ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) SF #พลอตชั่ววูบ | CHANKAI / SEKAI / Allcouple

    ลำดับตอนที่ #9 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 1 : No Title 05 PART II (sekai)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 58




    (os) [period series] notitle05 PART II  | (sekai)

    pairing : sehun x jongin

    rate : PG-15

    NOTE ::  เตรียมกระดาษทิชชู่ *ทำตัวแดงขีดเส้นใต้ทับ*

    ปล. ยังยืนยัน..ว่ามันไม่ใช่ฟิคยาว #ห้าตอนละเธอ


     

    SONG :: TO LOVE'S END - OST. INUYASHA(EHRU COVER)






     

     

     

     

    "ห่วงใดเล่าจะเทียบเท่าห่วงคนที่รัก"

     

     

     

    หลายราตรีนับตั้งแต่ขบวนทัพออกเดินทาง มิมีค่ำคืนไหนที่จงอินจะหลับสนิท ราชกิจที่องค์ชายห้ามอบหมายให้สะสางตัดสินใจตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่เสร็จสิ้นเสียตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ในแต่ละวันคิมจงอินโหมงานหนักเสียจนใครต่อใครต่างก็อดเป็นห่วงไม่ได้

     

    องค์ชายสองเสด็จ

     

    ร่างโปร่งที่กำลังยืนเกาะบานหน้าต่างทอดสายตาออกไปไกลรีบหมุนตัวกลับ ทว่ายังไม่ทันจะได้โค้งคำนับ สองพระหัตถ์ขององค์ชายสองก็คว้าไหล่คนสนิทของน้องชายเอาไว้เสียก่อน จงอินโค้งหัวให้อย่างนอบน้อมและขยับตัวถอยห่างมายืนก้มหน้าอย่างที่ตนเรียนรู้มา ทว่าองค์ชายสองกลับรั้งร่างราชเลขาของพระอนุชาเอาไว้แล้วจับให้นั่งลงเสียบนโต๊ะเดียวกัน จงอินนึกขัดใจนัก พี่น้องสองคนนี้นี่อย่างไรกัน ชอบบังคับเขานักรึ

     

    "เซฮุนฝากฝังข้า ให้มาดูแลเจ้า"

     

    "เห็นทีจะไม่สมควรพะย่ะค่ะองค์ชาย"

     

    จงอินรีบรุดยืนขึ้นทั้งยังโค้งศีรษะเสียแผ่นหลังจวนเจียนตั้งฉาก องค์ลายสองทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็แย้มพระสรวล เป่งเสียงหัวเราะออกมาเสียดังลั่น

     

    "เจ้านี่เป็นดั่งคำคนเขาเล่าเสียจริง" 

     

    ดำรัสขององค์ชายสองเรียกริ้วความฉงนให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคิมจงอินได้อย่างรวดเร็ว คำคนเขาเล่านั้นดีหรือไม่อย่างไรกัน หรือมันจะเป็นติฉินนินทาให้เดือดร้อนถึงองค์ชายห้า ความกังวลเกาะกินจนปรากฏชัดบนใบหน้าเสียจนคนเอ่ยวาจาพาให้เข้าใจผิดนั้นต้องรีบแก้ไข

     

    เซฮุนพูดถึงเจ้าบ่อยครั้ง ยามที่เจ้าออกชายแดนแทนเขา จงอินอย่างนั้น จงอินอย่างนี้ ได้พบเห็นเองกับตา มิแปลกใจเลยที่เจ้ามัดใจเขาไว้ได้

     

    องค์ชายชานยอล!

