ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ อ่อนหัดเดอะซีรีย์ :: SHORT MAN | BAEKDO #ชอทแมนแบคฮยอน

    ลำดับตอนที่ #5 : อ่อนหัดเดอะซีรีย์ | SHORT MAN :: 04 ( 100 PERCENT)

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58


     

     

     

     



    SHORT MAN 04










     

    อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง 

    แต่เดี๋ยวตอนนี้ไม่ต้องหัวเราะชานยอลก็คิดว่าฟันเพื่อนเขาคงใกล้ร่วงเต็มทีแล้วล่ะ แบคฮยอนมองเพื่อนรักที่ดูก็รู้ว่ามันพยายามกลั้นขำอย่างสุดความสามารถ เหตุผลน่ะเหรอ มันจะเรื่องอะไรได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่แบคฮยอนโดนทั้งมือทั้งเท้าคยองซูด้วยเหตุผลที่ว่า

     

    'สาธิตให้ดูว่าตบมือข้างเดียวมันดัง'

     

    โอ้โห...ดังสิครับ ดังมาก กระทบเนื้อหนังกูดังป้าบเลย หลายป้าบด้วย ตอนแรกมันก็แค่ม้วนกระดาษที่ฟาดลงกลางหัวแบบรัวไม่ยั้ง ก่อนจะตามด้วยขาที่เตะอัดเข้าหน้าแข้งอีกหลายที ผมนี่อยากจะสู้นะครับพูดเลย ตัวต่อตัวผมชนะแน่ๆแต่แม่ผมสอนมาดี

     

     

     

     

    เป็นพระเอกต้องไม่ทำร้ายคนอ่อนแอกว่า

     

     

     

     

    ผมเลยปล่อยให้คยองซูประเคนตีนเข้าเต็มรักให้สมใจ ถือซะว่ามันเป็นการสานสัมพันธ์ทางกายเล็กๆน้อยๆระหว่างเราสองคน เกิดความโกลาหลเข้านิดหน่อย นี่ขนาดมีคนเข้ามาห้ามผมยังเกือบได้เลือดออกหัว ซูจองเข้าช่วยพยุงผมขึ้นจากพื้นเวทีด้วยสภาพที่ค่อนข้างแย่นิดหน่อย อันที่จริงมันก็ไม่นิดหรอก หลังจากนั้นไอ้ชานยอลก็ถูกโทรตามให้มารับผมกลับหอ แล้วพวกเราก็มานั่งแหมะกันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆกันตรงนี้แหละครับ

     

    กูอยากขำอ่ะ

     

    ขำเหอะชานยอล กูรู้สึกดีกว่าการที่มึงกลั้นยิ้มจนแก้มบานหูกระดิกอีก

     

    ทันทีที่แบคฮยอนอนุญาต เสียงหัวเราะของปาร์คชานยอลก็ดังลั่นไปหลายนาที จนเขาอดไม่ไหวต้องยื่นขาไปสะกิดมันให้พอ มือก็จับซี่โครงไปด้วย ฟันธงได้เลยว่าพรุ่งนี้เขาคงเจ็บระบมจนแทบลุกไม่ไหวแน่ๆ  โคตรเชื่อที่ไอ้ชานยอลบอกแล้ว อย่างโดคยองซูนี่แข็งแรงกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

     

    เออ กูพอแล้วๆ” ถึงปากจะบอกว่าพอแต่ชานยอลก็ยังคงนั่งหัวเราะจนหน้าแดงต่อไปอีกร่วมนาที ตอนนี้บยอนแบคฮยอนแม่งโคตรรรรรรรรรรรรรเซงเลยครับ ขมวดคิ้วจางๆของตัวเองด้วยความสงสัยอย่างสุดซึ้งว่าที่โดนตีนมาวันนี้มันด้วยเหตุผลอะไร?

