คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 果報 Kahō :: CHAPTER 06
CHAPTER 06
果報 Kahō
ปาร์คชานยอลเป็นบ้า
ถ้าไม่ใช่ก็คงใกล้เคียง คริสคิดว่าแบบนั้นล่ะนะ ตั้งแต่มันไปปิ๊งปั๊งไอ้เด็กประหลาดคิมจงอิน ปาร์คชานยอลก็กลายเป็นคนประหลาดมากขึ้นอีกเท่าตัว วันๆเอาแต่แอบเดินตามไอ้เด็กหน้ามึนที่ไม่ค่อยสนใจใคร อาทิตย์แรกก็ไปดักรอบันไดหนีไฟ อาทิตย์ถัดๆมาก็กลายเป็นแอบดูจากห้องเรียน นี่ถึงขั้นยอมลงทุนขับรถตามเป็นสโตรกเกอร์อยู่เป็นสองอาทิตย์
ป๊อก
คริสคว้าเจ้าก้อนกระดาษเนื้อเพลงที่ปาร์คชานยอลขยำทิ้งแล้วโยนเกลื่อนไปรอบห้องขว้างใส่หัมัน ชานยอลหันมามองอย่างหาเรื่องเล็กน้อยแล้วก็ก้มลงไปสนใจเนื้อเพลงในกระดาษโน้ตมันต่อ ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน แต่ปาร์คชานยอลขลุกกับเพลงเพลงนี้มาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว ไม่สนใจฟ้าดินอะไรเลย
“ถ้ามึงว่างก็ไปเล่นตรงนู้นนะครับอู๋อี้ฟาน ไปเล่นตรงนู้นนะ”
ปาร์คชานยอลเงยหน้าขึ้นมาพลางชี้ไปทางประตู้หน้าห้อง เออออ ใช่สิ๊ กูมันสูง กูมันขาว กูมันดูดี ไม่มีตัวดำๆ คางคมๆแบบไอ้เด็กนั่นนี่ถึงมาทำไล่กูให้ไปไกลๆ โธ่! อย่าให้กูมีโอกาสนะครับปาร์คชานยอล กูจะแฉความเวิ่นเว้อที่มึงมีต่อน้องออกมาคอยดู
“ไม่ต้องคิดจะแฉกูครับ.. ไปครับ ไปให้ไว”
ได้ครับ! สัดปาร์ค!
คริสเดินกระฟัดกระเฟียดล้วงกระเป๋าเตะหินเตะลมบ่นฟ้าไปเรื่อยๆจนมาถึงหลังโรงเรียน ร่างสูงว่าเขาตาไม่ฝาดนะ เมื่อกี๊มันเด็กประหลาดคิมจงอิน ก้มมองนาฬิกาก็พบว่านี่เป็นเวลาเรียน แล้วเด็กนักเรียนทุนอย่างคิมจงอิน มาเดินเสร่ออะไรแถวนี้ครับ? เดี๋ยวก็ได้โดนดีขึ้นห้องปกครอง ขายาวก้าวเร็วๆตามไปติดๆจนพบว่าไอ้เด็กประหลาดมันเดินเลี้ยวเข้ามาด้านในสุด ที่ไม่ค่อยมีใครผ่านมา
“คิมจงอิน!”
