด้วยสีหน้าเซ็งๆ หนอยย ไอ้หมาขาดวัคซีน! ทำไมฉันเข้าโหมด ‘เหงา’ แค่นี้ถึงชอบเบรกจัง
“ก็ฉันคิดถึงพี่มิณทร์อ่ะ!!”
“เธอคิดถึงแล้วฉันมาเกี่ยวอะไรวะ ทำไมฉันต้องทนฟังเพลงน้ำเน่าแล้วต้องดูเธอทำหน้าเหงาประกอบเอ็มวีด้วย ทีหลังถ้าจะเรียกให้มารับแล้วต้องให้ฉันมาทนฟังทีหลังถ้าจะเรียก grab taxi หรือไม่ก็อูเบอร์ดีกว่านะ”
“โฟล์ค! เพื่อนเหงา อย่าใจตุ๊ดนักได้ป่ะ?”
“เหงาก็อุตส่าห์มาหาแล้วไงวะ แล้วเธอจะเอาอะไรอีก” โฟล์คหันหน้าไปขับรถต่อหน้าหงิก นี่ถ้าหมาโฟล์คเป็นผู้หญิงฉันจะสันนิษฐานว่ามันเป็นเมนส์! คือไร.. แค่ฉันพร่ำพรรณนาคิดถึงพี่มิณทร์ให้ฟังแค่นี้ ขัดจัง!!
“แล้วนี่หงุดหงิดอะไรอ่ะ”
ฉันรู้ว่าถ้าโฟล์คหงุดหงิดต้องง้อด้วยการทำเสียงอ่อย ฉันทำเป็นหงอยมองออกไปนอกรถพร้อมกับแรงผลักแรงๆจากน้ำมือไอ้หมาโฟล์คที่เอื้อมข้ามมาผลักศีรษะฉันหนักๆ
“ไม่ต้องทำมาจ๋อยเปลี่ยนเรื่องเลยนะ”
“เออ ถ้าหงุดหงิดนักก็ปล่อยฉันให้อยู่คนเดียวก็ได้ ต่อไปจะไม่โทรกวนแล้ว เคป่ะ?”
ตั้งแต่พี่มิณทร์ไม่อยู่ฉันก็โทรไปงอแงให้โฟล์คขับรถมาหาหลายครั้ง แม้เราจะเรียนคนละที่กันแต่โฟล์คก็ยอมขับรถมาหาฉันทุกครั้งที่โทรไป คือตั้งแต่เปิดเทอมมาจะสองเดือนทุกครั้งที่ฉันโทรไปโฟล์คก็จะยอมตามใจขับรถมาหาฉันทุกครั้ง โฟล์คจะมาหาฉันในชุดเสื้อช็อปวิศวะสีแดงเลือดหมูโลโก้เดียวกับพี่มิณทร์ โฟล์คเป็นน้องสายรหัสของพี่มิณทร์เพราะฉะนั้นจึงมีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน
“เฮ้ย อย่าเฉไฉงอนเปลี่ยนเรื่องได้ป่ะ?” โฟล์คกอดอกหันมามองฉันอีกครั้งด้วยแววตาอ่อนลง “แล้วนี่ตกลงจะกินไร คิดมาแล้วใช่มั้ยขับรถมาไกล นี่หิวนะ”
ประโยคปลายเปิดกับเสียงอ่อยๆช่วงหลังทำให้ฉันรู้ว่าไอ้หมาโฟล์คกำลังง้อฉันกลายๆ ฉันรู้ว่าฉันแกล้งทำเป็นงอนได้ไม่เท่าไหร่.. โฟล์คก็จะยอมตามใจฉันทุกครั้ง
“บิงซู..”
“ไปสยามตอนนี้รถติดนะไหนจะหาที่จอดอีก หากินอะไรใกล้ๆก่อนมั้ยล่ะ”
“อยากกินไอติมแม็คอ่ะ”
“เออ เดี๋ยวขับผ่านโลตัสจะแวะแม็คไดร์ฟทรูให้ นี่แน่ใจนะว่ากินไอติมไปแล้วจะกินบิงซูไหวน่ะ?”
