คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 06 | University Story : A Short Journey|(Chankai)
(os) พลอตชั่ววูบ 06 (University
Story) | A Short Journey
pairing : Chanyeol X Kai
NOTE :: ต้อนรับเปิดเทอมซะหน่อยเอ้า
*นั่งเคี้ยวโดโซะ*
ปล. มันไม่ใช่ฟิคยาว...แต่ว่ามันกี่ตอนจบไม่รู้ หนูแค่ลั่นออกมาเล่นเล่น
เสียงหัวเราะ ดอกไม้
ลูกโป่ง ตุ๊กตา...และการจากลา
ชานยอลตกอยู่กลางวงล้อมของเด็กปีหนึ่งพร้อมกับเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ ร่างสูงใหญ่สวมชุดครุยสีดำสนิทยาวคลุมเข่า
ช่วงอกผูกไว้ด้วยเชือกให้เห็นชุดสูทพิธีการสากลสีกรมท่า บนบ่าซ้ายมีสายพาดสีเลือดหมูขลิบทองห้อยด้วยพู่สีขาว
ใช่แล้ว...ปาร์คชานยอลกับผองเพื่อนเป็นบัณฑิตใหม่ที่กำลังจะก้าวออกไปใช้ชีวิตในสังคม
"บูมให้ดัง
บูมให้ถูกนะครับ! บูมคณะผม!.." น้ำเสียงใหญ่ตะโกนดังลั่น หันมองหน้ากันกับเพื่อนที่ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ไม่ต่างกัน
"เพราะถ้ามันไม่ถูก
..... ผมจะเป็นคนสอนมันเอง!"
เด็กปีสอง ปีสามและคนอื่นที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างพากันกลั้นยิ้ม รวมถึงบัณฑิตคนอื่นของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่อยู่แถวนั้นก็เดินมาหยุดดูรอบนอกนักศึกษาใหม่ที่กำลังยืนล้อมกลุ่มว้ากเกอร์ของคณะเอาไว้
ชานยอลขยับกลับเข้าไปยืนตรงกลางวงกับเพื่อนคนอื่น
กอดอกมองเด็กปีหนึ่งขยับเข้ากอดคอแล้วล้อมรอบพวกเขา
" เอ้า!
ใครสั่ง!"
"ผมครับ!!!!"
เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาถูกระเบียบตะโกนตอบเสียงดังฟังชัดจนชานยอลยิ้มกริ่ม
ทุกคนนิ่ง และยืนรอ...
"ว้ากบูมพร้อม!..."
"หนักแน่นกว่านี้!!!"
ชานยอลหันไปมองไอ้เทาที่ตะโกนสวนเด็กมันไป รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเพื่อนซี้อย่างรู้กัน
"ว้ากบูมพร้อม!!!!!...” ใช่...เกิดเป็นลูกผู้ชายมันต้องอย่างนี้
"ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!
บูม!!!!! ฮู! อาร์! ฮู อาร์วี!! วีเฮีย! เชียร์! เชียร์! เอนทาเนีย!! คยองกียู!!"
ชานยอลกับกลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่กลางวงขยับโดยอัติโนมัติเมื่อรุ่นน้องทุกคนขยับแขนออกจากคอก็กลายเป็นกลุ่มบัณฑิตที่เข้ากิดคอ
มองหน้า และส่งยิ้มให้กัน
เว้นช่องว่างไว้สำหรับร่างสูงใหญ่ที่ยังคงยืนหันหน้าออกจากวงล้อม
"พวกผมยินดีที่พวกคุณมาร่วมแสดงความยินดีกับพวกผมในวันนี้และนี่คือคำขอบคุณจากพวกผม"
ชานยอลหันกลับไปกอดคอคริสและเทา
ทุกคนก้มตัวกอดไหล่แล้วสอดมือเข้าใต้ปีกเพื่อช่วยพยุงเพื่อน
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ายังเหมือนกับวันที่พวกเราผ่านทุกอย่างมาด้วยกัน
"เอาล่ะนะ.."
คยองซูพูด และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในฐานะ ประธานว้าก เขาต้องเป็นผู้นำ...
"ว้ากบูมพร้อม!!!!...สาม!
