คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 1 : No Title 02 (sekai)
(OS) no title sekai #2
paring :: SehunxJongin
NOTE :: เรียกว่าภาคต่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
ปล. ฟังเพลงด้วยนะ เพลงเพราะ เราชอบเพลง เลือกมาแล้ว 5555+
กลีบดอกไม้โรยรา เฉกเช่นเจ้าที่จากไกล
เมื่อฤดูหนาวย่างกร่าย ดอกไม้เหี่ยวเฉา
เฉกเช่นเดียวกับหัวใจข้าที่แห้งแล้งเพราะไม่มีเจ้าอยู่ข้างกาย
นี่ก็ย่างเข้าคืนที่สามแล้ว นับตั้งแต่องค์ชายห้า ต้องห่างไกลจากคนสนิทของพระองค์ ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้องค์ชายเซฮุนต้องส่งคนสนิทของตนออกไปยังชายแดนที่ห่างไกลเพื่อตรวจงานในฐานะตัวแทนพระองค์ เรื่องแบบนี้มักจะมีไม่บ่อยเสียเท่าไหร่นัก หากไม่ติดว่าต้องเข้าเฝ้าพระราชาทุกวันแบบนี้ เซฮุนคงไม่รีรอที่จะชายแดนด้วยกันเลยแม้แต่น้อย
"ช่วงนี้ลูกดูเหม่อลอยผิดปกตินะองค์ชาย"
รับสั่งของพระราชาเรียกให้องค์ชายหนุ่มที่อยู่ในภวังค์ดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ความเหนื่อยล้าจากการทรงงานอย่างหนักมาตลอดสามวันสามคืนเริ่มปรากฏริ้วชัดบนพระพักตร์
"พักผ่อนสักหน่อยก็ได้ เจ้าดูจะเหน็ดเหนื่อยและเหม่อลอยเสียเหลือเกิน"
"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันอยากอ่านร่างตรงนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน" เซฮุนน้อมรับน้ำพระทัยจากพระบิดาด้วยใจ แต่การหยุดทรงงานในยามที่กำลังว้าวุ่นถึงคนไกลนั้น มิใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่หรอก
พระราชาทอดพระเนตรพระโอรสคนที่ห้าด้วยแววตาอ่อนโยน เหตุใดพระองค์จะไม่รู้ว่าลูกชายนั้นกำลังหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความจริงบางอย่าง พระองค์เป็นพ่อ ความทุกข์ความสุขของลูกย่อมอยู่ในสายพระเนตรอยู่เสมอ
"แต่ข้าปวดเมื่อยไปหมดแล้ว เจ้าออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยก็แล้วกัน"
เมื่อได้ยินรับสั่งเช่นนั้นจากเจ้าแผ่นดิน มีหรือองค์ชายจะกล้าขัด วางกระดาษร่างสีน้ำตาลอ่อนลงบนโต๊ะก่อนจะรีบรุดไปยืนเคียงข้างพระบิดาที่เริ่มจะออกเดิน
อากาศยามค่ำคืนของฤดูหนาวในวันนี้ถือว่าไม่โหดร้ายสักเท่าไหร่นัก และหากสวมใส่ฉลองพระองค์ที่ถูกทอด้วยเส้นใยอย่างนี้ยิ่งช่วยบรรเทาอากาศได้อีกหลายเท่าตัว พระราชาเสด็จออกมายังสวนดอกไม้ที่มีน้ำตกเล็กๆและศาลาสำหรับนั่งพัก นานมากเหลือเกินที่พระองค์ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้ องค์ชายห้าก็เช่นเดียวกัน ความสงบและผ่อนคลายเช่นนี้พระองค์ไม่ได้สัมผัสตั้งแต่จงอินเดินทางไปเมื่อสามวันก่อน
"คนสนิทของเจ้าไปไหนเสียล่ะ"
"ไปตรวจราชการที่ชายแดนแทนหม่อมฉันพะย่ะค่ะ"
