ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) SF #พลอตชั่ววูบ | CHANKAI / SEKAI / Allcouple

    ลำดับตอนที่ #16 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 2 : FIND 02|(sekai)

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 58




    (os) [period series] season 2 :  FIND 02  | (sekai)

    pairing : sehun x jongin

    rate : PG-15

    NOTE :  โชคชะตากำหนดมาให้พานพบ ขีดบรรจบเส้นรักให้เคียงคู่






    แม้จะล่วงเลยมาเสียเกือบครึ่งราตรี ทว่าแสงเทียนไขจากห้องทรงพระอักษรยังคงส่องสว่างทำหน้าที่ของมันมิได้บกพร่อง  นับแต่วันที่เสด็จกลับจากประพาสนอกเมืองหลวง องค์ชายสองกลับมิได้มีสมาธิทรงงานเฉกเช่นเคย บ่อยครั้งที่ทรงเหม่อลอยเสียจนเหล่าขุนนางต่างก็พากันวิตกกังวล

    “ทรงดำริสิ่งใดอยู่หรือพะย่ะค่ะองค์ชาย พระพักตร์เรียบนิ่ง ทว่าสายพระเนตรกลับเหม่อไกล”

    “เราคิดถึงเด็กหนุ่มน้ำใจงามผู้นั้น”  เซฮุนมิได้คิดปิดบังคนสนิทที่ตามรับใช้กันมานานแสนนาน นับได้เจ็ดราตรีตั้งแต่เขากลับถึงวังหลวง มิมีคืนไหนเลยที่จะมิคิดถึงเด็กหนุ่มผู้นั้น

    ...คิมจงอิน

    เจ้าทำสิ่งใดกับใจข้าเช่นนั้นหรือ เหตุใดมันถึงมีเพียงเจ้า บีบรัดยามข้าคิดถึงเจ้า เต้นเสียแผ่วเบายามข้าเป็นกังวลถึงตัวเจ้า

    ยอนโฮมององค์ชายหนุ่มที่เขาเคียงข้างตามเสด็จรับใช้ทุกหนแห่งมาแสนนานด้วยแววตาเป็นห่วงยิ่งนัก แม้เด็กหนุ่มผู้นั่นจะมิมีพิษภัยใด ทว่าหากพระองค์ประสงค์จะเสด็จเมืองนั้นอีกครั้งเล่า การเดินทางที่ไกลโขหนำซ้ำอันตรายยังรายล้อมเสียรอบด้าน

    องค์ชายหนุ่มหยัดพระองค์เสด็จไปประทับริมหน้าต่างบานใหญ่ แหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องนภาดั่งเช่นที่กระทำทุกวันมิได้ขาด รอยแย้มพระสรวลปรากฏขึ้นบนใบหน้ายามได้ทอดพระเนตรสิ่งที่โปรดปราน ในพระทัยกระหวัดถึงเจ้าคนไกลยิ่งนัก

    จะเป็นอย่างไร

    จะออกไปเที่ยวซุกซนหาเรื่องใส่ตัวอีกหรือไม่เล่า

    จะเจ็บป่วยหรือไม่

    จะถูกใครเขาทำร้ายให้เจ็บช้ำผิวเนื้ออีกหรือไม่


    ตัวข้าคิดถึงเจ้าเหลือคณานัก แล้วเจ้าเล่า...

    คิดถึงข้า..เฉกเช่นที่ข้าคิดถึงเจ้าบ้างหรือไม่เล่า คิมจงอิน





    เข้าวันที่แปดแล้วนับแต่วันที่คุณชายผู้นั้นจากไกล ทว่าจงอินก็ยังมิคลายอาการเหม่อลอย มยองอาเลี้ยงหลานมากลับมือใยจะมิรู้ นึกกล่าวโทษต่อผู้ที่ขีดเขียนโชคชะตาใยถึงได้ใจจืดใจดำ นางเชื่อเสียหมดใจ อย่างไรเสียเขาทั้งสองก็คงมิผิดจากที่นางคิดเป็นแน่

