คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 果報 Kahō :: CHAPTER 04
果報 Kahō
CHAPTER 04
ฤดูหนาวปีนี้มาไวกว่าปกติ
จงอินค่อยๆเดินช้าๆเข้าโรงเรียนอย่างไม่เร่งรีบเหมือนทุกๆวัน บรรยากาศฤดูหนาวยิ่งทำให้รอบตัวของเขาดูเหงามากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว สายลมหนาวพัดผ่านทำให้รู้สึกเย็นวาบจนต้องกระชับเสื้อกันหนาวตัวเก่าให้แน่นเข้ามาอีกนิด เรียวขาพาเจ้าของเดินเอื่อยๆจนมาถึงสวนด้านหลังที่ประจำ
ร่วงหมดแล้วสินะ ใบไม้
เงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ที่เคยแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาในยามที่แดดจ้า แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่กึ่งไม้แห้ง เหมือนต้นไม้ที่ยืนต้นตาย จงอินก้มมองเศษใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นตามพื้นแล้วก็ยิ้มออกมาเบาๆ ทรุดตัวลงนั่งตรงที่เดิมอีกครั้ง มันเหมือนข้อแลกเปลี่ยนของฤดูกาล ในยามที่แสงแดดแผดเผา ต้นไม้เหล่านี้มีกิ่งก้านให้ร่มเงา ในยามที่ลมหนาวพัดผ่านใบไม้พากันร่วงหล่นให้แสงแดดส่องผ่านมอบความอบอุ่นให้ผู้พักพิงแทน
วูบ
ลมหนาวอีกระลอกพัดมาพร้อมๆกับเงาสูงใหญ่ทาบทับไม่ให้แสงพระอาทิตย์กระทบสายตาจงอิน ลองถอนหายใจเบาๆ เมื่อนึกรู้ว่าเป็นใคร อันที่จริงก็รู้ตัวตั้งแต่เสียงมอเตอร์ไซด์สี่สูบคันนั้นดังกระหึ่มเข้ามาแล้วล่ะ ก่อนจะได้ทันตั้งตัวอะไร เสื้อหนังสีดำสนิทก็ถูกโยนใส่หัวๆ พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่กรรณออกมาจากลำคอ
"ใส่ซะ"
จงอินค่อยๆจับเสื้อที่คลุมหัวออกก่อนจะแหงนหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าบึ้งตึงนั้นบอกได้อย่างดีว่าเจ้าตัวคงไม่พอใจอะไรสักอย่าง ลมหายใจที่พ่นออกจากมาเต็มไปด้วยควันทำให้จงอินรู้ว่าปาร์คชานยอลคงต้องหนาวมากแน่ๆ ยันตัวลุกขึ้นแล้วส่งเสื้อหนาวกลับไปให้อีกคน แต่ปาร์คชานยอลก็ยังไม่คิดจะรับ ไม่รู้ว่าตั้งแต่รู้จักปาร์คชานยอล จงอินถอนหายใจไปแล้วกี่ร้อยทีแอบสงสัยอยู่นิดหน่อยเหมือนกันว่าเขาจะอายุสั้นลงตามที่มีคนเคยบอกหรือเปล่า?
