คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2
TITLE CYCLE
PAIRING : CHANYEOL X KAI
นอกจากเครื่องแบบที่เราใส่แล้ว ข้อเดียวที่ผมเห็นว่าเราเหมือนกัน คือ “เราทั้งคู่เป็นผู้ชาย”
Chapter 2
หลังจากที่จงอินออกมาจากห้องน้ำแล้วพบว่าปาร์คชานยอลหลับเป็นตายอยู่บนเตียงของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทำทุกอย่างให้มันเงียบที่สุด เขาผ่านคืนแรกมาได้อย่างง่ายดาย และคิดว่าเช้าวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ติดที่ว่า...
“เฮ้ยยยยยยยยยยยย!!! สายยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
นี่ยังไงล่ะ... จงอินถอนหายใจขณะกำลังใส่คอนแทคเลนส์ของตัวเองค้างไว้ ปาร์คชานยอลที่หลับไปก่อนแต่ดันตื่นสายกว่า และตอนนี้กำลังแหกปากโวยวายไม่หยุด เชื่อเขาเลยจริงๆว่าตั้งสติดีๆก็จะรู้ว่ามันไม่ได้สายขนาดนั้น หมอนี่เป็นคนยังไงกันแน่? ทุกวันนี้มีสติหรือเปล่าเนี่ย?
“มันจะสายกว่านี้ถ้านายยังไม่ลุกไปอาบน้ำ” สุดท้ายเขาก็ต้องหันไปบอกบัดดี้ชั่วคราวทั้งที่ยังใส่คอนแทคไม่เสร็จให้ลุกไปอาบน้ำ ปาร์คชานยอลนั่งตาเหลือกอยู่บนเตียงหันมามองเขาด้วยท่าทางมึนงงสุดชีวิต อื้อหือ..ขนาดเห็นชัดแค่ข้างเดียวยังรู้สึกว่าสภาพมันดูไม่ได้เอามากๆเลยอ่ะ
ชานยอลดึงสติที่เหมือนจะหลุดไปแล้วให้กลับมาอีกครั้ง เขากระวีกระวาดลุกจากเตียงนอนแล้วก็รู้สึกว่าความยาวขาของตัวเองมันเป็นภาระมากที่สุด สาบานได้ว่ามันเป็นการอาบน้ำที่โคตรจะทำอะไรทุกอย่างพร้อมกัน เพราะเขาได้ยินเสียงประกาศลั่นรีสอร์ทว่าให้นักเรียนมารวมตัวเพื่อทานข้าวเช้าก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมในวันนี้
‘รับข้าวเช้าอะไรล่ะครับ! กูยังยืนฉ่ำอยู่ในห้องน้ำนี่เลย’
ชานยอลพุ่งตัวออกมาจากห้องน้ำด้วยความไวแสงแล้วพบว่าไอ้คนที่เสร็จก่อนมันยังถอนไถโทรศัพท์เล่นสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง เห็นแล้วมันก็หงุดหงิดอยู่นิดหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำหรับตอนนี้ ปาร์คชานยอลควรจะแต่งตัวให้มันเรียบร้อยแล้วเราก็จะได้ไปกินข้าวเช้ากัน
“นายไม่เช็ดผมให้แห้งหรอ?”
“รอแห้งก็เหี้ยแล้วครับ มึงเห็นมั้ยว่าเขาเรียกกินข้าวเช้าแล้ว”
“อ๋อ เขาเรียกตั้งนานแล้ว แต่ไม่ต้องรีบหรอก ให้เซฮุนหยิบไว้ให้แล้ว”
เคยรู้สึกเหมือนมีอีกาบินผ่านแล้วทิ้งจุดเอาไว้สามจุดมั้ย? เออ ชานยอลก็รู้สึกแบบนั้นนั่นแหละ บัดดี้ของเขาเป็นคนประเภทกันวะ? คนประเภทไหนกันที่มันดูใสซื่อแล้วก็กวนตีนไปพร้อมๆกันได้ขนาดนี้
กวนตีนตาใสงั้นหรอ?
แต่เอาเถอะ มันก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันที่คิมจงอินเป็นคนแบบนี้ อย่างน้อยปาร์คชานยอลก็ไม่ต้องรีบออกไปจากห้องทั้งที่หัวเป็นแป้งเปียกแบบนี้ ขายาวเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบไดร์เป่าผมที่อยู่ในลิ้นชักใต้เคาท์เตอร์ออกมาเสียบหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง อา..ไหนๆก็มีคนเก็บข้าวไว้แล้ว ขอหล่อหน่อยก็แล้วกันวะ
แกร๊ก
หืม...
