NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #13 : ความรักที่ไม่ใช่ความฝัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.22K
      85
      4 มิ.ย. 66


    EP 13 : ความรักที่ไม่ใช่ความฝัน
     

    ผมจินตนาการถึงวันนี้หลายครั้งแต่มันก็อยู่เหนือความคาดคิดไปหมด เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะสารภาพรักตรงๆกับคนข้างๆ  ยิ่งได้เจอซอลใกล้ๆผมยิ่งรู้สึกถึงความต่างและเด็กน่ารักอย่างซอลควรจะได้พบเจอใครที่ดีกว่านี้  ผมดีแต่ทำให้ซอลเจ็บเพราะงั้นผมถึงทบทวนและถามตัวเองอยู่หลายทีว่าที่ผมมาหาซอลในวันนี้มันสมควรหรือยัง?  ผมเพิ่งเลิกกับมิ้นท์และผมก็กำลังจะไปทำงานต่างจังหวัด เรื่องราวความรักของผมกับซอลนั้นมันดูไม่มีอะไรจะเป็นไปได้เลย  


    ผมคงจะตัดสินใจไปทำงานต่างจังหวัดเลย  ถ้าเสียงกระซิบในคืนนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน


     

            
    ‘ซอลต้องรักพี่มิณทร์มากแค่ไหนคะถึงจะถึงเวลาที่จะรักกันได้ หรือแค่นี้ซอลยังรักพี่น้อยไปคะ?’
            

    ‘พี่เลวกว่านี้ซอลก็รักค่ะ’
            

    ‘ตื่นแล้วมาหาซอลนะคะ..’
             

    จากที่ผมเคยคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่ฝัน  แต่แปลกนะ.. ที่ผมค่อยๆจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นคืนนั้นได้ทีละเรื่องสองเรื่องจนผมจำทุกอย่างได้เกือบทั้งหมด  และผมก็คงจะโคตรเลวถ้าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น
            

    ‘รักดีๆมันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนนะ เพราะงั้นมึงอยากทำอะไรตามใจก็ทำเหอะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ทำ  ถ้ารักก็เดินไปบอกเขาว่ารัก’ 


    คำพูดเนือยๆและสีหน้าไร้ความรู้สึกของไอ้ฉัตรมันยิงตรงเข้าสู่ก้านสมองผมอย่างแรง  และไหนๆผมก็ตกหลุมรักกุญแจซอลไปแล้ว  ารไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเองและปล่อยให้ผู้หญิงที่เรารักเสียใจผมว่ามันโคตรตุ๊ด ทีกุญแจซอลยังกล้าหาญที่จะรักผมและรอผมมาได้ตั้งหลายปีแค่จะโดนซอลหักอกกลับแค่นี้   จะเป็นไรไปวะ?
              

    “พี่มิณทร์มีอะไรจะคุยกับซอลหรอคะ?” 


    กุญแจซอลเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาในที่สุด ผมเพิ่งสังเกตว่าเราเดินเลาะไปตามฟุตบาทมาได้ซักพักแล้วเย็นมากแล้วแต่บริเวณภายในมหาลัยกุญแจซอลคนก็ยังพลุกพล่นอยู่  ผมอยากหาสถานที่ที่คนน้อยๆหน่อยแต่ไม่เป็นไรเราเดินคุยกันไปเรื่อยๆก็ได้  เพราะผมก็พร้อมที่จะพูดแล้วเหมือนกัน
              

    “พี่จะมาคุยกับหนูเรื่องคืนนั้นค่ะ”


    กุญแจซอลชะงักขานิดหน่อยแล้วพยายามเก็กหน้าให้เป็นปกติ ใบหน้าหวานยังเม้มริมฝีปากอย่างพยายามเก็บความรู้สึกอยู่ แหม่ น่าจับมากดปากจูบจัง  “เรื่องที่พี่ทำกับหนู.. พี่จำได้หมดทุกเรื่องนะคะ”
              

    กุญแจซอลมีสีหน้ากระอักกระอ่วนนิดหน่อยแต่ก็พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ ผมเฝ้าสังเกตท่าทางของกุญแจซอล  เธอรังเกียจเรื่องราวในคืนนั้นรึเปล่านะ?
              

    “แล้วพี่มิณทร์จะรับผิดชอบซอลยังไงคะ”ดวงหน้าหวานช้อนแววตากลมโตขึ้นมามองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ อา.. ผมควรทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีต่อไปแล้วปล่อยให้กุญแจซอลลอยอยู่บนฟ้าจะดีกว่ามั้ยวะ?
              

