คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : คำสัญญา
“ไหนหันหน้ามาสบตาพี่หน่อยสิคะ คนดีของพี่” ”
MIN SAID
EP 29: คำสัญญา
SOL’S TALKS
มาจนได้..
ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองจะขาดรอนๆ
เมื่อคืนฉันนอนร้องไห้จนปวดหัวไปหมด จมูกก็เต็มไปด้วยน้ำมูก.. ใบหน้าก็เกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำตา หายใจก็ไม่ค่อยออกแถมดูภายนอกฉันก็ร้องไห้จนหน้าเยินไปหมด ฉันจิกมือขยุ้มลงบนอกข้างซ้ายแน่น
ทำไมถึงเหมือนจะขาดใจจัง..
ทั้งๆที่ฉันกับพี่มิณทร์ก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนะ เราบอกลากันร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันตกลงกับพี่มิณทร์ไว้ว่าจะไม่มาส่งแต่รู้ตัวอีกทีมือก็หยิบกุญแจแล้วก็สตาร์ทรถขับมาที่นี่แล้วทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้าอยู่ ฉันห้ามตัวเองไม่ไหว.. ฉันจะขาดใจเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะพัง
แหวนเพชรเม็ดน้อยบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉันยังส่องประกายพราวระยับอยู่เลย แหวนที่สวยและมีค่าที่สุดในโลก.. แต่ทำไมวันนี้ประกายความงามของมันวันนี้ถึงดูเจ็บปวดจังนะ ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบีบรัดจนเผลอขยุ้มมือจิกลงไปตรงตำแหน่งหัวใจหนักขึ้น ฉันร้องไห้จนหายใจไม่ออก ทำไมมันถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ..
“ดื้อมาจนได้นะคะ”
ประตูฝั่งข้างคนขับถูกเปิดขึ้นพร้อมกับกลิ่นกายหอมเย็นของพี่มิณทร์ที่โชยเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาแตะรอยยิ้มบางๆก่อนจะชะงักไป ฉันได้ยินเสียงพี่มิณทร์ถอนหายใจขณะที่ฉันได้แต่ก้มหน้างุดซ่อนรอยน้ำตา
“พี่ไม่ไปแล้วก็ได้นะคะ..” ร่างสูงโปร่งมุดตัวเข้ามาในรถก่อนจะปิดประตูลงแล้วทิ้งตัวนั่งข้างๆฉัน ท่ามกลางความเงียบงันฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งที่เกิดขึ้น ฉัน..ไม่อยากให้เขาไป ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำให้เขาลำบากใจ แต่ฉันก็แค่อยากเจอหน้าเขาก่อนไปก็เท่านั้นเอง ฉันขอเท่านั้นเองจริงๆนะ..
“นี่หนูร้องไห้มาตั้งแต่เมื่อคืนรึเปล่าคะ”
มือหนาของพี่มิณทร์เอื้อมมาบังคับจับไหล่ฉัน “ไหนหันหน้ามาสบตาพี่หน่อยสิคะ คนดีของพี่”
เรียวนิ้วของพี่มิณทร์ค่อยๆเชยคางฉัน ฉันพยายามยิ้มและห้ามน้ำตาตัวเองแล้วนะ..แต่พอสายตาเราสบกันไอ้ที่ฉันพยายามอดกลั้นมันกลับพังมากกว่าเดิมอีก แทนที่จะยิ้มกลับมีแต่น้ำตาที่ทะลักออกมาเท่านั้น เรียวคิ้วสวยของพี่มิณทร์ขมวดนิ่วเข้าหากันก่อนเขาจะค่อยๆไล้ข้อนิ้วเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“หนูร้องไห้ซะตาช้ำไปหมดแล้วค่ะ” มือหนาของพี่มิณทร์ไล่เช็ดหยดน้ำตาให้ฉันขณะที่ใบหน้าหล่อเหลากวาดสายตามองฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันพยายามหยุดอาการสะอื้นของตัวเอง แต่ยิ่งฉันพยายาม.. เสียงสะอื้นยิ่งดัง
“พี่มิณทร์จะไม่ทิ้งซอลไปใช่มั้ยคะ..” เสียงสะอื้นของฉันดังแทรกจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง ยิ่งฉันได้มองหน้าเขาใกล้ๆแบบนี้..หัวใจฉันยิ่งบีบรัด
“พี่ไม่มีวันทิ้งหนูค่ะ หนูจำไม่ได้หรอคะหนูคือเกียร์ของพี่” พี่มิณทร์ใช้สองมือประคองใบหน้าฉัน “พี่รักหนูนะคะ”
ยิ่งได้ยินคำว่ารัก.. ฉันยิ่งสะอื้นดังยิ่งกว่าเดิม รักแล้วทำไมเราต้องห่างกันไกล? โอเคฉันอาจเคยบอกกับเขาว่าฉันเข้าใจ แต่เอาตรงๆไหม? ฉันไม่เคยอยากเข้าใจอะไรทั้งนั้นเลย ทั้งๆที่เราเพิ่งจะได้รักกันเองนะ..
