ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ (exo) : Geometry series : Circle | #ฟิควงกลมชานไค CHANKAI FT. EXO

    ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 9

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 58


    TITLE CYCLE

    PAIRING : CHANYEOL X KAI

    เวลาที่เราได้รู้จักหรือเรียนรู้ใครสักคน...มันเป็นยังไงกันนะ?”

     

     

     

    CHAPTER 9

     

    คุณนายปาร์คถึงกับประหลาดใจ ตอนที่เธอเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านแล้วพบลูกชายคนเล็กนอนขดตัวหัวยุ่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ตั้งแต่ขึ้นมัธยมตาชานยอลก็ไม่เคยหลับตรงนี้อีกเลย ต่อให้เล่นจนง่วงขนาดไหนก็จะกลับขึ้นไปนอนบนห้องเสมอ แล้วนี่มันอะไรกัน

    ชานยอล ชานยอลลูก” เขย่าแขนลูกชายเบาๆ ท่าทางสะลึมสะลือที่เห็นเป็นปกติมาตั้งแต่ยังเล็กเด็กๆ เรียกเอารอยยิ้มเอ็นดูจากแม่ได้ไม่ยาก เธอจัดทรงผมยุ่งเหยิงของลูกชายให้เข้าที่เข้าทาง ปาร์คชานยอลโตเป็นหนุ่มแล้วก็หล่อไม่แพ้พ่อเขาเลยจริงๆ 

    ครับแม่” โคตรง่วง คือความรู้สึกของชานยอลตอนนี้ กว่าจะหลับก็เล่นเอาเกือบเช้า ดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องออกไปไหนเขาเลยมีเวลานอนตื่นสายได้บ้าง ขยับตัวให้ชิดโซฟาเข้าไปอีกตอนที่เห็นแม่ยืนค้อมตัวลงมาหาแล้วยิ้มให้

    มานอนทำอะไรตรงนี้ ลูกไม่นอนโซฟามาตั้งแต่อายุ 13 แล้วนะชานยอล” เกือบจะตาสว่างตอนที่แม่ถามว่าทำไมถึงมานอนตรงนี้ จะให้บอกได้ยังไงว่ามันนอนไม่หลับ สาเหตุก็ไม่ใช่ใครหรืออะไรที่ไหนหรอก ถ้าบอกไปว่าตื่นเต้นที่คิมจงอินจะมาบ้าน ชานยอลบอกได้เลยว่าเขาต้องโดนแม่ยิ้มล้อไปอีกนานแน่

    เปล่าครับ ผมแค่เดินลงมาดูหนังแล้วขี้เกียจขึ้นห้องน่ะ” แถจนสีข้างถลอกแต่คุณนายปาร์คก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้หาความจริงอะไรจากลูกชายตัวโตของเธอมากนัก หญิงวัยกลางคนลูบหัวลูกชายคนเล็กแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางห้องครัว เพื่อจัดการอาหารเช้าสำหรับทุกคน แต่ก็มีธุระอย่างหนึ่งที่เธอนึกได้เสียก่อน

    "แล้วลูกนัดเพื่อนกี่โมงล่ะ"

    ชานยอลตีหน้ามึนใส่แม่สักพัก มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็ยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ นัดเพื่อนนัด..เพื่อน....

    คุณนายปาร์คเบิกตากว้างตามลูกชายคนเล็กก่อนที่เธอจะร้องว้ายออกมาด้วยความตกใจเมื่อตาชานยอลรีบกระโจนพุ่งผ่านตัวโตวิ่งขึ้นบันไดทีละสองขั้น แล้วตามมาด้วยเสียงตึงตังเล่นเอาปาร์คยูราลูกสาวคนโตต้องตะโกนต่อว่ากันตั้งแต่เช้า

    เจ้าพวกนี้ กี่ปีก็ไม่เคยโตเลยจริงๆ

     

    จงอินยืนพิงกำแพงบ้านหลังหัวมุมถนนที่เขากับปาร์คชานยอลนัดกันเป็นประจำ ข้างกันมีจักรยานของตัวเองพิงไว้ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างก็ใช้เลื่อนเพลงในโทรศัพท์ของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย ปาร์คชานยอลโทรมาบอกเขาว่าไม่ต้องรีบออกมาเพราะเจ้าตัวดันตื่นสาย และพึ่งจะลุกอาบน้ำ จงอินตอบไปแค่อือเท่านั้น ฟังอีกฝ่ายบ่นอีกนิดหน่อยเลยไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วก็ตัดสายไป เอายังไงดีล่ะทีนี้เล่นโทรมาบอกตอนที่เขามาถึงแล้วเสียด้วยสิ

    หลังจากยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เสียงโหวกเหวกโวยวายจากทางอีกฝั่งของมุมถนน เรียกรอยยิ้มของจงอินได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มชะโงกหน้าไปมองแล้วเกือบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ตอนที่เห็นปาร์คชานยอลปั่นจักรยานมาหน้าตั้ง ปากก็ตะโกนอะไรก็ตามที่ขวางทางอยู่บนฟุตบาธไม่หยุด  จนกระทั่งมาจอดอยู่ตรงหน้าเขานี่แหละ 

    "กูขอโทษ!..." คำแรกที่ออกจากปากของเด็กหนุ่มตัวสูงทำให้จงอินยิ้มกว้าง พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรชานยอลก็เลยถามต่อทั้งที่ยังหอบหนักอยู่ "มึงมาถึงนานยั้ง?" 

