คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 2 : FIND 00|(sekai)
(os) [period series] season 2 : FIND 01 | (sekai)
pairing : sehun x jongin
rate : PG-15
NOTE : หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ปล.1 พาริม.... ยังยืนยัน..ว่ามันไม่ใช่ฟิคยาว
ปล. 2 มันเป็นภาคต่อของ No Title มีชื่อเรื่องแล้ว เย่!
ปล.3 ไม่ใช่ฟิคยาวจริงๆค่ะ! *หนักแน่น*
รักใดเล่า..จะเทียบเท่า รักเจ้ายอดดวงใจ..
หากชะตากำหนดเพียงเพื่อพบ
ข้าขอจบความรักในภพนี้
แม้นภพหน้าขอได้เกื้อหนุนบุญบารมี
อยู่เป็นคู่ชีวีจนสูญสิ้นดินกลบกาย.
ยามเจ้าเจ็บพี่นั้นชอกช้ำนัก
รักพี่ทำเจ้าทุกข์ตรมช่นนี้
วอนอภัยให้พี่เถิดคนดี
ดวงใจพี่เจ้าจงโปรดจดจำ
ภพนี้เราจำต้องพรากจากกันไกล
ภพหน้าไซร้พี่จักตามเจ้าไปทุกถิ่นที่
ย้ำคำรักให้หนักแน่นดังภูผา
ให้รักนี้สลักทั่วทั้งแผ่นดิน
สายลมโชยหอบเอาอากาศอบอุ่นเข้าปะทะผิวเนื้อ
เรียกรอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนพระพักตร์หล่อเหลา
วรองค์สูงโปร่งมีเพียงฉลองพระองค์เนื้อนุ่มปกคลุมร่างกายเพียงเท่านั้น
“ใยถึงชื่นชอบการชมจันทร์นักหรือกระหม่อม”
น้ำเสียงคุ้นเคยเรียกให้ผู้ที่กำลังทอดอารมณ์ไปกับความงดงามของแสงสีนวลสบายตาละกลับมาสนใจสิ่งรอบกลายอีกครั้ง
“ท่านราชเลขาชอง…” องค์ชายเซฮุนแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยให้แก่ท่านราชเลขาที่แม้จะชราวัยไปมากแล้วแต่ก็ยังคงแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันอยู่มากนัก
“มีเรื่องกลัดกลุ้มพระทัยอันใดเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะองค์ชาย”
ชองฮวาทูลถามองค์ชายรองที่ตัวเขานั้นเฝ้าถวายงานรับใช้มานานแสนนาน
ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์เห็นจะได้ องค์ชายรองเซฮุน ในองค์จักพรรดิ์ฮวาจองชิน
นับแต่จำความได้ ในทุกค่ำคืนเดือนเต็มดวง องค์ชายน้อยมักจะจับจองจันทราเสียร่ำไป
จวบจนเติบโตเข้าสู่วัยฉกรรจ์ก็ยังชื่นชอบมันมิเปลี่ยนแปลง
"เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
ทุกครั้งที่จับจ้องไปยังบนนั้น เรารู้สึกถึงใครสักคน... ใครสักคนที่เรามิเคยพบหน้า
และมิอาจล่วงรู้ว่าเขาคือใคร..” องค์ชายหนุ่มเว้นระยะไว้
ชั่วอึดใจหนึ่ง สายพระเนตรยังคงจับจ้องยังดวงจันทราที่ลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้า
“เรารู้สึก..อยู่ภายในนี้...”
ทาบพระกรบนพระอุระด้านซ้ายตำแหน่งที่ต่ำลงมานิดหน่อย...
ตำแหน่งที่แม้ราชเลขาชองมิใช่แพทย์หลวงยังรู้ดี
...ตำแหน่งของหัวใจ...
“...เรารู้สึกว่าเขากำลังมองดวงจันทร์ดวงเดียวกับเรา...”