“ฮึกก พี่มิณทร์จะไม่มองใครนอกจากซอลใช่มั้ยคะ”
“ไม่มองค่ะ”
“พี่ต้องกลับมาหาซอล ฮึกก นะ.. คะ”
“พี่จะกลับมาหาหนูค่ะคนดีของพี่”
“พี่ห้ามมีคนอื่นนะคะ”
“ไม่มีแน่นอนค่ะ”
พี่มิณทร์ดูไม่เบื่อที่ต้องคอยตอบคำถามฉัน ถึงแม้ฉันจะพูดวนๆถามแบบเดิมซ้ำๆเขาก็ยังดูไม่โกรธ เขาเอาแต่คอยเช็ดน้ำตาให้ฉัน
“ซอลเอาแต่ใจกับพี่ขนาดนี้ พี่คงเบื่อซอลแล้วใช่มั้ยคะ?” ฉันสะอื้นหนักเพราะฉันงี่เง่ากับเขาแบบจัดหนักจัดเต็ม พี่มิณทร์ดูงงๆกับอาการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของฉันนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆแล้วยื่นมือมาลูบหัวฉัน
“พี่รักหนู พี่จะเบื่อหนูได้ไงล่ะคะ”
“ไม่จริงค่ะ”
“อ้าวว”
“พี่ต้องเบื่อซอลสิคะ ก็ซอลน่ะเอาแต่งี่เง่าแล้วก็เอาแต่ใจกับพี่” พูดแล้วฉันก็ปล่อยโฮอีกรอบจนพี่มิณทร์ต้องดึงฉันเข้าไปกอดปลอบอีกครั้ง
“โอ๋เอ๋ๆคนดีของพี่ พี่ไม่มีทางเบื่อหนูหรอกค่ะ” พี่มิณทร์กอดปลอบฉันก่อนจะโยกตัวไปมาเหมือนกอดปลอบเด็ก “ก็พี่รักหนู..เพราะหนูทั้งสวยด้วยเอาแต่ใจด้วยจำไม่ได้หรอคะ”
แต่ก่อนพี่มิณทร์เคยพูดล้อฉันประจำว่าฉันทั้งสวยด้วยเอาแต่ใจด้วยครบสูตร! แต่ใครที่ไหนจะบ้าตกหลุมรักผู้หญิงด้วยเหตุผลแบบนั้นกันล่ะ
“แล้วถ้าพี่มิณทร์ไปเจอคนใหม่ที่ทั้งสวยและเอาแต่ใจกว่าซอล พี่ก็จะไปหลงรักเขาด้วยใช่มั้ยล่ะ!”
“เอ้าา ซะงั้น” พี่มิณทร์หัวเราะร่วนไปกับความงี่เง่าของฉัน ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วล่ะที่ไม่ว่าอะไรก็รู้สึกหวงเขาเป็นบ้าเป็นหลังไปซะหมด ฉันกลัวพี่มิณทร์จะไปมองใครและที่กลัวไปกว่านั้นคือกลัวจะมีใครมาฉกหัวใจของพี่มิณทร์ เหมือนแต่ก่อนที่พี่มิ้นท์แย่งหัวใจพี่มิณทร์ไปจากฉัน
“ฮึกก”
ฉันเริ่มต้นร้องไห้ใหม่อีกครั้ง เหมือนวนไปจนสิ้นสุดแล้วฉันก็กลับมาทำซ้ำใหม่ทั้งหมดอีกรอบนึง ฉันก้มหน้าซ่อนหยดน้ำตาแล้วกำหมัดจิกปลายเล็บเข้ากับอุ้งมือตัวเองแน่น ฉันพยายามแล้วที่จะเข้มแข็งแต่ก็ดูมันจะยากเกินไป.. ฉันได้ยินเสียงพี่มิณทร์ถอนหายใจแต่ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเพราะมัวแต่ก้มหน้าอยู่
สิ่งที่ฉันเห็นผ่านม่านน้ำตาคือมือหนาของพี่มิณทร์เอื้อมมือมาจับมือฉันและพยายามแกะปลายเล็บที่กำลังจิกเป็นจ้ำแดงอยู่ที่อุ้งมือออกจากกัน
“ถ้าหนูจะจิกตัวเอง หนูจิกพี่ดีกว่าค่ะ” พี่มิณทร์คลายอุ้งมือที่กำลังจิกตัวเองแน่นของฉันไปกุมอยู่ในอุ้งมือหนาของเขาแทน เขาจับมือฉันแน่น “ถ้าหนูจะจิกตัวเองแรงๆให้มาลงกับพี่แทนนะคะ”
ใบหน้าหล่อเหลาของพี่มิณทร์โน้มลงมาใกล้ฉัน ฉันจะจิกเขาให้เจ็บได้ไงล่ะ ถ้าฉันจะทำให้เขาเจ็บ.. ฉันยอมเจ็บเองซะดีกว่า ฉันส่ายหน้าขณะที่มือหนาของพี่มิณทร์เปลี่ยนเป็นสอดเข้าไปหลังท้ายทอยแล้วกดศีรษะฉันให้จมลงไปกับแผ่นอกเขาแทน
“พี่มิณทร์..” เสียงฉันอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ขณะที่น้ำหูน้ำตาฉันเปื้อนแผ่นอกเขาจนมันชุ่มเปียกไปหมด มือใหญ่ลูบศีรษะฉันแผ่วเบาไปมาอย่างปลอบใจ พี่มิณทร์ไม่พูดอะไรนอกจากกอดฉันไว้แนบอก ฉันรู้สึกได้ถึงรอยจูบที่บรรจงจูบพรมบนศีรษะฉันซ้ำๆ
“แต่งงานกับพี่นะคะ”
"ซอลคิดถึงพี่มิณทร์.."
SOL SAID
เสียงกระซิบที่เหมือนความฝันทำให้อากาศภายในรถที่น้อยอยู่แล้วน้อยลงไปกว่าเดิมอีก จากเดิมที่ฉันปวดหนึบที่หัวใจแล้วก็หายใจไม่ค่อยออก กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกยิ่งกว่าเดิมอีก ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นผะแผ่ว กลิ่นอายของพี่มิณทร์หอมติดอยู่ปลายจมูกและกระจายฟุ้งอยู่ในรถ อ้อมอกอุ่นกกกอดฉันไว้แน่น ริมฝีปากบางสวยวนเวียนแตะรอยจูบและคลอเคล้าอยู่ข้างหู และไหนจะคำพูดที่หลุดออกมาจากปากพี่มิณทร์เมื่อกี้..
