ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) SF #พลอตชั่ววูบ | CHANKAI / SEKAI / Allcouple

    ลำดับตอนที่ #2 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 1 : NO TITLE 01 (SEKAI)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 58




    (OS) NO TITLE

    PAIRING :: SEHUN X KAI

    NOTE :: ไม่มีอะไรเลย.. อ่านเอาอะไรก็ยังไม่รู้เลย แม้แต่ชื่อเรื่องก็ยังไม่มีเลย... แต่มีเพลงนะ
    ปล. :: ฟังเพลงด้วยก็ได้ เพลินๆ ได้อารมณ์ด้วยนะ~~~

     

     









    หลายครั้งที่เราได้แต่เฝ้าถามตัวเองถึงสิ่งที่ทำอยู่ว่ามันถูกหรือมันผิด มันเป็นสีขาวหรือสีดำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ หากจะหาข้อผิดถูกคงต้องถกเถียงกันเป็นวันๆ เพราะทัศนคติของคนเราที่แตกต่างทำให้เกิดคำถามและความขัดแย้งมากมาย

     


    เขามุกปวดหัวกับเรื่องราวที่ได้อ่านผ่านสายตาอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีไม่มากเท่าองค์กษัตริย์ แต่จดหมายร้องเรียนที่ส่งถึง 'ผู้ปกครองแคว้น'' ก็ถือว่าหนักหนาเชียวล่ะ สำหรับองค์ชายซฮุน
     


    "เราอยากได้ชาร้อนอีกสักถ้วย"
     


    "พะย่ะค่ะ องค์ชาย"
     


    ไม่จำเป็นต้องมีคำบอกกล่าวอื่นใด คนสนิทที่ยืนอยู่เคียงข้างก็หมุนตัวเดินออกไปนอกห้อง เซฮุนรู้ว่าเขาไม่ต้องรอชาร้อนนั้นนานนักหรอก ชายผู้นั้นของเขาสามารถหาสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างรวดเร็ว และเป็นจริงดังที่คิด เมื่อเขาอ่านจดหมายร้องเรียนฉบับที่สามจบ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่หน้าประตู แทบจะไม่ต้องเงยหน้ามองเลยล่ะ คนที่มีมารยาท ในวังใหญ่เช่นนี้ เขาเองก็รู้จักอยู่ผู้เดียว
     


    แต่ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ องค์ชายห้าเงยหน้าขึ้นจากจดหมายน้อย ยามที่ปลายจมูกโด่งเผลอสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปเสียเต็มปอด



    "ชาอะไร"
     


    "ชาเหมยแดงพะย่ะค่ะ องค์ชาย"
     


    "ไปเอามาจากไหนกัน" ชาเหมยแดง ถือเป็นชาจีนที่มีคุณภาพชั้นเลิศ รสชาติหวานนุ่มลิ้น กลิ่นดอกไม้ผสมเข้ากับกลิ่นที่หอมของใบชาทำให้ผู้ที่ลิ้มลองรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก มือใหญ่ละจากกระดาษสีน้ำตาลอ่อนมาจับถ้วยกระเบื้องลายคราม ยกขึ้นจรดปลายจมูก แล้วค่อยเลื่อนลงแตะริมฝีปากกับขอบถ้วยจิบมันอย่างช้าๆ
     


    นุ่ม แล้วก็หวาน
     


    นั่นคือความรู้สึกที่องค์ชายสัมผัสได้ ร่างสูงละเลียดดื่มชาดอกเหมยถ้วยนั้นอย่างใจเย็น เขาวางมันลงเมื่อพึงพอใจในรสและกลิ่นของมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อย้ำคำถามของเขาอีกครั้ง
     


    "เจ้ายังไม่ตอบเรา ว่าไปได้ชานี้มาจากที่ใด"
     


    "เหตุใดพระองค์ถึงได้ช่างซักไซร้เสียเหลือเกิน"
     


    "เจ้าก็ตอบคำถามเราเสียทีสิ"
     


    คิมจงอินมองพระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายห้าแห่งราชสำนักที่ยังคงขมักเขม้นกับหนังสือร้องเรียนหลายฉบับพร้อมกับคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาไปด้วยเช่นกัน  ช่างเป็นคนเก่งกาจที่สามารถทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันเสียเหลือเกิน



    "จงอิน"
     


