ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) : Geometry series : Circle | #ฟิควงกลมชานไค CHANKAI FT. EXO

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 11

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 58


    Title : Cycle

    Paring : Chanyeol X Kai

    วันเวลาที่ผ่านมาทำให้พวกเราได้พบกัน

    แต่วันเวลาต่อจากนี้ทำให้พวกเราได้เรียนรู้กันมากยิ่งขึ้น

     

     

     

    Chapter 11

     

    จงอินกำลังโดนแม่บ่นขรมแต่ถึงอย่านั้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่แยกกับปาร์คชานยอลตรงหัวมุมถนน เขาก็รีบตรงกลับบ้านและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที โดยไม่ลืมกินยาดักไข้เอาไว้ด้วย แต่ดูเหมือนว่าเด็กชายที่ไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกายดูจะมีภูมิต้านทานต่ำ เช้าวันนี้คิมจงอินถึงได้มีไข้และนอนหน้าเซียวอยู่บนเตียงให้ผู้เป็นแม่ดุเอา

    ป่วยง่ายแล้วก็ยังชอบเล่นน้ำฝน ลูกนี่น่าตีจริง ๆ เลยคุณนายคิมยังคงบ่นแต่ก็คอยเช็ดตัวและเช็คไข้ลูกชายคนเดียวเป็นระยะ จงอินส่งยิ้มเนือย ๆ ให้กับผู้เป็นแม่ ตอนนี้เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว ตาก็พร่าไปหมด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองมีนัดทุกเช้ากับใครอีกคน

    แม่ครับ ผมยังไม่ได้โทรบอกชานยอล

    เพื่อนลูกคนนั้นน่ะหรอ นัดกันไว้หรือยังไง

    จงอินพยักหน้ารับ คิ้วขมวดแน่นพยายามจะคิดหาวิธีติดต่อกับปาร์คชานยอลแต่ก็ดูจะไม่มีทางไหนเลย โทรศัพท์มือถือก็ถูกอีกฝ่ายจับยัดไว้ในตู้ลอคเกอร์พร้อมกระเป๋านักเรียน และตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงลุกไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าโปรแกรมแชทบอกอีกฝ่ายด้วย เงยหน้ามองแม่ที่ยังคงสาละวนกับการเช็ดเนื้อเช็ดตัวเขาแล้วก็ได้แต่รู้สึกผิด ทุกครั้งที่ป่วย แม่ก็ต้องเหนื่อยดูแลเขาตลอด

    ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอครับ

    จะเจ็ดโมงครึ่งแล้ว ลูกนัดเพื่อนไว้กี่โมง”  เขาไม่ได้ตอบ เลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วปาร์คชานยอลคงไม่ซื่อบื้อยืนรอ อย่างมากหมอนั่นก็อาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยตอนที่เจอหน้ากันครั้งต่อไป เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กระพริบตาปรือปรอยเต็มที ฤทธิ์ของยาแก้ไข และยาลดน้ำมูกกำลังทำให้จงอินรู้สึกง่วงขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน แต่เสียงออดหน้าทำให้เขาต้องฝืนตาขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ได้ยินเสียงแม่พูดอะไรสักอย่างแล้วเดินออกจากห้องนอนไปแต่ก็ไม่นานนัก จงอินปรือตาที่เพิ่งจะปิดลงชั่วครู่ขึ้นอีกครั้ง แม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดแต่ก็พอจะรู้ว่าเงาเลือนลางที่อยู่ปลายเตียงเป็นผู้ชายตัวสูง ๆ คนนึง

    ไอ้เทาหรอวะถามออกไปเสียงพร่า รู้สึกหนักหัวจนไม่อยากจะขยับไปไหน สุดท้ายก็ได้แต่นอนนิ่งรอให้เพื่อนเดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ ถึงได้ถามออกไป "กูไม่ไปนะ เอากระเป๋าในล็อคเกอร์มาให้ด้วย อ้อฝากบอกปาร์คชานยอลด้วย"

    "จะฝากบอกอะไรกูล่ะครับคิมจงอิน"

    คนป่วยขมวดคิ้วแน่น จงอินจำเสียงดุ ๆ ของปาร์คชานยอลได้ แต่ที่สงสัยคือทำไมเจ้าตัวถึงได้มานั่งอยู่ในห้องเขาอย่างนี้

    กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าป่วยน่ะถึงรูปประโยคจะไม่ได้ฟังรื่นหูสักเท่าไร แต่จงอินก็ยังจับได้ว่าเสียงของปาร์คชานยอลอ่อนลงมากแค่ไหน นึกไปถึงว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าเขามีแว่นสายตาอยู่จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเป็นอย่างไร

    นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วปาร์คชานยอล

    อีกยี่สิบจะนาทีจะแปดโมง ทำไมป่วยแล้วตาบอดด้วยหรือยังไง

    เปล่า แต่บังเอิญว่าเมื่อวานมีไอ้โง่สักคนเอากระเป๋าฉันไปเก็บในล็อคเกอร์ที่โรงเรียนโดยไม่ถามสักคำว่าฉันมีของสำคัญอยู่ในนั้นหรือเปล่า

    คนโดนด่าว่าเป็นไอ้โง่ซึ่งหน้าถึงกับอ้าปากค้าง นี่ขนาดป่วยจนลุกจากเตียงไม่ไหว คิมจงอินก็ยังปากคอเราะร้ายไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ชานยอลจ้องมองคนป่วยแล้วนึกอยากขยำหัวกดมันให้จมหมอนหายใจไม่ออกตายไปข้าง แต่การกระทำดันตรงข้ามกับความคิดไปเสียทุกเรื่อง เด็กหนุ่มจัดการลอกแผ่นเจลลดไข้อันเก่าออก ก่อนจะแปะอันใหม่ทับลงไปโดยจงใจออกแรงกดจนคนป่วยหน้านิ่วแล้วปิดท้ายด้วยการเคาะลงไปกลางหน้าผากแรง ๆ อีกหนึ่งที

