คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 2 : FIND 01|(sekai)
(os) [period series] season 2 : FIND 01 | (sekai)
pairing : sehun x jongin
rate : PG-15
NOTE : มันเป็นแค่เรื่องสั้นๆเอง....
ต้นไผ่ไหวเอนตามแรงลม เสียงใบไม้เสียดสีขับขานท่วงทำนองไพเราะชวนผ่อนคลาย เพียงย่างก้าวเข้าแนวทิวไม้สูงเสียดฟ้า ความอบอุ่นพลันพุ่งตรงเข้ากระแทกกลางพระอุระ ทอดพระเนตรทิศทางใดเพียรจะพบแต่ความห่วงหาอาทรแทรกซึมเข้าเนื้อหนัง แม้มิเคยเหยียบย่างทว่ากลับคุ้นเคยยิ่งนักในความรู้สึก ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับสถานที่ในห้วงฝันยิ่งนัก
“กลับมาแล้วขอรับท่านยาย”
จงอินเพียงค้อมตัวแตะฝ่ามือลงบนท่อนแขนที่ช่วยประคองร่างกายอย่างแผ่วเบาพอให้คุณชายผู้นี้ผละออก องค์ชายเซฮุนเองก็เข้าพระทัยในกริยาเช่นนั้นจึงได้ถอยห่าง ปล่อยให้ร่างโปร่งก้าวไปตามชานพักมุ่งตรงสู่สวนหินญี่ปุ่นใจกลางเรือน
“ใยถึงได้กลับช้านักเล่า มีเรื่องมีราวเช่นนั้นหรือ”
“เปล่าขอรับ ข้ามัวแต่เที่ยวตะลอนเล่นกับเจ้าหนูและคุณชายท่านนี้”
กล่าวเสียงใสเบี่ยงตัวหลบให้บุพการีผู้เลี้ยงดูได้เห็นถึงผู้ที่ตนกล่าวถึง คิมมยองอาละสายตาจากสะดึงปักผ้าขึ้นทอดมอง ดวงตาในยามชราภาพนั้นช่างฝ้าฟาง ทว่าบุรุษที่ประทับเบื้องหน้านั้นคือผู้ที่นางมิเคยลืมเลือน ฝ่ามือเหี่ยวย่นสั่นเทา นัยน์ตาคลอคลองด้วยหยาดน้ำ ริมฝีปากขยับเอื้อนเอ่ยนามของบุรุษผู้หนึ่งที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับคุณชายผู้นี้เสียเหลือเกิน
“องค์ชาย...องค์ชายเซฮุน”
แม้จะตกพระทัยยามที่หญิงชราเอ่ยพระนาม ทว่าองค์ชายหนุ่มยังคงรักษาท่าทีไว้ได้อย่างดี ฝีพระโอษฐ์ยกยิ้มพร้อมกายกำยำค้อมตัวให้ด้วยความนอบน้อม เสียจนหญิงชรารีบรุดคุกเข่าลงกับพื้น
"มยองอา มิบังอาจรับคำนับจากองค์ชาย"
ถ้อยวาจาดังเช่นคนในรั้วในวังทำให้องค์ชายเซฮุนชะงักงัน พระพักตร์เรียบตึง พระขนงขมวดแน่น ทว่าเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น รอยยิ้มกลับปรากฏให้เห็นดั่งเดิม
“ใบหน้าข้าคงละม้ายคล้ายคลึงกับองค์ชายเซฮุนมาก ท่านถึงได้ปักใจเชื่อเสียเหลือเกิน”
ชั่ววูบหนึ่งมยองอาปรารถนาจะบอกในสิ่งที่นางคิดเสียเหลือเกิน ใยนางจะจำมิได้ แม้นตอนนั้นจะยังเด็กเยาว์วัยนัก นางก็มิอาจลืมเลือนใบหน้าผู้มีพระคุณทั้งสองไปได้เลย