เสียงจิ้งหรีดหวีดร้องคลอเสียงเสียดสีของใบไผ่ที่ลิ่วลู่ตามแรงลม
ขับกล่อมให้บรรยากาศท่ามกลางเรือนไผ่ล้อมนี้ช่างอ้างว้าง
เปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก แม้กระนั้นท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยวของค่ำคืนที่หนาวเหน็บ
กลับมีหนึ่งบุรุษที่ยังคงนั่งทอดอารมณ์ปล่อยความรู้สึกนึกคิดไปกับสายลมยามค่ำคืน
"ยังมินอนอีกงั้นหรือ"
“ท่านยายขอรับ”
จงอิน หันกายกลับมาหาผู้เฒ่าผู้เป็นเจ้าของเรือนไผ่ล้อม คิมนาบี
ที่ถึงแม้จะอยู่ในวัย 80 ปี
ก็ยังคงแข็งแรงเฉกเช่นเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน
หญิงชรามองเด็กชายที่เลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มรูปงามก็ได้แต่ยิ้มอย่างพึงพอใจ
คิมจงอินนั้นงามทั้งรูปกายและจิตใจเสียจนนางนึกสงสารในชะตากรรมที่เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เผชิญมา
“ทำสิ่งใดอยู่กันเล่า
เจ้าถึงไม่หลับไม่นอน” เอื้อนเอ่ยถามไถ่
น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมด้วยความห่วงใยทำให้จงอินยิ้มกว้าง
สองแขนขยับเข้าประคองร่างของหญิงสาวที่เขาเห็นมาแต่เล็กก้าวเดินหันหลีงกลับเข้าตัวเรือน
ตัดใจเสียว่าวันนี้คงมีชมจันทร์ได้เพียงเท่านี้
“ชมจันทร์อีกแล้วเช่นนั้นหรือ”
เมื่อเห็นหลานรักมิได้เอ่ยตอบ
คิมมยองอาจึงหันไปถามย้ำเสียอีกครั้งในขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวเดินกลับเข้าตัวเรือน
“ไบไม้และสายลมต่างพากันกระซิบเสียจนก้องหูข้า
ถึงผู้ที่ฝากข้อความมากับดวงจันทรา” น้ำเสียงหยอกเย้าอยู่ในทีตามมาด้วยรอยยิ้มที่หญิงชราได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
นางเลี้ยงของนางมาแต่อ้อนแต่ออกใหญ่จะมิรู้เล่า
“ท่านยายปรารถนาสิ่งใดหรือเปล่า
ใยจึงออกไปเดินตามน้ำค้างยามดึกดื่นเช่นนี้”
“ข้ามันคนชรา
นึกอยากจะชมจันทราบ้างมิได้เชียวหรือ”
“โธ่ ท่านยาย”
จงอินร้องเรียกด้วยน้ำเสียงยินยอมในวาจาหยอกล้อของบุพการี
ตั้งแต่จำความได้จงอินก็พำนักอยู่ที่เรือนไม้กลางป่าไผ่แห่งนี้ไปเสียแล้ว
มยองอามองเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนออดด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู
ใยนางจะไม่รู้เจ้าหลานชายคนนี้ชื่นชอบการชมจันทร์มาแต่ไหนแต่ไร
“เจ้าเองก็อย่าออกไปดึกดื่นนัก
น้ำค้างลงแรงเข้าจะเจ็บจะไข้เอาได้” มยองอาเตือนหลานชายที่พานางมาส่งถึงหน้าห้องนอน
แต่มีหรือเจ้าเด็กแสนดื้ออย่างคิมจงอินจะเชื่อฟัง
ยิ้มเผล่ไปเสียอย่างนั้นมิได้ตอบรับ มิได้ปฏิเสธ
แต่ในใจนั้นคิดไว้แล้วว่าจะทำอันใด
ดื้อรั้นยิ่งนัก
“เข้านอนเถิดท่านยาย
อีกสักครู่ข้าเองก็จะเข้านอนเช่นเดียวกัน พรุ่งนี้ยังต้องเข้าเมืองไปซื้อของเสียหน่อย”
“เจ้ามันดื้อดึงยิ่งนัก
รั้นนักรั้นหนามาแต่ชาติปางก่อนหรืออย่างไร”
มยองอาส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของหลานชาย
มิได้ต่อว่าอันใดจริงจังหนักหนา แม้จะดื้อรั้นไปเสียหน่อย
แต่จงอินก็ยังนับได้ว่าเป็นเด็กดี นึกสงสารโชคชะตาที่อาภัพมาแต่ก่อนเก่า
หญิงชราหันหลังให้กลับประตูไม้เฉกเช่นเดียวกับหลานชายที่ย่างเท้ากลับไปยังจุดเดิม
จันทรายังคงสว่างไสวดังเช่นในคืนข้างขึ้นที่ผ่านมา
เรือนร่างโปร่งบางที่เริ่มย่างเข้าสู่วัยหนุ่มยังคงหยัดยืนแหงนเงยใบหน้าเฝ้ามองเจ้าของฟากฟ้าในค่ำคืนนี้
ราตรีนี้ไร้ดาวพร่างพราวทว่ากลับมีแสงสีเหลืองส่องสว่างให้พื้นปฐพี
ทว่าในห้วงลึกแห่งอารมณ์นั้น ความห่วงหา เศร้าสร้อย และโดดเดี่ยว
ทับถมอัดแน่นอยู่ภายในอย่างที่มิอาจจะเอื้อนเอ่ยให้ผู้ใดเข้าใจได้
“ใยท่านถึงเศร้านักเล่าจันทรา...
“ ตัดพ้อต่อสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้า
เงยหน้าทอดมองด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าหมอง
“แล้วใยตัวข้า..ถึงได้คิดถึงใครสักคน..เสียเหลือเกิน”
ตลาดยามสายนั้นเริ่มจะคึกคักด้วยผู้คนที่พากันออกมาจับจ่ายใช้สอย
บ้างก็ซื้อหมวกฟาง บ้างก็ซื้อผักซื้อปลา บ้างหรือก็ซื้อขนม ชื่นชอบยิ่งนักยามที่เขาพบเห็นผู้คนดำเนินวิถีชีวิตในแต่ละวัน
แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็มิคิดที่จะจากไกลเรือนไม้กลางป่าไผ่ไปไหน
ที่แห่งนั้นเห็นทีจะเป็นเรือนเกิด เรือนนอน และเรือนตายของเขาไปเสียแล้ว
“ว่าอย่างไรเล่าจงอิน
แม่เฒ่ามยองอาสบายดีหรือไม่เล่า”
“นางก็ยังคงเป็นแม่เฒ่าแข็งแรงที่ชอบจับข้าตียามดื้อเช่นเดิมขอรับ”
ใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงขี้เล่น
ทำเอาหญิงสูงวัยเจ้าของร้านขายผ้าในตลาดได้แต่หัวเราะ
จงอินก็เป็นเสียอย่างนี้ล่ะนะ นิสัยน่ารัก ช่างพูด รูปหน้าหล่อเหลา ทั้งยังมีน้ำใจ
ผู้คนในตลาดต่างก็เห็นมาตั้งแต่ยังเยาว์ เด็กน้อยช่างฉอเลาะเรียกท่านยาย
ท่านยายมิหยุดหย่อน ในวันนั้น เติบโตขึ้นกลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม
ทว่านิสัยหรือก็มิเปลี่ยนแปลงสักเท่าไรนัก
“ฮืออออออออออ…...ฮื่อออออออออออ”
เสียงร้องกระจองอแงจากอีกฟากฝั่งของตลาด
เรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มทักทายผู้คนที่คุ้นเคยเบือนหน้าไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง
ยามที่เห็นว่าเด็กน้อยกำลังถูกผลักล้มลงพื้นอย่างจัง มิทันได้มีผู้ใดเอ่ยรั้ง
จงอินก็พุ่งทะยานไปอยู่ใจกลางวงอย่างรวดเร็ว
สองมือตรงเข้าโอบกอดเด็กน้อยเข้าแนบกาย ตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแก่กลุ่มชายผู้นั้น
“เขายังเด็กนัก
เหตุใดท่านจึงต้องกระทำรุนแรงเช่นนี้ด้วยเล่าคุณชาย” ชุดผ้าไหมที่สวมอยู่แสดงถึงฐานะของชายผู้นั้นอย่างชัดเจนเสียจนจงอินต้องข่มใจมิให้กล่าวคำผรุสสวาทเสียจนเกินไปนักหากเขาประสงค์จะช่วยเด็กน้อยผู้นี้
มิเช่นนั้นคงได้โดนสั่งโบยกันทั้งคู่
“เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
ริอาจโต้เถียงข้าเช่นนั้นรึ!”
