ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) SF #พลอตชั่ววูบ | CHANKAI / SEKAI / Allcouple

    ลำดับตอนที่ #11 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 2 : FIND 00|(sekai)

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 58





    (os) [period series] season 2 : FIND 01 | (sekai)

    pairing : sehun x jongin

    rate : PG-15

    NOTE : หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน

    ปล.1 พาริม.... ยังยืนยัน..ว่ามันไม่ใช่ฟิคยาว

    ปล. 2 มันเป็นภาคต่อของ No Title มีชื่อเรื่องแล้ว เย่!

    ปล.3 ไม่ใช่ฟิคยาวจริงๆค่ะ! *หนักแน่น*





    song : Yuan Ye Original - Tang prosperity during Kai Yuan.






    รักใดเล่า..จะเทียบเท่า รักเจ้ายอดดวงใจ..



    หากชะตากำหนดเพียงเพื่อพบ  

    ข้าขอจบความรักในภพนี้

    แม้นภพหน้าขอได้เกื้อหนุนบุญบารมี  

    ยู่เป็นคู่ชีวีจนสูญสิ้นดินกลบกาย.


    ยามเจ้าเจ็บพี่นั้นชอกช้ำนัก  

    รักพี่ทำเจ้าทุกข์ตรมช่นนี้

    วอนอภัยให้พี่เถิดคนดี  

    ดวงใจพี่เจ้าจงโปรดจดจำ


    ภพนี้เราจำต้องพรากจากกันไกล 

    ภพหน้าไซร้พี่จักตามเจ้าไปทุกถิ่นที่

    ย้ำคำรักให้หนักแน่นดังภูผา 

    ให้รักนี้สลักทั่วทั้งแผ่นดิน







    สายลมโชยหอบเอาอากาศอบอุ่นเข้าปะทะผิวเนื้อ เรียกรอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนพระพักตร์หล่อเหลา วรองค์สูงโปร่งมีเพียงฉลองพระองค์เนื้อนุ่มปกคลุมร่างกายเพียงเท่านั้น

    ใยถึงชื่นชอบการชมจันทร์นักหรือกระหม่อมน้ำเสียงคุ้นเคยเรียกให้ผู้ที่กำลังทอดอารมณ์ไปกับความงดงามของแสงสีนวลสบายตาละกลับมาสนใจสิ่งรอบกลายอีกครั้ง

    ท่านราชเลขาชอง…” องค์ชายเซฮุนแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยให้แก่ท่านราชเลขาที่แม้จะชราวัยไปมากแล้วแต่ก็ยังคงแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันอยู่มากนัก

    มีเรื่องกลัดกลุ้มพระทัยอันใดเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะองค์ชาย

    ชองฮวาทูลถามองค์ชายรองที่ตัวเขานั้นเฝ้าถวายงานรับใช้มานานแสนนาน ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์เห็นจะได้ องค์ชายรองเซฮุน ในองค์จักพรรดิ์ฮวาจองชิน นับแต่จำความได้ ในทุกค่ำคืนเดือนเต็มดวง องค์ชายน้อยมักจะจับจองจันทราเสียร่ำไป จวบจนเติบโตเข้าสู่วัยฉกรรจ์ก็ยังชื่นชอบมันมิเปลี่ยนแปลง

    "เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ทุกครั้งที่จับจ้องไปยังบนนั้น เรารู้สึกถึงใครสักคน... ใครสักคนที่เรามิเคยพบหน้า และมิอาจล่วงรู้ว่าเขาคือใคร..องค์ชายหนุ่มเว้นระยะไว้ ชั่วอึดใจหนึ่ง สายพระเนตรยังคงจับจ้องยังดวงจันทราที่ลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้า

    เรารู้สึก..อยู่ภายในนี้...ทาบพระกรบนพระอุระด้านซ้ายตำแหน่งที่ต่ำลงมานิดหน่อย... ตำแหน่งที่แม้ราชเลขาชองมิใช่แพทย์หลวงยังรู้ดี

    ...ตำแหน่งของหัวใจ...