     

    “กูว่าพรุ่งนี้กูจะไปใหม่”

     

    “เฮ้ยยยนี่คือมึงยังจะไปอีกหรอ?” เอาล่ะคราวนี้มันคงไม่ใช่เรื่องตลกซักเท่าไหร่แล้ว ชานยอลมองไอ้แบคฮยอนที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง พนันได้เลยว่าแค่หายใจไอ้แบคฮยอนก็เจ็บเสียดไปทั้งอกอยู่แล้ว ก็แน่ล่ะเคยโดนกระทืบมาเหมือนกัน จะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันเจ็บขนาดไหน

     

    “มึง..กูว่ามีอีกหลายวิธี ที่จะเข้าหาคยองซู”

     

    “ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องนั้น” ชานยอลมองเพื่อนรักที่พยายามส่ายหน้าโดยไม่ให้ช่วงตัวที่ทำกว่าคอขยับ เขาไม่เข้าใจว่านอกจากเป้าหมายคือการเข้าหาโดคยองซูแล้ว ไอ้แบคฮยอนจะอยากเป็นพระเอกละครเวทีไปทำไมกัน???

     

     

    “แล้วมันเรื่องไหน? ไหนบอกกูสิ อะไรที่ทำให้มึงยอมไปโดนเขากระทืบสามวันติดและพรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นวันที่สี่น่ะ” คงถึงเวลาที่ต้องจริงจังกันสักที ว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้ยอมโดนกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ ชานยอลลากเก้าอี้ตัวเล็กที่หอจัดไว้สำหรับโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งข้างเตียง เขานั่งรออย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่ทั้งเขาทั้งแบคฮยอนจะมีโอกาสพูดคุยกันจริงจังแบบนี้ ส่วนใหญ่คือกวนตีนกันไปกวนตีนกันมาเสียมากกว่า

     

     

    คนเจ็บได้แต่นั่งนิ่งบนเตียง ไม่ยอมปริปากพูด มันก็ใช่อยู่หรอกที่ตอนแรกเขาอยากเป็นพระเอกละครเวทีเพราะอยากใกล้ชิดผู้กำกับโดคยองซู แต่หลังจากที่เขาไปโดนกระทืบมาติดๆกันสามวันนั้นมันทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่าง จนอยากที่จะเป็นพระเอกละครเวทีเรื่องนี้จริงๆ

     

    “เอาเหอะน่า พรุ่งนี้กูไม่โดนกระทืบหรอก”

     

    อย่างน้อยก็หวังว่าอย่างนั้นล่ะนะ

     

     

     

     

     

    คยองซูรู้สึกว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาออกมาท้าลมหนาวหรอกนะ แต่เพราะว่าดีโอดันหิวขึ้นมาตอนห้าทุ่ม แล้วเขาก็รู้ดีว่าถ้ายังไม่ได้กินแฝดพี่จะงอแงอยู่อย่างนั้นจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าสองพี่น้องบ้านโดเดินห่อตัวในเสื้อโค้ทตัวใหญ่ลงมาร้านสะดวกซื้อใต้หอพัก

     

    “จะกินอะไรก็รีบไปหามาเร็วๆ เราหนาว”

     

    ยังไม่ทันจบประโยคแฝดพี่ก็วิ่งไปอยู่หน้าตู้เย็นสำหรับเก็บอาหารแช่แข็ง คยองซูส่ายหน้าเล็กน้อย  ถึงจะอายุเท่ากัน หน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยพวกเขามันต่างกันสิ้นเชิงเชียวล่ะ ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือ ดีโอเหมือนท้องฟ้าในฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ผลิ ส่วนเขาเป็นท้องฟ้าของทุกฤดูที่พร้อมจะมีพายุเข้ามาเสมอ

     
     

    “เฮ้!! ดีโอย่า นายกินจนอ้วนเป็นหมูแล้ว ซื้อไอ้นี่ไปด้วยฉันก็หิวเหมือนกัน”

     
     

    ถึงจะพูดว่าดีโออ้วนตัวเป็นโอ่งแล้วก็เถอะ แต่คยองซูก็ยังคงตามใจแล้วก็กินเป็นเพื่อนกันไปด้วยนั่นแหละ พนักงานแคชเชียร์มองฝาแฝดที่กำลังยืนเลือกอาหารแช่แข็งกันอยู่หันกลับมาสนใจเมื่อเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น พวกเธอขมวดคิ้วแล้วมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้อาจจะต้องการความช่วยเหลือมากกว่าการซื้อของหรือเปล่า??