"เพราะเหตุนี้น่ะหรือ ถึงได้ทำให้องค์ชายห้าที่แสนเก่งกาจพะว้าพวงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"
"ส่วนหนึ่งพะย่ะค่ะ เพราะมันเป็นงานที่สำคัญ กระหม่อมกลัวว่าจงอินจะทำได้ไม่ดี"
นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริงทั้งหมด ความห่วงใย ความคิดถึงที่เอ่อท้น แน่นล้นอยู่เต็มอกนี้ต่างหากเล่า กังวลเสียเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องกับคนสนิท เส้นทางไปชายแดนนั้นมิได้สะดวกสบาย ไหนจะไข้ป่า กลุ่มโจร จะไม่ให้ทรงหวงห่วงได้อย่างไรกัน
พระราชาเองก็ไม่ค่อยเชื่อในถ้อยวาจาของพระโอรสสักเท่าไหร่นักหรอก แต่ในเมื่อมันเป็นความสุขของลูกและยังไม่มีใครเดือดร้อน พระองค์ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเสียก่อนก็แล้วกัน
"คืนนี้เหน็ดเหนื่อยเกินจะทำสิ่งใดเสียแล้วล่ะ เจ้ากลับตำหนักไปเสียเถิด"
"พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"
จนด้วยปัญญาจะคัดค้านรับสั่งจากเจ้าแผ่นดิน องค์ชายห้าเลยได้แต่จำใจทูลลากลับมายังตำหนักว่างเปล่า พระองค์มิเคยคิดว่าตำหนักนี้กว้างใหญ่จนกระทั่งต้องประทับอยู่เพียงพระองค์เดียว
'เพียงไม่กี่วัน กระหม่อมก็กลับมาแล้ว'
ถ้อยคำที่พูดคุยกันในค่ำคืนก่อนที่จงอินจะออกเดินทางยังคงกึกก้องอยู่ในความคิด อยากจะเถียงยิ่งนักแค่เพียงไม่กี่วันพระองค์ก็ขาดใจได้เหมือนกัน
'เจ้าก็พูดง่ายนัก ไม่ได้เป็นฝ่ายคิดถึงโหยหา จะมาเข้าใจบุรุษอย่างเราได้อย่างไรกัน'
คำตัดพ้อเรียกร้อยยิ้มจากร่างที่นั่งเอนอิงพิงซบกันอยู่บนขอบหน้าต่าง คืนนั้นเรายืนชมจันทร์ชมดาวด้วยกัน องค์ชายยังจำได้ดี พระองค์ประทับบนขอบหน้าต่างแล้วใช้สองพระกรรั้งคนสนิทให้ขยับเข้าแนบชิด ยกขาข้างหนึ่งขึ้นชันเพื่อความถนัดถนี่ของท่าทาง หากเป็นหญิงสาว ได้ยืนชมจันทร์ท่ามกลางอากาศหนาวแต่ได้รับไออุ่นจากอ้อมพระอุระเช่นนั้นคงขวยเขินเสียจนทำอะไรไม่ถูก แต่คนสนิทของพระองค์กลับส่งยิ้มให้เพียงเท่านั้น
'หากคิดถึงก็ทรงทอดพระเนตรดวงจันทร์เอาแล้วกันองค์ชาย'
'....'
'เพราะกระหม่อมก็จะเงยหน้ามองดวงจันทร์ในทุกค่ำคืน'
ภายหลังถ้อยประโยคอ่อนโยนอบอุ่นเช่นนั้น องค์ชายห้าก็มิได้ปล่อยให้คนสนิทได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด นอกเสียงจากชื่อของพระองค์และเสียงครางในลำคอเพียงเท่านั้น
คิดถึง...คิดถึงเจ้าเหลือเกินจงอิน
ที่ค่ายห่างไกลออกไปจนเกือบจะถึงชายแดน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อคลุมขนสัตว์หนาหนักกกำลังยืนไพล่หลังแหงนเงยหน้าชมจันทร์ยามค่ำคืนดังที่เคยพูดไว้กับใครอีกคนที่อยู่ห่างออกไป
... ทรงกำลังทำอันใดอยู่ ทรงบรรทมแล้วหรือยัง ราชกิจที่ต้องทำหนักหนามากหรือเปล่า และ...
... จะคิดถึงกันอย่างที่เคยพูดไว้หรือเปล่า...
