ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ ::: 成長 seichō ::: CHANKAI FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #6 : 果報 Kahō :: CHAPTER 05

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 57


     

    果報 Kahō
     

     

     

     

     

     

    ตกลงปาร์คชานยอลกับอู๋อี้ฟานนี่หนาวไม่เป็น?

    จงอินมองหน้าผู้ชายตัวสูงๆสองคนที่พากันขี่มอเตอร์ไซด์สี่สูบสีดำและสีแดงคันใหญ่ออกมาจากด้านในโรงเรียน ทั้งๆที่ใส่เพียงแค่แจ็คเก็ตหนังตัวเดียวเท่านั้น โอเคถึงมันจะหล่อ เท่ห์ สาวกรี๊ดหูจะแตกก็ตามที แต่สภาพอากาศ 9 องศามันไม่เหมาะกับมอเตอร์ไซด์เลยจริงๆ ให้ตายเถอะแล้วยังจะมาจอดขนาบข้างตรงเขาเรียกความสนใจจากคนทั้งโรงเรียนอีก สองคนนี้นี่ทำอะไรเงียบๆกับเขาเป็นมั้ย?

     

    “ขึ้นรถ”

     

    “ผมหนาว”

     

    “ทำไมชอบเถียงนักวะ” ชานยอลพูดเปิดกระจกหมวกกันน็อคออกมาพูด ถึงจะเห็นกันแค่สายตา จงอินก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะขุ่นเคืองใจไม่น้อย หันไปมองคริสที่ตอนนี้จอดมอเตอร์ไซด์นิ่งๆแล้วก็ต้องถอนหายใจหันกลับมามองชานยอลอีกครั้ง ถอนหายใจให้เห็นกันชัดๆว่าจงอินเหนื่อยใจแค่ไหนกับผู้ชายสองคนนี้ แต่ทว่าปาร์คชานยอลก็ดูจะไม่สนใจ เจ้าตัวยังคงจอดรถอยู่แบบนั้น มือใหญ่บิดแฮนด์เร่งเครื่องให้เป็นเชิงเร่งให้จงอินอีกครั้งจนร่างโปร่งต้องจำยอม

     

    ขาเรียววาดผ่านสี่สูบคันสูงอย่างง่ายดาย กลายเป็นว่าเสียงซุบซิบดังขึ้นขนาดที่ว่าเสียงรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สองคันนี้ยังปิดไม่มิด คิมจงอินนึกกร่นด่าตัวเองในใจว่าทำไมต้องมานั่งจำยอมเป็นเบี้ยล่างให้ปาร์คชานยอลอยู่แบบนี้ เขาจะขัดขืนก็ย่อมได้การกระทำที่เต็มไปด้วยคำพูดเชิงบังคับ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นมันทำให้คิมจงอินเริ่มคุ้นชินกับการที่มีคนคนนี้อยู่ข้างๆ

     

    “จับให้ดี”

     

    ปาร์คชานยอลหันมาบอกแค่ไหน เจ้ายานพาหนะคันใหญ่ก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็วแทบจะพร้อมๆกัน จงอินคว้าที่จับข้างหลังไว้แน่นเขายืดตัวตรงเพราะไม่รู้จะต้องซ้อนแบบไหน ชีวิตนี้ถ้าไม่เดิน คิมจงอินก็นั่งแค่รถเมล์เพียงเท่านั้น สายลมเย็นที่พัดเข้ามากระทบใบหน้าทำให้จงอินต้องหยีตาจนแทบปิด เขามองเห็นมอเตอร์ไซด์ของอู๋อี้ฟานขับนำหน้าอยู่เล็กน้อย อากาศเย็นที่ปะทะเข้าตัว ทำให้จงอินตัดสินใจละมือข้างหนึ่งจากที่จับมาเกาะเสื้อหนังคนขับไว้แทน ชานยอลเบาคันเร่งจนรถชะลอช้า พลางเอียงหัวเล็กน้อยเป็นเชิงถาม

     

    “ผมหนาว”

     