    "หากพระองค์ประสงค์จะดื่มอีก เพียงแค่บอกกระหม่อม"
     


    "เราต้องการรู้ที่มาของมัน"
     


    "กระหม่อมสัญญากับเจ้าของมันไว้แล้วว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ"
     


    ชายหนุ่มวางม้วนกระดาษที่อ่านอยู่และเงยหน้าขึ้นสบตาคนสนิทของเขาโดยตรง จะว่าไปแล้วก็มีเพียงจงอินเท่านั้นที่กล้าจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา ซึ่งหากเป็นผู้อื่น องค์ชายห้าคงสั่งประหารไปเสียหมดแล้ว มีเพียงชายผู้นี้เท่านั้นที่ได้รับการอภัยโทษ
     


    "เจ้าคิดจะมีความลับกับเรางั้นหรือจงอิน"
     


    "กระหม่อมเพียงแค่รักษาสัจจะเท่านั้น"
     


    "แม้สิ่งนั้นจะขัดคำสั่งเรางั้นหรือ"
     


    ความเงียบนั้นเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคนที่อยู่ใกล้ชิดและเคียงกันมานานหลายปี องค์ชายห้าขยับแย้มพระสรวลอย่างพอพระทัย เขารู้ดีอยู่แล้วว่าจงอินจะต้องยืนหยัดในสัจจะของตน มากกว่ากลัวคำข่มขู่ของเขา นั่นถือเป็นหนึ่งในข้อดีที่ทำให้เด็กหนุ่มช่างวาดแผนที่กลับกลายมา้ป็นคนสนิทขององค์ชายคนสำคัญ
     


    "ฎีกาสามฉบับนั้น เราต้องการความเห็นของเจ้า"
     


    "กระหม่อมเป็นเพียงแค่ชาวบ้าน"
     


    "ความเห็นจากชาวบ้านอย่างเจ้านั่นแหละจงอิน"
     


    เขาเรียกว่าโบ้ยงานต่างหากองค์ชาย จงอินอยากจะบอกออกไปเช่นนั้น แต่ก็รู้ดีว่ามันจะเป็นการต่อล้อต่อเถียงที่ไม่สิ้นสุด และหากใกล้ค่ำแล้ว ฎีก่เหล่านี้ยังไม่พร่องไปจากโต๊ะเสียบ้างคงต้องมีใครสักคนรองรับโทษาขององค์ชายห้าเป็นแน่ คิดคำนวณข้อได้ข้อเสียแล้วจึงยินยอมที่จะหยิบฎีกาสามฉบับนั้นจากโต๊ะทรงงาน แต่ยังไม่ทันจะได้หมุนตัวไปนั่งที่โต๊ะน้ำชาก็โดนเรียกเอาไว้เสียก่อน
     


    "นั่งตรงนี้"
     


    "....."
     


    "คิมจงอิน นั่ง"
     


    "เป็นเรื่องไม่สมควร กระหม่อม"
     


    "หรือเจ้าจะให้เราย้ายฎีกาทั้งหมดไปวางไว้ตรงนั้น" ชี้นิ้วไปยังโต๊ะไม้ที่คนสนิทกำลังจะเดินไปนั่ง รอยยิ้มแห่งชัยชนะจุดขึ้นบนพระพักตร์ ทำเอาจงอินนึกอยากขัดรับสั่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
     


    "ทรงเอาแต่พระทัยเหลือเกินนะพะย่ะค่ะ"  ถึงจะพูดแบบนั้น สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ยินยอมทรุดตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกันแล้วเริ่มต้นอ่านฎีกากันอย่างจริงจังเสียที มันเป็นความพอใจเล็กๆน้อยๆขององค์ชายหนุ่มที่สามารถเอาชนะคนสนิทของตัวเองได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคิมจงอินเสียมากกว่าที่สรรหาเหตุผลมาคัดค้านคำพูดของเขา
     


    "ถ้าหากพระองค์เอาแต่จ้องหน้ากระหม่อม พระองค์ก็จะพลาดงานเทศกาลในตลาดนะพะย่ะค่ะ"
     


