NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #28 : คำสัญญา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.44K
      79
      5 มิ.ย. 66


    “ไหนหันหน้ามาสบตาพี่หน่อยสิคะ คนดีของพี่” ”
    MIN SAID

     


    EP 29: คำสัญญา
    SOL’S TALKS

            
    มาจนได้..
              

    ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองจะขาดรอนๆ
              

    เมื่อคืนฉันนอนร้องไห้จนปวดหัวไปหมด  จมูกก็เต็มไปด้วยน้ำมูก.. ใบหน้าก็เกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำตา หายใจก็ไม่ค่อยออกแถมดูภายนอกฉันก็ร้องไห้จนหน้าเยินไปหมด  ฉันจิกมือขยุ้มลงบนอกข้างซ้ายแน่น  


    ทำไมถึงเหมือนจะขาดใจจัง.. 


    ทั้งๆที่ฉันกับพี่มิณทร์ก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนะ  เราบอกลากันร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ฉันตกลงกับพี่มิณทร์ไว้ว่าจะไม่มาส่งแต่รู้ตัวอีกทีมือก็หยิบกุญแจแล้วก็สตาร์ทรถขับมาที่นี่แล้วทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้าอยู่  ฉันห้ามตัวเองไม่ไหว..  ฉันจะขาดใจเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะพัง
              

    แหวนเพชรเม็ดน้อยบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉันยังส่องประกายพราวระยับอยู่เลย  แหวนที่สวยและมีค่าที่สุดในโลก.. แต่ทำไมวันนี้ประกายความงามของมันวันนี้ถึงดูเจ็บปวดจังนะ ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองบีบรัดจนเผลอขยุ้มมือจิกลงไปตรงตำแหน่งหัวใจหนักขึ้น ฉันร้องไห้จนหายใจไม่ออก ทำไมมันถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ..
              

    “ดื้อมาจนได้นะคะ” 


    ประตูฝั่งข้างคนขับถูกเปิดขึ้นพร้อมกับกลิ่นกายหอมเย็นของพี่มิณทร์ที่โชยเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาแตะรอยยิ้มบางๆก่อนจะชะงักไป  ฉันได้ยินเสียงพี่มิณทร์ถอนหายใจขณะที่ฉันได้แต่ก้มหน้างุดซ่อนรอยน้ำตา      
              

    “พี่ไม่ไปแล้วก็ได้นะคะ..” ร่างสูงโปร่งมุดตัวเข้ามาในรถก่อนจะปิดประตูลงแล้วทิ้งตัวนั่งข้างๆฉัน  ท่ามกลางความเงียบงันฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งที่เกิดขึ้น  ฉัน..ไม่อยากให้เขาไป ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำให้เขาลำบากใจ  แต่ฉันก็แค่อยากเจอหน้าเขาก่อนไปก็เท่านั้นเอง  ฉันขอเท่านั้นเองจริงๆนะ..
              

    “นี่หนูร้องไห้มาตั้งแต่เมื่อคืนรึเปล่าคะ” 


    มือหนาของพี่มิณทร์เอื้อมมาบังคับจับไหล่ฉัน “ไหนหันหน้ามาสบตาพี่หน่อยสิคะ คนดีของพี่” 


    เรียวนิ้วของพี่มิณทร์ค่อยๆเชยคางฉัน  ฉันพยายามยิ้มและห้ามน้ำตาตัวเองแล้วนะ..แต่พอสายตาเราสบกันไอ้ที่ฉันพยายามอดกลั้นมันกลับพังมากกว่าเดิมอีก แทนที่จะยิ้มกลับมีแต่น้ำตาที่ทะลักออกมาเท่านั้น เรียวคิ้วสวยของพี่มิณทร์ขมวดนิ่วเข้าหากันก่อนเขาจะค่อยๆไล้ข้อนิ้วเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
              

    “หนูร้องไห้ซะตาช้ำไปหมดแล้วค่ะ” มือหนาของพี่มิณทร์ไล่เช็ดหยดน้ำตาให้ฉันขณะที่ใบหน้าหล่อเหลากวาดสายตามองฉันด้วยความเป็นห่วง  ฉันพยายามหยุดอาการสะอื้นของตัวเอง  แต่ยิ่งฉันพยายาม.. เสียงสะอื้นยิ่งดัง
              

    “พี่มิณทร์จะไม่ทิ้งซอลไปใช่มั้ยคะ..” เสียงสะอื้นของฉันดังแทรกจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง ยิ่งฉันได้มองหน้าเขาใกล้ๆแบบนี้..หัวใจฉันยิ่งบีบรัด
              

    “พี่ไม่มีวันทิ้งหนูค่ะ หนูจำไม่ได้หรอคะหนูคือเกียร์ของพี่” พี่มิณทร์ใช้สองมือประคองใบหน้าฉัน “พี่รักหนูนะคะ” 
              

    ยิ่งได้ยินคำว่ารัก.. ฉันยิ่งสะอื้นดังยิ่งกว่าเดิม  รักแล้วทำไมเราต้องห่างกันไกล? โอเคฉันอาจเคยบอกกับเขาว่าฉันเข้าใจ  แต่เอาตรงๆไหม? ฉันไม่เคยอยากเข้าใจอะไรทั้งนั้นเลย  ทั้งๆที่เราเพิ่งจะได้รักกันเองนะ..
              