“ครับรุ่นพี่”
ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋าพิงกำแพงอยู่เงียบๆ โดยไม่ก้าวเข้าไปยุ่ง อยากดูเหมือนกันว่าเด็กคิมจงอินนั่นจะทำยังไง ตอนนี้คนทั้งโรงเรียนต่างรู้ดี ว่าคิมจงอินมีปาร์คชานยอลคุ้มหัว ไม่ว่าจะเป็นป้ายชื่อสีทองที่เด่นหราอยู่บนอก หรือล็อคเกอร์ที่มีป้ายทองติดกำกับไว้ แค่คิมจงอินเอ่ยชื่อชานยอลออกมาก็จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องเด็กประหลาดนั่นอีก
“คิดว่าไอ้ป้ายชื่อทองนี่มันจะคุ้มหัวแกได้งั้นหรอ”
นักเรียนชายคนนึงผลักหัวเด็กประหลาดนั่น แต่เด็กคนนั้นกลับไม่มีท่าทีจะอยากตอบโต้ สายตาและท่าทางยังคงนิ่งเฉย ถึงจะไม่ได้พูดคุยกันมากนะก แต่เด็กประหลาดนั่นไม่ใช่คนเลวร้าย เหอะ แถมไอ้พวกนี้ยังทำท่าทางไม่เกรงโกลด์คลาสอย่างพวกเขาเสียด้วย คริสกลอกตาไปมาสองสามทีก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดยิกๆแล้วยัดลงกระเป๋ากางเกง
รอดูอะไรสนุกๆดีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่พระเอกเลยไม่รู้จะทำเท่ห์ไปทำไม *ยักไหล่*
"ไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ"
"เหอะ คิดว่าพวกกูเรียกมึงมาเดินเล่นหรือไง"
"ผมก็คิดว่างั้น"
คิมจงอินแทบจะกลอกตาเป็นอักขระอียิปต์โบราณ เขามั่นใจว่าท่าทางมันต้องน่าหมั่นไส้มากแน่ๆ ร่างโปร่งผิวสีน้ำผึ้งถอนหายใจเบาๆ แล้วโค้งหัวให้รุ่นพี่พวกนั้นตามมารยาท หมุนตัวกำลังจะเดินกลับออกไป แต่ก็ถูกคว้าไหล่ไว้ก่อน หันกลับไปก็เห็นรุ่นพี่คนนั้นง้างหมัดใส่แล้ว จงอินก้มตัวหลบ แต่ดันโดนอีกหมัดเสยเข้าข้างแก้มเล่นเอากรามแทบร้าว ขายาวใต้กางเกงนักเรียนยกขึ้นถีบรุ่นพี่ที่จะเข้ามาซ้ำ พวกที่เหลือพอเห็นเพื่อนโดนถีบก็ถลาจะเข้ามาช่วย แต่ขอโทษทีเถอะครับ คิมจงอินมีมือ มีเท้า ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นตัวเอก กำปั้นหนักๆเหวี่ยงเข้าใส่คนผอมสูงคนแรกที่พุ่งเข้าใส่ ก่อนจะหันไปอัดเข้าท้องคนที่เข้ามาทางขวา จงอินไม่รู้ว่าอีกคนมาจากไหน ทำให้เขาโดนต่อยเข้าเต็มซีกแก้ม
"พอรึยัง"
น้ำเสียงทุ้มต่ำ ดังขึ้นจากด้านหลัง และคิมจงอินก็ไม่จำเป็นต้องหันไปมอง เสียงแบบนี้เขาเองก็รู้จักอยู่คนเดียว กลุ่มตะลุมบอนหยุดแทบจะในทันที คนที่อยู่ใกล้คิมจงอินที่สุดละมือออกมา สีหน้าเหรอหรา ทุกคนต่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าปาร์คชานยอลจะโผล่มาในเวลานี้ ร่างสูงก้าวยาวๆผ่านจงอินไปโดยไม่สนใจ
พลั่ก
จงอินอ้าปากค้างเมื่อปาร์คชานยอลยกขาแล้วยันเข้าไปกลางอกคนที่ต่อยอยู่กับเขาเมื่อครู่ จะขยับเข้าไปห้ามก็ถูกคว้าแขนไว้โดยคริส คริสส่ายหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงห้าม ที่ห้ามน่ะถูกแล้ว ขืนเขาไปให้ไอ้ชานยอลเห็นหน้าจงอินชัดๆตอนนี้ มีหวัง ไอ้พวกนั้นได้ตายคาตีนแถมต้องหาที่เรียนใหม่แน่ๆ
หรือไม่แน่ ตอนนี้ก็ต้องหาแล้วก็ได้มั้ง