“ก็ถ้าไม่หมด.. นายก็ช่วยกินเหมือนเดิมได้ป่ะ”
“โอเคตามใจนายหญิงเลยครับ อยากจะกินอะไรไปไหนอีกไหมสั่งมาเลยทีเดียว”
“อยากไปลำพูน.. พาไปได้มั้ยล่ะ”
“ตลกละ! นั่งนิ่งๆเดี๋ยวซื้อช็อคโกแลตซันเดย์ให้สองถ้วยเลย จบนะ?” แล้วสุดท้ายก็จบลงที่ฉันนั่งทำปากขมุบขมิบอยู่ในรถโฟล์คที่ไหลตามกระแสรถติดของถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ จะบ่ายแล้ว.. อากาศยังร้อนจัด โฟล์คขับรถฝ่าอภิมหารถติดจากแถวบางเขนมาหาฉันที่มหาลัยโดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ ทั้งๆที่ฉันแค่ไลน์ไปหาโฟล์คสั้นๆว่า
‘เหงา.. มาหาหน่อย’
สวัสดีค่ะ แม็คโดนัลไดร์ฟทรูจะรับอะไรดีคะ..
รถซูปราสีบรอนซ์เงินของโฟล์คค่อยๆแซะออกจากกลุ่มรถติดก่อนจะเลี้ยววนเข้าไปในห้างโลตัสก่อนจะตัดออกข้างๆเพื่อไปใช้บริการแม็คไดร์ฟทรูเพื่อสั่งช็อกโกแลตซันเดย์ให้ฉัน
“เอาช็อคโกแลตซันเดย์สองถ้วยครับ.. เธอจะเอาไรอีกป่ะ?” ประโยคหลังโฟล์คหันมาถามฉัน ฉันส่ายหน้าเบาๆเพราะไม่ต้องการอะไรอีก ฉันแค่อยากกินของหวานเพื่อให้หัวมันเย็นเท่านั้น
“งั้นเอาช็อกโกแลตเย็นเพิ่ม แล้วก็น้ำเปล่าอีกขวดนึงครับ”
รายการที่สั่งเรียบร้อย รบกวนไปที่ช่องชำระเงินและรอรับอาหารสักครู่ค่ะ..
ขณะที่ซูปราสีบรอนซ์เงินค่อยๆวนไปเทียบที่ช่องชำระเงิน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คข้อความในไลน์อีกครั้ง ข้อความของฉันที่ถูกส่งไปหาพี่มิณทร์ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่มีวี่แววของการถูกเปิดอ่าน ฉันพยายามโทรไปหาแต่ปลายทางไม่มีสัญญาณ นี่ฉันต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ?
GUNJAE_SOL พี่มิณทร์ทำอะไรอยู่คะ 10:25 PM
GUNJAE_SOL ซอลติดต่อพี่มิณทร์ไม่ได้เลย 1:10 PM
GUNJAE_SOL ถ้าได้รับข้อความซอลแล้ว โทรมาหาซอลหน่อยนะคะ1:30 PM
กว่าสองเดือนที่พี่มิณทร์ไปทำงานที่เขื่อน.. แล้วเราต้องห่างกัน ไม่มีสักวันที่ฉันจะนอนหลับสนิทได้เต็มคืน แรกๆเราก็ยังติดต่อกันได้อยู่แต่พอนานๆเข้าก็กลายเป็นเวลาเราไม่ตรงกัน สาบานว่าเรายังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันนะ..
พี่มิณทร์ใช้เวลาอยู่ในไซต์งานเกือบทั้งวัน แรกๆก็สนุกอยู่หรอกที่พี่มิณทร์กลับมาเล่าเรื่องแปลกใหม่ให้ฉันฟังทุกวัน แต่ในทุกเรื่องราวของแต่ละวันนั้นฉันกลับได้ยิน “ชื่อๆ”นึงที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตพี่มิณทร์ออกจากปากพี่มิณทร์มากขึ้นเรื่อยๆ และฉันไม่ชอบมัน..
“มิ้นต์”
ชื่อที่ฉันเกลียดที่สุด แต่ฉันกลับได้ยินมันหลุดออกมาจากปากพี่มิณทร์เรื่อยๆทำไมกันนะ?