แกร๊ก แกร๊ก
จงอินละสายตาจากหนังสือออนไลน์ที่เขาโหลดใส่โทรศัพท์ไว้ไปทางต้นเสียงน่ารำคาญตรงหน้า ปาร์คชานยอลกำลังยืนทำหน้าโง่ๆใส่ไดร์เป่าผมที่เปิดไม่ติด มือก็กดปุ่มปิดเปิดจนมันดังแป๊ะๆน่ารำคาญ เกือบจะไม่สนใจแล้วถ้าไม่เห็นว่าปาร์คชานยอลเงื้อแขนทำท่าจะโยนมันลงพื้น
"เฮ้! นี่นายจะทำอะไรน่ะ"ลุกพรวดขึ้นจากเตียงพุ่งไปหาปาร์คชานยอลที่ยังยืนเขย่าไดร์เป่าผมด้วยสีหน้าที่คงใกล้จะหมดความอดทนเต็มที "เอามานี่มา"
"เขย่ามันไง เปิดไม่เห็นติด"
จงอินมั่นใจว่าเขาต้องเผลอทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจใส่ชานยอลไปแน่ๆแต่มันจะมีสักกี่คนบนโลกที่เขย่าไดร์เป่าผมที่เปิดไม่ติด แทนที่จะย้ายปลั๊กเสียบน่ะ?
ชานยอลมองคิมจงอินเดินถือไดร์เป่าผมไปนั่งบนเตียงของเจ้าตัวด้วยสายตาไม่เข้าใจ แล้วก็ต้องร้องอ๋อเมื่อคิมจงอินเสียบปลั๊ก กดเปิดเครื่อง แล้วไดร์เป่าผมทำงาน ชานยอลเดินมาใกล้แล้วนั่งลงบนเตียงแทนที่จะรับไดร์เป่าผมมา
"เป่าให้หน่อย" ไม่พูดเปล่า ยังจับมือของจงอินให้ไดร์เป่าผมหันมาจ่ออยู่ที่หัวของตัวเองอีก เหลือเชื่อเลยให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลนี่เป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยใช่มั้ย แต่ถึงจะคิดแบบนั้นจงอินก็ยังคงหันไดร์เป่าผมมาแล้วจัดการขยี้เส้นผมที่เปียกหมาดของผู้ชายที่นั่งตรงหน้าอย่างนุ่มนวล
จะถือว่าเป็นค่าใจดีที่เมื่อคืนยอมเปิดไฟนอนก็แล้วกัน
เสียงซุบซิบดังขึ้นทันทีที่ปาร์คชานยอลและคิมจงอินโผล่ขึ้นที่สุดประตูห้องทานอาหาร ผ้าผูกแขนสีส้มยังคงทำหน้าที่ของมันเหมือนเดิม จงอินผูกมันไว้ที่ข้อมือผิดกับปาร์คชานยอลที่เลือกข้อมือมาพอสมควร แล้วอีกอย่างที่แปลกตาไปก็คือ เส้นผมที่เคยเซตตั้งเป๊ะทุกครั้ง วันนี้กลับถูกปล่อยลงปิดหน้าผาก แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าปาร์คชานยอลในมุมนี้ก็หล่อไม่เบาเลยเหมือนกัน
"แกะข้อมือก่อนกินข้าวมั้ย"
"ไม่เป็นไร ฉันกินมือซ้ายได้"
ในเมื่อปาร์คชานยอลบอกแบบนั้นจงอินก็ไม่ที่จะถามต่อ เขาเดินตรงไปยังโต๊ะเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ข้าวสองจานพร้อมช้อนส้อมถูกวางรอไว้แล้ว จื่อเทากับเซฮุนกินอิ่มไปแล้วแต่ที่ยังไม่ยอมลุกเพราะกำลังรอให้จงอินกับปาร์คชานยอลมาถึงเสียก่อน เทาหรี่ตามองสองคนที่เข้ามาใหม่อย่างจับพิรุธ แต่ทุกอย่างก็ดูปกติจนเกินไป
"ทำไมมาช้า?"
