ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ ::: 成長 seichō ::: CHANKAI FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #8 : 果報 Kahō :: CHAPTER 07

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 57



     

    果報 Kahō

    ค่อยอ่านนะ ตัวหนังสือมันเยอะ..
    ปล. อย่าเขินจนตัวบิดนะ ตอนเราแต่งเรายังเขินเองเลยย...






     


     

    มันเป็นเช้าที่ออกจะแปลกประหลาดไปสักนิด

    ชานยอลบิดขี้เกียจเล็กน้อยบนเตียงหกฟุตของตัวเอง หันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบจะแปดโมงแล้ว เขาสะบัดตัวลุกจากที่นอน แล้วลุกเข้าห้องน้ำไปทันที เขาใช้เวลาไม่นานนักในการอาบน้ำและจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีเทาเข้มก้าวยาวๆออกมาจากห้องพักของตัวเอง กวาดสายตามองไปรอบห้องที่เงียบสนิทก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายออกจากห้องไปเรียนก่อนแล้วเพราะนี่ก็สายมาก คว้ากุญแจรถที่โยนทิ้งไว้ลวกๆตรงเคาท์เตอร์ห้องครัว แล้วเดินมาใส่รองเท้าที่ถอดระเกะระกะไว้เมื่อคืนก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรองเท้าของคิมจงอินยังวางเป็นระเบียบอยู่ที่เดิม

     

    ทำไมยังไม่ไปโรงเรียน?

     

    ก้าวยาวๆเข้าไปยังห้องเล็กที่อยู่ตรงข้ามห้องนอนเขาทันที ชานยอลเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง และต้องขมวดคิ้วแน่น เพราะคิมจงอินนั้นเงียบจนเกินไป ร่างสูงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ แล้วก็ต้องยิ้มกับภาพที่เห็น

     

    คิมจงอินนอนตะแคงเอามือรองใต้แก้มเสียจนมันไหลกองรวมกัน ร่างโปร่งยังคงหลับสนิทแม้ชานยอลจะเดินเข้ามาจนชิดริมเตียงขนาดนี้ ร่างสูงชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจปลุกให้นักเรียนทุนดีเด่นที่ทำให้ชื่อเสียงให้โรงเรียนตื่นขึ้นเสียก่อน มือหนาเขย่าแขนคนที่นอนนิ่งเบาๆ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง คิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันแน่น ถึงคิมจงอินจะขี้เซาแต่ก็ไม่น่าจะหลับลึกขนาดนี้

     

    “จงอิน คิมจงอิน ... เฮ้ยยย ทำไมตัวร้อนแบบนี้ล่ะวะ”

     

    ร้องเสียงลั่นแล้วก็ต้องทำตัวไม่ถูกไปใหญ่ เมื่อคนที่หลับสนิทปรือตาขึ้นมามองช้าๆ ใบหน้าที่ที่มีริ้วสีแดงพาดและดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาเพราะพิษไข้มันทำให้ชานยอลรู้สึกว่าจงอินเซ็กซี่ขึ้นอีกหลายสิบเท่า แต่เดี๋ยวมันใช่เวลามามองความเซ็กซี่มั้ยวะเนี่ย ในสมองพยายามคิดหาวิธีปฐมพยาบาลคนเป็นไข้ที่เคยเรียนมาตอนอยู่เกรดเจ็ด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่  ร่างสูงก้าวเร็วๆออกไปนอกห้องเดินวนไปรอบๆพยายามหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะต้องทุบหัวตัวเองแรงๆ เมื่อพบว่ามันอยู่ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนของเขา

     

    “ป้าครับ มาหาผมหน่อย ผมอยู่ที่ห้อง มีคนไม่สบาย ป้ามาเร็วๆนะครับ”

     

    ต่อสายหาแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ได้ให้อีกฝ่ายถามไถ่มากเท่าไหร่นัก ชานยอลเดินวนไปวนมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งแล้วก็พบว่าคนป่วยชันตัวขึ้นนั่งหลับตาพิงหัวเตียงอยู่ก่อนแล้ว คราวนี้เลยกลายเป็นว่าปาร์คชานยอลทำหน้าไม่ถูก พูดก็พูดไม่ออก เลยแต่มองคิมจงอินนั่งหลับตานิ่งอยู่แบบนั้น สายตาก็ลอบสังเกตแผลที่มุมปากกับซีกแก้มที่ดูจะช้ำหนักกว่าเมื่อวาน จนเขานึกเป็นห่วงว่าที่เป็นไข้แบบนี้เพราะปวดแผลหรือเปล่า

     

    “เจ็บหรือเปล่า”

     

    “เจ็บครับ”

     

    “ต้องทำยังไง”

     

    “หือ?”