    “หนูจะให้พี่รับผิดชอบยังไงดีล่ะคะ” 


    ผมยังแสร้งปั้นรอยยิ้มล้อเล่นกับเธอเหมือนเคยทั้งที่จริงๆหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปนานแล้ว  หัวใจผมลอยไปอยู่กับเธอและเฝ้าวนเวียนคิดถึงเพียงแต่เธอ  แต่ผมทำได้แค่เก็บซ่อนมันไว้เท่านั้น
              

    “เราคบกันได้มั้ยคะ?”กุญแจซอลสวนปลายคางผมมาหนึ่งหมัด  พูดตรงๆไม่อ้อมค้อมแบบนี้เนี่ยล่ะนิสัยของนางฟ้าของผมเลย  ผมคลี่ยิ้มด้วยหัวใจลิงโลดแต่เรื่องราวทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นและจบลงง่ายดายขนาดนั้น..
              

    “นี่มัดมือชกกันเลยหรอคะ”
              

    “ก็พี่มิณทร์บอกจะรับผิดชอบซอลนิตกลงพี่แกล้งซอลเล่นอีกแล้วใช่มั้ย แล้วตกลงพี่มาหาซอลทำไมล่ะคะ”สิ่งที่ลูกผู้ชายอย่างผมต้องยอมรับคือ  ทั้งสวย.. ทั้งเพียบ พร้อมอย่างซอลคู่ควรกว่าคนที่ดีพร้อมกว่าผมจริงๆ ผมควรให้โอกาสซอลพิจารณาผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีเด่อย่างผมอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
              

    “ความจริงพี่ดีใจมากเลยนะคะที่ได้ยินหนูพูดแบบนี้” ผมเว้นวรรคก่อนจะหยุดหายใจเข้าลึกๆ “ที่พี่จูบหนูพี่ตั้งใจค่ะ”
              

    มันไม่ยากหรอกการบอกรัก.. แต่สิ่งที่ยากคือผลลัพธ์ที่จะตามมามากกว่า กุญแจซอลชะงักที่ผมพูดออกมาตรงๆ  ผมปล่อยให้เรื่องของเราล่วงเลยนานมาแล้ว  และวันนี้คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องคุยกันสักที บทสรุปความรักระหว่างผมกับกุญแจซอล
     

           “พี่ไม่ปล้ำจูบคนที่พี่ไม่รักหรอกค่ะ"
    MIN SAID

              

    SOL’S TALK         
              
              

    ดวงตาฉันเป็นประกายระยิบระยับเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง การงัดปากผู้ชายปากหนักอย่างพี่มิณทร์เป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่สุดในปฐพี สาบานว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้ฝัน?  วันนี้จู่ๆพี่มิณทร์ก็บุกมาหาฉันและก็เหมือนฉันได้ยินว่าเขาตกลงที่จะคบกับฉันด้วย ฉันรีบปัดเส้นผมทัดหูเผื่อเมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัด
              

    “พี่มิณทร์ว่าไงนะคะ?” 


    อยู่ๆรอบกายฉันเงียบขนาดได้ยินเสียงลมพัด เสียงรถวิ่ง เสียงเอะอะที่ดังอยู่รอบตัวเมื่อกี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ฉันพาพี่มิณทร์เดินมาหยุดอยู่หน้าตึกคณะวิศวะซึ่งสีเสื้อช็อปของพี่มิณทร์กับเด็กวิศวะมหาลัยฉันแตกต่างกันอย่างชัดเจน หลายสิบสายตาจ้องมองเราสองคนผ่านลานเกียร์อย่างสนอกสนใจแต่เหมือนพี่มิณทร์จะไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
              

    “พี่ก็อยากคบกับหนูนะคะแต่วันนี้ที่พี่มาก็เพื่อมาบอกลาหนู..” เป็นอีกครั้งที่กระแสล้อเล่นในน้ำเสียงหายไปและแทนที่ด้วยความจริงจัง  เมื่อกี้พี่มิณทร์พูดว่ามาเพื่อบอกลาฉัน?  เขาจะมาตลกร้ายอะไรอีกแล้ว..
              