“ผมมีเสื้อกันหนาวแล้วครับ”
“คิมจงอิน ใส่มันซะ”
เล่นเกมส์จ้องตากันอยู่เป็นนาทีจนสุดท้ายคนที่ไมเคยมีใครขัดใจอย่างปาร์คชานยอลก็จัดการวางหมวกกันน็อคในมือลงลวกๆ คว้าเอาแจ็คเก็ตหนังของตัวเองที่จงอินส่งมาให้อย่างหงุดหงิด แล้วจัดการยัด ย้ำว่า ยัดตัวจงอินเข้าไปในเสื้อหนังที่ราคาไม่น้อยนั่นแบบที่เจ้าตัวต้องการ
“รุ่นพี่ครับ ผมไม่หนาว” จงอินยังคงขัดขืนแต่ความพยายามที่จะยัดตัวเขาลงไปในเสื้อแจ็คเก็ตของปาร์คชานยอลนั้นมีมากกว่า จนสุดท้ายก็มีแต่เสียงหอบหายใจ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเล็กน้อยตามไรผม และอากาศอุ่นๆที่ทั้งสองคนรู้สึก
“ถ้าวันนี้เห็นถอด โดนดีแน่” ปาร์คชานยอลพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้จงอินยืนหงุดหงิดที่โดนบังคับให้ใส่ไอ้เสื้อแจ็คเก็ตหนังนี่อยู่คนเดียว ทีนี้ก็กลายเป็นว่าจงอินใส่ทั้งเสื้อนักเรียน เสื้อสูทโรงเรียน เสื้อกันหนาว แล้วยังจะมีเสื้อแจ็คเก็ตหนังของปาร์คชานยอลนี่อีก?
มันก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้นไม่ใช่หรอวะ ปาร์คชานยอล???
ยืนหงุดหงิดใจอยู่สักพักก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองต้องไปถอดเสื้อออกซักตัวนึงก่อน จงอินเดินหน้านิ่งเข้ามายังห้องลอคเกอร์ แล้วก็พบว่ามันยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม กลายเป็นว่าตู้ล็อคเกอร์ของจงอินถูกขนาบข้างด้วยนักเรียนโกลด์คลาส อย่างปาร์คชานยอลและคริส ที่จงอินพึ่งรู้ว่าจริงๆแล้วชื่ออู๋อี้ฟาน เขาไม่ค่อยเห็นสองคนนั้นมาใช้ล็อคเกอร์เท่าไหร่นัก จัดการกดรหัสสี่ตัวที่ตั้งเองแล้วไขกุญแจเปิด ก่อนจะจัดการทอดเสื้อหนังออกพับมันวางไว้ลวกๆในตู้ล็อคเกอร์ แต่ก่อนที่จะถอดเสื้อกันหนาวอีกตัว เงาวูบๆทั้งซ้ายและขวาทำให้จงอินอยากกลอกตาเป็นเลขแปดเสียเหลือเกิน
“บอกแล้วไงว่าถ้าถอด จะต้องเจอดี”
“ไม่ได้จะถอดครับ แค่จะเก็บอีกตัว” พูดแค่นั้นแล้วจงอินก็จัดการถอดเสื้อกันหนาวตัวเองเก็บเงียบๆ ไม่ได้สนทนาอะไรต่อ จะมีก็แต่คริสที่ยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าล็อคเกอร์ตัวเองเท่านั้นแหละที่ส่งเสียงพึมพำๆอยู่คนเดียว จนทั้งคู่เก็บของเสร็จและปิดตู้เรียบร้อยในช่วงเวลาแทบจะพร้อมกัน คริสก็ยังไม่เลิกบ่นงึมงำ จงอินกับชานยอลหันไปมองด้วยความงุนงง ก่อนจะหันมามองหน้ากัน จงอินส่งสายตาเป็นคำถามให้กับชานยอลว่าเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่คริส แต่ก็ได้กลับมาเพียงแค่อาการยักไหล่ ที่จงอินรู้สึกว่ามันน่าหมั่นไส้ขึ้นมาอีกหลายเท่าตัวเมื่อปาร์คชานยอลเป็นคนทำ ร่างโปร่งหมุนตัวหลบออกมาไม่สนใจแต่ก็ถูกคว้าแขนไว้ก่อน อันที่จริงเขาไม่ใช่คนที่จะให้ใครถูกเนื้อต้องตัวแบบนี้ได้ตามใจชอบหรอก แต่ปาร์คชานยอลเป็นบุคคลที่แสนเอาแต่ใจ เอะอะคว้าลาก แล้วจงอินก็ไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรมากเสียด้วย ถึงได้ปล่อยเลยตามเลยมาจนถึงทุกวันนี้