    “ฮึกก พี่มิณทร์จะไม่มองใครนอกจากซอลใช่มั้ยคะ”
              

    “ไม่มองค่ะ”
              

    “พี่ต้องกลับมาหาซอล ฮึกก  นะ.. คะ”
              

    “พี่จะกลับมาหาหนูค่ะคนดีของพี่”
              

    “พี่ห้ามมีคนอื่นนะคะ”
              

    “ไม่มีแน่นอนค่ะ”
              

    พี่มิณทร์ดูไม่เบื่อที่ต้องคอยตอบคำถามฉัน  ถึงแม้ฉันจะพูดวนๆถามแบบเดิมซ้ำๆเขาก็ยังดูไม่โกรธ  เขาเอาแต่คอยเช็ดน้ำตาให้ฉัน
              

    “ซอลเอาแต่ใจกับพี่ขนาดนี้  พี่คงเบื่อซอลแล้วใช่มั้ยคะ?” ฉันสะอื้นหนักเพราะฉันงี่เง่ากับเขาแบบจัดหนักจัดเต็ม  พี่มิณทร์ดูงงๆกับอาการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของฉันนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆแล้วยื่นมือมาลูบหัวฉัน
               

    “พี่รักหนู  พี่จะเบื่อหนูได้ไงล่ะคะ”
               

    “ไม่จริงค่ะ”
               

    “อ้าวว”  
               

    “พี่ต้องเบื่อซอลสิคะ  ก็ซอลน่ะเอาแต่งี่เง่าแล้วก็เอาแต่ใจกับพี่” พูดแล้วฉันก็ปล่อยโฮอีกรอบจนพี่มิณทร์ต้องดึงฉันเข้าไปกอดปลอบอีกครั้ง  
              

    “โอ๋เอ๋ๆคนดีของพี่  พี่ไม่มีทางเบื่อหนูหรอกค่ะ” พี่มิณทร์กอดปลอบฉันก่อนจะโยกตัวไปมาเหมือนกอดปลอบเด็ก “ก็พี่รักหนู..เพราะหนูทั้งสวยด้วยเอาแต่ใจด้วยจำไม่ได้หรอคะ” 


    แต่ก่อนพี่มิณทร์เคยพูดล้อฉันประจำว่าฉันทั้งสวยด้วยเอาแต่ใจด้วยครบสูตร! แต่ใครที่ไหนจะบ้าตกหลุมรักผู้หญิงด้วยเหตุผลแบบนั้นกันล่ะ
              

    “แล้วถ้าพี่มิณทร์ไปเจอคนใหม่ที่ทั้งสวยและเอาแต่ใจกว่าซอล  พี่ก็จะไปหลงรักเขาด้วยใช่มั้ยล่ะ!”          


    “เอ้าา ซะงั้น” พี่มิณทร์หัวเราะร่วนไปกับความงี่เง่าของฉัน  ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วล่ะที่ไม่ว่าอะไรก็รู้สึกหวงเขาเป็นบ้าเป็นหลังไปซะหมด  ฉันกลัวพี่มิณทร์จะไปมองใครและที่กลัวไปกว่านั้นคือกลัวจะมีใครมาฉกหัวใจของพี่มิณทร์  เหมือนแต่ก่อนที่พี่มิ้นท์แย่งหัวใจพี่มิณทร์ไปจากฉัน
              

    “ฮึกก” 


    ฉันเริ่มต้นร้องไห้ใหม่อีกครั้ง  เหมือนวนไปจนสิ้นสุดแล้วฉันก็กลับมาทำซ้ำใหม่ทั้งหมดอีกรอบนึง  ฉันก้มหน้าซ่อนหยดน้ำตาแล้วกำหมัดจิกปลายเล็บเข้ากับอุ้งมือตัวเองแน่น  ฉันพยายามแล้วที่จะเข้มแข็งแต่ก็ดูมันจะยากเกินไป..  ฉันได้ยินเสียงพี่มิณทร์ถอนหายใจแต่ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเพราะมัวแต่ก้มหน้าอยู่  


    สิ่งที่ฉันเห็นผ่านม่านน้ำตาคือมือหนาของพี่มิณทร์เอื้อมมือมาจับมือฉันและพยายามแกะปลายเล็บที่กำลังจิกเป็นจ้ำแดงอยู่ที่อุ้งมือออกจากกัน
              

    “ถ้าหนูจะจิกตัวเอง หนูจิกพี่ดีกว่าค่ะ” พี่มิณทร์คลายอุ้งมือที่กำลังจิกตัวเองแน่นของฉันไปกุมอยู่ในอุ้งมือหนาของเขาแทน  เขาจับมือฉันแน่น “ถ้าหนูจะจิกตัวเองแรงๆให้มาลงกับพี่แทนนะคะ”  


    ใบหน้าหล่อเหลาของพี่มิณทร์โน้มลงมาใกล้ฉัน  ฉันจะจิกเขาให้เจ็บได้ไงล่ะ  ถ้าฉันจะทำให้เขาเจ็บ.. ฉันยอมเจ็บเองซะดีกว่า  ฉันส่ายหน้าขณะที่มือหนาของพี่มิณทร์เปลี่ยนเป็นสอดเข้าไปหลังท้ายทอยแล้วกดศีรษะฉันให้จมลงไปกับแผ่นอกเขาแทน
              

    “พี่มิณทร์..” เสียงฉันอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ขณะที่น้ำหูน้ำตาฉันเปื้อนแผ่นอกเขาจนมันชุ่มเปียกไปหมด  มือใหญ่ลูบศีรษะฉันแผ่วเบาไปมาอย่างปลอบใจ  พี่มิณทร์ไม่พูดอะไรนอกจากกอดฉันไว้แนบอก  ฉันรู้สึกได้ถึงรอยจูบที่บรรจงจูบพรมบนศีรษะฉันซ้ำๆ
              

    “แต่งงานกับพี่นะคะ” 
     

     

                                      "ซอลคิดถึงพี่มิณทร์.."
                                          SOL SAID
     

     


     

     

    เสียงกระซิบที่เหมือนความฝันทำให้อากาศภายในรถที่น้อยอยู่แล้วน้อยลงไปกว่าเดิมอีก  จากเดิมที่ฉันปวดหนึบที่หัวใจแล้วก็หายใจไม่ค่อยออก  กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกยิ่งกว่าเดิมอีก  ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นผะแผ่ว  กลิ่นอายของพี่มิณทร์หอมติดอยู่ปลายจมูกและกระจายฟุ้งอยู่ในรถ  อ้อมอกอุ่นกกกอดฉันไว้แน่น  ริมฝีปากบางสวยวนเวียนแตะรอยจูบและคลอเคล้าอยู่ข้างหู  และไหนจะคำพูดที่หลุดออกมาจากปากพี่มิณทร์เมื่อกี้..  
              