    “ถ้าพี่ไม่อยากคบกับซอลพี่ก็ไม่ต้องทำซีเรียสขนาดนี้ก็ได้นะคะ” 


    ความจริงฉันก็เผื่อใจไว้บ้างแล้วล่ะเพราะได้ยากอย่างพี่มิณทร์น่ะไม่มีทางตอบตกลงคบกับฉันง่ายๆ ไม่คบก็ไม่คบสิ.. ฉันก็พอรู้อยู่แล้วล่ะ
              

    “ซอลคะ ที่พี่พูดเนี่ยพี่จริงจังนะคะ”จริงจังแค่ไหนแค่ไหนเรียกจริงจังอย่างพี่มิณทร์น่ะเคยจริงจังกับคนอื่นเขาด้วยหรอ? เขาก็แค่หาเรื่องปฏิเสธฉันเท่านั้น   
              

    “เรื่องคืนนั้นมันก็แค่ฝันและก็มีแต่ซอลเท่านั้นที่ยังฝันค้างอยู่ เรื่องจริงคือพี่มิณทร์ตื่นจากฝันแล้วก็แค่นั้น” ฉันไม่รู้ว่าต้องเจ็บปวดอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งกับการตามรักผู้ชายคนนี้หรือความรักฉันมันจะเป็นจริงได้ก็แค่ในฝัน?
              

    “ซอลคะมันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ..” 


    มันยิ่งกว่าหมดหวังเพราะแค่เขาไม่รักฉันก็จุกจะแย่อยู่แล้ว  หรือที่เขาแว๊นมอไซค์จากบางเขนมาหาฉันถึงนี่ก็แค่มาเพื่อปฏิเสธฉัน?
              

    “พี่มิณทร์พอเถอะค่ะ” การโดนปฏิเสธซ้ำๆเป็นอะไรที่ใจยับสุดๆไปเลย “พี่เนี่ยยังใจร้ายเหมือนเดิมเลยนะคะ”ฉันไม่อยากยืนน้ำตาแตกหน้าคณะวิศวะโดยที่มีเด็กวิศวะนับสิบกำลังมองฉันกับพี่มิณทร์ข้ามมาจากลานเกียร์อยู่  ฉันพยายามเดินหนีพี่มิณทร์แต่เขากลับตามมาจับท่อนแขนฉันไว้อีกครั้ง
              

    “ซอลคะ ฟังก่อนพี่กำลังจะไปทำงานต่างจังหวัดค่ะ!” 


    พี่มิณทร์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มติดจะจริงจังมือหนาของเขานั้นคว้าจับท่อนแขนฉันไว้แน่น  ฉันกระพริบตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ  นี่พี่มิณทร์กำลังพูดเรื่องอะไรของเขาน่ะ?
              

    “พี่ไม่ใช่ผู้ชายที่ปฏิเสธผู้หญิงด้วยคำพูดสั่วๆนะคะ  ถ้าหนูยังยืนยันที่จะไม่ฟังพี่อีกพี่สาบานต่อหน้าเกียร์ตรงนี้ว่าพี่จะจูบหนูหน้าป้ายคณะนี่ล่ะค่ะ” พี่มิณทร์ใช้แขนอีกข้างกอดล็อคเอวฉัน เสียงเป่าปากดังข้ามลานเกียร์มาจากข้างตึกวิศวะกันอย่างกับเชียร์มวย!  เฮ้ยย ฉันกำลังโดนเด็กวิศวะมออื่นรังแกแทนที่จะเข้ามาช่วยแต่ดันเป่าปากเชียร์พวกเดียวกันมันหมายความว่าไงยะ
              

    “พี่มิณทร์ไม่ต้องมาขู่ซอลเลยนะ!!”
              

    “ไม่ได้ขู่ค่ะพี่พูดจริงทำจริง  หนูจะลองมั้ยล่ะคะ?” แล้วพี่มิณทร์ก็ฉกศีรษะวูบลงมาหมายจะปิดปากจูบฉันเล่นเอาฉันก้มหน้าหลบแล้วเอามือปิดปากเขาแทบไม่ทันเลย คราวนี้เสียงเชียร์จากเด็กวิศวะทั้งโห่ร้องทั้งเป่าปากเชียร์กันกระหึ่ม โอ้ย ทำไมพี่มิณทร์ถึงทำอะไรห่ามได้ขนาดนี้น่ะ!
                

    “พะ พี่มิณทร์พอได้แล้ว ซอลฟังแล้วค่ะ!!” 


