คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 1 : No Title 05 PART I (sekai)
(os) [period series] notitle05 PART I | (sekai)
pairing : sehun x jongin
rate : PG-15
NOTE :: เตรียมยาลดน้ำตาล *ทำตัวแดงขีดเส้นใต้ทับ*
ปล. ยังยืนยัน..ว่ามันไม่ใช่ฟิคยาว #ห้าตอนละเธอ
SONG : JAY CHOU - BLUE AND WHTIE PORCELIAN (EHRU COVER)
สุขใดเล่าจะเทียบเท่าสุขของคนที่เรารัก
องค์ชายห้าทอดพระเนตรคนสนิทที่นั่งห่างออกไปเพียงฟากโต๊ะคั่น นับตั้งแต่กลับมาจาก'บ้านของเรา' คนของเขาก็ดูจะว่าง่ายขึ้นมากโข จะกอดจะหอมก็ยินยอม นึกแล้วดีพระทัยเสียจนเผลอแย้มพระสรวลออกมาเสียอย่างนั้น
"หากมิเสร็จราชกิจก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เห็นที่พระองค์จะพลาดพระกระยาหารเย็นกับพระพันปีนะพะย่ะค่ะ องค์ชาย"
มีตาที่สามหรืออย่างไรกัน ก้มหน้าก้มตาอยู่เช่นนั้นรู้ได้อย่างไรว่าเรามิได้อ่านฎีกา แม้จะถูกทัดทานเช่นนั้นแต่องค์ชายก็ยังทรงทำตามพระประสงค์ของตัวเองอยู่ดังเดิม กรำงานกันเสียครึ่งค่อน ตั้งแต่ช่วงย่ำสายจวบจนตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายคล้อยเสียแล้ว พักผ่อนบ้างจะเป็นไรเล่า
คิดได้ดังนั้น วรองค์สูงใหญ่ขององค์ชายก็ลุกข้าวฉับฉับมาประทับอยู่เทียบข้างคนสนิทที่ยังมิได้ทันตั้งตัวแต่อย่างใด องค์ชายเซฮุนทอดพระเนตรแววตาตกใจอยู่เพียงครู่ ชอบพระทัยยิ่งนักที่เห็นคนของเขาแสดงสีหน้าอย่างอื่นเสียบ้าง และองค์ชายห้าผู้มิเคยรั้งรอสิ่งใดก็รีบคว้าแขนของจงอินที่ยังไม่ทันตั้งตัวให้เดินตามกันออกมา
จงอินเพียงแค่มองพระอังสะกว้างไล่ลงมาจนถึงพระขนอง แล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ราชกิจหรือก็ล้นพระหัตถ์ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวงก็เต็มเสียหมด ยังจะทรงทำเป็นเล่นอยู่เช่นนี้อีก
"องค์ชาย จะเสด็จที่ใดกันหรือกระหม่อม"
"เราอยากพายเรือ ที่สวนท้ายตำหนัก"
"ราช..."
"ไปกับข้า ได้หรือไม่"
อ่อนอกอ่อนใจจะขัดพระทัยเสียเหลือเกิน เอาแต่พระทัยเช่นนี้จะโทษผู้ใดกันดี ฝ่าบาท พระมเหสี พระชายา หรือตัวเขาเองดีกันนะ ยิ่งเห็นสายตาเว้าวอนอ้อนขอเช่นนั้น ก็ยิ่งค่อนขอดอยู่ในอก เสียรู้เขาเสียทุกที
"ครู่เดียวนะพะย่ะค่ะองค์ชาย"
สุดท้ายก็ต้องยอมเขา แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่องค์ชายมิได้ดื้อรั้นจะจับจูงเขาดังเช่นที่ทำตอนออกจากห้องทรงอักษร สองร่างเดินเคียงคู่มาตามชานพักด้วยเหตุที่พระมารดาขององค์ชายทรงเป็นชาวอาทิตย์อุทัย และตำหนักนี้คือสถานที่ที่พระราชาพระราชทานให้เป็นของวันประสูติขององค์ชายหนุ่ม เช่นนั้นจึงได้มีรูปลักษณ์ละม้ายคล้ายคลึงกับเรือนญี่ปุ่น
"ลงไปเถิด ข้าจับอยู่เจ้าจะตกน้ำได้อย่างไร"
องค์ชายห้าตรัสขึ้นเมื่อเห็นว่าคนสนิทของพระองค์ยังมิยอมก้าวลงลำเรือ จงอินมีท่าทางวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย ใจหนึ่งก็กลัวเรือจะคว่ำให้ได้เปียกกันไปหมด อีกใจหนึ่ง....เหตุใดเขาถึงไม่เป็นฝ่ายจับเรือแล้วให้องค์ชายเสด็จลงไปก่อน