    ลิขิตให้พบ แต่มิได้ลิขิตให้เคียงคู่

    มยองอามิได้ส่งเสียงรบกวนหลานชายที่กำลังนั่งกอดเข่าบนม้านั่งไม้ตัวเตี้ยชมจันทราในค่ำคืนนี้ ในความเป็นจริงแล้วนางนึกเศร้าสลดในใจนัก ยิ่งจงอินเติบใหญ่นางก็ยิ่งเห็นเค้าใบหน้าของผู้ที่รักนางดังเช่นบุตรในอุทธรณ์

    ยิ่งเติบใหญ่ คิมจงอิน ในวัยนี้ ช่างคล้ายคลึงกับ ท่านราชเลขาจงอิน ในตอนนั้นเสียเหลือเกิน

    "นั่งตากน้ำค้างเช่นนี้ ป่วยไข้ไปจะแย่เอา"

    "ท่านยาย" น้ำเสียงเซื่องซึมนัก แต่นางก็สิ้นไร้หนทางจะช่วยเหลือ คนบนฟ้าท่านก็ช่างโหดร้ายนัก เขารักกันมิเพียงพอเช่นนั้นหรือ ใยนางจำต้องเฝ้ามองคนที่นางรักเจ็บปวดจากความห่างไกลถึงสองครั้งสองครา

    “คิดถึงคุณชายผู้นั้นหรือ”

    สีหน้าตื่นตระหนกยามได้ฟัง ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มเอ็นดูจงอินจึงสงบลง

    "ข้า..." เขาไม่แน่ชัดในความรู้สึกของตัวเอง ยามก่อนหากมองจันทราจงอินจะรู้สึกคำนึง โหยหา หากแต่ยามนี้มันเปลี่ยนไป นับแต่วันที่คุณชายผู้นั้นขอพำนัก ณ เรือนหลังนี้ แม้จะนึกเสียดายจันทราในค่ำคืนนั้นถูกหมู่เมฆบดบัง ทว่าบางสิ่งบางอย่างกลับไม่ได้รู้สึกขาดหายไป

    "แผ่นดินนี้กว้างใหญ่ไพศาล หากมีวาสนา ไม่แคล้วคงได้พบพานกันอีกครา"  มยองอาลูบผมหลานชายอย่างปลอบประโลม ครุ่นคิดถึงหนทางที่จะช่วยเหลือ "อยากเป็นข้าแผ่นดินกับเขาบ้างหรือไม่เล่าเจ้าน่ะ"

    จงอินนิ่งงันเพียงชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า สองแขนกอดกระชับเข่าเข้าหาตัว เขามิเคยคิดเรื่องนี้เลยสักครั้ง

    "หากข้าไป ใครจะดูแลท่าน ไหนจะยังเสี่ยวป๋ายอีกทั้งคน"

    "หากเจ้ากังวลเรื่องนี้.."

    "ข้าห่วงท่าน.." เด็กหนุ่มยังคงหนักแน่น "ท่านยาย ท่านชรามากแล้ว เสี่ยวป๋ายเองก็ยังเด็กนัก ข้าจะปล่อยให้ท่านสองคนอยู่ลำพังได้อย่างไร"

    ดื้อรั้นหรือก็ปานนี้

    มยองอาได้แต่รำพึงในใจ หากได้ลองคัดค้านเสียเสียงแข็งคงมิมีผู้ใดเปลี่ยนใจได้ ดูเอาเถิด เมื่อครู่ยังเศร้าสร้อยโดยแท้ ยามจะดื้อดึงหรือก็ช่างคล้ายคลึงกันนัก

    เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างละม้ายคล้ายท่านเหลือเกิน.. ท่านจงอิน


    "เจ้าไปเก็บของ ข้ามีธุระจำต้องเข้าวังหลวง"

    ยามได้ยินคราแรกนั้นก็ว่าแปลกใจอยู่มากโข หากแต่เทียบไม่ได้เลยกับยามนี้ที่เขาต้องไปตาม อาถัว ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกฟากหนึ่งของป่าเพื่อฝากฝังให้ช่วยดูแลเรือนหลังนี้  นับแตจำความได้นี่คงเป็นครั้งแรกที่จงอินได้เห็นกับตาตัวเองว่ามยองอายอมที่จะไกลเรือนไม้หลังนี้