     

    นั่นปะไร โกรธเสียแล้ว จี้จุดได้อย่างที่เซฮุนบอกไว้จริงเสียด้วย

     

    โกรธเคืองนักทว่าทำการใดก็มิได้ อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทจะให้เขาหยิบพัดในเสื้อไปฟาดกระหม่อมก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะได้โดนประหารตายตกไปตามกันเสียทั้งครอบครัวเปล่าๆ

     

    เอาเถิด ข้ามิกลั่นแกล้งเจ้าแล้ว ข้าเพียงทำสาส์นจากคนไกลมาส่งให้ถึงมือเจ้าเพียงเท่านั้น

     

    ถ้อยวลีที่ได้ยินเรียกให้คนที่กำลังข่มอารมณ์กรุ่นโกรธลืมสิ้นกิริยา ขนบธรรมเนียมที่ห้ามสบพระพักตร์เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินโดยตรงไปเสียสิ้น เพียงแค่ได้ยินว่าเขานำสาส์นจากคนไกล จงอินก็แทบจะกดความปีตินี้เอาไว้ไม่อยู่

     

    องค์ชายสองสอดพระกรเข้าชายแขนเสื้อหยิบจดหมายที่ได้รับจากพิราบสื่อสารเมื่อเช้า นึกขันหรือก็ใช่ จะว่าเข้าพระทัยหรือก็ไม่แน่นัก พระองค์มิเคยมีคนรักที่จำต้องร้างห่างไกลกันเช่นนี้ ยามไปรบจะว่าคิดพระบิดาสักเท่าไหร่ก็มิเคยเป็นเฉกเช่นนี้ อนิจฉาความรักนั้นช่างทำคนเราเปลี่ยนได้มากนัก

     

    จงอินรับจดหมายน้อยจากองค์ชายชานยอลด้วยสองมือที่สั่นเทา ตั้งแต่เขาจากไปไม่มีคืนใดไม่คิดถึง โหมงานหนักหนาเพื่อให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อยจะได้หลับใหลในยามค่ำคืน ทว่าหลายครั้งหลายราตรีที่ต้องตื่นขึ้นมายืนมองดวงจันทร์ ดังคำที่เคยเอื้อนเอ่ยสัญญากันเอาไว้

     

     

    ดื้อนักหรือ...

     

     

     ขมวดคิ้วมุ่น นึกขัดใจยิ่งนัก คำแรงเขาทักทายกันเช่นนี้หรือ ดวงตากวาดตัวอักษรต่ออย่างไม่รีรอ

     

     

    โหมงานนักเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ล้มป่วยไปจะทำอย่างไร

    พี่ไม่อยู่ใกล้ใครจะดูแลเจ้ากันพี่สบายดี เจ้าเองก็ต้องดูแลรักษาตน

    อย่าเจ็บ อย่าไข้ ข้ามาทัพ เขาห้ามพะวักพะวง ใครกันหนอช่างออกกฎนี้

    เขาไม่รู้หรืออย่างไรกัน แต่ก็ช่างเถิด ไม่มีใครล่วงรู้ความคิดพี่ หรือห้ามพี่ไม่ให้คิดถึงเจ้าได้

    อากาศทางนี้เริ่มจะเย็นขึ้นมากแล้ว ถึงวังหลวงจะยังอบอุ่นอยู่ก็ตามทีเถิด

    แต่ถ้าหากเจ้าปล่อยให้ร่างกายหนาวเย็น พี่ก็จะหนาวเย็นด้วย ดูแลตัวเองดีนะจงอิน แล้วพี่..จะรีบกลับไป

     

     

    รักเจ้า เหลือเกิน

     

     

    ยามเขาไกลว่าใจแข็งมิยอมร้อง ทว่าเพียงแค่ไล่สายตาตามตัวอักษรที่คุ้นเคย ลายพระหัตถ์ที่จงอินจำได้ตั้งแต่ตัวอักษรแรก มันกลับทำให้น้ำในตาเอ่อคลอคลอง ความคิดถึงล้นปรี่อยู่แน่นอก หนักหนากว่าครั้งที่เขาต้องไปชายแดนมากนัก

     

    องค์ชายชานยอลทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ได้แต่แย้มพระสรวลออกมา พระองค์นั้นไร้รักมานานแรมปี หญิงเดียวที่ผูกมัดใจกลับกลายเป็นไส้ศึกที่หมายปองชีวิต พระองค์ถึงมิได้ศรัทธาในรัก หากแต่สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับทำให้พระองค์เริ่มนึกอยากศรัทธาในสิ่งที่จับต้องไม่ได้เช่นนั้นอีกสักครั้ง