"เชิญพระองค์เสด็จนำเถิดพะย่ะค่ะ องค์ชาย กระหม่อมจะเป็นผู้จับเรือให้อยู่นิ่งเสียเอง"
มาแล้วนั่นปะไร คนช่างรั้นช่างเถียง องค์ชายทอดพระเนตรคนที่ทำท่าจะเดินตรงเข้ามาหาเขา ด้วยสายตาที่อ่อนโยนนัก จงอินก็เป็นเสียอย่างนี้ ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพระองค์ มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่เป็นฝ่ายยัดเยียดให้รับไป
อุทยานท้ายตำหนักยังคงเงียบสงบดังที่ผ่านมา รับสั่งเด็ดขาดจากองค์ชายห้า ห้ามมิให้ผู้ใดล่วงล้ำก่อนได้รับพระราชทานอนุญาต ทำให้มิมีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนรับสั่ง ครั้งแรกที่ได้ยินกฎเช่นนั้นจงอินจำได้ว่าตนโกรธถึงเพียงใด แต่องค์ชายห้ากลับเพียงแค่ทอดพระเนตรความกรุ่นโกรธของเขาด้วยรอยยิ้ม
'เราเพียงต้องการสถานที่ส่วนตัวกับคนรักของเราบ้างมิได้เลยเช่นนั้นหรือ'
แล้วใครเล่าจะไปโกรธเขาลง!!
สายลมหอบไอเย็นเข้ามาปะทะผิวเนื้อ แต่กระนั้นก็มิได้ทำอะไรองค์ชายห้าและคนสนิทสั่นสะท้าน ไออุ่นจากแสงแดดและรอยยิ้มของกันและกัน ทำให้พวกเขาหลงลืมไอหนาวไปเสียหมด
"ทรงประทับแล้วให้กระหม่อมพายเองนะองค์ชาย"
"เจ้านี่อย่างไรกัน บุรุษใดเขาให้คนรักพายเรือให้นั่งกันบ้างเล่าจงอิน"
แล้วเขาไม่ใช่บุรุษหรืออย่างไรกัน! ใบหน้าท่านคนสนิทบึ้งตึงเพราะภายในเต็มไปด้วยความขัดแย้ง อยากจะโต้เถียงเขาก็ทำไม่ได้ นั่นเพราะเบื้องลึกแล้วจงอินก็รู้สึกดีในสิ่งที่องค์รัชทายาทประทานให้เช่นเดียวกัน
"ยิ้มหวานเช่นนั้น คิดถึงผู้ใดกัน ตัวอยู่กับเรา ใจเจ้าอยู่ที่อื่นเช่นนั้นหรือ"
สุรเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างตัดพ้อ เรียกให้คนที่กำลังปล่อยความคิดไปกับทุกสิ่งที่ได้รับหันกลับมาสนใจคนช่างงอนสูงศักดิ์เบื้องหน้า รอยยิ้มของจงอินมิได้เลือนหาย ซ้ำยิ่งแจ่มชัดยามได้เห็นว่าเขาอยู่ตรงหน้า เป็นรูปธรรม สัมผัสได้ และมีอยู่จริง
"รัก...รักเซฮุน"
คำรักที่มิเคยคิดว่าจะได้ยินในเวลาเช่นนี้ทำให้สองพระหัตถ์ใหญ่นิ่งค้าง พระเนตรเบิกกว้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ย ใจบุรุษที่ว่าแกร่งดังหินผา ยามได้สดับคำรักจากผู้เป็นที่รัก แม้บางเบาดุจสายลมใจเขาก็สั่นสะเทือน เนิ่นนานที่องค์ชายซึมซับรอยยิ้มที่ได้รับพร้อมคำรักที่นานครั้งจะได้ยิน ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็รัก แต่อย่างคนปากแข็งเช่นจงอิน ทองคำพันชั่งก็มิอาจซื้อคำนี้ได้
"ประสงค์จะเสด็จกลับแล้วหรือองค์ชาย"
ทูลถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียดาย ยามที่เห็นองค์ชายจ้วงพระหัตถ์วักไม้พายเข้าน้ำอย่างรวดเร็ว ชวนเขามาแค่ครู่เดียวก็จะกลับแล้วเช่นนั้นหรือ
"เราอยาก'กอด'เจ้า เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่รีบกลับ เกรงว่าคงต้องกอดกันกลางสวนนี่เสียแล้ว"
"เซฮุน!!!!!!!"
ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ออกแรงดึงรั้งคนที่จับจูงมือเขาแล้วก้าวขาอย่างรวดเร็วตรงไปยังตำหนัก ทว่าอีกฝ่ายกลับดูจะหมดสิ้นความอดทนไปนานเสียแล้ว
"อะ..องค์ชาย ช้าก่อนพระองค์ องค์ชาย~"
"...."
"เซฮุน~"
ตัดสินใจเรียกอีกครั้ง ครานี้เหลือเพียงชื่อเท่านั้น และราวกับมีหินถ่วงเอาไว้ คนที่เคยก้าวเดินโดยไวชะงักพลัน แรงรั้งที่ชายฉลองพระองค์นั้นช่างแผ่วเบา ทว่าเสียงอ่อนที่เรียกขานกันอยู่นี่ต่างหากเล่าที่ทำให้เขาชะงัก
"เรียกพี่แบบนี้ เจ้านี่มัน.." หมุนตัวกลับมาจ้องหน้าคนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลัง หมั่นเขี้ยวนัก ตัวหรือก็เท่านี้ เก่งกล้ามาปั่นป่วนพระทัยพระองค์เก่งนัก
"พระองค์ยังมีราชกิจอีกมากที่ต้องสะสางมิใช่หรือ รีบเถิด "
"น้ำใจเจ้าดำกว่าท้องฟ้ายามคืนเดือนมืดเสียอีกท่านราชเลขา!" ตัดพ้อกันอย่างไม่ปิดบัง ยิ่งรู้ว่าพระองค์ใจอ่อนก็ยิ่งออดอ้อนให้ตามใจ ร้ายนัก ถึงคราวเจ้าต้องง้องอนข้าเสียบ้างแล้ว
"ใยบุรุษแห่งวังหลวงถึงได้เจ้าแง่แสนงอนนักเล่า"
"แล้วเหตุใดคนรักของบุรุษแห่งวังหลวงถึงได้ช่างขัดใจกันนักเล่า"
จงอินส่ายหน้า และปล่อยมือออกจากชายฉลองพระองค์ ไฉนเลยถึงได้กลับกลายเป็นฝ่ายโดนงอนไปเสียแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจนัก หากแต่ยินยอมที่จะง้องอนเขาอยู่ดีนั่นปะไร
"คนรักพระองค์มิได้ขัดพระทัยกระหม่อม เขาเพียงแค่ขอผัดเวลาให้พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเสียก่อนเท่านั้น”
สิ้นคำ รอยยิ้มกว้างก็ประดับอยู่บนรูปหน้าหล่อเหลา ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่น่าสนพระทัย ครั้งตกลงกันเรียบร้อยถึงได้จับจูงกันกลับตำหนักใหญ่ ครานี้องค์ชายห้าดูจะมีพละกำลังเหลือเฟือจะจัดการราชกิจที่หลงเหลืออยู่เบื้องหน้า แต่แล้วแขกที่มิได้คำนึงถึงกลับประทับรออยู่ในห้อง
“องค์ชายสอง ถวายบังคมองค์ชายสอง” จงอินคุกเข่า แตกต่างจากเซฮุนที่เพียงโค้งให้เท่านั้น และเมื่อองค์ชายสองอนุญาตให้ลุกขึ้น จงอินก็ลุกขึ้นโค้งขอบพระทัยก่อนจะก้าวถอยหลังเพื่อจะหลบออกไปด้านนอกห้อง ทว่าเสียงขององค์ชายสองรั้งให้เขาอยู่ด้วยกันเสียก่อน
“เสด็จมาถึงตำหนัก ทรงประสงค์สิ่งใดหรือองค์ชาย”
“เขาว่าเจ้ามีความรัก ตัวข้าอยากรู้บ้างมิได้งั้นหรือเซฮุน ว่าผู้ใดกันที่พิชิตหัวใจเจ้า”
“ชานยอล”
เนื้อเสียงกดต่ำของผู้เป็นพระอนุชาเรียกให้คนรักสนุกที่หยอกเอินน้องชายและคนของตัวเองนิดหน่อยยกมือขึ้นอย่างจำยอม พระพักตร์ยิ้มแย้มเมื่อครู่จางหายไปทันตาเหลือเพียงแค่ริ้วแห่งความกลัดกลุ้มกังวล เสียจนจงอินขมวดคิ้วตาม ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้ดวงใจวูบโหวงอย่างไม่เคยเป็น
ภาวนาอย่าให้ใช่อย่างที่ข้ากังวลด้วยเถิด
“ชายแดนระส่ำระสายยิ่งนัก” ดวงใจรวดร้าวเข้าเดี๋ยวนั้น จงอินจิกกำสองฝ่ามือแน่น ฎีกาที่เขาช่วยองค์ชายสะสางไปเมื่อสามวันก่อนผุดขึ้นมาในมโนภาพ ไม่คาดคิดว่าปัญหาจะลุกลามใหญ่โต
“ข้าเองก็ได้รับฎีกาเช่นเดียวกัน”
“ไม่ คราวนี้เป็นกบฏจากแพมันมาสมทบ…”
“.....”