"กูตื่นสายเอง ขอโทษด้วย"
คนที่ตอบออกมาคือบัดดี้ของเพื่อนสนิทเขา เทาเลิกคิ้วมองคนที่รู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุก่อนที่จะหันมาสนใจเพื่อนของตัวเองที่นั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังเป็นที่สนใจของคนอื่นมากสักแค่ไหน พอหันกลับไปมองปาร์คชานยอล ไอ้หมอนี่ก็ยังคงทำตัวไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอื่น ก็นะ...ดูจะไม่มีอะไรแฮะ
จงอินไม่ใช่คนช่างพูด แต่ไหนแต่ไรเขาชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเสียงเพลงกับหนังสือของเขามากกว่า เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบเมื่อเทาไม่ได้ต่อบทสนทนา เสียงช้อนกระทบกับจานดังซ้ำๆขึ้นหลายครั้ง จนจงอินต้องหันไปมองบัดดี้ของเขานี่นั่งหน้าหงิกพยายามใช้มือซ้ายตักข้าวเข้าปาก ที่ดูท่าจะเป็นได้ยากเย็นเหลือเกิน
"ไม่แดกแม่งซะดีมั้ย"
นั่นไง.. จงอินลอบยิ้มกับตัวเองตอนที่ได้ยินเสียงอีกคนกระซิบเสียงเบาแบบนั้น แต่ปาร์คชานยอลคงลืมไปว่าพวกเรานั่งใกล้กันมากขนาดนี้เขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะได้ยินตัวเองสบถเหมือนกัน แต่จากการอยู่ด้วยกันมาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนจงอินก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าบัดดี้ของตัวเองอารมณ์ร้อนขนาดไหน
"ค่อยๆสิครับ ตักแบบนั้นก็ไม่ขึ้นหรอก"
กระซิบตอบกลับไปเสียงเบา และเพราะว่าคิมจงอินพูดเบามากปาร์คชานยอลเลยต้องขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนให้มากขึ้นไปอีก เลยกลายเป็นว่าชานยอลเอียงหน้าเข้าไปหาจนปากของคิมจงอินแทบจะนาบเข้าข้างแก้มแล้ว แน่นอนว่าคนร่วมโต๊ะอย่างฮวางจื่อเทาไม่พลาดที่จะนั่งทำตาโต สองมือก็จะกิดเรียกเซฮุนยิกๆ ผิดกับสองคนที่กำลังจะตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง จงอินขมวดคิ้วแล้วกระซิบย้ำประโยคเดิมกลับไปอีกที
"มันกินไม่ถนัด"
"นายใจร้อนเอง"
"อุวะ..."
"นี่ไง"
ให้ตายเถอะคิมจงอินนี่มันกวนตัวกวนตีนกวนใจดีเหลือเกินจริงๆ ชานยอลแทบอยากจะทิ้งช้อนใส่จมูกทู่ๆกับหน้ามึนๆที่หันมามองเขาให้มันรู้แล้วรู้รอด แล้วก็จะทำแล้วด้วย ถ้าไม่ติดว่าอยู่ดีๆ ช้อนสีเงินพร้อมกับข้าวคำโตยื่นมาจ่อตรงหน้าเขาเสียก่อน เด็กหนุ่มขี้โมโหเลิกคิ้วมอง แต่คิมจงอินก็ยังคงไม่ตอบอะไรเขามากไปกว่าการยื่นเช้าเข้ามาใกล้ปากมากยิ่งขึ้น พอไม่กินแทนที่จะหดแขนกลับไป ป่าวเลยไอ้คนหน้ามึนมันก็ยังยื่นแขนค้างไว้แบบนั้น จนสุดท้ายชานยอลเป็นฝ่ายแพ้ไปเอง
"เออ กินก็ได้ ให้คนอื่นป้อนข้าวนี่แม่งไม่แมนเลยว่ะ" ถึงจะกระซิบเบาแค่ไหน คิมจงอินก็ยังได้ยินอยู่ดีนั่นแหละ แต่ถึงจะได้ยินแบบนั้นคิมจงอินก็ยังคงตักข้าวกินเองคำนึงตักป้อนบัดดี้ของตัวเองคำนึง โดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ตอนนี้นั่งเบิกตากว้างอ้าปากค้างกันทั้งสายชั้นไปแล้ว...
......ป้อนข้าวกันขนาดนี้!!! คืนเดียวนี่บัดดี้เขาสนิทกันขนาดนี้เลยหรอวะ!!!!........
หลังจากเป็นทอปปิค(ขี้ปาก)ชาวบ้านแบบไม่รู้ตัวที่ห้องอาหารไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่นักเรียนทุกคนต้องออกไปหาข้อมูล คราวนี้คณะบัดดี้คู่รักก็กลายเป็นที่จับตามองของทุกคนอีกครั้ง แววความหวานแบบชอคโกแลตชั้นดีนี่ส่งกลิ่นกรุ่นมาแต่ไกล เทาตกลงกับเซฮุนว่าวันนี้พวกเขาทั้งคู่จะเดินตามเพื่อนรักแบบห่างๆ อย่างไม่รู้ตัว...