    “เราจะไปไหนกันหรือขอรับท่านยาย”  เสี่ยวป๋ายตัวน้อยเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ นับตั้งแต่ถูกช่วยไว้ที่กลางตลาด มยองอาก็อนุญาตให้เด็กน้อยพำนักเสียที่เรือนหลังนี้ด้วยกัน

    “เราจะไปที่ที่ซึ่งไกลจากที่นี่มากโข  มีทั้งผู้คนมากหน้า คนโหดร้ายเช่นคุณชายที่ตีเจ้านั่นก็มี คนจิตใจดีรูปงามเฉกเช่นคุณชายที่ช่วยเจ้ากับพี่จงอินนั้นหรือก็มีหากแต่น้อยนัก”

    “เช่นนั้นเราควรไปที่นั่นกันหรือขอรับ”

    คำถามของเด็กน้อยใสซื่อ ทว่ากลับตรงเข้ากลางใจของเด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งตั้งแต่รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าเรือน หากวังหลวงอันตรายเช่นนั้น แล้วใยท่านยายถึงได้กลับเข้าไปอีก

    มยองอามิได้ตอบข้อสงสัยของเด็กน้อย หญิงชราหันเหความสนใจจากเด็กน้อยที่นั่งเคียงข้างไปอยู่ที่ทิวทัศน์นอกบานหน้าต่างรถม้า ท่ามกลางความเงียบงันที่มีเพียงเสียงล้อเคลื่อนบดไปกับก้อนหิน  ภาพความทรงจำครั้งยังเยาว์วัยกลับหลั่งใหลออกมาอย่างพรั่งพรู

    ตึก ตึก ตึก

    เสียงฝีเท้ากระทบพื้นอิฐหนักแน่นทำให้สองบุรุษซึ่งกำลังคร่ำเคร่งกับเหล่าฎีกาที่ล้นหลามต่างก็พร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนจะเป็นจงอินที่ผละออกจากสาส์นในมือ ไปยังหน้าประตู

    "เดี๋ยวเถอะ แม่ตัวดี"

    ช่วงจังหวะช่างแสนประจวบเหมาะยามที่ราชเลขาเปิดบานไม้ออกพร้อมย่อตัวรับเด็กหญิงที่วิ่งทั่กๆส่งเสียงดังมาก่อนตัวเข้าสู่อ้อมอกได้อย่างพอดิบพอดี น้ำเสียงกึ่งดุกึ่งตำหนิผ่อนลงไปโขยามเห็นรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัวน้อย

    "ท่านจงอิน ท่านจงอิน~" เสียงอ่อนเสียงหวานเสียจนดุไม่ลง จงอินหอมแก้มนิ่มเข้าเสียฟอดใหญ่ทั้งยังแย้มยิ้มเสียจน องค์ชายหนุ่มละสายตาขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นับตั้งแต่วันที่พวกเขาทั้งสองตัดสินใจรับมยองอาเข้าเป็นบุตรบุญธรรม จงอินก็ดูจะมีความสุขขึ้นกว่่าเดิมนัก แม้นบ่อยครั้งที่พระองค์มักจะถูกลืมเลือน แต่ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจก็ถูกทดแทนด้วยรอยยิ้มหวานใสทั้งหนึ่งดวงใจและหนึ่งเด็กน้อย

    “เรียกเสียเสียงหวานเช่นนี้ จงอินจะตีเจ้าลงหรือมยองอา”

    น้ำเสียงทุ้มต่ำ พร้อมด้วยวรองค์สูงขององค์ชายเซฮุนประทับย่อลงเบื้องหน้า ทำให้เด็กหญิงที่กำลังออดอ้อนราชเลขาคนเก่งรีบผละออกก่อนจะถวายบังคมตามที่ได้รับการอบรมมาช้านาน ทั้งเซฮุนและจงอินมองภาพเด็กหญิงตัวน้อยโค้งคำนับลงอย่างเก้กัง ด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู ก่อนที่องค์ชายหนุ่มจะอุ้มเด็กน้อยเข้าเอวแล้วพากันออกมาด้านนอกห้องอักษรโดยมิได้รีรอคำทักท้วงใด