ฉันเหมือนตกอยู่ในความฝัน
“แต่งงานกันนะคะ” พี่มิณทร์กระซิบข้างหูฉันซ้ำอีกครั้งก่อนจะผละอ้อมกอดแล้วก้มลงมาสบตาฉันใกล้ๆ ดวงตาของเขาสะท้อนแต่ภาพของฉัน
“ยะ ยังไงนะคะ”
ฉันกระพริบตาปริบๆแล้วเพ้อตอบเขาอย่างงงๆ ก็เรากำลังจะห่างกันไกลวันนี้แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ทางข้างหน้าจะมีบทพิสูจน์อะไรรอเราไหม แต่ถ้าฉันฟังไม่ผิด.. เมื่อกี้พี่มิณทร์ชวนให้เราแต่งงานกัน
“แต่งงานกับพี่นะครับ” พี่มิณทร์จ้องลึกลงไปในแววตาฉันก่อนยกสองมือฉันขึ้นมาประทับรอยจูบ รอยจูบที่แผ่วเบา.. แต่แววตาและคำพูดกลับแน่นหนักและตอกลึกยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีสิทธิและเป็นเจ้าของหัวใจของพี่มิณทร์อย่างสมบูรณ์ ฉันทวนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง พี่มิณทร์กำลังขอแต่งงานกับฉัน
“พี่มิณทร์กำลังขอซอลแต่งงานหรอคะ?”
เขา.. เพิ่งเรียนจบ และฉันก็เพิ่งจะย่างเข้ายี่สิบในปีนี้ และสิ่งที่เกิดตรงหน้าฉันตอนนี้มันเหมือนตอนจบในนิยายที่ฉันเคยฝัน
“ไม่เชื่อหรอครับ?” พี่มิณทร์เปลี่ยนคำพูดท้ายประโยคจากคำว่า “คะ” เป็น “ครับ” ไล่ระดับตามความจริงจังและเป็นทางการที่เขากำลังประมวลผลอยู่ ฉันไม่คุ้นชินกับคำว่า “ครับ” ของพี่มิณทร์ เพราะปกติพี่มิณทร์จะพูดคะขากับฉันตามแบบฉบับผู้ชายเจ้าชู้ที่คุ้นชินกับผู้หญิงมาโดยตลอด คำว่า “ครับ” ของพี่มิณทร์ทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังเข้าสู่โหมดจริงจัง
“พี่เคยบอกซอลแล้วใช่มั้ยว่าพี่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับซอล พี่พูดจริงครับ”
ฉันรู้สึกหน้าเห่อร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตงน้ำตาปลิวหายไปหมด จากที่ร้องไห้มาทั้งคืนจนปวดหัวตุ๊บๆแต่ทุกอย่างเหมือนถูกหยุดไว้หลังจากฉันได้ยินประโยคนั้น
“รอจนกว่าพี่จะกลับมาได้มั้ยครับ”
ผู้ชายอย่าง มิณทร์ ปันณพัชร เป็นเหมือนหนังสือเล่มหนาที่ฉันไม่สามารถเดาตอนจบได้สักที พี่มิณทร์มีหลายเหลี่ยมมุมเกินกว่าฉันจะคาดเดา ภาพแรกที่ฉันเห็นคือเขาหล่อเหลา ขี้เล่น เจ้าชู้ อารมณ์ดีแต่นั่นก็เป็นแค่ภาพหน้าปกเท่านั้น พี่มิณทร์ของฉันมีหลายด้านที่ถูกซ่อนไว้อยู่ในตัว
บทเขาจะรัก.. เขาก็รักได้หวานที่สุด
เขาจูบได้อ่อนโยนที่สุด
เขารักฉันได้ละมุนที่สุด
และเขาคือที่สุดของที่สุดของคำว่ารัก..
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เร่าร้อนเหมือนไฟ ฉันเสพย์ติดสัมผัสของพี่มิณทร์ที่วาดบททำนองจนทุกคืนเร่าร้อนดั่งไฟ พี่มิณทร์ทำให้ฉันสำลักความสุขที่เขาปรนเปรอให้จนฉันแทบขาดใจกับบทเรียนรักทุกค่ำคืน
และอีกด้านนึงเขาก็แสนจะจริงจัง พี่มิณทร์เป็นผู้ชายที่มีความตั้งใจสูงในการกระโดดคว้าความฝัน เขาจริงจังและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาไม่แม้แต่จะแยแสในชื่อเสียงและบารมีของ “ปันณพัชร” สิ่งที่พี่มิณทร์ทำคือเขาเลือกที่จะพิสูจน์ตัวเอง กับความรักก็เช่นกัน..
