คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 果報 Kahō :: CHAPTER 05
果報 Kahō
ตกลงปาร์คชานยอลกับอู๋อี้ฟานนี่หนาวไม่เป็น?
จงอินมองหน้าผู้ชายตัวสูงๆสองคนที่พากันขี่มอเตอร์ไซด์สี่สูบสีดำและสีแดงคันใหญ่ออกมาจากด้านในโรงเรียน ทั้งๆที่ใส่เพียงแค่แจ็คเก็ตหนังตัวเดียวเท่านั้น โอเคถึงมันจะหล่อ เท่ห์ สาวกรี๊ดหูจะแตกก็ตามที แต่สภาพอากาศ 9 องศามันไม่เหมาะกับมอเตอร์ไซด์เลยจริงๆ ให้ตายเถอะแล้วยังจะมาจอดขนาบข้างตรงเขาเรียกความสนใจจากคนทั้งโรงเรียนอีก สองคนนี้นี่ทำอะไรเงียบๆกับเขาเป็นมั้ย?
“ขึ้นรถ”
“ผมหนาว”
“ทำไมชอบเถียงนักวะ” ชานยอลพูดเปิดกระจกหมวกกันน็อคออกมาพูด ถึงจะเห็นกันแค่สายตา จงอินก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะขุ่นเคืองใจไม่น้อย หันไปมองคริสที่ตอนนี้จอดมอเตอร์ไซด์นิ่งๆแล้วก็ต้องถอนหายใจหันกลับมามองชานยอลอีกครั้ง ถอนหายใจให้เห็นกันชัดๆว่าจงอินเหนื่อยใจแค่ไหนกับผู้ชายสองคนนี้ แต่ทว่าปาร์คชานยอลก็ดูจะไม่สนใจ เจ้าตัวยังคงจอดรถอยู่แบบนั้น มือใหญ่บิดแฮนด์เร่งเครื่องให้เป็นเชิงเร่งให้จงอินอีกครั้งจนร่างโปร่งต้องจำยอม
ขาเรียววาดผ่านสี่สูบคันสูงอย่างง่ายดาย กลายเป็นว่าเสียงซุบซิบดังขึ้นขนาดที่ว่าเสียงรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สองคันนี้ยังปิดไม่มิด คิมจงอินนึกกร่นด่าตัวเองในใจว่าทำไมต้องมานั่งจำยอมเป็นเบี้ยล่างให้ปาร์คชานยอลอยู่แบบนี้ เขาจะขัดขืนก็ย่อมได้การกระทำที่เต็มไปด้วยคำพูดเชิงบังคับ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นมันทำให้คิมจงอินเริ่มคุ้นชินกับการที่มีคนคนนี้อยู่ข้างๆ
“จับให้ดี”
ปาร์คชานยอลหันมาบอกแค่ไหน เจ้ายานพาหนะคันใหญ่ก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็วแทบจะพร้อมๆกัน จงอินคว้าที่จับข้างหลังไว้แน่นเขายืดตัวตรงเพราะไม่รู้จะต้องซ้อนแบบไหน ชีวิตนี้ถ้าไม่เดิน คิมจงอินก็นั่งแค่รถเมล์เพียงเท่านั้น สายลมเย็นที่พัดเข้ามากระทบใบหน้าทำให้จงอินต้องหยีตาจนแทบปิด เขามองเห็นมอเตอร์ไซด์ของอู๋อี้ฟานขับนำหน้าอยู่เล็กน้อย อากาศเย็นที่ปะทะเข้าตัว ทำให้จงอินตัดสินใจละมือข้างหนึ่งจากที่จับมาเกาะเสื้อหนังคนขับไว้แทน ชานยอลเบาคันเร่งจนรถชะลอช้า พลางเอียงหัวเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
“ผมหนาว”
น้ำเสียงสั่นๆบอกได้ชัดเจนว่าคนพูดคงหนาวจริงอย่างว่า ชานยอลหักรถเข้าข้างทางก่อนจะจอดสนิท กระจกหน้าหมวกกันน็อคถูกเปิดออกอีกครั้ง จงอินเห็นคริสเลี้ยวซ้ายหายลับไปแล้วก็ได้แต่มองตามจนชานยอลนึกหงุดหงิดแปลกๆ ร่างสูงเอื้อมมือไปเคาะหน้าผากเบาๆหนึ่งทีเป็นการเรียกก่อนที่มือหนาจะจัดการถอดแจ็คเก็ตหนังของตัวเองส่งให้อีกคนที่บ่นว่าหนาว
“พี่ไม่หนาวหรอครับ”
“ใส่ซะ”
“ไม่หนาวหรอครับพี่”
“คิมจงอิน ใส่มันซะ” เป็นอีกครั้งที่เสียงโทนต่ำของปาร์คชานยอลเอ่ยดุคนเด็กกว่า จงอินเผลอทำสีหน้าเหมือนเด็กน้อยที่โดนผู้ปกครองดุก่อนจะรับเสื้อตัวนั้นมาใส่แต่โดยดี มันเป็นเสี้ยววินาทีเสียด้วยซ้ำที่จงอินทำหน้าแบบนั้น แต่คนที่มองอยู่ตลอดอย่างปาร์คชานยอลกลับเห็นมันทุกรายละเอียด.. ทุกรายละเอียดที่ทำให้ใจสั่นรัวทำงานอย่างหนัก
“เราจะไปไหนกันหรอครับ?”