    “...เรารู้สึกว่าเขากำลังมองดวงจันทร์ดวงเดียวกับเรา...

     

     

     

     

     

    เสียงจิ้งหรีดหวีดร้องคลอเสียงเสียดสีของใบไผ่ที่ลิ่วลู่ตามแรงลม ขับกล่อมให้บรรยากาศท่ามกลางเรือนไผ่ล้อมนี้ช่างอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก แม้กระนั้นท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยวของค่ำคืนที่หนาวเหน็บ กลับมีหนึ่งบุรุษที่ยังคงนั่งทอดอารมณ์ปล่อยความรู้สึกนึกคิดไปกับสายลมยามค่ำคืน

    "ยังมินอนอีกงั้นหรือ"

    ท่านยายขอรับ

    จงอิน หันกายกลับมาหาผู้เฒ่าผู้เป็นเจ้าของเรือนไผ่ล้อม คิมนาบี ที่ถึงแม้จะอยู่ในวัย 80 ปี ก็ยังคงแข็งแรงเฉกเช่นเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน หญิงชรามองเด็กชายที่เลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มรูปงามก็ได้แต่ยิ้มอย่างพึงพอใจ คิมจงอินนั้นงามทั้งรูปกายและจิตใจเสียจนนางนึกสงสารในชะตากรรมที่เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เผชิญมา

    ทำสิ่งใดอยู่กันเล่า เจ้าถึงไม่หลับไม่นอนเอื้อนเอ่ยถามไถ่ น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมด้วยความห่วงใยทำให้จงอินยิ้มกว้าง สองแขนขยับเข้าประคองร่างของหญิงสาวที่เขาเห็นมาแต่เล็กก้าวเดินหันหลีงกลับเข้าตัวเรือน ตัดใจเสียว่าวันนี้คงมีชมจันทร์ได้เพียงเท่านี้

    ชมจันทร์อีกแล้วเช่นนั้นหรือเมื่อเห็นหลานรักมิได้เอ่ยตอบ คิมมยองอาจึงหันไปถามย้ำเสียอีกครั้งในขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวเดินกลับเข้าตัวเรือน

    ไบไม้และสายลมต่างพากันกระซิบเสียจนก้องหูข้า ถึงผู้ที่ฝากข้อความมากับดวงจันทราน้ำเสียงหยอกเย้าอยู่ในทีตามมาด้วยรอยยิ้มที่หญิงชราได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา นางเลี้ยงของนางมาแต่อ้อนแต่ออกใหญ่จะมิรู้เล่า

    ท่านยายปรารถนาสิ่งใดหรือเปล่า ใยจึงออกไปเดินตามน้ำค้างยามดึกดื่นเช่นนี้

    ข้ามันคนชรา นึกอยากจะชมจันทราบ้างมิได้เชียวหรือ

    โธ่ ท่านยาย

    จงอินร้องเรียกด้วยน้ำเสียงยินยอมในวาจาหยอกล้อของบุพการี ตั้งแต่จำความได้จงอินก็พำนักอยู่ที่เรือนไม้กลางป่าไผ่แห่งนี้ไปเสียแล้ว มยองอามองเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนออดด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู ใยนางจะไม่รู้เจ้าหลานชายคนนี้ชื่นชอบการชมจันทร์มาแต่ไหนแต่ไร

    เจ้าเองก็อย่าออกไปดึกดื่นนัก น้ำค้างลงแรงเข้าจะเจ็บจะไข้เอาได้มยองอาเตือนหลานชายที่พานางมาส่งถึงหน้าห้องนอน แต่มีหรือเจ้าเด็กแสนดื้ออย่างคิมจงอินจะเชื่อฟัง ยิ้มเผล่ไปเสียอย่างนั้นมิได้ตอบรับ มิได้ปฏิเสธ แต่ในใจนั้นคิดไว้แล้วว่าจะทำอันใด