     

    นำสาส์นส่งถึงเจ้าเรียบร้อย ก็หมดภาระข้า หากเจ้าประสงค์จะส่งสิ่งใดกลับไปก็ให้รีบเร่งนำไปให้ที่ตำหนักก่อนเที่ยงพรุ่งนี้เล่า"

     

    "ขอบพระทัยองค์ชาย กระหม่อมขอบพระทัยองค์ชาย"

     

    จงอินค้อมกายลงต่ำสำนึกในน้ำพระทัยองค์ชายสองยิ่งนัก ความดีใจเอ่อท้นเสียจนรีบร้อนมุ่งตรงเข้าห้องหนังสือส่วนพระองค์ของบุรุษสูงศักดิ์ ฝนน้ำหมึกถือพู่กันตวัดเขียนเนื้อความลงในกระดาษ

     

     

     

     

    ค่ำคืนนี้เจ้าลืมมองจันทร์หรืออย่างไร

    ใยใจพี่ถึงได้ห่วงคะนึงถึงเจ้านัก

    ดวงจันทราบอกข้าได้หรือไม่ เจ้าดวงใจทำสิ่งใดอยู่ยามนี้

    พี่คิดถึง คิดถึงเจ้าเหลือเกินคนดี..

    เสร็จศึกนี้ พี่จะรีบ..เร่งกลับคืนสู่ถิ่นเรา

     

     

     

    ยามดึกสงัด เหล่าทหารกล้าต่างก็พากันพักผ่อนเพื่อเตรียมรบ การเดินทางสามวันสามคืนทำให้เรี่ยวแรงอ่อนล้า เว้นเสียแต่จอมทัพครั้งนี้ หาได้พักผ่อนดังเช่นทหารผู้น้อยไม่ วรองค์สูงศักดิ์ยังคงหยัดองค์ประทับอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นลง ดวงพระเนตรทอดไกลไปยังฟากฝั่งฟ้า

     

    ครั้งหนึ่ง ก็มีบุรุษยืนหยัดเฉกเช่นเดียวกับพระองค์ เฝ้ามองดวงจันทร์ แม้จะดึกดื่นสักแค่ไหนก็ตามที

     

    เสียงทักทำให้องค์ชายห้าเบือนพระพักตร์กลับไปมอง ใบหน้าที่ชรากว่าสิบปีก่อนไปมากโข แต่ทว่าก็เจ้าของยังคงแข็งแรงอยู่เฉกเช่นเดิม ยอดบุรุษ ผู้เป็นทั้งองครักษ์และอาจารย์ในคนเดียวกัน

     

    ข้าขอเดาว่าท่านคงเข้ามาชักชวนเขาไปนอน

     

    เฉกเช่นเดียวกับที่กระหม่อมกำลังจะกราบทูลมันต่อองค์ชาย

     

    ชองโอมิได้ก้าวไปยืนเทียบเคียงดังเช่นครั้งคิมจงอินเป็นคนเฝ้ามองจันทรา แต่ถึงกระนั้นชายสูงวัยก็ยังสามารถคาดเดาพระพักตร์ขององค์ชายที่ฟูมฟักมาตั้งแต่ยังเยาว์ได้อยู่ดี

     

    หากทรงทอดพระเนตรจันทราเพียงพอพระทัย ก็ทรงเข้าบรรทมเถิดองค์ชาย ยังมีศึกหนักรอเราในวันรุ่งพรุ่งนี้ หากพระวรกายทรงอ่อนล้า กระหม่อมเกรงว่าคนไกลของพระองค์จะทรงห่วงหายิ่งกว่าเดิม

     

    จบถ้อยประโยคยืดยาวนั้นชองโอก็ทูลลาองค์ชายของตนเพื่อไปพักผ่อนเช่นเดียวกัน องค์ชายห้าครุ่นคิดตามเนื้อคำนั้นก่อนที่จะยอมละสายตาจากดวงจันทราแล้วผินพระวรกายตรงไปยังกระโจมพัก อยากจะอยู่เคียงข้างกกกอดกล่อมนอนให้ไออุ่น  หากแต่ภาระหน้าที่ที่แบกรับทำให้มิอาจทำได้ตามประสงค์

     

     

    ….ได้แต่เพียง ฝากจันทรา ส่งเจ้าดวงใจ เข้าห้วงฝัน….

