คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : (OS) #พลอตชั่ววูบ 02 | [period series] Season 1 : No Title PART III |(sekai)
(os) [period series] notitle05 PART III | (sekai)
pairing : sehun x jongin
rate : PG-15
NOTE :: มันหนักอกระทมทุกข์จนหน่วงใจ
ปล. ยังยืนยัน..ว่ามันไม่ใช่ฟิคยาว #ห้าตอนละเธอ
รักใดเล่าจะเทียบเท่ารักเจ้า...ดวงใจ
ใยท่านถึงใจร้ายมากเพียงนี้ กล้าดีอย่างไรทิ้งข้าไว้เบื้องหลัง...
คำสัญญาในค่ำคืนสุดท้าย มิมีความหมายเลยเช่นนั้นหรือ...
ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายห้าแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างร่วมกันไว้อาลัยต่อองค์ชายจอมทัพแห่งโซชอนฮวา ความเศร้าเกาะกินตำหนักฮิเมะเสียจนผู้ที่มาเยือนยังรู้สึกได้.. องค์ชายชานยอลยกมือห้ามปรามนางกำนัลที่กุลีกุจอจะตรงเข้าไปรายงานแก่ผู้ที่ขังตัวเองอยู่ในห้องทรงอักษรของเจ้าของตำหนักมาห้าวันห้าคืน
....ห้าวันห้าคืน นับตั้งแต่ข่าวการจากไปสดับถึงหูของคิมจงอิน....
....ห้าวันห้าคืน ที่บัณฑิตหนุ่มเก็บตัวอยู่เพียงแต่ในห้องทรงอักษร....
มิรับข้าวปลาอาหารจากผู้ใดทั้งสิ้น อาการช่างน่าห่วงยิ่งนัก ครั้งสุดท้ายที่องค์ชายชานยอลทอดพระเนตรเห็นคือ ภาพที่คิมจงอินเดินสะโหลสะเหลเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ถ้อยวลีสุดท้ายที่ชายผู้นั้นได้เอื้อนเอ่ยเป็นคำร้องขอจากพระองค์คือ
....." ขอกระหม่อมอยู่คนเดียวเถิดพะย่ะค่ะองค์ชาย".....
ทว่าเวลาหลายวันกับข่าวคราวที่เหล่านางกำนัลประจำตำหนักได้แวะเวียนกันไปกราบทูลทำให้องค์ชายสองนั้นเพิกเฉยมิได้ วาจาสัตย์ที่ได้ให้ไว้ต่อผู้จากไปว่าจะดูแล'คนของเขา' ให้เป็นอย่างดี ทำให้องค์ชายสองจำต้องละเลยต่อคำร้องขอนั้น พยักหน้าให้ทหารเปิดประตูห้องทรงอักษร ภาพที่ปรากฏอยู่ในสายพระเนตรช่างน่าสะเทือนใจยิ่งนัก
"จงอิน...เจ้า..."
