ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) SF #พลอตชั่ววูบ | CHANKAI / SEKAI / Allcouple

    ลำดับตอนที่ #6 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 1 : No Title 03 (sekai)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 58





    (os) [period series] no title 03

    pairing :: sehun x jongin

    rate : จัดไม่เป็น

    note : อย่าเรียกว่าภาคต่อเลย ทั้งมึน ทั้ง งง แบบนี้


    ปล.ฟังเพลงกันนะ เพลินเพลิน~

    ปล.2 อยากได้ทั้งองค์ชาย ทั้งคนสนิท ตำหนักรับนางในเพิ่มมั้ยคะ?





    ยามเจ้าอยู่ห่างไกลใจพี่เจ็บยามเจ้าเจ็บป่วยกายใจพี่ปวด

    หากเลือกได้สีหน้ายามทุกข์ทรมานเช่นนั้นพี่จะรับเอาไว้เสียเอง






    เสียงควบม้ายังคงกึกก้อแม้นี่จะล่วงเข้าวันใหม่ไปหลายชั่วยามแล้ว แต่องค์ชายห้าก็ยังไม่มีวี่แววจะหยุดเดินทางแต่อย่างใด ในอกมันร้อนรุ่มยิ่งนักเมื่อได้ทราบข่าว
     


    "ท่านจงอินป่วย ตั้งแต่วันกลับมาถึงแล้วเพคะองค์ชาย แต่มิยอมให้ผู้ใดกราบทูล ไหว้วานเพียงแค่หม่อมฉัน ทูลลาต่อองค์ชายให้เพียงเท่านั้น"
     


    ห่างหายกันเสียเนิ่นนาน กลับมามิอยู่รอพบหน้าก็โกรธเคืองเสียเหลือเกินแล้ว ยิ่งรู้ว่าเจ็บหนักจนต้องนอนซม ยิ่งทรงกริ้วเข้าไปใหญ่



    กล้าดียังไงกัน เจ็บป่วยขนาดนั้นยังมิยอมให้ใครอยู่ดูแล เจ้ามันน่าตีนัก ไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าเจ้าสำคัญต่อข้ามากเพียงใด
     


    ม้าศึกสามตัวหยุดลงที่เรือนไม้กลางป่าไผ่ นี่เป็นบ้านที่องค์ชายเซฮุนประทานให้คนสนิทเมื่อหลายปีก่อน ไม่ต้องรั้งรอผู้ใดทั้งนั้น เชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ เร่งรุดก้าวไปยังห้องหับที่ทรงคุ้นเคย
     


    ...เจ็บนัก...
     


    "นำน้ำใส่กะละมังมา เราจะเช็ดตัวให้จงอินเอง"
     


    องครักษ์ชองโค้งหัวรับพระบัญชาแล้วขยับออกจากห้องเหลือไว้เพียงหนึ่งองค์ชายและหนึ่งคนป่วยเพียงเท่านั้น หากจงอินตื่นขึ้นมาคงต้องต่อว่าเขาเป็นแน่องค์ชายรู้ดี แต่จะให้เขาทำนิ่งเฉยดูดายได้อย่างไรกัน
     


    ใบหน้าที่ไม่ได้พบกันเสียหลายราตรียังคงไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ ยื่นพระหัตถ์เกลี่ยผมที่ยาวระใบหน้าซีดสี อยากจะลงโทษเสียเหลือเกินที่ทำให้พระองค์เป็นห่วงอยู่อย่างนี้ แต่จะสั่งลงทัณฑ์ให้อีกฝ่ายเจ็บปวดได้อย่างไรกันในเมื่อแค่อีกฝ่ายป่วยไข้ พระทัยก็ที่ว่าแข็งแกร่งกลับเจ็บปวดราวกลับมีใครมาบีบมากำมันไว้เสียอย่างนั้น
     


    "ให้กระหม่อมทำ.."
     


    "เราจะทำเอง" ชัดเจนทั้งการกระทำและหนักแน่นทั้งสุรเสียงเสียจนองครักษ์ได้แต่จำยอมถวายผ้าผืนน้อยที่ชุบน้ำให้กับองค์ชายห้า ก่อนจะขยับออกไปยืนหน้าห้องรอตามรับสั่ง
     


    พระหัตถ์ใหญ่จับประคองข้อมือคนป่วยอย่างอ่อนโยน กังวลเสียเหลือเกินว่าจะเผลอออกแรงเยอะจนคนป่วยช้ำมือไปมากกว่านี้
     


    สองพระกรออกแรงจับประคองคนนอนซมให้ลุกนั่งพิงแผงอกของเขา สาปเสื้อถูกแหวกออกกองอยู่บั้นเอว หากเป็นเวลาปกติพระองค์คงไม่รีรอที่จะตักตวงเอาความหอมหวานจากร่างกายนี้ องค์ชายเซฮุนมิได้สนพระทัยในสิ่งอื่นใดนอกเสียจากอาการป่วยที่คนของเขากำลังทรมานอยู่เท่านั้น
     