สี่!"
"ว้ากกกกกกกกกกกก!!!
บูม!!!!!" สิ้นเสียงคยองซู
ผู้ชายสิบสองคนที่ยืนกอดคอกันอยู่ก็พร้อมใจโน้มตัวลงตรงกลาง
เสียงตะโกนดังลั่นถึงคำขึ้นต้นของบูมคณะ
เรียกความสนใจจากผู้คนโดยรอบได้เป็นอย่างดี
""ฮู! อาร์! ฮู อาร์วี!! วีเฮีย! เชียร์! เชียร์! เอนทาเนีย!!
คยองกี.........ยู!!" ช่วงไหล่และศีรษะผงกขึ้นลงตามจังหวะที่เน้นย้ำจนจบคำสุดท้าย
ทุกคนก็ยืดตัวกลับมายืนตรงอีกครั้ง รอยยิ้มยังคงอยู่
และนี่คือสิ่งที่พวกเขาจะสอนน้องอย่างไม่เป็นทางการ คยองซูสูดลมหายใจเข้าลึก
ก่อนจะตะโกนอีกครั้ง
"ฮู!
อาร์! วี!!"
"วี!
อาร์! เอนจีเนียร์! เอนจีเนียร์! เอนจีเนียร์! วี! อาร์! เอนจีเนียร์! ออฟ!
คยองกี!!!!"
"มึง!
เป็น! ใคร!"
"กู!
เป็น! วิศวะ! วิศวะ! วิศวะ! กู! เป็น! วิศวะ! คยองกี! โว้ย!!!!"
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
และรอยน้ำตาแห่งความยินดี
ทุกคนหยิบแบงค์ห้าหมื่นวอนออกมาคนละใบสองใบแล้วจัดการหย่อนใส่กล่องรับบริจาค
พอเห็นรุ่นน้องยิ้มคนเป็นพี่อย่างเขาก็ยิ้มได้ มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
ที่คนกลุ่มนึงก้าวออกจากรั้วแห่งนี้ไป จะได้พบปะกับคนกลุ่มใหม่ที่ก้าวเข้ามา
ชายหนุ่มเดินกลับมาหากลุ่มเพื่อนอีกครั้งหลังจากที่เด็กปีหนึ่งออกไปหากลุ่มอื่นบูมต่อ
กวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะเห็นใคนคนนึงยืนรออยู่ไม่ไกล ชานยอลขอตัวจากกลุ่มเพื่อน
ก่อนตรงไปหาไอ้เด็กหน้ามึนของเขา
"มาตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมไม่เดินเข้าไปหา" ถามคนมาใหม่
ที่แค่ยิ้มให้จนชานยอลอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับไป
ชายหนุ่มยืนนิ่งให้ใครอีกคนค่อยๆซับเหงื่อที่ซึมอยู่บนกรอบหน้าหล่อเหลา
"ผมเห็นพี่แกล้งเด็กๆอยู่เลยไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ”
“แกล้งที่ไหนกันล่ะ
ขอน้ำกินหน่อยสิ” พยักหน้าไปทางขวดน้ำที่วางตั้งไว้กับขอบปูนกระถางต้นไม้
พอหยิบมาส่งให้กลับทำดื้อไม่ยอมรับไปอีก “ป้อนหน่อยสิครับ”
จงอินส่ายหน้ากับคำออดอ้อนของแฟนตัวเอง
ขี้อ้อนจนน่าหมั่นไส้มากเลยล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ยอมออกแรงบิดขวดน้ำ
เสียบหลอด แล้วส่งให้ถึงปากของบัณฑิตใหม่อย่างไม่อิดออด มีเสียงแซวมาบ้าง แต่พี่ชานยอลก็แค่หันไปหัวเราะเท่านั้น
สายตาของจงอินไม่ได้ละไปจากใบหน้าของบัณฑิตที่วันนี้หล่อกว่าปกติ
เครื่องสำอางค์ที่ถูกลงไว้บางเบาช่วยทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น