     

    “มาร์โบโล่แดงซองนึงครับ”  แบคฮยอนพยายามขยับปากให้น้อยที่สุด ถ้าไม่ติดว่าบุหรี่บนห้องหมดแล้วเขาก็หนาวเอามากๆ จะไม่มีทางลากสังขารที่ทุเรศทุรังนี้ลงมาพบเจอผู้คนเลยให้ตายเถอะ

     
     

    “ได้ค่ะ.. รับผ้าพันแผลกับยาแก้ฟกช้ำเพิ่มมั้ยคะ”  

     
     

    เอออ เดี๋ยวนี้ร้านสะดวกซื้อเขาก็ดีนะมีบริการห่วงใยลูกค้าด้วย... ถุยยยย!!! มันตลกมั้ยครับพี่!! แบคฮยอนจ้องหน้าแคชเชียร์ตาเขม็ง เข้าใจว่าพนักงานคงเป็นห่วง แต่พี่ไม่ต้องห่วงผมขนาดนั้นก็ได้ครับ.. แค่ต้องโผล่หน้ามาตอนยังเขียวช้ำแบบนี้ก็อายเขาจะแย่อยู่แล้ว เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วยื่นแบงค์หมื่นวอนให้พนักงานรับใบ พอกำลังจะถอยหลังหลบให้คนอื่นได้คิดเงินบ้างก็ต้องเป็นอันอ้าปากค้าง...

     

     

     

    “เฮ้ยยยยยยยยยยยยย คุณผู้กำกับ!!! / เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!

     


     

    คยองซูรู้ว่าโลกมันกลม แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมขนาดนี้ ขนาดเขาเดินลงมาร้านสะดวกซื้อตอนห้าทุ่มยังจะเจอไอ้หน้าเจ๊กขายน้ำเต้าหู้นี่อีก ดีโอก็ได้กระพริบตามองแฝดตัวเองที ผู้ชายที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทีอย่างไม่เข้าใจ สงสัยดีโอจะเจอแฟนล่ะมั้ง? ถึงได้ทำหน้าดีอกดีใจขนาดนี้

     

    “คุณผู้กำกับอยู่หอนี้หรอครับ”

     

    “ยุ่ง”

     

    “อา..ดีจังเลยผมก็อยู่หอนี้ แล้วคุณผู้กำกับอยู่ชั้นไหน”

     

    “มะ... / ชั้นเก้า”

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    เงียบกริบ....

    .

    .

    .

    .

    .

    แบคฮยอนพึ่งจะสังเกตว่าตอนนี้มีโดคยองซูสองคนยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์คิดเงิน หรือจะพูดให้ถูกคือฝาแฝดของโดคยองซูต่างหาก อา..ก็ไม่เหมือนกันเท่าไหร่นี่หว่าไม่เหมือนไอ้ฝาแฝดบ้านคิมเลยสักนิด  ไอ้เด็กบ้านนั้นนี่ถอดกันมาทั้งหน้าตาทั้งนิสัย(กวนตีน)

     

     

    คยองซูหันไปถลึงตาใส่แฝดพี่ของตัวเอง แต่ดีโอก็ไม่ได้สนใจยังคงกระพริบตาปริบๆมองเขาที มองไอ้เตี้ยที่ชื่อบยอนอะไรนั่นที คยองซูไม่รู้ว่าดีโอจงใจจะแกล้งเขาหรือว่าตอบไปโดยไม่คิดอะไรจริงๆ แต่ตอนนี้มันกำลังทำให้เขาเส้นประสาทกำลังเต้นตุบๆ ยิ่งเห็นท่าทีไม่เดือดร้อนแบบนั้นแล้วพาลหงุดหงิดไปใหญ่เลย

     

     

    “อ่า งั้นเดี๋ยวผมรอดีกว่า เราจะได้เข้าตึกพร้อมกันไง” แบคฮยอนอมยิ้มมองฝาแฝดอีกคนที่ชื่อดีโอที่เป็นแฝดกับไอ้เด็กแฝดคิมคนน้อง เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงบอกว่าดีโอเป็นคนตลก แบคฮยอนก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ

     
     

    “ไม่ต้อง จะไปไหนก็ไป”

     
     

    “เอ้า ก็จะขึ้นห้องไงครับ อยู่หอเดียวกัน..ก็...”