    ถือโอกาสอู้งานเช่นนั้นหรือองค์ชาย

    และถึงแม้จะรู้เท่าทัน ทว่าจงอินเองก็กลับตามใจปล่อยให้องค์ชายและเด็กน้อยใช้เวลาด้วยกันในสวนสวยใกล้กับตำหนัก เด็กหนุ่มทอดมองบุรุษแห่งราชสำนักชี้ชวนให้เด็กหญิงในอ้อมอกดูสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยสายตาอบอุ่น ช่างเป็นภาพที่งดงามจับตายิ่งนัก ความอบอุ่นก่อเกิดขึ้นภายในจิตใจ ยามที่จินตนาการไปถึงครอบครัว..

    “ท่านจงอินเจ้าขา ท่านจงอิน องค์ชายแกล้งมยองอา ท่านจงอินช่วยมยองอาด้วยเจ้าค่ะ”

    ยังมิทันจะได้คิดไกล เสียงใสแจ๋วดึงความคิดทุกอย่างกระเจิงไปเสียหมด ชายหนุ่มย่อตัวลงโอบอุ้มเด็กหญิงที่วิ่งโร่มาทางเขา พลางส่งสายตาตำหนิไปยังองค์ชายสูงศักดิ์ผู้นั้น

    “ไหนบอกข้าซิ องค์ชายแกล้งอะไรเจ้าเช่นนั้นหรือ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทั้งยังแสร้งเมียงมองไปยังจำเลยสูงศักดิ์ที่มิได้สะทกสะท้าน มิหนำซ้ำยังเสด็จมาประทับเสียแทบชิด จงอินได้แต่ส่งสายตาดุดันไปให้ยามที่รู้สึกถึงสองพระกรที่โอบกระชับร่างกายของเราทั้งคู่เอาไว้

    “ข้าจะหาญกล้ารังแกแม่ตัวน้อยยอดดวงใจเจ้าได้อย่างไรกันเล่า” สุรเสียงแผ่วเบาทุ้มต่ำ ทว่ามีหรือคนที่อยู่ในอ้อมอกจะไม่ได้ยิน น้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งอ้อมกอดที่กระชับเข้าหา

    “พระองค์ กระหม่อมเห็นว่า….”

    “มยองอาชอบหรือไม่เล่า…” ยังมิทันจะเอื้อนเอ่ยจบ พ่อคนเจ้าเล่ห์ก็ก้มลงไปสนใจเด็กน้อยใสซื่อในอ้อมแขนของเขา น่าโมโหนัก หากมีผู้ใดผ่านมาเห็นเข้า ได้เป็นที่เล่าลือกันทั่ววังหลวงเป็นแน่

    “ชอบเพคะ มยองอาชอบ”  ทว่าเสียงใสของเด็กน้อยกับหยุดความกังวลเอาไว้ได้ชะงักนัก จงอินกระชับอ้อมกอดเฉกเช่นเดียวกับองค์ชายเซฮุนโอบกระชับสองร่างเข้าแนบชิดมากยิ่งขึ้น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุข อบอวลไปทั่วสวนดอกไม้

    ความสุขครานั้นมิอาจลบเลือน


    "ใยท่านมิส่งข่าวคราวก่อนเล่า ฉุกละหุกเช่นนี้ จับพลัดจับผลูข้าออกตระเวนชายแเนจะทำอันใดกัน" มยองอาเพียงยิ้มรับคำตำหนิที่มิได้จริงจังนัก ท่านเสนาซ้าย สหายครั้งตั้งแต่องค์ชายห้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ ชายสูงวัยที่ยังสง่างามเฉกเช่นแต่ก่อนเก่ายังคงให้การต้อนรับขับสู้นางอย่างดี

    "มิมีสิ่งใดสลักสำคัญเจ้าค่ะ  ข้าเพียงพาหลานชายทั้งสองมาเปิดหูเปิดตาเท่านั้น" นางกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม อย่างไรเสียชายผู้นี้ก็เป็นถึงเสนาธิการฝ่ายซ้าย เคียงข้างพระหัตถ์พระราชา ท่านเสนาฯขยับสายตาไปยังหนึ่งเด็กหนุ่มและหนึ่งเด็กน้อยตามที่หญิงชราบอกเล่า นัยน์ตาคมที่เบิกกว้างยามที่ได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน

    “ทะ..ท่าน….”