    ดื้อรั้นยิ่งนัก

    เข้านอนเถิดท่านยาย อีกสักครู่ข้าเองก็จะเข้านอนเช่นเดียวกัน  พรุ่งนี้ยังต้องเข้าเมืองไปซื้อของเสียหน่อย

    เจ้ามันดื้อดึงยิ่งนัก รั้นนักรั้นหนามาแต่ชาติปางก่อนหรืออย่างไร

    มยองอาส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของหลานชาย มิได้ต่อว่าอันใดจริงจังหนักหนา แม้จะดื้อรั้นไปเสียหน่อย แต่จงอินก็ยังนับได้ว่าเป็นเด็กดี นึกสงสารโชคชะตาที่อาภัพมาแต่ก่อนเก่า หญิงชราหันหลังให้กลับประตูไม้เฉกเช่นเดียวกับหลานชายที่ย่างเท้ากลับไปยังจุดเดิม

    จันทรายังคงสว่างไสวดังเช่นในคืนข้างขึ้นที่ผ่านมา เรือนร่างโปร่งบางที่เริ่มย่างเข้าสู่วัยหนุ่มยังคงหยัดยืนแหงนเงยใบหน้าเฝ้ามองเจ้าของฟากฟ้าในค่ำคืนนี้ ราตรีนี้ไร้ดาวพร่างพราวทว่ากลับมีแสงสีเหลืองส่องสว่างให้พื้นปฐพี ทว่าในห้วงลึกแห่งอารมณ์นั้น ความห่วงหา เศร้าสร้อย และโดดเดี่ยว ทับถมอัดแน่นอยู่ภายในอย่างที่มิอาจจะเอื้อนเอ่ยให้ผู้ใดเข้าใจได้

    ใยท่านถึงเศร้านักเล่าจันทรา...ตัดพ้อต่อสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้า เงยหน้าทอดมองด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าหมอง

     

    แล้วใยตัวข้า..ถึงได้คิดถึงใครสักคน..เสียเหลือเกิน

     




    ตลาดยามสายนั้นเริ่มจะคึกคักด้วยผู้คนที่พากันออกมาจับจ่ายใช้สอย บ้างก็ซื้อหมวกฟาง บ้างก็ซื้อผักซื้อปลา บ้างหรือก็ซื้อขนม  ชื่นชอบยิ่งนักยามที่เขาพบเห็นผู้คนดำเนินวิถีชีวิตในแต่ละวัน แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็มิคิดที่จะจากไกลเรือนไม้กลางป่าไผ่ไปไหน ที่แห่งนั้นเห็นทีจะเป็นเรือนเกิด เรือนนอน และเรือนตายของเขาไปเสียแล้ว

    ว่าอย่างไรเล่าจงอิน แม่เฒ่ามยองอาสบายดีหรือไม่เล่า

    นางก็ยังคงเป็นแม่เฒ่าแข็งแรงที่ชอบจับข้าตียามดื้อเช่นเดิมขอรับใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงขี้เล่น ทำเอาหญิงสูงวัยเจ้าของร้านขายผ้าในตลาดได้แต่หัวเราะ จงอินก็เป็นเสียอย่างนี้ล่ะนะ นิสัยน่ารัก ช่างพูด รูปหน้าหล่อเหลา ทั้งยังมีน้ำใจ ผู้คนในตลาดต่างก็เห็นมาตั้งแต่ยังเยาว์ เด็กน้อยช่างฉอเลาะเรียกท่านยาย ท่านยายมิหยุดหย่อน ในวันนั้น เติบโตขึ้นกลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม ทว่านิสัยหรือก็มิเปลี่ยนแปลงสักเท่าไรนัก