     

    “ไป ซะ”

     
     

    อึ้ก...

     
     

    เสียงกลืนน้ำลายหนึ่งอึ่กใหญ่ ไม่ใช่แค่แบคฮยอน แต่รวมถึงพนักงานที่คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆด้วย มีเพียงแค่ดีโอเท่านั้นแหละที่ยังทำตัวปกติ ทำหน้ามึนใส่แคชเชียร์และพยักหน้ารับเมื่อหญิงสาวคิดเงินเสร็จ แบคฮยอนเห็นว่ามือเล็กนั่นล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของคยองซูหยิบเงินออกมาจ่าย ดูเหมือนคยองซูยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูก(ฝาแฝด)ล้วงกระเป๋าไปแล้ว เพราะมัวแต่ส่งสายตาอาฆาตให้กับเขาอยู่แบบนี้ไง

     
     

    “ป่ะ... อ้าว.. เล่นเกมส์จ้องตากันหรอ”

     

    อยากจะขำให้ฟันกรามร่วง แบคฮยอนหันไปมองแฟนไอ้เด็กแฝดคิมคนน้องด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร และพบว่าดีโอก็ส่งยิ้มตอบกลับมาให้เขาทั้งที่เจ้าตัวยังทำหน้ามึนไม่เข้าใจกับสถานการณ์ตอนนี้สักเท่าไหร่

     
     

    “คยองซูเป็นอะไร ทำหน้าบูดเป็นตูดหมาทำไมอ่ะ”

     
     

    “เบื่อดีโอ” ดูคนเรานะ ไปพาลแฝดตัวเองอีก

     

    “อ้าวว เบื่อเราไมมม คยองซู คยองซูรอเราก่อน นี่อยู่หอเดียวกันใช่มั้ย รีบมาสิเร็วๆ” แบคฮยอนยิ้มรับ พยักหน้าและก้าวเดินตามไปอย่างเร่งรีบเท่าที่ร่างกายเขาจะทำได้ แฝดคุณผู้กำกับตัวเล็กนี่น่ารักดีชะมัด ถึงว่าไอ้เด็กคิมไคนั่นหวงเอาหวงเอา

     

    ชายหนุ่มส่ายหัว เพราะเจ็บเสียดที่ช่องท้องทำให้แบคฮยอนเดินช้ากว่าปกติ เขาส่ายหน้าให้กับดีโอที่ยืนกวักมือเรียกเขา เพราะคยองซูทำท่าจะกดปิดลิฟต์ตลอดเวลา จนเห็นว่าเขาส่ายหน้ายืนยันอีกครั้งแล้วนั่นแหละ ประตูลิฟต์ถึงได้ปิดลง

     

    แบคฮยอนรู้จักตัวเองดีเสมอ ถึงแม้บางครั้งเขาจะรู้หลังจากที่ทำอะไรโง่ๆไปแล้วก็เถอะ แต่อย่างที่เคยบอก คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาที่โง่ดักดานกันทั้งนั้น อย่างเช่นตอนที่มีความรัก ไม่มีใครมีตาสองข้างแล้วใช้สมองอย่างเต็มที่หรอก เขาถึงได้ทำอะไรบ้าๆ อย่างการเดินไปหาหรือพูดคำพูดเสี่ยวๆใส่ พอเจ็บตัวมากเข้าแบคฮยอนถึงได้เริ่มหันกลับมาถามตัวเองว่าที่เขาทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไร แล้วก็ทำไปทำไมกัน? ตัวเขาจะได้อะไร?