บุรุษแห่งราชสำนักผู้แสนสง่างามเปี่ยมไปด้วยพระกรุณาธิคุณ พระพักตร์หล่อเหลาเป็นที่หมายปองของอิสตรีทั่วทั้งแผ่นดิน ทว่ากลับมิมีผู้ใดพิชิตใจนักรบได้ คราแรกนั้นนางช่างแปลกใจยิ่งนัก ใยบุรุษแห่งราชสำนักผู้นั้นกลับไร้หญิงเคียงกายแต่ความสงสัยนั้นค่อยๆจางลงไปยามได้พบคนผู้หนึ่ง
บุรุษที่ดูจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับองค์ชายห้า ในยามนั้นนางมิรู้หรอกว่าเขาคือผู้ใด กล้าๆกลัวๆเสียจนเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งองค์ชายเซฮุนและบุรุษผู้นั้น ท่าทางหวาดกลัวของนางทำให้ผู้ที่ยองตัวลงนั่งเบื้องหน้าเอื้อมมือใหญ่นั้นขึ้นลูบเส้นผมด้วยความเอื้อเอ็นดู
“ตัวข้าน่าชังนักหรือ แม่นางน้อยถึงได้หวาดกลัวนัก” จงอินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มเสียจนองค์ชายห้านึกน้อยพระทัย กับพระองค์ล่ะปั้นปึ่งเสียเหลือเกิน มันน่าจับหวดนัก
“พี่ชายใจดี เจ้าอย่าได้กลัวไปเลยเจ้าเด็กน้อย ประทับสูงเช่นนั้นน้องจะเห็นได้อย่างไรกันว่าพระองค์มิได้กำลังทรงกริ้วน่ะ” นั่นปะไรเล่า ประโยคแรกนั้นอ่อนโยนเสียจนเด็กหญิงยอมเงยหน้า เหตุไฉนยามตรัสกับพระองค์ช่างขัดแย้งกันนัก
“ขะ...ข้า” น่าเอ็นดูนัก
“ว่าอย่างไรหรือ..บอกพี่ชายได้หรือไม่ว่าเจ้าชื่ออะไร”
“มะ..มยองอา มยองอาเจ้าค่ะ..พะ..เพคะ”
เสียงหัวเราะของของราชเลขาคนสนิทเรียกให้เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความฉงนสงสัย และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ องค์ชายเซฮุนหยัดพระองค์ลงเคียงข้าง เพลานั้นอะไรสักอย่างกำลังบอกนางอยู่เบื้องลึก เด็กหญิงในวัยแปดขวบยื่นมือเข้าแตะข้างแก้มของบุรุษตรงหน้าทั้งสองคน ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นทั้งหนึ่งเด็กหญิง หนึ่งองค์ชาย และหนึ่งยอดดวงใจ
“คล้ายเหลือเกิน… คุณชายคล้ายกับองค์ชายท่านมากเหลือเกิน” มยองอารำพึงออกมาเสียงแผ่ว จงอินที่รู้สึกว่าบรรยากาศนั้นเริ่มแปลกไปก็ได้แต่ส่งยิ้มให้กับคุณชายที่ช่วยเขาให้พ้นโทษทัณฑ์อย่างขออภัย
“โธ่..ท่านยาย จะคล้ายได้อย่างไรกัน องค์ชายเซฮุนสิ้นพระชนม์ไปหลายสิบปีแล้วมิใช่หรือ” เสียงจงอินพามยองอาหลุดจากห้วงภวังค์อีกครา
“ช่างเจรจานัก รีรออันใดอยู่เล่า น้ำท่ามิเอารับแขกหรอกหรือ” แสร้งทำเป็นดุเจ้าหลานชายตัวดีเบี่ยงเบนประเด็น อย่างไรเสียต่อให้นางพร่ำพูดไปสักเท่าไรก็คงมิมีผู้ใดเชื่อ คนเฒ่าคนแก่ในรั้ววังต่างก็พากันล้มหายตายจากไปกันหมด