“ซอล..เป็นไรรึเปล่าน่ะ” เสียงของโฟล์คดึงฉันออกมาจากภวังค์ก่อนจะส่งต่อถ้วยช็อกโกแลตซันเดย์มาให้ฉัน ฉันรับมาถือไว้ในมือ “ทำหน้างั้น เป็นไร?”
“ไม่มีอะไร แล้วนี่เล่นซื้อมาสองถ้วย แล้วจะกินยังไงอ่ะ”
ฉันพยายามไม่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเพราะไม่อยากจะตอกย้ำ ฉันแสร้งถามกลับไปยังถ้วยช็อกโกแลตซันเดย์ของโฟล์คที่ถือแช่อยู่ในมือแต่โฟล์คกลับยื่นถ้วยซันเดย์ส่งให้ฉัน
“ถามงี้จะป้อนมั้ยล่ะ?” โฟล์คหรี่ตามองฉันก่อนจะฉกถ้วยซันเดย์กลับแล้วยกช้อนตักซันเดย์เข้าปากด้วยสีหน้าชิลๆ สงสัยไอ้หมาโฟล์คจะกินน้ำตาลไปเยอะถึงว่าดุจัง..
ฉันเอาแต่ใช้ช้อนคนๆถ้วยซันเดย์จนละลายเป็นน้ำอยู่แบบนั้น อยากกินนะแต่กินไม่ลง ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจฉันหายไป ตอนนี้พี่มิณทร์อยู่ไหน พี่มิณทร์กำลังทำอะไร ฉันไม่รู้เลย.. ถ้าอีกสองสามวันฉันยังติดต่อเขาไม่ได้ฉันถ่อไปหาเขาที่ลำพูนเลยดีรึเปล่านะ?
“เป็นไรไปอีกอ่ะทะเลาะกับพี่มิณทร์มารึไง” และเป็นอีกครั้งที่โฟล์คสามารถอ่านใจฉันได้เป๊ะเลย ฉันก้มหน้าใช้ช้อนคนซันเดย์วนไปวนมาโดยที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
“โฟล์ค.. ฉัน”
“เธอรู้ป่าวว่างานของพวกที่ออกไซต์ต่างจังหวัดส่วนมากทำงานไม่เป็นเวลา บางทีก็ติดต่อยาก แต่งานก็คืองานป่ะ?”
โฟล์คเหมือนรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจฉันเพราะโฟล์คก็เลือกเรียนวิศวะเลือดสีเดียว กับพี่มิณทร์ จบไปก็คงเลือกสายงานที่ไม่ต่างจากพี่มิณทร์ ฉันอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาแก้ต่างให้กัน
“นายรู้มะ.. หลายวันมานี้ฉันได้ยินพี่มิณทร์พูดถึงผู้หญิงที่ชื่อ ‘มิ้นต์’ บ่อยเลย” ฉันระบายออกมาในที่สุด.. เพราะครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อนี้ก็เล่นเอาชะงักไปเหมือนกัน
“ห้ะ?” โฟล์คก็มีท่าทีชะงักไม่ต่างกับฉัน “มิ้นต์ที่ว่าเนี่ย มิ้นต์ไหน เอาให้เคลียร์”
“ไม่ใช่พี่มิ้นท์แฟนเก่าพี่มิณทร์หรอกน่ะ”
“แล้วมิ้นต์ไหนอีกวะ?”
“มิ้นต์คนนี้ก็จบโยธาเพื่อนที่ทำงานของพี่มิณทร์” ฉันใช้ช้อนบี้ช็อกโกแลตที่เกาะเป็นก้อนอยู่ตรงก้นถ้วยแรงๆ “ได้ยินพี่มิณทร์บอกว่าเป็นเพื่อนใหม่..แล้วสนิทกัน”
“เพื่อนที่ไซต์งานอ่ะนะ”
“อืม” ฉันได้ยินพี่มิณทร์พูดถึงชื่อนี้ตั้งแต่วันแรกๆที่ไปถึงเลย ตอนแรกฉันก็ไมติดใจแต่พอไปๆมันยิ่งหนัก “เป็นเพื่อนผู้หญิงที่จบโยธาเหมือนกัน”
“ก็เป็นแค่เพื่อนกันป่ะ?”