     

    “ทำให้หายปวดน่ะต้องทำยังไง เดี๋ยวทำให้”

     

    จงอินขมวดคิ้วแน่นมองคนที่บอกว่าจะทำให้หายปวดนิ่งๆ อยากบอกออกไปเหลือเกินกว่าการอยู่เงียบๆ มันช่วยได้มาก แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ดูจะเป็นการหักหาญน้ำใจนายจ้างตัวเองจนเกินไป สายตาจ้องกลับไปยังปาร์คชานยอลที่ยืนมองอยู่เงียบๆ เหมือนเด็กน้อยที่ราวกับว่าถ้าไม่ได้คำตอบ ก็จะไม่ไปไหน ท่าทางดื้อรั้นจนจงอินอ่อนใจ คนป่วยแบมือไปตรงหน้าคนที่ยืนอยู่เงียบๆ ชานยอลไม่เข้าใจว่าคิมจงอินต้องการอะไรจนเจ้าตัวเอ่ยออกมาเสียงเบา

     

    “โทรศัพท์ครับ”

     

    แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ชานยอลก็เดินกลับออกไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่วางทิ้งไว้บนเคาท์เตอร์ครัวกลับมาให้ ร่างสูงเห็นคิมจงอินก้มหน้ากดมันยิกๆ อยู่ไม่นานก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นมันมาให้จนเกือบจะกระแทกดั้งเขา ชานยอลขยับถอยหน้าออกห่างจากจอโทรศัพท์เพื่อจะได้อ่านข้อความให้รู้เรื่อง

     

    ฝากลาอาจารย์ที่โรงเรียน แล้วก็ปล่อยผมไว้แบบนี้แหละครับ

     

    จงอินมองปาร์คชานยอลที่ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าจนต้องขมวดคิ้วตาม เขาว่าประโยคในโทรศัพท์นั้นชัดเจนดีแล้ว แต่ดูท่าปาร์คชานยอลจะเป็นพวกเข้าใจยากอะไรทำนองนั้น เพราะขนาดจงอินจะล้มตัวลงนอนเจ้าตัวก็ยังคงดึงแขนเขาไว้ จงอินอยากถามว่าตกลงต้องการอะไร แต่อาการปวดที่ซีกแก้มมันทำให้เขาไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้

     

    “ลุกขึ้นไปแต่งตัว” จงอินนิ่ง

     

    “คิมจงอิน ต้องให้แต่งให้มั้ย?”  แค่นั้นหล่ะ คนป่วยที่นั่งนิ่งเมื่อครู่แทบจะกระโดดลงจากเตียง จงอินเดินลงส้นเท้าแรงๆจนมั่นใจแน่ๆว่าปาร์คชานยอลต้องมองตามหลัง แต่จงอินไม่สน ตอนนี้เขาไม่สบายและไม่พอใจที่จะทำอะไรทั้งนั้น แต่คำพูดที่หนักแน่นจากคนสูงกว่าทำให้จงอินต้องยอมแต่งตัวในที่สุด ระหว่างนั้นเขาได้ยินปาร์คชานยอลคุยโทรศัพท์บอกใครสักคนว่าไม่ต้องมา แล้วก็วางสายไป แต่เอาเถอะ ธุระของปาร์คชานยอลไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจหรอก แค่ตอนนี้ก็ปวดหัวจะแย่

     

    จงอินแปลกใจนิดหน่อยตอนที่ปาร์คชานยอลฉุดกระชากลากเขามาจนถึงลานจอดรถ แต่มันแปลกไปจากเมื่อวานตรงที่เมอร์ซิเดสสีดำวาวที่จอดอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ดูคาติสี่สูบที่จงอินเคยเห็นมาตลอด  จงอินออกแรงเท่าที่คนป่วยมียื้อแขนตัวเองไว้จนคนที่จูงมือเขาลากเอาลากเอาต้องหันมามอง

     

    “จะพาไปหาหมอ”

     