    เห็นหรือไม่เล่า ตัวแค่นี้ร้ายนัก






    ไม่ใช่เพียงฎีกาสามเล่มเท่านั้น พวกเขาสองคนใช้เวลาทั้งบ่ายอ่านข้อร้องทุกข์และหารือกันถึงวิธีแก้ไข ฎีกาหลายฉบับต้องถูกส่งต่อไปวังหลวงพร้อมกับแนบจดหมายถึงวิธีแก้ไขที่เขามักจะเขียนแนะไปเสมอ มันถูกกลั่นกรองออกมาจากความคิดของเขาและจงอิน ซึ่งกว่าฎีกาเล่มสุดท้ายจะถูกเปิดอ่านก็เล่นเอาองค์ชายเกือบจะหลับไปเสียหลายรอบ แน่นอนว่าพระองค์พลาดงานเทศกาลไปแล้วด้วย
     


    "กระหม่อมขอตัวไปดูเรื่องพระกระยาหารช่วงเย็น"
     


    "ชองซังกุงคงจัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าพักก่อนเถอะ"
     

     

    "กระหม่อมสบายดี"
     


    "รั้นนักรึ"
     


    รูปประโยคเช่นนี้เหมาะจะใช้กับบุรุษหรือเปล่าจงอินก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่นัก องค์ชายมักจะใช้มันเสมอเวลาที่เขาขัดพระทัยแต่จงอินคิดว่ามันคงดีเสียกว่าที่มีใครสักคนกล้าทัดทานในสิ่งที่องค์ชายทำผิด ไม่ใช่สักแต่ว่าปล่อยให้พระองค์ทำในสิ่งที่อยากจะทำ
     


    "เราอยากอาบน้ำ เจ้าอาบให้เราที" พอเห็นว่าจงอินไม่ยอมนั่งพักแต่โดยดี องค์ชายห้าจึงได้แต่หาวิธีรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ด้วยกันและเหนื่อยน้อยที่สุด "นะ อาบน้ำให้เราที"
     


    "เดี๋ยวนี้ทรงสรงน้ำเองไม่ได้เชียวหรือกระหม่อม" ถ้อยคำประชดประชันแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิด แต่ในเมื่อเป็นรับสั่งจากองค์ชาย จงอินถึงได้แต่ยินยอม ร่างโปร่งเปลี่ยนทิศทางก้าวเดินไปยังด้านหลังม่านที่เป็นส่วนของห้องสรงน้ำ ชะโงกหน้าบอกนางในที่ทำหน้าที่เตรียมน้ำอุ่นให้เตรียมพร้อมส่วนตัวเองก็ออกมาจัดหาพระภูษาและฉลองพระองค์ให้เรียบร้อย
     


    ถึงจะขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าไม่เข้าใจในเจตนาขององค์ชาย เพียงแต่จงอินรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมต่อคนอื่น เขาเป็นข้ารับใช้ในองค์ชายห้าเหมือนกัน หากได้รับอภิสิทธิ์คงเป็นสิ่งที่ไม่ควรสักเท่าไหร่นัก
     


    "ถ้าพระองค์ประสงค์จะแช่น้ำก็ปลดฉลองพระองค์เถอะพะย่ะค่ะ นางในคงต้มน้ำเสร็จพอดี"
     


    เมื่อก่อนก็แปลกใจอยู่บ้างที่คิมจงอินรับรู้ถึงการมาของเขา แม้จะไม่ได้หันกลับมามองราวกับเจ้าตัวมีตาหลังเสียอย่างนั้น จนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวถึงได้เอ่ยปากถามออกไปและได้คำตอบกลับมา
     


    “พระองค์มีกลิ่นชาติดพระวรกาย กระหม่อมมักได้กลิ่นมันเสมอเมื่ออยู่ใกล้พระองค์”



    อาจจะเป็นเพราะเขาชอบดื่มชา บ่อยครั้งที่จัดพิธีชงชาขึ้นอย่างง่ายภายในวังของตัวเอง มันเลยทำให้กลิ่นเหล่านี้ติดตัวเขาอยู่ตลอด แต่องค์ชายห้าก็ไม่คิดว่าจะมีใครได้กลิ่นมันสักเท่าไหร่นักหรอก  เซฮุนขยับกายเข้ายืนประชิดคนสนิทที่ไม่ได้หันมามองเขาเลยแม้แต่น้อย ท่าทางเมินเฉยนั้นเรียกให้ความอยากเอาชนะกลับมาอีกครั้ง อยากให้ดูแล อยากให้สนใจ


    “ถอดให้เราหน่อยสิ”


    “องค์ชาย”