“เพื่อนนะ.. พี่มิณทร์บอกว่าเป็นเพื่อน” ทั้งๆที่ในใจฉันตะโกนสุดเสียงว่าไม่ใช่
“ก็ถ้าแค่เพื่อนแล้วเธอจะคิดมากอะไร”
แล้วเพื่อนที่ไหนมันใกล้ชิดกันขนาดนี้ล่ะ.. ปากก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันแต่ภาพที่เห็นทำเอาหัวใจฉันบีบรัดจนจะขาดรอนๆ ถ้าเป็นแค่เพื่อนแล้วทำไมถึงได้ดูใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้ล่ะ
“ซอลขา นี่มิ้นต์เพื่อนพี่ค่ะ”
ผู้หญิงหน้าตาน่ารักผมยาวเคลียบ่าโผล่เข้ามาแนะนำตัวระหว่างฉันกำลังวีดีโอคอลกับพี่มิณทร์ในวันแรกที่ไปถึง เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสวย ผิวขาว หน้าตาดี แววตาเด็ดเดี่ยว แต่ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก..
“น้องซอลสวัสดีค่ะ” คนที่ชื่อมิ้นต์โผล่เข้ามาในกล้องโบกมือทักทายฉันหลังจากพี่มิณทร์แนะนำเสร็จ ความสงสัยแรกของฉันก็คือ ..ทำไมพวกเขาถึงอยู่ด้วยกัน..
“นี่มิ้นต์เพื่อนที่ทำงานพี่ค่ะ” พี่มิณทร์แนะนำคนข้างๆกับฉันขณะที่ผู้หญิงคนนั้นยังโบกมือทักทายฉันหยอยๆ โอเค ไม่มีอะไรเขาแค่เพื่อนกัน
“มิณทร์ เดี๋ยวคุยเสร็จแล้วไปเรียกเราที่ห้องนะ”
“เคๆ ลิสต์มาแล้วกันว่าอยากซื้ออะไรเดี๋ยวพาไปซื้อ”
ฉันยิ่งงงหนักขึ้น นี่ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่านะ?
“ซอลขา ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะพี่มาถึงแคมป์แล้ว ที่นี่สัญญาณอาจมีบ้างไม่มีบ้างแต่ไม่ต้องห่วงพี่โทรหาหนูแน่ค่ะ”
“แล้วพี่มิณทร์ทานอะไรรึยังคะ”
“ยังค่ะ เดี๋ยวว่าจะออกไปหาอะไรทานข้างนอกกับมิ้นต์เพราะเดี๋ยวต้องพามิ้นต์ไปซื้อของด้วย โอ้ยย อย่าให้เหลาเรื่องมันยาวค่ะ!” ถึงจะยาวแค่ไหนแต่ฉันก็อยากฟัง ฉันห่างกับเขาเกือบ ๗๐๐ กิโลนะไม่ใช่บ่นว่าคิดถึงแล้วจะไปหาเห็นหน้ากันได้ง่ายๆ ตอนนี้ก็มีแค่ “เสียง” กับภาพจากวีดีโอคอลเท่านั้นที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจฉัน
“เพิ่งเจอกันวันนี้หรอคะ..”