    “ไม่ไป” เสียงแหบ แรงก็แทบไม่เหลือพูดยังจะมาเถียงอีก ชานยอลเงยหน้ากลอกตาขึ้นตาก่อนดึงแรงๆ ให้คนป่วยถลาเข้ามาใกล้ ก่อนจะเปิดประตูเจ้าสี่ล้อของเขาแล้วกดหัวให้อีกคนเข้าไปนั่ง จงอินทำท่าจะดื้อแต่ชานยอล ยืนค้ำแขนกับหลังคาและประตูรถ เอาตัวบังช่องว่างไว้ก่อนที่จงอินจะขยับออกมาได้ ร่างสูงก้มลงมองคนป่วยที่หน้าแดงก่ำ ตาฉ่ำน้ำ ตัวร้อนจนขนาดอยู่ห่างยังรู้สึกไอร้อนได้ แล้วก็ต้องหนักใจเข้าไปอีก

     

    “อยากโดนจูบอีกก็ลุกออกมาสิ”

     

    ทั้งคำพูดและท่าทางยืนยันว่าปาร์คชานยอลไม่ได้ขู่ และจงอินรู้สึกว่ามันเป็นครั้งแรกที่ตัวเองโชคดีที่ป่วย เพราะเขามั่นใจว่าหน้าเขาร้อนขึ้นมากเสียจนถ้าเขาปกติมันต้องแดงมากแน่ๆ ยิ่งนึกถึงสัมผัสที่ไม่ได้ลุกล้ำไปมากกว่าปากแตะปากแต่กลับทำให้ใจสั่นได้มากกว่าที่ควรจะเป็น  ชานยอลกระตุกยิ้มมุมปาก  ยิ่งเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดยิ่งรู้สึกถึงคำว่าชนะแปลกๆ รู้สึกดีที่เอาเด็กดื้อได้อยู่หมัด

     

    เมอร์ซีเดส สีดำวาวจอดเทียบเข้ากับโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ชานยอลมองคนที่หลับคอพับไปแล้วตั้งแต่ขึ้นรถมามิหนำซ้ำยังขดตัวเหมือนลูกหมาอีกต่างหาก  นี่ขนาดชานยอลใช้สูทนักเรียนคลุมไว้อีกชั้น จงอินก็ยังนอนขดจนเขาต้องเบาแอร์ลงจนสุด แม้ตัวเองจะเริ่มมีเหงื่อซึมก็ตาม  เปิดประตูแล้วจัดการอุ้มคนที่หลับขึ้นเตียง แต่จงอินดันรู้สึกตัวเสียก่อน

     

    “จะดิ้นไปไหน”

     

    “แล้วอุ้มผมทำไม”

     

    “ป่วยแล้วดื้อนักวะ” ชานยอลพูดเสียงนิ่ง แต่กลับวางร่างของอีกคนลงบนเก้าอี้รถเข็นอย่างนุ่มนวล ก่อนเขาจะเดินกลับไปขึ้นรถอีกครั้งเพื่อนำไปจอด จงอินมองปาร์คชานยอลที่ขับรถออกไปแล้วก็ได้แต่หน้าเสีย โรงพยาบาลแพงขนาดนี้ เขาไม่มีปัญญาจ่ายแน่ๆ ไอ้รุ่นพี่ขาโก่งนั่นถ้าจะพาเขามาทิ้งจะพาเขามาทำไมวะ???

     

    “คุณครับ เรียกแทกซี่กลับให้ผมหน่อย”

     

    “ไม่ได้หรอกครับ คุณชายสั่งให้พาคุณไปที่ห้องตรวจทันที”

     

    หา???? นี่อย่าบอกนะว่าโรงพยาบาลนี่เป็นในเครือตระกูลปาร์ค? มึนงงตกใจได้ไม่นาน คนที่พาเขามาก็เดินอาดๆเข้ามาแล้วเป็นคนเข็นให้เสียเอง จงอินมองปาร์คชานยอลไม่วางตา อยากถามก็อยาก ติดที่อาการปวดมันรุมเร้าพร้อมกันทั้งหัวทั้งแก้ม ชานยอลที่เห็นคิมจงอินเงียบไปก็นึกเป็นห่วง

     

    “เดี๋ยวให้หมอตรวจ”

     