     

     

     

     

     

     

    ศึกชายแดนนั้นยืดเยื้อยิ่งนัก องค์ชายห้านับเวลาขีดฆ่าไปอีกหนึ่งวันบนกระดาษน้อย หกสิบวันที่ห่างไกล หกสิบวันที่มิได้พบหน้า หกสิบวันที่ไม่แม้แต่จะได้ยินถ้อยเสียงสำเนียงคนรัก ทั้งยังเรื่องที่ได้สดับฟังมากับพระกรรณเมื่อหลายวันก่อน ยังคงก่อกวนอยู่ในพระอุระ

     

    หลายวันก่อน องค์ชายเซฮุน นำทหารห้าสิบนายฮ่อตะบึงเข้าตีช่วยชาวบ้านที่ตีนเขาจากข้าศึก เกือบจะทอดทิ้งหมู่บ้านนั้นออกมาเสียแล้ว ทว่าก่อนที่จะจากไปสายพระเนตรเหลือบไปเห็นหญิงชราตาบอดหลบตัวซุกซบอยู่หลังโอ่งน้ำใบเล็กที่ไม่แม้แต่จะป้องภัยได้เลยสักนิด ไม่รีรอที่จะตวัดพระองค์หลงจากอาชารุดก้าวไปช้อนตัวหญิงชราก่อนจะรีบเร่งขึ้นม้ามาด้วยกัน

     

    ขอบใจพ่อหนุ่ม ขอบใจเหลือเกินที่ไม่ทิ้งคนเฒ่าคนแก่เช่นข้า”  น้ำเสียงยามนั้น ตื้นตันท่วมท้น องค์ชายหนุ่มที่มิได้เปิดเผยพระยศควบม้าเร่งหนีการไล่ตามของทหารข้าศึก แม้จะดูสิ้นไร้ซึ่งศักดิ์ศรี หากแต่อีกหนึ่งชีวิตที่พระองค์ช่วยไว้นั้นทำให้พระองค์มิอาจยืนหยัดต่อกรกับมันได้

     

    องค์ชายเซฮุนส่งหญิงชราให้ถึงค่ายพักพิงชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยพระหัตถ์องค์เอง เหตุอันใดก็มิรู้ทำให้บุรุษแห่งราชวงศ์มิอาจปล่อยให้หญิงแก่อยู่อย่างโดดเดี่ยว พระเนตรจดจ้องเขม็งกับผู้ใดก็ตามที่บังอาจจะเปิดฐานันดร จวบจนมั่นใจว่านางปลอดภัยดี ถึงได้กล่าวอำลา

     

    ข้าเป็นหญิงตาบอด มิมีอะไรจะตอบแทนเจ้า

     

    ไม่เป็นไร ข้าช่วยท่านนั่นถือเป็นหน้าที่ของทหารหาญอยู่แล้วท่านยาย

     

    เช่นนั้นหรือพ่อหนุ่ม เจ้าเกิดวันเดือนปีใด แจ้งแก่ข้าได้หรือไม่เล่า

     

    ถ้อยคำถามที่ทำให้องค์ชายห้าขมวดคิ้วมุ่น การบอกวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากกับผู้อื่นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และดูเหมือนหญิงชราจะเข้าอกเข้าใจ มือเหี่ยวย่นนั้นยื่นออกมาเบื้องหน้าทำให้เขาต้องยื่นมือของตนไปจับนางไว้

     

    เชื่อใจข้าเถิด ถึงข้าจะเป็นหญิงชราตาบอด แต่ข้าก็ยังรู้จักบุญคุณคน

     

    ท่าน….”