“พานายไปลาออกจากที่ทำงานเดิม”
ปาร์คชานยอลพูดแค่ไหนก่อนจะสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง คิมจงอินอ้าปากทำหน้าเหวอตกใจไปเป็นที่เรียบร้อย และดูเหมือนว่าประโยคนั้นจะไม่ใช่ประโยคที่ถามความเห็นเลยแม้แต่น้อย มันคือประโยคบอกเล่าจากผู้ชายตัวสูงๆว่ากำลังจะพาเขาไปลาออกจากที่ทำงาน
มอเตอร์ไซด์สีดำจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง จงอินก้าวลงมาจากรถช้าๆ เลยไปอีกหน่อยคริสกำลังยืนพิงมอเตอร์ไซด์ของตัวเองอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่สนใจบรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ที่ส่งยิ้มให้เลยแม้แต่น้อย ร่างโปร่งหันมองคนที่จอดรถและเก็บหมวกกันน็อคเรียบร้อยอย่างต้องการคำตอบอีกครั้ง
“เข้าไป”
“ไม่ครับ จนกว่ารุ่นพี่จะตอบมาว่าทำไมผมต้องทำ”
ปาร์คชานยอลถอนหายใจเฮือกแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่เขาพบเจอคิมจงอิน เด็กประหลาดๆที่เจอกันที่สวนหลังโรงเรียนเมื่อเจ็ดสัปดาห์ที่แล้ว คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลยอมย้ายลอคเกอร์ตัวเองจากชั้นโกลด์คลาสมาไว้ชั้นธรรมดา คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลเขียนเพลงรักที่ไม่ได้เขียนมานาน คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลยอมทำตัวเป็นไอ้บ้ายืนดักอยู่ตรงบันไดหนีไฟได้เป็นอาทิตย์ๆ คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลลูกชายคนเดียวของตระกูลปาร์คต้องทำตัวเป็นสโตรกเกอร์เดินตามอีกฝ่ายเงียบๆอยู่เป็นอาทิตย์ๆเพื่ออยากรู้ว่าอีกคนทำอะไรหลังเลิกเรียน
และชานยอลก้ได้พบความจริงว่าคิมจงอินหาเลี้ยงตัวเองยังไง มันไม่ใช่แค่การเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ธรรมดา คิมจงอินต้องออกจากโรงเรียนและมาถึงร้านนี้ให้ได้ภายในสองทุ่ม ต้องเก็บร้าน ยกเก้าอี้ ขนลังเบียร์จัดของ ให้เสร็จก่อนถึงเวลาร้านเปิด หลังจากนั้นก็ต้องคอยบริการลูกค้ายาวไปเรื่อยๆจนร้านปิด กว่าจะกลับถึงที่พักที่โกโรโกโสเล็กกว่าห้องน้ำในห้องนอนของชานยอลก็เกือบตีสาม
“ฉันจะจ้างนาย เข้าไปลาออกจากที่นี่สะ”
“จ้าง? จ้างไปทำอะไรครับ?”