    คราวนี้เห็นทีจะไม่ยอมกันง่าย ๆ เมื่อน้ำเสียงทุ้มนั่นกดต่ำลงเสียจนดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มไม่พอใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เซฮุนมั่นใจเป็นอย่างมากว่าถ้าหากเขาเป็นเพียงสามัญชนคงได้โดนคนสนิทของตัวเองประทุษร้ายร่างกายเข้าเป็นแน่ คงไม่ได้มายืนเอาแต่ใจกันอยู่แบบนี้หรอก


    "อายงั้นหรือ"


    "กระหม่อมไม่มีเรื่องใดให้ต้องเขินอาย"


    "โธ่ ใช่สิ เราก็ลืมไปว่าเจ้าก็เห็นมันบ่อยแล้ว"


    "เซฮุน!"


    เห็นทีคราวนี้คงจะโกรธหนัก น้อยครั้งที่คิมจงอินจะเรียกชื่อเขาออกมาเฉยๆ แต่คนถูกโกรธดูจะพอใจยิ่งนัก ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างยามดวงตากำลังจับจ้องไปยังคนสนิทที่หันมามองเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าอายหรือโกรธเขามากกันแน่


    "โกรธงั้นหรือ" ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ สองแขนสอดรัดเข้าช่วงเอวรวบร่างของคนสนิทให้พิงลงบนแผงอกเปลือยเปล่า แรงขืนตัวจากจงอินไม่ได้ทำองค์ชายปล่อยวงแขนออก หนำซ้ำยังกระชับเข้าหาจนร่างกายแนบสนิทกันอีกต่างหาก "อย่าดิ้นนัก"


    "ปล่อยกระหม่อม"


    "ทำงานเหนื่อยทั้งวัน ให้เรากอดหน่อยไม่ได้หรือ"


    "งานของพระองค์ที่กระหม่อมแบ่งทำไปเสียครึ่งนึงใช่มั้ยกระหม่อม"

     

    น้ำเสียงออดอ้อนนั้นกลืนหายลงคอไปแทบจะทันที แต่วงแขนก็ยังคงกอดรัดเอาไว้ไม่ปล่อย โน้มตัวเกยใบหน้าไว้บนลาดไหล่ ชอบนักยามที่ได้แอบมองจงอินไม่ว่าเจ้าตัวกำลังจะทำอะไรก็ตามที ใบหน้าที่ตั้งอกตั้งใจ เรียกให้หัวใจสูบฉีดทำงานหนัก โปรดปรานที่จะได้สูดดมกลิ่นหอมที่ติดอยู่กับร่างโปร่งนี้ไม่มีเบื่อ คิมจงอินคงไม่รู้ตัว แต่องค์ชายห้ารู้ดีทุกครั้งที่โอบกอดเขาจะฝังจมูกสูดดมกลิ่นหอมนี้เสียจนชุ่มปอด และครั้งนี้ก็เช่นกัน


    "องค์ชาย ปล่อยก่อนพะย่ะค่ะ"


    "หายโกรธเราแล้วหรือ"


    จงอินอยากจะถามกลับยิ่งนักจะให้เขาโกรธลงได้อย่างไร ในเมื่อมายืนกอด ยืนอ้อนกันอยู่แบบนี้ สองแขนโอบรัดแผ่นหลังให้แนบชิดกันเสียจนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นกระหน่ำ องค์ชายเซฮุนนี่เหลือร้ายเสียเหลือเกิน


    "ปล่อยก่อนองค์ชาย"


    "บอกก่อนสิว่าหายโกรธแล้ว"


    "กระหม่อมไม่ได้โกรธ"


    "งั้นก็ต้องให้เรากอดต่อ"


    "องค์ชาย มันไม่สมควร"


    น้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจทำให้องค์ชายยอมปลดสองพระกรลงเพียงเพื่อจับให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากัน หากเป็นเวลาอื่นองค์ชายจะยอมรับในคำนี้ แต่ในเวลานี้พระองค์กลับรู้สึกเกลียดชังมันยิ่งนัก ถ้อยคำที่แบ่งชนชั้นระหว่างเขาทั้งสองคน


    "เราเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วจงอิน"


    "กระหม่อมเองก็เช่นเดียวกัน"


    "หากฐานันดรทำให้เจ้าลำบากใจ.."