“ช่ายยยค่ะ”
“แปลกดีนะคะ ทำไมดูสนิทกันจังเลย”
“อ๋อ ก็เรียนจบมารุ่นๆเดียวกันน่ะค่ะ เออ ซอลคะเดี๋ยวค่ำๆพี่โทรมาหาใหม่แถวต่างจังหวัดร้านค้าปิดเร็วเดี๋ยวพี่ต้องออกไปซื้อของก่อน เดี๋ยวพี่โทรมากู๊ดไนท์หนูอีกทีนะคะ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่มิณทร์แนะนำให้เรารู้จักกัน.. และหลังจากนั้นก็ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะไม่ได้ยินชื่อพี่มิ้นต์ออกมาจากปากพี่มิณทร์ พวกเค้าดูสนิทสนมกันมากเหมือนตัวติดกันยิ่งช่วงหลังพี่มิณทร์ต้องอยู่คุมเทปูนดึกๆดื่นๆทุกวันฉันยิ่งขาดการติดต่อกับพี่มิณทร์ แต่ในทุกครั้งฉันก็มักจะได้ยินเสียงหรือเรื่องของพี่มิ้นต์ในทุกครั้งที่พี่มิณทร์ต่อสายมาหาฉัน
“พี่มิณทร์ทานอะไรรึยังคะ” ฉันถามเขาในช่วงกลางดึกของคืนๆนึงที่พี่มิณทร์เพิ่งกลับมาจากไซต์งานแล้วโทรมา
“โหยย ยังเลยยยค่ะ แต่พี่บอกให้มิ้นต์ต้มมาม่าเผื่อพี่แล้วค่ะหิวชะมัดวันนี้” แล้วพี่มิณทร์ก็คงไม่สังเกตสีหน้าเจื่อนๆของฉัน ดีนะ.. เป็นแค่เพื่อนกันแต่ได้ดูแลแฟนฉันมากกว่าฉันอีก ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนหัวใจมันบีบรัด
“ซอลขาา คืนนี้พี่อาจไม่โทรไปเพราะเดี๋ยวเลิกงานพี่จะไปกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆนะคะ”
“อ้าวว หรอคะ”
“หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเพราะมิ้นต์ไปด้วย ยังไงถ้าพี่เมาเป็นหมามีคนลากพี่กลับแน่ค่ะ” แล้วพี่เคยเห็นน้ำตาของซอลมั้ยคะ.. ตอนนี้มันท่วมขังอยู่ในใจจนเจิ่งนองไปหมดแล้ว ทำไมคนที่ได้อยู่ข้างๆคอยดูแลพี่มิณทร์มันกลับไม่ใช่ฉันกันนะ?
ฉันต้องทนฟังพี่มิณทร์พูดชื่อพี่มิ้นต์ออกมาจากปากทุกวัน หมดมิ้นท์คนนั้นฉันก็ต้องมาเจอมิ้นต์คนนี้ นี่ชีวิตฉันจะแพ้แต่คนชื่อมิ้นต์ตลอดเลยรึไงนะ
“ซอล ไหวป่ะ?”
โฟล์คเอื้อมมือมาจับไหล่ฉัน ให้ตายเถอะ.. พอรู้สึกตัวอีกทีฉันก็ปล่อยความคิดเพลินจนโฟล์คขับรถมาจอดแถวสยามเรียบร้อยแล้ว โฟล์คกำลังมองอย่างเป็นห่วงฉัน
“ฉันไม่เป็นไร ฉันโอเคน่ะ” ฉันก้มลงมองถ้วยช็อกโกแลตซันเดย์ในมือตัวเอง เนื้อไอศกรีมละลายเป็นน้ำไปหมด และฉันก็ยังไม่ได้กินมันสักคำ
“ฉันว่าคราวนี้เธอน่าจะหนักเอาการนะ” โฟล์คฉวยถ้วยซันเดย์ไปจากมือฉันก่อนจะถอนหายใจน้อยๆแล้วเอนหลังพิงลงกับพนักโดยยังไม่ดับเครื่อง สายตาของโฟล์คสบตรงมาที่ฉัน “ไม่ไหวก็บอกนะ”
บางทีคำพูดแค่เพียงหนึ่งคำก็สามารถทำลายกรอบความเข้มแข็งให้พังทลายได้หมด ฉันน้ำตาหล่นทันทีที่โฟล์คพูดคำนั้น.. มันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามอดกลั้นกลับพังทลายลงมาไม่มีชิ้นดี ฉันคิดเรื่องนี้จนปวดหัวและก็ได้แต่กังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นซ้ำๆ
“โฟล์ค.. ฉันไม่ไหว”
ความรักที่ฉันมีต่อพี่มิณทร์ทำให้ฉันอ่อนแอเกินไป เพียงแค่คิดว่าข้างกายเขามีใครหัวใจฉันก็แทบจะรับไม่ไหวแล้ว ฉันเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ไหนพี่มิณทร์บอกกับฉันก่อนไปว่าเราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกัน
ภายในรถที่เงียบสนิทมีแต่เพียงเสียงสะอื้นของฉันเท่านั้น.. โฟล์คไม่พูดอะไรสักคำ โฟล์คเอาแต่นั่งฟังเสียงร้องไห้ของฉันอย่างเงียบๆ บางทีช่วงเวลาที่เราเจ็บปวดทีสุดเราก็เพียงต้องการแค่ใครสักคนที่อยู่ข้างๆแค่นั้น
“บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะ”
ฉันรู้สึกถึงมือหนาที่ลูบปลอบอยู่บนศีรษะอย่างอ่อนโยน น้ำหนักของฝ่ามือให้ความรู้สึกปลอบประโลมจนทำให้น้ำตาฉันรื้นขึ้นมาอีกครั้ง “เธอคิดมากไปรึเปล่า พี่มิณทร์บอกเองไม่ใช่หรอว่าเป็นแค่เพื่อน”
ฉันก็หวังให้เป็นแบบนั้น..