สองมือโอบกอดเจ้าเด็กน้อยเข้าแนบอก
นึกกรุ่นโกรธยิ่งนักทว่าหากเขาร้อนรนเสียจนขาดสติก็จะมิเป็นผลดีต่อพวกเขาทั้งคู่
ลำพังตัวเขาโดนสั่งโบยมิกี่สิบไม้นั้นใยจะทนมิไหว แต่เด็กน้อยผู้นี้เล่า
โดนเข้าไม้เดียวก็คงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดเป็นแน่
“ขออภัยใต้ท้าว ตัวข้ามิได้โต้เถียงท่านแต่อย่างใด
หากแต่เขายังเด็กนัก ได้โปรดท่านอภัยแก่ความผิดเขาด้วยเถิด”
น้อมตัวโค้งทั้งที่ยังประเหลาะกอดปลอบเด็กน้อยที่สั่นสะอื้นอยู่แนบอก
ลูบหัวลูบหลังปลอบขวัญกันอยู่ตลอดเวลา ภาพที่ทำเอาลูกชายเจ้าเมืองมีแต่กรุ่นโกรธมากขึ้นเป็นทบทวี
จงอินมิได้สนใจในสายตาโกรธเคืองที่ส่งมาเท่าใดนัก เขามิเกรงกลัวโทษทัณฑ์
กลัวหรือก็แต่เจ้าตัวน้อยนี้จะโดนกันไปด้วยเพียงเท่านั้น
“ทหาร!!...” ส่งเสียงเรียกทหารติดตามดังก้อง
ใบหน้ายโสโอหังมิได้มีความเมตตาเลยสักนิด จงอินยังคงกอดกระชับเด็กน้อยเอาไว้มั่น รับรู้ถึงโทษทัณฑ์ที่กำลังจะมาถึง
เห็นทีคงต้องโดนท่านยายดุเป็นแน่แท้ที่กลับเรือนช้า
“จับมัน โบยตรงนี้ยี่สิบไม้”
สั่งเสียงเหี้ยมอย่างมิคิดจะปราณี ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตกอกตกใจยิ่งนัก
แต่มิมีผู้ใดกล้าหาญพอจะเข้าขัดขวาง บุตรชายท่านเจ้าเมืองที่แสนจะเกเรผู้นี้
จงอินดันเจ้าเด็กน้อยออกจากอกประคองให้ยืนขึ้น ทั้งยังยิ้มให้พลางใช้สองมือปาดน้ำตาให้ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น
“พี่ชาย...”