     

    เซฮุนเห็นว่าริมฝีปากบางเฉียบบนใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นแย้มออกจนกลายเป็นรอยยิ้ม ช่างเป็นรอยยิ้มที่จริงใจเสียจนภาพใบหน้าของใครอีกคนซ้อนขึ้นมา

     

    ข้าเกิดวันอังคาร เดือนซาวอน ปีเคตี

     

    หญิงชราเพียงแค่นิ่งไปสักพัก ดวงตาไร้ประกายของนางเบิกกว้าง สองมือเหี่ยวย่นสั่นเทาเสียจนองค์ชายห้าต้องประคองมันไว้แน่น น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถ้อยวลีที่ทำให้วรองค์สูงชาดิกไปทั้งร่าง

     

     

     

     

    ดวงชะตากำหนดมาเป็นจอมทัพ

    หากอาภัพไร้คู่เกื้อหนุนบารมี

    เพียงได้พบแต่มิอาจอยู่ร่วมคู่จวบจนสิ้นชีวี

    จำจรลีจากไกลไปห่างกัน.

     

     

     

     

                   

    คำทำนายที่หากเป็นครั้งอื่นพระองค์จะตัดสินว่ามันไร้สาระ หากแต่ครั้งนี้ราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงเนื้อในอกเอาไว้ น้ำเสียงและคำพูดของหญิงชรายังคงตราตรึงอยู่ในความคิด

     

    พวกสอดแนม!!! พวกสอดแนมจู่โจม!!!”  เสียงตีเกราะเคาะโล่เรียกให้จอมทัพแห่งวังหลวงหลุดจากภวังค์ชุดเกราะที่สวมใส่ติดกายทำให้องค์ชายเซฮุนมิได้ชักช้าในการคว้าดาบคู่พระองค์ สลัดทุกสิ่งที่เกาะกุมจิตใจ แล้วเหวี่ยงดาบฟาดฟันข้าศึกที่จู่โจมอย่างหมาลอบกัด

     

    องค์ชาย! รีบเสด็จเถอะพะย่ะค่ะ!

     

    ไป! โหนกายขึ้นม้าแล้วฝ่าตะลุยออกไป นึกแค้นในพระทัยใยพระองค์จึงต้องหนี หากรบกันด้วยชั้นเชิงกลยุทธ์ย่อมมิมีวันพ่ายแพ้ แกมโกงจนรังเกียจยิ่งนัก

     

    ฮ่อตะบึงม้าไม่เหลียวหลัง แต่ทว่าเสียงควบที่ตามติดกันมาทำให้นึกแปลกพระทัย เดิมทีหากมีผู้ใดหลบหนีจะมีเพียงกองทหารน้อยเท่านั้นที่ติดตาม หากครั้งนี้กลับบิดเบือนไปยิ่งนัก ชั่ววูบหนึ่งที่ความรู้สึกเบื้องลึกกู่ร้องเสียดังลั่น นึกเศร้าพระทัยที่ทรงล่วงรู้ชะตาตนมาเสียเนิ่นนานแต่มิอาจทำใจยอมรับกับมัน

     

    พวกนี้ถูกส่งมาเพื่อฆ่าเขา

     

    นั่นคือสิ่งที่องค์ชายรู้ และพระองค์เองก็คงต้อง สิ้น ในราตรีเฉกเช่นเดียวกัน

     

     

     

     

    วูบ

    สายลมเย็นวูบไหวพัดผ่านเรียกให้คนที่กำลังจัดการฎีกาต่างๆบนโต๊ะทรงอักษรตัวใหญ่ต้องเงยหน้าขึ้นจากกองกระดาษเหล่านั้น ค่ำคืนนี้ช่างแปลกนัก อากาศที่อบอุ่นขึ้นมาหลายราตรีใยกลับลดต่ำลงเสียจนรู้สึกหนาวเข้าไปถึงข้างใน หน้าต่างบานใหญ่อีกฝ่ายฝั่งห้องเผยอออกเล็กน้อย และเมื่อลมหมุนพัดผ่นเข้ามาอีกครั้งมันก็เปิดออกกว้างให้แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา

     

    ใบหน้าราชเลขาคนเก่งซึมเศร้าลงมากนัก นี่ก็ผ่านไปอาทิตย์กว่าเข้าไปแล้ว องค์ชายชานยอลที่เคยนำสาส์นจากชายแดนมาส่งให้กลับหายหน้าหายตา แต่จะโทษองค์ชายสองก็เห็นจะมิถูก บุรุษผู้นั้นที่ห่างไกลกันเสียต่างหากเล่าที่ผิด

     

    ...หายไปเช่นนี้ มิรู้หรืออย่างไร ว่ามีใครเขาห่วงหนัก....