    “ช้าก่อนเถิด  ท่านเสนาโปรดใจเย็น เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ข้าเก็บเขามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเยาว์วัย” มยองอาทัดทานไว้เสียก่อน กระนั้นใบหน้าตระหนกยังคงความประหลาดใจให้กับจงอินที่มิได้รับรู้เรื่องราวของผู้ใหญ่ทั้งสอง เสนาซ้ายยังคงจดจ้องใบหน้ามีคล้ายคลึงกับบุรุษผู้หนึ่งในครั้งอดีตไม่ลดละ จวบจนชั่วเวลาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยเสียงเบา เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้ามยองอา

    "เช่นนั้นก็พักกันเสียที่เรือนข้าเถิด ฮูหยินบ่นถึงท่านมิได้ขาด"  

    "รบกวนด้วยเจ้าค่ะ ท่านเสนาฯ"

    โชคชะตา...ข้าพาพวกเขามาใกล้ชิดกันเสียเช่นนี้ เว้าวอนต่อท่านอย่าได้ใจร้ายใจดำนัก ครั้งหนึ่งท่านกำหนดให้พานพบมิได้เคียงครู่ ยามนี้มยองอาวอนขอต่อท่านให้ทั้งสองได้อยู่ร่วมชีวีกันด้วยเถิด


    “จะเสด็จไหนกันหรือกระหม่อม” ราชเลขาทูลถามต่อองค์ชายเซฮุน หลังจากเหล่าใต้ท้าวขุนนางทูลขอให้ทรงพักผ่อนจากราชกิจเสียบ้าง พระพักตร์คมเครียดขึง ยามความว้าวุ่นเข้าครอบงำจิตใจอีกครั้ง พระองค์โหมงานหนักเพียงเพื่อจะได้มิต้องมีเวลาคิดถึงหนึ่งคนไกลที่ก่อกวนจิตใจอยู่ไม่สร่าง

    “องค์ชาย.. พระองค์คงมิประสงค์จะเสด็จหัวเมืองหรอกนะกระหม่อม”

    “หากทำได้ เราก็ปรารถนาจะทำเช่นนั้น เอาเถอะ เราเข้าใจถึงความห่วงใยของท่าน เช่นนั้นก็ไปเรือนท่านเสนาฯเสียแทนแล้วกัน มิได้ไปเยี่ยมเยียนเสียนาน มิรู้ว่าท่านหญิงจะเป็นอย่างไรบ้าง”

    “พะย่ะค่ะ องค์ชาย”



    #FINDSEKAI

    มาช้าแล้วยังมาสั้นอีก! ตั้งแต่ตอนหน้าไป จะเป็นขององค์ชายและคิมจงอินเต็ม ๆ แล้ววนะคะ!
    ขอบคุณทุก ๆ คนที่ยังคงรอเรื่องนี้น้า T____T พอมาแต่งเป็นเรื่องยาว ๆ แล้วเราก็เกร็งยังไงก็ไม่รู้ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ ทั้งคำติชมในเด็กดีแล้วก็ในทวิตเตอร์เลย เราอ่านทุกอัน ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านด้วย ขอบคุณมากเลยน้าา จะตอบแทนด้วยการพยายามกลับมาอัพฟิคทุกเรื่องให้ได้เร็วขึ้นเลยคับบ
    ช่วงนาทีทองมาก ไฟก็จะตก ๆ ติด ๆ ต้องรีบอัพรีบไป ไม่มีโอกาสได้แต่งหน้าบทความ ไว้พรุ่งนี้จะรีบมาแก้ให้น้าาา
    ไปแล้ววววว
    เลิ้บบบบบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×