“พี่แน่ใจหรอคะ”
“พี่แน่ใจทุกอย่างครับที่พี่พูด แต่งงานกับพี่นะ”
พี่มิณทร์กุมมือฉันขึ้นมาประทับรอยจูบอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยที่ฉันหลงรักกำลังจ้องมองฉันอย่างไม่คลาดสายตาและริมฝีปากหยักบางกำลังค่อยๆสลักรอยจูบแสนหวานแต่แผ่วเบาปานลมหายใจ บัดนี้.. ความห่างไกลที่ฉันเคยกลัวมันกลับเบาดั่งปุยนุ่น พี่มิณทร์ทำให้ฉันรู้ว่าความรักของเขาหนักแน่นและมั่นคงยิ่งกว่านั้น
“ซอลจะรอพี่ค่ะ”
สัมผัสแผ่วๆแต่ทว่าอ่อนหวานยามริมฝีปากเราสัมผัสกัน มันอ่อนโยนและดึ่มด่ำซ้ำยังทดแทนคำมั่นสัญญาที่เราสองคนมีต่อกันได้ดี จากนี้ไม่ว่าจะผ่านวันจรดเดือนหรือจรดปี.. ฉันก็จะรอแต่เขาเท่านั้น
“แต่พี่ไม่ถนัดปล้น พี่ถนัด “ปล้ำ” มากกว่าค่ะ”
MIN SAID
EP 30: ทดลองห่างบทที่ ๑
MIN’S TALKS
ถนนกาญจนาภิเษก
ผมขับรถออกจากกรุงเทพไปตามเส้นกาจนาภิเษกไปด้วยด้วยอาการใจลอยๆ มันวูบวาบๆไปหมดเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว งานนี้ใครจะปาด ใครจะเบียดเชิญบอกเลยนุ้งมิณทร์ไม่โกรธ ตอนนี้ใครจะไม้ไหนนุ้งมิณทร์ยอมหมด ผมส่องกระจกมองหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เขร้.. แม่งยิ้มโคตรกรุ้มกริ่มสัสอ่ะ
ผมเกลียดขี้หน้าตัวเองตอนนี้ชะมัด แม่งเอาแต่ยิ้มปัญญาอ่อนเหมือนคนบ้า ขนาดขับรถออกมาจากกรุงเทพตั้งนานยังเสือกยิ้มเหงือกบานหน้ากางเป็นกระด้งอยู่เลย เยดเข้ นี่กูมาถึงจุดๆนี้แล้วหรอวะ? คิดย้อนไปแล้วเขินสัส เชี่ยยยย ผมกล้าทำ!! และที่สำคัญผมทำลงไปแล้วด้วยกับการขอหญิงแต่งงานครั้งแรกในชีวิต
ผมขอกุญแจซอลแต่งงาน
ความจริงถ้าผมจับซอลยัดใส่ปากแล้วแอบอมเอามาที่เขื่อนได้ผมคงทำไปแล้ว เกิดมาดูโลกตั้งหลายปีพูดได้ว่าตอนนี้ผมติดเมียสัสอ่ะ..
“ซอลจะรอพี่ค่ะ”
ใจผมยังเต้นตึกตักเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆที่ค่อยๆพยักหน้าตอบรับคำขอแต่งงานของผมอยู่เลย นี่คิดแล้วก็แทบอยากยูเทิร์นรถกลับไปฟัดเมียที่แสนงอนอีกสักรอบสองรอบ ตอนนี้ผมกับซอลโคตรของโคตรจะรู้สึกอินเลิฟเหมือนคนที่เพิ่งจีบกันใหม่ๆเลยว่ะ
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจอคนที่ใจตรงกัน จูนกันติด ทุกเรื่องทุกความรู้สึกขนาดนี้ ตอนนี้ผมมั่นใจพันล้านเปอร์ เซ็นต์ว่ากุญแจซอลคือ “เกียร์” เพียงหนึ่งเดียวที่ผมตามหา ผมหลงทางไปอยู่นานเพื่อที่จะกลับมาค้นพบทีหลังว่าเนื้อคู่ที่ผมตามหามายืนอยู่ตรงหน้าและรอผมนานแสนนานมาแล้ว
แต้มบุญสูงขนาดนี้.. อย่าลืมทำสังฆทานรัวๆวันวาเลนไทน์กันนะจ๊ะ
และขณะอำนาจแห่งการหลงเมียกำลังเข้าครอบงำ พลังอำนาจสีชมพูฟรุ้งฟริ้งก็เข้ามาครอบงำสติผมอย่างเต็ม
สตรีม ผมหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นขึ้นมาดูแล้วก็ต้องยิ้มฉีกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นกุญแจซอลโทรมา
หุยยย เนี่ยกำลังคิดถึงๆอยู่เมียก็โทรมาหาเลยอ้ะ ~~
(พี่มิณทร์ถึงไหนแล้วคะ)
เสียงหวานๆที่ติดจะดูแสนงอนเล็กๆโทรเข้ามาเพื่อเปลี่ยนถนนสองเลนที่เต็มไปด้วยต้นไม้และป่าข้างทางให้เป็นสีชมพู โห.. เมียผมนี่พลังดาเมจรุนแรงมากกกอ่ะ ขนาดผมขับออกมาจากรุงเทพร้อยกว่าโลแล้วนะแต่ทำไมดูเหมือนความคิดถึงมันเพิ่มขึ้นตามระยะทางที่ขับจากมาเลยเนี่ยยย งุ้ยย ยิ่งได้ยินเสียงแล้วยิ่งคิดถึงง่ะ..
“ตอนนี้พี่อยู่อยุธยาแล้วค่ะ” แปลกนะ.. ทั้งๆที่เพิ่งห่างกันยังไม่ถึงชั่วโมงดีแต่ทำไมผมถึงคิดถึงซอลอีกแล้วก็ไม่รู้ ผมว่ากุญแจซอลทำให้ผมออกอาการอินเลิฟขั้นโคม่าสุดอ่ะ
(นี่พี่ขับเร็วไปรึเปล่าคะ พี่ขับช้ากว่านี้หน่อยก็ได้นะซอลเป็นห่วง..)