“เรา..ต้องยกทัพไปกำราบมัน”
จงอินเพียงแค่ยืนฟังราชกิจจากสององค์ชายอยู่เงียบๆ เขาไม่ได้แสดงท่าทีใดๆออกไปแม้ภายในจะรู้สึกวูบโหวงยิ่งนัก ในบรรดาองค์ชายทั้งหกของพระราชา องค์ชายเซฮุนถือว่ามีพระปรีชาสามารถด้านการศึกมากที่สุด ตำแหน่งแม่ทัพทัพหน้าจึงถูกประทานให้ตั้งแต่ย่างเข้าวัยหนุ่ม ทว่าหลายปีแล้วที่ชายแดนสงบสุข และจงอินก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะส่งเขาไปทัพในอีกไม่กี่ราตรีข้างหน้านี้
“คิดสิ่งใดอยู่ องค์ชายชานยอลเสด็จกลับเจ้าก็ยังมิรู้ตัวเลยหรือ”
สองพระกรสอดรัดเข้ารอบเอว รั้งคนสนิทที่จ่อมจมอยู่ในความคิดเข้าอ้อมพระอุระ ปลายนาสิกคลอเคลียอยู่ข้างแก้มกรุ่นกลิ่นหอมอ่อน ใยพระองค์จะมิรู้หากแต่เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจ
“ข้ายังอยู่กอดเจ้าอีกสองราตรี กังวลสิ่งใดกัน”
“ยามที่กระหม่อมต้องห่างไกล พระองค์กังวลสิ่งใดกระหม่อมก็คงไม่ต่งจากพระองค์”
จงอินอยากจะทูลออกไปนักว่ามันยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ ครานั้นเขาไปเพียงแค่ตำแหน่งผู้แทนพระองค์ ครานี้องค์ชายเสด็จโดยตำแหน่งจอมทัพ หากทรงบาดเจ็บเล่าจะทำอย่างไร แล้วถ้าหาก….
ทว่าสัมผัสนุ่มหยุ่นที่กดลงบนขมับเรียกร่างของคนที่ตกอยู่ในอ้อมกอดให้หลุดจากภวังค์ จงอินเพียงแค่สบสายตาเข้ากับดวงเนตรที่ทอดมองเขาอยู่ก่อน แววตานั้นเป็นดังเช่นครั้งแรกที่เราพบกัน มันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยรักเฉกเช่นทุกคืนวันที่ผ่านมา เขาแต้มจูบลงบนหน้าผาก กดย้ำอยู่เนิ่นนานเสียจนเปลือกตาปิดลง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งที่มันควรจะเป็น
แม้จะเหน็ดเหนื่อยจนร่างกายอ่อนล้า หลายครั้งหลายคราที่แทบสิ้นสติคาอ้อมพระอุระ ทว่าจงอินก็ยังตามใจชายผู้นี้ น้ำเสียงแหบแห้ง วิงวอนต่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ร้องขอให้เขากรุณา แลกเปลี่ยนสัมผัสซึ่งกันและกัน จดจำเพื่อทดแทนในยามที่ต้องห่างไกลอีกหลายราตรี
‘เซ..เซฮุน..อืมมม..กลับมา ท่านต้องกลับมา’
‘พี่จะกลับมา...คนดี...พี่จะกลับมา’
หากมีรุ่งอรุณไหนที่เขาจะอิดออดจากการตื่นนอนมากที่สุดนั้น เห็นทีจะเป็นวันนี้ ไออุ่นจากผ้าห่มขนสัตว์ผืนหนาหรือจะสู้เรือนกายที่แนบสนิทกันอยู่ เรือนผมสีดำที่ซุกซบอยู่บนแผ่นอก จังหวะลมหายใจที่สม่ำเสมอไม่ได้ทำให้องค์ชายห้าแปลกพระทัยสักเท่าไหร่นัก กว่าจะได้นอนก็เมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา ทว่าเมื่อเขาขยับวงแขนที่รัดรอบร่างกายออก คนที่มิมีท่าทีจะตื่นกลับรู้สึกตัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ถึงเวลาเสด็จแล้วงั้นหรือองค์ชาย”
“อืม..”