หมัดหนักเหวี่ยงเข้าสันกรามคนที่ยืนอยู่ถัดไป ตามด้วยขายาว ที่หวดเข้ากลางท้องคนที่นอนคลุกฝุ่นอยู่กับพื้นแบบไม่ยั้งแรง คิมจงอินมั่นใจว่ารุ่นพี่คนนั้นต้องช้ำในไปอีกหลายวันแน่ ดีไม่ดีอาจได้หยอดน้ำข้าวต้มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จนสุดท้ายทนดูไม่ไหว ต้องเข้าไปดึงแขนของคนที่กำลังง้างหมัดใส่รุ่นพี่ที่โดนจงอินชกไปหลายหมัด ปาร์คชานยอลชะงักหันกลับมามองคนที่ดึงแขนตัวเองไว้ จงอินนัยน์ตาคมเต็มไปด้วยแววดุ ราวกับเป็นคนละคนกับที่เขารู้จักมาตลอดสองเดือน
“พอเถอะครับ”
คริสยืนล้วงกระเป๋ายืนดูอยู่เงียบๆ เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ตลอดเวลาที่รู้จักชานยอลมาตั้งแต่เด็กจนโต น้อยคนที่จะห้ามชานยอลเวลามีเรื่องกับใครสักคนได้ นอกจากพี่ยูรา กับ แม่มันแล้ว คริสก็พึ่งเห็นคิมจงอินนี่แหละที่ทำได้ ไอ้ชานยอลสะบัดมือที่คว้าคอเสื้อเด็กคนนั้นไว้ เปลี่ยนมาจับข้อมือคิมจงอินแล้วลากกันออกไปแทน คริสที่ได้แต่ยืนค้างอ้าปากหวอมองตาม
เฮ้ยย คือกูอยู่ในสายตาพวกมึงบ้างป่าววะ??? \
ถึงจะอยากตะโกนออกไปแบบนั้น แต่คริสก็มีเรื่องที่รู้ว่าตัวเองต้องทำ ร่างสูงก้าวเข้าไปยืนต่อหน้าเด็กผู้ชายสามสี่คนที่ยืนหน้าช้ำยับเยินกันอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากบางเฉียบกระตุกยิ้มมุมปาก
“หึ..ใครส่งมา”
“พะ..พวกผู้หญิงในโรงเรียนครับ”
“กูถามว่าใคร”
“ระ..เรเชล เรเชลครับรุ่นพี่”
“เออ.. ก็แค่นั้น อ้อ… อีกเรื่อง..”
“.....”
“ก็ในเมื่อมึงไม่รู้ว่า โกลด์คลาสอย่างกูทำอะไรได้บ้าง ก็จะได้รู้แล้วก็จำไว้..”
“.....”
“หาที่เรียนใหม่ได้เลยไอ้น้อง”
คริสพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินผิวปากออกมาอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โกลด์คลาสคือคนที่จบการศึกษาตามหลักสูตรเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เด็กกลุ่มนี้ไม่ได้ศึกษาต่อที่ไหน แต่ละคนเลือกจะทำงานในสาขาที่ต้นถนัด คริสกับชานยอลก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งคู่จบการศึกษาได้สองปีแล้ว และเลือกจะอยู่ต่อ ชานยอลทำเพลง ส่วนคริส เห็นแบบนี้ก็เป็นทั้งนายแบบและนักแสดง โกลด์คลาสสามารถร้องเรียนโดยตรงถึงผู้อำนวยการเรื่องความประพฤติไม่เหมาะสมหรือสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าทำให้โรงเรียนเสียหาย แน่นอนยิ่งเป็นคริสและชานยอล เรื่องจากพวกเขาครั้งนี้มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง
จงอินกลอกตามองฟ้าสลับกับข้อมือที่ถูกปาร์คชานยอลลากอยู่ ย้ำว่าลาก อยากบอกว่าเจ็บแต่ดูท่าปาร์คชานยอลจะไม่ฟัง เพราะตั้งแต่ลากกันมานี่ยังไม่ได้สิทธิ์พูดอะไรสักคำ ลากกันมาจนถึงชั้นหก ดีที่ช่วงนี้เป็นเวลาเรียนจึงไม่ค่อยมีนักเรียนเดินอยู่ตามทางเดินมานัก ปาร์คชานยอลกระแทกประตูปิดเสียงดัง แล้วกดเขานั่งบนโซฟาแรงๆ
"ผมมีเรียน ถ้า..."