“โหยย นี่พี่ขับช้ายิ่งกว่าเต่าคลานอีกนะคะ” ก็แค่ความเร็วสองร้อยลบออกไปหกสิบเองอ่ะ ผมเหยียบอยู่ร้อยสี่สิบถ้วนจ้าาที่ขับอยู่ตอนนี้ แต่จะบอกไปให้เมียเป็นห่วงก็ใช่เรื่องป่ะ?
(ถ้าง่วงพี่ก็แวะล้างหน้าที่ปั๊ม ซอลห้ามพี่มิณทร์ฝืนขับเด็ดขาดนะ)
“หูยย รักเมีย เชื่อฟังเมียนี่นิสัยพี่เลยค่ะ หนูจะสั่งให้พี่กลับกรุงเทพตอนนี้ก็ยังได้นะคะ เอาไงคะจะให้พี่กลับมั้ย?”
พอมโนถึงเมียแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งนึกถึงหน้าหวานๆของกุญแจซอลปั๊ปนุ้งมิณทร์น้อยก็เสือกแข็งขันเฉยเลย อันที่จริงกลับไปซัดเมียก่อนสักตรั๊บสองตรั๊บ ผมว่าก็ยังขับมาทำงานทันนะ..
(พี่นี่ชอบพูดเล่นจังนะคะ)
“พี่พูดจริงค่ะ เอาไงคะ ยูเทิร์นหน้าเลยมั้ย?) จะว่าไปสองคืนก่อนผมก็กลับมานอนบ้านเลยไม่ได้นอนกอดเมียเลย พูดแล้วก็งื้อออออ~~ อยากฟัดเมียจังง่ะ
(พี่มิณทร์ นี่พี่กำลังคิดอะไรหื่นๆอยู่รึเปล่าคะ) กุญแจซอลดักคอเหมือนรู้ทัน เก่งจริงนะตัวแค่นี้ จะให้พูดจริงๆสมองพี่ก็คิดหื่นกับหนูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแหล่ะค่ะ
“อุ้ยย นี่หนูรู้ได้ไงคะหรือหนูก็คิดอยู่เหมือนกันน เอ๊..ยังไงนะยังไง”
(พี่มิณณณณทร์ ซอลไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ!)
“ถึงหนูจะไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่พี่คิดแบบนั้นค่ะ พี่เป็นผู้ชายที่ติดเมียมากนะคะเผื่อหนูไม่รู้)
ติดแฮชแท็ก # มีเมียแล้ว รักเมียมาก
(หลงทางเสียเวลา ถ้าหลงกุญแจซอลขึ้นมาระวังจะหาทางออกไม่เจอนะคะ)
“ฮั่นหน่วววว นี่หนูกะเล่นมุกเสี่ยวกับพี่หรอคะ ระวังนะคะระวังจะแพ้..แพ้ใจในความน่าร็อคคคคคคคของพี่คนนี้”
(ให้รักแก่ท่าน ระวังรักนั้นถึงตัวเถอะคะ)
“งุ้ยยย เมียมุกเยอะช๊อบชอบบอ่ะ แต่ระวังรักดีหามจั่วรักชั่วหามเสารักเราหามขึ้นเตียงต่อที่ระเบียงจบที่โซฟานะคะ”
(โอ้ยยย พี่มิณทร์!! พี่ลากซอลกลับไปมุกหื่นอีกแล้วนะ) กุญแจซอลแหวใส่ผมเสียงดังแต่ผมสิหัวเราะจนน้ำตาไหลไปเลย ก็ไอ้หามขึ้นเตียงและไปจบที่โซฟามันก็วีรกรรมของผมกับซอลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งนั้น อิ๊อิ๊
“ฮ่าๆ ทำมายยย หนูอายอะไรหรอคะ”
(ตอนแรกซอลนึกว่าพี่จบวิศวะโยธาแต่ตอนนี้ซอลว่าพี่คงจบคณะหื่นศาสตร์สาขาเจ้าชู้ไก่แจ้มาแน่ๆเลยค่ะ)
แหมมมมม ไอ้เรื่องต่อปากต่อคำต้องยกให้เมียผมเลย ผมขับรถไปอมยิ้มไป ทำไมเมียผมน่ารักน่าแหย่จังวะ..
“พี่จบคณะรักศาสตร์ สาขาโจรปล้นใจมาต่างหากค่ะ”
(โห.. งั้นพี่คงจบมาเป็นมหาโจรเลยสินะคะ)
“แต่พี่ไม่ถนัดปล้น พี่ถนัด “ปล้ำ” มากกว่าค่ะ :)”
(พี่มิณทร์ พี่วกมาเรื่องพวกนี้อีกแล้วนะ!)
“แหมมม ก็น้ำขึ้นให้รีบตักอยากมีรักให้รีบหยอดนี่คะ” ╮(╯▽╰)╭
((- -ซอล คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วมาหาเฮียกับม๊าในห้องหน่อยนะ- -)) จู่ๆผมได้ยินเสียงไอ้กรแล่บเข้ามาในโทรศัพท์ จากที่กำลังบันเทิงกันอยู่ก็เกิดอาการชะงัก
(ดะ ได้ค่ะเฮีย เดี๋ยวซอลไปค่ะ) ผมได้ยินเสียงกุญแจซอลตอบกลับไปแบบอึกอักนิดหน่อยก่อนจะกระซิบกระซาบบอกผม (พี่มิณทร์.. เดี๋ยวซอลโทรกลับนะคะ)
“พี่ได้ยินแล้วค่ะหนูไปคุยธุระกับไอ้กรเหอะ ว่างเมื่อไหร่หนูค่อยโทรมาก็ได้ค่ะ”
(พี่มิณทร์ขับรถดีๆนะ) เสียงจ๋องๆของกุญแจซอลส่ออาการว่ากำลังเป็นห่วง โถวว ชิวาว่าน้อยของพี่ จะขี้เป็นห่วงอะไรเบอร์นั้น
“หนูไม่ต้องห่วงค่ะอีกสักพักพี่ก็จะแวะปั๊มเข้าห้องน้ำแล้ว”
(งั้นเดี๋ยวซอลจะรีบโทรมานะคะ)
“โอเคค่ะ”
(..พี่มิณทร์คะ)
“ซอลขา พี่รักหนูค่ะ” แปลกนะ.. ที่เพียงแค่ได้ยินเสียงลมหายใจผมก็เหมือนพอจะรู้ว่าซอลกำลังคิดอะไรและกำลังอยากจะพูดอะไรแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะผมก็คิดแบบเดียวกับที่ซอลคิดเหมือนกัน?