     






     

    มันไม่ใช่แค่เพราะใจเต้นแรงอย่างเดียวที่ทำให้แบคฮยอนทำทุกอย่างอย่างทุกวันนี้หรอกนะ

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนตื่นแต่เช้าแล้วตั้งใจจะเดินไปหาคุณผู้กำกับคยองซูที่คณะ เขาใช้เวลาค่อนข้างมากพอสมควรตอนอาบน้ำและแต่งตัวเพราะยังรู้สึกระบมไปตามตัวอยู่มาก แบคฮยอนไม่ได้โกรธหรอกที่โดนกระทืบ ก็บอกแล้วไงว่าเวลาเรามีความรัก ต่อให้เอาบุ้งมาใส่กางเกงในยังไม่โกรธกันเลย

     

     

    เขาเคยชอบที่ห้องตัวเองอยู่ริมสุด เพราะเขาสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครมารบกวนได้ ต่อให้นอนแก้ผ้าเขาก็ไม่ต้องอายใคร แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่ามันไกลมาก นี่ขยับออกจากห้องมาเกือบห้านาที ยังเดินได้ไม่ถึงครึ่งทาง  ถ้าเป็นเรื่องอื่นแบคฮยอนคงถอดใจนอนอยู่ห้องไปแล้ว แต่เพราะว่าเรื่องนี้มันสำคัญแล้วก็รอไม่ได้เขาถึงได้ลากสังขารตัวเองออกมา

     

    คยองซูกอดอกรออยู่หน้าลิฟต์อย่างใจเย็น มองไอ้คนที่เดินกะเผลกมาแต่ไกลแล้วก็รู้สึกผิดนิดหน่อย เออ นิดหน่อยเท่านั้นแหละ เขาถึงได้ทำตัวเป็นคนดียืนรอให้มันลากสังขารมาถึงนี่ไง ความจริงไอ้เตี้ยนั่นก็ไม่ได้แย่หรอก แต่พอมันเริ่มเสี่ยวใส่นี่แหละ แม่งน่าประเคนตีนให้เลยจริงๆ เชื่อเถอะว่ามันยังไม่เห็นเขาหรอก ถ้าเห็นนะ...

     

    "อ้าว...คุณผู้กำกับ" นั่นไง เมื่อกี๊ยังเจ็บจนเดินแทบไม่ไหว นี่อะไรแทบจะวิ่งมาหา

     

    "อะไร"

     

    "ผมมีเรื่องจะคุยด้วย"

     

    "ไม่ว่าง"

     

    "โธ่ อย่าพึ่งปฏิเสธกันสิครับ คุยกันก่อนดิ" แบคฮยอนคิดว่ามันเป็นโทรเสียงที่เสี่ยงต่อตีนและมือของคนตัวเล็กน้อยที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องสายตาเขาคงเลี่ยงไม่พ้นจริงๆ แต่ไม่เป็นไรดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แบคฮยอนชอบมอง เพราะคยองซูไม่เคยใช้สายตาแสดงออกว่าเกลียดเขาเลยสักนิด

     

    ...มั้ง...

     

    "ผมจะคุยเรื่องละครเวที"

     

    "มีอะไรต้องคุยอีก"

     

    "เราจะยืนคุยกันหน้าลิฟท์หรอ ไปห้องผมมั้ย...."

     

    ไอ้สัด....พลาด.....

     

                แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคอจนได้ยินเสียงอึ่ก เมื่อได้รับสายตาอาฆาตจากคยองซู แววกลัวเมียกูมาแต่ไกลเลยครับ ใจเย็นเบบี๋พี่ไม่ได้หมายความว่ายังง้านนนนนน

     

    "พูด..."

     

    "จ้ะ..." พูดอะไรล่ะ!! แค่จะหายใจกูยังลืม

     

    "....."

     

    แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดแล้วค่อยๆปล่อยออกมา เขาสบตากับโดคยองซูที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ก่อน เอาล่ะ คราวนี้เราคงต้องคุยกันเป็นงานเป็นการจริงๆบ้างแล้ว แบคฮยอนคิดว่าคยองซูคงเข้าใจเจตนาผิด เขาถึงได้โดนกระทืบเอากระทืบเอาอยู่แบบนี้

     

    "ผมอยากเป็นพระเอกละครเวที..."

               

    "นี่มึงยังกล้า..."