    ฉันหลับตาปี๋ขณะเอี้ยวใบหน้าหลบริมฝีปากของพี่มิณทร์ที่หมายจะปิดปากฉัน  การกระทำห่ามๆของเขาเขย่าหัวใจฉันสุดๆไปเลย  นี่ถ้าฉันหลบไม่ทัน ถ้าฉันเอามือปิดปากพี่มิณทร์ไม่ทันจะทำยังไง ไม่ต้องโชว์จูบโชว์ผู้คนจนตกเป็นขี้ปากของคนทั้งมหาลัยกันเรอะ เขาแสบอ่ะ!
                

    “ซอลจะฟังพี่  ซอลจะไม่หนีพี่อีกใช่มั้ยคะ” พี่มิณทร์แนบใบหน้าพูดชิดติดหูฉัน
              

    “ฟะ ฟังค่ะ!! ซอลจะฟังพี่ทุกอย่างเลย พี่ปล่อยซอลก่อนเถอะนะคะ” พี่มิณทร์ยิ้มเผล่ก่อนจะค่อยๆคลายวงแขนออกจากรอบเอวฉันแต่มือหนาของเขานั้นยังคงจับมือฉันไว้แน่นไม่ปล่อยเลย  เขามองฉันที่ยืนก้มหน้างุดด้วยความเขินอย่างพอใจก่อนจะกระตุกมือให้ฉันเดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆเขา
              

    “รถหนูจอดไว้ที่ไหนคะ?”
              

    “ซะ ซอลจอดรถไว้บนตึกจอดของมหาลัยค่ะ”
              

    “งั้นหนูพาพี่ไปหน่อยได้มั้ยคะพี่อยากคุยกับหนูสองคน  หนูคงไม่อยากให้พี่จับหนูจูบต่อหน้าคนอื่นหรอกใช่มั้ยคะ”
              

    “ถ้าซอลอยู่กับพี่สองคนซอลจะปลอดภัยหรอคะ”
              

    “อันนี้พี่ไม่รับประกันค่ะขึ้นอยู่กับความดื้อของหนูถ้าหนูไม่ดื้อก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ” พี่มิณทร์เปลี่ยนโหมดจากเล่นบทโหดเป็นแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉัน  เขากระชับมือหนาที่จับอยู่กับมือฉันแน่นขึ้น  ฉันรู้สึกตัวลอยๆเหมือนอยู่ในความฝัน


     

     

              
    “นี่ซอลอ่านไม่ออกเลยนะคะว่าพี่คิดจะทำอะไร ซอลไม่รู้ว่าพี่คิดยังไงกับซอลทำไมพี่ถึงจูบซอลแต่ก็ไม่ยอมคบกับซอลซักที พอซอลจะเดินหนีพี่ก็ยังตามมารั้งซอลไว้อีก นี่ซอลไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้วนะคะ” 


    ฉันพูดกับพี่มิณทร์เสียงสั่น ทุกคำพูดพลั่งพลูมาจากส่วนลึกของฉัน  พี่มิณทร์คิดอะไรและคิดยังไงกับฉันนั้นฉันไม่เคยรู้เลย.. เขามองฉันเป็นได้แค่น้องสาวหรือเป็นผู้หญิงคนนึงที่มาตกหลุมรักเขากันแน่นะ?
              

    “ที่เหลือเราไปคุยกันต่อในรถดีกว่านะคะ พี่สัญญาว่าพี่จะตอบทุกคำถามที่หนูอยากรู้” พี่มิณทร์แตะระบายรอยยิ้มก่อนใช้อีกมือเอื้อมมาคลอนศีรษะฉันเบาๆ “ หนูเตรียมลิสต์คำถามมาเลยนะคะ” ฉันช้อนตามองพี่มิณทร์ด้วยแววตาไหวสั่นขณะที่พี่มิณทร์แนบหน้าผากมาแปะกับหน้าผากฉันจนเสียงเชียร์จากลานเกียร์ดังขึ้นมาอีกรอบ 


    “วันนี้พี่ให้สิทธิกุญแจซอลไขหัวใจพี่ได้เต็มที่เลยค่ะ”
     
     

    “และซอลก็เป็นคนสุดท้ายที่พี่จะรัก
    SOL SAID



    คำพูดของพี่มิณทร์ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของมะม๊าที่เคยบอกฉัน.. มะม๊าบอกว่าฉันคือ ‘กุญแจที่สามารถไขความลับในหัวใจ’และไม่ว่าอะไรฉันก็จะสามารถไขมันออกมาได้เพราะฉันคือกุญแจซอล มะม๊าคะ.. วันนี้ซอลจะไขหัวใจของพี่มิณทร์ค่ะ
             