    ฉันเหมือนตกอยู่ในความฝัน          
              

    “แต่งงานกันนะคะ” พี่มิณทร์กระซิบข้างหูฉันซ้ำอีกครั้งก่อนจะผละอ้อมกอดแล้วก้มลงมาสบตาฉันใกล้ๆ  ดวงตาของเขาสะท้อนแต่ภาพของฉัน
             

    “ยะ ยังไงนะคะ” 


    ฉันกระพริบตาปริบๆแล้วเพ้อตอบเขาอย่างงงๆ  ก็เรากำลังจะห่างกันไกลวันนี้แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่  ทางข้างหน้าจะมีบทพิสูจน์อะไรรอเราไหม  แต่ถ้าฉันฟังไม่ผิด.. เมื่อกี้พี่มิณทร์ชวนให้เราแต่งงานกัน
              

    “แต่งงานกับพี่นะครับ” พี่มิณทร์จ้องลึกลงไปในแววตาฉันก่อนยกสองมือฉันขึ้นมาประทับรอยจูบ  รอยจูบที่แผ่วเบา.. แต่แววตาและคำพูดกลับแน่นหนักและตอกลึกยิ่งกว่าสิ่งใดๆ  ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีสิทธิและเป็นเจ้าของหัวใจของพี่มิณทร์อย่างสมบูรณ์  ฉันทวนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง  พี่มิณทร์กำลังขอแต่งงานกับฉัน
              

    “พี่มิณทร์กำลังขอซอลแต่งงานหรอคะ?”
              

    เขา.. เพิ่งเรียนจบ และฉันก็เพิ่งจะย่างเข้ายี่สิบในปีนี้  และสิ่งที่เกิดตรงหน้าฉันตอนนี้มันเหมือนตอนจบในนิยายที่ฉันเคยฝัน
              

    “ไม่เชื่อหรอครับ?”  พี่มิณทร์เปลี่ยนคำพูดท้ายประโยคจากคำว่า “คะ” เป็น “ครับ” ไล่ระดับตามความจริงจังและเป็นทางการที่เขากำลังประมวลผลอยู่  ฉันไม่คุ้นชินกับคำว่า “ครับ” ของพี่มิณทร์  เพราะปกติพี่มิณทร์จะพูดคะขากับฉันตามแบบฉบับผู้ชายเจ้าชู้ที่คุ้นชินกับผู้หญิงมาโดยตลอด  คำว่า “ครับ” ของพี่มิณทร์ทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังเข้าสู่โหมดจริงจัง
              

    “พี่เคยบอกซอลแล้วใช่มั้ยว่าพี่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับซอล  พี่พูดจริงครับ” 


    ฉันรู้สึกหน้าเห่อร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง  น้ำตงน้ำตาปลิวหายไปหมด  จากที่ร้องไห้มาทั้งคืนจนปวดหัวตุ๊บๆแต่ทุกอย่างเหมือนถูกหยุดไว้หลังจากฉันได้ยินประโยคนั้น
              

    “รอจนกว่าพี่จะกลับมาได้มั้ยครับ”
     

    ผู้ชายอย่าง มิณทร์ ปันณพัชร เป็นเหมือนหนังสือเล่มหนาที่ฉันไม่สามารถเดาตอนจบได้สักที พี่มิณทร์มีหลายเหลี่ยมมุมเกินกว่าฉันจะคาดเดา ภาพแรกที่ฉันเห็นคือเขาหล่อเหลา ขี้เล่น เจ้าชู้ อารมณ์ดีแต่นั่นก็เป็นแค่ภาพหน้าปกเท่านั้น   พี่มิณทร์ของฉันมีหลายด้านที่ถูกซ่อนไว้อยู่ในตัว  


    บทเขาจะรัก.. เขาก็รักได้หวานที่สุด  


    เขาจูบได้อ่อนโยนที่สุด  


    เขารักฉันได้ละมุนที่สุด


    และเขาคือที่สุดของที่สุดของคำว่ารัก..  


    แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เร่าร้อนเหมือนไฟ  ฉันเสพย์ติดสัมผัสของพี่มิณทร์ที่วาดบททำนองจนทุกคืนเร่าร้อนดั่งไฟ   พี่มิณทร์ทำให้ฉันสำลักความสุขที่เขาปรนเปรอให้จนฉันแทบขาดใจกับบทเรียนรักทุกค่ำคืน  
              

    และอีกด้านนึงเขาก็แสนจะจริงจัง  พี่มิณทร์เป็นผู้ชายที่มีความตั้งใจสูงในการกระโดดคว้าความฝัน  เขาจริงจังและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง  เขาไม่แม้แต่จะแยแสในชื่อเสียงและบารมีของ “ปันณพัชร”  สิ่งที่พี่มิณทร์ทำคือเขาเลือกที่จะพิสูจน์ตัวเอง  กับความรักก็เช่นกัน..
              