“เออ จ้างก็จ้าง ไปลาออกสะ”
“ผมลาออกไม่ได้ครับ ติดสัญญากับทางร้านไว้” ชานยอลหันไปมองคริสที่ยืนอยู่ข้างกัน พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่คริสจะเดินหายลับเข้าไปในร้าน ส่วนตัวเขาก็ลากคิมจงอินให้ติดมือกลับมายืนรอที่มอเตอร์ไซด์คันเดิม รอไม่นานคริสก็เดินกลับออกมาด้วยท่าทีสบายๆ พยักหน้าให้ชานยอลหนึ่งที ร่างสูงก็จัดการวาดขาขึ้นคร่อมเจ้าสองล้อคันใหญ่สตาร์ทรถทันที โดยไม่วายหันมาเร่งเร้าคนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ด้วย
“ขึ้นรถ”
“ไปไหนอีกครับ?”
“ไปดูที่ทำงานใหม่”
“แล้วที่นี่ล่ะครับ?”
“ลาออกให้แล้ว จะถามอะไรนัก ขึ้นรถ” คิมจงอินมองคริสที่คร่อมอยู่บนรถของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องจำยอมวาดขาคร่อมรถของปาร์คชานยอลที่จอดรออยู่ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่เข้าใจว่าปาร์คชานยอลทำแบบนี้ทำไมกัน เรื่องในรั้วโรงเรียนก็จะยังทำความเข้าใจอยู่ได้บ้าง แต่การเข้ามาจัดการชีวิตให้กันขนาดนี้ จงอินคงปล่อยมันผ่านไปไม่ได้
มอเตอร์ไซด์คันใหญ่ขับลัดเลาะมาจนถึงคอนโดที่อยู่ในย่านที่เรียกได้ว่าค่อนข้างจะเจริญ จงอินยืนรอชานยอลที่เอารถไปจอดให้เรียบร้อย ร่างสูงเดินตรงมาหาเขามือหนาถือหมวกกันน็อคสีขาวดำไว้ ส่วนมือที่ว่างก็จัดการลากจงอินให้เดินไปด้วยกัน ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้นระหว่างขึ้นลิฟท์ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทั้งคู่ไปเสียแล้ว
จงอินเดินตามปาร์คชานยอลมาจนหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้น 31 ที่น่าจะเป็นห้องพักของปาร์คชานยอลเอง เขาเห็นร่างสูงกดรหัสสี่ตัวก่อนที่ประตูจะเปิดออกต้อนรับผู้เป็นเจ้าของห้อง ปาร์คชานยอลก้าวเข้าไปแล้วแต่จงอินยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับจนคุณชายปาร์คเขาทนรอไม่ไหวจัดการดึงเข้ามาในห้องเสียเองนั่นแหละ
“พาผมมาทำไมครับ?”
“พามาปล้ำมั้ง”
“งั้นผมกลับ”
“ล้อเล่นน่า ไปนั่งก่อนดิ” เห็นอีกคนทำท่าทางจริงจังก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ดูบ้าง ชานยอลแค่อยากลองแหย่จงอินเล่นดูบ้างเท่านั้น ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่พวกเขารู้จักกัน ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่นัก พูดได้ว่า ไม่น่าจะเกินร้อยประโยคที่ทั้งคู่ใช้สนทนาด้วยกัน ชานยอลกดไหล่คิมจงอินเบาๆ เป็นเชิงให้นั่งลงที่โซฟาก่อนตัวเองจะหายลับเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องครัวรินน้ำแล้วถือออกมาวางไว้ให้ตามประสาเจ้าบ้านที่ดี
“ตกลงว่าพาผมมาที่นี่ทำไมครับ”
“ฉันจ้าง ทำความสะอาดที่นี่ให้หน่อย”
“รุ่นพี่ไม่มีแม่บ้าน?”
“ไม่มี....” อันที่จริงพึ่งให้ย้ายไปทำที่บ้านใหญ่เมื่อวานนี้ ประโยคหลังชานยอลต่อในใจ ที่นี่เป็นคอนโดของเขาซื้อไว้สำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่ชานยอลนั้นยังไม่เลือกที่จะไปเรียนสักที ที่นี่เลยถูกทิ้งร้างไม่มีคนอยู่แต่ได้รับการดูแลอย่างดีจากแม่บ้าน
“แล้วจะจ้างผม”
“ใช่...”