    "นายมาทำไม ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไง" จงอินมึนหัวนิดหน่อย ปาร์คชานยอลเล่นกดเจลลดไข้ลงมาจนหัวโยก จะไม่ให้มึนได้ยังไงกัน

    "พูดมากจังวะ" เพราะได้ยินแต่เสียงจงอินเลยไม่เห็นว่าน้ำเสียงติดรำคาญนั่นมันขัดกับหน้าตาเป็นห่วงของชานยอลมากแค่ไหน เมื่อคืนก็คุยกันแค่นิดเดียวเพราะจงอินออนไลน์ในคอมเพื่อทักมาบอกว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า แล้วก็หายจ้อยไปเลย ตอนเช้าก็ไม่ได้ไปตามนัดยิ่งทำให้ชานยอลกระวนกระวายจนสุดท้ายเลือกที่จะข้ามถนนแล้วตรงมายังบ้านของบัดดี้แทนที่จะเป็นโรงเรียน

    "กูบอกแล้วไงว่าอย่าป่วยน่ะ"  พอเห็นหน้าตาเซื่องซึมกับดวงตาปรือปรอย คำบ่นที่คิดไว้ก็กลืนหายลงท้องไปหมด สารภาพเลยก็ได้ ว่าเห็นสภาพนี้แล้วบ่นไม่ลงเลยจริง ๆ

    "อืออ ก็มันป่วยไปแล้ว"

    เสียงแหบพร่า กับใบหน้าเหนื่อยอ่อนทำให้ชานยอลกลืนคำบ่นลงคอไปหมด เด็กหนุ่มนั่งนิ่งมองคิมจงอินที่ตาปรือจนแทบจะปิดแล้วก็ต้องถอยหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่

    "ง่วงก็นอน กูจะไปโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะมาหาอีกทีแล้วกัน"

    "เจอกันพรุ่งนี้เลยก็ได้"

    "ไม่ดื้อสักวันมันจะตายหรือยังไงวะ"

    จงอินพยักหน้ารับแกน ๆ เพราะเหนื่อยหน่ายจะเถียงกับคนเอาแต่ใจ คอยดูเถอะรอให้หายดีก่อนปาร์คชานยอลต้องโดนเอาคืนทั้งเรื่องที่โดดเรียนมานั่งอยู่ในห้องเขาและเรื่องที่พูดจาไม่ดีใส่กันอีกด้วย

    ทั้งห้องเงียบสนิทเมื่อคนป่วยผล็อยหลับไปแล้วจากฤทธิ์ยาและพิษไข้ ชานยอลถอนหายใจเป็นรอบที่สามอย่างไม่รู้จะอย่างไร ไอ้เรื่องเข้าเรียนสายมันก็สายแน่นอนอยู่แล้วช่างมันเถอะ แต่ไอ้คนป่วยที่น่าหงุดหงิดตรงนี้ต่างหาก คอยดูเถอะมึงหายป่วยคราวนี้อย่าฝันไปเลยว่าจะได้เล่นน้ำฝนอีกน่ะ

    ใช้เวลามองคนป่วยอยู่สักพักก่อนจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิทไปแล้ว ชานยอลเองก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเรียนบ้างสักที เด็กหนุ่มลุกขึ้นทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด เดินลงมาชั้นล่างก็พบว่าคุณนายคิมอยู่ในส่วนของห้องนั่งเล่นขอโทษที่มารบกวนตั้งแต่เช้าครับโค้งหัวให้กับคุณนายคิมที่กำลังทำความสะอาดบ้าน  รู้สึกกระอั่กกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายถึงเรื่องที่มากดออดหน้าบ้านคนอื่นแต่เช้าอย่างนี้

    จงอินคงฝากเอาการบ้านไปส่งสินะ รบกวนด้วยนะชานยอล

    มะ..ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวช่วงเย็นผมจะแวะเอาการบ้านของวันนี้มาให้จงอินเองนะครับโค้งหัวอีกครั้ง กล่าวลาคุณนายคิมและรีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว กลัวว่าเธอจะจับผิดท่าทางแปลกประหลาดของตัวเองได้เสียก่อน

    เด็กหนุ่มเดินเตะฝุ่นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนสักเท่าไหร่นัก กว่าคาบแรกจะเริ่มกินเวลาอีกเกือบสี่สิบนาที ชานยอลโดดโฮมรูมไปแล้วและไม่คิดจะโผล่หน้าไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาหรือสารวัตรนักเรียนที่ไม่ค่อยจะถูกกันเอาเรื่องแก้แค้นเล่นหรอก สองมือล้วงกระเป๋าเดินเตะกระป๋องไปเรื่อยเปื่อย นึกเบื่อขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนถ้าหากเป็นช่วงกีฬาสีชานยอลจะกระตือรือร้นมากกว่าใครที่จะไปโรงเรียน เขาไม่เคยหลับสักคาบแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่ ใจมันลอยไปถึงชั่วโมงสุดท้ายที่จะได้ลงไปเล่นกีฬาสุดโปรดต่างหากแต่ตอนนี้มันตรงข้ามไปเสียหมด เพราะคิมจงอินนั่นแหละ บอกแล้วว่าอย่าป่วยฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง

    กว่าจะมาถึงรั้วโรงเรียนก็เกือบสามสิบนาทีเข้าไปแล้ว ชานยอลเดินอ้อมไปด้านหลัง มองกำแพงที่เจาะรูไว้สำหรับเด็กนักเรียนที่ชอบโดดเรียนหรือมาสาย วันนี้เขาคงต้องใช้บริการมันอีกครั้ง เด็กหนุ่มปีนป่ายอย่างคล่องแคล่วและลงมายืนบนพื้นได้อย่างสวัสดิภาพ แต่ก็ต้องตกใจจนเผลอทำกระเป๋าหลุดมือ

    มึงมาสาย!! คิมจงอินก็ไม่มา!! บอกกูมานะ! ว่าไปไหนมา!!

    ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก็พอรู้อยู่หรอกว่าทั้งเขาทั้งคิมจงอินกำลังถูกทั้งโรงเรียนจับตามอง แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของตัวเองจะเป็นกับคนอื่นเขาด้วย เชื่อมันเลยจริง ๆ

    ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นล่ะ กูตื่นสาย!! หลีก! เดี๋ยวไปเรียนฟิสิกส์ไม่ทัน!

    เชื่อมึงก็ออกลูกเป็นลิงแล้ว ปาร์คชานยอล!!

    ไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของแบคฮยอนเลยสักนิด ชานยอลยกมือขึ้นโบกลาทั้งที่ยังหันหลังแล้วมุ่งตรงไปยังอาคารเรียน ลู่หานเองก็ได้แต่ส่ายหน้าหันมองเพื่อนข้าง ๆ กับอีกหนึ่งคนที่เดินไปไกลนู่นแล้ว

    มึงก็อย่าไปเซ้าซี้มันเลยน่าลู่หานหันไปบอกแบคฮยอนที่ยังคงตะโกนเสียงดังด้วยหน้าตาหงุดหงิดขั้นสุด

    กูอยากรู้นี่! หรือมึงไม่อยากรู้

    อยากดิวะเป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่หรอก เสือกได้ไม่มีข้อจำกัด แต่กูว่าครั้งนี้เรารู้ไปพร้อมคนอื่นก็ดูจะฟินไปอีกแบบ

     

    นี่เป็นครั้งที่สองของวันที่ชานยอลกดออดบ้านคิม แต่คราวนี้คนที่มาเปิดประตูกลับกลายเป็นคนป่วยที่นอนนิ่งอยู่เมื่อเช้า สีหน้าดีขึ้นกว่าที่เจอแต่ก็ยังซีดเซียวอยู่นิดหน่อย

    อ่ะ กูเอามาให้ ไม่เป็นไอ้โง่แล้ว

    จงอินมองกระเป๋าเป้ที่เด็กชายตัวสูงยื่นมาให้ และรับไว้พร้อมกับกล่าวขอบคุณเสียงเบา สายตามองปาร์คชานยอลที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ทั้งที่กระเป๋าก็ให้แล้ว ไม่น่าจะมีธุระอีก

    ขอบคุณกูสักคำน่ะมีมั้ย

    มันเป็นสิ่งที่นายต้องทำอยู่แล้วไม่ใช่หรอตอบกลับไปยิ้ม ๆ แต่เล่นเอาคนฟังถึงกับคิ้วกระตุก นับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างที่จะไม่จับหัวคนป่วยโขกกำแพงให้มันขาดเรียนเล่นอีกสักวัน พอดีเข้าหน่อยคิมจงอินก็กลับมากวนส้นตีนเขาเหมือนเดิม มันน่าหงุดหงิดชะมัดเลย

    แล้วนี่มึงหายดีแล้วหรือยังไง

    อือ เป็นไข้หวัดนิดหน่อย นอนพักมาทั้งวัน  พรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนได้แล้ว

    จงอินสังเกตสีหน้าของบัดดี้ตัวสูง คิ้วที่ขมวดแน่นนั่นคลายออกนิดหน่อย แต่ก็ยังทำหน้าบึ้งตึงอยู่ดี ส่ายหน้าน้อย ๆ ให้กับคนที่ไม่ว่าเมื่อไรก็แสดงอารมณ์ทุกอย่างออกมาทางสีหน้าจนหมดเกลี้ยง แล้วแบบนี้พอตัวเขาดักทางได้ปาร์คชานยอลก็จะมาหงุดหงิดอีก

    ขอบใจนะ

    มันเป็นหน้าที่ของกูไม่ใช่หรือไงครับคุณผู้จัดการทีม ไม่ต้องขอบคุณหรอก

    จงอินยิ้มกว้างกับน้ำเสียงประชดประชัน แต่ก็นะนี่มันปาร์คชานยอลจะเอาอะไรกับคนที่พูดก็ไม่เก่งแสดงออกก็ไม่ถูก ถึงจะเสหน้าออกไปทางอื่นแต่เขาก็เห็นอยู่ดีนั่นแหละ ว่าหมอนั่นน่ะแอบยิ้มอยู่เหมือนกัน นายต้องได้ยิ้มจนปวดแก้มไปทั้งคืนแน่ปาร์คชานยอล

    ฉันหมายถึงเรื่องที่นายเป็นห่วงต่างหาก คราวหลังรู้สึกอะไรก็พูดออกมารู้มั้ย ไม่ใช่มาทำเก๊กตะโกนใส่คนอื่นเขาปาว ๆ อยู่อย่างนี้ มันไม่คูลเลยครับ คุณกัปตันทีม

    คนโดนจับได้ถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ลืมไปเสียสนิทว่าคิมจงอินน่ะเก่งเรื่องอย่างนี้ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ชานยอลรู้สึกอะไรอีกฝ่ายก็จะจับทางได้หมด เป็นคนที่ทำให้รู้สึกว่าแพ้จนหมดท่าไม่ว่าจะทางคำพูดหรือการกระทำเลยให้ตายเถอะ