     

    "กล้า!" กลั้นใจตอบออกไปตามจริง ถึงสถานการณ์มันจะดูล่อแหลมกับคอนเวิร์สเบอร์ 42 นั่นเข้าไปทุกทีก็เถอะ  พอเห็นคยองซูนิ่งไป แบคฮยอนก็รีบฉวยโอกาสรีบพูดต่อ "ผมอยากเป็นจริงๆ ไม่ได้ไปสมัครเพราะอยากแกล้ง แต่เพราะอยากรู้จักคุณผู้กำกับ อยากให้เราสนิทกันมากกว่านี้ อีกอย่างก็ผมอยากช่วยจริงๆครับ"

     

    คยองซูมองไอ้คนที่กวนตีนกันตั้งแต่วันแรกที่เจอ เขารู้จักบยอนแบคฮยอนได้ทั้งหมด 5 วัน กระทืบมันไป 4 วัน วันนี้ไม่รู้ อาจจะได้กระทืบอีกก็เป็นได้ บอกเลยว่าคยองซูไม่ค่อยอยากจะเชื่อที่แบคฮยอนนี่พูดสักเท่าไหร่นัก มันจะมาอยากรู้จักอะไรเขา เขาน่ะ...

     

     

     

     

     

    "แต่ฉันไม่อยากรู้จัก" 

    .

    .

    .

    .

    .

    ชัด เจน มาก....

    .

    .

    .

    .

    .

    ......ลมพัดใบไม้ปลิว......

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    แม่งเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย จบกันคำพูดที่กูเตรียมมาตั้งแต่เมื่อคืน จบด้วยคำพูดหกพยางค์นั้น แบคฮยอนอ้าปากค้างมองคยองซูที่เดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว หัวสมองตีบตันมากครับบอกเลย ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร คือยังไงดี... ไม่ใช่ว่าจะเฟลหรืออะไร แต่ว่าผมยังพูดไม่จบต่างหาก

     

    เพราะเห็นแล้วว่าคยองซูไม่ได้กดลิฟต์รอ ผมถึงได้พยายามขยับตัวเข้าไปใกล้ลิฟต์ให้เร็วที่สุด ใช้มืดซ้ายดันประตูลิฟต์เอาไว้ไม่ให้มันปิด แล้วเงยหน้ามองผู้กำกับโดคยองซูที่กำลังมองตรงมาทางเขาเช่นเดียวกัน

     

    คยองซูกำลังรออย่างใจเย็นว่าบยอนแบคฮยอนจะทำยังไงโดนปฏิเสธถึงขนาดนี้ เขาไม่ค่อยอยากรู้จักใครนักหรอกในสังคมมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะไอ้ประเภทที่เข้ามาแบบนี้ ท่าทางเอาจริงกับสีหน้าแววตาจริงจังที่อีกฝ่ายมองมามันทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย เพราะแบบนี้เขาเลยอดทนรออย่างใจเย็นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

     

    ถ้าไม่เข้าหู ค่อยถีบมันออกไปให้พ้นประตูลิฟต์ก็ยังไม่สาย

     

    "ไม่เป็นไร...." หือ?? ไม่เป็นไรอะไรของมัน?

     

    "ไม่อยากรู้จักผมก็ไม่เป็นไร เพราะผมอยากรู้จักคยองซู...

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    สุดท้ายปลายทางเราก็ต้องรู้จักกันอยู่ดี"

    .

    .

    .

    .

    .

     

    พลั่กกกกกก

     

     

    "โอ้ยยยยยยยย!!!!!!!"

     

    คยองซูยั้งฝ่าตีนเอาไว้ไม่ได้ เพราะทันทีที่มันพูดจบ เขาก็ยกรองเท้ายันเข้ากลางอกให้มันกระเด็นลงไปกองกับพื้น แล้วหันไปกระแทกมือลงบนปุ่มปิดลิฟท์เต็มแรง ทันเห็นมันนั่งซี๊ดปากอยู่กับพื้น แต่เขาไม่มีอารมณ์จะเข้าไปช่วยมันหรอกนะ!! แม่งเกือบจะดีแล้ว! เสือกพูดอะไรเสี่ยวๆออกมาแบบนั้น ไม่น่าไปเสียเวลาฟังมันจริงๆ! ให้ตายเถอะ!!!