“เธอกลัวพี่มิณทร์จะหวั่นไหวไปกับคนอื่นใช่มั้ยล่ะ? ฉันบอกเธอตรงนี้เลยนะว่าพี่รหัสฉันโคตรหวงเธอเลย พี่มิณทร์รักเธอนะ”
“นายรู้ได้ไงอ่ะ..” โฟล์คอึกอักแต่ก็ไม่ได้บอกฉันว่ารู้ได้ยังไง การร้องไห้ระบายออกมาทำให้ฉันรู้สึกโล่งขึ้นมานิดหน่อยทั้งที่หัวใจยังปวดหนัก
“เออ เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกัน” คราวนี้โฟล์คขยี้มือละเลงศีรษะฉันหนักๆจนผมฉันเละไม่เป็นทรงไปเลย “เขายังไม่ได้นอกใจเธอซะหน่อย เธอจะชิงร้องไห้ทำไมวะ”
ก็ฉันมีสิทธิคิดมั้ยอ่ะ.. พูดมาแต่ละคำมีชื่อพี่มิ้นต์ประกอบไปซะหมดเลย ฉันมีสิทธิกังวลไหมเพราะตอนนี้ตัวเราไกลแต่ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจว่าหัวใจเราจะ “ยัง” ใกล้กัน
“นอกจากบิงซูอยากกินอะไรอีกมั้ยล่ะ” โฟล์คยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนจะละเลงศีรษะจนผมฉันเละยิ่งกว่าเดิมอีกรอบ “อยากไปไหน อยากกินอะไรก็สั่งมาเลยแล้วกัน จะดูหนังด้วยมั้ยล่ะหรืออยากไปเดินเล่นตลาดนัดรถไฟตอนกลางคืน อะไรที่คิดว่าทำแล้วสบายใจเธอก็บอก”
“โอ้ยย ไอ้หมาโฟล์ค! ผมฉันเละไปหมดแล้วนะ”
ฉันปัดมือโฟล์คออกแล้วแหวใส่โฟล์คเสียงดัง โฟล์คเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ถึงแม้จะขี้หงุดหงิดและกวนตีนไปบ้างในบางที แต่ทุกครั้งที่ฉันต้องการใครสักคนโฟล์คก็จะคอยอยู่เคียงข้างฉัน
“ฮ่าๆ ความจริงเธอทำผมทรงนี้ก็ดีนะ” ไอ้หมาโฟล์คผละออกมาแล้วมองฉันอย่างกวนๆหลังจากรังสรรค์ทรงผมใหม่ให้ฉันเสร็จ ฉันรีบยืดตัวส่องดูกระจก โอ้ยย มีใครให้กระเซิงกว่านี้อีกมั้ยคะ!