    การซื่อตรงต่อความรู้สึกน่ะ มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอกนะ ยิ่งความรู้สึกของนายเป็นสิ่งดี การเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น การใส่ใจคนอื่น ไม่ว่าใครที่ได้รับสิ่งนี้ก็ต้องรู้สึกดีด้วยกันทั้งนั้นจงอินพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย เอนหลังพิงกับเสาประตูบ้านมองกัปตันทีมตัวสูงที่ยังไม่ยอมหันมามองหน้ากันนายแค่แสดงออกมาไม่เก่ง กับฉันที่รู้จักกันมาจนถึงวันนี้ มันไม่ร้ายแรงหรอก แต่กับคนอื่นที่เขาไม่รู้จะมองว่านายเป็นคนหยาบคายเอาได้นะ

    กูก็ไม่ได้สนคนอื่นนี่เกือบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ทัน พอโดนดักทางเข้าหน่อยก็เป็นเสียอย่างนี้ ขอให้ได้เถียงไว้ก่อนนั่นแหละ

    นายไม่สนคนทั้งโลกไม่ได้หรอก ในอนาคตพวกเราก็ยังมีสังคมใหม่ ๆ ให้เขาไปใช้ชีวิต การที่นายเป็นตัวของตัวเองมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันก็มีผลเสียเหมือนกัน ถ้ามัวแต่คิดว่า กูก็เป็นของกูอย่างนี้ นายจะมีปัญหาเอาได้นะ

    ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่จังนะ เรื่องแค่นี้

    ปกติแล้วชานยอลไม่ใช่คนที่จะมายืนฟังใครพูด บ่น หรือสอนได้เกินสองประโยค แต่กับคิมจงอินมันผิดไปถนัดตา ตั้งแต่รู้จักกันมาอีกฝ่ายบ่นเขาเป็นสิบเรื่อง พูดอะไรที่น่ารำคาญใจเป็นสิบ ๆ รอบ แต่เขาก็ยังคงยืนฟัง อาจจะเพราะความห่วงใยที่แฝงมาในรูปประโยคเหล่านั้นก็เป็นได้

    ทีกับเรื่องฉันป่วย นายยังทำเหมือนใหญ่โต จนต้องมาหาที่บ้านตอนเช้าเลยนี่

    มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะวะ

    แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ

    ชานยอลชะงัก คำตอบน่ะเขามีอยู่แล้ว แต่ที่ไม่พูดออกไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่างหาก หนำซ้ำตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนคิมจงอินตอนอยู่ยังไงยังงั้น ไอ้คำถามธรรมดา ๆ กับรอยยิ้มซื่อ ๆ นั่นน่ะไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด

    เห็นมั้ย นายยังตอบไม่ได้เลยว่ามันต่างกันยังไง เรื่องของคนที่ชอบน่ะ อะไรมันก็ดูเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้นแหละ ใช่มั้ยล่ะ

     

     



    50 PERCENT

     

    ว่าไงนะ?”

    ชานยอลมองคิมจงอินที่ยืนพิงประตูรั้วและส่งยิ้มให้กันราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้พูดประโยคชวนน่าตกใจออกมา
    รอยยิ้มแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงชอบกลก็ไม่รู้

    อะไรกัน หูตึงชะมัดเลยแฮะจงอินยักไหล่ไม่ยี่หระกับท่าทางตื่นตกใจของปาร์คชานยอล
    เขารู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินแต่ที่ถามออกมาแบบนั้นมันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองขั้นแรกของมนุษย์เวลาได้ยินอะไรที่ตัวเองไม่คาดคิด

    มะ..เมื่อกี๊มึงพูดว่าอะไระนะ? ระ..เรื่อง เรื่องของคนที่ชอบ”  อยากจะชกหัวตัวเองเรียกสติกลับมาแต่ก็ดูจะคล้ายคนบ้าไปสักหน่อยอะไรกันวะปาร์คชานยอล พูดชัดตลอดมายี่สิบปีดันมาตกม้าตายเอาวันนี้ จงอินมองท่าทางชวนตลกนั้นจนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ให้ตายเถอะปาร์คชานยอลนี่ปาร์คชานยอลจริง ๆ เลย

    เด็กหนุ่มขยับเออกจากเสาประตูบ้านที่พิงอยู่เข้าไปใกล้และเพราะว่าปาร์คชานยอลยืนบนพื้นถนนที่ต่ำกว่าทำให้จงอินอยู่สูงกว่าขึ้นมาเล็กน้อยเขาย่อตัวลงนิดหน่อยให้ระดับสายตาเราอยู่เท่ากัน ยิ่งมองใกล้ ๆ
    หน้าตาปาร์คชานยอลนี่ตลกชะมัดเลยให้ตายเถอะ

    ฉันพูดว่า เรื่องของคนที่ชอบน่ะ อะไรก็ดูเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้นหรือนายว่ามันไม่จริง

    เสี้ยววินาทีนั้นชานยอลรู้สึกว่าเขากลายเป็นเด็กสาวที่โดนผู้ชายที่ชอบจับได้หน้าเห่อร้อนไปหมด รู้สึกว่าผมที่ตกพุ่มอยู่ ๆก็ชี้ตั้งราวกับการ์ตูนญี่ปุ่นที่ชอบดู ไอสีชมพูฟุ้งพร้อมลูกโป่งใส ๆไปรอบตัวพวกเราทั้งสองคน ก่อนที่ทุกอย่างจะหายวับไปในพริบตา