"นั่งเงียบๆซะ"
เงียบกริบ... โอเคนาทีนี้คิมจงอินไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น ปาร์คชานยอลเหมือนเป็นอีกคนที่เขาไม่รู้จัก จงอินเห็นปาร์คชานยอลเดินวนรอบห้องไม่นาน เจ้าตัวก็เดินกลับมาลากแขนเขาไปอีก คราวนี้ลงลิฟต์มาจนถึงห้องลอคเกอร์
"เก็บของ"
"ผมมีเรียน"
"เก็บซะ เดี๋ยวให้ไอ้คริสไปลาป่วยให้"
"ไม่ได้ป่วยครับ"
"จะเถียงทำไมนักหนาวะ"
โอเค ไม่เถียงก็ได้วะ จงอินเปิดลอคเกอร์ของตัวเองหยิบกระเป๋ากับเสื้อกันหนาวออกมาเปลี่ยน จัดการล็อคตู้ให้เรียบร้อย ยังไม่ทันจะเสร็จดี ปาร์คชานยอลก็ลากเขาปลิวติดมือมาอีกแล้ว คราวนี้จงอินไม่หือไม่อืออะไรสักคำ ร่างโปร่งยอมก้าวขึ้นรถแต่โดยดี และไม่นานเจ้าสี่สูบคันใหญ่ก็แล่นฉิวออกจากโรงเรียนตรงดิ่งไปยังคอนโดของปาร์คชานยอลในทันที
ในลิฟท์มีแต่ความเงียบและดูท่าว่าคิมจงอินจะไม่มีความอึดอัดเลยแม้แต่น้อย เด็กนั่นเคยชินกับความเงียบ แต่ชานยอลไม่ใช่ ถึงเขาจะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ในเวลาโมโหเขาก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่เฉยๆได้เหมือนกัน เหลือบมองคิมจงอินจากหางตา ยิ่งเห็นใบหน้าอีกคนเต็มไปด้วยแผลนิ่งหงุดหงิดหนัก
ติ๊ง
ทันทีที่ลิฟท์เปิดชานยอลก็ไม่รอช้าที่จะจับมือร่างโปร่งให้เดินตามกันมา ร่างสูงกว่าหันกลับไปมองก็พอดีกับที่จงอินยื่นคีย์การ์ดกับกุญแจห้องให้ เขารับมันมาเปิดอย่างแรง และพอเข้ามาได้ก็จัดการโยนมันไว้ลวกๆตรงเค้าท์เตอร์ส่วนครัว นับตั้งแต่วันที่บอกว่าจะจ้างให้คิมจงอินมาดูแลที่นี่ให้เขาก็ไม่ได้เข้ามาอีกเลย ยังตกลงกับพ่อเรื่องที่เรียนต่อไม่ได้และงานที่รับทำไว้ก็ยังไม่เสร็จ ที่นี่สะอาดเอี่ยม ทั้งเครื่องเรือน ตู้ โต๊ะ ไม่มีฝุ่นเลยสักนิด
"ไปอาบน้ำ"
บอกอีกคนแค่นั้นแล้วปล่อยมือออก ชานยอลนั่งลงบนโซฟาในส่วนของห้องรับแขกแล้วคอยลอบมองร่างสูงโปร่งของจงอินเดินหายเข้าไปในห้องนอนอีกฝั่ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าคิมจงอินใช้ห้องนอนเล็กที่ชานยอลจำได้ว่าเขาใช้มันเป็นห้องแต่งเพลง คิดแบบนั้นขายาวก้าวอาดๆมายังห้องเล็กและเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
“ครับ?”
แม่งไม่น่าเปิดเข้ามาเลย.... ชานยอลนึกอยากจะตะโกนออกไปแบบนี้ เมื่อภาพตรงหน้าเป็นภาพของคิมจงอินที่ใส่กางเกงแสล็คสีเทาตัวเดียว ท่อนบนเปลือยอกให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งที่เนียนสวย สาบานว่าไม่ได้กาม เออกามนิดนึงก็ได้ แต่คือยิ่งหันหลังให้เห็นแผ่นหลังที่กว้างสมส่วนกับหุ่นของเจ้าตัวแบบนี้ ปาร์คชานยอลแม่งทำบุญทำกรรมอะไรกันมาวะครับ..