หรือความจริงมันอาจจะเป็นเพราะความสุขความอิ่มเอมใจที่พี่ชานยอลมีอยู่ในตอนนี้ก็เป็นได้
และมันก็เป็นอย่างที่ใครต่อใครบอก ช่วงเวลาดีๆมันผ่านไปไวเสมอ
ผู้ชายตรงหน้าเขากำลังจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
จงอินย้อนกลับไปมองครั้งแรกที่เราเจอกันเมื่อสองปีที่แล้ว
บอกตามตรงว่าเขานึกภาพนี้ไม่ออกเลยจริงๆ
“กำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
“กำลังคิดถึงวันแรกที่เจอพี่”
จงอินตอบแล้วยิ้มให้ก่อนจะชี้ไปตรงริมสนามฟุตบอล “ตรงนั้นเตนท์ของคณะเราตั้งอยู่ พี่จำได้หรือเปล่า”
“จำได้สิ
พี่จำทุกอย่างได้ขึ้นใจเลยล่ะ”
เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม
ความสนุกสนาน และ...การเริ่มต้น
ชานยอลยืนหาวเป็นรอบที่เท่าไหร่ตัวเขาเองก็ขี้เกียจจะนับ
แต่เพราะว่าวันนี้เป็นวันรับเพื่อนใหม่ของมหาวิทยาลัย ถึงจะอยู่ปีสามแล้วแต่เขาก็ต้องมาคุมน้องเพราะมีส่วนร่วมในกิจกรรมรับน้อง
พยายามยืนทำหน้าให้นิ่งที่สุด
มีบ้างที่ผงกหัวรับคำทักทายของรุ่นน้องที่คุ้นเคยกันดี
“ไงมึง
เก๊กหน้าดุแต่เช้า สนุกสนานหน่อยสิวะ” เทาเดินเข้ามากระแทกไหล่เบาๆ
พลางชี้ชวนให้มองกลุ่มเด็กผู้หญิงปีหนึ่งน่ารักๆ ที่พึ่งจะเดินไปลงชื่อ “เอาน่า คยองซูไม่ด่ามึงหรอก”
“กูง่วง..ไม่ได้กลัวมันด่า”
ใช่..เขาง่วงมาก เมื่อคืนเล่นดอทกับพวกไอ้จองกุกจนเกือบจะเช้า
นี่ยังต้องโหนรถเมล์มามหาวิทยาลัยอีก ชานยอลมองไปในเตนท์ที่กางไว้สำหรับรองรับเด็กปีหนึ่งที่ทยอยกันมาทำความรู้จักและสนุกสนานไปกับเพื่อนใหม่ที่ไม่เคยพบหน้า
เลยออกไปทางหน้าคณะนิติศาสตร์ก็เป็นโต๊ะลงทะเบียนที่พวกเขาตั้งไว้
“ไง..มึงมาช้านะ”
ทักทายไอ้เพื่อนตัวเตี้ยที่เดินเข้ามาใหม่
คิมจงแดเป็นคนที่มีรอยยิ้มติดใบหน้าตลอดเวลา
แต่พอมันทำหน้าจริงจังก็น่ากลัวใช่ย่อยเหมือนกัน
“น้องกูมาด้วย
ปล่อยมันไปลงทะเบียนละ” ชานยอลมองไปที่โต๊ะลงทะเบียนเห็นเด็กต่อแถวกันยาวเป็นพรวนแล้วก้มมองนาฬิกา
เออนะ..ใกล้จะถึงเวลาเริ่มกิจกรรม เด็กปีหนึ่งคนแล้วคนเล่าเซนต์ชื่อ รับป้ายชื่อ
แล้วก็พากันเดินมานั่งในที่ที่จัดไว้ให้
ตอนนั้นที่ชานยอลเห็นเด็กผู้ชายหน้ามึนคนนึงเดินเข้ามา หน้าตายังไม่ตื่นดีด้วยซ้ำ
แต่พอมองแล้วมันก็มองอยู่แบบนั้นละสายตาออกไม่ได้เลย
“ยอล..ชานยอล..เชี่ยชานยอล!”
“อะ..อะไร..อะรไวะ”
สะดุ้งหันมองไอ้เทาที่ขยับหน้ามาดูว่าเขามองอะไร
ขมวดคิ้วที่มันหันกลับมาจ้องหน้าเขาแล้วหันกลับไปมองใหม่
จนชานยอลเองก็อยากรู้ว่ามันเห็นอย่างที่เขาเห็นหรือเปล่า
“เหยดแม่
พี่เขาเล่นใหญ่” ใหญ่ที่หน้ามึง...เขารู้แล้วว่ามันเห็นใคร
คณบดีไง!!!