น้ำเสียงเล็กๆของเด็กวัยซนที่เอ่ยเรียกจงอินเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ทว่าเด็กหนุ่มกลับมิโกรธเคืองแต่อย่างใด
ทั้งยังยิ้มให้อย่างเอ็นดูเสียจนเด็กน้อยเริ่มจะเบะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
“มิเป็นไรหรอก หยุดร้องไห้เสียเถิดนะเจ้าหนู” ปาดปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่เขรอะไปเต็มแก้ม
บนใบหน้าของเด็กหนุ่มยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อย่าหันมาจนกว่าพี่ชายจะเรียกอีกครั้งนะ”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ทั้งที่มือเล็กๆก็ยังขึ้นป้ายน้ำตา ท่าทางน่าเอ็นดูเสียจนจงอินได้แต่ยิ้มขัน ลุกขึ้นยืนตามแรงที่นายทหารพุ่งตรงเข้ามาจับ
เก้าอี้ไม้ตัวยาวถูกวางลงเบื้องหน้า
ก่อนที่จงอินจะถูกจับให้คุกเข่าพาดช่วงตัวลงบนนั้น
“โบยมัน! ยี่สิบไม้!”
น้ำเสียงเด็ดขาดดังขึ้น
และในทันทีไม้ยาวหน้าสามสำหรับลงทันก็ฟาดลงเข้าเต็มแรงที่บั้นท้าย จงอินกัดฟันแน่น
เจ็บเสียจนแทบจะกลั้นน้ำตามิไหว ทว่าก็ยังมิส่งเสียงร้องขอความเมตตาช่วยเหลือ
...อึ่ก...
“หยุดก่อน!...”
น้ำเสียงตวาดกร้าว ทำให้นายทหารที่กำลังจะลงไม้นิ่งงันด้วยความตกใจ
เช่นเดียวกับลูกชายท่านเจ้าเมืองที่สีหน้าปรับเปลี่ยนแต่โดยเร็ว
ยามที่คนมาขัดการลงทัณฑ์ให้พวกคนจนชั้นต่ำของเขา
“นี่มันเรื่องอันใดกัน ถึงได้ตัดสินโทษกันเสียตรงนี้”
ชายสูงวัยในชุดผ้าเนื้อดีเอ่ยถามอย่างใจเย็น
ผิดกับอีกหนึ่งบุรุษที่ก้าวตรงไปยังผู้ถูกลงไม้อย่างรวดเร็วโดยมิได้เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น
ประคองร่างคนเจ็บให้หยุดยืนด้วยสองมือ
จงอินหลับตาแน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวดจนยืนขึ้นได้ดังเดิม
ก่อนจะสบตาเข้ากับผู้ที่ตรงเข้ามาช่วยเหลือเขาอย่างขอบคุณ
“อย่ายุ่ง! กับนักโทษของข้า!”
กิริยาก้าวร้าว ทาท่างจะพุ่งตรงเข้าหมายจะทำร้ายสองคนที่กำลังยืนอยู่เคียงข้างกัน
ทว่าก็จะงักไปเสียก่อน เมื่อแรงกดดับจากด้ามกระบี่พาดอยู่บนแผ่นอก
ร่างกายพลันสิ้นแรงไปเสียดื้อๆเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าผู้ใดมีสิทธิ์ถือกระบี่นี้
ดวงตาคมดุจับจ้องตรงมายั่งเด็กหนุ่มที่นึกคะนึงสั่งลงทัณฑ์คนอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความเกรี้ยวกราด
องค์ชายเซฮุนยืนมองอยู่ตั้งแต่ต้น ใยจะมิเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
“ไปกันเถอะ”
