คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 果報 Kahō :: CHAPTER 03
果報 Kahō
Chapter 3
บนท้องฟ้ามันมีอะไรน่ามองขนาดนั้นนะ?
ปาร์คชานยอลเท้าแขนมองร่างโปร่งบางของคิมจงอินจากห้องเรียนชั้นหกของตัวเอง สองแขนที่เท้าเอนไปข้างหลัง พร้อมทั้งใบหน้าที่แหงนเงยขึ้นสู้ฟ้าจนเจ้าตัวต้องหยีตาลง และปาร์คชานยอลก็รู้สึกว่าคิมจงอินกำลังยิ้มเมื่อลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านไป
อดจะอิจฉาท้องฟ้าอยู่นิดหน่อยที่ได้เห็นรอยยิ้มของคิมจงอิน
แต่ก็แน่ล่ะ ปาร์คชานยอลมันแค่รุ่นพี่ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แค่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ คิมจงอินยอมให้เขาลากไปไหนมาไหนก็ถือว่าค่อนข้างมากแล้วสำหรับเด็กที่เก็บตัวอย่างคิมจงอิน
ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เมื่อคิมจงอินขยับเอนร่างลงนอนราบบนพื้นหญ้าสีเขียวสด หมวกแก๊ปสีดำสนิทถูกวางไว้ปิดหน้า ออกจะขัดใจเล็กน้อยที่เด็กประหลาดคิมจงอิน มานอนตากอากาศเย็นๆแบบนี้ แต่คนที่ดูท่าจะประหลาดกว่าก็คงตะเป็นปาร์คชานยอลที่เอาแต่ยืนเท้าแขนมองคนหลับอยู่นี่แหละ
ช่วงแขนยาวเอื้อมไปหยิบแผ่นกระดาษบรรทัดห้าเส้นที่ขีดเขียนตัวโน้ตต่างๆพร้อมเนื้อเพลงเอาไว้ ร่างสูงขยับอิงสะโพกกับขอบหน้าต่างพลางหันหน้าไปมองร่างคนที่หลับอยู่ไกลๆ ก่อนรอยยิ้มจะจุดขึ้นที่มุมปาก พร้อมทั้งโน้ตเพลงในกระดาษถูกขีดเขียนต่อด้วยประโยคที่ชานยอลรังสรรค์มันออกมา
너 이 세상에서 제일 빛나잖아 젤 낮은 이 곳까지 비춰
นอ อี เซซังเอซอ เชอิล บิชนาจานา (เจล นาชึน อี คซกาจี บีชวอ)
ที่รัก คุณเปล่งประกายยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดบนโลกนี้ ( ส่องประกายแม้ในที่มืดมิด)
เด็กประหลาดนั่นหนาวไม่เป็นหรือยังไง?
นี่ก็เป็นอีกวันที่ชานยอลเฝ้ามองร่างของคิมจงอินผ่านทางหน้าต่างห้องเรียนของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยยามที่เห็นว่าคนที่สมควรจะหนาวกลับไม่พกพาเสื้อโค้ทหรืออุปกรณ์กันหนาวใดๆทั้งสิ้น และแน่นอนว่าท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านกึ่งกับท่าทางลังเลของปาร์คชานยอลตกอยู่ในสายตาเพื่อนสนิทอย่างคริสอยู่ตลอดเวลา
“มึงจะอยู่อย่างงั้นอีกนานมะ”
“มึงจะเสือกเรื่องของกูอีกนานมั้ย?”