    ฉันเดินจูงมือกับพี่มิณทร์กลับมายังรถส่วนตัวของฉัน  บนตึกจอดชั้น ๗ ของตึกจอดในมหาลัยตอนนี้ค่อนข้างร้างคนและมีรถที่จอดทิ้งไว้อยู่ไม่กี่คัน  หัวใจฉันเต้นตึกตักเมื่อฉันปลดล็อครถแล้วพี่มิณทร์ก็เปิดประตูขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆ
              

    “ได้อยู่กันสองคนสักทีนะคะ” 


    พี่มิณทร์ปรับเบาะนั่งให้ถอยหลังเพื่อที่เขาจะได้นั่งยืดขาได้สบายขึ้น  ฉันหันไปมองผู้ชายส่วนสูงร้อยแปดสิบที่กำลังนั่งเบียดตัวอยู่ข้างฉัน นอกจากพี่มิณทร์จะปรับเบาะเลื่อนให้นั่งสบายขึ้นแล้วเขายังปรับพนักให้เอนลาดลงไปอีกด้วย  


    พี่มิณทร์ยกแขนขึ้นประสายท้ายทอยขณะเอนกายแล้วเหลือบตามามองฉัน เราสองคนมองสบตากันและในความนิ่งงันก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย  ฉันกับพี่มิณทร์นั่งมองสบตากันท่ามกลางความเงียบอยู่แบบนั้น  และบนตึกจอดรถชั้น ๗ ก็มีแต่รถฉันที่จอดติดเครื่องไว้อยู่  ฉันสังเกตเห็นสายตาพี่มิณทร์ค่อยๆกวาดมองไปทั่วใบหน้าฉัน
              

    “หนูมีอะไรอยากจะถามพี่  ถามมาได้เลยนะคะ” แววตาพี่มิณทร์สบตรงมาที่ฉันก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาแตะแตะใบหน้าฉันอย่างแผ่วเบา  
              

    “ที่พี่บอกว่าจะไปทำงานต่างจังหวัดหมายความว่าไงคะ?”
              

    “พี่ได้งานโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำที่จังหวัดลำพูนค่ะ พี่ยื่นใบสมัครและได้รับการตอบรับเรียบร้อยแล้ว อีกสองอาทิตย์พี่ต้องขึ้นไปอยู่ที่ลำพูน วันนี้พี่เลยมาบอกหนูค่ะ” สัมผัสจากหลังมือพี่มิณทร์ยังคงลากไล้ผิวแก้มฉัน  ฉันสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในสัมผัสและความรู้สึกบางอย่างแอบซ่อนอยู่  
              

    “ทะ ทำไมพี่มิณทร์ต้องไปด้วยล่ะคะ?” ก็พี่มิณทร์น่ะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมพี่มิณทร์ต้องไปทำงานประจำที่ต่างจัง หวัดด้วยล่ะ.. ฉันไม่เข้าใจ
              

    “มันเป็นโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ที่พี่ฝันอยากเป็นส่วนหนึ่งมานานแล้วค่ะ พี่ตั้งใจจะไปทำตามความฝันให้สำเร็จ”
              

    “ที่บ้านของพี่มิณทร์ยอมให้พี่ไปหรอคะ?” ฉันเคยได้ยินเฮียกรเล่าให้ฟังว่าจริงๆแล้วพี่มิณทร์ไม่ค่อยถูกกับพ่อเขาเท่าไหร่  พี่มิณทร์เป็นคนที่ชอบทำอะไรตามใจและไม่อยากมีชีวิตอยู่ภายใต้อาณัติของบริษัทพ่อตัวเอง พี่มิณทร์อยากเก่งและสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง  ฉันเคยได้ยินเฮียกรเล่ามาแบบนั้น
              

    “ถ้าพี่อยากไปไม่มีใครห้ามพี่ได้หรอกค่ะ” 


    นี่คือเหตุผลที่เขาบอกว่าเขาจะมาบอกลาฉัน แต่ลำพูนก็ไม่ใช่ขั้วโลกเหนือป่ะไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้เจอกันซะหน่อย  ทำไมเขาถึงทำเหมือนเราจะไม่เจอกันไม่รู้ด้วยนะ?
              