“ไร้สาระชิบหายพวกมึง
ดูน้องทำกิจกรรมไป” โบกมือปัดไอ้พวกไร้สาระ
ให้หันกลับไปดูรุ่นน้องปีสองกับเด็กปีหนึ่ง
เหล่มองไอ้จงแดที่ยังหัวเราะไม่เลิกไม่ราเป็นพักๆ
ขำกูนักเดี๋ยวกูจะฟ้องคยองซูว่ามึงยิ้มอวดเด็กปีหนึ่ง มึงโดนแดกแน่คิมจงแด!
ผ่านพ้นกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ได้สองสัปดาห์ก็ถึงเวลาเปิดเทอม
ชานยอลกับเพื่อนเข้าสู่ขั้นตอนกิจกรรมรับน้องจริงๆสักที
ตอนนี้เป็นวันจันทร์ของสัปดาห์ที่สอง
นักศึกษาชั้นปีหนึ่งถูกนัดมาพร้อมเพรียงกันที่ลานเกียร์สโลปของคณะ
โดยมีเด็กปีสองคอยยืนล้อมกรอบเอาไว้ ชานยอลกับเพื่อนที่ถูกเรียกว่าว้ากเกอร์ยืนคอยสังเกตการณ์อยู่ที่ชั้นลอยของคณะ
พอคยองซูก้มมองนาฬิกาแล้วพยักหน้าให้สัญญาณ พวกเขาถึงได้พากันเดินลงมา
“เอ้า!!
เสร็จหรือยัง!!!” เสียงรุ่นพี่สักคนตะโกนลั่นทำเอาจงอินกับเพื่อนคนอื่นสะดุ้งแล้วหันมองเป็นตาเดียวกัน
ก่อนจะต้องรีบหันกลับไปมองตรงเมื่อรุ่นพี่คนเดิมตะโกนอีกครั้ง “มองทำไม!!”
เขาพึ่งเลิกเรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน
ง่วงจนตาแทบจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่แล้ว
แต่เพราะมีเพื่อนกระซิบบอกว่าวันนี้พี่เขานัดให้ไปเจอกันที่ลานเกียร์คณะ
คิมจงอินถึงได้มายืนถ่างตาอยู่ตรงนี้ ได้แต่นึกแอคชั่นกลอกตาอยู่ในใจ นัดมาเจออะไร
นี่มันนัดมาว้ากชัดๆเลย
“เดี๋ยวพวกผม
จะให้พวกคุณ! ยืนตามเลขทะเบียนที่แปะไว้บนพื้นนะครับ!..” จงอินมองไม่เห็นว่าใครที่พูดอยู่ข้างหน้า
แต่ไม่นานนักเขาก็ต้องเริ่มเดิน
เพราะจงอินเรียนภาคโยธาแล้วรหัสของภาควิชานี้ดันเป็นกลุ่มสุดท้ายของชั้นปี
“ผมต่อราวี่”
จงอินสะกิดบอกเพื่อนสักคนในเซคเดียวกันเมื่อครู่นี้ให้มายืนข้างหน้า
ก่อนจะหันมองข้างหลังแล้วพบว่ามีคนอื่นมายืนต่อแล้ว น่าจะชื่อ…มินอะไรสักอย่าง
ใช้เวลาเกือบสิบนาทีกว่าจะจัดให้เด็กปีหนึ่งเข้าที่ได้ตามระเบียบ
ชานยอลยืนกอดอกพิงขอบระเบียงปูนของตึกด้านบน เขา ไอ้เทา กับไอ้คริสคุมผู้ชาย
พวกเราแบ่งโซนกันดูแล เพื่อให้เด็กใหม่ได้ยินทุกคำที่พูดอย่างชัดเจน
หรือเผื่อกรณีฉุกเฉินอาทิเช่นมีใครสักคนเกิดล้มป่วยกะทันหัน
ก็จะมีน้องปีสองที่ยืนล้อมกรอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง เขากวาดสายตามองคร่าวๆ
ก่อนจะพบว่าไอ้เด็กหน้ามึนที่เห็นเมื่อวันรับเพื่อนใหม่ มันอยู่ภาคเดียวกับเขา
มองลอดหัวเด็กคนอื่นไปก็พบว่าคยองซูมันออกไปยืนด้านหน้ารอสัญญาณจากพวกเขาว่าเด็กตรงนี้เรียบร้อยแล้วมันถึงได้เริ่มการประชุมเชียร์
“วันนี้
ผมเรียกพวกคุณมา ก็เพื่อแจ้งกฎระเบียบให้รับทราบ..” คยองซูกวาดสายตามองทั้งนักศึกษาที่เป็นผู้หญิงและเลยถัดขึ้นไปเป็นผู้ชาย
“กิจกรรมนี้ ไม่ใช่กิจกรรมบังคับ
แต่ถ้าหากคุณเข้าร่วมคุณก็ต้องรู้กฎของมัน!”