    น้ำเสียงสั่นๆบอกได้ชัดเจนว่าคนพูดคงหนาวจริงอย่างว่า ชานยอลหักรถเข้าข้างทางก่อนจะจอดสนิท กระจกหน้าหมวกกันน็อคถูกเปิดออกอีกครั้ง จงอินเห็นคริสเลี้ยวซ้ายหายลับไปแล้วก็ได้แต่มองตามจนชานยอลนึกหงุดหงิดแปลกๆ ร่างสูงเอื้อมมือไปเคาะหน้าผากเบาๆหนึ่งทีเป็นการเรียกก่อนที่มือหนาจะจัดการถอดแจ็คเก็ตหนังของตัวเองส่งให้อีกคนที่บ่นว่าหนาว

     

    “พี่ไม่หนาวหรอครับ”

     

    “ใส่ซะ”

     

    “ไม่หนาวหรอครับพี่”

     

    “คิมจงอิน ใส่มันซะ” เป็นอีกครั้งที่เสียงโทนต่ำของปาร์คชานยอลเอ่ยดุคนเด็กกว่า จงอินเผลอทำสีหน้าเหมือนเด็กน้อยที่โดนผู้ปกครองดุก่อนจะรับเสื้อตัวนั้นมาใส่แต่โดยดี มันเป็นเสี้ยววินาทีเสียด้วยซ้ำที่จงอินทำหน้าแบบนั้น แต่คนที่มองอยู่ตลอดอย่างปาร์คชานยอลกลับเห็นมันทุกรายละเอียด.. ทุกรายละเอียดที่ทำให้ใจสั่นรัวทำงานอย่างหนัก

     

    “เราจะไปไหนกันหรอครับ?”

     

    “พานายไปลาออกจากที่ทำงานเดิม”

     

    ปาร์คชานยอลพูดแค่ไหนก่อนจะสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง คิมจงอินอ้าปากทำหน้าเหวอตกใจไปเป็นที่เรียบร้อย และดูเหมือนว่าประโยคนั้นจะไม่ใช่ประโยคที่ถามความเห็นเลยแม้แต่น้อย มันคือประโยคบอกเล่าจากผู้ชายตัวสูงๆว่ากำลังจะพาเขาไปลาออกจากที่ทำงาน

     

    มอเตอร์ไซด์สีดำจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง จงอินก้าวลงมาจากรถช้าๆ เลยไปอีกหน่อยคริสกำลังยืนพิงมอเตอร์ไซด์ของตัวเองอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่สนใจบรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ที่ส่งยิ้มให้เลยแม้แต่น้อย ร่างโปร่งหันมองคนที่จอดรถและเก็บหมวกกันน็อคเรียบร้อยอย่างต้องการคำตอบอีกครั้ง

     

    “เข้าไป”

     

    “ไม่ครับ จนกว่ารุ่นพี่จะตอบมาว่าทำไมผมต้องทำ”

     

    ปาร์คชานยอลถอนหายใจเฮือกแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่เขาพบเจอคิมจงอิน เด็กประหลาดๆที่เจอกันที่สวนหลังโรงเรียนเมื่อเจ็ดสัปดาห์ที่แล้ว คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลยอมย้ายลอคเกอร์ตัวเองจากชั้นโกลด์คลาสมาไว้ชั้นธรรมดา คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลเขียนเพลงรักที่ไม่ได้เขียนมานาน คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลยอมทำตัวเป็นไอ้บ้ายืนดักอยู่ตรงบันไดหนีไฟได้เป็นอาทิตย์ๆ คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลลูกชายคนเดียวของตระกูลปาร์คต้องทำตัวเป็นสโตรกเกอร์เดินตามอีกฝ่ายเงียบๆอยู่เป็นอาทิตย์ๆเพื่ออยากรู้ว่าอีกคนทำอะไรหลังเลิกเรียน

     

    และชานยอลก้ได้พบความจริงว่าคิมจงอินหาเลี้ยงตัวเองยังไง มันไม่ใช่แค่การเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ธรรมดา คิมจงอินต้องออกจากโรงเรียนและมาถึงร้านนี้ให้ได้ภายในสองทุ่ม ต้องเก็บร้าน ยกเก้าอี้ ขนลังเบียร์จัดของ ให้เสร็จก่อนถึงเวลาร้านเปิด หลังจากนั้นก็ต้องคอยบริการลูกค้ายาวไปเรื่อยๆจนร้านปิด  กว่าจะกลับถึงที่พักที่โกโรโกโสเล็กกว่าห้องน้ำในห้องนอนของชานยอลก็เกือบตีสาม

     

    “ฉันจะจ้างนาย เข้าไปลาออกจากที่นี่สะ”

     

    “จ้าง? จ้างไปทำอะไรครับ?”