มิได้รั้งรอให้ผู้ใดเอ่ยความอื่น
ก็ชักชวนให้คนเจ็บที่กำลังงุนงงก้าวเดิน แต่เห็นทีจะเป็นการบังคับเสียมากกว่า
สอดแขนเข้าโอบรอบเอวประคองไว้ ออกแรงให้เดินตามกันมาดังที่ใจเขานึก
จงอินขืนตัวได้เพียงครู่เนื่องด้วยยังเจ็บอยู่มากนัก
ทว่ายามที่ก้าวผ่านเด็กน้อยที่ยืนสั่นสะอื้น กลับอดมิได้เสียจริง
“ช้าก่อน คุณชาย” ขืนกายไว้สุดแรง
ย่อตัวลงเสียจนดวงตาจับจ้องใบหน้าเล็กได้อย่างถนัดถนี่
ยกมือขึ้นปะป่ายไปตามใบหน้าเล็กอีกครั้ง
ยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยก็มิได้ต่างจากเขาสักเท่าไหร่นัก
ซ้ำยังเป็นเด็กดีเชื่อฟัง
“บ้านเจ้าอยู่ไหนเช่นนั้นหรือ”
“ข้ามิมีบ้าน...” เด็กน้อยว่าเสียงเศร้า แต่จงอินกลับนึกยินดีในอกยิ่งนัก
แม้จะเจ็บหนักตั้งแต่บริเวณช่วงสะโพก
แต่เขาก็ยังคงยองตัวลงนั่งเพื่อที่จะได้คุยกับเด็กน้อยได้อย่างสะดวก
“ไปอยู่กับพี่ชายหรือไม่เล่า”
น้ำคำชักชวนที่มิได้คาดคิด
ทำให้องค์ชายรองนึกตกตะลึงยิ่งนัก
มินึกฝันว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะชักชวนคนไม่รู้จักให้ไปอยู่ด้วยกันเสียอย่างง่ายดาย
ยังมีอยู่อีกหรืออย่างไร...บุคคลที่จิตใจดีงามเยี่ยงนี้
“ไปกันเถิด ข้ากับท่านอาจารย์ของข้าจะไปส่งพวกเจ้าทั้งสองเอง”
ตรัสด้วยสุรเสียงนุ่มทุ้มชวนให้คนฟังสบายใจ
ซ้ำยังกดพระพักตร์แก่ราชองครักษ์คู่ใจหนึ่งเดียว ให้ทำตามกระแสรับสั่งนั้น องค์ชายรองประคองร่างของคนเจ็บขึ้นอีกครั้ง
เช่นเดียวกับราชองครักษ์ที่ตรงเข้าอุ้มเจ้าเด็กน้อยเดินตามองค์ชายสูงศักดิ์อยู่เบื้องหลัง
ด้ายแดงถักทอ สอดรัดเข้าปลายนิ้ว เกาะเกี่ยวผูกมัด
ผูกสองดวงใจ ที่ร้างไกลให้บรรจบกันอีกครั้ง
กงล้อแห่งโชคชะตาหมุนเวียนขึ้นอีกครั้ง....
#FINDSEKAI
มานอนอ่อยไว้นานมาก.. มาเต็มๆตอนแล้วนะ พระเอกหล่อมาก ถึงจงอินจ๋าจะโดนโบยไปตั้งสองทีก็เถอะ
5555555555+ มันคือภาคต่อนั่นแหละ ภาคต่อช็อตฟิค จบเป็นตอนๆไป #นางยังกล้าใช้คำว่าช็อตฟิค 555555555 ภาษาอ่านง่ายขึ้นมั้ยยย หรือมันดูไม่อินไม่ใช่ภาษาพีเรียดแล้ววว ติชมได้นะคะ เราจะพยายามมมคงความเป็นพีเรียดไว้ โดยไม่ให้ภาษามันยากไป ฮื่ออออออ
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะ ที่ติดตามแล้วก็ชื่นชอบฟิคเรื่องงงนี้~~~~ เราดีใจจจจจจจ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทั้งในแท็กฟิค ทั้งในคอมเม้น อ่านแล้วสดใสมาก อ่านไปยิ้มไปเลยอ่ะ คุณมีความสุขเราก็มีความสุขนะ ขอบคุณมากๆเลยค่า ที่แวะเข้ามาอ่านกัน
ความคิดเห็น