“เรือนนี้น่าอยู่นัก มิทราบว่าเป็นเรือนของท่านแต่เดิมเช่นนั้นหรือ” สุรเสียงนุ่มทุ้มตรัสถาม ภายหลังจากคิมจงอินเดินเลี่ยงไปยังด้านใน หากว่ากันตามตรงพระองค์เองก็พอพระทัยเรือนไม้หลังนี้อยู่มากโข ทั้งความคุ้นเคยที่แทรกลึกยามทอดพระเนตรโดยรอบ
“เรือนนี้ เป็นสมบัติในองค์ชายเซฮุนพระโอรสองค์ที่ห้าในพระราชาองค์ก่อน ประทานแก่คนสนิทซึ่งท่านเป็นบิดาของตัวข้า”
“เช่นนั้นหรือ”
“คุณชายคงชอบพอเรือนหลังนี้ยิ่งนัก”
มิต้องตอบรับด้วยวาจา เพียงแค่การกระทำนั้นช่างชัดเจนเสียเหลือเกิน ดวงหน้าเอียงตามแนวสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ ความอบอุ่นที่โอบล้อมราวกับได้ยืนอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน มยองอาเพียงแค่ลอบมองการกระทำเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มที่มิได้ผู้ใดเข้าใจ
“หากท่านไม่รังเกียจ ข้าขอพักสักคืนได้หรือไม่เล่า ท่านมยองอา”
ยามใดที่ท้องฟ้าไร้จันทรา
ยามนั้นช่างพาใจพี่หวาดหวั่นนัก
คิดถึงเจ้าคนไกลหากไร้ซึ่งสิ่งแทนตน
องค์ชายเซฮุนนึกแปลกพระทัยยิ่งนักยามเสด็จพระราชดำเนินตามทางเดินมาจนถึงบริเวณชานไม้ที่มีรัวเตี้ยริมทะเลสาบ ดึกดื่นเช่นนี้เด็กหนุ่มผู้ซึ่งน่าจะกำลังหลับใหลบนตั่งเตียงกลับยืนทอดสายตาไปยังท้องฟ้าเบื้องบน
“น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่งนัก” เสียงแหบต่ำมิได้สร้างความตกใจต่อผู้ที่ยืนอยู่ก่อนสักเท่าใดนัก จงอินเพียงเอียงตัวมาพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ประดับบนดวงหน้า แม้นจะไร้ซึ่งแสงจันทร์ทว่าองค์ชายเซฮุนสามารถเห็นรอยยิ้มนั้นในมโนภาพได้อย่างชัดเจน
“ราตรีไร้ดวงเดือนเช่นนี้ ใยท่านยังมิรู้จักหลับจักนอนหรือ”
“คุณชายก็เช่นเดียวกัน ท่านรอนแรมเดินทางมาไกล มิเหน็ดเหนื่อยเช่นนั้นหรือ” ช่างพูดช่างจานัก ยอกย้อนเสียจนหากเป็นเด็กเล็กเด็กน้อย พระองค์จะจับมาตีเสียให้เข็ด
“ร่างกายท่านบาดเจ็บ หากมิรีบพักผ่อนกลัวจะระบมจนเจ็บไข้ไปเสียก่อน”
“ขอบใจคุณชายที่เป็นห่วง ตัวข้ายังคงแข็งแรงสมกับวัยหนุ่ม โดนหวดเสียทีสองทีคงไม่ถึงกับล้มป่วยหนักแต่อย่างใด”
“รั้นนัก”
ถ้อยประโยคแสนธรรมดา ทว่ากลับพาลพาให้ดวงใจสองดวงสั่นระรัว องค์ชายทรงนิ่งงันเฉกเช่นเดียวกับจงอินที่มิอาจเอื้อนเอ่ยสิ่งใดต่อไปได้ ความรู้สึกนี้คือสิ่งใดกัน…