     

    ร่างโปร่งเคลื่อนย้ายร่างกายที่ยังคงแข็งแรง ทว่าผ่ายผอมลงมากโข หยุดยืนอยู่ริมบานหน้าต่าง จันทรายังคงลอยค้างฟ้าเฉกเช่นค่ำคืนก่อน หากแต่ครั้งนี้ไร้หมู่ดาวคอยเคียงข้าง นึกแล้วก็ให้สงสารยิ่งนัก

     

    ...ท่านโดดเดี่ยว อ้างว้างบนแผ่นฟ้า ตัวข้าเดียวดายเหว่ว้า อยู่บนพื้นดิน

     

    ไพล่โทษสิ่งอื่นว่าเป็นเหตุให้ใจต้องหนักหน่วง มันหน่วงลึกดึงย้ำรั้งให้ทุกข์ตรมมากกว่าทุกค่ำคืน จงอินนอนไม่หลับ ไม่มีเค้าลางของความง่วงงุนปรากฏมาหลายราตรีแล้ว ความเป็นล่วงแล่นพล่านไปทั่วร่างอีกครั้งยามเงยหน้ามองจันทราที่ดูเศร้าสร้อยมากกว่าทุกวัน

     

    ขอแค่ท่านกลับมา..เซฮุนวอนขอ..แค่ท่านปลอดภัยกลับมา

     

     

     

     

    เสียงลมหายใจแผ่วเบาแต่กระนั้นก็ยังคงมีกลิ่นคาวเลือดปนเปมาให้ทุกครั้งที่สูดดม นึกสมเพชตัวเองนักที่หลงกล สะเพร่า พาคนมาตายเปล่าเสียอีกเกือบสิบ บาดแผลใหญ่ที่สีข้างและแผ่นหลังทำให้ยากนักต่อการควบม้า และในยามที่มีกลุ่มหมาลอบกัดไล่ล่าเช่นนี้ องค์ชายห้ารู้ดีว่าเขากำลังเป็นตัวถ่วงให้กับท่านอาจารย์

     

    องครักษ์ชอง..น้ำเสียงแผ่วเบาที่ดังขึ้นทำให้องครักษ์ชราวัยที่สะบักสะบอมมิต่างกันละสายตาจากการระวังภัยรุดมาหานายเหนือหัวที่นอนพิงผนังถ้ำอยู่โดยเร็ว บาดแผนองค์ชายฉกรรจ์นัก หากมิได้รับการรักษา

     

    เราขอสั่ง..ให้ท่านนำสิ่งนี้ กลับให้ถึงวังหลวง

     

    องค์ชาย…” น้ำเสียงสั่นเครือ ชองโอใช้เวลาค่อนชีวิตในการเป็นทหารอารักขา รักษาราชวงศ์มาหลายพระองค์ หากแต่มีเพียงองค์ชายเซฮุนเท่านั้นที่ผูกพันกันดั่งบุตรในอุทธรณ์ ดวงตาที่ผ่านโลกมาหกสิบปีมองพระหัตถ์ที่ยื่นส่งถุงแพรสีทองและลัญจกรประจำพระองค์ด้วยความรวดร้าวในอก

     

    กระหม่อม จะทิ้งพระองค์ได้อย่างไร

     

    ท่านรู้ดีว่าข้าไปไม่รอด ท่านอาจารย์น้ำเสียงนั้นขาดห้วง เหน็ดเหนื่อย การหายใจในแต่ละครั้งมันช่างเหนื่อยยิ่งนัก

    แต่…”

     