“ไปส่ง”
“ผมไปเองได้”
“ต้องให้บอกอีกกี่ที? ว่ามันไม่ใช่ประโยคคำถาม ฉันบังคับ”
ถือว่าเป็นประโยคยาวที่สุดสำหรับเช้านี้ในการสนทนา แล้วตำแหน่งการเดินก็เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อปาร์คชานยอลจัดการลากคิมจงอินให้เดินออกมาอีกครั้ง คริสที่รู้สึกตัวว่าเพื่อนเดินออกมาไปแล้วก็ได้แต่ส่งเสียงตะโกนตามไล่หลังมา จงอินเห็นแค่ชานยอลยกมือโบกเพื่อนส่งๆ แล้วเดินดุ่มๆมาทางตึกเรียนทันทีโดยมีเสียงคริสโหวกเหวกดังตามมาข้างหลัง แต่ตอนนี้ใครจะสนล่ะ
มือหนาเปลี่ยนตำแหน่งจากข้อมือเป็นฝ่ามือแทน มือของจงอินไม่ได้นุ่มเหมือนเด็กสาวที่ชานยอลเคยควงสักนิด มันก็มือผู้ชายคนนึงที่ดูแล้วน่าจะใช้งานมันอยู่ประจำ แต่ใครจะสนล่ะ? เขากระชับบีบฝ่ามือนั่นอีกครั้ง โดยไม่หันกลับไปมอง จงอินเองก็ตกใจกับสัมผัสอุ่นที่กุมมือของตนอยุ่ เงยหน้ามองก็ไม่เห็นอะไรนอกจากแผ่นหลังกว้างที่เดินจับมือเขาอยู่กับหลังใบหูที่จงอินเห็นว่ามันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
อา... สงสัยอากาศจะหนาว ปาร์คชานยอลถึงได้หูแดงก่ำขนาดนั้น
คิมจงอินกลั้นขำกับตัวเองอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่าย’จับมือ’เขาจนออกไปพบกับนักเรียนมากมาย จงอินไม่เคยลืมว่าตัวเองไม่เป็นที่ชอบใจของบรรดาลูกคุณหนูเท่าไหร่ ดังนั้นช่วงก่อนที่จะถึงบันไดขึ้นโถงกลางของอาคาร เขาถึงได้กระตุกมือออกแต่ดูเหมือนสัญชาตญาณของปาร์คชานยอลจะดีกว่า เพราะมันตามมาคว้ามือเขาไว้ได้ทัน
“บอกว่าจะไปส่ง”
“เดินเฉยๆก็ได้ครับ”
“..........”
“..........” ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้น และสัมผัสอุ่นๆที่มือยังไม่หายไป พร้อมๆกับเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นตลอดทาง แต่ก็บอกแล้วว่าตอนนี้ใครจะสนล่ะ??? ตลอดทางตั้งแต่ห้องลอคเกอร์จนถึงห้องเรียนไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก ต่างคนต่างก็เดินข้างกันไปเงียบๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าหัวใจของอีกคนที่จับมือกันอยู่นั้นทำงานหนักขนาดไหน
แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่จับมือเดินไปด้วยกัน
เรื่อยๆเหลือเกิน ตอนนี้มีคนเขิน กับมีคนน่าหมั่นไส้เพิ่มขึ้นมานะคะ
มันเรื่อยๆน่ะ ค่อยๆเป้นค่อยๆไป คุยกัน กอดกัน จับมือกัน โอะ ข้ามขั้นไปหน่อย แต่กลับมาจับมือแล้วนะ
ขอบคุณทุกคนที่ติชมนะคะ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านแล้วก็ชอบด้วย ดีใจมากๆ ฟิคไม่น่าจะเกินสิบห้าตอนก็จบและ..
เราวางพลอตตอนต่อตอนเลย มันเหมือนมันจะจบในตอนแต่ก็ไม่เชิงน่ะค่ะ วันนี้ไปแล้วน้า สวัสดีค่า
ความคิดเห็น