ทันทีที่คยองซูพูดจบ
เขาก็หันไปมองน้องปีสองที่ยืนถือกระดาษใบขนาดเอหกให้เดินเข้าไปแจกกฎสำหรับการเข้ากิจกรรมประชุมเชียร์แก่เด็กปีหนึ่งที่ยืนนิ่งและรับของกันอย่างงงๆ
เขาให้เวลาอ่านอยู่เกือบสิบนาที คยองซูรู้ว่าการตะคอก กร่นด่า
และกดดันมันไม่ได้ทำให้ใครเชื่อฟัง เขาเองก็พยายามหาวิธีที่ประนีประนอมมากที่สุด
“ผมไม่ได้หวังว่าพวกคุณจะทำมันได้ดีตั้งแต่วันแรก
แต่เท่าที่ผมรู้...พวกคุณพึ่งจะเลิกเรียนกันมา ใช่หรือเปล่าครับ…” คำพูดของคยองซูทำเอาว้ากเกอร์คนอื่นหันมองสบตาอย่างรู้กัน.. มันเล่นแล้วไง
“แล้วเครื่องแบบมหา’ลัยของผม มันไม่น่าใส่ใช่มั้ย!!! พวกคุณ! ถึงได้แต่งตัวกันแบบนี้!!!”
ช่วงเวลาที่ทุกคนจัดแถว
คยองซูใช้ตอนนั้นกวาดสายตามองการแต่งกายของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง
บางคนก็ใส่รองเท้าแตะมาเรียน บางคนก็ลืมเข็มขัด บางคนก็ไม่ผูกไทด์ นี่แค่วันแรก
ยังแต่งตัวกันสบายขนาดนี้
“เอาล่ะ
ผมจะให้เวลา แต่งตัวให้เรียบร้อยเท่าที่พวกคุณจะทำได้ในตอนนี้ เชิญครับ” สิ้นเสียงของคยองซู เด็กปีหนึ่งก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง
ชานยอลที่พึ่งเดินแทรกผ่านแถวออกมาอยู่ตรงกลางที่เว้นว่างไว้เกิดบ่นออกมาเสียงดัง
“ดูเอา
เขาให้แต่งตัว จะขออนุญาตสักคำยังไม่มี อ่านกันจริงหรือเปล่าวะ”
จงอินเหล่มองรุ่นพี่ตัวสูงหูกางที่พึ่งเดินผ่านเขาไปเมื่อครู่พลางยัดเสื้อที่หลุดออกมาด้านนอกกลับเข้าไปในกางเกง
กลัดกระดุมบนคอ กระดุมแขนเสื้อให้เรียบร้อย
ก่อนจะรูดเนกไทด์มหาวิทยาลัยกลับเข้าที่ พี่มันอะไรของมันวะ
“นานไปแล้วมั้ง!!!!”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ
รู้สึกโดนด่าแบบไม่มีเหตุผลแต่ก็ต้องจำยอมกลับเข้าสู่ระเบียบเชียร์อีกครั้ง
จงอินหันมองเพื่อนข้างๆ เห็นชายเสื้อมันยังหลุดอยู่เลยสะกิดบอกแล้วรีบกลับไปยืนตัวตรง
โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา
ชานยอลเดินวนไปวนมาอยู่คุมโซนของเด็กภาคฯโยธา
ปล่อยให้ไอ้คริสและเทา แบ่งโซนที่เหลือกันเอาเอง
เขาเห็นไอ้เด็กหน้าง่วงนั่นยืนนิ่งมองตรงอย่างที่ระเบียบเชียร์บอกเป๊ะ
นึกชอบพออยู่ในใจ อย่างน้อยก็ดูจะเป็นเด็กว่าง่ายไม่ดื้อด้านสักเท่าไหร่นัก