    “พี่แน่ใจหรอคะ”
              

    “พี่แน่ใจทุกอย่างครับที่พี่พูด  แต่งงานกับพี่นะ” 


    พี่มิณทร์กุมมือฉันขึ้นมาประทับรอยจูบอีกครั้ง  ดวงตาคู่สวยที่ฉันหลงรักกำลังจ้องมองฉันอย่างไม่คลาดสายตาและริมฝีปากหยักบางกำลังค่อยๆสลักรอยจูบแสนหวานแต่แผ่วเบาปานลมหายใจ  บัดนี้.. ความห่างไกลที่ฉันเคยกลัวมันกลับเบาดั่งปุยนุ่น พี่มิณทร์ทำให้ฉันรู้ว่าความรักของเขาหนักแน่นและมั่นคงยิ่งกว่านั้น  



    “ซอลจะรอพี่ค่ะ”


    สัมผัสแผ่วๆแต่ทว่าอ่อนหวานยามริมฝีปากเราสัมผัสกัน มันอ่อนโยนและดึ่มด่ำซ้ำยังทดแทนคำมั่นสัญญาที่เราสองคนมีต่อกันได้ดี  จากนี้ไม่ว่าจะผ่านวันจรดเดือนหรือจรดปี.. ฉันก็จะรอแต่เขาเท่านั้น

     


                           “แต่พี่ไม่ถนัดปล้น  พี่ถนัด “ปล้ำ” มากกว่าค่ะ”
                                            MIN SAID

     

    EP 30: ทดลองห่างบทที่ ๑
    MIN’S TALKS
    ถนนกาญจนาภิเษก

              
    ผมขับรถออกจากกรุงเทพไปตามเส้นกาจนาภิเษกไปด้วยด้วยอาการใจลอยๆ มันวูบวาบๆไปหมดเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว งานนี้ใครจะปาด ใครจะเบียดเชิญบอกเลยนุ้งมิณทร์ไม่โกรธ ตอนนี้ใครจะไม้ไหนนุ้งมิณทร์ยอมหมด ผมส่องกระจกมองหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เขร้.. แม่งยิ้มโคตรกรุ้มกริ่มสัสอ่ะ
              

    ผมเกลียดขี้หน้าตัวเองตอนนี้ชะมัด  แม่งเอาแต่ยิ้มปัญญาอ่อนเหมือนคนบ้า  ขนาดขับรถออกมาจากกรุงเทพตั้งนานยังเสือกยิ้มเหงือกบานหน้ากางเป็นกระด้งอยู่เลย  เยดเข้ นี่กูมาถึงจุดๆนี้แล้วหรอวะ?  คิดย้อนไปแล้วเขินสัส  เชี่ยยยย ผมกล้าทำ!! และที่สำคัญผมทำลงไปแล้วด้วยกับการขอหญิงแต่งงานครั้งแรกในชีวิต
              

    ผมขอกุญแจซอลแต่งงาน
              

    ความจริงถ้าผมจับซอลยัดใส่ปากแล้วแอบอมเอามาที่เขื่อนได้ผมคงทำไปแล้ว  เกิดมาดูโลกตั้งหลายปีพูดได้ว่าตอนนี้ผมติดเมียสัสอ่ะ..
            

    “ซอลจะรอพี่ค่ะ”  
              

    ใจผมยังเต้นตึกตักเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆที่ค่อยๆพยักหน้าตอบรับคำขอแต่งงานของผมอยู่เลย  นี่คิดแล้วก็แทบอยากยูเทิร์นรถกลับไปฟัดเมียที่แสนงอนอีกสักรอบสองรอบ  ตอนนี้ผมกับซอลโคตรของโคตรจะรู้สึกอินเลิฟเหมือนคนที่เพิ่งจีบกันใหม่ๆเลยว่ะ  


    ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจอคนที่ใจตรงกัน จูนกันติด ทุกเรื่องทุกความรู้สึกขนาดนี้ ตอนนี้ผมมั่นใจพันล้านเปอร์ เซ็นต์ว่ากุญแจซอลคือ “เกียร์” เพียงหนึ่งเดียวที่ผมตามหา  ผมหลงทางไปอยู่นานเพื่อที่จะกลับมาค้นพบทีหลังว่าเนื้อคู่ที่ผมตามหามายืนอยู่ตรงหน้าและรอผมนานแสนนานมาแล้ว
              

    แต้มบุญสูงขนาดนี้.. อย่าลืมทำสังฆทานรัวๆวันวาเลนไทน์กันนะจ๊ะ 


    และขณะอำนาจแห่งการหลงเมียกำลังเข้าครอบงำ พลังอำนาจสีชมพูฟรุ้งฟริ้งก็เข้ามาครอบงำสติผมอย่างเต็ม
    สตรีม  ผมหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นขึ้นมาดูแล้วก็ต้องยิ้มฉีกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นกุญแจซอลโทรมา  
              

    หุยยย  เนี่ยกำลังคิดถึงๆอยู่เมียก็โทรมาหาเลยอ้ะ ~~
              

    (พี่มิณทร์ถึงไหนแล้วคะ) 


    เสียงหวานๆที่ติดจะดูแสนงอนเล็กๆโทรเข้ามาเพื่อเปลี่ยนถนนสองเลนที่เต็มไปด้วยต้นไม้และป่าข้างทางให้เป็นสีชมพู โห.. เมียผมนี่พลังดาเมจรุนแรงมากกกอ่ะ  ขนาดผมขับออกมาจากรุงเทพร้อยกว่าโลแล้วนะแต่ทำไมดูเหมือนความคิดถึงมันเพิ่มขึ้นตามระยะทางที่ขับจากมาเลยเนี่ยยย  งุ้ยย ยิ่งได้ยินเสียงแล้วยิ่งคิดถึงง่ะ..
              

    “ตอนนี้พี่อยู่อยุธยาแล้วค่ะ” แปลกนะ.. ทั้งๆที่เพิ่งห่างกันยังไม่ถึงชั่วโมงดีแต่ทำไมผมถึงคิดถึงซอลอีกแล้วก็ไม่รู้  ผมว่ากุญแจซอลทำให้ผมออกอาการอินเลิฟขั้นโคม่าสุดอ่ะ 
              

    (นี่พี่ขับเร็วไปรึเปล่าคะ  พี่ขับช้ากว่านี้หน่อยก็ได้นะซอลเป็นห่วง..) 
              