โอเคไม่ตอบไม่พอด่ากูกลับมาอีก ไม่หันมามองหน้ากันด้วย กูอยากจะรู้นักว่าไอ้นอกหน้าต่างมันมีอะไรน่าสนใจนักหนา และแน่นอนว่าคนอย่างคริสไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับตัวเองนาน ขายาวจัดการพาร่างเจ้าของมายืนเทียบเคียงเพื่อนสนิทพลางมองไปยังทิศเดียวกัน แต่ก่อนจะได้เห็นอะไรชัดตาของเขาก็ถูกมือใหญ่ของไอ้เพื่อนหูกางเข้ามาบังไว้เสียก่อน
“อย่าดู มันเสียของ”
โว๊ะ!! ห่าอะไรของมันวะ คริสชักจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ไอ้โย่งปาร์คชานยอลจัดการลากเขาออกมาให้ห่างจากหน้าต่างไม่พอ มันยังรูดม่านซะจนห้องเรียนมืดสนิท หันไปมองหน้าก็ไม่ได้อะไรมาเป็นคำตอบ พอจะเดินไปเปิดม่าน มันก็ขัดขาไว้อีก ปาร์คชานยอลพยักหน้าไปทางสวิตซ์ไฟหน้าห้อง เป็นอันรู้กันว่ามันจะให้เปิดไฟแทน แหม ไอ้ลูกเศรษฐีปาร์คชานยอล
คิมจงอินรู้สึกมึนไปชั่วขณะ ตอนที่เดินเข้ามายังลอคเกอร์ของตัวเองแล้วพบว่ามันถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เสียงซุบซิบยังคงดังไม่ขาดแต่จะให้จงอินสนใจก็คงเป็นไปไม่ได้ เขาชินเสียแล้วกับการถูกพวกลูกเศรษฐีทั้งหลายในโรงเรียนดูถูกดูหมิ่น สิ่งที่น่าสนใจคือลอคเกอร์ของเขามากกว่า บนประตูมีชื่อติดไว้ชัดเจนว่ามันเป็นของคิมจงอิน ป้ายท้อยที่ถูกห้อยไว้กับกุญแจ ทำให้ไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะรู้ดีคนที่มีสิทธิ์ใช้มีแค่รุ่นพี่ไม่กี่คนในโรงเรียนเท่านั้น
“เปิด”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ข้างหูทำให้จงอินเงยหน้ามองด้วยความงุนงง ที่จริงก็ไม่ได้งงเท่าไหร่ ออกจะตกใจเสียมากกว่า ปาร์คชานยอลยังคงยืนทำหน้านิ่งล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วจ้องหน้าคิมจงอินอย่างเอาเป็นเอาตาย มองข้ามไหล่ไปหน่อยก็เห็นคริสยืนพิงล็อคเกอร์ของใครสักคนอยู่ จากการที่ส่งสายตาถามตอบกันบ่อยครั้งทำให้จงอินเลือกจะเมินคริสไป ไม่ใช่อะไรหรอก รำคาญไอ้ยักคิ้วยักไหล่นั่นมาก
"มันไม่ใช่ของผม"
"ไม่ได้ชื่อคิมจงอินหรือไง"
"ชื่อคิมจงอินครับ"
"เออ งั้นก็เปิด"
อยากเถียงว่ามันไม่ใช่ลอคเกอร์ของเขา แต่สายตาปาร์คชานยอลบอกว่าถ้าเถียงไปอีกคำจงอินคงโดนผู้ชายตัวสูงเฉียด 2 เมตร นี่กระทำชำเราแน่ๆ(?) ถอนหายใจเล็กน้อย หันไปมองคนที่ยืนกดดันอยู่อีกครั้ง ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำที่นักเรียนทั้งห้องลอคเกอร์กำลังมองมาด้วยสายตางุนงง ปนสงสัย แต่สิทธินักเรียนโกลด์คลาสของปาร์คชานยอลมันก็มากพอที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่ง
จงอินค่อยๆกดไขกุญแจเปิดตู้ที่ห้อยป้ายสีทองไว้ แล้วตู้เหล็กของเขาก็เปิดออก คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรแปลก หันไปมองปาร์คชานยอลก็โดนถุงกระดาษสีน้ำตาลยื่นเข้าใส่หน้าจนแทบจะผงะ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่แน่ใจว่าปาร์คชานยอลต้องให้เขาแน่ๆ เพราะบนถุงด้านที่ยื่นมาให้ มีตัวหนังสือเขียนไว้ตัวใหญ่ๆ ด้วยลายมือที่คงตั้งใจคัดเต็มที่
คิม จง อิน
"ขอบคุณครับ"
ชานยอลพยักหน้ารับคำขอบคุณแล้วจึงหันหน้าเข้าหาตู้เหล็กอีกใบที่อยู่ข้างๆกัน จงอินมองด้วยสายตาแปลกใจปิดไม่มิด จนคนพี่ที่ยืนจัดของในล็อคเกอร์ต้องหันมาให้ความสนใจ
"อะไร"
"เปล่าครับ"
จงอินก็ยังคงเป็นจงอินที่ไม่ถามมากความเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง และชานยอลก็ไม่ใช่คนที่ช่างพูดอะไรมากมาย ต่างคนต่างก็หันหน้าไปสนใจของในล็อคเกอร์ตัวเองต่อ โดยที่ไม่มีใครเห็นรอยยิ้ใที่ประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ ไม่สนใจเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นเบาๆอีกครั้ง คริสกลอกตามองเพดานไปมา ถ้าหลอกตาเป็นรูปอินฟินิตี้ได้คริสทำไปแล้ว แอบเห็นหรอกนะว่าไอ้ชานยอลแม่งอมยิ้มจนแก้มมันขึ้นเป็นลูกเลย
แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ยืนข้างๆกัน
พอตกบ่ายสองขาพาเจ้าของร่างโปร่งมายังที่ประจำ หลังจากเมื่อเช้าที่ปาร์คชานยอลยื่นถุงกระดาษให้ จงอินก็เก็บมันไว้อย่างดีในลอคเกอร์ใหม่ของเขา จนตอนนี้เป็นคาบว่าง เขาถึงได้แวะไปหยิบมันก่อนจะเดินออกมายังที่ประจำ แต่ดูเหมือนว่า ที่ของคิมจงอิน จะไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป ปาร์คชานยอลอยู่ใกล้ๆกันตรงนั้น นั่งอยู่ตรงที่ที่จงอินเคยนั่ง กำลังจะขยับหันหลังกลับ แต่ก็ถูกเรียกไว้เสียก่อน จนต้องทรุดตัวลงนั่งข้างๆกัน แล้วไม่มีบทสนทนาอะไรดังออกมาอีก
จงอินขยับถุงกระดาษที่ได้รับมาเมื่อเช้าไว้บนตักเหลือบมองคนข้างๆเล็กน้อย แต่ปาร์คชานยอลดูไม่มีทีท่าจะสนใจ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับจงอิน มือหนึ่งคอยประคองถุงไว้ส่วนมืออีกข้างค่อยๆหยิบของในถุงนั้นออกมา เนื้อผ้าหนาที่สัมผัสอยู่กับฝ่ามือ ทำให้จงอินขมวดคิ้วแน่น หยิบออกมาดูก็พบว่ามันคือเสื้อโค้ตเนื้อหนาสีดำสนิท ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถาม เสียงทุ้มก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน
"หนาวก็ใส่"
"ขอบคุณครับ"
เลือกที่จะขอบคุณออกไป เพราะรู้ดีว่าปาร์คชานยอลคงไม่รับมันคืน สองมือพับเสื้อกับเข้าถุงลวกๆก่อนจะเท้าแขนเอนตัวไปข้างหลังอย่างที่เคยทำประจำ ใบหน้าแหงนเงยมองเมฆก้อนแล้วก้อนเล่าบนท้องฟ้าลอยผ่านข้ามหัวไป รอบๆตัวมีแต่ความเงียบแต่จงอินกลับไม่รู้สึกถึงความอึดอัด แม้ปาร์คชานยอลจะยังคงนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยก็ตาม
แล้วอยู่ๆเสียงผิวปากก็ดังคลอมาเบาๆกับสายลม ทำนองที่จงอินคุ้นหูอยู่เล็กน้อย ก่อนจะร้องอ๋อในใจตัวเองว่ามันคือเพลงที่ปาร์คชานยอลแต่ง จงอินรู้สึกว่าแขนขามันขยับไปเอง ท่วงทำนองเหล่านั้นมันทำให้เขาอยากขยับร่างกายตาม จนชานยอลที่มองไปข้างหน้าหันกลับมามอง แล้วเสียงผิวปากก็กลายเป็นเสียงบีทบอกซ์เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นพร้อมๆร่างกายจงอินที่ขยับไปตามเสียงเร้า ก่อนจะจบลงที่เสียงหัวเราะ เมื่อจงอินรู้สึกเขินขึ้นมาดื้อๆตอนที่เผลอกัดปากใส่ชานยอล จงอินทิ้งตัวนั่งลงไปขำกับพื้น พอๆกับชานยอลที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้ หลังจากรู้สึกว่าอะไรมันจ้าๆใส่ตา จงอินยังคงนอนหัวเราะเบาๆขยับหันหน้ามาทางชานยอลแล้วยิ้มให้อยู่แบบนั้น ปาร์คชานยอลขอสาบานด้วยความสัตย์จริง ว่าคิมจงอินยิ้มโคตรน่ารักเลย
"ผมตลกตัวเอง ตลกหน้าพี่ ฮ่าๆ หน้าผมตลกใช่มั้ยครับ ตอนที่กัดปากน่ะ"
เจ้าตัวยังหอบน้อยๆ แต่ไม่ได้หัวเราะจนกลิ้งเหมือนเมื่อกี๊อีกแล้ว แต่รอยยิ้มก็ยังประดับอยู่บนใบหน้า ปาร์คชานยอลไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขามานั่งยิ้มไม่หือไม่อือให้กับเด็กประหลาดคิมจงอินที่ยังคงนั่งหัวเราะกับท่าทางตลกๆ ของตัวเอง
แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรก ที่เรายิ้มให้กัน อืมม ครั้งแรกนั่นแหละ
#ฟิคความสุขชานไค
ขอโทษด้วยค่าที่หายไปวันเลยยย เราดีใจนะคะ ที่เปิดเข้ามาอ่านคอมเม้นแล้วมีคนชอบ
คือมันเป็นบรรยากาศเรื่อยๆที่เราอยากให้รู้ว่ามันไม่ต้องหวือหวา มันก็ยิ้มได้นะ อะไรประมาณนั้น
ไรท์เตอร์ไม่ค่อยชอบออกสื่อเท่าไหร่เลยค่า แต่ถ้าให้เล่นใหญ่ เดี๋ยวพระเอกก็จัดใหญ่เลยนะ
ขอบคุณทุกๆคำติชมนะคะ เราจะพยายามรักษาความเรื่อยๆของฟิคไปเรื่อยๆน้า
ขอโทษด้วยที่อัพช้า วันนี้ไปก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
ความคิดเห็น