(พี่รู้ได้ไงคะว่าซอลจะพูดคำนี้ ซอลก็รักพี่มิณทร์เหมือนกันค่ะ)
แปลกที่ถ้อยคำประโยคเดิมๆที่เฝ้าพูดกับคนเดิมๆซ้ำๆ ผมกลับชอบที่จะฟังมันและก็ชอบที่พูดมันออก ไปอย่างไม่รู้เบื่อ หรือเพราะหลายปีที่ผ่านมาเรารักกันแต่ไม่สามารถบอกรักกันแบบนี้ได้นะ?
แค่ฟ้าที่กั้นไว้ ไม่อาจขวางใจที่ใกล้กว่า
แม้ไม่ได้คิดถึงทุกครั้งที่หลับตา
แต่ก็คิดถึงตลอดเวลาที่หายใจSOL SAID
ถึงแม้จะวางสายไป และแม้ตัวเราจะอยู่ไกลแต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจเราใกล้กัน กุญแจซอลไลน์หาผมเป็นพักๆ
ซอลบอกว่าเธอต้องช่วยมะม๊ากับไอ้กรลิสต์รายชื่อแขกที่จะเชิญมางานหมั้นไอ้กรกับเกี่ยวก้อยในช่วงปลายปีเสร็จแล้วก็ต้องไปกินข้าวกับครอบครัวเกี่ยวก้อยต่อและกว่าจะโทรมาคุยกับผมยาวๆได้ก็คงจะค่ำๆเลยมั้ง
ผมขับรถไปเรื่อยๆโดยที่สลับอ่านไลน์ของซอลเป็นระยะๆ ซอลแอบหลบออกมาโทรสั้นๆหาผมหลายครั้งจนผมเข้าพักที่โรงแรมแถวลำปางตอนค่ำนั่นแหล่ะถึงจะได้มีโอกาสนอนกลิ้งคุยกับซอลนานๆ นี่ขนาดเพิ่งทดลองห่างกันวันแรกนะ..
ผมรู้สึกโทรศัพท์เป็นอวัยวะที่สามสิบสาม พาวเวอร์แบงค์ขาดไม่ได้เหมือนกับอากาศและสายชาร์จก็เหมือนกับข้าวอะไรเทือกนั้น การได้เห็นหน้าซอลจากวีดีโอคอลเป็นอาหารจานหลัก ผมทำตัวติดโทรศัพท์เหมือนเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งมุ้งมิ้งจีบกันใหม่ๆ แต่แล้วไงใครแคร์~~
นี่ บอกเลยว่าไม่แคร์ก็จะเต๊าะเมียตัวเองมีไรอ่ะป่ะ?
“จะชาร์จแบตให้เดินหาปลั๊กแต่ถ้าจะชาร์จความรักให้โทรมาหาพี่นะคะ”
ผมมุ้งมิ้งเดินยิ้มกริ่มคุยโทรศัพท์และขยันหยอดมุกเสี่ยวใส่ซอลรัวๆอยู่ในปั๊มทางผ่านจากลำปางไปลำพูนที่ผมแวะเพื่อที่จะซื้อน้ำและล้างหน้า ปั๊มสีน้ำเงินนี่ฮิตมากในหมู่นักเดินทางเพราะนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องห้องน้ำสะอาดแล้วยังมีร้านค้าขายอาหารเยอะ และเนื่องจากผมขับรถมานานผมเลยอยากยืดเส้นยืดสายสักพัก
(พี่นี่วิศวะโยธาสาขาการจัดการความเสี่ยวจริงๆนะคะ)
กุญแจซอลยังไม่วายจิกผมกลับ แต่จิกยังไงก็ยังดูน่าร๊าคคคคคคคคสำหรับผมไปหมด แหม.. ก็เลือกเสี่ยวกับเมียมันผิดตรงไหนวะ?
“พี่เสี่ยวสุดใจเพื่อคว้าใจหนู ไม่รู้หรอคะ”
(ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แล้วนี่พี่ก็ไม่ต้องเดินยิ้มให้ใครเรี่ยราดนะคะ ซอลหวง!) หูยยย ปิดท้ายความหวงได้ฟินจุง เบยยมากกค่ะ ก็ไม่ใช่เพราะความน่ารักของหนูหรอคะที่ทำให้พี่เดินไปยิ้มไปคุยโทรศัพท์ไปเหมือนคนบ้าแบบนี้ แต่ถ้าเมียสั่งไม่ให้ยิ้มก็จะทำปากจู๋แทนแล้วกันน ~~
“พี่ไม่ยิ้มแล้วตอนนี้พี่ทำปากจู๋แทนแล้วค่ะ”
(พี่เดินไปแล้วทำปากจู๋ไปเนี่ยนะคะ)
“ก็รักใครให้ทำปากจู๋ไม่ใช่หรอคะ”ผมเคยดูซีรีส์เรื่องนึงนะที่ ‘ถ้าโอเคให้ทำปากจู๋’ แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนเป็นรักใครให้ทำปากจู๋แทนแล้วกัน
(งั้นตอนนี้ซอลก็ทำปากจู๋เหมือนพี่เลยค่ะ)
โง้ยยย..