     

    “เออ จ้างก็จ้าง ไปลาออกสะ”

     

    “ผมลาออกไม่ได้ครับ ติดสัญญากับทางร้านไว้”  ชานยอลหันไปมองคริสที่ยืนอยู่ข้างกัน พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่คริสจะเดินหายลับเข้าไปในร้าน ส่วนตัวเขาก็ลากคิมจงอินให้ติดมือกลับมายืนรอที่มอเตอร์ไซด์คันเดิม รอไม่นานคริสก็เดินกลับออกมาด้วยท่าทีสบายๆ พยักหน้าให้ชานยอลหนึ่งที ร่างสูงก็จัดการวาดขาขึ้นคร่อมเจ้าสองล้อคันใหญ่สตาร์ทรถทันที โดยไม่วายหันมาเร่งเร้าคนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ด้วย


    “ขึ้นรถ”

     

    “ไปไหนอีกครับ?”

     

    “ไปดูที่ทำงานใหม่”

     

    “แล้วที่นี่ล่ะครับ?”

     

    “ลาออกให้แล้ว จะถามอะไรนัก ขึ้นรถ” คิมจงอินมองคริสที่คร่อมอยู่บนรถของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องจำยอมวาดขาคร่อมรถของปาร์คชานยอลที่จอดรออยู่ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่เข้าใจว่าปาร์คชานยอลทำแบบนี้ทำไมกัน เรื่องในรั้วโรงเรียนก็จะยังทำความเข้าใจอยู่ได้บ้าง แต่การเข้ามาจัดการชีวิตให้กันขนาดนี้ จงอินคงปล่อยมันผ่านไปไม่ได้

     

    มอเตอร์ไซด์คันใหญ่ขับลัดเลาะมาจนถึงคอนโดที่อยู่ในย่านที่เรียกได้ว่าค่อนข้างจะเจริญ จงอินยืนรอชานยอลที่เอารถไปจอดให้เรียบร้อย ร่างสูงเดินตรงมาหาเขามือหนาถือหมวกกันน็อคสีขาวดำไว้ ส่วนมือที่ว่างก็จัดการลากจงอินให้เดินไปด้วยกัน ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้นระหว่างขึ้นลิฟท์ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทั้งคู่ไปเสียแล้ว

     

    จงอินเดินตามปาร์คชานยอลมาจนหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้น 31 ที่น่าจะเป็นห้องพักของปาร์คชานยอลเอง เขาเห็นร่างสูงกดรหัสสี่ตัวก่อนที่ประตูจะเปิดออกต้อนรับผู้เป็นเจ้าของห้อง ปาร์คชานยอลก้าวเข้าไปแล้วแต่จงอินยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับจนคุณชายปาร์คเขาทนรอไม่ไหวจัดการดึงเข้ามาในห้องเสียเองนั่นแหละ

     

    “พาผมมาทำไมครับ?”

     

    “พามาปล้ำมั้ง”

     

    “งั้นผมกลับ”

     

    “ล้อเล่นน่า ไปนั่งก่อนดิ”  เห็นอีกคนทำท่าทางจริงจังก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ดูบ้าง ชานยอลแค่อยากลองแหย่จงอินเล่นดูบ้างเท่านั้น ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่พวกเขารู้จักกัน ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่นัก พูดได้ว่า ไม่น่าจะเกินร้อยประโยคที่ทั้งคู่ใช้สนทนาด้วยกัน ชานยอลกดไหล่คิมจงอินเบาๆ เป็นเชิงให้นั่งลงที่โซฟาก่อนตัวเองจะหายลับเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องครัวรินน้ำแล้วถือออกมาวางไว้ให้ตามประสาเจ้าบ้านที่ดี

     

    “ตกลงว่าพาผมมาที่นี่ทำไมครับ”

     

    “ฉันจ้าง ทำความสะอาดที่นี่ให้หน่อย”

     

    “รุ่นพี่ไม่มีแม่บ้าน?”

     

    “ไม่มี....” อันที่จริงพึ่งให้ย้ายไปทำที่บ้านใหญ่เมื่อวานนี้ ประโยคหลังชานยอลต่อในใจ ที่นี่เป็นคอนโดของเขาซื้อไว้สำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่ชานยอลนั้นยังไม่เลือกที่จะไปเรียนสักที ที่นี่เลยถูกทิ้งร้างไม่มีคนอยู่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีจากแม่บ้าน

     

    “แล้วจะจ้างผม”

     

    “ใช่...”