“ให้ทำอะไรบ้างครับ”
“ทั่วไป ดูแลทำความสะอาด ทำกับข้าว ซักผ้า แค่นั้น”
“ทำวันไหนบ้าง?”
“ทุกวัน” จงอินจ้องคนตรงหน้าเขม็ง พยายามหาคำตอบจากดวงตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมา แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงเป็นปาร์คชานยอลที่ไม่พูดไม่จา และไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลยสักนิด จงอินไม่อยากจะนับเลยจริงๆ เขาถอนหายใจเกินพันรอบแล้วล่ะมั้งตั้งแต่รู้จักผู้ชายคนนี้น่ะ
“ผมต้องอยู่ที่นี่ด้วยใช่มั้ย?” เลือกที่จะถามในสิ่งที่ตัวเองเดาใจผู้ชายคนนี้ไว้แล้ว ไอ้หน้าที่ที่ต้องทำมันก็บ่งบอกอย่างชัดเจน ถ้าหากคิมจงอินต้องไประหว่างที่พักกับที่นี่คงไม่สะดวกเป็นแน่ เขาเห็นปาร์คชานยอลเลิกคิ้วมองเขาด้วยท่าทางที่ดูจะแปลกใจ แต่ก็แค่ชั่วครู่ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยกยิ้มราวกับพึงพอใจที่เขาเอ่ยถามแบบนั้นออกไป
“ใช่”
“แล้วเริ่มงานวันไหนครับ?”
“พรุ่งนี้เลย”
“งั้นคืนนี้ผมขอตัวกลับไปเก็บของก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้จะมาเริ่มทำงาน” จงอินตอบรับไปเพียงเท่านั้นและปาร์คชานยอลก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากการพยักหน้า เขาถือว่าปาร์คชานยอลนั้นรับรู้เรียบร้อยแล้ว ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนและโค้งหัวให้กับรุ่นพี่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ เหลือเพียงปาร์คชานยอลคนเดียวที่มือสั่น ใจเต้นแรงในห้องแค่เพียงคนเดียว
ชานยอลยกมือขึ้นกุมตรงหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ เขามันไก่อ่อนชัดๆ เป็นผู้ชายอ่อนหัดที่โคตรของโคตรจะปอดแหก ชานยอลเป็นคนไม่ค่อยพูด พอจะพูดก็หาคำดีๆเพราะๆมาพูดด้วยไม่ได้ เขาถึงได้มีแค่ท่าทางแข็งๆและคำพูดที่จะออกไปทางการบังคับเสียส่วนใหญ่ แต่คิมจงอินกลับไม่ต่อต้านเขาอย่างที่คนอื่นๆทำไว้ เด็กนั่นเหมือนจะดื้อ แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนข้าแต่โดยดีหากมีเหตุผลให้เขา
ชานยอลจะไม่ยอมบอก ไม่ยอมบอกเด็ดขาด ว่าตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาตามคิมจงอินจนแทบจะเป็นสโตรกเกอร์ไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะที่ทำงาน ที่พัก เขารู้สภาพความเป็นอยู่ทุกอย่างจากแฟ้มประวัติ แต่ที่เขาได้เห็นกับตาตลอดเวลาที่คอยตามมันน่าหดหู่กว่านั้น คิมจงอินเหนื่อยล้าสายตัวแทบขาด ชานยอลกังวล เป็นห่วง จนต้องยอมบอกพ่อว่า จบเทอมนี้เขาจะเรียนต่อ และขอจ้างแม่บ้านคนใหม่มาดูแลคอนโด เขาสาบานด้วยเกียรติของลูกชายตระกูลปาร์คเลย ว่าไม่เคยคิดอกุศล ที่ให้จงอินมาพัก เป็นเพราะความห่วงล้วนๆ แต่ไอ้อาการที่ตื่นเต้นจนใจเต้นแรงแบบนี้ มันถือว่าเป็นโรคอย่างนึงหรือเปล่านะ??
แค่คิดว่าจะอยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้ใจเต้นรัวได้ขนาดนี้
ความคิดเห็น