*ลูบหน้าแรงๆ*
“เอ่ออ.. ไม่มีอะไร”
ปั้ง!! คิมจงอินมองเจ้าของห้องตัวจริงที่เดินออกไปแบบงงๆ อะไร? ปาร์คชานยอลต้องการอะไรจากสังคม? อยู่ดีๆเปิดเข้ามาแล้วก็เปิดออกไป? จงอินส่ายหัวกับตัวเองก่อนจะเหวี่ยงเสื้อที่ถอดไว้แล้วลงตะกร้าตามด้วยกางเกงนักเรียนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เขาใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก หน้าก็ยังไม่กล้าล้างมันเท่าไหร่ จงอินใส่เสื้อยืดตัวโคร่งๆกับกางเกงวอร์มขายาวเช็ดหัวลวกๆออกมาจากห้องนอน ปาร์คชานยอลนั่งอยู่ที่โซฟาอยู่แล้ว พร้อมด้วยกล่องปฐมพยาบาลพื้นฐาน
“มานั่ง”
“ผมทำเองก็ได้ครับ”
“นั่ง”
“เดี๋ยวผมทำเอง”
คิมจงอินนี่โคตรเป็นเด็กขี้เถียงเลย หาเรื่องมาเถียงได้คอเป็นเอ็น แล้วชานยอลเองก็ไม่ได้มีความอดทนมากมายนัก แขนแกร่งเอื้อมไปกระชากทีเดียว คนที่ยืนนิ่งก็นั่งแหมะลงบนโซฟาตัวเดียวกันพอดี ชานยอลนั่งขัดสมาธิมองไอ้บรรดาขวดยาที่เขาหยิบออกมาตั้งเรียงราย ร้อยวันพันปีไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เองสักเท่าไหร่หรอก พอจะเคยทำอยู่บ้าง แต่ก็แค่ลวกๆ เงยหน้ามองร่างโปร่งอีกคนก็ได้แต่หนักใจ มุมปากแตกช้ำเริ่มเป็นสีม่วงเข้ม แผลที่ซีกแก้มเป็นรอยเลือดถลอก กับเบ้าตาเริ่มบวมปูดแล้วขึ้นสีคล้ำ จงอินมองคนที่ทำหน้าเครียดแล้วก็ต้องเอ่ยถาม
“พี่ทำเป็นหรอครับ?”
“ไม่เป็น”
“งั้นเดี๋ยวผมทำเอง”
“จะทำให้”
โอเค ทำไม่เป็นแต่จะทำให้ ยอมเลยครับคุณปาร์คชานยอล จงอินนั่งเฉยๆมองคนที่ลังเลว่าจะเอาอะไรมาใส่แผลเขาก่อนดี จนสุดท้ายเขาต้องเป็นคนบอกทุกขั้นทุกตอน ตั้งแต่หยิบสำลีมาเทน้ำเกลือแล้วค่อยๆเช็ดรอบแผล ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายตัวใหญ่จะมือเบาได้ถึงขนาดนี้ ปาร์คชานยอลมือเบามาก เบากว่าเขาที่ทำแผลเป็นเสียอีก จงอินมองสำลีชุบแอลกอฮอล์ในมือหนา กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“รุ่นพี่แตะเบาๆนะครับ อย่าให้โดนแผล”
“นั่งนิ่งๆ” ชานยอลบอกอีกคนแค่ไหน จะย้ำอะไรเยอะแยะ นี่ก็ตื่นเต้นจะตายห่าอยู่แล้วครับ เกิดมาชีวิตนี้ไม่เคยทำแผลให้ใคร ชานยอลมือสั่นเล็กน้อยแต่ก็พยายามเกร็งไว้ไม่ให้มันเห็นชัด ค่อยๆขยับตัวเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะแต้มสำลีลงไปรอบๆแผลที่มุมปากให้เบาที่สุด จำได้ว่าตอนเด็กๆ แม่นมที่เลี้ยงเขามาต้องเป่าให้ด้วยนี่หว่า
ลมหายใจอุ่นปะทะเข้ากับแอลกอฮอล์เช็ดแผลทำให้รู้สึกเย็นวาบที่ผิวหนัง แต่นั่นไม่เท่ากับกลิ่นมิ้นท์ที่ปะปนมากับลมหายใจและแพขนตาของปาร์คชานยอลที่อยู่ใกล้จนจงอินนับเส้นได้ ระยะห่างที่ทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจ ไม่รู้ว่าปาร์คชานยอลรู้ตัวมั้ยแต่ระยะห่างระหว่างเรามันใกล้ ใกล้มากๆ ชนิดที่ว่าปลายจมูกแทบจะชนกัน
กว่าจะรู้ตัวว่าระยะห่างมันเหลือน้อยนิดก็ตอนที่กำลังจะขยับออกเพราะรู้สึกว่าเด็กประหลาดแข็งทื่อไป ชานยอลมองหน้าอีกคนใกล้ๆ คิมจงอินไม่ได้มีผิวขาวใสเหมือนบรรดาหญิงสาวหรือหนุ่มน้อยที่เขาเคยผ่านมา แต่เขากลับมองผิวของคิมจงอินสวย ถึงจะไม่ขาวแต่ก็ยังคงเนียน รูปหน้าที่เรียกได้คมคายกับทรงจมูกที่รับกัน ทำให้คิมจงอินมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ดวงตาเรียวที่มีประกายวิบวับอยู่ตลอดเวลา คิมจงอินไม่ใช่คนสวย แต่มันมีอะไรสักอย่างอยู่ในดวงตาคู่นี้ดึงดูดชานยอลเอาไว้ และไม่ต้องรอให้ใครมาบอกในคราวนี้..