แม้นว่าพระองค์จะจับดาบทำศึกมาหรือก็มากสนามรบ หลายต่อหลายครั้งที่ต้องเห็นชาวบ้านตาดำๆคร่ำครวญร่ำไห้ถึงผู้ที่จากไป ความเจ็บปวดแสนสาหัส เสียงกรีดร้องกอดร่างที่ชุ่มโชกด้วยเลือดแต่กลับไร้วิญญาณ ทว่าความเจ็บปวดของคิมจงอินนั้นมิได้ส่งเสียง หากแต่มันรุนแรงเสียจนผู้พบเห็นแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้มิอยู่
จงอินนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะไม้ในส่วนของพื้นที่ต้อนรับ เบื้องหน้าคือชุดสำรับพร้อมด้วยกาน้ำชาที่เย็นชืด ดวงตาบวมช้ำแดงก่ำ แววว่างเปล่าล่องลอยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆในห้วงนั้น สองแขนโอบกอดฉลองพระองค์สีฟ้าอ่อนขลิบขาวปักดิ้นเงินสลับลายสีเทา มิต้องเอ่ยปากถามก็รับรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ องค์ชายชานยอลรีบรุดก้าวเข้าไปประทับเคียงข้าง หันไปรับสั่งอย่างเด็ดขาดกับนางในประจำตำหนักให้เปลี่ยนสำรับพร้อมกาน้ำชามาเสียใหม่ เสื้อคลุมเนื้อดีถูกปลดจากพระวรกายก่อนจะแผ่คลุมร่างที่นั่งนิ่งราวกับไร้วิญญาณ
"องค์ชาย..." เมื่อไออุ่นเข้าเกาะกุมจงอินก็หลุดออกจากภวังค์นั้น น้ำเสียงแหบแห้งเสียจนองค์ชายสองต้องเร่งให้คนนำน้ำชาอุ่นๆมาถวายแต่โดยเร็ว พระทัยแข็งแกร่งดั่งหินผาขององค์รัชทายาทนั้นสั่นคลอนยามที่เห็นริมฝีปากที่เอื้อนเอ่ยนั้นแห้งผากถึงเพียงไหน พระองค์มิเคยเชื่อมั่นในรักจนกระทั่งได้พบคนทั้งคู่ และยามนี้ พระองค์ทรงเชื่อมั่นมันเสียจนหมดพระทัย
จอมทัพร้างลาไกล จอมใจไร้ซึ่งชีวี
"ใยจึงปล่อยให้ร่างกายอ่อนระโหยโรงแรงถึงเพียงนี้ เจ้ามิรักตัวกลัวตายเลยเช่นนั้นหรือ" นึกดุด้วยสุรเสียงที่ทรงกริ้วโกรธา ทว่าจงอินก็ยังคงแย้มยิ้มได้เช่นเก่า รอยยิ้มที่มีเพื่อยิ้มหยันให้กับตัวเอง รักตัวกลัวตายหรือ? จะต้องกลัวไปใยในเมื่อ'หัวใจ' เขาตายจากไปนับตั้งแต่องค์ชายเซฮุนสิ้นพระชนม์
"จิบน้ำชาเสียหน่อยเถิด ริมฝีปากเจ้าแห้งผากใกล้ปริแตกแล้ว" สุรเสียงที่เคยเข้มแข็งบัดนี้กลับอ่อนโยน อ้อนวอนให้ผู้ที่ซึมเศร้าตรอมตรมยอมจิบแม้เพียงน้ำไม่กี่หยด นึกสงสารจับใจยิ่งนัก พระองค์รับปากองค์ชายห้าไว้แล้ว หากศึกนี้ตัวพระอนุชามิได้เสด็จกลับมา องค์ชายสองจะทรงรับคนในตำหนักไว้ในปกครองทั้งหมด
...รวมถึงคิมจงอินด้วยเช่นเดียวกัน...
ขอบตาแดงช้ำทอดมองบุรุษแห่งราชสำนัก ว่าที่พระราชาองค์ต่อไปประทับอยู่เบื้องหน้า นึกขอบพระทัยเป็นล้นพ้นในความห่วงใยที่ทรงมีให้ จงอินค้อมหัวลงอย่างนอบน้อม สองมือกำชุดในอ้อมอกแน่น ดวงตาเริ่มแดงช้ำอีกครั้ง ยิ่งองค์ชายสองปรากฏพระองค์เบื้องหน้าเช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ความเป็นจริงให้ชัดเจน
‘ดื่มเสียหน่อยเถิดคนดี’
ราวกับเสียงกระซิบแว่วผ่านโสตประสาท จงอินยกยิ้มอย่างอ่อนแรงเสียเหลือเกิน นึกกับตัวเองว่าหูแว่วถึงเพียงนี้เชียวหรือ
‘จิบน้ำชาสักนิดเถิดคนดี..พี่ขอร้อง’