ความห่างไกล ความห่างไกล กำลังกัดกินไออุ่นที่จงอินได้รับก่อนจากมา ยังดีนักที่ชายสูงศักดิ์ผู้นั้นบังคับให้เขานำเสื้อขนสัตว์หนาหนักตัวนี้ติดมาด้วย มันไม่ได้ป้องกันอากาศหนาวให้เขาเท่านั้น แต่มันช่วยบรรเทาความคิดถึงที่จงอินมีต่อเจ้าของมันให้บรรเทาลงได้เช่นเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ไออุ่นมันคงเทียบเท่ากับเจ้าของที่อยู่ห่างกันไกล
ค่ำคืนก่อนออกจะเดินทาง จงอินโดนเจ้าชีวิตทั้งกายทั้งใจเอาแต่ใจเสียจนแทบหมดแรงแต่เขาก็มิได้คัดค้าน ด้วยรู้ว่าเราต้องห่างกันอีกแสนนาน ทุกสัมผัสยังคงตราตรึงอยู่บนผิวเนื้อ จงอินเห็นร่องรอยทุกครั้งที่เขาอาบน้ำ ชายสูงศักดิ์ผู้นั้ยช่างเอาแต่ใจยิ่งนัก ฝากรักเสียทั้งตัวเช่นนี้เขาจะกล้าอาบน้ำรวมกับคนอื่นได้อย่างไรกัน
'นี่เจ้าต้องอาบรวมกับคนอื่นด้วยหรือ งั้นยิ่งดีเสียอีก จะได้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคนของเรา'
คำพูดในยามเช้าที่เขากำลังแต่งตัวเพื่ออกเดินทางยังคงดังชัดอยู่ในหัว หลังจากที่จงอินยืนมองรอยรักที่แดงก่ำอยู่เต็มแผ่นอก อยากเถียงยิ่งนักว่าเขาจะกล้าอาบพร้อมคนอื่นได้อย่างไร รอยพร้อยเสียเต็มตัวขนาดนี้
และดูเหมือนว่าองค์ชายจะทรงรับสั่งกับทหารที่มาด้วยกันเรื่องที่พักและที่อาบน้ำของจงอินไว้แล้ว เขาถึงได้มีกระโจมพักส่วนตัวและมีน้ำอุ่นกำลังดีใส่ถังรอไว้ทุกครั้งหลังจากที่เราหยุดพักในช่วงเย็น เคยห้ามปรามนางในกับเหล่าทหารที่มาด้วยกัน ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขานอนรวมกับทุกคนได้ แต่ก็ได้คำตอบที่เขาไม่รู้จะโต้แย้งได้อย่างไร
'องค์ชายห้า ทรงรับสั่งว่าครั้งนี้ท่านจงอินคือผู้แทนพระองค์ ให้ดูแลให้ดีเช่นเดียวกับดูแลพระองค์เจ้าค่ะ'
ดูเสียเล่า ใช้ได้ที่ไหนกัน การกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนัก แต่หลังจากที่โต้เถียงกันหลายครั้ง แต่ทหารและนางในยังคงกระทำเช่นเดิมเขาก็เหนื่อยจะทัดทาน
ไว้ค่อยกลับไปจัดการตัวต้นเหตุเสียทีเดียวเลยก็แล้วกัน
"ถึงฉลองพระองค์พระราชทานจะหนาหนัก แต่หากท่านยืนตากน้ำค้างนานเข้า ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บก็จะป่วยเอาได้โดยง่าย"
เสียงทุ้มต่ำที่จงอินฟังออกว่าค่อนข้างสูงวัยดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมผ้าคลุมสีเทาที่ถูกผู้มาใหม่คลุมตั้งแต่ช่วงไหล่และบริเวณที่ทำเหลือไว้เป็นหมวกขึ้นคลุมรอบหัวเขา
"ท่านหัวหน้าองครักษ์"