    "สักพักแล้ว ไม่เป็นไรหรอก" พอเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของปาร์คชานยอล จงอินเลยส่งยิ้มกำกับคำว่าไม่เป็นไรไปอีกสักครั้ง แต่สีหน้าของปาร์คชานยอลก็ยังดูไม่ดีขึ้นสักนิด 

    "กูขอโทษจริงๆว่ะ รอนานเลยดิ" 

    "ไม่นานเท่าไหร่หรอก.."โคลงหัวตอบพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงเดิม "แต่ถ้าเรายังยืนอยู่ตรงนี้ แม่นายต้องรอนานแน่ๆ"  จงอินจำได้ว่าปาร์คชานยอลบอกเขาเรื่องที่แม่ของอีกฝ่ายอยากเจอ ตอนที่ได้ยินเขาก็ตกใจไปพักนึงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าหมอนี่ไปพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดีหรือยังไงกันนะ 

    "เออว่ะ..แม่ทำอาหารเช้าไว้ด้วย มึงยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่มั้ย?" 

    "อื้ม ยังหรอก" นมสับปะรดที่ลงไปนอนในถังขยะนั่นไม่นับเป็นข้าวเช้าหรอก จงอินคิดในใจ เขาไม่อยากให้ปาร์คชานยอลรู้สึกผิดว่าปล่อยให้รอนานจนเขาหิวถึงมันจะเป็นเรื่องจริงอยู่นิดหน่อยก็ตามที 

    จงอินปั่นจักรยานมาตามทางแยกอีกฝั่ง จนเข้ามาถึงย่านที่มีแต่บ้านตั้งแต่หลังขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่เรียงรายอยู่เต็มไปหมด ปาร์คชานยอลอยู่ล้ำหน้าเขานิดหน่อยเท่านั้น พวกเราปั่นคู่กันไปตามทางฟุตบาธ มีบ้างที่หลบเข้าไปปั่นด้านหลัง แต่ก็แค่สักพักหมอนั่นก็จะแกล้งปั่นช้าๆ จนเขาต้องปั่นขึ้นมาเทียบคู่อีกจนได้ 

    "เบรกทำไม?"

    "จูงขึ้นไปเถอะ ปั่นขึ้นเนินมันเหนื่อย" ชานยอลหันไปตอบคำถาม หยีตามองเนินที่พวกเขาต้องปั่นจักรยานขึ้นไป ถ้าเป็นปกติเขาคงจะบ้าพลังแล้วปั่นทะยานขึ้นไปรวดเดียว แต่นี่เขาไม่รู้คิมจงอินจะปั่นเอื่อยเฉื่อยขึ้นไปไหวหรือเปล่า เพราะฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการจูงมันขึ้นไปนี่แหละ 

    "เป็นนักกีฬาเหนื่อยง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?" แดดร้อนๆ ทำให้ชานยอลหงุดหงิดง่าย เขาจิ๊ปากที่คิมจงอินดันเกิดดื้อด้านขึ้นมาเสียอย่างงั้น ชานยอลพิงจักรยานไว้กับตัวหันไปมองบัดดี้ที่ลงมาจูงจักรยานแล้วเหมือนกันก็ได้แต่ขมวดคิ้ว นี่มึงจะเถียงกูทั้งที่มึงก็ทำตามน่ะเหรอ

    "เป็นนักกีฬาไม่เหนื่อยง่ายหรอก แต่เป็นผู้จัดการทีมน่ะมีเรื่องให้เหนื่อย เพราะฉะนั้นเก็บแรงไว้เถอะ" พูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ามันมีเสน่ห์ชนิดที่ว่าสาวน้อยสาวใหญ่คงจะพากันหลงใหลกรี๊ดกร๊าดตอนที่ได้ยิน แต่ก็นั่นแหละชานยอลคงจะลืมไปแล้วมานึกออกตอนที่เห็นว่าคิมจงอินทำหน้าตายังไงใส่เขา นับถอยหลังในใจเลยเนี่ยว่าต้องโดนตอกกลับอะไรมาสักอย่าง 

    "เราไม่ได้กำลังจะไปทำรายงานกันหรือยังไง? ถึงฉันจะเป็นพวกไม่ถนัดใช้กำลังแบบนาย แต่ก็ใช่ว่าจะปั่นจักรยานไม่ได้นะปาร์คชานยอล" 

    นั่นไงล่ะ -___-!! 

    ได้แต่ทำหน้าเซ็งใส่แล้วจูงจักรยานเดินหนีแม่งให้เร็วที่สุดเป็นการเอาคืน เห็นหน้าซื่อๆแบบนั้นไม่รู้ว่าแอบหัวเราะเขาอยู่หรือเปล่าด้วยซ้ำ คิมจงอินแม่งโคตรร้ายเลยให้ตายเถอะ!! 