    ปาร์คชานยอลพูดไว้แค่นั้น และจงอินก็ไม่ได้อยากจะเถียง เขาขยับตัวยุกยิกสองสามครั้ง หยิบมือที่เห็นว่าชานยอลใส่มันไว้ลวกๆ ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาแล้วพิมพ์ยุกยิกลงไปก่อนจะส่งไปให้กับคนที่ยืนเคาะนิ้วกับที่จับรถเข็นรออย่างพยายามใจเย็น

     

    “ผมไม่มีเงินจ่าย”

     

    “เดี๋ยวจ่ายให้ นั่งนิ่งๆ อย่าดื้อ”

    กำลังจะเถียงอีกครั้งแต่เสียงพยาบาลเรียกชื่อคิมจงอินขัดกันไว้ซะก่อน ชานยอลส่ายหน้ากับบุรุษพยาบาล แล้วเขาก็เป็นคนเข็นรถจงอินเข้าไปเอง จงอินอยากจะบอกปาร์คชานยอลเหลือเกินว่าเข็นคนป่วย ไม่ได้เข็นแข่งรถซิ่ง  แค่นี้เขาก็มึนหัวจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาเจอรถคนป่วยซิ่งท้านรกฝีมือปาร์คชานยอลอีก

     

    ปาร์คชานยอลพาเขาเข้ามาห้องตรวจที่อยู่ด้านในสุด  คุณหมอผู้หญิงสาวสวยที่หน้าตาคล้ายชานยอลมาก จงอินเผลอหันมองเร็วๆ จนต้องร้องโอยออกมาเสียงเบาเพราะอาการปวดหัวที่วิ่งจี๊ดขึ้นมากลางกระหม่อม คุณหมอที่เห็นคนป่วยดูท่าจะอาการไม่ดีก็รีบบอกให้ร่างสูงพาเข้ามาใกล้ๆ จะได้ตรวจดีๆ

     

    “ฉันชื่อ ปาร์คยูรานะคะ เป็นคุณหมอ แล้วก็พี่สาวเจ้าชานยอล”

     

    อ๋อออ พี่น้องกันนี่เอง ถึงว่าหน้าตาถึงได้เหมือนกันอย่างกับแกะ คุณหมอคนสวยมือเบาค่อยๆไล่มือแตะไล่ตามใบหน้าซีกขวาของจงอินที่บวมช้ำและเปลี่ยนเป็นสีเขียวปั้ดจนน่ากลัว จงอินเบ้หน้าเล็กน้อย ยามที่เธอกดเบาๆ ตรงโหนกแก้ม ชานยอลที่เห็นร่างโปรงซี๊ดปากก็ทำท่าจะขยับเข้ามาหา แต่เสียงของพี่สาวดังห้ามไว้เสียก่อนค

     

    “ไม่เป็นอะไรมากหรอก น่าจะโดนกระดูกพอดี ถึงได้ช้ำขนาดนี้  ขอวัดไข้หน่อยนะคะ”

     

    “ครับ”

     

    เครื่องตรวจอุณหภูมิถูกแตะเข้าที่ใบหู รอซักพักก่อนที่เครื่องจะดัง คุณหมอสาวที่เห็นว่าไข้ยังอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายจึงได้เขียนใบสั่งยา แต่พอเงยขึ้นมามองหน้าน้องชายแท้ๆแล้ว ปาร์คยูราก็ได้แต่กลั้นขำ ก็เจ้าชานยอลน่ะ ทำตาโตจ้องหน้าเธอตาแทบหลุดออกจากเบ้า

     

    “ไม่เป็นไรมาก ไข้ 38.5 องศา ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็ได้  แต่ถ้ากลัวเป็นหนักก็นอนให้น้ำเกลือสักคืนสองคืนให้ไข้หายก่อนก็ได้”

     

    “งั้นนอน”

     

    พึ่งรู้ว่าปาร์คชานยอลเป็นหมอกับเขาก็วันนี้ จงอินหันมองทันทีที่ปาร์คชานยอล ออกคำสั่ง  ให้เขานอนโรงพยาบาลทั้งๆที่แพทย์เจ้าของไข้บอกว่า ไม่ต้องนอนก็ได้ แต่กับปาร์คยูราที่รู้จักผู้ชายตัวสูงตรงหน้ามาทั้งชีวิต อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ น้องชายของเธอที่ไม่เคยห่วงใยใคร กลับแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยเด็กผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งคนนี้อย่างชัดเจน

     

    “งั้นนอนสักสองคืนแล้วกันนะคะ”