    อ๋อ ลืมไป ผู้ชายทื่อมะลื่ออย่างนายคงไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้หรอกมั้ง

    คิมจงอินนี่มันเป็นยังไงวะชอบลูบหลังแล้วตบหัวคนอืนแบบนี้ประจำเหรอ ไม่ใช่สิตั้งแต่รู้จักกันมาก็เห็นว่ามันเอาแต่ด่า ด่า และด่า เขาอยู่คนเดียวชานยอลรู้สึกเหมือนมีหินหนัก ๆ ร่วงลงมาทับหัวจนหน้าเบี้ยว รอยยิ้มสดใสของอีกฝ่ายที่เขาชอบมองก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่หลังจากที่โดนว่าว่าเป็นผู้ชายทื่อมะลื่อ

    คุณผู้จัดการทีมคนเก่งกลั้นหัวเราะจนปวดแก้มไปหมดมองนักกีฬาในความปกครองของตัวเอง(?) แสดงความรู้สึกทุกอย่างผ่านทางสีหน้าและแววตา ให้ตายเถอะปาร์คชานยอลนี่อย่าไปโกหกใครที่ไหนนะ ขายขี้หน้าเขาแย่เลย โดนจับได้ตั้งแต่อ้าปากแล้ว

    หน้าตาแบบนี้ตลกชะมัดเลยจริง ๆ

    อะไรวะ! นี่แกล้งกูเหรอ! มึงนี่มัน!!!

    พอได้ยินประโยคนั้นคนโดนแกล้งถึงกับตะโกนกับเสียงดังใบหน้ามึนงงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโมโหอย่างฉับพลัน แต่ถึงแบบนั้นคนช่างยั่วโมโหก็ไม่ได้คิดจะเกรงกลัวจงอินมีวิธีรับมือกับอารมณ์ร้อน ๆ ของปาร์คชานยอลมาตลอดนั่นแหละ

    หรือนายจะบอกว่านายเข้าใจล่ะ

    ใบ้แดก...เถียงไม่ออกไงครับชานยอลปิดปากแน่นไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เขาเข้าใจทุกอย่างที่คิมจงอินพูด เข้าใจดีด้วยซ้ำแต่ถ้าพูดออกไปว่าเข้าใจแล้วอีกฝ่ายถามกลับมาตัวเขานี่แหละนี่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรสุดท้ายพอหาคำตอบที่ไม่ฆ่าตัวตายไม่ได้ก็มาลงเอยที่การเขี่ยก้อนหินเล่น

    จงอินยังคงยิ้มยิ้ม และยิ้ม ให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลนี่ปากแข็งชะมัดเลยจริง ๆ ก็เพิ่งจะบอกไปไม่ใช่หรือไงว่ารู้สึกอะไรก็ให้พูดออกมาแล้วนี่อะไรยังไม่ทันจะขยับไปไหนอีกฝ่ายก็ลืมเสียแล้วเด็กหนุ่มมองบัดดี้ตัวสูงของตัวเองเขี่ยก้อนหินเล่นเหมือนเด็กสาวที่กำลังเหนียมอายแล้วอยากจะบอกว่ามันโคตรจะไม่เข้ากันสุดๆ แต่ก็กลัวจะทำร้ายจิตใจกันเกินไป เอาเถอะนะ จะปล่อยไปสักวันก็ได้จงอินเองก็จะคิดเสียว่าไอ้ที่รู้สึกอยู่ระหว่างเราตอนนี้มันยังไม่เป็นทางการก็แล้วกัน

    ซื่อบื้อจริง ๆ เลยคุณนักกีฬา…” จงอินยืดตัวขึ้นยืนท่าเดิมพร้อมกับที่ปาร์คชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาของตัวเองรอยยิ้มของอีกฝ่ายยังคงปรากฏอยู่เช่นเดิมทำให้คนโดนด่าว่าซื่อบื้อไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไรกลับบ้านได้แล้วมืดแล้ว ฉันเคยบอกนายแล้วไง ว่า…”

    เป็นห่วงคนอื่นน่ะห่วงได้ แต่อย่าทำให้คนที่เป็นห่วงนายเดือดร้อน กูจำได้

    ว้าว..น่าแปลกใจจัง โอ๊ยยยจงอินร้องลั่น เพราะทันทีที่เด็กหนุ่มพูดประโยคกวนประสาทจบมือของปาร์คชานยอลก็ตรงเข้าดึงหูซ้ายของเขาเล่นเอาตัวเอียงไปตามแรงดึงนั่นเลยเถอะ

    พูดมาก สมน้ำหน้าไม่ได้รำคาญอะไรหรอ ชานยอลหมั่นเขี้ยวถึงได้ดึงไปแบบนั้น เห็นคิมจงอินทำหน้ามุ่ยลูบหูตัวเองป้อย ๆ ก็รู้สึกว่ามันเป็นชัยชนะของตัวเองถึงแม้มันจะเล็กน้อยก็ตามที

    นี่นายชอบใช้กำลังแบบนี้ตลอดเลยหรือยังไงกัน

    ใช่...ยิ่งโดยเฉพาะเรื่องของมึงน่ะ

    ว้าว เก่งอย่างน่าเหลือเชื่อ

    เอาไงดี? เล่นมันเลยดีมั้ย? ชานยอลมองคนที่เปลี่ยนเป็นยืนกอดอกยักคิ้วให้ด้วยท่าทางที่น่าหมั่นไส้ขึ้นอีกสิบเท่า แต่ก็เคยพูดไปแล้วว่ามันเป็นคนเดียวที่เขาจะไม่กระทืบต่อให้กวนตีนกันขนาดไหน ไอ้ที่ถามว่าเล่นมันเลยมั้ยนี่ก็ทำเก่งอวดไปอย่างนั้นแหละ