เอาเถอะ..ของแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ
จงอินยืนนิ่งท่องจำกฎระเบียบของการประชุมเชียร์ได้จนขึ้นใจ
เขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะทำมันให้ดี จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ทุกครั้ง จะแต่งตัวให้ถูกระเบียบ
หัดร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยให้ดังให้ถูกต้องอย่างภาคภูมิใจ
"ไหวมั้ยคุณ"
สะดุ้งโหยงตอนที่รุ่นพี่สักคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเล่นเอาจงอินนิ่งไปนิด
ในหัวนึกถึงกฎที่พึ่งจะท่องอยู่เมื่อครู่
อยู่ในระเบียบเชียร์ จะทำอะไรให้ขออนุญาตก่อน
"ขออนุญาติครับ..."
ชานยอลมองเด็กหนุ่มที่ยกมือขึ้นพร้อมกับกระซิบขออนุญาตเสียงเบา
"ไหวครับ"
"อืม
ไหวก็ยืนให้มันดีๆ" บอกแค่นั้นแล้วก็เดินตัดผ่านแถวนั้นออกมาเพื่อเข้าสู่โซนกลาง
สายจาสอดส่องอยู่ไม่ห่าง การที่พวกเขากระจายกันเดินอยู่ในกลุ่มเด็กแบบนี้ ส่วนหนึ่งคือการสังเกตหากมีชั้นปีที่หนึ่งคนไหนไม่สบายจะไดเรียกสวัสดิ์ชาย-หญิงที่เป็นน้องปีสองมาช่วยได้ทัน
"มึงไปบอกไอ้คยองที
ให้เตือนเด็กเรื่องใครไม่ไหวให้บอก"
เขากระซิบกับไอ้จงแดที่เดินผ่านมาเจอกันตรงโซนกลาง
แล้วแยกกันเดินดูเด็กปีหนึ่งอีกครั้ง ไม่นานเสียงไอ้มินกุกก็ตะโกนบอกสำหรับกิจกรรมต่อไปที่จะให้น้องปีสองเข้ามาดูแล
ส่วนพวกเขาก็หลบขึ้นมานั่งปรึกษากันบนชั้นลอยอีกครั้ง
"มึงว่าไง"
"พึ่งจะวันแรกต้องดูกันไปยาวๆว่ะ"
ไอ้จงแดเป็นคนบอก ซึ่งหลายคนก็พยักหน้า
"งั้นก็เอาตามแพลนเดิมที่วางไว้ก่อน"
"เอาวะ
ไม่ยากเกินพวกเราทำได้หรอก"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดเรียกกำลังใจในกลุ่มว้ากเกอร์ด้วยกัน
พวกชานยอลเดินกลับลงไปอีกครั้ง
คราวนี้แบคบอมเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องสมุดเชียร์สำหรับชั้นปีที่หนึ่งรุ่นที่ 76 นี้
เพราะด้วยกำหนดการณ์ที่เร่งรัดทำให้พวกเขาต้องทำทุกอย่างให้กระชับเข้ามาอีก
"สมุดเชียร์เล่มสีแดงที่น้องผมแจกให้พวกคุณไป
ขอให้พวกคุณเขียนชื่อ เลขทะเบียน ภาควิชาและคติประจำใจเอาไว้ ห้ามทำหายนะครับ!"