     

    แบคฮยอนนั่งจุกอยู่บนพื้นพักใหญ่กว่าจะลุกขึ้นยืนได้  ไอ้ที่โดนวันนี้มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกเป็นเพราะแผลเก่ามากกว่า ก้มมองเสื้อนักศึกษาของตัวเองก็ได้แต่ยิ้มขำ ถ้าใครรู้เข้าคงต้องหาว่าเขาเป็นบ้าแน่ๆ มองรอยรองเท้าบนอกเสื้อแล้วยิ้มออกมา อา... หรือแบคฮยอนจะเป็นบ้าจริงๆแฮะ...

     
     



     

    "พอมึงบอกเขา ก็โดนถีบนอดหน้ากลับมาอ่ะนะ"

     

    "ยอดอกพอเพื่อน เขาถีบยอดหน้ากูไม่ถึง"

     

    แบคฮยอนมองไอ้เพื่อนหูกางที่ดูจะไม่ค่อยเชื่อเขาสักเท่าไหร่ หลังจากเมื่อเช้าโดนถีบจนล้มหงายแบคฮยอนก็ไม่ได้ไปเรียนหรอก ช่วงบ่ายถึงเป็นหน้าที่ของชานยอลที่แวะม่หา เอาชีทเรียนกับเสบียงมาให้คนเจ็บ ถึงจะบ่นเป็นตุ๊ดยักษ์แต่ปาร์คชานยอลก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้นิดหน่อย

     

    "จงอินฝากนี่มาให้ น้องบอกว่าทาตรงที่ช้ำจะหายไว"

     

    "เออ ฝากขอบคุณน้องด้วย"

     

    รับหลอดยาที่เพื่อนโยนมาให้แล้วก็ถอดเสื้อออกทันที ชานยอลเบ้หน้าตอนที่เห็นรอยช้ำม่วงปั้ดกลางท้องและตามแผ่นอกของเพื่อน ไอ้แบคฮยอนก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่สักเท่าไหร่นักหรอก พอโดนกระทืบแรงเข้าหน่อยรอยมันก็เลยชัดขนาดนี้

     

    "มึงไม่เจ็บหรอวะ ทำไมยอมให้เขากระทืบอยู่ได้ แล้วนั่นคือเหี้ยอะไร อนุสรณ์ความรักมึงหรอแบคฮยอน" นั่งมองเพื่อนทายาก็ได้แต่เจ็บแทน ยิ่งหันไปเห็นเสื้อนะกศึกษาสีขาวสองตัวถูกใส่ไม้แขวน แขวนไว้อย่างดีที่หน้าตู้เสื้อผ้าก็อดไม่ได้ที่จะโวยวาย นี่มึงบ้าแล้วป่ะเนี่ยแบคฮยอน

     

    "เจ็บสิวะ ถามได้ มึงลองมั้ยอ่ะ" ชานยอลส่ายหน้าพรืด เขาเคยโดนโดคยองซูทุ่มลงไปกองกับพื้นมาแล้ว เรื่องมันก็นะ.. เอาเป็นว่าเขาอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แถมช้ำในไปอีกหลายวัน แล้วนี่ไอ้แบคฮยอนโดนมาสองวันติด นี่ไม่ใช่ที่มันบ้าอยู่แบบนี้เพราะสมองกระทบกระเทือนหรอกนะ

     

     

    "เจ็บแล้วมึงยอมเขาทำไม"

     

    "ก็แววตาเขาไม่ได้เกลียดกู"

     

    "แต่การกระทำเขาชัดเจนมากนะ"

     

    "กูเชื่อว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ"

     

    .

    .

    .

    .

    จ้ะ.....

    .

    .

    .

    .

    พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว ชานยอลไม่อยากทำลายความมั่นใจของเพื่อนด้วยประโยคที่ว่า 'แล้วสายตาเขาบ่งบอกว่ารักมึงเหรอ' แต่เขาก็ไม่อนากให้แบคฮยอนเอาตัวเข้าไปเจ็บฟรีๆ นี่ถึงขนาดไปเรียนไม่ไหวชานยอลว่ามันมากเกินไป เดี๋ยวลองให้จงอินไปคุยกับไค แล้วไคไปบอกดีโอ ให้ดีโอช่วยคุยกับคยองซูดูก็แล้วกัน ถ้าถามว่าทำไมมันถึงหลายต่อขนาดนั้น...