    กลับละ คุยกับมึงมีแต่เรื่องปวดหัว

    จงอินยิ้มให้คนปากแข็งอีกครั้ง ถ้ามีแต่เรื่องปวดหัวจริงคงไม่มีใครยืนคุยกันได้นานสองนานแบบนี้หรอก ปาร์คชานยอลนี่ปากแข็งยิ่งกว่าหินจริง ๆ เลย สงสัยต้องหาอะไรมาง้างถึงได้พูดออกมาได้ เด็กหนุ่มมองบัดดี้วาดขาขึ้นคร่อมจักรยานของตัวเองที่ดูจะเต็มไปด้วยสัมภาระ ถุงรองเท้ากีฬาอยู่ที่แฮนด์ด้านซ้าย กระเป๋าเป้อยู่บนหลัง และที่ด้านขวาก็มีถุงอะไรสักอย่างแขวนอยู่ จงอินยิ้มกว้างจนกลายเป็นหัวเราะออกมา

    "ฉันอยากกินข้าวต้ม ซื้อมาแล้วก็เอาให้มาสิ"

    เด็กหนุ่มตัวสูงถึงกับชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนคนทำผิดที่โดนจับได้ ใบหูแดงก่ำจนน่ากลัวว่าเลือดทั้งตัวจะไปกระจุกอยู่ตรงส่วนนั้นหมด

    "อะไรมึง นี่ข้าวต้มแม่กู"

    "อ๋อ นึกว่านายซื้อมาฝากแต่เขินจนลืมให้เสียอีก"

    "นับวันยิ่งพูดมากนะมึง"

    รูปประโยคต่อว่าไม่ได้เข้ากันกับหน้าตาเลิ่กลั่กที่แสดงออกมาสักนิด จากที่รู้จักกันมาได้สักพักก็พอจะรู้อยู่ว่าอาการอย่างนี้คีความได้ว่าอย่างไร และจงอินก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นเมื่อถุงข้าวต้มที่แขวนอยู่ถูกยื่นมาให้จนแทบจะกระแทกหน้า เกือบจะรับเอาไว้ไม่ทันเพราะปาร์คชานยอลปล่อยมันทันทีที่และปั่นจักรยานหนีหายไปในความมืดโดยไม่หันหลังกลับมามองกันเลยสักนิด

    เอาไว้คืนนี้ค่อยโทรไปขอบคุณก็ได้

     

    ชานยอลนอนไม่มีอารมณ์ทำการบ้าน ไม่มีอารมณ์วางแผนซ้อมบาส ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์จะเล่นเกมถึงเพื่อนกำลังจะโดนป้อมยิงต่อหน้าต่อตาก็ตามที เด็กหนุ่มเอาแต่นอนก่ายหน้าผากมองเพดานห้องโล่ง ๆ แต่ในหัวกลับวนเวียนไปด้วยประโยคนั้นของคิมจงอิน

    เรื่องของคนที่ชอบน่ะ อะไรก็ดูเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้นนั่นแหละ ว่ามั้ย

    ถ้ายกขาขึ้นมาก่ายหน้าผากได้ก็คงทำไปแล้วนั่นแหละ จะตีความว่าอีกฝ่ายหมายถึงที่คอยตักเตือนทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เพราะชอบเขาก็ดูจะมั่นใจจนเกินเหตุ แต่ถ้าคิดอีกแง่มันก็หมายความได้ว่าที่เขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แสดงว่าเขาชอบมัน

    นั่นแหละ..ถ้าเป็นในกรณีหลังก็น่ากลัว

    ชานยอลรู้ตัวดี ถึงจะไม่มากเท่าที่พ่อกับแม่รู้จัก แต่อย่างน้อยความรู้สึกก็เป็นเรื่องที่จะให้คนอื่นมารู้ดีมากกว่าตัวเองไม่ได้ ดังนั้นที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างตัวเองและคิมจงอินมันแน่ชัดอยู่แล้วว่าคือชอบ ตอนแรกมันเป็นความรู้สึกสนใจ แปลกใจ ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่าย คิด พูด ทำ ไม่เข้าใจมันสักอย่าง แต่ยิ่งได้รู้จัก ได้เรียนรู้ ชานยอลกลับกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยเป็น ความเปลี่ยนแปลงในตัวเองจากระยะเวลาสองสามเดือนมานี้มันน่ากลัวเพราะรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลแค่ไหนแต่ก็ยังไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คล้อยตามได้เลย

    ถ้าเกิดอีกคนรู้ว่าเขาชอบแล้วที่ผ่านมาการกระทำทุกอย่าง คำพูดทุกคำ คิมจงอินทำไปเพราะอะไร

    ความคิดสะระตะล้านแปดวนเวียนขึ้นในหัวชนิดที่ว่าถ้าลู่หานรู้เข้าคงได้ด่าว่าเขากลายเป็นตุ๊ดยักษ์ที่ช่างคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเหล่านี้เหมือนผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่

    สำหรับชานยอลจะด่าว่า จะเกลียดกันแค่ไหนก็ไม่เคยสะทกสะท้าน บ่อยครั้งที่โดนเด็กผู้ชายโรงเรียนอิจฉาก็มีเรื่องมานักต่อนัก เขาสู้ตลอด แต่กับเรื่องนี้ ถ้าคิมจงอินเล่นกับความรู้สึกของเขามัน ชานยอลเองก็คงรู้สึกว่าตัวเองเสียศูนย์ไปมากพอสมควร