“ไอ้บ้าโฟล์ค คนยิ่งเศร้าๆอยู่จะกวนตีนให้มันได้อะไรยะ!” ฉันใช้มือสางผมปัดๆมารวมกันให้มันกลับมาดูดี ในขณะที่โฟล์คกอดอกยิ้มอย่างร่าเริงให้ฉัน
“จริงๆทรงเมื่อกี้นี่เธอสวยมากเลยนะ”
“กวนนนนละ ~” ฉันหันไปโถมใส่โฟล์คแล้วขยี้ผมโฟล์คกลับ “เอาจริงๆทรงนี้นายก็หล่อนะ โพสต์ลงสื่อคงเกิดเลยอ่ะ เข้ากับนายดีนะพ่อเดือนวิศวะม.K ~” ฉันกับโฟล์คแกล้งขยี้ผมกันจนเละไม่เป็นทรงจนท้ายสุดต้องมาระเบิดเสียงหัวเราะใส่กัน ความจริงฉันรู้นะว่าโฟล์คกำลังพยายามทำให้ฉันยิ้ม โฟล์คพยายามทำให้ฉันไม่เครียด ฉันบอกแล้วว่าไอ้หมาโฟล์คมันน่ารัก!!
“โอเค กินบิงซูเสร็จแล้วจะไปไหนเธอคิดเอาไว้รึยัง”
“ดูหนังกันมะฉันเบื่อๆ”
“งั้นเธอก็เลือกรอบแล้วจองเลยแล้วกัน”
“เฮ้ยย แล้ววันนี้ไม่มีเรียนหรอ ลืมถามเลยอ้ะ”
“ไม่ถามตอนกลับบ้านเลยวะก็โดดมาให้แล้วนี่ไงยังจะอะไรอีกก” โฟล์คยื่นมือมาบิดแก้มฉันขณะที่ฉันทำตาโต
“ห้ะ~ คุณหนูกุญแจซอลล จะเอาอะไรจากผมอีกห้ะ”
“เอ้ยย ถ้าต้องโดดเรียน คราวหน้าถ้าฉันชวนนายก็ไม่ต้องมานะ!”
ฉันเรียนคลาสเช้าเสร็จแล้วไงฉันเลยไลน์ไปงอแงกับโฟล์คได้ แต่ฉันไม่ตั้งใจจะให้ไอ้หมาโฟล์คผู้แสนน่ารักต้องมาโดดเรียนเพราะอารมณ์แปรปรวนของฉันจริงๆ ฉันรู้ว่าโฟล์คเรียนยาก ฉันไม่อยากให้โฟล์คต้องมาเสียการเรียนเพราะฉัน
“ถ้ารู้สึกแย่อีกก็โทรมาแล้วกัน” โฟล์คไม่ตอบรับคำพูดฉันแต่กลับยื่นมือมาคลอนศีรษะฉันด้วยสีหน้ามึนๆ โหยย นี่ต้องโดดเรียนแล้วยังขับรถถ่อมาหาฉันจากบางเขนอีก ทำไมไอ้หมาโฟล์คถึงแสนดีนักนะ
“โฟล์ค.. ขอบใจนะ” คนที่คอยดันหลังเวลาฉันเสียใจทุกครั้งคือโฟล์ค โฟล์คคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
“อืม ไม่อยากให้คิดมาก ถ้าไม่อยากอยู่คนเดียวก็โทรมาล่ะ”
ถ้าโฟล์คเป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุดของฉัน บางทีพี่มิ้นต์คนนั้นอาจจะเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดกับพี่มิณทร์ก็ได้
ฉันหวังเอาไว้แบบนั้น..
(LOADING 100%)
❤❤❤
TALK 3
ความไกลมันน่ากลัว
กลัวหัวใจคนไกลจะเปลี่ยนไป..
โอยยยยย กลัวใจพี่มิณทร์
❤❤
TALK 2
โอ้ยยยยยย คำก็มิ้นต์ สองคำก็มิ้นต์
เป็นใครก็คิดป่ะวะพี่มิณณณณณทร์
พูดไรไม่คิดดดดดดด
นี่ถ้าเสียเมียจะสมน้ำหน้าให้เลยนะ!
สงสารหนูซอลอ่ะ T^T
❤
TALK 1
หัวใจของคนที่รอก็ต้องไหวสั่นเป็นธรรมดา
ตอนจบของความรักไม่มีใครรู้หรอก
แต่ถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอ
ตอนจบก็จะเป็นอย่างที่เราต้องการ
มาสาระว่ะวันนี้ 555+
รักส์
❤
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็น