    มอบสิ่งนี้ให้ถึงมือองค์ชายสองน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งริน สูญเสียเพื่อนร่วมรบมาหรือก็มากนัก หากแต่ครั้งนี้มันช่างเจ็บปวดระทมเสียเหลือเกิน

     

     “และหยกชิ้นนี้..ให้ถึงมือจงอิน

     

    พระองค์..ควรนำมันกลับไปให้เด็กหนุ่มคนนั้นด้วยองค์เอง

     

    เห็นที...เราจะไม่ว่างเสียแล้ว

     

    ชองโอมององค์ชายห้าแห่งราชสำนักทั้งน้ำตา สวรรค์ช่างโหดร้าย บุรุษผู้นี้มีรักแท้รอคอยให้เขากลับไป..ชะตาช่างอาภัพนัก ได้รักแต่มิอาจเคียงคู่

     

    บอกเขาว่าเราขอโทษ...ที่ผิดสัญญา

     

     

     

     

     

    เสียงวิ่งทึ่กทั่กมิได้ทำให้จงอินคิดที่จะสำรวมกิริยาแต่อย่างใด หลายปีที่อยู่ในวังหลวงเขาเองก็ไม่คิดว่าจะต้องกระทำกิริยาที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ หากแต่ความร้อนใจทำให้เขาสลัดทุกอย่างทิ้งไป

     

    องครักษ์ชองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านจงอิน ตอนนี้อยู่ที่ตำหนักองค์ชายสอง

     

    เพียงเท่านั้นคิมจงอินที่แสนเรียบร้อยและวางตัวดีแห่งราชสำนักกลับหุนหันพลันแล่น ออกวิ่งตรงไปยังตำหนักใหญ่ที่อยู่ห่างไปแทบจะในทันที

     

    เสียงฝีเท้าแผ่วลงจนกลายเป็นปรกติขัดกับลมหายใจที่หอบหนัก เมื่อบานประตูไม้แกะสลักลวดลายสวยงามปรากฏอยู่เบื้องหน้า จู่ๆสองมือสองเท้ามันก็หนักอึ้งราวกับไม่สามารถจะออกแรงส่งผลักประตูให้เปิดออกได้ ความกลัวเข้ากัดกินดวงใจ เมื่อได้มีเวลาครุ่นคิด ข้อสงสัยจึงบังเกิด

     

    ..เหตุใด...เหตุใดเล่าองครักษ์ชองถึงได้กลับมา

     

    ดวงตาเบิกกว้าง สองมือรวบรวมแรงแล้วผลักบานไม้เข้าไปในห้องอย่างไร้มารยาท นัยน์ตาสั่นระริกเช่นเดียวกับร่างกาย แต่ก็ยังพอมีแรงจะพยุงเอาไว้ให้ยืนหยัด ร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยบาดแผลยิ่งทำให้จงอินยิ่งกลัวหนักขึ้นไปอีก

     

    จงอิน…” เป็นองค์ชายชานยอลที่ประทับอยู่เคียงข้าง สองมือโอบเข้ารอบไหล่ที่สั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร รู้สึกจุกอยู่ในอกอย่างพูดไม่ออกกับข่าวจากแดนไกลที่พึ่งได้สดับฟัง

     

    ทะ..ท่าน ราชองครักษ์ กลับมาแล้วหรือขอรับถึงแม้จะฟังเป็นคำถามที่โง่งมแต่จงอินก็ยังคงเอื้อนเอ่ยมันออกไป กลับ..กันมา..ทั้งทัพ..ใช่มั้ยขอรับ..