    “โหยย  นี่พี่ขับช้ายิ่งกว่าเต่าคลานอีกนะคะ” ก็แค่ความเร็วสองร้อยลบออกไปหกสิบเองอ่ะ ผมเหยียบอยู่ร้อยสี่สิบถ้วนจ้าาที่ขับอยู่ตอนนี้  แต่จะบอกไปให้เมียเป็นห่วงก็ใช่เรื่องป่ะ?
              

    (ถ้าง่วงพี่ก็แวะล้างหน้าที่ปั๊ม  ซอลห้ามพี่มิณทร์ฝืนขับเด็ดขาดนะ)
              

    “หูยย รักเมีย เชื่อฟังเมียนี่นิสัยพี่เลยค่ะ หนูจะสั่งให้พี่กลับกรุงเทพตอนนี้ก็ยังได้นะคะ เอาไงคะจะให้พี่กลับมั้ย?”
    พอมโนถึงเมียแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งนึกถึงหน้าหวานๆของกุญแจซอลปั๊ปนุ้งมิณทร์น้อยก็เสือกแข็งขันเฉยเลย  อันที่จริงกลับไปซัดเมียก่อนสักตรั๊บสองตรั๊บ   ผมว่าก็ยังขับมาทำงานทันนะ..
              

    (พี่นี่ชอบพูดเล่นจังนะคะ)
              

    “พี่พูดจริงค่ะ  เอาไงคะ  ยูเทิร์นหน้าเลยมั้ย?) จะว่าไปสองคืนก่อนผมก็กลับมานอนบ้านเลยไม่ได้นอนกอดเมียเลย  พูดแล้วก็งื้อออออ~~ อยากฟัดเมียจังง่ะ
              

    (พี่มิณทร์  นี่พี่กำลังคิดอะไรหื่นๆอยู่รึเปล่าคะ) กุญแจซอลดักคอเหมือนรู้ทัน เก่งจริงนะตัวแค่นี้  จะให้พูดจริงๆสมองพี่ก็คิดหื่นกับหนูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแหล่ะค่ะ
              

    “อุ้ยย  นี่หนูรู้ได้ไงคะหรือหนูก็คิดอยู่เหมือนกันน เอ๊..ยังไงนะยังไง” 
              

    (พี่มิณณณณทร์  ซอลไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ!)
              

    “ถึงหนูจะไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่พี่คิดแบบนั้นค่ะ พี่เป็นผู้ชายที่ติดเมียมากนะคะเผื่อหนูไม่รู้)  
    ติดแฮชแท็ก # มีเมียแล้ว รักเมียมาก 
              

    (หลงทางเสียเวลา ถ้าหลงกุญแจซอลขึ้นมาระวังจะหาทางออกไม่เจอนะคะ)
              

    “ฮั่นหน่วววว นี่หนูกะเล่นมุกเสี่ยวกับพี่หรอคะ ระวังนะคะระวังจะแพ้..แพ้ใจในความน่าร็อคคคคคคคของพี่คนนี้”
              

    (ให้รักแก่ท่าน ระวังรักนั้นถึงตัวเถอะคะ)
              

    “งุ้ยยย เมียมุกเยอะช๊อบชอบบอ่ะ แต่ระวังรักดีหามจั่วรักชั่วหามเสารักเราหามขึ้นเตียงต่อที่ระเบียงจบที่โซฟานะคะ”
              

    (โอ้ยยย พี่มิณทร์!! พี่ลากซอลกลับไปมุกหื่นอีกแล้วนะ) กุญแจซอลแหวใส่ผมเสียงดังแต่ผมสิหัวเราะจนน้ำตาไหลไปเลย  ก็ไอ้หามขึ้นเตียงและไปจบที่โซฟามันก็วีรกรรมของผมกับซอลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งนั้น อิ๊อิ๊
              

    “ฮ่าๆ ทำมายยย หนูอายอะไรหรอคะ”
              

    (ตอนแรกซอลนึกว่าพี่จบวิศวะโยธาแต่ตอนนี้ซอลว่าพี่คงจบคณะหื่นศาสตร์สาขาเจ้าชู้ไก่แจ้มาแน่ๆเลยค่ะ)  
    แหมมมมม  ไอ้เรื่องต่อปากต่อคำต้องยกให้เมียผมเลย  ผมขับรถไปอมยิ้มไป  ทำไมเมียผมน่ารักน่าแหย่จังวะ..
              

    “พี่จบคณะรักศาสตร์  สาขาโจรปล้นใจมาต่างหากค่ะ”
              

    (โห.. งั้นพี่คงจบมาเป็นมหาโจรเลยสินะคะ) 
              

    “แต่พี่ไม่ถนัดปล้น  พี่ถนัด “ปล้ำ” มากกว่าค่ะ :)” 
              

    (พี่มิณทร์  พี่วกมาเรื่องพวกนี้อีกแล้วนะ!)        
              

    “แหมมม ก็น้ำขึ้นให้รีบตักอยากมีรักให้รีบหยอดนี่คะ” ╮(╯▽╰)╭
              

    ((- -ซอล คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วมาหาเฮียกับม๊าในห้องหน่อยนะ- -)) จู่ๆผมได้ยินเสียงไอ้กรแล่บเข้ามาในโทรศัพท์  จากที่กำลังบันเทิงกันอยู่ก็เกิดอาการชะงัก  
              

    (ดะ ได้ค่ะเฮีย เดี๋ยวซอลไปค่ะ) ผมได้ยินเสียงกุญแจซอลตอบกลับไปแบบอึกอักนิดหน่อยก่อนจะกระซิบกระซาบบอกผม  (พี่มิณทร์.. เดี๋ยวซอลโทรกลับนะคะ)
              

    “พี่ได้ยินแล้วค่ะหนูไปคุยธุระกับไอ้กรเหอะ ว่างเมื่อไหร่หนูค่อยโทรมาก็ได้ค่ะ”
              

    (พี่มิณทร์ขับรถดีๆนะ) เสียงจ๋องๆของกุญแจซอลส่ออาการว่ากำลังเป็นห่วง โถวว ชิวาว่าน้อยของพี่ จะขี้เป็นห่วงอะไรเบอร์นั้น
              

    “หนูไม่ต้องห่วงค่ะอีกสักพักพี่ก็จะแวะปั๊มเข้าห้องน้ำแล้ว”
              

    (งั้นเดี๋ยวซอลจะรีบโทรมานะคะ)
              

    “โอเคค่ะ”
               

    (..พี่มิณทร์คะ)
               

    “ซอลขา พี่รักหนูค่ะ” แปลกนะ.. ที่เพียงแค่ได้ยินเสียงลมหายใจผมก็เหมือนพอจะรู้ว่าซอลกำลังคิดอะไรและกำลังอยากจะพูดอะไรแล้ว  หรืออาจจะเป็นเพราะผมก็คิดแบบเดียวกับที่ซอลคิดเหมือนกัน?
                