ขับกลับไปอมเมียใส่ปากแล้วเอามาทำงานที่เขื่อนได้ป่าววะ?
หนูจะน่ารักเกินไปแล้วนะคะกุญแจซอลของพี่ ก็ถ้าหนูจะน่ารักขนาดนี้แล้วใครกล้าเสล่อมาจีบเมียพี่ พี่กระทืบมันม้ามแตกเลยนะคะ!
(พี่มิณทร์คะ เดี๋ยวซอลกลับมาจากไปข้างนอกกับม๊าแล้วซอลจะโทรหานะคะ)
“ไม่มีปัญหาค่ะพี่ก็จะขับรถไปเรื่อยๆ หนูว่างแล้วค่อยโทรมาแล้วกัน”
(พี่มิณทร์อย่าลืมทำปากจู๋เวลาคิดถึงซอลนะคะ)
“ตอนนี้พี่ก็ทำอยู่ค่ะ” ผมทำปากจู๋ค้างอยู่แบบนั้นจนวางโทรศัพท์ไปผมก็ยังทำปากจู๋ค้างอยู่
รักใครให้ทำปากจู๋.. กูคิดได้ไงวะ?
ผมทำปากจู๋แล้วเดินยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนคนโรคจิตอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเดินผ่านผู้หญิงคนนึงที่นั่งหันหลังอยู่ตรงร้านสะดวกซื้อ ผมเตะตากับตัวอักษรสีดำที่ตัดกับเสื้อยืดสีขาวที่สกีนคำว่า“นางฟ้าโยธา” อยู่กลางหลัง
โฮ่.. เจอแรร์ไอเทมที่ลำปางด้วยว่ะ
“ฮึกกก” เสียงสะอื้นที่ดังรอดมาทำให้ผมชะงัก ผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่ คือไร.. หลงทางหรือว่าไงวะ? ปกติผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบเสือกเรื่องของคนอื่นหรอกนะ แต่ไอ้คำว่า “นางฟ้าโยธา” ที่เด่นหราอยู่กลางหลังทำให้เด็กโยธาอย่างผมเดินผ่านไปไม่ได้จริงๆ ยังไงซะเราก็น่าจะเลือดสีเดียวกัน..
“เอ่อ เธอโทษนะ”
ผมตัดสินใจเดินเข้าไปทักกะว่าถ้าโดนด่าก็จะชิ่งออกมาทันที ผู้หญิงคนนั้นช้อนตาแดงก่ำขึ้นมามองผมพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา “มีไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?”
ผมสังเกตการณ์แต่งตัวของ “นางฟ้าโยธา” ที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ผมว่าน่าจะใช่นะเพราะที่คอเธอก็มีเกียร์ห้อยอยู่ด้วย ผมเลยเดาเอาว่าเราน่าจะรุ่นเดียวกัน
“ไม่มี!” แต่.. ผมกลับโดนเธอคนนั้นตะคอกกลับมาเสียงแข็ง อ่า..หล่อขนาดนี้แต่มองผมอย่างกับโจร นี่ให้เกียรติเบ้าหน้ากันบ้างป่าววะ
“คือ..เราเห็นสกีนบนเสื้อเธอ” ผมชี้ไปที่เสื้อที่เธอใส่อยู่ “เราเรียนวิศวะโยธาอยู่ ม.K ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ” ผมยื่นไมตรีจิตให้เธออีกครั้ง คือไม่ได้กะจะจีบอะไรเลยนะก็เห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่เลยอยากจะช่วยจริงๆแต่ยัยนั่นกลับเอาแต่มองผมตั้งแต่หัวจรดหาง ชิชะ!
“แต่ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วย ก็ไปก่อนนะ”
ก็ถ้าจะมองคนหล่อเป็นโจรขนาดนั้นผมกลับไปนั่งทำปากจู๋รอโทรศัพท์ซอลต่อในรถก็ได้ ส่วนยัย“นางฟ้าโยธา” นี่ก็ปล่อยให้นั่งโสภาร้องไห้อยู่คนเดียวในปั๊มต่อแล้วกัน ผมวาร์ปก่อนล่ะ บรั๊ยยยยยย
“ดะ เดี๋ยวก่อน! ”
“ห้ะ” ผมสะดุดกึกเมื่อยัยนั่นจู่ๆก็ดึงชายเสื้อผมไว้
“เราขอโทษนะที่เมื่อกี้พูดด้วยไม่ดี”
“อ่าฮะ”
“เรามากับรถตู้แล้วรถตู้จอดแวะปั๊มพอดีกับคนก็ลงเยอะแล้วเราก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ พอออกมาอีกทีรถตู้ก็ไม่อยู่แล้ว..” ยัยนั่นเล่ามารวดเดียวจบพร้อมกับทำน้ำตาซึมๆ มิน่าเห็นนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวข้าวของอะไรก็ไม่มี
แล้วจะไงต่อดีล่ะ
“อ่า แล้วนี่เธอจะไปไหนล่ะ?”
“ลำพูน..”