     

    เด็กโง่จะกลับทั้งทัพได้อย่างไร

     

    แม้จะนึกตัดพ้อเช่นนั้น แต่ทั้งองค์ชายชานยอลและองครักษ์ก็มิมีผู้ใดเอื้อนเอ่ยให้คิมจงอินได้กระจ่าง ร่างกายที่เหมือนจะสิ้นแรงลงตรงหน้าถ่วงทุกคำพูดเอาไว้

     

     

    จงอินองค์ชาย ฝากสิ่งนี้ให้กับเจ้า…” ก้มมองสิ่งของที่ถูกส่งมาให้ทั้งน้ำตา สายตามันพร่ามัวยิ่งนัก นึกชังน้ำตาตัวเองเสียเหลือเกินที่ทำให้เขาต้องมองเห็นภาพไม่ชัดเช่นนี้ สายตาฝ้าฟางหรืออย่างไร ใยจึงเห็นห่อผ้ากลายเป็นหยกประจำพระองค์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังยื่นมือไปรับมันมาถือไว้ ร่างสั่นสะท้านหนักยิ่งนักยามที่ได้สัมผัส นี่มันของจริง

     

    แล้วพระองค์ ก็ยังฝากรับสั่งมาถึงเจ้าด้วยนะจงอิน

     

    นึกอยากบอกออกไปว่าไม่อยากฟัง อยากกลับกลายเป็นคนเอาแต่ใจ แต่มันไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะออกเสียง ร่างกายนี้หรือถ้าหากมิได้สองพระกรขององค์ชายชานยอลคงได้ทรุดลงเป็นแน่แท้

     

    ชองโอมองเด็กหนุ่มที่เขาเห็นมาหลายปี ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนอยู่เคียงข้างกันนั้นช่างงดงามยิ่งนัก หนึ่งคนเอาแต่ใจ หนึ่งคนเรียบเฉย หนึ่งคนออดอ้อน หนึ่งคนเง้างอน แม้จะเป็นความรักที่ผิดแผก หากแต่มิมีผู้ใดกล้ากังขาในสิ่งยิ่งใหญ่ที่ทั้งสองมอบให้กัน

     

     

    จงอินองค์ชายห้า ฝากให้ข้ามาบอกเจ้าว่า

     

     

     

    …..มาบอกเองได้หรือไม่เล่า…..

     

     

     

     

     “พระองค์ขอโทษ...ที่ผิดสัญญา

     

     

     

     

    สิ้นคำท่านราชองครักษ์ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ยืนหยัดกลับสูญสลายไปพร้อมกับดวงใจที่จากไกลอย่างไม่มีวันกลับ องค์ชายชานยอลหยัดพระองค์ลงรั้งตระคองไว้มิให้ล้มหมอบไปกับพื้น ร่างกายสั่นสะท้านในอ้อมพระอุระ น่าเวทนายิ่งนัก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งริน เสียงกรีดร้องที่แม้แต่คนฟังยังเจ็บลึก น่าสงสารเสียจนบุรุษชาตินักรบที่ว่าแกร่งยังมิอาจทัดทานน้ำตาไว้ได้

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    "หนึ่งบุรุษจากไป หนึ่ดวงใจแทบขาดรอน."

     

     













     

    tbc.

     

     

     

     

     

     

     

     

    #พลอตชั่ววูบ

                    องค์ชายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  

    คิดถึงคนอ่านทุกคนมาก หายไปนาน ทวิตก็ไม่ได้เล่น จะย้ายที่ทำงานแล้วน่ะ ปัญหาเลยเยอะ กลับมาแล้ว คิดถึงทุกคนมาก เขียนได้แล้ว 55555555 ดีใจกับตัวเองตรงนี้แหละ องค์ชายเดินทางมาครึ่งเรื่องแล้วนะคะ ตอนแรกมันเป็นเรื่องที่ไม่มีพลอตอะไรหรอก แต่งเพราะว่ามีเพื่อนบอกให้แต่งพีเรียดสักเรื่อง 555555 แต่มันมาถึงตอนนี้ได้เพราะอะไรไม่รู้  ใกล้จะจบครึ่งแรกแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ชอบแล้วก็ติดตามองค์ชายนะ 555555 ไว้ถ้ามีเวลาว่าง(กว่านี้) จะเขียนพีเรียดออกมาสักเรื่อง อยากเขียนแบบเรื่องยาวสักเรื่อง #เรื่องเก่าแกไปสะสางก่อนนะยัยพาริม

                    วันนี้ไปแล้ว รักทุกคนมากนะคะ เลิ้บบบบบ 

     

     

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×