    ฮืออออออออออ…...ฮื่อออออออออออ

    เสียงร้องกระจองอแงจากอีกฟากฝั่งของตลาด เรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มทักทายผู้คนที่คุ้นเคยเบือนหน้าไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง ยามที่เห็นว่าเด็กน้อยกำลังถูกผลักล้มลงพื้นอย่างจัง  มิทันได้มีผู้ใดเอ่ยรั้ง จงอินก็พุ่งทะยานไปอยู่ใจกลางวงอย่างรวดเร็ว สองมือตรงเข้าโอบกอดเด็กน้อยเข้าแนบกาย ตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแก่กลุ่มชายผู้นั้น

    “เขายังเด็กนัก เหตุใดท่านจึงต้องกระทำรุนแรงเช่นนี้ด้วยเล่าคุณชาย” ชุดผ้าไหมที่สวมอยู่แสดงถึงฐานะของชายผู้นั้นอย่างชัดเจนเสียจนจงอินต้องข่มใจมิให้กล่าวคำผรุสสวาทเสียจนเกินไปนักหากเขาประสงค์จะช่วยเด็กน้อยผู้นี้  มิเช่นนั้นคงได้โดนสั่งโบยกันทั้งคู่

    “เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ริอาจโต้เถียงข้าเช่นนั้นรึ!

    สองมือโอบกอดเจ้าเด็กน้อยเข้าแนบอก นึกกรุ่นโกรธยิ่งนักทว่าหากเขาร้อนรนเสียจนขาดสติก็จะมิเป็นผลดีต่อพวกเขาทั้งคู่ ลำพังตัวเขาโดนสั่งโบยมิกี่สิบไม้นั้นใยจะทนมิไหว แต่เด็กน้อยผู้นี้เล่า โดนเข้าไม้เดียวก็คงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดเป็นแน่  

    “ขออภัยใต้ท้าว ตัวข้ามิได้โต้เถียงท่านแต่อย่างใด หากแต่เขายังเด็กนัก ได้โปรดท่านอภัยแก่ความผิดเขาด้วยเถิด”

    น้อมตัวโค้งทั้งที่ยังประเหลาะกอดปลอบเด็กน้อยที่สั่นสะอื้นอยู่แนบอก ลูบหัวลูบหลังปลอบขวัญกันอยู่ตลอดเวลา ภาพที่ทำเอาลูกชายเจ้าเมืองมีแต่กรุ่นโกรธมากขึ้นเป็นทบทวี จงอินมิได้สนใจในสายตาโกรธเคืองที่ส่งมาเท่าใดนัก เขามิเกรงกลัวโทษทัณฑ์ กลัวหรือก็แต่เจ้าตัวน้อยนี้จะโดนกันไปด้วยเพียงเท่านั้น

    “ทหาร!!...” ส่งเสียงเรียกทหารติดตามดังก้อง ใบหน้ายโสโอหังมิได้มีความเมตตาเลยสักนิด จงอินยังคงกอดกระชับเด็กน้อยเอาไว้มั่น รับรู้ถึงโทษทัณฑ์ที่กำลังจะมาถึง เห็นทีคงต้องโดนท่านยายดุเป็นแน่แท้ที่กลับเรือนช้า

    “จับมัน โบยตรงนี้ยี่สิบไม้” สั่งเสียงเหี้ยมอย่างมิคิดจะปราณี ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตกอกตกใจยิ่งนัก แต่มิมีผู้ใดกล้าหาญพอจะเข้าขัดขวาง บุตรชายท่านเจ้าเมืองที่แสนจะเกเรผู้นี้ จงอินดันเจ้าเด็กน้อยออกจากอกประคองให้ยืนขึ้น ทั้งยังยิ้มให้พลางใช้สองมือปาดน้ำตาให้ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น

    “พี่ชาย...” น้ำเสียงเล็กๆของเด็กวัยซนที่เอ่ยเรียกจงอินเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ทว่าเด็กหนุ่มกลับมิโกรธเคืองแต่อย่างใด ทั้งยังยิ้มให้อย่างเอ็นดูเสียจนเด็กน้อยเริ่มจะเบะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง

    “มิเป็นไรหรอก หยุดร้องไห้เสียเถิดนะเจ้าหนู” ปาดปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่เขรอะไปเต็มแก้ม บนใบหน้าของเด็กหนุ่มยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อย่าหันมาจนกว่าพี่ชายจะเรียกอีกครั้งนะ”

    เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่าย ทั้งที่มือเล็กๆก็ยังขึ้นป้ายน้ำตา ท่าทางน่าเอ็นดูเสียจนจงอินได้แต่ยิ้มขัน  ลุกขึ้นยืนตามแรงที่นายทหารพุ่งตรงเข้ามาจับ เก้าอี้ไม้ตัวยาวถูกวางลงเบื้องหน้า ก่อนที่จงอินจะถูกจับให้คุกเข่าพาดช่วงตัวลงบนนั้น

    “โบยมัน! ยี่สิบไม้!

    น้ำเสียงเด็ดขาดดังขึ้น และในทันทีไม้ยาวหน้าสามสำหรับลงทันก็ฟาดลงเข้าเต็มแรงที่บั้นท้าย จงอินกัดฟันแน่น เจ็บเสียจนแทบจะกลั้นน้ำตามิไหว ทว่าก็ยังมิส่งเสียงร้องขอความเมตตาช่วยเหลือ

    ...อึ่ก...

    “หยุดก่อน!...”  น้ำเสียงตวาดกร้าว ทำให้นายทหารที่กำลังจะลงไม้นิ่งงันด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับลูกชายท่านเจ้าเมืองที่สีหน้าปรับเปลี่ยนแต่โดยเร็ว ยามที่คนมาขัดการลงทัณฑ์ให้พวกคนจนชั้นต่ำของเขา

    “นี่มันเรื่องอันใดกัน ถึงได้ตัดสินโทษกันเสียตรงนี้”  ชายสูงวัยในชุดผ้าเนื้อดีเอ่ยถามอย่างใจเย็น ผิดกับอีกหนึ่งบุรุษที่ก้าวตรงไปยังผู้ถูกลงไม้อย่างรวดเร็วโดยมิได้เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น  ประคองร่างคนเจ็บให้หยุดยืนด้วยสองมือ จงอินหลับตาแน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวดจนยืนขึ้นได้ดังเดิม ก่อนจะสบตาเข้ากับผู้ที่ตรงเข้ามาช่วยเหลือเขาอย่างขอบคุณ

    “อย่ายุ่ง! กับนักโทษของข้า!” กิริยาก้าวร้าว ทาท่างจะพุ่งตรงเข้าหมายจะทำร้ายสองคนที่กำลังยืนอยู่เคียงข้างกัน ทว่าก็จะงักไปเสียก่อน เมื่อแรงกดดับจากด้ามกระบี่พาดอยู่บนแผ่นอก ร่างกายพลันสิ้นแรงไปเสียดื้อๆเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าผู้ใดมีสิทธิ์ถือกระบี่นี้

    ดวงตาคมดุจับจ้องตรงมายั่งเด็กหนุ่มที่นึกคะนึงสั่งลงทัณฑ์คนอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความเกรี้ยวกราด องค์ชายเซฮุนยืนมองอยู่ตั้งแต่ต้น ใยจะมิเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง 

    “ไปกันเถอะ”

    มิได้รั้งรอให้ผู้ใดเอ่ยความอื่น ก็ชักชวนให้คนเจ็บที่กำลังงุนงงก้าวเดิน แต่เห็นทีจะเป็นการบังคับเสียมากกว่า สอดแขนเข้าโอบรอบเอวประคองไว้ ออกแรงให้เดินตามกันมาดังที่ใจเขานึก จงอินขืนตัวได้เพียงครู่เนื่องด้วยยังเจ็บอยู่มากนัก ทว่ายามที่ก้าวผ่านเด็กน้อยที่ยืนสั่นสะอื้น กลับอดมิได้เสียจริง