    จงอินเองก็ได้แต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองคุณนักกีฬาเดินจูงจักรยานดุ่มๆขึ้นเนินไปอย่างรีบร้อน ถ้าแค่หมอนั่นบอกกันดีๆว่าไม่อยากให้เหนื่อย เขาก็ไม่คิดจะกวนประสาทกลับไปหรอก แต่นี่ดันมากวนกันแบบนี้ ปาร์คชานยอลจะโทษเขาไม่ได้จริงๆ นะ

    “เฮ้! รอกันด้วยสิปาร์คชานยอล” ตะโกนออกไปแบบนั้นแล้วก็ต้องรีบวิ่งจูงจักรยานตาม เมื่อเจ้าของชื่อดันขึ้นไปจนจุดที่เป็นทางราบอีกครั้งแล้วปั่นหนีเขาต่อหน้าต่อตา จงอินชะล่าใจไปหน่อยเดียวเอง!! หมอนั่นเอาคืนเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน ไหนบอกปั่นจักรยานขึ้นเนินมันเหนื่อยไงปาร์คชานยอล!!

    “ไหนบอกว่าปั่นไหวไงครับคุณผู้จัดการ” น้ำเสียงล้อเลียนจากคุณนักกีฬาไม่ได้ทำให้จงอินที่กำลังหอบแฮ่กสนใจได้เท่าที่ควรนัก ถึงในใจจะกำลังสั่งสมความแค้นที่มีต่อปาร์คชานยอลเอาไว้ก็ตามที คอยดูเถอะหมอนี่ต้องโทษเขาเอาคืนแน่

    “ถึงบ้านนายหรือยังอ่ะ”

    “นี่ไง” เอียงหน้าไปทางด้านหลังก่อนจะหมุนตัวแล้วเข็นจักรยานเข้าไปทางประตูเล็ก จงอินทำตามอย่างไม่อิดออด เรื่องความแค้นที่มีต่อปาร์คชานยอลนั้นเก็บไว้ก่อนก็ได้ เขาไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนานนัก มันจะดูไม่ดี

    บ้านของปาร์คชานยอลไม่แตกต่างจากเขาสักเท่าไหร่นัก ตัวบ้านที่ทาสีขาวสะอาดตัดกับสีเขียวของสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี ดูท่าแล้วคุณและคณนายปาร์คคงจะชอบต้นไม้มากเลยเชียวล่ะ ปาร์คชานยอลยังคงเดินดุ่มๆตรงเข้าไปในตัวบ้าน จงอินอดแปลกใจไม่ได้เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่หมอนี่ไปบ้านเขาแล้วทำสีหน้าเหมือนไม่เคยเจออะไรแบบนี้ทั้งที่บ้านตัวเองก็ตกแต่งคล้ายกันกับบ้านเขา พวกเราจอดจักรยานไว้ในโรงจอดรถแล้วอ้อมมายังประตูบ้าน จงอินหยิบสลิปเปอร์ในตู้เก็บรองเท้ามาเปลี่ยนตามที่ปาร์คชานยอลบอกแล้วเดินเข้าไปในส่วนของห้องนั่งเล่น

    “กลับมาแล้วครับ”

    “อ้าว..มากันแล้วหรอลูก”

    จงอินโค้งหัวให้กับคุณและคุณนายปาร์คที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะเลยไปถึงผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาคล้ายกับปาร์คชานยอลไม่มีผิดเพี้ยน เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อทุกคนให้การต้อนรับเขาอย่างดี

    “นี่จงอินครับแม่ เพื่อนผมที่จะมาทำรายงานวันนี้”  ชานยอลดูจะเก้อเขินนิดหน่อยที่ต้องแนะนำเพื่อนให้แม่รู้จัก เพราะนอกจากไอ้ลู่หานกับแบคฮยอนแล้ว เขาไม่เคยให้ใครมาที่บ้านจริงๆ

    “รบกวนด้วยนะครับ” จงอินโค้งหัวให้กับผู้ใหญ่ทั้งสามคน คุณนายปาร์คยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าเพื่อนลูกชายคนนี้ดูจะขัดเขินเสียเหลือเกิน

    “ไม่ได้รบกวนหรอกจ้ะ จงอินทานข้าวเช้ามาหรือยัง ตาชานยอลตื่นสาย หิวมั้ยลูก”

    “ขอบคุณครับ ผมทานนมมาแล้วเลยไม่หิวสักเท่าไหร่”

    “มาเถอะ แม่ทำกับข้าวไว้แล้ว มาทานกัน” เธอพูดอย่างใจดีพลางหยิบหมอนบนตักวางลงกับโซฟาก่อนจะลุกขึ้นแตะไหล่เพื่อนลูกชายให้เดินตามกันเข้ามาในส่วนที่ถูกจัดไว้สำหรับทานอาหาร ชานยอลได้แต่มองตามแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆจนพ่อกับพี่สาวได้แต่พากันหัวเราะ

    “แกเป็นหมาหัวเน่าแน่ ปาร์คชานยอล!