     

    “ให้ทำอะไรบ้างครับ”

     

    “ทั่วไป ดูแลทำความสะอาด ทำกับข้าว ซักผ้า แค่นั้น”

     

    “ทำวันไหนบ้าง?”

     

    “ทุกวัน” จงอินจ้องคนตรงหน้าเขม็ง พยายามหาคำตอบจากดวงตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมา แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงเป็นปาร์คชานยอลที่ไม่พูดไม่จา และไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลยสักนิด จงอินไม่อยากจะนับเลยจริงๆ เขาถอนหายใจเกินพันรอบแล้วล่ะมั้งตั้งแต่รู้จักผู้ชายคนนี้น่ะ

     

    “ผมต้องอยู่ที่นี่ด้วยใช่มั้ย?” เลือกที่จะถามในสิ่งที่ตัวเองเดาใจผู้ชายคนนี้ไว้แล้ว ไอ้หน้าที่ที่ต้องทำมันก็บ่งบอกอย่างชัดเจน ถ้าหากคิมจงอินต้องไประหว่างที่พักกับที่นี่คงไม่สะดวกเป็นแน่ เขาเห็นปาร์คชานยอลเลิกคิ้วมองเขาด้วยท่าทางที่ดูจะแปลกใจ แต่ก็แค่ชั่วครู่ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยกยิ้มราวกับพึงพอใจที่เขาเอ่ยถามแบบนั้นออกไป

     

    “ใช่”

     

    “แล้วเริ่มงานวันไหนครับ?”

     

    “พรุ่งนี้เลย”

     

    “งั้นคืนนี้ผมขอตัวกลับไปเก็บของก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้จะมาเริ่มทำงาน” จงอินตอบรับไปเพียงเท่านั้นและปาร์คชานยอลก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากการพยักหน้า เขาถือว่าปาร์คชานยอลนั้นรับรู้เรียบร้อยแล้ว ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนและโค้งหัวให้กับรุ่นพี่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ เหลือเพียงปาร์คชานยอลคนเดียวที่มือสั่น ใจเต้นแรงในห้องแค่เพียงคนเดียว

     

    ชานยอลยกมือขึ้นกุมตรงหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ เขามันไก่อ่อนชัดๆ เป็นผู้ชายอ่อนหัดที่โคตรของโคตรจะปอดแหก ชานยอลเป็นคนไม่ค่อยพูด พอจะพูดก็หาคำดีๆเพราะๆมาพูดด้วยไม่ได้ เขาถึงได้มีแค่ท่าทางแข็งๆและคำพูดที่จะออกไปทางการบังคับเสียส่วนใหญ่ แต่คิมจงอินกลับไม่ต่อต้านเขาอย่างที่คนอื่นๆทำไว้ เด็กนั่นเหมือนจะดื้อ แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนข้าแต่โดยดีหากมีเหตุผลให้เขา

     

    ชานยอลจะไม่ยอมบอก ไม่ยอมบอกเด็ดขาด ว่าตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาตามคิมจงอินจนแทบจะเป็นสโตรกเกอร์ไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะที่ทำงาน ที่พัก เขารู้สภาพความเป็นอยู่ทุกอย่างจากแฟ้มประวัติ แต่ที่เขาได้เห็นกับตาตลอดเวลาที่คอยตามมันน่าหดหู่กว่านั้น คิมจงอินเหนื่อยล้าสายตัวแทบขาด ชานยอลกังวล เป็นห่วง จนต้องยอมบอกพ่อว่า จบเทอมนี้เขาจะเรียนต่อ และขอจ้างแม่บ้านคนใหม่มาดูแลคอนโด เขาสาบานด้วยเกียรติของลูกชายตระกูลปาร์คเลย ว่าไม่เคยคิดอกุศล ที่ให้จงอินมาพัก เป็นเพราะความห่วงล้วนๆ แต่ไอ้อาการที่ตื่นเต้นจนใจเต้นแรงแบบนี้ มันถือว่าเป็นโรคอย่างนึงหรือเปล่านะ??

     

     

    แค่คิดว่าจะอยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้ใจเต้นรัวได้ขนาดนี้




    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×