หือมมม คราวนี้เป็นผมที่กระพริบตาปริบๆมองยัยนางฟ้าโยธาที่ทำหน้าจ๋อยตรงหน้าแทนบ้าง ดูจากลักษณะท่าทางกับเสื้อที่ใส่และจุดหมายที่จะไปแล้ว หือมมมมมมม ทะแม่งๆว่ะ
“ไปไมอ่ะ บ้านอยู่นั่นหรือไง”
“ไม่ใช่” ยัยนั่นส่ายหน้า “เราจบโยธามาจากม.B บ้านเราอยู่ชลบุรีแต่เราได้งานทำที่เขื่อนที่ลำพูน พรุ่งนี้ต้องเริ่มงานวันแรก”
เยดเข้ ผมรู้สึกเหมือนถูกหวยเลขท้ายสามตัวเลยว่ะ!
“แล้วเธอจะเอาไงต่ออ่ะ”
“นายจะไปไหนล่ะขอเราติดรถไปลงสถานีตำรวจหน่อยได้มั้ย ตอนนี้โทรศัพท์เราแบตหมดเราจะไปแจ้งตำรวจก่อนแล้วโทรหาแม่ เมื่อกี้เราตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะของทุกอย่างรวมทั้งเอกสารอยู่ในกระเป๋าที่ติดไปกับรถตู้หมดเลย โทษทีนะ”
การรับคนแปลกหน้าขึ้นรถเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำเลย ผมมองหน้าจ๋องๆของยัยนั่นบวกกับเกียร์ที่ห้อยคออยู่แถมยังเสื้อที่ใส่เด่นหราอยู่อีก คือถ้าทิ้งยัยนั่นไว้ที่นี่ ผมก็หมาอ่ะ..
“เธอจะไปแจ้งความใช่ป่ะ งั้นไปดิเดี๋ยวไปส่ง” เฮ้อออ เก็บเด็กหลงต่างสถาบันได้คน ช่วยก็ช่วยวะ
“ขะ ขอบใจนะ”
“อ่ะ” ผมยื่นโทรศัพท์ส่งให้ยัยนั่นเพื่อแสดงความบริสุทธิใจสุดๆ “เธอโทรไปบอกที่บ้านเลยจะได้สบายใจ บอกทะเบียนรถฉันไปด้วยเลยก็ได้ฉันไม่เอาเธอไปขายหรอก”
“ขอบใจนะ”
ยัยนั่นรีบคว้าโทรศัพท์หมั่บ! ผมยืนฟังตาตั้ง โอ้โห.. ยัยนั่นบอกรูปพรรณสัณฐานผมกับคนที่บ้านอย่างไม่ลังเล เห้ยย นี่คนดีศรีสยามมทำไมทำอย่างกับผมเป็นโจรวะ ยัยนั่นส่งโทรศัพท์คืนมาให้ผมอีกครั้งหลังจากร่ายยาวถึงทะเบียนรถ รุ่นรถและสีรถผมเสร็จ คือ..คนกำลังทำความดีแต่ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนนักโทษหนีคดีจังวะ?
“เออ โรงพักอยู่ในตัวเมืองนะเดี๋ยวต้องวิ่งย้อนกลับเข้าไปในตัวเมืองด้วยเพราะตอนนี้เราอยู่เส้นทางเลี่ยงเมือง” ผมบอกพิกัดแม่นางฟ้าโยธาคร่าวๆเพราะเดี๋ยวจะพาลเข้าใจว่าผมจะหลอกพาไปขายอีก “งั้นเดี๋ยวไปเลยแล้วกัน”
“เอ่อ ขอบใจนายอีกครั้งนะ”
“อ่าฮะ”
“โทษทีนะเลยยังไม่ทันได้แนะนำตัวเองเลย” ยัยนั่นเช็ดมือเข้ากับขากางเกงแล้วยื่นมือมาเช็คแฮนด์กับผมก่อนจะขึ้นรถ “เราชื่อมิ้นต์นะ”
หือมมมมมมมมมมมมมม
“อ่า มิณทร์ครับ”
“ขอบใจที่ช่วยนะมิณทร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ยินดีที่ไม่รู้จักดีกว่าไหมอ่ะ โหลไปนะ.. ชื่อ
(LOADING 100%)
❤❤❤❤
TALK 4
หู้ววว ตัวละครลับมาาาาาาาาาาาา
ทำไมรู้สึกใจเต้นตุ้มต่อมๆแทนหนูซอลก็ไม่รู้ แง~~
พี่มิณทร์จะแพ้คนชื่อมิ้นต์อีกไม่ได้นะ!!
ทำปากจู๋ไว้ค่ะ หนูซอลรออยู่นะคะพี่มิณณณทร์ >_<
"โปรดอย่าไปเผลอใจ อย่าไปลองคบใคร
อดทนรอได้ไหม..
จนถึงวันนั้นที่เป็นวันของเรา"
ฟีเจอร์ใหม่ของเด็กดี
อย่าลืมกดกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาาา จุ๊บๆ <3
*****
TALK 3
งื้ออออออ อันความมุ้งมิ้งของคู่นี้ ><
รักกันน่าหมั่นไส้เฟร่อออออออ
ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า
จับมือกันแน่นๆนะพี่มิณทร์ x หนูซอล
*****
TALK 2
กลับมาแล้วจย้าาาาา
ขอโทษนะคะหายไปนานเลย
ช่วงที่ผ่านมา เค้าไปล้มกลิ้งจนข้อเท้าพลิกเข้ารพมา 555+
เลยเดี้ยงจนต้องหยุดหมดทุกสิ่งอย่าง ไม่ได้แตะนิยายเลยยยย
แค่จะบอกว่า คิดถึงพี่มิณทร์มากกกกกกกก
ตอนนี้กลับมาอัพได้ปกติแล้นน
พรุ่งนี้อัพให้ยาวไปจ้า
รักส์
❤
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็น