    “เหมือนที่หัวพี่เหม็นเน่าเพราะไม่ได้สระน่ะหรอปาร์คยูรา”

    เจ้าของบ้านหัวเราะลั่น เจ้าลูกสองคนมันทะเลาะกันแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มพูดคล่อง ตอนเด็กก็คิดว่าเดี๋ยวโตขึ้นมันก็หาย แต่ที่ไหนได้ ดันกลับหนักกว่าเดิมเสียอีก ชานยอลยืนยักคิ้วให้พี่สาวจนปาร์คยูราอดใจไม่ไหวขว้างหมอนใส่ก่อนจะกระโจนเข้าดึงหูกางๆของน้องชายจนมันร้องลั่นบ้าน นั่นแหละคือความพอใจสำหรับเธอในเช้าวันนี้

    เสียงโวยวายทำเอาจงอินเลิ่กลั่กอย่างทำตัวไม่ถูก แต่คุณนายปาร์คกลับยิ้มแล้วบอกให้นั่งลงทานข้าว เขาเองก็ไม่กล้าขัดน้ำใจเจ้าของบ้านสักเท่าไหร่นัก เด็กหนุ่มยังคงโค้งหัวขอบคุณอยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งยามที่เธอตักซุปกิมจิในถ้วยมาวางไว้จงอินก็อดเกรงใจไม่ได้

    “ขอบคุณมากเลยครับ”

    “ทานเถอะจ้ะ ทานเยอะๆเลยก็ได้ เราทานเผ็ดหรือเปล่า ป้าทำอาหารไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่นัก ตาชานยอลกับพ่อของเขาไม่ทานเผ็ดน่ะ”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมทานได้ ขอบคุณมากครับ” เธอยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเด็กหนุ่มเพื่อนลูกชายก้มหัวให้เธออีกครั้ง เด็กคนนี้สุภาพ เรียบร้อย อ่อนน้อม ไม่ใช่ว่าลู่หานกับแบคฮยอนเป็นเด็กไม่ดี แต่มันไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ตาชานยอลของเธอจะรีบออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปเอานมสดแล้วรีบไปโรงเรียน จนกระทั่งตอนที่ลูกชายเข้ามาขออนุญาตไปทำรายงานบ้านเพื่อน เธอถึงได้เอ่ยปากให้ชวนอีกฝ่ายมาทำงานที่บ้านของเราแทน

    “เฮ้ย กินก่อนไม่รอกูได้ไงกันวะ”

    พอโวยวายกับพี่สาวเสร็จ ตัวเสียงดังของบ้านก็เดินมาโวยวายใส่แขกต่อเล่นเอาคุณนายปาร์คตีต้นแขนลูกชายคนเล็กให้เพลาๆเรื่องเสียงดังลงบ้าน เธอเดินไปตักซุปกิมจิเพื่อจะเอากลับมาให้ลูกชายของตัวเองแต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่า จงอินเลื่อนทั้งจานข้าวและถ้วยซุปไปอยู่หน้าตาชานยอลเรียบร้อยแล้ว

    “เอาไปก่อนดิ เดี๋ยวฉันลุกไปตักเอาใหม่”

    “มึงกินเลย แม่กูตักมาให้ใหม่แล้ว”

    พยักเพยิดไปทางด้านหลัง ให้จงอินหันไปเห็นแล้วต้องส่งยิ้มให้อีกครั้ง เมื่อคุณนายปาร์คเดินกลับมาพร้อมถ้วยซุปกิมจิและข้าวผัดอีกหนึ่งจาน

    “ไม่ต้องแย่งกันนะจ๊ะ ถ้าไม่อิ่มจงอินก็ให้ชานยอลไปตักให้นะลูก”

    “ขอบคุณมากครับ”

    คุณนายปาร์คกลับออกไปยังห้องนั่งเล่นทิ้งให้เด็กหนุ่มสองคนนั่งจัดการมื้อเช้าด้วยกัน ชานยอลเริ่มจะเข้าใจคิมจงอินอยู่บ้างแล้วว่าการกลั้นหัวเราะมันลำบากขนาดไหน สีหน้าหมอนั่นตอนที่เกรงใจแม่เขาหนักหนานั้นมันตลกมากเลยทีเดียว แน่นอนว่าท่าทางนั้นมันทำให้คิมจงอินรู้สึกอยากจะเอาพริกป่นโรยในถ้วยกิมจิของปาร์คชานยอลให้รู้แล้วรู้รอด

    “กินกันเถอะ เดี๋ยวจะได้ขึ้นไปทำงานกัน”

     

     

    50%

     

     

     "โอ้โห..." จงอินไม่ได้ร้องออกมาเสียงดังหรอกนะ แต่มันก็อดทึ่งไม่ได้จริงๆ ห้องนอนของปาร์คชานยอลใหญ่กว่าเขาเกือบเท่าตัว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่หมดไปกับการวางเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด รวมไปถึงชั้นไม้สามสี่ชั้นที่อัดแน่นไปด้วยแผ่นเกมส์ โต๊ะหนังสือรกๆกับ...