"ไม่ไปหาข้อมูลของตัวเองกันหรอ?"
ถึงกับนิ่งค้าง ตอนที่คิมจงอินเอี้ยวตัวหันกลับมาถามทั้งที่มือยังถูกผูกติดไว้กับปาร์คชานยอล ขาก็ก้าวตามเขาไปเรื่อย นี่ถ้าเป็นแฟนกัน เทาจะตะโกนแซวไปเลยว่าแม่งติดแฟน แต่ประเด็นคือมันไม่ใช่ แล้วก็ถ้าตะโกนออกไปแบบนั้นมีหวังปาร์คชานยอลได้ซัดเขาลงไปกองบนพื้นแน่
"ไปดิ"
"งั้น.../ ทำงานของเราเถอะน่า"
อุวะ!!! นี่มันอะไรกัน หึงแล้วเหรอ? มีการเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนสนิทกูอีกแหนะ! ปาร์คชานยอลนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกัน แต่ทุกอย่างมันล้วนเกิดจากการมโนของเทาเองล้วนๆ ผิดกับเซฮุนที่กระตุกแขนเขายิกๆราวกับบอกให้ดูเหตุการณ์ตรงหน้า เออครับ เบ้บครับ เห็นแล้วครับ คาตาเลยครับเนี่ย
"เทา..เทาา..."
"อืมมม รู้แล้วน่า..."
"ปาร์คชานยอลกับคิมจงอินเนี่ยนะ"
"อืม... อย่างที่เห็นนั่นแหละ"
ใช่...อย่างที่เห็นนั่นแหละ... เดินกุมมือกันไปนู่นนนแล้วนั่นไง
กิจกรรมอย่างแรกที่ต้องทำในช่วงเช้าคือเก็บข้อมูลพิพิธภัณฑ์เทดดี้แบร์ แล้วคนหยาบกระด้างแบบปาร์คชานยอลก็ไม่นึกพิศวาสอะไรไอ้หมีขนฟูตัวกอดอุ่นแบบนี้แน่ๆ ประกอบกับหน้าตาที่เป็นมิตรกับแค่พ่อแม่ตัวเองเท่านั้น หน้าที่สอบถามและรวบรวมข้อมูลจึงตกเป็นของคิมจงอินไปโดยปริยาย
"คุณไม่ลองคุยกับพนักงานที่นี่ดูบ้างหรอครับ?"
เสียงของคิมจงอินถามขึ้น ในขณะที่เราเดินมานั่งพักบริเวณที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ชานยอลกระดกน้ำอึกใหญ่ลงคอแล้วหันมองคนถามอีกครั้ง แต่นอกเสียจากสายตาที่มองมาแบบพาซื่อแล้วชานยอลก็ไม่ได้อะไรจากดวงตาคู่นั้นอีกเลย..
"นายคิดว่าหน้าตาฉันมันรับแขกมากขนาดไหนกัน"
"ก็พอตัว"
...กึก...