    "ดื้อนักหรือ ป่วยไข้ขนาดนี้ยังมิยอมบอกกัน"
     


    บิดผ้าพอหมาดก่อนจะนำไปวางปะไว้บนหน้าผากอย่างที่เห็นเสด็จแม่ทำให้เขาเมื่อครั้งยังเด็ก น้ำคำตัดพ้อเล็ดรอดออกจากพระโอษฐ์อย่างที่ถ้าหากคนฟังรับรู้คงได้มีใครสักคนเนื้อเขียวกันบ้างล่ะนะ






    แม้จะเดินทางมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยสักเพียงไหนแต่เขาก็มิเคยคิดจะงีบหลับ ประสงค์จะทอดพระเนตรมองใบหน้ายามหลับของคนป่วยที่ดูดีกว่าเมื่อครู่นี้มากนัก ขยับผ้าห่มสอดพระวรกายเข้าซุกหาไออุ่นใต้ผืนผ้าห่ม สอดแขนเข้ารองแทนหมอนรั้งร่างคนป่วยเข้าซุกซบอย่างไม่กลัวจะติดไข้ ทอดสายตามองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาอละแต้มจูบให้อย่างอ่อน กระซิบคำร้องขอ หวังให้คนป่วยได้ยิน

     



    "อย่าเจ็บป่วยอีกเลยคนดี...พี่ห่วงเจ้าจวนเจียนจะขาดใจ"





    จงอินรู้สึกตัวขึ้นในยามสายของอีกวัน ร่างกายที่อ่อนล้าจากพิษไข้ที่รุมเร้ามาสองวันเต็มทุเลาลงไปบ้างแล้ว กวาดสายตามองไปโดยรอบห้องยิ่งนึกแปลกใจ ใครกันมาดูแลเขาเช่นนี้ แลความสงสัยทั้งหมดก็ถูกไขให้กระจ่างเมื่อชายสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก้าวข้ามประตูห้องพักเขาเข้าเสียอย่างนั้น
     


    เหตุใดองค์ชายถึงประทับที่นี่ แล้วเหตุใดถึงได้มอมแมมเสียขนาดนั้นกัน
     


    "เสด็จมาได้ยังไงกระหม่อม" ร้องถามพร้อมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจที่เห็นว่าองค์ชายถือถาดอาหารเอาไว้ในมือ จนลืมไปว่าตนก็พึ่งจะฟื้นไข้เช่นเดียวกัน
     


    "จงอิน!"
     


    ถาดข้าวต้มถูกวางลงอย่างรีบร้อน องค์ชายห้าตรัสเรียกชื่อคนป่วยเสียดังลั่น สองพระกรสอดเข้าประคองร่างที่โอนเอนด้วยยังไม่หายดี อยากจะดุจะตีให้สมกับความดื้อดึงนี้เสียเหลือเกิน ดูเอาเถิด รีบร้อนลุกแบบนั้นถ้าหากเขากลับเข้ามาไม่ทัน ไม่ล้มหัวกระแทกพื้นไปก่อนงั้นหรือ
     


    "อย่ารีบลุกนัก ไข้เจ้าพึ่งจะทุเลา"
     


    "เสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กระหม่อม"
     


    "ทานข้าวเสียหน่อยเถิด เราให้องครักษ์ชองไปซื้อยามาให้ ทานข้าวเสร็จแล้วจะได้ดื่มยา"
     


    "พระองค์ เสด็จนี่ได้อย่างไรกระหม่อม"
     


    องค์ชายห้า ถอนหายใจทอดพระเนตรคนป่วยแสนดื้อของพระองค์ด้วยแววตาคมดุ อยากตีหรือก็อยาก กลัวเขาเจ็บหรือก็กลัว สุดท้ายแล้วเห็นเขาซึมก็อดไม่ได้จะปลอบโยน
     


    'คนของเขา เขาก็รักของเขา'
     


    "มาเถอะ ทานข้าวเจ้าจะได้ทานยา" เห็นคนรักนั่งนิ่งซึมอยู่ตรงหน้า มีหรือจะใจแข็งได้ลงคอ สุดท้ายแล้วองค์ชายห้าก็ต้องจำยอมอ่อนข้อให้คนสนิทของตนอยู่ดี
     


    "แข็งใจทานสักนิดเถอะนะ จงอิน" หยัดตัวลงประทับเคียงข้างกัน หากเป็นเวลาปกติจงอินคงรีบผุดลุกขึ้นยืนร้องบอกว่ามันไม่เหมาะสม ทว่าเวลานี้คนป่วยกลับถูกรัดรึงด้วยอ้อมแขนขององค์ชายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะพลิกหนี จึงได้แต่ใช้แขนเสื้อเช็ดรอยเขม่าสีดำบนพระพักตร์
     