    "หากทรงทำเช่นนั้น กระหม่อมจะเสียใจ" จงอินพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน เขารู้ดีว่าองค์ชายประสงค์จะตรัสสิ่งใด แต่เขาก็ได้ยืนยันไปแล้วในการพูดคุยของเราทุกครั้ง
     


    จงอินยินดีที่จะเป็นคนสนิทอยู่ข้างพระวรกาย หากองค์ชายยอมดำรงค์ฐานันดรเอาไว้เช่นเดิม จะไม่มีการเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ หรือแม้องค์ชายคิดจะถอดพระยศเพราะเรื่องของ'เรา' จงอินก็จะหายไปจากองค์ชายตลอดกาล
     


    มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องมาตั้งแต่แรกจงอินรู้ดีและพยายามปฏิเสธมันมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่สามารถหักห้ามความรู้สึกของตัวเองได้เช่นกัน หลายต่อหลายครั้งที่คิดอยากจะหนีหายไปเสีย แต่เมื่อมององค์ชายที่ยอมอยู่ภายใต้ข้อตกลง เพียงเพื่อที่จะให้เราได้อยู่ด้วยความคิดนั้นก็ต้องเป็นอันล้มเลิกไป


    “อย่าทรงกริ้วนักเลย”


    “ไม่ให้เราโมโหได้อย่างไรกัน”


    “แช่น้ำเถอะองค์ชาย ทรงเหนื่อยล้ามาทั้งวัน”


    “นวดให้เราหน่อยนะ”
     


    จงอินยิ้มอ่อนให้กับชายหนุ่มที่กำลังออดอ้อนเขาอยู่ตรงหน้า จะให้ใจแข็งได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อเขาก็เป็นเสียอย่างนี้ เพียงแค่จงอินยอมตามใจ ริมฝีปากบางเฉียบนั่นก็แย้มยิ้มเสียจนดวงตายิบหยี วรองค์สูงขยับยืนเหยียบบันไดไม้ ปลดฉลองพระองค์ที่สวมคลุมทับไว้ลงพื้นก่อนจะก้าวลงไปในถังไม้ที่มีน้ำอุ่นพอดี จงอินขยับนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวสูงใช้สองมือบีบนวดลงบนต้นคอไล่ลงมายังลาดไหล่และช่วงแผ่นหลังที่โผล่พ้นน้ำ คลายความปวดเมื่อยให้คนที่ทำงานหนักมาทั้งวัน ความเอาใจใส่ ความอ่อนโยนที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันราวกับเป็นสิ่งทดแทนในความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถเปิดเผยนี้ได้  ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้เห็น นางในประจำตำหนัก หรือแม้กระทั่งทหารรักษาต่างก็ล่วงรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้  เพียงแค่ไม่มีใครกล้าพูดถึงมันขึ้นมาเท่านั้น
     


    จงอินเคยคิดว่าการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเชื้อพระวงศ์ในขณะที่ตนเป็นเพียงสามัญชนธรรมดามันเป็นเรื่องผิด มิหนำซ้ำทั้งคู่ต่างก็เป็นบุรุษยิ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ แต่องค์ชายเซฮุนกลับคิดเห็นต่างออกไป ความรู้สึกชอบใจถูกคอ หรือแม้กระทั่งถูกชะตาจนพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้ง มันสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ย่อมได้ ที่ไหนก็ย่อมได้ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยผิด ผู้คนต่างหากที่ตีกรอบมัน ตัดสินคนที่คิดต่างกับตัวเองผิด คนที่คิดเห็นเช่นเดียวกันว่าถูก






    หลายครั้งที่เราได้แต่เฝ้าถามตัวเองถึงสิ่งที่ทำอยู่ว่าถูกหรือผิด มันเป็นสีขาวหรือสีดำ พวกเรามัวแต่ถกเถียงกันจนลืมไปว่า โลกเรานั้นมีสีเทาอยู่ด้วยเช่นกัน




     

     

    ติชม หรือ ด่าทอกันได้ที่ #พลอตชั่ววูบ
    ชอบไม่ชอบก็บอกกันได้เลยนะคับบบบบ ที่แท็กที่เม้น
    55555555555 แต่งเอาขำๆนะ ไม่มีอะไรหรอก
    ไม่มีพลอต ไม่มีปม ไม่มีเนื้อหาอะไรทั้งนั้น
    อ่านเอาแก้เหงาเน้อะะะะะะะะะ
    ปล. เพลงเพราะนะ เราชอบ



     






    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×