ชานยอลชะงักมือที่กำลังจะกระดกขวดน้ำขึ้นดื่มก่อนจะหันหน้ามองไอ้คนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆเขา คิมจงอินยังคงนั่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้ดูสบายๆเล่นขวดน้ำในมือ ไม่ได้จะสนใจหรอกว่าไอ้ที่พูดมาเมื่อครู่นี้ทำเส้นเอ็นเท้าใครเขากระตุกไปบ้าง
"นี่ตั้งใจกวนตีนกันหรือเปล่า?" ถามลองเชิงไปก่อน จากประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้รู้ว่าคนอย่างคิมจงอินนี่คาดเดาไม่ได้ไม่ว่าจะจากอะไรก็แล้วแต่ พอเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วมองพลางเอียงหัวน้อยๆ ชานยอลถึงได้ยิ้มแล้วก็พูดในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดออกมา
“ฉันไม่ใช่คนเข้าหาคนอื่นเก่งนักหรอก” เขามองคิมจงอินที่มองมาทางเขาด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ “อย่างที่นายเห็นฉันอารมณ์ร้อน มันทำให้ดูให้ไม่น่าเข้าหาไปพร้อมๆกันอีกด้วย”
จงอินครางรับยาวๆในลำคอ เขาเห็นด้วยกับในข้อนี้ เพราะเท่าที่อยู่ใกล้ชิดกันมาวันกว่าๆ ปาร์คชานยอลอารมณ์ร้อนอย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เอะอะโมโห เอะอะใช้กำลังให้ได้อย่างใจขนาดนั้น เด็กหนุ่มมองบัดดี้ตัวเองที่ดูจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ความจริงมันก็ไม่ใช่นั่นแหละ แต่อยู่ๆจงอินก็รู้สึกว่าถ้าปาร์คชานยอลกลายเป็นคนใจเย็นขึ้นมาสักนิดนึงล่ะ
แรงสะกิดที่แขนเสื้อทำให้คนที่กำลังนั่งคิดถึงเตียงนุ่มๆท่ามกลางห้องนอนที่เป็นอาณาจักรของตัวเองหันกลับมาสนใจปัจจุบัน ปาร์คชานยอลเลิกคิ้วถาม และพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้คิมจงอินพูดอะไรก็ตามที่ตัวเองคิดออกมาได้
“งั้นต่อไปเราเปลี่ยนกัน เดี๋ยวนายหาข้อมูล ส่วนฉันจะถ่ายรูปเอง”
คิดอีกที..ไม่น่าให้พูดแม่งออกมาดีมั้ยเนี่ย!!
มันกลายเป็นเรื่องร้อนนรกแตกสำหรับปาร์คชานยอลที่ต้องคอยยิ้มแล้วเดินเข้าไปสอบถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ถึงส่วนต่างๆ เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์หมีที่พวกเขาต้องการถ่ายรูปและเก็บข้อมูล บางครั้งที่เจอไกด์นำเที่ยวชานยอลเกือบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าคิมจงอินกระตุกแขนเสื้อให้เขาหันไปดู
“ไหนมาดูหน่อย ได้ข้อมูลอะไรไปแล้วบ้าง” จงอินถามขึ้นอีกครั้งตอนที่พวกเรากลับมานั่งพักเบรกกันที่เดิม ปาร์คชานยอลทำท่าอยากจะโยนสมุดจดเล่มเล็กคืนเขามาให้รู้แล้วรู้รอด จงอินจะไม่แสดงออกว่าขำมากขนาดไหนให้ปาร์คชานยอลเห็นแน่นอน ไม่มีทาง
“เล่นบ้าอะไรของนายกันวะเนี่ย"
ชานยอลกำลังหงุดหงิด เขาหัวเสียมากกับการที่พยายามฉีกยิ้มให้กับสาวสวยประชาสัมพันธ์ตามแต่ละจุดที่พวกเขาไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆที่จะยิ้มให้พวกเธอทั้งที่พวกเธอบอกในสิ่งที่เขาต้องการช้ามาก มันช้ามาก! จนกลายเป็นอ้อยอิ่งไปเลยด้วยซ้ำ แทบอยากจะกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วบอกว่า ส่งข้อมูลมาให้กูสักทีเถอะ แต่ก็ไม่เลวพอ ถึงจะต่อยตีมาทั่วทุกสารทิศ แต่ปาร์คชานยอลก็ยังเป็นคนดีพอที่จะไม่ทำผู้หญิง
"ทำไมนายถึงได้ดูหงุดหงิดขนาดนั้น?"
"ฉันไม่ชอบรอ"
จงอินกลอกตาไปมา เขากำลังคิดหาวิธีรับมือกับผู้ชายใจร้อนคนนี้ เพราะยังไงเราก็ต้องร่วมงานกันอีกสักพัก ไอ้รายงานนี้อาจจะให้เวลาศึกษาแค่สามวันแต่หลังจากนั้นคงต้องติดต่อกันเพื่อทำเป็นรูปเล่มส่งอาจารย์เป็นแน่ จากสิ่งที่อาจารย์ต้องการแล้ว คิมจงอินคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยทีเดียว
"ปาร์คชานยอล.." เจ้าของชื่อหันมองหาคนที่เรียกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง จะเรียกว่าจริงจังก็ไม่ถูกหรอก เพราะคิมจงอินมักจะใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดคุยกับเขาเสมอ นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ไม่หักคอบัดดี้ที่กวนตีน กวนตัว แบบนี้ไปตั้งแต่ตอนที่นอนแหมะเขาอยู่บนรถ
"พูดมาดิ เรียกแล้วเงียบ เรียกทำไม"
"อะไรที่ทำให้นายใจเย็นลงได้บ้าง?"