    ซีพียูที่ถูกลากมาต่อเข้ากับทีวีจอใหญ่ คีย์บอร์ดและเม้าส์ที่ถูกวางกองไว้บนโต๊ะญี่ปุ่น

    ที่เห็นตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมส์ทุกคืนนี่เล่นแบบนี้เลยหรอ? แต่ถึงจะสงสัยจงอินก็ไม่ได้ถามออกไป เขาหันไปหาเจ้าของห้องที่ยืนเกาหัวแก้เก้ออยู่ด้านหลังว่าให้นั่งตรงไหน พอเห็นว่าอีกฝ่ายชี้ไปยังเตียงที่ตั้งอยู่เกือบจะมุมห้องนั่นแหละเขาถึงเอาตัวเองไปหย่อนไว้ตรงนั้นแล้วนั่งมองปาร์คชานยอลค่อยๆไล่เก็บบรรดาของที่เกลื่อนอยู่บนพื้นเงียบๆ

    ชานยอลไม่เคยรู้สึกขายขี้หน้าเวลาเพื่อนมาบ้านเท่านี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะนอกจากไอ้แบคฮยอนกับไอ้ลู่หานแล้วไม่มีเพื่อนคนไหนได้ขึ้นมาบนห้องนอนเขา ดังนั้นคิมจงอินถือว่าเป็นคนที่สามที่ได้ขึ้นมาบนนี้ แต่ว่านี่มันใช่เรื่องหรอที่มันจะต้องนั่งมองเขาด้วยสีหน้าแบบนั้นน่ะ

    นายจะเขินแบบนี้ทุกครั้งเลยหรือเปล่า? ที่มีเพื่อนขึ้นมาพบกับห้องซกมกนี่

    มึงนี่จะเอายังไงกับกูวะ"

    ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง หลังจากก้มตัวไปรวบหนังโป๊สองสามแผนที่อยู่ใต้เตียงมาโยนลงลังกระดาษไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ชานยอลมองหน้าแขกกิตติมศักดิ์(?) ที่เริ่มกวนตีนเขาแต่หัววัน

    "ก็ไม่เอาไง" จงอินยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กวาดสายตามองไปรอบห้อง โคลงหัวสองสามทีแล้วหันกลับมามองปาร์คชานยอลที่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างเตียง  "นี่ห้องนาย จะซกมกขนาดไหนก็แล้วแต่สิถ้านายทนอยู่ได้ก็ไม่ต้องเก็บหรอก ฉันมาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ"

    =_______________=

    ไม่รู้จะหาคำไหนมาต่อปากต่อคำกับมันแล้ว  สิ่งที่คิมจงอินพูดถูกทุกอย่าง แต่ถึงเป็นแบบนั้นชานยอลก็รู้สึกว่ากำลังถูกตบหน้าด้วยสายตาและประโยคเรียบง่ายของมัน  แม่งเป็นคนน่าหงุดหงิดที่เขาไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง สุดท้ายชานยอลก็ได้แต่โครมครามระบายอารมณ์กับหนังสือเล่มหนึ่งที่ใช้ตีนเขี่ยออกมาจากใต้เตียง อะไรกันวะ กูมีหนังสือโป๊เยอะขนาดนี้เลยหรอ?

    นี่นายซื้อหนังสือโป๊ที่ออกมาทุกเล่มเลยหรือเปล่า

    อะไรขะเหี้ย!!!”  

    ตวัดตาหันไปถามเสียงขุ่น แล้วก็ต้องอุทานดังลั่นตอนที่เห็นบัดดี้หน้ามึนนั่งอยู่ที่เดิมแต่ดันเสือกห้อยหัวลงมาใต้เตียง แม่ง!! ยังมีหน้าชูหนังสือโป๊ยิ้มเผล่ให้กูอีก!!! แม่งเอ๊ยยยย นี่กูต้องมานั่งอับอายขายขี้หน้าอะไรแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันหรือออ!!

    ไปนั่งตรงนู้นไป กูจะเก็บใต้เตียง

    จงอินพยายามจะไม่เสียงมารยาทด้วยการกลั้นขำเอาไว้ เพราะถ้าเขาหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังปาร์คชานยอลคงต้องเขินจนตัวระเบิด และถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่เป็นผลดีกับเขาสักเท่าไหร่นักหรอกว่ามั้ย? เด็กหนุ่มเดินไปนั่งบนเก้าอี้ล้อเลื่อนหน้าโต๊ะหนังสืออย่างว่าง่าย มองเจ้าของห้อง ก้มๆเงยๆอยู่กับเตียงตัวเอง

    ไม่ต้องเก็บใต้เตียงก็ได้ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว

    “....”