    ครืดด ครืดดด ครืดดด ครืดดด

    แรงสั่นบนโต๊ะหนังสือดึงเด็กหนุ่มออกมาจากความคิดติดลบที่วนเวียนอยู่ในหัว ชานยอลเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง ลากขาไปยังโต๊ะหนังสือที่อยู่ไม่ไกลด้วยความหมดอาลัยตายอยากก่อนจะเบิกตากว้าง ท่าทางตกใจจนเกือบเผลอทำโทรศัพท์หล่นจากมือทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนโทรมา

    ผู้จัดการทีมส่วนตัว

    ชานยอลจ้องโทรศัพท์ที่สั่นอยู่บนฝ่ามือ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยที่กำลังโดนหนุ่มที่แอบชอบกลั่นแกล้งยังไงยังงั้น สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เรียกกำลังความมั่นใจของตัวเองที่หล่นหายอยู่ทั่วห้องกลับคืนมาแล้วกดรับสาย

    เออ ว่าไง

    (จะโทรมาบอกว่าขอบคุณ)

    คิมจงอินมักจะเป็นมนุษย์ที่อยู่เหนือความคาดเดาเสมอ บางทีหมอนั่นอาจจะเป็นคนจากอีกโลกหนึ่งก็เป็นได้ชานยอลถึงไม่เคยตามทันเลยสักครั้งเดียว

    (นายยังอยู่หรือเปล่าเนี่ย เฮ้ ปาร์คชานยอล)

    “เออ ฟังอยู่”

    (นึกว่าช็อคตายไปแล้ว) แหนะ เหมือนรู้ดี

    เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ เพราะปกติคิมจงอินจะพูดธุระของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็วางสายไป แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายดูจะยังมีเรื่องต้องพูดอยู่แต่เหมือนกำลังรออะไรสักอย่าง ชานยอลก็ไม่รู้ว่าเขาต้องพูดอะไรเหมือนกัน เรื่องที่เคยคุยกันในทุกคืนก็เป็นเรื่องที่โรงเรียน ปรึกษาเรื่องทีมบาส แต่วันนี้ทุกอย่างมันว่างไปหมด

    (นี่นายกำลังคิดมากเพราะสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อเย็นหรือเปล่าปาร์คชานยอล)

    มาถึงขนาดนี้แล้ว ชานยอลก็คิดว่าควรจะถามมันให้รู้เรื่องไปเลย เพราะถ้าอะไรอะไรมันแย่อย่างที่คิดก็จะได้หักใจตัวเองเสียตั้งแต่ตอนนี้

    “ที่มึงพูดเรื่องคนที่ชอบน่ะ หมายความว่ายังไง”

    ชานยอลกำหมัดแน่นเผลอกลั้นหายใจทันทีที่จบประโยคคำถาม ได้ยินเสียงคิมจงอินทำอะไรกอกแกกมาจากปลายสายแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร เกือบจะขาดใจตายไปอยู่แล้วกว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา

    (ก่อนอื่นฉันถามนายก่อนอย่างนึง ถ้าเกิดฉันตอบอะไรไปสักอย่างที่อาจจะทำให้ได้ดีใจ หรืออาจจะทำให้นายเสียใจ นายจะรู้หรือเปล่าว่าสีหน้าฉันเป็นแบบไหน)

     เด็กหนุ่มนิ่งงัน สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นสิ่งที่ตัวเองลืมคิดถึงไปเลยจริง ๆ

    (นายคงกำลังคิดมาก คิดเท่าไรก็หาคำตอบไม่ได้ ฉันเดาว่ามันคงไม่พ้นเรื่องที่ฉันพูดไปด้วยความรู้สึกอย่างไร ใช่ไหม)

    “อืม ก็อย่างนั้นแหละ”

    (แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมนายถึงไม่เลือกจะพูดเรื่องนี้กันต่อหน้า) เหตุผลที่ชานยอลไม่พูดต่อหน้า.. (คงกำลังคิดว่าฉันอาจจะโกหกหรือแกล้งนายเหมือนอย่างทุกครั้งใช่ไหม)

    คิมจงอินจะเก่งเกินคนไปแล้วล่ะมั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าชานยอลเดาทางออกได้ไม่ยากเองด้วย

    (นี่ ปาร์คชานยอล ฉันพอจะเดาได้เรื่องที่นายกำลังคิดอยู่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตลอดเวลาที่นายรู้จักฉันมาถึงจะไม่นาน ฉันก็ไม่ใช่คนโกหกเก่งอะไรหรอกนะ)

    รู้สึกเหมือนมีอะไรใครสักคนดึงขึ้นมาจากความรู้สึกย่ำแย่ ทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดมานั้นถูกหมด แต่ถึงอย่างนั้นคิมจงอินที่ชานยอลรู้จักไม่เคยโกหกเลยแม้แต่ครั้งเดียว หมอนั่นพูดแต่เรื่องจริงเสมอ กวนตีนบ้าง ด่ากันบ้าง แต่ทุกอย่างที่หมอนั่นทำเขาไม่เคยรู้สึกว่ามันไม่จริงเลยสักนิดเดียว

    “กู..ขอโทษว่ะ ถือว่ากูไม่ได้ถามก็แล้วกัน”

    (นายใช้คำนี้ลบล้างสิ่งที่พูดไปแล้วไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าฉันโกรธหรืออะไรนะ แต่ในเมื่อนายอยากรู้เราก็ควรคุยกันต่อหน้า มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยนายก็เห็นว่าฉันพูดด้วยสีหน้ากับแววตาอย่างไร)

    “นี่มึงต้องการอะไรวะ”