สัมผัสนุ่มหยุ่นที่บดเบียดลงมาทำเอาจงอินเบิกตากว้างก่อนจะรู้ตัวว่าต้องผลักอีกคนออกไป แต่ก็ดูเหมือนจะช้าไป จงอินถูกคว้าคอไว้จนต้องก้มลงมาหาคนที่เบียดจูบเขาอยู่ สองมือเกาะบ่ากว้างของอีกฝ่ายไว้แน่น ยิ่งเกร็งหนักเมื่อสัมผัสจากปลายลิ้นไล้เลียอยู่รอบริมฝีปาก แรงขบเบาๆทำให้เขาต้องยอมเปิดปากให้อีกคนบดจูบได้ถนัด โดนจูบจนแทบจะหมดลมหายใจอีกฝ่ายถึงได้ปล่อยเขาเป็นอิสระ จงอินหอบหายใจหน้าแดงก่ำ พอๆกับปาร์คชานยอลที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“หายเร็วๆ”
พูดแค่นั้นก่อนจะย้ำจูบเข้าไปอีกสักที ก่อนจะลุกขึ้นเดินลิ่วๆเข้าห้องนอนใหญ่อีกห้องไป ทิ้งจงอินไว้ที่ห้องนั่งเล่นกับความเงียบเพียงเท่านั้น จงอินสาบานว่าชีวิตนี้ไม่เคยจูบ..ชีวิตเขาไม่มีแฟน ไม่มีคนเข้าหา อยู่ไปวัน ๆ ฝ่ามือยกขึ้นลูบริมฝีปากที่บวมเจ่อจากแรงขบเมื่อครู่ ก็ยิ่งให้ความรู้สึกใจเต้นรัวเข้าไปอีก ด้วยความสัตย์จริงว่าไม่เคยหวั่นไหวกับชานยอลเลยแม้แต่น้อย แต่ครั้งนี้มันแปลก... แปลกมาก... จงอินยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง ขยำมันเบาๆ รู้สึกว่ามันเต้นแรงจนเจ็บไปหมด ไหนจะความร้อนที่กระจายอยู่ทั่วใบหน้าตัวเองอีก ร่างโปร่งลุกขึ้นและทำทุกอย่างแบบมึนงง จงอินจำได้ว่าเขาเดินชนเก้าอี้ต้องเคาท์เตอร์ครัวไปสองรอบ ก่อนจะเผลอเปิดประตูกระแทกหน้าตัวเองอีกหนึ่งรอบ กว่าจะได้เข้านอนก็เกือบจะได้อีกหลายแผล
คืนนี้คงจะเป็นคืนที่แปลกแน่ๆ เพราะห้องกว้างที่เคยอยู่คนเดียวกลับมีเจ้าของห้องตัวจริงมานอนอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้นอนด้วยกัน แต่ก็ยังถือว่าอยู่ด้วยกันอยู่ดี จงอินนอนลืมตาเบิกโพลงท่ามกลางความมืด โดยไม่รู้เลยว่า ชานยอลเองก็เป็นเหมือนกัน หัวใจทั้งคู่ยังคงทำงานหนัก และดูท่าว่าจะไม่หยุดกันเอาง่ายๆเสียด้วย
ก็แน่ล่ะ.... ก็นี่มันครั้งแรกที่ได้จูบกันเลยนี่นา
หายไปหลายวันกลับมาเขาแอบไปจูบกันเลยอ่ะ...
*ปิดหน้าปิดตาวิ่งหนี*
อุปสรรคมีไมม่เยอะหรอกค่ะ แล้วเราก้พยายามแต่งให้จงอินไม่มิ้งไปด้วย
นี่แกพยายายามแล้วหราา นี่เจอกันมาหกตอนแล้วไม่เคยแนะนำตัวเลยเน้อะ
สวัสดีค่า เราชื่อพริมน้า เรียกอะไรก็ได้ พิม พริม พิมพ์ 555 ได้หมดเลยค่า
ไปสวด ไปบ่น ไปทวงฟิคที่ทวิตเตอร์ได้น้า @iampiiiim แวะไปคุยกันบ้างก็ได้
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่ชอบบบ เราอ่านทุกคอมเม้นต์เลยนะ
รู้สึกดีมากอ่ะ เวลาอ่าน ฮ่าๆ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยยย วันนี้ไปแล้วค่า
แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
ความคิดเห็น