    "ยังไม่ทรงตอบคำถามเลยนะองค์ชาย ท่านเสด็จมานี่ได้อย่างไรกัน"
     


    "หากเจ้าทานข้าวต้มถ้วยนี้ไม่หมด เราก็จะไม่ตอบคำถามใดทั้งสิ้น"
     


    "งั้นทรงปล่อยกระหม่อมก่อน จะได้นั่งทานดีๆ"
     


    "เดี๋ยวเราป้อน"
     


    ช่างเป็นรูปประโยคที่แสนสั้นแลัได้ใจความเสียจนคนโดนป้อนตื่นตระหนกไม่ได้ ถึงแม้จะป่วยไข้แต่จงอินก็ยังไม่เคยลืมเรื่องพวกนี้ไปเลยสักนิด
     


    "มันไม่เหมาะสม..อื้อออ"
     


    ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยค องค์ชายห้าก็ขยับประทับจูบลงบนริมฝีปากได้อย่างแม่นยำ มันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และแฝงตวามกรุ่นโกรธเอาไว้ในที
     


    "ใครเล่านิยามคำว่าเหมาะสม"
     


    "..."
     


    "ในฐานะองค์ชาย เราจะดูแลข้าราชบริพารของเรา นั่นถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมงั้นหรือ" เขาบดจูบย้ำลงมาอีกครั้งเสียจนคนป่วยเกือบเสียหลัก น้ำเสียงยังคงหนักแน่นเช่นครั้งแรกที่เอื้อนเอ่ย
     


    "....."
     


    "หรือในฐานะคนรัก.. เราดูแลคนรักของเราก็ไม่ได้เช่นนั้นหรือ"
     


    กลับกลายเป็นจงอินเสียอีกที่สิ้นไร้คำโต้เถียง ไม่รู้จะสรรหาข้ออ้างใดมาแย้งบุรุษผู้นี้ จึงได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามที่เขาต้องการ ข้าวต้มคำแล้วคำเล่าถูกป้อนเข้าปากทั้งที่จงอินก็ยังนั่งอยู่บนตักเขา
     


    "ปล่อยกระหม่อมเถอะองค์ชาย"
     


    "ทานได้แล้วเจ้าก็ดื้อเช่นนี้"
     


    ถึงจะไม่ชอบใจสักเท่าใด แต่องค์ชายก็รู้สึกพอพระทัยที่คนของพระองค์ดูดีกว่าเมื่อคืนมากนัก แค่นกลืนอาหารเข้าหลายคำจนข้าวต้มพร่องไปเกือบครึ่ง คนป่วยถึงได้ยกมือห้ามปราม เขาเองก็ไม่ได้บังคับ
     


    "คำตอบล่ะกระหม่อม"
     


    "เราออกจากวังหลวงมาตอนเช้าทันทีที่นางในบอก พอมาถึงก็พบเจ้านอนซมอยู่"
     


    "เหตุใดเสด็จกลางคืนเช่นนั้น รู้หรือไม่ว่ามันอันตรายสักเพียงไหน"
     


    ดวงใจหล่นวูบยามเขาตอบ จงอินเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ความเป็นห่วงแล่นริ้วขึ้นปรากฏชัดทางสีหน้า และเพราะมัวแต่ตำหนิคนที่เดินทางไกลโดยไม่ห่วงใยตัวเอง จนลืมสังเกตสีหน้าขององค์ชายหนุ่มในตอนนี้เป็นเช่นไร
     


    "แล้วเจ้าล่ะ มานอนป่วยซมกลางป่าแบบนี้ไม่รู้หรือไรว่ามันอันตรายแค่ไหน"
     


    "....."
     


    "ไม่รู้หรือว่าเราคิดถึงเจ้าแค่ไหน"
     


    "......"
     


    "ไม่รู้หรือว่าเราห่วงหาเจ้าเพียงใด"
     


    "....."
     


    "ไม่รู้หรืออย่างไรว่าถ้าเจ้าเป็นอะไรไปแล้วเราจะเป็นยังไง"
     


    "องค์ชาย.."
     


    สิ้นคำตัดพ้อจากองค์ชายสูงศักดิ์ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน  มีเพียงอ้อมกอดที่โอบรัดกันและกันไว้เพียงเท่านั้น
     


    คำพูดหมื่นแสนล้านคำก็มิอาจบรรยายความรู้สึกทั้งหมดของเราได้ จะมีก็แต่อ้อมกอดที่พร้อมโอบอุ้มกันและกันเอาไว้






    ....รัก....











    #พลอตชั่ววูบ


    55555555555555555555 ลั่นออกมา เพราะว่าอยู่ในช่วงออกค้นหาแรงบันดาลใจ ขอบคุณทุกคนที่ชอบ ที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

     
    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×