ขมวดคิ้วกับคำถามที่อีกฝ่ายตั้งขึ้น กำลังใช้สมองรวบรวมสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เด็กจนโต.. อะไรบ้างงั้นหรอที่ทำให้เขาใจเย็น.. ถ้าไม่นับครอบครัว สิ่งที่ทำให้ปาร์คชานยอลใจเย็นได้ก็คงมีแค่..
"เสียงเพลง"
นับว่าเป็นคำตอบที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก จงอินไม่รู้ว่าเขาหลุดทำหน้าตาออกไปแบบไหน ปาร์คชานยอลถึงได้กลับมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขาเสียแบบนั้น แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่น้อย ก็มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจไม่ใช่หรือไง ผู้ชายใจร้อนที่เอะอะก็จะบวกกบาลคนอื่นใจเย็นลงได้ด้วยเสียงเพลงเนี่ยนะ?
"เดาว่ามันคงเป็นแนว ร็อค เมทัล อะไรแนวนี้ใช่มั้ย?"
"เปล่า...พวกเพลงบรรเลง เพลงที่ฟังสบาย R&B POP คลาสสิค อะไรก็ได้ที่ฟังสบาย ฉันก็ฟังหมดนั่นแหละ"
ถ้าร้องว้าวออกมาแล้วไม่โดนหาว่ากวนตีน จงอินก็คิดว่าคงอยากร้องว้าวออกมาดังๆเหมือนกัน แนวเพลงที่พึ่งค้นพบจากผู้ชายใจร้อนทำให้จงอินรู้สึกว่าโลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่มันไม่ลงตัวกันอีกเป็นหมื่นเป็นแสนเรื่อง อย่างเช่นเรื่องนี้เป็นต้น ผู้ชายใจร้อนที่ทำตัวเป็นอันธพาล เกิดมีดนตรีในหัวใจ ซ้ำยังเป็นแนวที่ห่างไกลกับนิสัยพื้นฐานของตัวเองเสียอีกด้วย
"ทำไม? ชอบเพลงคลาสสิคแล้วมันแปลกหรอ" พอเห็นว่าคิมจงอินทำหน้าตาเหลือเชื่อ ชานยอลก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ ไม่เคยเห็นคนชอบแนวเพลงคลาสสิคหรือไงวะ
"แปลก" อ้าวไอ้นี่-_- เกือบจะหงุดหงิดกว่าเดิมแล้วถ้าคิมจงอินไม่ขยายความประโยคนั้นออกมาเสียก่อน "ก็นายดูใจร้อนเกินกว่าจะฟังเพลงทำนองสบายๆแบบนั้นได้เลย"
"ก็เพราะทำนองแบบนั้นมันทำให้ฉันสงบไง"
"......"
"นายไม่เคยลองฟังเสียงกีต้าร์ที่เกลาไปเรื่อยๆงั้นหรอ?" ปาร์คชานยอลหันมองคนที่นั่งมองเขาด้วยสายตาใคร่รู้ คิมจงอินนี่เด็กชะมัด แต่ก็ดูเป็นคนที่เข้าใจยากอยู่เหมือนกัน บนความเรียบง่ายของเจ้าตัวแล้ว สำหรับปาร์คชานยอล ยังมีอะไรอีกหลายเกี่ยวกับคิมจงอินที่เขายังไม่เคยเห็น แล้วอยู่ๆ ผู้ชายใจร้อนก็เกิดอยากจะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาซะอย่างงั้น
"ไว้กลับไปที่โซล ถ้าว่างจากตอนทำรายงานจะเล่นให้ฟังก็แล้วกัน"
แล้วกฎข้อแรกของการอยากรู้อยากเห็น เขาต้องกลายเป็นคนใจเย็นซะแล้วสิ
#ฟิควงกลมชานไค
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.... อยากมีกลับเมืองหลวงแล้วผู้ชายหล่อๆเล่นกีต้าร์ให้ฟังบ้างจังเหลยยยยย
55555555555555555555555+ หมั่นไส้พระเอกอ่ะ ดูหล่อ ดูคูล ดูกะโปก ดูแม่งเป็นผู้ชายครบรสดี 5555555555555555555555 อ่านเอาฮา เอาสนุกๆ เอาขำๆนะคะ รักทุกคนนนนนนนนนน ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณที่ติชมเป็นกำลังใจ ส่วนไหนผิดพลาด ติชมได้ทันทีเลยค่า วันนี้ไปและน้าาา เลิ้บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ความคิดเห็น