มันช่างเลือนลางในความฝัน ทว่ากลับชัดเจนในห้วงลึกของหัวใจ
“หากคุณชายปรารถนาจะชมจันทร์ เห็นทีคงต้องผิดหวังเสียแล้วคืนนี้” โชคดีเสียเหลือเกินที่อีกฝ่ายเป็นคนช่างพูดช่างจา มิเช่นนั้นคงกระอั่กกระอ่วนกันทั้งสองคนเป็นแน่
“ข้าช่างไร้วาสนา ท่านมยองอาบอกข้าว่าที่แห่งนี้ชมจันทร์ได้งามนัก” เนื้อความตัดพ้อขัดกับน้ำเสียงเย้าแหย่เสียเหลือเกิน จงอินได้แต่นึกค่อนขอดในใจ คุณชายผู้นี้ดูเจ้าสำราญนัก
“ที่ท่านยายพูดก็มิผิดนัก ข้าเองก็ชื่นชอบการชมจันทร์จากตรงนี้...” จงอินว่า พลางขยับกายเข้ายืนยันตำแหน่งประจำที่ตนทอดมองดวงจันทร์ทุกค่ำคืน เช่นเดียวกับองค์ชายเซฮุนที่ขยับพระวรกายไปตามธรรมชาติ วรองค์สูงขยับถอยห่างออกเพียงเล็กน้อย มิได้ให้ผู้ที่เข้ายืนประจำที่รู้สึกถึงพระองค์ที่กำลังยืนซ้อนทับกันอยู่เช่นนี้
“ข้าจะเห็นสิ่งใดเล่า”
“จันทราลอยเด่น ส่องแสงอยู่กลางท้องนภา” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความรู้สึกชอบอกชอบใจอย่างมิคิดปิดบัง เร่งเร้าบางสิ่งบางอย่างในความรู้สึกขององค์ชายหนุ่มยิ่งนัก พระองค์ปรารถนาจะพูดคุยกับเด็กหนุ่มผู้นี้ให้มากกว่านี้ และในเบื้องลึกของพระทัย
....พระองค์ปรารถนาจะพูดคุยกับเด็กหนุ่มไปในทุกค่ำคืน...
“หากเป็นคืนเดือนมืดเช่นนี้เล่า” คุ้นเคย..คุ้นเคยยิ่งนัก จงอินแย้มยิ้มเสียเต็มแก้มยามคุณชายเอ่ยถามถึงเรื่องราวในวันก่อน มิได้นึกขุ่นข้องหมองใจแต่อย่างใด
คล้ายกับว่าเขารอ..รอมาแสนนานที่จะเล่าให้ใครสักคนฟัง
เสียงพูดคุยยังคงดังอย่างต่อเนื่องแม้จะกินเวลาไปครึ่งค่อนคืนเสียแล้ว ทว่ายังมิมีผู้ใดคิดจะขอตัวไปพักผ่อน ทั้งคนเจ็บและองค์ชายหนุ่มที่เดินทางรอนแรมมาไกลแสนไกล…
หนึ่งบุรุษรอนแรมจากแดนไกล พาดวงใจสองดวงหวนคืนเคียงคู่กัน
#FINDSEKAI
กลับมาแบบมึนๆ... ภาษามันแปลกไปแล้วง่ะ แง้! ขอโทษด้วยนะคะ ถ้ามันมีอะไรแปลกไป ติชมได้น้าาาา เราจะพยายามพัฒนาให้มันดีขึ้นค่าาาาา ขอบคุณทุกคนมากๆเลยที่ยังรออ่านเรื่องนี้ คือมันเป็นแค่ฟิคลั่นๆ ออกมาเป็นวูบๆ แค่นั้นเอง อ่านแท็กแล้วดีใจมากอ่ะ กลายเป็นฟิคเซไคที่ดีที่ทุกคนชื่นชอบ ฮื่อออ มันทำให้เรามีกำลังใจมากๆเลย ขอบคุณจริงๆนะคะ
รักทุกคนมากน้าาาาา ขอบคุณจริงๆที่ยังตามอ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณมากคับ คิดถึงคนอ่านทุกคนเลยยย เลิ้บบบบบบบ
ปล. อย่าลืมนะคะ ตรงไหนผิดพลาดหรือควรแก้ไขอะไรยังไง ติชมได้เลยนะคับ!
ความคิดเห็น