    คนเราต้องเป็นคนซกมกให้เสมอต้นเสมอปลายสิ

    -___- คือเดี๋ยวนี้ด่ากูออกหน้าออกตาแบบนี้เลยหรอ?  ชานยอลรู้ตัวว่าโดนแกล้งอีกครั้งตอนคิมจงอินหลุดหัวเราะแล้วนั่งตัวเอนไปมาอยู่บนเก้าอี้ แม่งเป็นคนน่าหงุดหงิดที่เขาไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง สุดท้ายเลยได้แต่โครมครามลงกับข้าวของไปแบบนั้น

    นายจะโมโหแล้วระบายกับข้าวของแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้นะปาร์คชานยอล

    ให้กูหักคอมึงทิ้งมั้ยล่ะครับ คิมจงอิน

    กะเอาให้เต็มที่ว่ากูโมโหจริงๆแล้วนะ แต่ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะผิดแผนไปนิด ชานยอลรู้สึกเหมือนตัวเองโดนฟาดเข้าแสกหน้าจนลืมว่าจะทำอะไรตอนที่หันมาเจอคิมจงอินนั่งทำตาปริบๆมองเขา

    อะ..อะไร อะไร มองกูแบบนั้นทำไม!

    กว่าจะเค้นเสียงโวยวายออกมาได้ก็เล่นเอาเกือบแย่ ชานยอลเคยเจอทั้งผู้หญิงผู้ชาย ส่งสายตาออดอ้อนมาให้ก็เยอะ แต่กับไอ้หน้าซื่อๆพร้อมตาแป๋วแบบนี้เขายอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรก

    ฮ่าๆ ไม่เห็นต้องตะโกนขนาดนั้น นายตะโกนใส่ทุกคนที่มองนายแบบนี้หรือยังไงจงอินอยากหัวเราะออกมาให้ดังกว่านี้ แต่เขาคิดว่าปาร์คชานยอลต้องเขิน(?)กว่านี้แน่ ยังไงดีล่ะ จงอินก็ไม่รู้หรอกว่าเขามองอีกฝ่ายแบบไหน ก็แค่แกล้งไปตามน้ำแก้เบื่อก็เท่านั้นเอง

    มาทำงานเถอะ นี่ไง ฉันเห็นนายเปิดหน้านี้ทิ้งไว้

    จงอินหมุนเก้าอี้กลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ และนั่นทำเอาคนมีความลับอย่างปาร์คชานยอลรีบกระโจนมาหา เด็กหนุ่มหมุนเก้าอี้เสียจนคนนั่งร้องเสียงหลงแล้วจัดการดันออกไปให้ไกลคอมพิวเตอร์ของตัวเองมากที่สุด คิมจงอินนี่แม่งซนจังวะ! ซนจนน่าหักคอทิ้งจริงๆเลย!

    เฮ้ ปาร์คชานยอล นายคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไงกันใช้เท้าเบรกเก้าอี้กับพื้นแล้วหันมองหน้าบัดดี้ตัวสูงของตัวเองอย่างเอาเรื่องบอกกี่ทีแล้วไง ว่าให้ใช้สมองมากกว่าใช้กำลังน่ะ นี่ชีวิตจริงนะไม่ใช่สนามบาส

    เดี๋ยวววววววววววววววววก่อนนะ…. ชานยอลหันมายืนเท้าเอวมองคิมจงอินที่นั่งบนเก้าอี้แล้วด่าเขาชนิดที่ไม่ได้หยุดหายใจ คือมันไม่ได้ด่าหน้ามึนเหมือนครั้งก่อนๆ แต่นี่มันด่าเขา ด่ากันตรงๆเสียด้วย แล้วอะไรเรื่องที่ด่านี่ใหญ่ประหนึ่งกว่าถือปืนไปยิงพ่อมึง

    เออๆๆๆ กูขอโทษ กูแค่ตกใจ คอมกูความลับเยอะ มึงนั่งเฉยๆเป็นมั้ยวะ นั่งรอกูเก็บห้องเสร็จน่ะ

    ก็เท่านี้ ฉันแค่อยากให้นายบอกดีๆ ว่าให้ฉันทำอะไร หรืออยู่ตรงไหนในพื้นที่ส่วนตัวของนายจากสีหน้าเคร่งเครียดก็กลายเป็นยิ้มกว้าง ทำเอาชานยอลได้มองคิมจงอินด้วยอย่างไม่เข้าใจก่อนที่เจ้าตัวจะขยายความให้มันมากขึ้น พร้อมกับเดินไปนั่งบนเตียงที่ตัวเองนั่งอยู่เมื่อครู่

    นายลองคิดสิ ว่าถ้ากลับกันเป็นฉันที่ห้องรกแล้วไม่พูดอะไรสักคำ แค่ชี้ให้นายนั่งตรงไหนสักที่ แล้วให้นายมองฉันทำนู่นทำนี่กับห้องตัวเองนายจะรู้สึกยังไง

    ก็อยากช่วยดิ มาบ้านคนอื่น

    นั่นแหละ…” จงอินดีดนิ้วเป๊าะ พลางชี้มาที่ชานยอลแล้วพูดต่อฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น มันรู้สึกไม่ดีหรอกถูกมั้ย ที่จะนั่งมองเจ้าของบ้านทำนู่นทำนี่ในขณะที่ตัวเองนั่งเฉยๆ