    (พี่รู้ได้ไงคะว่าซอลจะพูดคำนี้  ซอลก็รักพี่มิณทร์เหมือนกันค่ะ) 


    แปลกที่ถ้อยคำประโยคเดิมๆที่เฝ้าพูดกับคนเดิมๆซ้ำๆ  ผมกลับชอบที่จะฟังมันและก็ชอบที่พูดมันออก ไปอย่างไม่รู้เบื่อ  หรือเพราะหลายปีที่ผ่านมาเรารักกันแต่ไม่สามารถบอกรักกันแบบนี้ได้นะ?  
     

     

    แค่ฟ้าที่กั้นไว้ ไม่อาจขวางใจที่ใกล้กว่า 
    แม้ไม่ได้คิดถึงทุกครั้งที่หลับตา 
    แต่ก็คิดถึงตลอดเวลาที่หายใจ

    SOL SAID

     

    ถึงแม้จะวางสายไป  และแม้ตัวเราจะอยู่ไกลแต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจเราใกล้กัน กุญแจซอลไลน์หาผมเป็นพักๆ  
    ซอลบอกว่าเธอต้องช่วยมะม๊ากับไอ้กรลิสต์รายชื่อแขกที่จะเชิญมางานหมั้นไอ้กรกับเกี่ยวก้อยในช่วงปลายปีเสร็จแล้วก็ต้องไปกินข้าวกับครอบครัวเกี่ยวก้อยต่อและกว่าจะโทรมาคุยกับผมยาวๆได้ก็คงจะค่ำๆเลยมั้ง  


    ผมขับรถไปเรื่อยๆโดยที่สลับอ่านไลน์ของซอลเป็นระยะๆ  ซอลแอบหลบออกมาโทรสั้นๆหาผมหลายครั้งจนผมเข้าพักที่โรงแรมแถวลำปางตอนค่ำนั่นแหล่ะถึงจะได้มีโอกาสนอนกลิ้งคุยกับซอลนานๆ  นี่ขนาดเพิ่งทดลองห่างกันวันแรกนะ..
              

    ผมรู้สึกโทรศัพท์เป็นอวัยวะที่สามสิบสาม  พาวเวอร์แบงค์ขาดไม่ได้เหมือนกับอากาศและสายชาร์จก็เหมือนกับข้าวอะไรเทือกนั้น  การได้เห็นหน้าซอลจากวีดีโอคอลเป็นอาหารจานหลัก ผมทำตัวติดโทรศัพท์เหมือนเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งมุ้งมิ้งจีบกันใหม่ๆ  แต่แล้วไงใครแคร์~~  


    นี่ บอกเลยว่าไม่แคร์ก็จะเต๊าะเมียตัวเองมีไรอ่ะป่ะ?
              

    “จะชาร์จแบตให้เดินหาปลั๊กแต่ถ้าจะชาร์จความรักให้โทรมาหาพี่นะคะ” 


    ผมมุ้งมิ้งเดินยิ้มกริ่มคุยโทรศัพท์และขยันหยอดมุกเสี่ยวใส่ซอลรัวๆอยู่ในปั๊มทางผ่านจากลำปางไปลำพูนที่ผมแวะเพื่อที่จะซื้อน้ำและล้างหน้า  ปั๊มสีน้ำเงินนี่ฮิตมากในหมู่นักเดินทางเพราะนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องห้องน้ำสะอาดแล้วยังมีร้านค้าขายอาหารเยอะ  และเนื่องจากผมขับรถมานานผมเลยอยากยืดเส้นยืดสายสักพัก
              

    (พี่นี่วิศวะโยธาสาขาการจัดการความเสี่ยวจริงๆนะคะ) 


    กุญแจซอลยังไม่วายจิกผมกลับ  แต่จิกยังไงก็ยังดูน่าร๊าคคคคคคคคสำหรับผมไปหมด  แหม.. ก็เลือกเสี่ยวกับเมียมันผิดตรงไหนวะ?
              

    “พี่เสี่ยวสุดใจเพื่อคว้าใจหนู ไม่รู้หรอคะ”
              

    (ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ  แล้วนี่พี่ก็ไม่ต้องเดินยิ้มให้ใครเรี่ยราดนะคะ ซอลหวง!) หูยยย ปิดท้ายความหวงได้ฟินจุง เบยยมากกค่ะ  ก็ไม่ใช่เพราะความน่ารักของหนูหรอคะที่ทำให้พี่เดินไปยิ้มไปคุยโทรศัพท์ไปเหมือนคนบ้าแบบนี้  แต่ถ้าเมียสั่งไม่ให้ยิ้มก็จะทำปากจู๋แทนแล้วกันน ~~ 
              

    “พี่ไม่ยิ้มแล้วตอนนี้พี่ทำปากจู๋แทนแล้วค่ะ”
              

    (พี่เดินไปแล้วทำปากจู๋ไปเนี่ยนะคะ)
              

    “ก็รักใครให้ทำปากจู๋ไม่ใช่หรอคะ”ผมเคยดูซีรีส์เรื่องนึงนะที่ ‘ถ้าโอเคให้ทำปากจู๋’ แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนเป็นรักใครให้ทำปากจู๋แทนแล้วกัน 
              

    (งั้นตอนนี้ซอลก็ทำปากจู๋เหมือนพี่เลยค่ะ)
              

    โง้ยยย..
              