จงอินหันไปโค้งทำความเคารพกับท่านหัวหน้าองค์รักษ์จองที่เดินมาด้วยกัน แม้จะอยู่ในวัยเกือบหกสิบปี แต่ความแข็งแรงของหัวหน้าองครักษ์ก็มิได้น้อยหน้าทหารหนุ่มหรือตัวเขาเองเลยแม้แต่น้อย
"องค์ชายรับสั่งให้ดูแลท่านเป็นอย่างดี เกิดท่านป่วยขึ้นมา ข้าคงทำหน้าที่บกพร่องต่อรับสั่งขององค์ชาย"
ชายสูงวัยยังคงพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกปะปนด้วยความเอ็นดู ซึ่งรอยยิ้มบนใบหน้าบอกจงอินว่าหัวหน้าองครักษ์ผู้นี้อ่านเรื่องราวออกได้เฉียบขาด
"ข้าก็เป็นบุรุษเช่นท่านและองค์ชาย คงไม่เจ็บป่วยง่ายดายนักหรอก"
ชองโอ มองคนสนิทวัยหนุ่มขององค์ชายด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู ใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แรกเริ่มเดิมทีนั้นเขาไม่เห็นด้วยเลยสักนิด แต่เมื่อพบว่าคิมจงอินไม่ได้เป็นฝ่ายเสนอตัวมิหนำซ้ำยังรู้จักเจียมตน มิเคยคิดใช้ความเสน่หาที่องค์ชายมีให้ ไต่เต้าขึ้นไปอยู่สูงกว่าผู้อื่น จะมีก็แต่องค์ชายของพวกเขาเท่านั้นที่พยายามประทานสิ่งมากมายให้คนสนิท
คิมจงอินเป็นเพียงบัณฑิตที่ถูกส่งตัวมาเพื่อช่วยงานองค์ชายห้าเท่านั้น แต่เขากลับไม่เคยปริปากบ่น ยามที่องค์ชายเอาแต่พระทัย เรื่องราวตอนพบเจอกันในช่วงแรกนั้นช่างแสนหนักหนา แต่จงอินก็ยังผ่านมาได้และยังยืนอยู่ในที่เดิมของตัวเองเพียงเท่านั้น
"หน้าข้ามีอะไรผิดแปลกงั้นหรือท่านหัวหน้าองครักษ์"
"เปล่าหรอก.. ดึกแล้ว ท่านควรเข้าที่พักก่อนที่จะป่วยไปเสียก่อน แต่หากปรารถนาจะชมจันทร์ต่อ ก็อย่านานนักเล่า"
"ขอรับท่านหัวหน้าองครักษ์"
จงอินโค้งหัวให้อีกครั้งเมื่อชองโอขอตัวเพื่อไปจัดเวรยาม ชายหนุ่มแหงนเงยขึ้นมองดวงจันทร์อีกครั้ง ยามนี้มันช่างสุกสว่างเสียเหลือเกิน
'จงอินอา.. จดจำ..กอดของเราไว้..อา..'
น่าโมโหยิ่งนัก ใครเขาสั่งคนที่กำลังจะห่างไกลกันเช่นนี้บ้าง และเพราะรับสั่งนั้นทำให้จงอินยังคงจดจำไออุ่นทุกอย่างได้เป็นอย่างดี นึกค่อนขอดคนที่เอาเปรียบกันเสียเหลือเกิน
คิดถึง... เหลือเกิน...
ได้แต่ใช้แสงจันทร์ส่งผ่านความรัก ความคิดถึง หวังเพียงใครอีกคนที่อยู่ไกลฟากฝั่งฟ้าจะได้รับมัน
#พลอตชั่ววูบ
อ่านเอาขำขำนะ อย่าจริงจังมาก 555555+ คือมันเป็นพลอตชั่ววูบเลยมาเ็น OS สั้นๆ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ แวะมาอีดิทน่ะ เมื่อบ่ายรีบลงแล้วรีบออกไปกับพี่ที่ทำงาน ไปดูหนังกันน่ะ.. 555555+ ย้อนกลับมาอ่านแล้วเราก็เขินตัวเองเหมือนกัน สำนวนชวนเลี่ยนแบบนี้ฉันเขียนไปได้ยังไง ดีใจที่คนอ่านชอบนะ แค่นั้นก็มากพอแล้วค่ะที่เราจะแต่งฟิคต่อไปเรื่อยๆ
ความคิดเห็น