เพียงได้ยินซ้ำสองเท่านั้น นัยน์ตาแดงช้ำที่เคยเลื่อนลอย กลับเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เหลียวกายหันมองโดยรอบด้วยความหวังจะได้พบหน้าเจ้าของน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับสายลมเมื่อครู่นี้ ทว่าก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า สองมือกำฉลองพระองค์สุดท้ายแน่นหนา สองตาคลอคลองด้วยน้ำใส อาการที่องค์ชายสองทอดพระเนตรมองด้วยความไม่เข้าใจ ทว่าเมื่อร่างโปร่งยอมรับถ้วยชาอุ่นๆไปจากพระหัตถ์ขึ้นจิบ เพียงเท่านั้นก็ทำให้ใครต่อใครต่างใจชื้นขึ้นมาบ้าง
"ปรารถนาจะทานสิ่งใดหรือเปล่าเล่า เจ้าต้องกินเข้าไปเสียบ้าง"
เมื่อเห็นว่ายอมทานน้ำชาจึงรีบไต่ถามถึงข้าวปลาอาหารเสียทันที องค์ชายสองขยับพระวรกายเข้าใกล้ร่างที่ดูจะผอมบางลงไปกว่าเดิมมากนัก ฝ่าพระหัตถ์ยกขึ้นแตะเรือนผมสีดำขลับด้วยความสงสารจับใจยิ่งนัก จงอินเพียงแค่นั่งนิ่งและพยักใบหน้ารับเพียงเท่านั้น ทว่าองค์ชายสองก็รีบรับสั่งให้คนยกสำรับอาหารอ่อนเข้ามาโดยเร็ว
"ทานสักนิดเถิด ของโปรดเจ้าทั้งนั้น"
สุรเสียงทุ้มต่ำเรียกให้สายตาหันหลับมาสนใจอาหารมากมายหลากชนิดเบื้องหน้า น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปเสียแล้วกลับเอ่อคลอจนล้นไหลรินลงอาบสองข้างแก้มอีกครั้ง ร่างกายสั่นสะท้านราวกับจะแหลกสลายลงเป็นผุยผง
....ท่านมันคนใจร้ายนัก ทิ้งข้าไปไกล แล้วใยจึงทิ้งความห่วงคะนึงไว้ด้วยอีกกัน....
ตัดพ้อเขาอยู่ในอกทว่าเสี้ยวนึงก็ยังคงรับรู้ว่าพี่เขาห่วงถึงเพียงไหน
"หยุดร้องเถิดจงอิน เจ้าร้องมามากเกินไปแล้ว"
มิเคยตรัสด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเช่นนี้กับผู้ใด ทว่ายามนี้พระองค์กลับละทิ้งซึ่งความหยิ่งผยองในสายเลือดลง เหลือเพียงความห่วงใยจากใจจริงต่อคนรักของน้องชายผู้ซึ่งจากไกล คำสัตย์ที่เคยให้ต่อกันไว้ทำให้พระองค์หดหู่พระทัยยิ่งนักยามที่เห็นว่าคิมจงอินเป็นเช่นไรในยามนี้
ฝ่าพระหัตถ์ที่มักจับต้องแต่พู่กันเอื้อมแตะเข้าบนดวงหน้าเนียน ปลายนิ้วชี้ปาดเช็ดหยดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอย่างเชื่องช้า และอ่อนโยน จงอินหลุบสายตามองฝ่าพระหัตถ์ที่อยู่ใกล้ชิดใบหน้า มันทั้งนุ่มนวลและสัมผัสได้ ทว่าอย่างไรเสียเขาก็คิดถึงมือคู่นั้น ฝ่ามือคู่ที่หยาบกร้านจากการจับดาบ แต่กลับเป็นฝ่ามือคู่ที่อ่อนโยนที่สุดสำหรับจงอิน
"หากเจ้ารักเซฮุน ก็จงรักตัวเองด้วยเถิดจงอิน... ร่างกายของเขาจากไกล ทว่าส่วนหนึ่งของเขายังอยู่กับเจ้านะจงอิน"
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่องค์ชายห้าจากไกล ที่แววตาของคิมจงอินกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง ดวงตาแดงช้ำจ้องมองพระพักตร์ขององค์ชายชานยอลด้วยความสงสัยในเนื้อความของพระองค์ยิ่งนัก
องค์ชายสองทอดพระเนตรจงอินด้วยความรู้สึกใจชื้นเมื่อร่างโปร่งเริ่มมีการตอบรับ พระหัตถ์ซ้ายเลื่อนลงกุมฝ่ามือที่จับกำฉลองพระองค์ของพระอนุชาออกแรงบีบแผ่วเลาให้ผ่อนคลาย
"ดวงใจของเซฮุนอยู่กับเจ้า เจ้าคือดวงใจของเขา เป็นเข้าคนเดียวตลอดมา และตลอดไป เจ้าสัมผัสเขาได้ที่ในนี้..."