    ขับกลับไปอมเมียใส่ปากแล้วเอามาทำงานที่เขื่อนได้ป่าววะ?
              

    หนูจะน่ารักเกินไปแล้วนะคะกุญแจซอลของพี่  ก็ถ้าหนูจะน่ารักขนาดนี้แล้วใครกล้าเสล่อมาจีบเมียพี่  พี่กระทืบมันม้ามแตกเลยนะคะ!
                

    (พี่มิณทร์คะ เดี๋ยวซอลกลับมาจากไปข้างนอกกับม๊าแล้วซอลจะโทรหานะคะ)
              

    “ไม่มีปัญหาค่ะพี่ก็จะขับรถไปเรื่อยๆ  หนูว่างแล้วค่อยโทรมาแล้วกัน”
              

    (พี่มิณทร์อย่าลืมทำปากจู๋เวลาคิดถึงซอลนะคะ)
              

    “ตอนนี้พี่ก็ทำอยู่ค่ะ” ผมทำปากจู๋ค้างอยู่แบบนั้นจนวางโทรศัพท์ไปผมก็ยังทำปากจู๋ค้างอยู่  
    รักใครให้ทำปากจู๋.. กูคิดได้ไงวะ?  
              

    ผมทำปากจู๋แล้วเดินยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนคนโรคจิตอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเดินผ่านผู้หญิงคนนึงที่นั่งหันหลังอยู่ตรงร้านสะดวกซื้อ  ผมเตะตากับตัวอักษรสีดำที่ตัดกับเสื้อยืดสีขาวที่สกีนคำว่า“นางฟ้าโยธา” อยู่กลางหลัง  
              

    โฮ่.. เจอแรร์ไอเทมที่ลำปางด้วยว่ะ
              

    “ฮึกกก” เสียงสะอื้นที่ดังรอดมาทำให้ผมชะงัก  ผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่  คือไร.. หลงทางหรือว่าไงวะ? ปกติผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบเสือกเรื่องของคนอื่นหรอกนะ แต่ไอ้คำว่า “นางฟ้าโยธา” ที่เด่นหราอยู่กลางหลังทำให้เด็กโยธาอย่างผมเดินผ่านไปไม่ได้จริงๆ  ยังไงซะเราก็น่าจะเลือดสีเดียวกัน..
              


    “เอ่อ  เธอโทษนะ” 


    ผมตัดสินใจเดินเข้าไปทักกะว่าถ้าโดนด่าก็จะชิ่งออกมาทันที  ผู้หญิงคนนั้นช้อนตาแดงก่ำขึ้นมามองผมพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา “มีไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?”
              

    ผมสังเกตการณ์แต่งตัวของ “นางฟ้าโยธา” ที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง  ผมว่าน่าจะใช่นะเพราะที่คอเธอก็มีเกียร์ห้อยอยู่ด้วย  ผมเลยเดาเอาว่าเราน่าจะรุ่นเดียวกัน 
              

    “ไม่มี!” แต่.. ผมกลับโดนเธอคนนั้นตะคอกกลับมาเสียงแข็ง อ่า..หล่อขนาดนี้แต่มองผมอย่างกับโจร  นี่ให้เกียรติเบ้าหน้ากันบ้างป่าววะ          
              

    “คือ..เราเห็นสกีนบนเสื้อเธอ” ผมชี้ไปที่เสื้อที่เธอใส่อยู่ “เราเรียนวิศวะโยธาอยู่ ม.K ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ” ผมยื่นไมตรีจิตให้เธออีกครั้ง คือไม่ได้กะจะจีบอะไรเลยนะก็เห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่เลยอยากจะช่วยจริงๆแต่ยัยนั่นกลับเอาแต่มองผมตั้งแต่หัวจรดหาง   ชิชะ!
              

    “แต่ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วย ก็ไปก่อนนะ” 


    ก็ถ้าจะมองคนหล่อเป็นโจรขนาดนั้นผมกลับไปนั่งทำปากจู๋รอโทรศัพท์ซอลต่อในรถก็ได้ ส่วนยัย“นางฟ้าโยธา” นี่ก็ปล่อยให้นั่งโสภาร้องไห้อยู่คนเดียวในปั๊มต่อแล้วกัน  ผมวาร์ปก่อนล่ะ บรั๊ยยยยยย
              

    “ดะ เดี๋ยวก่อน! ” 
              

    “ห้ะ” ผมสะดุดกึกเมื่อยัยนั่นจู่ๆก็ดึงชายเสื้อผมไว้
              

    “เราขอโทษนะที่เมื่อกี้พูดด้วยไม่ดี”
              

    “อ่าฮะ”
              

    “เรามากับรถตู้แล้วรถตู้จอดแวะปั๊มพอดีกับคนก็ลงเยอะแล้วเราก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้  พอออกมาอีกทีรถตู้ก็ไม่อยู่แล้ว..” ยัยนั่นเล่ามารวดเดียวจบพร้อมกับทำน้ำตาซึมๆ  มิน่าเห็นนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวข้าวของอะไรก็ไม่มี  
    แล้วจะไงต่อดีล่ะ
              

    “อ่า แล้วนี่เธอจะไปไหนล่ะ?”
              

    “ลำพูน..” 
              