    อื้อหือลึกซึ้งชะมัด

    ฉันไม่ได้พูดเผื่อไว้ว่านายจะให้ใครขึ้นมาบนห้อง แต่พูดถึงโดยรวม..จงอินนั่งขัดสมาธิลงบนเตียงท่าเดิม มองปาร์คชานยอลที่กำลังมองมาทางเขาเหมือนกัน

    การทำให้แขกของบ้านไม่อึดอัดก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ

    อื้อหืออีกแล้ว คิมจงอินพูดแบบนี้พร้อมทั้งปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มประจำตัวอีกแล้ว ใช่ว่าชานยอลไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้น แต่มันทำให้หัวใจเขาเต้นแรงไป มันน่าหงุดหงิด

    เด็กหนุ่มนั่งมองเจ้าของห้องที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ซักพักก่อนจะลงมือเก็บห้องต่อ แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกชานยอลไปเรื่องที่ว่า ถ้าหากเป็นคนอื่นคงจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ต้องมานั่งรออะไรไร้สาระแทนที่จะได้ทำงาน เรื่องนั้นค่อยเอาไว้ไปสอนกันทีหลังก็แล้วกัน

     


    มากูพร้อมแล้ว

    เสียงของปาร์คชานยอล ทำเอาคนที่กำลังจะวูบหลับรู้สึกตัว จงอินเงยหน้ามองทั้งที่ค่อนข้างสะลึมสะลือ แต่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะมากพอที่จะขยับตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกโต๊ะญี่ปุ่น พร้อมด้วยโน๊ตบุ๊คเจ้าปัญหาที่จงอินถูกจับเหวี่ยงออกมาจากมันเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

    ยังเหลือส่วนไหนของรายงานบ้างที่ยังไม่ได้ทำ

    พอเข้าเวลาจริงจัง ทุกอย่างก็ดูเงียบสนิท  ชานยอลขยับตัวเมื่อเห็นว่าจงอินขยับมานั่งข้างเขาเมื่อมองรูปเล่มของรายงานที่ตัดสินใจกันว่าจะนำเสนอเรื่องราวออกมาในเชิงนิตยสารท่องเที่ยวมากกว่าที่จะส่งให้เป็นรูปเล่มรายงานทั่วไป

    นายใส่คำพูดตรงนี้ไปด้วยอีกหน่อยดีมั้ยชานยอลเหลือบมองคิมจงอินยื่นหน้าเข้าใกล้จอแล้วชี้ไปที่หัวของตัวเอง มันเป็นรูปที่เขาถ่ายหมอนี่ตอนที่เรากำลังจะเดินเข้าย่านหมู่บ้านเก่าแก่ทำให้มันเหมือนเป็นป๊อปอัพขึ้นมา ได้หรือเปล่า”  

    อะ..อือ ทำได้

    รับคำไปแบบตะกุกตะกักทั้งที่เมื่อครู่นี้ก็ไม่ได้ตั้งใจฟังสักเท่าไหร่นัก ชานยอลยังคงลอบมองใบหน้าด้านข้างของบัดดี้ตัวเองที่กำลังจ้องรายงานในคอมตาไม่กระพริบ พอเขาไม่ขยับเม้าส์ตามเข้าหน่อยก็แย่งไปเลื่อนเอง มันก็ตลกดีเพราะปกติเห็นแต่มุมที่ใจเย็น ไม่ค่อยเห็นจะเอาแต่ใจแบบนี้สักเท่าไหร่เลย

    นายได้ถ่ายรูปอื่นไว้บ้างหรือเปล่า นอกจากรูปพวกที่นายบอกให้ฉันแอคน่ะจงอินหันมาถาม หลังจากที่เลื่อนดูรวมๆของรายงานเล่มนี้ อันที่จริงมันดีมากเลยล่ะ ติดที่บางรูปเขารู้สึกว่ามันยังขัดใจอยู่บ้างถึงได้หันมาถามเจ้าของกล้องว่ามีภาพอื่นอีกบ้างหรือเปล่า

    กูจะไปถ่ายรูปมึงทำไมเยอะแยะล่ะครับ คุณผู้จัดการ

    ก็แค่ตอบว่าไม่มีนี่มันยากนักหรอครับ คุณนักกีฬา

    ชานยอลยักไหล่ เขารู้สึกมีพลังขึ้นมาหนึ่งเลเวลเพราะอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง คิมจงอินแม่งต้องรู้จักการอ่อนแอซะบ้างไม่ใช่เก่งกาจไปทุกพื้นที่แบบทุกวันนี้

    ไปนั่งเล่นรอตรงนู้นก่อนไป เสร็จแล้วเดี๋ยวกูเรียกให้ดูหันหลังไปบอกคนที่กำลังนั่งหมุนเก้าอี้เล่นอย่างเบื่อหน่ายการ์ตูนบนตู้ข้างหัวนอนนั่นอ่านได้ทั้งหมด

    จงอินไม่ได้อิดออดที่จะนั่งดูต่อ เพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว เด็กหนุ่มเดินเอื่อยเฉื่อยมาหยุดอยู่หน้าชั้นหนังสือการ์ตูนที่สูงเกือบติดเพดานห้อง ไล่สายตาแล้วก็ต้องพบว่าปาร์คชานยอลก็ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสักเท่าไหร่นัก  คงต้องโน้ตเรื่องราวของคุณนักกีฬาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง

    ถ่ายรูป เล่นเกมส์ เล่นบาส ใช้กำลัง ...ล่าสุดก็อ่านหนังสือการ์ตูน

    เคาะนิ้วไปตามปกหนังสืออย่างที่ไม่รู้ว่าจะเลือกเอาเล่มไหนออกมาอ่านดี คอลเลคชั่นนารูโตะที่หยุดอ่านไปตอนม.ต้นดึงดูดความสนใจมากที่สุด แต่อีกใจก็กลัวว่าจะติดงอมแงมจนต้องเดือดร้อนเงินค่าขนมในกระเป๋าขึ้นมาอีก

    ตู้นี่ก็ของสะสมนายหรอหันไปถาม เมื่อเดินเลยจากชั้นการ์ตูนก็กลายเป็นตู้โชว์ขนาดใหญ่สองชั้น ซึ่งเต็มไปด้วย โมเดลรถ กันดั้ม หรือแม้กระทั่งฟิกเกอร์ซงโงกุน ก็ยืนรวมอยู่กับนารูโตะและผองเพื่อน

    อือ หยิบออกมาดูก็ได้" จงอินเห็นว่าปาร์คชานยอลตอบรับเขาทั้งที่กำลังจดจ่ออยู่กับตัวกราฟฟิคของรายงาน พวกฟิกเกอร์ตุ๊กตายังไม่น่าสนใจเท่ากับหีบสมบัติที่เขาจำได้ว่ามันมาจากวันพีซ เด็กหนุ่มหยิบมันออกมาเอียงซ้ายเอียงขวาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะหันไปถามเจ้าของห้อง

    "อันนี้ฉันดูได้มั้ย"

    "อือ ดูไปเถอะ"

    พอปาร์คชานยอลอนุญาตจงอินก็ไม่รอช้าที่จะเปิดดู เขาอยากรู้ในหีบสมบัติของกัปตัน(?)มีอะไรอยู่ สีหน้าลุ้นระทึกราวกับเด็กที่กำลังคิดอยู่จริงๆว่าในนั้นจะมีสมบัติของกัปตันอยู่หรือเปล่า แต่..

    หือ? ภาพถ่าย? ของเขา?

    จงอินขยับกลับมานั่งขัดสมาธิบนเตียงจ้องหีบสมบัติกัปตันสลับกับปาร์คชานยอลที่กำลังตั้งใจทำรายงานให้เสร็จภายในวันนี้ ความสงสัยทำให้เขาหยิบปึกรูปถ่ายทั้งหมดออกมาดู แต่ยิ่งสลับรูปไปหลังๆรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น กว้างขึ้น

    "นี่ ปาร์คชานยอล..." ส่งเสียงเรียกเบาๆแต่มันก็ทำให้คนที่นั่งห่างออกไปได้ยิน เจ้าของห้องยืดตัวจากอิริยาบถที่ทำอยู่แต่ก็ยังไม่ได้หันมามองเขาโดยตรงรูปนี้นายถ่ายที่ไหนหรอ?”

    กึก

    ชานยอลชะงักตอนที่ได้ยินคำถามของคิมจงอิน เด็กหนุ่มตัวสูงภาวนาในใจว่าที่บัดดี้ของตัวเองถามคงจะไม่ใช่รูปถ่ายที่ว่า แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาไม่ค่อยจะเข้าข้างเขาสักเท่าไหร่นัก

    นี่มันเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วไม่ใช่หรอปาร์คชานยอล

    รอยยิ้มล้อเลียนมาพร้อมกับน้ำเสียงรู้ทัน ชานยอลรู้สึกว่าเขากลายเป็นเด็กทันทีที่หันมาแล้วเจอกับคิมจงอินที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมความลับของเขาทั้งหมด ในมือของอีกฝ่ายมีรูปถ่ายโพลารอยด์ปึกขนาดย่อมกำลังโบกไปมาต่อหน้าต่อตาเขา

    นี่เป็นรูปตอนที่ฉันนั่งรอนายซ้อมกีฬาค่อยๆเบิกตากว้างตอนที่คิมจงอินยกรูปออกมาโชว์ทีละใบ

    ไอ้

    แล้วไหนนายบอกว่าตอนไปเที่ยวกันไม่ได้ถ่ายไว้ไง

    เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

    จับได้แล้ว...ปาร์คชานยอล

    เอ๊ยยยยยยยยยยยยย




    #ฟิควงกลมชานไค

    หวายหวาย โดนจับได้แล้วเอ่าะ ชานยอลลลลล 

    หายไปนานเลยขอโทษด้วยนะคะที่พึ่งกลับมา พึ่งจัดการอะไรหลายๆอย่างผ่านไป แต่ก็ยังไม่มีอะไรเสร็จสักอย่างเลย T___T ขอโทษถ้าภาษามันมีแปลกๆไปบ้างนะคะ เราสารภาพเลยว่าลืม.. ไอ้ที่จดไว้ก็หายไปด้วย.. 


    CR.SQW

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×