    “พี่อยากไปทำงานก็ไปสิคะจะมาบอกลาซอลทำไม  อินเตอร์เน็ทก็ใช้ได้  คลื่นโทรศัพท์ก็มี  ทำไมพี่พูดเหมือนเราจะไม่ได้เจอกันอีกล่ะคะ” ฉันยังไม่เห็นเหตุผลใดๆที่เขาตั้งใจจะใช้เพื่อบอกลาฉัน  พี่มิณทร์ถอนหายใจหนักๆก่อนจะไล้ใบหน้าข้อนิ้วไปตามผิวแก้มฉันอย่างอ่อนโยน
              

    “หนูยอมรับรักทางไกลได้หรอคะ? พี่ไปทำงานนะคะสัญญานโทรศัพท์ก็อาจจะไม่มี  ติดต่อก็อาจจะไม่ได้ เดือนนึงจะได้ลงมากรุงเทพเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แถมปีนึงพี่ก็ไม่รู้จะได้กลับมาบ้านได้กี่ครั้ง หนูลืมคิดถึงปัจจัยพวกนี้ไปรึเปล่าคะ?” 


    พี่มิณทร์แตะข้อนิ้วไล้สัมผัสผิวแก้มฉันก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น  อา.. เขากำลังหมายถึงความห่างไกลที่เราต้องเผชิญ  แต่สำหรับฉันแล้วขอแค่ให้ได้หัวใจพี่มิณทร์ฉันก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
              

    “แล้วพี่มิณทร์คิดยังไงกับซอลคะ” 


    เป็นคำถามที่ฉันใจสั่นเป็นที่สุด ฉันไม่อยาก เป็นแค่น้องสาวพี่มิณทร์พอๆกับไม่อยากให้เขาตกลงคบกับฉันเพราะสงสาร  สัมผัสแผ่วเบาที่ไล้ไปตามผิวแก้มฉันของพี่มิณทร์มีทั้งความอบอุ่นแต่ก็เจือด้วยความผลักไส..
              

    “พี่คิดกับหนูเหมือนกับที่ผู้ชายคิดกับผู้หญิงค่ะ หนูนี่เก่งนะคะหลุดเข้ามาในหัวใจพี่ตอนไหนพี่ยังไม่รู้ตัวเลย  รู้ตัวอีกทีหัวใจพี่ก็มีแต่หนูแล้วซะงั้น”
              

    “พี่มิณทร์รักซอลไหมคะ?”
              

    “พี่ชอบหนูค่ะ..” พี่มิณทร์ขยับตัวขึ้นมานั่งและรั้งมือของฉันเอาไปแตะที่ริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา  เมื่อกี้เขาบอกว่าเขาชอบ.. แต่ไม่ได้บอกว่ารัก  น้ำตาฉันรื้นขึ้นมาเหมือนสั่ง ฉันพยายามรั้งน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลต่อหน้าพี่มิณทร์แต่มันก็ไม่เคยทันสักที
              

    “พี่ก็แค่ชอบซอลแต่ก็ไม่เคยรัก..”
              

    “พี่ไม่ปล้ำจูบคนที่พี่ไม่รักหรอกค่ะ ซอลคะ..พี่อยากให้ซอลคิดให้ดีๆ เป็นพี่..มันคู่ควรกับผู้หญิงอย่างหนูแล้วหรอคะ?” 
              

    “ผู้หญิงอย่างซอลมันทำไมหรอคะ” ฉันพยายามสะกดกลั้นก้อนสะอึกที่มันตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ  ผู้หญิงอย่างฉันมันทำไมล่ะ?
              

    “ก็เพราะหนูคือกุญแจซอล ดาริกา มานพสกุลไงคะ ลูกสาวคนเล็กของทายาทหมื่นล้านตระกูลมานพสกุล  หนูมีพี่ชายขี้หวงและมีผู้ชายต่อแถวเข้าคิวรอจีบเป็นกองทัพ”
              

    “แต่พี่มิณทร์ก็ไม่เคยรวมอยู่ในนั้น..”
              

    “ซอลคะ  พี่ก็เป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่ไม่มีอะไรดีเด่ พี่รวยไม่ได้ครึ่งของลูกเจ้าของธุรกิจที่ต่อคิวกันมาจีบหนู  ถ้าตัดนามสกุลที่บ้านทิ้งไป.. พี่แทบไม่มีอะไรคู่ควรกับหนูเลยค่ะ”

     

    (LOADING 100%)



    มาดพระเอกสุดไรสุด 
    จะเอาไงเนี่ยยยอีพี่มิณทร์
    เค้าสงสารหนูซอลลล T^T

     

    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     

     

     

     


     


     

     

     


     

     


     

     


     

     


     

     


     

     


     

     





     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×