พระหัตถ์ขวาเลื่อนขึ้นแตะสัมผัสบริเวณแผ่นอกด้านซ้ายแนบประทับลงไป ย้ำน้ำคำให้คิมจงอินได้สดับรับรู้ ในพระทัยนึกกระหวัดถึงพระอนุชาอยู่มิใช่น้อย
'เห็นหรือไม่เล่า คนของเจ้าดื้อดึงถึงเพียงใด'
ทว่าสิ่งที่ทั้งสองคนมิสามารถรับรู้ได้ คือเงาร่างโปร่งแสงของบุรุษผู้หนึ่งซึ่งจากไกลกำลังทอดสายตามองร่างของคนรักด้วยแววที่ทุกข์ระทมไม่ต่างกัน
หวง..แสนหวง
ห่วง...แสนห่วง
รัก...แสนรัก
ได้แต่ฝากคำขอโทษผ่านสายลม ให้ช่วยโอบกอดเจ้าดวงใจ ได้แต่ฝากฝังพระเชษฐาที่ไว้วางพระทัยให้ดูแลหัวใจที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้
ช่างเป็นค่ำคืนที่หนาวเหน็บยิ่งนักสำหรับจงอิน ห้องกว้างที่เคยสว่างไสวด้วยแสงเทียน เนื่องด้วยเจ้าของต้องทรงงานเสียจนดึกดื่น แต่ก็มิได้โดดเดี่ยว คนข้างกายที่ครอบครองพระทัยดวงเดียวของจอมทัพแห่งโชซอนฮวา ยังคงเคียงข้าง นั่งทำงานอยุ่ด้วยกันที่อีกฝั่งโต๊ะ ทว่าเวลานี้ห้องทรงอักษรกลับเงียบกริบ มืดหม่นและอ้างว้าง
เรือนกายผอมบางหลับใหลอยู่บนตั่งเตียงด้านใน สองมือยังคงมิละทิ้งจากฉลองพระองค์สุดท้าย ใบหน้าแนบซบอยู่บนผืนผ้าบริเวณแผ่นอก สองมือยังคงลูบไล้เนื้อผ้าอ่อนนุ่ม ความอบอุ่นในค่ำคืนสุดท้าย สุรเสียงนุ่มทุ้มที่แว่วดังอยู่ชิดใบหู ความอบอุ่นของเรือนกายที่แนบชิดกัน ลมหายใจ... ลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่ทั่วทั้งร่างกายตลอดค่ำคืน...
หยดน้ำตาไหลรินลงอีกครั้ง...
เมื่อไม่กี่ราตรีนี้.. ท่านยังตระคองกอดข้าอยู่ตรงนี้
เมื่อไม่กี่ราตรีนี้.. ท่านยังคงพร่ำคำรักอยู่กับข้าอยู่ตรงนี้
เมื่อไม่กี่ราตรีนี้.. ข้ากับท่าน..ยังคงอยู่เคียงข้างกัน...
กึก...
สัมผัสอบอุ่นที่ไล้อยู่บนใบหน้า ทำให้ทุกอย่างชะงักงัน จงอินเบิกตาค้าง ทว่ากลับไปกล้าเหลียวหลังมอง สัมผัสฝ่ามือที่แตะไล้เช็ดรอยน้ำตา ช่างคุ้นเคย... เหมือน...เหมือนใครบางคนที่จากไกล...
"หยุดร้องเถิดคนดี ใจพี่ปวดร้าวเสียเหลือเกิน"
ถ้อยประโยคอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่แสนเจ็บปวด ยังมิสามารถเรียกหยาดหยดน้ำตาให้ไหลรินได้เท่ากับไออุ่นที่โอบกระชับ ร่างโปร่งสะอื้นฮักเสียจนแทบจะหมดลมหายใจ สองข้างแก้มเต็มไปเปรอะไปเสียหมด นึกโกรธยิ่งนักที่มองภาพเขาไม่ชัด แต่ทว่าใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าหากมองเห็นชัด ทุกอย่างจะกลายเป็นภาพลวงตา
"จงอิน..."