    (นั่นฉันจะนับว่าเป็นพัฒนาการที่ดีแล้วกันนะที่นายบอกความรู้สึกตัวเองออกมาตรง ๆ ถึงจะผ่านทางน้ำเสียง และมันไม่ใช่ความรู้สึกดี ๆ ก็ตามที)

    เอากับมันเถอะครับ คุยกันจริงจังอยู่ก็ยังจะกวนตีนกันได้แบบนี้อีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าชานยอลผ่อนคลายลงไปมาก ตอนนี้เขากลับมานอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอีกครั้ง เพดานห้องสีขาวที่เมื่อครู่รู้สึกว่ามันคล้ำก็กลับมาสว่างเหมือนเดิม เพียงแค่ได้พูดคุยกับคิมจงอิน

    (เฮ้ เงียบไปเลย ทำไมวันนี้นายพูดน้อยขนาดนี้ เป็นเพราะคิดมากอย่างนั้นเหรอ)

    “ก็คงใช่ล่ะมั้ง” ชานยอลตอบออกไปตามจริง และได้ยินเสียงหัวเราะลอดมาทันทีที่ตอบ ขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ มันจะขำอะไรของมันนักหนาวะ กับแค่คนคิดมาก คิมจงอินนี่ไม่เคยมีความรู้สึกนี้หรืออย่างไรกัน

    (สงสัยคงต้องหาเรื่องให้นายคิดมากบ่อย ๆ จะได้พูดน้อยลงบ้าง)

    “มึงนี่เมายาใช่ไหมล่ะ วันนี้ถึงได้พูดมากกว่าปกติน่ะ”

    (ฉันพูดมาก เพราะคิดว่าฉันต้องพูด ถ้าฉันไม่พูดคืนนี้ก็คงมีคนอกแตกตายล่ะมั้ง)

    แม่นราวกับจับวาง ทั้งหลอกด่า ทั้งเรื่องจริง ตีเข้าแสกหน้าชานยอลเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่รู้จัก พูดคุย จนถึงสนิทสนมในปัจจุบัน  ชานยอลเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด ใช้เท้าเขี่ยคีย์บอร์ดที่เกะกะอยู่ปลายเตียงจนมันหล่นดังแกร๊กลงบนพื้นจากนั้นก็ค้นพบแล้วว่าตัวเองยังคงรู้สึกหงุดหงิดที่เถียงคิมจงอินไม่ได้อยู่เหมือนเดิม

    (ฉันอยากให้เราพูดคุยกันเรื่องนี้ต่อหน้า มันคงดีกว่าการคุยโทรศัพท์แบบนี้ ถึงน้ำเสียงจะหลอกไม่ได้ แต่การเห็นหน้าในขณะที่เราพูดเรื่องสำคัญมันคงดีกว่า)

    ตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ทุกทีเลยให้ตายเถอะ แล้วชานยอลก็พ่ายแพ้กับลูกไม้แบบนี้ทุกครั้ง จากที่เคยหงุดหงิด กังวลใจ คิดฟุ้งซ่านเมื่อครู่หายไปหมด เพียงแค่ได้ยินเสียงนุ่มของคิมจงอินอธิบายเรื่องนี้ออกมา

    “กูรู้แล้วหน่า”

    (ฉันหมดเรื่องจะพูดแล้ว แค่นี้นะ)

    สายตัดไปแล้วพร้อมกับคำบ่นยาวเหยียดของชานยอลที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เด็กหนุ่มเด้งตัวลุกขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา ตั้งใจว่าคืนนี้จะหวดเกมชดเชยเวลาที่เสียไปกับการคิดมากหลายชั่วโมง คีย์บอร์ดที่ถูกเตะกระเด็นเมื่อครู่ถูกจับวางกับที่อีกครั้ง ตอนนี้ชานยอลพร้อมแล้วล่ะ

    “มาเจอกัน พี่จะเป็นตีป้อมให้น้องเอง”  

     

    #ฟิควงกลมชานไค

    ตัดแค่นี้ก่อน คาดคะเนจากที่วน ๆ อยู่ในหัวแล้วคิดว่ามันคงกลายเป็นสองตอนในหนึ่งตอนแน่ ๆ ถ้าแต่งต่อ

    55555555555555 พาร์ทหลังเหมือนจะเป็นความรู้สึกชานยอลเสียส่วนใหญ่นะคะ เราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงนั้นและคิดว่ามันคงจะรู้สึกแบบนี้ล่ะมั้ง... เหมือนคนที่ชอบมาเล่นด้วยแล้วก็มาพูดอย่างนี้คงคิดมากแหละ อ้าว รู้แล้วหรอวะ รู้มาตลอดเหรอ งั้นที่ผ่านมามันจริงจังหรือมันแกล้งกันเล่นวะ อะไรทำนองนี้ แต่ก็นะ... คิมจงอินก็ยังคงเป็นคิมจงอินอยู่วันยังค่ำ

    ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่ทุกคนยังแวะเวียนเข้ามาอ่าน ทั้งคนที่อ่านใหม่ แล้วก็คนอ่านเดิมด้วย ขอบคุณทุกคำติชมทั้งในแท็กและในคอมเม้นต์นะคะ เราจะพยายามเก็บเอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้นน้า ตรงไหนผิดพลาดก็แนะนำได้ทันทีเลยไม่ว่าจะเรื่องอะไรนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ เอาล่ะ วันนึ้ดึกมากแล้วว ต้องไปแล้วว เจอกันใหม่ตอนหน้านะ พี่จะกลับมาทอปฟอร์ม!

     

    เลิ้บบบบบบบบบบบบบบบบบบ 





    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×