“ให้กระหม่อมถวายงาน…”
“นอนพักเถิด”
“นะ..เซฮุน” ให้ข้าได้ปรนนิบัตรท่าน
“ออดอ้อนเช่นนี้ใครเล่าจะขัดใจเจ้าได้ลงคอ”
ท้ายที่สุดแล้วองค์ชายห้าก็ต้องจำยอมให้คนสนิทของเขาอาบน้ำและแต่งองค์ให้ ฉลองพระองค์ชุดนักรบถูกแขวนให้ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง จงอินใช้เวลาตั้งแต่ช่วงเย็นตรวจสอบและซ่อมแซมในส่วนที่การตัดเย็บหลุดรุ่ย กระทั่งทวนประจำพระองค์คนสนิทของเขายังเป็นผู้ขัดมันเงาด้วยตัวเอง
‘ให้ข้าได้ทำเพื่อท่าน ให้สัมผัสของข้าติดไปทุกอย่างของท่าน’
จงอินกำลังกลัดผ้ารัดเอวเข้ารอบสุดท้าย และก่อนที่จะผละออก องค์ชายห้าก็ตวัดเขาเข้าหาองค์เองเสียก่อน ร่างโปร่งสวมกอดเข้าหาด้วยเช่นกัน จงอินพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นน้ำตาของเขาเอาไว้ เซฮุนต้องออกรบการร้องไห้นั้นถือเป็นเรื่องไม่ดี
“ฟังพี่…”
“พี่ระ…” ใบหน้าที่ส่ายไปมาทำให้องค์ชายห้าชะงักงันไปเสียก่อน แววตาสงสัยทอดพระเนตรคนรักในอ้อมแขนอย่างไม่ปิดบัง
“ข้า..จะรอฟังวันที่ท่านกลับมา”
“เช่นนั้น ข้าขอเจ้าสักอย่างได้หรือไม่”
“ทรงประสงค์สิ่งใด โปรดรับสั่งเถิดองค์ชาย”
“มิใช่ในฐานะองค์ชาย หากแต่ในฐานะคนรัก”
“ยิ้มให้พี่สักครั้งได้หรือไม่เล่า พี่อยากจดจำยิ้มเจ้าไว้ คงอีกนานกว่าที่จะได้กลับมาเห็น”
จงอินไม่รีรอที่จะแย้มยิ้มให้ตามคำขอขององค์ชายเลยแม้แต่น้อย องค์ชายห้าเกลี่ยข้างแก้มที่ทรงโปรดปรานด้วยความอ่อนโยน ประคองไว้ด้วยรัก ใช้สองตาจดจำใบหน้าที่ต้องห่างไกลกันอีกหลายราตรี
“...หากพี่คิดถึงเจ้า พี่จะมองจันทร์ ดังเช่นวันนั้นที่เจ้าบอกพี่..”
“....”
“...เจ้าเองก็ต้องยิ้มให้พระจันทร์เฉกเช่นเดียวกัน…”
“....”
“....พระจันทร์จะได้ยิ้มให้กับพี่....”
TBC.
#พลอตชั่ววูบ
มีสามพาร์ท… พาร์ทต่อไปเตรียมทิชชู่ด้วย… #วิ่งให้ไว
O W E N TM.
ความคิดเห็น