จงอินมองสมุดเชียร์เล่มสีแดงในมือ
มันเป็นลายสีหมูมีลวดลายของเกียร์และต้นไม้พันอยู่โดยรอบ
อาจจะเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย มันดูสวยงามและแข็งแกร่งไปในตัว
ชานยอลมองเด็กนั่นพลิกสมุดเชียร์ในมือไปมาด้วยความสนใจก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้าสู่ระเบียบเชียร์อีกครั้ง
นี่ก็สองทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว
อีกไม่นานก็จะปล่อยให้กลับบ้านเพราะถ้ามืดเกินไปมันก็จะเป็นอันตรายต่อตัวน้องด้วยเหมือนกัน
"เดี๋ยวผมจะให้น้องผมเข้ามาดูแลพวกคุณต่อ
อย่าลืมดูแลเพื่อนผู้หญิงด้วยนะครับ!"
สิ้นเสียงไอ้คยองซูพวกเขาก็ทยอยกันเดินลงจากสโลปแล้วไปหลบมุมมืดอยู่ข้างตึกวิจัยให้พ้นสายคาเด็กปีหนึ่ง
ชานยอลนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนสูบบุหรี่รอเวลาเรียกประชุมสำหรับสตาฟงานนี้ทุกคน
สายตาก็มองกลุ่มเด็กที่ทยอยกันมาตรงทางเดินหน้าตึกวิจัยทำให้พวกเขาต้องหลบฉากเข้าไปอีก
“น้องมึงอยู่หอไหนวะจงแด”
“ห้องเดียวกับกูอ่ะ”
หืม…. บุหรี่แทบหลุดมือ
กริบกันทั้งกลุ่ม
ไอ้จงแดยังทำหน้าตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนราวกับว่าน้องชายอยู่ห้องเดียวกับมันเป็นเรื่องปกติ
เออความจริงมันก็เรื่องปกตินั่นแหละครับคุณถ้าไม่ติดเรื่องกิจกรรมตรงนี้
หน้าตาไอ้จงแดยังคงยิ้มกว้างผิดกับคยองซูลิบลับ
ชานยอลไว้อาลัยให้ในใจก่อนจะสูบบุหรี่แล้วหันมองเด็กปีหนึ่งเดินไปตามทางเดินกลับหอในมหาวิทยาลัย
บางคนก็แยกย้ายไปหอนอก นั่นไง..เด็กนั่นเดินมาแล้ว กับเพื่อนอีกเจ็ดแปดคน
เขาไม่ได้ยินว่าพวกนั้นคุยอะไรกัน แต่สุดท้ายก็พากันเดินเกาะกลุ่มออกไปทางหลังมอ
“อึนจี กับ
ซูยองอยู่หอไหน?”
“อยู่ยูเฮ้าส์
พวกนายล่ะ”
“งั้นก็ออกไปด้วยกันนี่แหละ
เดี๋ยวพวกเราไปส่ง"
รูปประโยคธรรมดา
แต่ชานยอลก็ยังคงยิ้มอย่างพึงพอใจที่ได้ยินเด็กหน้ามึนพูดแบบนั้น
มันอาจจะเป็นเพราะคำสั่งของพวกเขาหรืออะไรก็ตาม
อย่างน้อยเด็กนั่นก็ไม่ดื้อด้านอย่างที่ชานยอลนึกกลัวอยู่ในใจ
อย่าพึ่งเกเรแล้วกันนะไอ้เด็กหน้าหมี
#พลอตชั่ววูบ
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ตอนแรกก็กลัวว่าเฮ้ย
มันจะไปชนกับรับน้องที่มหาลัยมั้ย แต่พอถามน้องน้องบอกว่าปีนี้ยกเลิก
ก็เลยเอามาลงเลย มันเป็นบรรยากาศรับน้องตอนที่เราเรียนปีหนึ่งนะคะ
ปรับแต่งเล็กน้อย
แต่งไปตอนนี้ก็แอบคิดถึงไป มันเป็นทั้งในมุมมองของรุ่นที่ทำกิจกรรม
กับรุ่นน้องที่เข้าร่วมกิจกรรมน่ะค่ะ ขาดตกบกพร่องตกไหนติชมได้น้า
อ่านเอาสนุกๆนะคับ ไม่จริงนะ ไม่ซีเรียสนะ
วันนี้ไปแล้ว อัพให้แต่เช้า เรารักคนอ่านนะ อิ้_______อิ้
ความคิดเห็น