     

    อยากจะแย้ง แต่คุณหมอคนสวยก็ก้มหน้าเขียนชาร์ตคนไข้และกดโทรศัพท์ให้เตรียมห้องพักให้เรียบร้อย กลายเป็นว่าเขาหมดสิทธิ์หมดเสียงจะโต้แย้งอะไรทั้งนั้น  จงอินมองคุณหมอคนสวยยิ้มให้ชานยอลก่อนจะบอกว่า เดี๋ยวจะมีพยาบาลมาพาไปห้องพักและจัดการเปลี่ยนชุดคนไข้ให้ และก็เป็นอย่างที่เธอบอก ไม่นานพยาบาลคนหนึ่งก็มารับเขาไป  พร้อมๆกับปาร์คชานยอลที่เดินเก้ๆกังๆ ขนาบอยู่ข้างๆ

     

    ยูรามองน้องชายที่เห็นมาตั้งแต่เด็กด้วยรอยยิ้ม แค่เห็นท่าเดินจากด้านหลังเธอยังรู้ว่าชานยอลอยากจะขอเข็นรถเองเสียด้วยซ้ำ  รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าสวย เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเล่าให้คุณแม่ฟังเสียให้ได้ ลูกชายคนเล็กน่ะ พาหนุ่มสุดเซ๊กซี่(?)มาาเปิดตัวกับพี่สาวเชียวนะ

     

     

     

     

     

     

     

    “ผมอยากกลับไปนอนที่ห้อง”

     

    “ไม่ต้องเถียง”

     

    คิมจงอินกำลังหงุดดหงิด หงุดหงิดมากๆด้วย ปาร์คชานยอลนี่ยังไงวะ  หมอก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมากก็ยังจะให้มานอนโรงพยาบาลอีก จงอินกวาดสายตามองไปรอบห้องที่ดูแล้วยังหรูหรามากกว่าห้องพักในโรงแรมบ้างที่เสียอีก ไม่ต้องพูดถึงค่ารักษาหรอก แค่คิดจงอินก็บวกเลขในหัวไม่ทันแล้ว ยิ่งจะต้องเอาแรงมาเถียงกับปาร์คชานยอลอีก ร่างกายตอนป่วยไม่มีพลังงานขนาดนั้น

     

    “มึงไปลาเรียนให้คิมจงอินที” ชื่อของตัวเองเรียกความสนใจ เขาให้กลับไปยังปาร์คชานยอลที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ติดกระจกที่กั้นระเบียงและห้องพักภายในไว้ ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าปลายสายคือรุ่นพี่คริสแน่ๆ นึกถึงหน้ารุ่นพี่ที่วันๆได้แต่ยักคิ้วยักไหล่ อาการปวดหัวจี๊ดก็แล่นขึ้นมาจนต้องเบาๆ  ชานยอลที่ได้ยินก็รีบหันขวับมามองทันที

     

    “เป็นอะไรมากมั้ย?” จงอินส่ายหน้าช้าๆ เขายกมือข้างที่ถูกเจาะน้ำเกลือคลึงขมับตัวเองเบาๆ แต่ไม่นานก็โดนตีแขนโดยผู้ชายสูงเกือบสองเมตรที่ไม่รู้ว่าไม่ควรกระแทกแขนข้างที่เจาะน้ำเกลือของคนป่วย

     

    “โอ้ยย!!

     

    “จงอิน พี่ขอโทษ!!!

     

    เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเข้  เสียงที่คริสที่ดังลอดมาตามสายไม่ได้เรียกความสนใจชานยอลไปเลยสักนิด ร่างสูงยังตกใจกับเสียงร้องของจงอิน แต่เป็นจงอินเสียอีกที่ตกใจสรรพนามแทนตัวของเขา  และจงอินสาบานว่าได้ยินเสียงไอ้พี่คริสแหกปากลอดออกจากโทรศัพท์เสียงดังลั่น  คนป่วยกระพริบตาปริบๆ มองคนที่ดูลุกลี้ลุกลน จะกดออดเรียกพยาบาล แต่เขาก็คว้ามือเอาไว้ทัน

     

    “เจ็บตรงไหน ตอบดิ เจ็บตรงไหน”

     

    “มะ..ไม่เจ็บครับ”

     

    จงอินตอบกลับไปแบบนั้นแต่ดูเหมือนว่าปาร์คชานยอลนั้นจะไม่เชื่อเสียเท่าไหร่ มือหนายังคงจับที่แขนเขาเบาๆ ราวกับกลัวจะทำให้เขาเจ็บอีก จนจงอินต้องยืนยันอีกครั้งว่าไม่เจ็บจริงๆนั่นล่ะ ปาร์คชานยอลถึงยอมปล่อยมือ

     

    “แล้วเป็นอะไรเมื่อกี๊ร้องทำไม”

     

    “ผมปวดหัว”

     

    “เดี๋ยวเรียกพยาบาลให้เอามั้ย?”