    หือมมม  คราวนี้เป็นผมที่กระพริบตาปริบๆมองยัยนางฟ้าโยธาที่ทำหน้าจ๋อยตรงหน้าแทนบ้าง  ดูจากลักษณะท่าทางกับเสื้อที่ใส่และจุดหมายที่จะไปแล้ว   หือมมมมมมม ทะแม่งๆว่ะ
              

    “ไปไมอ่ะ บ้านอยู่นั่นหรือไง”
              

    “ไม่ใช่” ยัยนั่นส่ายหน้า “เราจบโยธามาจากม.B บ้านเราอยู่ชลบุรีแต่เราได้งานทำที่เขื่อนที่ลำพูน  พรุ่งนี้ต้องเริ่มงานวันแรก”
              

    เยดเข้  ผมรู้สึกเหมือนถูกหวยเลขท้ายสามตัวเลยว่ะ!
               

     
    “แล้วเธอจะเอาไงต่ออ่ะ”
              

    “นายจะไปไหนล่ะขอเราติดรถไปลงสถานีตำรวจหน่อยได้มั้ย ตอนนี้โทรศัพท์เราแบตหมดเราจะไปแจ้งตำรวจก่อนแล้วโทรหาแม่ เมื่อกี้เราตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะของทุกอย่างรวมทั้งเอกสารอยู่ในกระเป๋าที่ติดไปกับรถตู้หมดเลย  โทษทีนะ”
              

    การรับคนแปลกหน้าขึ้นรถเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำเลย  ผมมองหน้าจ๋องๆของยัยนั่นบวกกับเกียร์ที่ห้อยคออยู่แถมยังเสื้อที่ใส่เด่นหราอยู่อีก  คือถ้าทิ้งยัยนั่นไว้ที่นี่  ผมก็หมาอ่ะ..
              

    “เธอจะไปแจ้งความใช่ป่ะ งั้นไปดิเดี๋ยวไปส่ง” เฮ้อออ  เก็บเด็กหลงต่างสถาบันได้คน ช่วยก็ช่วยวะ
              

    “ขะ ขอบใจนะ” 
              

    “อ่ะ” ผมยื่นโทรศัพท์ส่งให้ยัยนั่นเพื่อแสดงความบริสุทธิใจสุดๆ “เธอโทรไปบอกที่บ้านเลยจะได้สบายใจ  บอกทะเบียนรถฉันไปด้วยเลยก็ได้ฉันไม่เอาเธอไปขายหรอก” 
              

    “ขอบใจนะ” 


    ยัยนั่นรีบคว้าโทรศัพท์หมั่บ! ผมยืนฟังตาตั้ง โอ้โห.. ยัยนั่นบอกรูปพรรณสัณฐานผมกับคนที่บ้านอย่างไม่ลังเล  เห้ยย นี่คนดีศรีสยามมทำไมทำอย่างกับผมเป็นโจรวะ  ยัยนั่นส่งโทรศัพท์คืนมาให้ผมอีกครั้งหลังจากร่ายยาวถึงทะเบียนรถ รุ่นรถและสีรถผมเสร็จ  คือ..คนกำลังทำความดีแต่ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนนักโทษหนีคดีจังวะ?
              

    “เออ โรงพักอยู่ในตัวเมืองนะเดี๋ยวต้องวิ่งย้อนกลับเข้าไปในตัวเมืองด้วยเพราะตอนนี้เราอยู่เส้นทางเลี่ยงเมือง” ผมบอกพิกัดแม่นางฟ้าโยธาคร่าวๆเพราะเดี๋ยวจะพาลเข้าใจว่าผมจะหลอกพาไปขายอีก “งั้นเดี๋ยวไปเลยแล้วกัน”       
              

    “เอ่อ ขอบใจนายอีกครั้งนะ”  
              

    “อ่าฮะ”
              

    “โทษทีนะเลยยังไม่ทันได้แนะนำตัวเองเลย” ยัยนั่นเช็ดมือเข้ากับขากางเกงแล้วยื่นมือมาเช็คแฮนด์กับผมก่อนจะขึ้นรถ  “เราชื่อมิ้นต์นะ” 
              

    หือมมมมมมมมมมมมมม
              

    “อ่า มิณทร์ครับ”
              

    “ขอบใจที่ช่วยนะมิณทร์  ยินดีที่ได้รู้จัก”
              

    ยินดีที่ไม่รู้จักดีกว่าไหมอ่ะ   โหลไปนะ.. ชื่อ



    (LOADING 100%)


     



    ❤❤❤❤
    TALK 4

    หู้ววว ตัวละครลับมาาาาาาาาาาาา
    ทำไมรู้สึกใจเต้นตุ้มต่อมๆแทนหนูซอลก็ไม่รู้ แง~~
    พี่มิณทร์จะแพ้คนชื่อมิ้นต์อีกไม่ได้นะ!!
    ทำปากจู๋ไว้ค่ะ หนูซอลรออยู่นะคะพี่มิณณณทร์ >_<


    "โปรดอย่าไปเผลอใจ อย่าไปลองคบใคร
    อดทนรอได้ไหม..
    จนถึงวันนั้นที่เป็นวันของเรา"

    ฟีเจอร์ใหม่ของเด็กดี
    อย่าลืมกดกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาาา จุ๊บๆ <3
    *****

     

    TALK 3

    งื้ออออออ อันความมุ้งมิ้งของคู่นี้ ><
    รักกันน่าหมั่นไส้เฟร่อออออออ
    ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า
    จับมือกันแน่นๆนะพี่มิณทร์ x หนูซอล
     

    *****
     

    TALK 2

    กลับมาแล้วจย้าาาาา
    ขอโทษนะคะหายไปนานเลย
    ช่วงที่ผ่านมา เค้าไปล้มกลิ้งจนข้อเท้าพลิกเข้ารพมา 555+
    เลยเดี้ยงจนต้องหยุดหมดทุกสิ่งอย่าง ไม่ได้แตะนิยายเลยยยย
    แค่จะบอกว่า คิดถึงพี่มิณทร์มากกกกกกกก
    ตอนนี้กลับมาอัพได้ปกติแล้นน  
    พรุ่งนี้อัพให้ยาวไปจ้า



     

     

    รักส์
     



    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     


     


     


     

     

     

     

     

     


     

     


     

     


     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×