    “ช้าก่อน คุณชาย”  ขืนกายไว้สุดแรง ย่อตัวลงเสียจนดวงตาจับจ้องใบหน้าเล็กได้อย่างถนัดถนี่ ยกมือขึ้นปะป่ายไปตามใบหน้าเล็กอีกครั้ง ยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยก็มิได้ต่างจากเขาสักเท่าไหร่นัก ซ้ำยังเป็นเด็กดีเชื่อฟัง

    “บ้านเจ้าอยู่ไหนเช่นนั้นหรือ”

    “ข้ามิมีบ้าน...” เด็กน้อยว่าเสียงเศร้า แต่จงอินกลับนึกยินดีในอกยิ่งนัก แม้จะเจ็บหนักตั้งแต่บริเวณช่วงสะโพก แต่เขาก็ยังคงยองตัวลงนั่งเพื่อที่จะได้คุยกับเด็กน้อยได้อย่างสะดวก

    “ไปอยู่กับพี่ชายหรือไม่เล่า”

    น้ำคำชักชวนที่มิได้คาดคิด ทำให้องค์ชายรองนึกตกตะลึงยิ่งนัก มินึกฝันว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะชักชวนคนไม่รู้จักให้ไปอยู่ด้วยกันเสียอย่างง่ายดาย

     

    ยังมีอยู่อีกหรืออย่างไร...บุคคลที่จิตใจดีงามเยี่ยงนี้

     

    “ไปกันเถิด ข้ากับท่านอาจารย์ของข้าจะไปส่งพวกเจ้าทั้งสองเอง”

    ตรัสด้วยสุรเสียงนุ่มทุ้มชวนให้คนฟังสบายใจ ซ้ำยังกดพระพักตร์แก่ราชองครักษ์คู่ใจหนึ่งเดียว ให้ทำตามกระแสรับสั่งนั้น องค์ชายรองประคองร่างของคนเจ็บขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับราชองครักษ์ที่ตรงเข้าอุ้มเจ้าเด็กน้อยเดินตามองค์ชายสูงศักดิ์อยู่เบื้องหลัง

     

    ด้ายแดงถักทอ สอดรัดเข้าปลายนิ้ว เกาะเกี่ยวผูกมัด ผูกสองดวงใจ ที่ร้างไกลให้บรรจบกันอีกครั้ง

     

     

     

    กงล้อแห่งโชคชะตาหมุนเวียนขึ้นอีกครั้ง....

     






    #FINDSEKAI


     

    มานอนอ่อยไว้นานมาก.. มาเต็มๆตอนแล้วนะ พระเอกหล่อมาก ถึงจงอินจ๋าจะโดนโบยไปตั้งสองทีก็เถอะ


    5555555555+ มันคือภาคต่อนั่นแหละ ภาคต่อช็อตฟิค จบเป็นตอนๆไป #นางยังกล้าใช้คำว่าช็อตฟิค 555555555 ภาษาอ่านง่ายขึ้นมั้ยยย หรือมันดูไม่อินไม่ใช่ภาษาพีเรียดแล้ววว ติชมได้นะคะ เราจะพยายามมมคงความเป็นพีเรียดไว้ โดยไม่ให้ภาษามันยากไป ฮื่ออออออ


    ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะ ที่ติดตามแล้วก็ชื่นชอบฟิคเรื่องงงนี้~~~~ เราดีใจจจจจจจ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทั้งในแท็กฟิค ทั้งในคอมเม้น อ่านแล้วสดใสมาก อ่านไปยิ้มไปเลยอ่ะ คุณมีความสุขเราก็มีความสุขนะ ขอบคุณมากๆเลยค่า ที่แวะเข้ามาอ่านกัน



    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×