"ท่านมันคนผิดสัญญา"
"พี่ขอโทษ..."
"พระองค์ ทรงให้คำสัตย์ว่าจะกลับมา แล้วเหตุใด.. เหตุใดกัน..."
เป็นอีกครั้งที่จงอินร่ำไห้ ทว่ามิใช่ร่างโปร่งคนเดียวที่เจ็บปวด องค์ชายเซฮุนเองก็เจ็บลึกในพระทัยมิต่างกัน เวลาของเขาใกล้หมดลงไปจริงๆเสียแล้ว บ่วงเดียวที่หลงเหลืออยู่บนภพนี้คือคนตรงหน้า เจ้าดวงใจที่เขารัก เขาหวง เขาห่วงยิ่งกว่าใคร
"ชู่ว... คนดี... พี่ขอโทษ คนดี หยุดร้องเถิด"
สองแขนโอบกอดปลอบประโลมเท่าที่จะทำได้ เขาอ่อนล้ายิ่งนักในเวลานี้ ทว่าหากจงอินยังเป็นอยู่เช่นนี้ เซฮุนก็มิสามารถไปไหนได้ด้วยเช่นเดียวกัน ตระคองกอดให้คนที่ลุกขึ้นนั่งล้มตัวลงนอนก่อนจะสอดกายเข้าใต้ผ้าห่มผืนอุ่นด้วยกัน รั้งเรือนร่างที่ห่วงหาเข้าชิดแนบพระอุระ ถ่ายทอดอ้อมกอดสุดท้าย ให้แก่เจ้าดวงใจ
"นอนเสียเถิดคนดี คืนนี้พี่จะขับกล่อมเจ้าเอง"
ราวกับมีมนต์สะกดในวลีนั้น ความง่วงงุนเข้าครอบงำคนที่อยากฝืนกายเอาไว้ยิ่งนัก จงอินมิอยากที่จะเข้าสู่นิทราเลยสักเพียงนิด กังวลหวาดกลัว ถึงจะรู้อยู่เต็มอก ทว่าเขาก็มิอยากละสายตาจากสิ่งที่สัมผัสได้อยู่เบื้องหน้า ทว่าสุดท้ายแล้วเปลือกตาก็ปิดลงอย่างเชื่องช้า ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่นที่คุ้นเคย
เซฮุนทอดมองคนที่เข้าสู่ห้วงลึกของความฝัน ริมฝีปากหยักยกแย้มพระสรวลออก ขับให้พระพักตร์ที่แม้จะขาวซีดทว่าก็ยังคงความหล่อเหลาไว้มิมีเปลี่ยน ทอดพระเนตรมองดวงใจของเขาหลับสนิทที่ในช่วงหลายวันคืนก็นึกเบาพระทัย ริมฝีปากแต้มจูบลงอีกครา จันทราขึ้นอยู่กลางค้างฟ้า เวลาของเขาในภพนี้สูญสิ้นแล้ว เรือนกายที่เคยเป็นเนื้อหนังค่อยๆจางลงเบาบาง ทว่าสุรเสียงนุ่มทุ้มยังคงสั่งเสียสิ่งสุดท้ายให้แก่ผู้ที่กำลังนอนหลับฝันดี
"พี่มิขอให้เจ้าลืมรักพี่ แต่ภพนี้เรามิอาจได้เคียงคู่ รักเขาเถิดหากเขาเคียงข้างเจ้าได้...."
"แลจดจำรักเราไว้ในก้นบึ้งของความทรงจำ"
#พลอตชั่ววูบ
องค์ชายเพคะ T___________________________T
เศร้าใจหนักหน่วงมาก... อ่านแก้เหงากันนะะะะ คิดถึงทุกคน เด็กดีเป็นอะไรไม่รู้อ่ะ เหมือนกับว่ามันให้เราอัพฟิคได้วันละเรื่อง..
ความคิดเห็น