     

     

    ....ผมกลัวครับ.... *ยอมรับแบบแมนๆ*

     


     

    "ผู้หญิงด่า เขาว่าผู้หญิงรัก กูมั่นใจมาก ว่าที่คยองซูทำท่าจะกระทืบกูทุกวันมันเป็นขั้นแรกของการเขิน"

     

     

    หรือชานยอลจะเปลี่ยนใจให้มันโดนกระทืบต่อไปดี!!!

     

     

    ครืดดด ครืดดด

     

     

    "หยิบให้หน่อย เผื่อแม่โอนตังค์มาให้" ได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้าก็บอกให้ชานยอลช่วยหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ไกลให้หน่อย แบคฮยอนนึกอิจฉาความแขนขายาวของมันมาก ปาร์คชานยอลแค่เอี้ยวตัว ยื่นแขนอีกนิดหน่อยก็คว้าโทรศัพท์มาให้เขาได้แล้ว ส่วนสูงมึงทำกูอิจฉาหลายรอบแล้วนะ

     

    แต่ไอค่อนที่ขึ้นเตือนหน้าจอมันทำให้แบคฮยอนแปลกใจ ข้อความถูกส่งมาจากเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก นิ้วเรียวรีบกดเข้าไปดูทันทีเผื่อทีเรื่องด่วน แต่แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาถึงเขา

     

    'พักให้หายแล้วรีบมาซ้อม ระหว่างนี้ก็ท่องบทไป แต่ถ้าเดินไหว ก็ให้มานั่งดูคนอื่นซ้อมที่สตูฯ'

     

    อ่านทวนไปสามรอบถ้วนเผื่ออ่านผิด จนมั่นใจว่าการสะกดภาษาเกาหลีของเขาถูก ยิ่งโดยเฉพาะชื่อที่ลงท้ายข้อความ มันทำให้แบคฮยอนใจเต้นแรงหนักกว่าเก่า

     




     

    'โด คยอง ซู'

     

     

     

     

     

    'โด คยอง ซู'

     

     

     

     

    'โด คยอง ซู'

     

     

     

     

    ………

     

     

     

     

    "ชานยอล!!!! ไปส่งกูหน่อย!!!!! กูจะไปเป็นพระเอกละครเวที!!!!!!!"

     

     

     

     100 เปอร์เซนต์คอมพลีททึ

     

    สครีมฟิคได้ที่ #ชอทแมนแบคฮยอน 

    ไอ้หยา ไอ้เป็นพระเอกละครเวทีแล้วนะ

    ดีใจกับพี่แบคหน่อยเร้วววววววววววววววววววววววววววววววววว

    555555555555 เราชอบพี่แบคแบบนี้นะ

    เราพยายามเขียนให้เห็นมุมมองของพี่แบคอ่ะ ไม่รู้ว่าทุกคนเห็นเหมือนเราหรือเปล่า

    คือเขาไม่ได้เป็นคนกากๆนะ เขามีเหตุผลเสมอ

    คือไม่ได้สักแต่ว่ามั่นหน้า แต่เขามองเห็นของเขาอย่างนั้นจริงๆ
    แต่การแสดงออกมันเสี่ยวไปหน่อยไงเลยไม่รอดตีนเอาแบบนี้

    ตั้งใจไว้ว่า จะมีแค่สิบตอน นี่ก็จะห้าตอนแล้วเนาะ สมควรจะให้ใกล้ชิดกันได้แล้วว

    ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งนะคะที่เข้ามาติชม เข้ามาอ่านกัน

    ทั้งขาประจำแล้วก็ขาจรเลยย ขอโทษด้วยถ้ามีคำหยาบคายหรือบางอย่างยืดเยื้อเกินไป

    เราจะพยายามพัฒนาให้ดีขึ้นคับบ

    สุดท้ายย เลิ้บบบบบบบบบบบบทุกคน

    ปล. #ทีมต้มน้ำใบบัวบกให้พระเอก เปิดรับสมัครสมาชิกข่ะ

     

    Ⓒ QRD
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×