     

    “มะ..ไม่เป็นไรครับ”

     

    น้ำเสียงที่นุ่มนวลกับการกระทำที่อ่อนโยนจงอินไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก เขาสบตากับปาร์คชานยอลอีกครั้งก่อนจะบอกว่าง่วงแล้ว และชานยอลก็ไม่คิดจะรบกวนคนป่วย ร่างสูงวางโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงก่อนจะประคองคนป่วยให้นอนลง แม้จะดูทุลักทุเลไปบ้างแต่มันก็ดีกว่าที่เขาตีแขนกันเมื่อกี๊  ตามด้วยเซอร์วิสพิเศษที่ทำเอาคนป่วยหน้าแดงหนักกว่าเดิมเสียอีก

     

    จุ๊บ

     

    “นอนซะ ฉันอยู่ตรงนี้”    มาทำแบบนี้ คิดว่าคนเขาจะหลับกันได้ง่ายๆ มั้ย ปาร์คชานยอล!!!

     

     

     

     

     

    แล้วนั่น..ก็เป็นครั้งแรก ที่ปาร์คชานยอล อ่อนโยนกับใครสักคน..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     






     

     

    เดี๋ยววววววววววววววววววววนะ?

     

     

     

     

    เราลืมใครไปหรือเปล่า???

     

     

     




     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คริสที่กำลังจะเข้าไปห้องเรียนของคิมจงอินได้แต่ยืนนิ่งค้าง กับเสียงที่ดังลอดมาตามสาย คริสจะไม่พูดดดดด คริสจะไม่พูดดดดดดด ว่าคริสได้ยิน และจินตนาการอะไรไปบ้าง คริสจะไม่พูด คริสจะไม่บอกใคร ว่าได้ยินเสียงจุ๊บ คริสจะไม่บอกใครว่าน้ำเสียงของชานยอลอบอุ่นแค่ไหน แค่ขออย่างเดียว

     




     

    ปาร์คชานยอล มึงช่วยสนใจกูหน่อย T^T ไม่ใช่วางโทรศัพท์กูทิ้งไว้ให้กูฟังมึงสวีทกับเด็กมึ๊งงงง

     

     

     

     


     

     

    #ฟิคความสุขชานไค

    555555555555555555 พี่คริสโคตรน่าสงสาร ตอนทำสัญญาจ้าง บอกไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องได้ออกทุกตอน ตอนนี้ก็ได้ออกแล้วนะพี่คริสนะ 555555555555555  เดี๋ยวตอนหน้าเรามาดูกันนะคะ ว่าพอพี่สาวไปบอกคุณแม่แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เรื่องแบบนี้ ไม่พลาดแน่นอนค่ะ ลูกชายคนเล็กพาหนุ่มสุดเซ็กซี่มาเปิดตัวกับพี่สาวเชียวนะ! 55555555555555555555 ชื่อเรื่อง อ่านว่า กาโฮ แปลว่าความสุขค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่มีดราม่าแน่นอนจ้า ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน แวะเข้ามาติชมนะคะ เราแนะนำตัวกันไปหรือยังนะ?? 5555555 ไปพูดคุยกันได้ที่แท็กหรือทวิตเตอร์ที่โปรฟิคนะคะ~ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนน้า วันนี้ไปแล้วค่า มีความสุขแล้วก็ยิ้มไปกับฟิคกันเนาะ 

    ปล.พี่คริสนี่อยากให้นางมีคู่ หรือปล่อยโดดเดี่ยเปลี่ยวทำตัวไม่ใช่พระเอกต่อไปแบบนี้ดี~ โหวตกันได้นะคะ~
    ปล2. โอ้ยยยย ผิดได้ขัดฟีลสุดๆขอบคุณมากนะคะท่่ช่วยบอก 555

     

     

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×